เรื่องเล่าถึงความเกี่ยวข้องและเมตตาของหลวงปู่ดู่-หลวงพ่อเกษม เขมโก

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 14 มิถุนายน 2010.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,895
    [​IMG]

    สองพระอริยะในดวงใจ
    หนึ่งพระอรหันต์เจ้าและอีกหนึ่งพระโพธิสัตว์บารมีเต็ม

    “…เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๓๑ วันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้าแต่งหน้ากำลังจะไปรับลูกที่โรงเรียน
    ก็สังเกตเห็นว่าคอของตนเองบวมจึงไปโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์เพื่อทำการตรวจ
    แพทย์พบว่ามีก้อนเนื้อขนาด เท่าลูกมะปรางอยู่ในคอ
    แพทย์บอกว่าอาจจะเป็นเนื้อร้ายต้องผ่ามาพิสูจน์ เมื่อรู้ดังนั้นข้าพเจ้าก็รีบเดินทางไปหาหลวงพ่อดู่ที่วัดสะแก
    พอไปถึงก็กราบเรียนท่าน ท่านพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ไม่ปงไม่เป็นหรอกมะเร็ง”

    แล้วท่านก็เล่าให้ฟังว่ามีชาวบ้านมาหาท่าน เขาเป็นมะเร็งในมดลูก
    ท่านทำมือให้ดูว่าก้อนเนื้อมีขนาดเท่าลูกส้มโอ หมอบอกว่าต้องผ่าตัด
    เขากลัวมากเลยมาหาท่าน ท่านก็เมตตาให้เขาดื่มน้ำมนต์และให้ภาวนาไปด้วย
    ชาวบ้านผู้นั้นก็ปฏิบัติตามคือดื่มน้ำมนต์และภาวนาพุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณังคัจฉามิ อย่างเคร่งครัดจนครบ ๓ เดือน
    ก็ไปหาหมอตรวจดูปรากฏว่าก้อนเนื้อนั้นได้หายไปอย่างน่าอัศจรรย์

    หลังจากที่ท่านเล่าให้ฟังแล้วท่านก็เมตตาอธิษฐานจิตดอกบัวให้ข้าพเจ้านำกลับไปต้มกับน้ำมนต์
    ดื่มเป็นประจำทุกวันและให้ภาวนาไตรสรณคมน์ไปด้วย

    คืนหนึ่งข้าพเจ้านอนหลับฝันไปว่า ข้าพเจ้ากับสามีนั่งอยู่ในเรือลำหนึ่งโดยนั่งข้างหน้าและมีคนนั่งอยู่กันเต็มลำ
    เรือลำนี้มุ่งหน้าข้ามไปยังเกาะกลางทะเล บนเกาะมีคุณตาคุณยายนั่งอยู่ในกระท่อม

    พอไปถึงคนทั้งหลายก็ขึ้นฝั่ง ไปให้ท่านทั้งสองรักษาโรคให้ด้วยการเป่า
    เมื่อท่านทั้งสองเป่ารักษาให้คนทั้งหลายก็หายจากโรคภัยไข้เจ็บในทันทีแล้วพากันกลับลงเรือ
    ส่วนข้าพเจ้าเป็นคนสุดท้ายที่เข้าไปขอให้ท่านทั้งสองช่วยรักษา
    คุณตาคุณยายกลับบอกว่า “ข้าช่วยเอ็งไม่ได้”
    ได้ยินเพียงเท่านี้ข้าพเจ้าก็ร้องไห้อ้อนวอนขอให้ท่านทั้งสองช่วยด้วยเถิด
    และข้าพเจ้ายังตัดพ้อว่าคนอื่นเขามากันเต็มลำเรือท่านยังช่วยได้ทำไมเราคนเดียวท่านไม่ช่วย

    อ้อนวอนทั้งน้ำตาอยู่นานก็ไม่เป็นผล ข้าพเจ้าจึงเดินร้องไห้กลับมาเพื่อจะลงเรือ
    ทันทีนั้นก็ได้ยินเสียงท่านเรียกแล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้มีคนเดียวที่ช่วยได้”
    ข้าพเจ้ารีบถามว่าเป็นใคร ท่านก็บอกว่า “หลวงพ่อเกษม เขมโก ที่ลำปาง”

    ข้าพเจ้าจึงพูดว่าหลวงพ่อเกษม เขมโกท่านพบยาก ไปก็ลำบากไม่รู้จักใครที่จะพาไป
    ท่านบอกว่าให้ไปอยุธยาแล้วจะมีคนพาไป

    เมื่อตื่นขึ้นมาข้าพเจ้าก็รีบไปหาหลวงพ่อดู่ที่วัดสะแกทันที ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณบ่าย ๓ โมงแล้ว
    ข้าพเจ้ากราบเรียนท่านให้ฟังถึงความฝัน ท่านก็เลยพานั่งสมาธิ
    กำหนดพาข้าพเจ้าไปกราบหลวงพ่อเกษม เขมโก ที่สุสานไตรลักษณ์แล้วนิมนต์หลวงพ่อเกษม เขมโกมาวัดสะแก

    เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่งนักที่ หลวงพ่อเกษม เขมโก ท่านมาให้เห็นเป็นกายเนื้อนั่งอยู่ด้านขวามือของหลวงพ่อดู่
    แล้วข้าพเจ้าก็กราบเรียนท่าน หลวงพ่อเกษมท่านก็รักษาให้โดยการเป่า
    หลวงพ่อดู่ท่านยังเมตตาฝากข้าพเจ้ากับหลวงพ่อเกษมว่า
    วันข้างหน้าหากข้าพเจ้ามีอะไรติดขัดก็จะขอให้กราบเรียนหลวงพ่อเกษม เขมโก ซึ่งท่านก็พยักหน้ารับ
    ข้าพเจ้านึกรู้ทันทีว่าหลวงพ่อดู่จะต้องละสังขารก่อนหลวงพ่อเกษม แน่นอน

    พอกลับมาบ้านอาการที่เป็นอยู่ก็ไม่ทรุดโทรมแต่ค่อย ๆ ดีขึ้น
    ทว่าหลังจากที่หลวงพ่อดู่ท่านละสังขาร ข้าพเจ้างานยุ่งมากทำให้จิตไม่ค่อยมั่น ภาวนาบ้างไม่ภาวนาบ้าง
    แล้วก็เชื่อผู้อื่นที่หวังดีแนะนำไปหาหมอหลายหมอ จิตจึงไม่นิ่งนั่งสมาธิไม่ค่อยดี
    ร่างกายจึงเริ่มทรุดโทรมต้องเข้าโรงพยาบาลผ่าตัด เมื่อผ่าตัดเสร็จและฟื้นขึ้นมา
    ข้าพเจ้าได้เห็นวิญญาณของผู้ชายคนหนึ่งกลายเป็นไก่ตัวผู้ตัวใหญ่มากยืนอยู่
    เห็นเหนียงที่คอยาวจนเกือบถึงพื้น เขาบอกว่าข้าพเจ้าเคยช่วยแม่จับขาเขาทำร้ายเขาถึงชีวิต
    ไปทำเขาไว้เขาโกรธก็เลยตามมาจะแก้แค้น รอโอกาสที่จะแก้แค้นข้าพเจ้ามานานจนกระทั่งตัวเขาแก่มากเหนียงยาวเกือบถึงพื้น

    หลังจากผ่าตัด ๖ เดือนหมอก็ให้กลืนน้ำแร่ฆ่าเชื้อและป้องกันมะเร็งที่คอ ๗ วัน
    วันแรกประมาณบ่าย ๓ โมง กลืนน้ำแร่หยดเล็ก ๆ พอบ่าย ๕ โมงคอเริ่มบวมแดงไปหมดกลืนน้ำลายกลืนน้ำไม่ได้
    ต้องนอนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม เตียงที่นอนล้อมรอบด้วยแผ่นตะกั่วกันรังสีอยู่คนเดียวห้ามเยี่ยม
    หมอและพยาบาลจะเข้ามาต้องใส่ชุดกันรังสี ข้าพเจ้าเกิดอาการแพ้มากจึงกดออดเรียกหมอบอกหมอถึงอาการ
    แต่หมอก็ไม่เชื่อคงเพราะกรรมมาบังไว้
    ตอนทุ่มครึ่งพยาบาลนำยานอนหลับมาให้ทานก็แอบเอาไว้ไม่ยอมทาน

    ข้าพเจ้าสวดมนต์ไหว้พระ-รับศีลเพื่อเตรียมตัวตาย
    เพราะจำได้ว่าหลวงพ่อดู่ท่านสั่งแล้วสั่งอีกเป็นสิบ ๆ ครั้งก่อนที่ท่านจะละสังขารว่า.. “ก่อนตายสำคัญมากต้องมีสติภาวนารักษาศีล”
    และเนื่องจากข้าพเจ้าเคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเขียนไว้ว่า
    ก่อนตายให้นึกถึงพระนิพพานและให้ภาวนาว่า “นิพพานัง ปรมัง สุขัง”

    ข้าพเจ้าจึงได้ทำตามแล้วก็นอนทำสมาธิภาวนาไปเรื่อย ๆ จิตก็ดี
    พอภาวนาไปได้พักหนึ่งจิตก็หวนคิดถึงลูกคนเล็กซึ่งมีอายุเพียงขวบกว่าๆ
    เกิดความคิดว่าเมื่อตายแล้วหากไปนิพพานก็จะไม่ได้กลับมาเห็นลูกอีก
    เลยเปลี่ยนคำภาวนาเป็น พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ จิตก็รวมดี

    ไม่นานนัก ข้าพเจ้าก็เห็นตัวเองสวมชุดขาวออกเดินไปในทุ่งอันกว้างใหญ่
    มีต้นข้าวเขียวขจีอ่อนพลิ้วไปตามกระแสลม
    ทันใดนั้น ข้าพเจ้าก็เห็นดวงสว่างปรากฏขึ้นและเห็นหลวงพ่อดู่ท่านมา จึงรีบตรงเข้าไปกราบท่าน
    ท่านก็พาไปยังกุฎิที่ท่านอยู่ ซึ่งหน้ากุฎิท่านนั้นมีลำธารเป็นแก้วใส
    และมีต้นโพธิ์ทองแก้วเป็นแก้วใส ๒ ต้นสูงประมาณ ๒ เมตรอยู่ด้านหน้ากุฎิ

    ท่านนั่งห้อยขาอยู่บนกุฎิ ซึ่งเป็นทองสวยอร่ามมาก
    ข้าพเจ้าก็เข้าไปกราบท่านแล้วบอกว่าจะขออยู่กับท่านตลอดไปไม่กลับ
    ท่านก็บอกว่า “อยู่ไม่ได้บุญยังไม่พอ”

    ข้าพเจ้าร้องไห้ทวงสัญญาว่าหลวงพ่อเคยรับปากลูกว่าจะให้ลูกเกาะชายผ้าเหลืองไปทุกภพทุกชาติลูกจะไม่ขอกลับไปแล้ว
    ท่านจึงพูดว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกันลงไปทำความดีอีก ๑๐ ปี…แล้วค่อยว่ากันใหม่”
    ก็เลยตกใจตื่นขึ้นมา ดูนาฬิกาเป็นเวลาเกือบตี ๔ และเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
    เพราะอาการที่ป่วยอยู่ทุกอย่างได้เริ่มหายเป็นปกติ
    ข้าพเจ้าอยู่โรงพยาบาลครบ ๗ วัน ก็ได้กลับบ้าน และหายจากโรคร้ายอย่างเด็ดขาดไม่มีอาการเจ็บป่วยอีกเลย

    ข้าพเจ้าได้แต่กราบแทบเท้าหลวงพ่อทั้งสองเพื่อขอบพระคุณที่ท่านมีเมตตาอนุเคราะห์ให้
    ความช่วยเหลือข้าพเจ้าและครอบครัวในทุก ๆ เรื่องตลอดมากระทั่งทุกวันนี้…”

    หลวงปู่เกษม พระอริยเจ้าที่หลวงปู่ดู่ให้ความเคารพมาก กล่าวกับลูกศิษย์ว่า
    “อยากฟังธรรมะ ให้ไปหาท่านพุทธทาส อยากไหว้พระปฏิบัติดี ให้ไปไหว้หลวงพ่อดู่ วัดสะแก”


    เรื่องเล่าถึงความเกี่ยวข้องและเมตตาของหลวงปู่ดู่-หลวงพ่อเกษม เขมโก
     
  2. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    [​IMG]

    อนุโมทนาสาธุด้วยครับ
    มาเพิ่มเรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงปู่ดู่และหลวงพ่อเกษมครับ

    เช้ามืดวันหนึ่งที่กุฎิหลวงปู่ เมื่อราวสี่สิบปีมาแล้ว

    พระลูกศิษย์ ของหลวงปู่มากราบนมัสการหลวงปู่ตอนเช้าอย่างที่ทำเป็นปรกติทุกวัน
    แต่วันนั้น มีสิ่งผิดแผกไปจากเดิม คือ หลวงปู่ยังไม่ออกมานอกกุฏิสักที
    ทำให้พระองค์นั้นนึกสงสัย และสงสัยมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหลวงปู่สนทนากับใครอยู่ในกุฏิ
    ซึ่งธรรมดาแล้วท่านไม่เคยรับแขกที่ในกุฏิเนื่องจากภายในกุฏิท่านนั้นแคบมาก

    พระองค์นี้จึงยอมเสียมารยาทแอบมองหลวงปู่ผ่านทางช่องข้างฝากุฏิหลวงปู่
    จึงพบว่าหลวงปู่นั่งสนทนากับพระรูปร่างผอม ๆ อีกองค์หนึ่งอยู่ ซึ่งท่านไม่รู้จัก
    กระทั่งวันรุ่งขึ้นได้เห็นรูปพระองค์นี้ในหนังสือพิมพ์
    ท่านจึงอุทานว่า องค์นี้แหล่ะ พระที่หลวงปู่นั่งสนทนากันในกุฏิ
    จากรายละเอียดในหนังสือพิมพ์ พระลูกศิษย์หลวงปู่ท่านนั้นจึงทราบว่า
    พระที่ท่านเห็นสนทนากับหลวงปู่ในกุฏิก็คือ หลวงปู่เกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ นั่นเอง

    ไม่มีใครทราบความสัมพันธ์ระหว่างหลวงปู่ดู่ กับหลวงปู่เกษม
    เพราะท่าน ไม่เคยเดินทางไปมาหาสู่กัน แต่ก็แปลกอย่างยิ่งที่ท่านทั้งสองมักกล่าวถึงกันเสมอ ๆ
    ช่างต่างจากทาง โลกที่ว่าเมื่อฉันเก่งแล้ว ฉันก็จะเก่งที่สุดอยู่คนเดียว เก่งเหนือใครทั้งหมด
    ทิฐิมานะของผู้ปฏิบัติกับผู้ไม่ได้ปฏิบัติจึงต่าง กันราวฟ้ากับดิน

    http://www.watsakae.com/smf/index.php?topic=442.0
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2010

แชร์หน้านี้

Loading...