<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">วันสัตตนาคารำลึก นาคราชไหว้พระธาตุพนม </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR><TD> พญานาค...มีจริงหรือ! ...เป็นคำถามที่มีคำตอบยืนยันเป็น 2 กลุ่มคือ... มีจริงกับเป็นเพียงตำนานที่เล่าขาน ซึ่งก็ยกเหตุผลกันย้อนหลังถึงครั้งสมัยพุทธกาล ที่มี พญานาคตนหนึ่งเลื่อมใสต่อพระพุทธศาสนาได้มาขอบวชกับพระพุทธองค์ แต่พระองค์ไม่ทรงอนุญาต จึงขอให้มีส่วนร่วมเพียงแค่...ผู้ที่จะเข้าสู่ อุปสมบทใช้ชื่อว่า “นาค”...และจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ก็เรียกอย่างนั้น...!! หรือ...อีกพวกหนึ่งก็เชื่อว่า พญานาคเป็นผู้สร้างแม่น้ำโขง แล้วก็ยืนยันหลักฐานใน วันออกพรรษาทุกปีเหล่านาคทั้งหลายจะมาเล่นบั้งไฟกันตามลำน้ำโขง และก็ใช่ เฉพาะที่จังหวัดหนองคายจังหวัดเดียว ที่หนองบัวลำภูก็มี เมื่อวันวาน อาจารย์ วารุณี พลหาญ ครูสาวท่านหนึ่งสอนอยู่ที่ อำเภอบ้านแพง นครพนม บอกกับ “เหนือฟ้า ใต้บาดาล” ว่า ...บ้านแพงก็มีบั้งไฟพญานาคขึ้นในวันออกพรรษาเช่นกัน... แต่จะหาดูได้ยากกว่าที่โพนพิสัย...!!! และ....พญานาคที่จังหวัดนครพนมนี้ใช่ เฉพาะเล่นบั้งไฟเท่านั้น ยังพากันขึ้นมานมัสการพระธาตุพนมทุกปี... เพื่อไขว่คว้าหาคำตอบ “เหนือฟ้าฯ” จึงตรงไปที่ สำนักงาน ททท. เขต 4 นครพนม ซึ่งดูแลพื้นที่ต่างๆครอบคลุมจังหวัดนครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร โดยเฉพาะพระธาตุพนมแห่งนี้ก็ได้บรรจุเข้าแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย แล้วได้พบกับ นางสาวกิตติกา ลิขิตวศินกุล ผู้อำนวยการ พอรู้ถึงประสงค์...จึงอำนวยความสะดวกส่งไป วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม เพื่อถามไถ่กับ พระครูโกศลพนมกิจ เอาเอง จะได้เรื่องได้ราวมากกว่าดีกว่า... ...เพราะเธอเป็นคนรุ่นใหม่ เกิดไม่ทันพญานาค (เคยเจอแต่คนที่มีหัวลักษณะคล้ายๆเท่านั้น)...!!! หะแรก...เมื่อสนทนากับ พระครูโกศลพนมกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯ ท่านบอกว่า...เป็นความเชื่อของแต่ละบุคคล และเมื่อมีศรัทธาก็เกิดปาฏิหาริย์ ส่วนใครจะประสบในรูปแบบใดก็แล้วแต่ ส่วนหลวงพ่อเองก็เคยได้ยินมาและเคยตามไปดู แต่พอไปถึงเหตุการณ์ ต่างๆมันสงบแล้ว...เห็นเพียงแต่ไทยมุง หลังจากอารัมภบทกันพอหอมปากหอมคอก็เข้าเรื่องว่า...พญานาคปรากฏที่พระธาตุพนม เกิดขึ้นสมัย ท่านพ่อธรรมราชานุวัตร “แก้ว กันโตภาโส” เป็นเจ้าอาวาส ...ในช่วงดึกของ วันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 11 ปี 2500...นายไกฮวด บ้านอยู่ริมแม่น้ำของ (โขง) ได้ออกมารองน้ำช่วงกลางดึก พลันก็เห็นลำแสงประหลาดขนาดเท่าต้นตาล 7 ลำแสง 7 สี พุ่งขึ้นมาจากแม่น้ำตรงไปที่ซุ้มประตูหน้าวัด แล้วหายเข้าไปในองค์พระธาตุพนม...คืนนั้นมีคนเห็นกันหลายคน ต่างยืนยันว่าไม่ได้ตาฝาด เจ้าคุณแก้ว...จึงสั่งให้ สามเณรทรัพย์ (ฐานะขณะนั้น) นั่งตรวจทางในเข้าฌานสมาธิดู จึงรู้ว่าลำแสงนั่นคือพญาสัทโทนาคราชเจ้าได้พาบริวารอีก 6 ตนมาสักการะและอารักขาองค์พระธาตุพนม ...และขึ้นมาเสกคาถาเทวฤทธิ์ทำน้ำมนต์ ก็อย่างไม่น่าเชื่อ น้ำมนต์นี้เอาไปรักษาโรคได้หายอย่างน่าอัศจรรย์ แม้แต่โรคใหม่ๆ (ในยุคนั้น) อย่างเช่นลูคีเมียก็หาย ส่วนโรคอย่างอื่นยิ่งในทางคุณไสยไม่ต้องพูดถึง หายอย่างปลิดทิ้งทันทีทันใด... ...ข่าวนี้ออกมาให้คนจีน คนลาว เขมร เวียดนาม พากันแห่มาเอาน้ำมนต์พญานาค (ตอนนั้นข้ามแม่น้ำของกันไปมาอย่างสะดวกไม่ต้องมีพิธีการทางตรวจคนเข้าเมือง) ...จนน้ำมนต์หมดเกลี้ยง ...ตั้งแต่นั้นมาจึงถือเป็นประเพณี ในทุกวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 11 จะถือเป็นวันพญานาค เรียกว่า วันสัตตนาคารำลึก เหล่าโอรส-ธิดาพญานาคจะมาร่วมกันจัดงานทั้งคืน โดยเฉพาะในช่วงระยะปีหลังๆ พอ 2 นาฬิกา พญานาคจะเข้าทรงโอรส-ธิดาพญานาคแล้วทำนำมนต์... เพื่อจ่ายแจกให้กับผู้ศรัทธา ไม่ใช่เรื่องงมงาย...แม้แต่ นายสิงห์ กลางวิสัย อดีตอธิบดีกรมการค้าภายใน ยัง เป็นโอรสพญานาคเมื่อครั้งยังอยู่ในตำแหน่งอธิบดี ในคืนวันสัตตนาคา รำลึก นุ่งขาวห่มขาวออกมาทำน้ำมนต์อยู่หลายปี เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาในช่วงของคืนวันสัตตนาคารำลึก นางลำทูล นันทิเกียรติคุณ เจ้าของ ร้านสมใจ อยู่เยื้องกับวัด ได้แต่งชุดขาวไปร่วมงานด้วย พอดีกับคนที่ร่วมงานผู้หนึ่งเกิดอาการปวดทั่วทั้งร่าง ไม่มีใครจะช่วยได้ แล้วจู่ๆนางลำทูลก็ลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว เข้าไปช่วย อาการผู้ป่วยก็หายไปอย่างปาฏิหาริย์ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า เธอคือธิดาพญานาค แต่ตัวเธอเองไม่ยอมรับ เพียงบอกว่า ตั้งแต่ นั้นมาเธอมีอาการสบายๆจิตใจสงบ...โรคประจำ ตัวเกล็ดเลือดจางที่เรื้อ รังก็หายเป็นปกติ วันสัตตนาคารำลึก ปีนี้ตรงกับ วันที่ 27 กันยายน โดยจะ จัดที่นั่งไว้ให้พญานาค 7 ที่ 7 สี คือ น้ำเงิน เขียวนิล เขียวอ่อน เหลือง ชมพู แสดและขาว...เชื่อว่าเป็นสีของพญานาคแต่ละตัว ผู้ที่เข้าร่วมพิธี กรรมจะแต่งชุดขาว และ สวดมนต์เย็นตั้งแต่หัวค่ำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนถึง 2 นาฬิกา จะได้สัมผัสกับสิ่งแปลกๆ ที่ถือว่ามหัศจรรย์... ...ซึ่งแต่ละปีจะมีปรากฏการณ์ที่ไม่เหมือนกัน จากนั้นจะพากัน สวดชยันโตจนกระทั่งรุ่งเช้า อันเป็นวันที่ 28 ผู้คนที่เข้าร่วมพิธีทั้งตลอดคืนและมาสมทบในตอนเช้าจะ ทำบุญใส่บาตรแก่พระสงฆ์ อันเต็มไปด้วยด้วยความอิ่มเอิบบุญแล้วก็จะแยกย้ายกันกลับ....อีกปีค่อยมาพบกันใหม่ ส่วน....พญานาคก็จะกลับไปเตรียมบั้งไฟ ...อีก 10 วัน (ออกพรรษา) ก็จะนำออกมาให้คนม่วนซื่น...!! ประโยคหลัง พระครู ไม่ได้บอก...“เหนือฟ้าฯ” เว้าเอง เซื่อบ่ขอรับ !!! "ก้อง กังฟู" </TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR></TBODY></TABLE> ที่มา : http://www.thairath.co.th/news.php?section=specialsunday02&content=19885
ผมเชื่อเลยครับ ผมเป็นคนสกลนครโดยกำเนิด มีถิ่นเกิดในอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ทั้งพ่อและแม่ของผมเป็นชนเผ่าภูไท ซึ่งมีความเชื่อเรื่องพญานาค และความเลื่อมใสต่อพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง ซึ่งหลวงปู่มั่นเองก็ได้ชม ว่า "คนภูไทเป็นคนที่สอนง่าย" (ยิ่งสร้างความภูมิใจให้กับตัวผมเองมากกว่าเดิมอีก) ตอนนี้ผมเป็นนักศึกษาที่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งตราประจำมหาวิทยาลัย ก็ได้อัญเชิญพระธาตุพนมมาเป็นตราประจำมหาวิทยาลัยครับ ในทุก ๆ ปี มข. ของเราจะมีการนำน้องใหม่เดินทาง จากมหาวิทยาลัยไปนมัสการพระธาตุพนม (เป็นสิ่งที่น่าภูมิในครับ ที่เราเป็นลูกพระธาตุพนมกันทั้งพี่น้อง) ปีที่แล้วผมมีโอกาสเดินทางไปนมัสการ ร่วมกับน้องใหม่ ได้ฟังเทศน์ในตอนเย็นร่วมกัน มีการรำถวายพระธาตุพนม (รำนางอักษรมั้งครับ ถ้าผมจำไม่ผิด) และจะมีการเวียนประทักษิณบูชาองค์พระธาตุ บรรยากาศสงบเงียบมากครับ ผมเชื่อสนิทใจครับว่าที่นั่นมีเทวดารักษา ตอนก่อนกลับได้ถวายผ้าป่า กองหนึ่งและได้ฟังเทศน์จากท่านพระครู (จำชื่อไม่ได้ครับ) ท่านเล่าประวัติพระธาตุพนมเป็นอัศจรรย์สำคัญตอนหนึ่งว่า "ท่านเป็นคน นครพนมโดยกำเนิด ก่อนหน้านั้นพระธาตุพนมอยู่ใน อาณาจักรลาว ในตอนหลังตกมาอยู่ใน อาณาจักรไทย (สังเกตุจากศิลปะของ องค์พระธาตุ จะเป็นศิลปะของล้านช้างครับสวยงามมาก ซึ่งจะแตกต่างจากภาคกลาง) ซึ่งต่อมาไทยได้นำเอาศิลปะไทยเข้าเสริมในองค์พระธาตุเพื่อเป็น สิ่งที่บ่งบอกว่า ณ ที่แห่งนี้เป็น อาณาจักรของไทย ในช่วงสงครามโลกเครื่องบินได้บินผ่านและทิ้งระเบิดเพื่อจะทำลายล้างโบราณสถาน และพุทธศาสนสถาน จุดประสงค์เพื่อทำลายศิลปะ แต่ผลปรากฎว่า ระเบิดที่ทิ้งลงโดยตรงที่องค์พระธาตุหลายลูก กลับไปตกที่คลอง เกือบหมด ส่วนลูกที่ตกลงบริเวณรอบองค์พระธาตุ กลับด้านไม่ระเบิด ซึ่งเชื่อกันว่าเป็น มหิทธิฤทธิ์ ของเหล่า เทพ - เทวาที่รักษาองค์พระธาตุ ต่ออีกครับ
สำหรับท่านที่สนใจประวัติพระธาตุพนม (ผมขอเอามาบางส่วนครับ) พระธาตุพนม เป็นเจดีย์ที่บรรจุองค์พระอุรังคธาตุ (กระดูกอก) ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (มีชิ้นเดียวในโลก) กล่าวอย่างเป็นอัศจรรย์ว่า หลังจากที่พระมหากัสสปะ ได้ทำการเวียนประทักษิณ พระสรีระแล้ว ได้กล่าวอธิษฐานว่า "หากพระธาตุองค์ใดที่เป็นพุทธประสงค์ให้ประดิษฐาน ยังแคว้นสุวรรณภูมิ ขอจงเสด็จออกมาเถิด" เป็นที่อัศจรรย์ หลังจากที่พระมหากัสสปะกล่าวอธิษฐานจบ พระอุรังคธาตุก็ได้เสด็จออกมายังมือของพระมหากัสสปะที่มีผ้าแพรรองอยู่ หลังจากนั้น พระมหากัสสปะได้อัฐเชิญพระอุรังคธาตุเสด็จมายังสุวรรณภูมิ และประดิษฐานยังพระธาตุพนมในปัจจุบัน และองค์พระธาตุพนมก็ได้รับการปรับปรุงมาตลอด ซึ่งการปรับปรุงครั้งล่าสุด ก็ด้วยเหตุที่เกิดดินฟ้าอากาศแปรปรวน จนทำให้องค์พระธาตุพนมล้มลงทั้งองค์ ด้วยแรงศรัทธา และองค์พระธาตุประดิษฐานยังอาณาจักรอันเป็นถิ่นพุทธศาสนาเจริญร่งเรือง (ผมคิดว่าพุทธองค์ทรงทราบดีว่า ในอนาคตดินแดนสุวรรณภูมิจะเป็นถิ่นฐานอันมั่นคงในการวางรากฐานของพุทธศาสนาในอนาคตจนครบตลอด 5000 พุทธศก) จึงทำให้การบูรณไม่นานนัก ในการบูรครั้งล่าสุด ได้มีการขุดลงไปรอบฐานองค์พระธาตุได้พบอัญมณีและของมีค่ามากมาย (ปัจจุบันได้นำไปเก็บไว้ที่วัดนั่นแหละครับ สามารถเข้าชมได้ ผมแนะนำครับแล้วท่านสมาชิกก็จะมีโอกาสได้เห็นของโบราณมากมายครับ และผอูปของพระธาตุองค์เดิมด้วยครับ) พระธาตุองค์ใหม่ที่ท่านพบนี้เป็นพระธาตุที่ลอกแบบมาจากพระธาตุองค์เดิมแต่มีขนาดที่ใหญ่และสูงกว่า และมีทูลเกล้าทูลกระหม่อมขอพระราชทานพระปรมาภิไธ ย่อ ภปร. ประทับไว้ยังองค์พระธาตุองค์ใหม่เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงว่าบูรณในรัชกาลใด ผมอยากให้ท่านสมาชิกทุกท่านได้ลองมานมัสการองค์พระธาตุพนมกันครับ แล้วท่านจะได้เห็นซึ่งศิลปะ และวัฒนธรรมอันงดงามของ อาณาจักรโบราณ อาณาจักศรีโคตรบูรณ์ หากท่านเพื่อนสมาชิกมาในช่วงเทศกาลสักการะองค์พระธาตุพนมท่านได้จะได้พบกับขบวนฟ้อนภูไท อันเป็นท่วงท่าการร่ายรำอันงดงามอ่อนช้อยของภูไท เรณูนคร จ.นครพนม และอีกหลาย ๆ ขบวน ซึ่งเทศกาลสักการะองค์พระธาตุ จะจัดขึ้นในช่วงวัน ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ เป็นเวลา ๗ วันของทุกปีครับ และอีกอย่างที่เป็นอัศจรรย์อีกอย่างคือ แม้ช่วงนี้จะเข้าฤดูร้อนแล้ว แต่เมื่อถึงช่วงเทศกาลสักการะแล้วหล่ะก็ อากาศจะกลับเย็นสบายเลยครับ (ยืนยันครับทุกปีเป็นอย่างนี้) แล้วเข้าสู่ฤดูร้อนต่อไปครับ
อนุโมทนา พญานาค...ที่หนองหาน จังหวัดสกลนคร ได้เคยสนทนากับครูบาอาจารย์ที่คุ้นเคย เมื่อปีที่ผ่านมาที่สำนักปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งขอสงวนชื่อเพราะยังไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยความมหัศจรรย์ที่ตั้งอยู่ริมหนองหานทางทิศตะวันออกของจังหวัดสกลนคร ประมาณ 4-5 กม. ...ท่านเล่าว่าได้เคยไปยังเมืองพญานาคมาแล้ว โดยไปทั้งกายหยาบที่แหละ ซึ่งเมืองดังกล่าวไม่ได้อยู่ไกลที่ไหนเลย..แต่เมืองอันใหญ่โตมโหฬารนั่นตั้งอยู่ ณ ใต้หนองหานของจังหวัดเอง ท่านว่ามนุษย์ธรรมดาไปไม่ถึงหรอก เพราะไม่มีอากาศจะหายใจ ตามเสียกลางทาง ระยะทางเหมือนกับขึ้นหรือลงลิฟ ในโรงแรมนี้เอง ท่านว่าพญานาค ถ้าไม่มีความสัมพันธ์กันมาแต่อดีตยากที่จะปรากฎให้มนุษย์เห็น เพราะความไม่เชื่อของมนุษย์นับวันที่จะอยู่ฝั่งตรงข้ามเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว รูปร่างของชาวพญานาคทั้งหญิงและชายท่านว่าเมื่อเทียบกับเรามีอายุประมาณ 25 ปี มีกษัตริย์ปกครองเป็นดินแดน ที่แห่งนี้เป็นเมืองย่อยขนาดเล็กหรือจังหวัดหนึ่งเท่านั้นแต่ไม่ทราบเมืองหลวงว่าอยู่ที่ใด....(หากได้รับอนุญาตจากท่านให้เปิดเผยเรื่องราวที่ลึกลับอีกมากจะนำเสนอต่อไป) สาธุ
พระธาตุพนม เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีวอกครับ..เคยมีโอกาสไปนมัสการมาแล้วครั้งหนึ่ง...มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก คือ ไกลมากเลย จากนครสวรรค์น่ะครับ..แต่ว่า พอดีต้องไปงานศพญาติ...ที่สำคัญ คือ ไปกันทั้งครอบครัวเลยครับ เต็มรถตู้...ทุกคนเลยได้ไปนมัสการครับ..มีผมคนเดียวที่เกิดปีวอก...รู้สึกดี..เพราะเคยคิดว่า..คงไม่มีโอกาสได้ไป เนื่องจากไกล และ ไม่รุ้จักใคร และ ถ้าจะไปเที่ยวนครพนม ก็ไม่มีจังหวะ เพราะถ้าหยุดยาวก็กลับบ้านที่นครสวรรค์....พอมีโอกาส...และ ได้ไปแล้ว...มีความสุขใจครับ...
ขออนุโมทนาบุญครับ...สาธุ ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ไปถึงสกลนคร...ได้ไปกราบไหว้พระธาตุพนมในเวลานี้...แต่ว่าสักวันผมคงได้มีโอกาสได้ไปกราบแน่นอน... เรื่องพญานาคนั้นเชื่อครับ...มีจริงๆ...เป็นของจริงด้วย... ผมได้ถ่ายรูปที่สถานที่...ที่แห่งหนึ่งครับแล้วก็พบกับคำตอบที่หาสาเหตุไม่ได้...ว่าเป็นแสงอะไรครับ... ลองดูครับรูปที่ถ่ายหลายภาพติดต่อกันแล้วได้มาอย่างนี้...เป็นหมอกควันดังรูปครับ... ก็อยู่ที่ความเชื่อและศรัทธานะครับ...ด้านหลังที่ตั้งของศาลนี้เป็นบ่อน้ำเก่าแก่มากนะครับเจ้าของที่เขาให้ผมช่วยไปดูให้...ผมก็เลยได้สัมผัสมาอย่างนี้ละครับ...ถ่ายรูปเวลาประมาณ 21.30 น.
ไฟล์ภาพดูไม่ได้อ่ะครับ แต่อยากดูทำไงดีครับ อ๋อผมลืมบอกไปว่า องค์พระธาตุพนมอยู่ที่ อ.พระธาตุพนม จ.นครพนม (ไม่ใช่ อ.เมืองนครพนม น่ะครับ) ซึ่งเป็นอาณาจักรศรีโคตรบูณเก่า ซึ่งอาณาจักรมีอาณาเขตคลอบคลุมถึง จ.สกลนคร ด้วยครับ สำหรับ จ.สกลนครก็มีพระธาตุ องค์หนึ่งที่สำคัญ คือ พระธาตุเชิงชุม ซึ่งหมายถึงการประชุมการของรอยพระพุทธบาท แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้ง 4 พระองค์ในภัทรกัปล์นี้ครับ ซึ่งในครั้งเมื่อพุทธกาล พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ได้เสด็จยังลุ่มน้ำโขงพร้อมพระอานนท์ และเสด็จทางพระบาทเรียบมาตามล่มน้ำโขง และมาถึงที่ตั้งแห่งองค์พระธาตุพนมในปัจจุบัน และมีพุทธดำรัสว่า ณ ที่แห่งนี้จะเป็นที่ประดิษฐาน พระอุรังคธาตุ ครั้งเมื่อพุทธองค์เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้ว ซึ่งเป็นพุทธประเพณี ครั้นเสด็จต่อมาถึงยังที่ตั้งแห่งองค์พระธาตุเชิงชุม จึงมีพุทธดำรัสว่า " ณ ที่แห่งนี้เป็นที่ประชุมกันของ พระพุทธบาททั้ง ๓ พระองค์ " ครั้นแล้วพุทธองค์จึงประทับลอยพระบาทประทับไว้เป็นรอยที่ ๔ แล้วรอยพระบาทนั้นก็จมลงยังพื้นธรณี รวมกับพระพุทธบาททั้ง ๓ พระองค์ และมีการสร้างเจดีย์คลอบไว้ ในปัจจุบัน พระธาตุเชิงชุมตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสกลนครเองเลยครับ สำหรับท่านเพื่อนสมาชิกที่มีโอกาศเดินทางมาทางอีสานเหนือก็แวะมานมัสการได้ครับ ซึ่งมาทีเดียวได้โอกาสนมัสการพร้อมกันทั้งพระธาตุ 2 องค์ในเส้นทางเดียวครับ ซึ่งการเดินทางก็ไม่ยาก เดินทางมาในเส้นทางถนนมิตรภาพ ถึง จ.อุดรธานี แล้วเลี้ยวรถเข้ามาที่ จ.สกลนคร ตรงมาเรื่อย ๆ เลยครับ จะผ่าน อ.หนองหาน จ.อุดรฯ อ.สว่างแดนดิน อ.พังโคน อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร แล้วก็จะเข้า ตัว จังหวัดสกลนครครับ ซึ่งก่อนเข้าไปยังตัวเมือง หากท่านเลี้ยวขวาตรง มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร ตรงนี้แหล่ะครับเป็นทางแยกเดินทางไป จ.นครพนม ครับ ซึ่งเส้นทางสะดวกครับ ไม่ต้องผ่านภูเขา (ภูพาน) ที่คดเคี้ยวไปมา ในทางแยกนี้ เดินทางเข้าไปตัว เมืองสกลนครไม่กี่กิโลเมตร ก็ถึง องค์พระธาตุเชิงชุมแล้วหล่ะครับ แวะมาน่ะครับ ชาว จ.สกลนคร ยินดีต้อนรับเสมอครับ และที่จะแนะนำอีกที่ คือ อ.พรรณานิคม จะมีเจดีย์ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร ที่ตัวจังหวัดสกลนคร เองก็มีเจดีย์ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต วัดป่าสุทธาวาส หรือที่ อ.ส่องดาว ติดกับ อ.สว่างแดนดินเอง ก็จะมี เจดีย์ หลวงพ่อวัน ด้วยครับซึ่ง ณ ที่แห่งนี้ก็จะมีสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล จำลองด้วย สวยงามมากครับ ผมว่าไม่ผิดหวังแน่ครับสำหรับเพื่อนสมาชิกที่จะเดินทางท่องเที่ยวและแสวงบุญด้วย