พระแท้ - พระเก๊

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย totey, 1 เมษายน 2010.

  1. totey

    totey สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +4
    พระแท้ - พระเก๊ เค้าดูกันยังไง
    1 ถ้าเป็นพระรุ่นใหม่ ที่มีประวัติการสร้างชัดเจน และก็มีแม่พิมพ์ และจำนวนพระที่มีอยู่เยอะยังพอที่จะหาข้อมูลมาเปรียบเทียบได้
    2 ถ้าเกิดเป็นกรณีพระเก่า ที่มีอายุนับร้อยปี เช่นหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานที่เล่นหากันเป็นแสนๆ ลำบากแน่ถ้าจะดูกันว่าแท้ - เก๊
    3 อยากให้ทุกท่าน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้หน่อยครับ
    4 โต้วาทีกันในทางสร้างสรรค์ ว่า แท้ตรงไหนบ้าง พร้อมข้อมูลอ้างอิง
    ถ้าเก๊ เก๊ด้วยประการใดบ้าง พร้อมยกตัวอย่างประกอบ บอร์ดนี้จะได้คึกคัก
     
  2. nanodent

    nanodent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,730
    ค่าพลัง:
    +943
    ถ้าไม่เคยเห็นพระแท้จะไม่รู้ว่าพระองค์ไหนเก๊ครับ...เพราะคนไม่เคยเห็นของแท้จะรู้ได้อย่างไรว่าพระองค์ไหนแท้/องค์ไหนเก๊...ดังนั้นจึงต้องหาของแท้มาดูให้ได้ก่อน...เลยเอาบทความในหนังสือพระเครื่องมาให้อ่านกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • แฉ1.jpg
      แฉ1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      85 KB
      เปิดดู:
      450
    • แฉ2.jpg
      แฉ2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      94.5 KB
      เปิดดู:
      345
    • แฉ3.jpg
      แฉ3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      78.7 KB
      เปิดดู:
      270
    • แฉ5.jpg
      แฉ5.jpg
      ขนาดไฟล์:
      103.3 KB
      เปิดดู:
      284
    • แฉ6.jpg
      แฉ6.jpg
      ขนาดไฟล์:
      102.1 KB
      เปิดดู:
      274
    • แฉ7.jpg
      แฉ7.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.8 KB
      เปิดดู:
      258
  3. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    พระบางองค์แม้ไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ ก็รู้ได้เลยว่ามีเปอร์เซ็นต์ความแท้สูง เพราะความมีเสน่ห์ในองค์พระนั่นแระค่ะ บางองค์แค่ดูรูปก็ตอบได้ว่าไม่ดีแม้ไม่เคยเห็นพระนั้น ๆ ด้วยซ้ำไป บางคนเคยเห็นของแท้แต่กลับไม่ยอมศึกษาก็มี บางคนก็เก็บแต่ของเก๊ก็มีทั้งที่มีตำราให้ศึกษา ก็แปลกดีเหมือนกันค่ะ
     
  4. v12

    v12 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +28
    พระแท้พระเก๊อยู่ที่เราชอบเลยครับ
    ของๆเราหรายๆคนบอกแท้แต่ร้านพระกลับบอกเก๊ก้อมีครับ
    พระจะแท้หรือเก๊ก้อต่อเมื่อมีการตั้งราคา
    ถ้าไม่มีการตั้งราคาก้อจะมีแต่พระสวยหรือไม่สวยครับ
    สวยคือ งานเชิงศิลครับความวิจิตรของงานครับ
    ไม่สวยคือความหยาบของงานการทำหรือผลิตครับ
     
  5. mootoy

    mootoy สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +15

    ถามว่า....ถ้าไม่รู้จักพระองค์นั้นว่าพระอะไร ไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าไม่ดี หรือดูจากเนื้อพระว่าแท้หรือไม่ ผมว่าเวลาดูเนื้อพระยังต้องพิจารณาเลยว่าพระองค์นี้เป็นพระผงหรือพระดิน หรือพระเหรียญแบบไหน พอถามว่าพระอะไรแท้หรือไม่......ก็ตอบว่าไม่ดี ไม่ชอบ ....แล้วพระอะไรที่ไหน ขอคำชี้แนะด้วย
     
  6. ทอดาว

    ทอดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    3,150
    ค่าพลัง:
    +2,696
    ศึกษาไปอีกซักพักเดี๋ยวก็รู้เอง พระแท้เขามีวิธีดูของเขาทั้งเนื้อดิน ชิน ผง รูปหล่อและเหรียญ ไอ้ที่เขาบอกเก๊ได้ทั้งที่ไม่รู้วัดเพราะมันเก๊ดูง่ายอ่ะนะผมว่า เดินสนามพระเก๊บ่อยๆ เดี๋ยวจะรู้ว่าเก๊ดูง่ายเป็นยังไง ใช้ป้องกันตัวได้ระดับนึง หาพระแท้สากลดูเยอะๆ เดี๋ยวก็จะชินตาว่าพระแท้สากลเป็นยังไง อย่าไปหลงเอาพระแท้ของกรูมาเป็นแบบแล้วกัน
     
  7. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    เขาเรียกว่าความรู้สึกค่ะ ตอนแรกเริ่มยังไม่เคยรู้เรื่องพระมาก่อน แต่ได้เห็นภาพในหนังสือพระเครื่องก็มีความรู้สึกว่าพระองค์นี้น่าจะแท้ เพราะความรู้สึกมันบอกว่าเนื้อหาแบบนี้ดูแล้วมีเสน่ห์ คนที่ไม่เป็นก็เหมือนกันลองเดินดูที่ท่าพระจันทร์ที่เขาวางขายริมทางเดินหยิบมาส่องดูก็น่าจะมีความรู้สึกว่าพระองค์นี้ดีหรือไม่ดี เพราะเสน่ห์ในองค์พระจะมีได้เฉพาะพระแท้เท่านั้นค่ะ ยิ่งพระเก๊ดูง่ายแบบเก๊น่าเกลียดให้คนดูไม่เป็นก็ตอบได้แม้จะไม่เคยเห็นหรือเคยรู้จักมาก่อนด้วยซ้ำไป
     
  8. ่ีjustapierce

    ่ีjustapierce เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2010
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +175

    ผมไม่คิดว่าความรู้สึกมันจะใช้ได้หรอกนะคับ ว่าองค์นี้มีเสน่ห์แท้ องค์ปลอมไม่มีเสน่ห์ ถ้างั้นพระแท้สภาพใช้โทรมสุดๆ ไม่เห็นหน้าตาหรือเค้าเดิม ก็คงไม่มีเสน่ห์ แระกลายเป็นพระปลอมซิคับ น่าจะเป็นว่า... ความรู้+ประสบการณ์+ผู้มีความเชี่ยวชาญ มาเป็นตัวช่วยตัดสินว่าไหนแท้ไหนปลอม น่าจะมีเปอร์เซ็นต์ที่มากกว่า
     
  9. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    จะเก๊หรือจะแท้อยู่ที่ไหน.......

    องค์พระเองนั่นแหละที่ระบุพุทธคุณของท่านได้ ของแท้ยังงัยก็แท้วันยังค่ำ ของเก๊ก็เก๊วันยังค่ำเหมือนกัน ครับ

    ส่วนนักเล่นกลับมองกันว่า พระเก๊พระแท้ อยู่ที่ว่าเป็นพระในมือของใคร
    เซียนใหญ่บอกว่า "แท้" ก้ต้อง "แท้" แต่จะแท้หรือไม่.....ใครจะตอบ

    บางพวกก็ว่าเล่นพระคนละตำรา องค์เดียวกันดูไม่เหมือนกัน
    ประกวดที่นี่ได้รางวัล เอาไปประกวดอีกที่นึง.....ตีเก๊

    แล้วสังคมนี้จะสรุปกันตรงไหน........
     
  10. nanodent

    nanodent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,730
    ค่าพลัง:
    +943
    วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

    - การขายพระปลอม


    คอลัมน์ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ "สกู๊ปพิเศษ" ประจำวันที่ 28 มีนาคม 2547

    แกะรอยสมเด็จเก๊สี่ดาวแผงแบกะดิน..ไม่มีขาย

    ในจำนวนพระเครื่องมากมาย หลายขนาด หลายพิมพ์ทรงที่วาง เรียงราย ขายริมถนนจนถูกเรียกว่า ตลาดพระแบกะดินนั้น โดยสามัญ สำนึกคนทั่วไป ร้อยทั้งร้อย เป็นพระปลอมและในจำนวนพระปลอมเหล่านั้น สัดส่วนของพระสมเด็จวัดระฆัง วัดบางขุนพรหม ปลอมมีอยู่มากที่สุด ไม่มีแผงแบกะดินแผงใดไม่มีพระสมเด็จ ปลอมขาย น้อยที่สุดก็ห้าองค์ สิบองค์ ไปถึงบางแผงขายสมเด็จปลอมในปริมาณเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

    ยิ่งมีข่าวพระสมเด็จวัดระฆัง บางขุนพรหม องค์แชมป์ ผ่านมือมหาเศรษฐี คนหนึ่งไปสู่เจ้าสัวอีกคนหนึ่ง หรือไปอยู่ในมือนักการเมืองอีกสักคนหนึ่ง ในราคาหลายสิบล้าน ปริมาณพระสมเด็จปลอมก็ยิ่งล้นตลาดแต่ละวันจะมีลูกค้าตั้งแต่หนุ่มกระทงไปถึงรุ่นใหญ่วัยชรา ถือกล้องส่องพระด้อมๆมองๆ ส่องพระสมเด็จ ราคาว่ากันตามเหตุผลแวดล้อม พระปลอมดีมากน้อย คนซื้อมีฟอร์ม กำลังซื้อมากน้อย จากร้อยไปถึงพัน บางองค์เป็นหมื่น นานๆทีจะมีคนกล้าเปิดราคาเป็นแสน หากเกิดมีข้อกังขา...พระสมเด็จปลอมจำนวนมากมหาศาล นับวันจะเพิ่มขึ้น ใครปลอม ปลอมมาจากไหน อาชีพปลอมพระ...เป็นอาชีพปกปิด คงหาคำตอบได้ยาก แต่หากจะถามว่า พระปลอม พอจะแบ่งได้เป็นกี่ระดับ พอจะหาคนตอบได้ว่า มี 4 ระดับ เรียกกันเป็นสัญลักษณ์ด้วยจำนวนของ...ดาว เหมือนร้านอาหารของแม่ช้อยนางรำ

    “ขาวทั้งองค์ ใช้ปูนขาวผสมซีเมนต์แห้งเร็ว ถอดพิมพ์เสร็จ พรมด้วยน้ำหอม โรยแป้งนิดหน่อย ผึ่งลม...ตากแดด 1 อาทิตย์ ก็ส่งขาย นี่คือสภาพ พระสมเด็จปลอมแบบ 1 ดาว”
    ผู้ให้ข้อมูลนี้ นับเป็นผู้สันทัดกรณีพระสมเด็จปลอมตลาดแบกะดิน คนในแวดวงรู้จักกันในชื่อ ของ โยดำ โคราช อายุ 27 บ้านของโยดำอยู่ปทุมธานี แต่ไปมีทีมเพื่อนทำพระปลอมอยู่แถวปากช่อง นครราชสีมา อาชีพหลักของของโยดำก็คือ ลำเลียงพระปลอมจากแหล่งผลิตไปสู่ตลาดแบกะดินมากมาย ในกรุงเทพฯ จำนวนพระที่ลำเลียงมาแต่ละครั้ง ก็แล้วแต่ใบสั่ง ซึ่งเกิดจากความต้องการ ของตลาด บางครั้ง 2 - 3 หมื่นองค์ บางครั้งก็มีใบสั่งถึง 1 แสนองค์ พระสมเด็จปลอม 1 ดาว ราคาเฉลี่ย ร้อยละ 300 บาท หรือองค์ละ 3 บาท ราคานี้เป็นราคายี่ปั๊ว ใครรับไปขายต่อ ก็อาจจะเพิ่มราคาเป็นองค์ละ 5-6 บาท โดยทั่วไป ที่รับกันไปขาย มักจะต้องซื้อในราคาร้อยละ 400-600 บาท ส่วนลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแบกะดิน จะไปขายเท่าไหร่ ก็แล้วแต่ลีลา “อย่างตอนนี้ใกล้สงกรานต์ หน้าตายี่ปั๊วจะสดใสเป็นพิเศษ เพราะใบสั่งพระจะออกมามาก ชนิดที่ต้องเพิ่มยอดกันไม่หยุด” ลูกค้าตัวจริงที่สั่งเพิ่มยอด ความจริงจากปากโยดำ โคราช ไม่ใช่แผงแบกะดิน แต่เป็นใบสั่งจากวัด วัดจะซื้อไปทีละหลายพันองค์ อาจมีการปลุกเสกพอเป็นพิธี บรรจุใส่กล่องให้หรู สมภารมีไว้แจก ญาติโยมที่มาทำบุญ หรือไม่ก็จำหน่ายเอาเงินเข้าวัด ถึงขั้นนี้ พระสมเด็จปลอม ต้นทุนผลิตจริง 3 บาท ก็จะกลายเป็นพระสมเด็จ ปลุกเสกใหม่ ขายกันในราคาองค์ละ 100-200 บาทค่านิยมพระสมเด็จปลอม ไม่เพียงทำให้ยี่ปั๊วโกยเงินในประเทศ ยังโกยเงินจากนอกประเทศ อีกมหาศาล ใบสั่งในระยะหลังมาจากมาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง นี่คือ...เส้นทางพระสมเด็จปลอม ระดับ 1 ดาว

    พระสมเด็จปลอม ระดับ 2 ดาว ไก่ กลางดง วัย 42 หนึ่งในทีมงานผลิต รับหน้าที่อธิบาย
    ปลอม 2 ดาว เนื้อหามีความแกร่งเพิ่มขึ้น ใช้น้ำผึ้งน้ำอ้อยผสม มีการอบ ไล่ความชื้น สีผิวของเนื้อจะมีลีลาใกล้พระแท้มากขึ้น กรรมวิธี ทั้งหมักทั้งแช่ ความเก่าคร่ำ ก็สะดุดตาเซียนน้อยเซียนใหญ่ ทำให้เกิดวงจรการซื้อขายขึ้นได้ไม่น้อย พระสมเด็จปลอม 2 ดาว ไก่ กลางดง ให้ข้อมูล ระยะนี้ใบสั่งน้อย นานๆจะมีคนสั่งสักที แต่ถ้าเป็นเมื่อ 10 ปีก่อน พระสมเด็จปลอม 2 ดาว ท็อปฮิตมาก วางตลาดเท่าไหร่...เปิดราคา หลายร้อยถึงหลักพัน ก็หมด สมัยนี้ลูกค้าคงเอียน แต่ก็พอมีขายแผงแบกะดินทั่วไป องค์ละ 50-100 บาท

    พระสมเด็จปลอม 3 ดาว ราคาอยู่ที่หลักร้อยปลายๆถึงหลักพันต้นๆ ปลอมระดับนี้ ต้องใช้ฝีมือสูง เนื้อพระทุกองค์ต้องใกล้เคียงของจริง รายละเอียดในผิวพื้น รอยยุบ รอยแยก รอยยับ พิมพ์ทรง น้ำหนัก ตื้น-ลึก หนา-บาง ความแกร่ง หน้า-หลัง ขอบล่าง ข้างบน ใกล้เคียงพระแท้ 85 เปอร์เซ็นต์


    พระสมเด็จปลอม 4 ดาว...เหนือขึ้นไปอีกขั้น ใกล้เคียงของจริง ว่ากันว่า ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ แต่ปลอมได้แค่นี้ ยังไม่ได้ ต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเติมลีลา เช่น สร้างบ่อน้ำตา รอยลั่นร้าว รอยยุบรอยแยก คาบกรุ รอยตัด เส้นแซมจากขอบซุ้ม สังฆาฏิ รวมไปถึงความโหนกนูน สูง-ต่ำ เล็ก-ใหญ่ สั้น-ยาว บิดเบี้ยว-ตรง

    เพิ่มแต่ง รัก-ทอง เติมน้ำมันตังอิ้ว มวลสาร รอยหนูกัด รอยบิ่น รอยหัก หรือรอยเก็บ รอยการใช้ มีทั้งสึก...ทั้งบาง รายละเอียดเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องมีครบหมด แต่...ต้องมีบ้าง ไม่มีบ้าง หลักพระปลอมขายได้ ต้องมีเพียงน้อยๆ และห้ามมีมาก

    พระ 4 ดาวองค์เดียว ใช้เวลาหลายสิบวัน คนทำต้องมีความอดทนสูง ต้องดูแล้วดูอีก และผ่านหลายตา กว่าจะวางตลาดได้ เดือนหนึ่งไม่เกิน 2-3 องค์ แต่ละองค์จะต่างพิมพ์กัน

    “สมเด็จปลอม 4 ดาว ไม่มีบนแผงแบกะดิน” ไก่ กลางดงยืนยัน “ส่วนใหญ่จะใส่ตลับทอง วางเป็นสง่ายั่วตาเซียนอยู่ในแผงพระชั้นนำ ทั้งในกรุงเทพฯ หาดใหญ่ เชียงใหม่ อุบลฯ อุดรฯ ราคาว่ากันตั้งแต่ใกล้หลักแสน บางองค์หลายแสน”


    พระสมเด็จที่ซื้อหากันในราคาแพง เจ้าของพระภูมิใจให้สัมภาษณ์ในหนังสือพระเครื่องชั้นดี หลายองค์ ไก่ กลางดง ยืนยันอย่างมั่นใจ เป็นพระสมเด็จฝีมือโคราช “พระ 4 ดาวนี่แหละ เป็นที่มาของข่าวเซียนโค่นเซียน เซียนใหญ่หลายคน โดนมาแล้ว” แต่เซียนระดับที่ถูกโค่นได้ ไก่ กลางดง บอกว่า ไม่ใช่เซียนจริง รู้ไม่จริง แต่เซียนจะรู้จริงมากน้อยแค่ไหน ระดับพระปลอม 4 ดาวนี้ ไก่ กลางดง บอกว่า...หลายองค์เคยชนะการประกวดพระเครื่อง “แต่การขายพระราคาแพงให้ลูกค้าผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าพระสมเด็จปลอม หรือแท้ ในวงการพระเครื่อง เขาเชื่อกันว่า ถ้ามาเฟียไม่มีเอี่ยว ก็ยากจะขายได้” มาเฟียในทรรศนะของ เต่า ทินกร วัย 54 ที่จริงก็น่าจะเป็นเซียนใหญ่ ที่มีข่าวขายพระได้องค์ละสิบล้านยี่สิบล้าน เป็นที่รู้กัน แม้มีพระสมเด็จแท้...แท้แน่ๆ แท้จริงๆ สักองค์ แล้วคิดจะขาย ก็ไม่มีทางขายได้ราคา หากมาเฟียไม่การันตี

    เมื่อพระแท้จะขายได้เมื่อมาเฟียการันตี ประเด็นอยู่ที่มาเฟียจะได้ส่วนแบ่งไปเท่าใด ถ้าขายขาดก็ตัดสินใจขาย แต่ถ้าไม่ขายขาด ก็พูดกันเป็นเปอร์เซ็นต์ ตามกติกา 20-25 เปอร์เซ็นต์ และบางองค์อาจหารด้วยจำนวนเซียนการันตีจำนวนกี่เซียน ผู้รู้จริงในวงการพระสมเด็จ บอกว่า พระสมเด็จวัดระฆัง องค์ที่เป็นข่าวซื้อขายกันสิบล้านขึ้นนั้น ราคามือแรกที่เจ้าของขาย ถ้าได้ 1 ล้านก็ถือว่ามากเกินไปแล้ว ส่วนต่าง 9 ล้านที่หายไป ว่ากันด้วยสำนวนคนในวงการ เป็นราคาค่าความเชื่อ ของเซียน เป็นที่รู้กัน การซื้อพระสมเด็จหนึ่งองค์ ต้องแถมซื้อความสัตย์ซื่อ ของเซียนหลายเซียน พูดง่ายๆ ซื้อพระหนึ่งองค์ แถมซื้อคนอีกอย่างน้อย สี่ห้าคน


    เขียนโดย chatree50 ที่ <A class=timestamp-link title="permanent link" href="http://chatreeblog.blogspot.com/2009/11/blog-post_23.html" rel=bookmark><ABBR class=published title=2009-11-23T09:18:00-08:00>9:18</ABBR> [​IMG]
     
  11. nanodent

    nanodent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,730
    ค่าพลัง:
    +943
    วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

    - การ ‘บิดเบือน’ และนำ ‘พระเก๊’ ‘เป็นพระแท้’


    ปัจจุบันวงการพระเครื่องไทยเจริญรุ่งเรืองไปมากจะเห็นได้จากการมี “สื่อฯทุกแขนง” อาทิ “หนังสือพิมพ์รายวัน, รายสัปดาห์, รายเดือน” แถมด้วย “รายสะดวก” พร้อมทั้ง “วิทยุและโทรทัศน์” ล้วนนำเสนอเรื่องราว “พระเครื่อง” กันเป็นล่ำเป็นสันซึ่งผิดกับในอดีตที่มี “สื่อพระเครื่อง” เป็นเพียง “หนังสือ” ที่แทบจะนับเล่มได้ซึ่งแต่ละเล่มเช่น “ชาตรี, อภินิหารพระเครื่อง, อาณาจักรพระเครื่อง, พระเครื่องปริทัศน์” และตำราพระเครื่องชุด “เบญจภาคี” ที่จัดทำโดยปรมาจารย์วงการพระเครื่อง พ.อ.ประจญ กิตติประวัติ หรือที่รู้จักกันในนาม “ตรียัมปวาย” ถือได้ว่าเป็นสื่อฯที่เสนอเรื่องราวพระเครื่องที่มี “มาตรฐาน” แก่วงการเพราะ “ตรียัมปวาย” เป็นผู้รจนาตำราพระเครื่องเช่น “พระสมเด็จวัดระฆัง-บางขุนพรหม, พระรอดลำพูน, พระผงสุพรรณ, พระกำแพงเม็ดขนุน, พระกำแพงซุ้มกอ, พระนางพญาพิษณุโลก” ให้นักสะสมทั้งหลายยึดถือเป็น “มาตรฐาน” ต่อการสะสมมาถึงปัจจุบันนอกจากนี้ยังมี ประชุม กาญจนวัฒน์ ได้ริเริ่มจัดทำหนังสือที่เป็น “ตำราพระเครื่อง” พร้อมตีพิมพ์เป็น “ภาพสี” ให้เป็นมาตรฐานต่อวงการได้ศึกษาและอ้างอิงพร้อมเป็น “มรดกทางวิชาการ” ให้คนรุ่นหลังได้สืบทอดมาตราบปัจจุบัน



    ซึ่งหนังสือและภาพพระเครื่องยุคเก่าหรือตำราของ “ตรียัม ปวาย” และ “ประชุม กาญจนวัฒน์” รวมทั้งของท่านอาจารย์อื่น ๆ อีกหลายท่านในยุคต่อ ๆ มาล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายพร้อมเจตนาในการที่จะเผยแพร่ความรู้เรื่อง “พระเครื่อง” เฉกเช่นกันจึงทำให้มาตรฐานในการสะสมพระเครื่องของ “นักสะสม” ในปัจจุบันล้วนแต่มีรากฐานมาจากการนำเสนอของท่านอาจารย์ที่เอ่ยนามมาแล้วทั้งนั้น



    ที่กล่าวเช่นนี้ก็เพื่อแสดงเหตุผลให้ท่านผู้ “อ่านความจริง... อ่านเดลินิวส์” ได้ทราบความสำคัญของสื่อฯพระเครื่องว่ามี “อิทธิพล” ต่อผู้บริโภคเพียงใดโดยเฉพาะในปัจจุบันสื่อฯต่าง ๆ ได้มีการพัฒนา การนำเสนอมากขึ้นคือแพร่หลายไปในโลกของการสื่อสารไร้พรมแดนเช่น “อินเทอร์เน็ต” และรายการ “วิทยุ” พร้อมทั้งรายการ “โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม” อีกด้วย แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของการนำเสนอที่ในอดีตจำกัดแต่เพียง “หนังสือ” และ “นิตยสาร” เท่านั้นแต่ปัจจุบันมีการนำเสนอกันทุกสื่อฯแล้วนอกจากนี้ยังมีการ “โฆษณา” และ “เปิดให้เช่าบูชา” ตามสื่อฯต่าง ๆ อีกด้วยซึ่งเป็นที่รู้กันดีในหมู่นักสร้าง “พระใหม่” ปัจจุบันหากไร้การโฆษณาตาม “หนังสือพิมพ์รายวัน” และ “นิตยสารพระเครื่อง” ตลอดทั้งตามรายการ “วิทยุ-โทรทัศน์” แล้ว “การเปิดให้บูชา” ก็ย่อมยากที่จะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ทั้งนี้เพราะ “อิทธิพลของสื่อฯ” ระบาดไปถึงวงการพระเครื่องเต็ม ๆ เฉกเช่นการโฆษณาสินค้าอื่น ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้นเลย



    “ผู้เขียน” จึงขอนำเรื่อง “การบิดเบือน” และการนำภาพ “พระเก๊” มาโฆษณาให้เช่าบูชาเป็น “พระแท้” ซึ่งปัจจุบันกำลังระบาดหนักตาม “นิตยสาร พระเครื่อง” ที่มีมากมายกว่าสิบฉบับบนแผงหนังสือซึ่งอันที่จริงแล้วการนำภาพ “พระเก๊” มาเสนอเป็น “พระแท้” เพื่อหลอกขายแก่ “ผู้ไม่ถ่องแท้” นั้นบางทีผู้รับผิดชอบในนิตยสารเองก็ไม่ได้มี “เจตนา” แต่เป็นเพราะ “เจ้าของพระ” ส่งภาพมาให้นำเสนอในรูปแบบการ “ซื้อโฆษณา” ผู้รับผิดชอบในนิตยสารจึงนำเสนอไปตาม “ใบสั่ง” เช่นนี้ก็มีให้เห็นบ่อยมากทั้งนี้ก็เพราะ “เพื่อความอยู่รอด” ของนิตยสารต่าง ๆ ในเมืองไทยต้องอาศัยรายได้จากการโฆษณาจึงทำให้นิตยสารที่ว่ามี “ภาพพระเก๊” นำเสนอเป็นประจำและเมื่อนำเสนอออกไปแล้วก็จะ “ไม่รับผิดชอบใด ๆ” ปล่อยให้ผู้บริโภคซึ่งก็คือ “ผู้อ่าน” รับผิดชอบกันเองโดยไม่คำนึงเลยว่า “ผู้อ่าน” เป็นผู้ที่ “ไม่มีความรอบรู้เรื่องพระเครื่องเลย” จึงต้องหันมาอาศัย “สื่อสิ่งพิมพ์” เป็นเครื่องชี้แนะและชี้นำต่อการสะสม



    ประจวบกับขบวนการสร้าง “พระเก๊” ก็มีการยกระดับสู่ “อินเตอร์” โดยร่วมมือกับนิตยสารพระเครื่องบางฉบับทำการเสนอและเผยแพร่ “พระเก๊” อย่างเป็นล่ำเป็นสันเพราะผู้รับผิดชอบในนิตยสารดังกล่าวเปิดโอกาสให้ “ขบวนการพระเก๊” นำเรื่องราว “พระเก๊” มาเสนอในนิตยสารของตัวเองผ่านการ “โฆษณา” ด้วยการอ้างอิง “นิยายน้ำเน่าต่าง ๆ” ว่าเป็นพระแท้ที่สร้างโดยถูกต้องเพื่อ “ดันของเก๊” ให้เป็น “ของแท้” และบางฉบับอาการหนักยิ่งกว่านั้นคือนำภาพ “พระเก๊” มาเสนอเกือบ “ทั้งเล่ม” ก็มีให้เห็น ซ้ำร้ายบางทีมีพรรคพวกฝาก “ภาพพระแท้” มาเสนอขายโดยไม่มีค่าโฆษณากลับนำไปตีพิมพ์ไว้ในหน้า “ขาว-ดำ” ส่วน “พระเก๊” ที่ได้ค่าโฆษณากลับนำเสนอในหน้า “สี่สี” ซึ่งนั่นก็คือการพยายาม “บิดเบือน” เพื่อให้ “พระแท้” ตกต่ำแล้วดันให้ “พระเก๊” เป็นที่นิยมเพื่อจะได้ทำการ “ซื้อง่ายขายคล่อง” ซึ่งนี่ละคือวิธีการ “บิดเบือน” ของพวกไม่กลัวบาปที่ “ผู้เขียน” ขอเรียกน้ำย่อยเพียงแค่นี้ก่อนเพราะ “เนื้อที่มีจำกัด” ฉบับหน้าจะมา “ฟันธง” การบิดเบือนแบบให้ “ถึงพริกถึงขิง” ยิ่งกว่านี้อีก เพราะปัจจุบันนิตยสารพระเครื่องที่ชอบ “บิดเบือน” มีมากจริง ๆ

    เขียนโดย chatree50 ที่ <A class=timestamp-link title="permanent link" href="http://chatreeblog.blogspot.com/2009/11/blog-post_2543.html" rel=bookmark><ABBR class=published title=2009-11-22T08:12:00-08:00>8:12</ABBR> [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2010
  12. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    อ่านข้อมูลที่คุณ nanodent โพสแล้วรู้สึกหวงแหนพระที่มีอยู่ในมือมากขึ้นเยอะเลยครับ
    อนุโมทนาครับ

    ยังไงก็เอาใจช่วยผู้ที่ชอบเสาะหาพระนะครับ...เพราะไม่เสาะหา ก็ไม่มีโอกาสเจอพระที่อยากได้

    แต่ก็เตือนผู้ที่มีมรดกไว้ครอบครองนะครับ...บางครั้งเอาพระมรดกขึ้นมาโพสแล้วได้คำตอบว่าเก๊ (เก๊...ตั้งแต่รุ่นปู่ รุ่นทวด) ก็อย่าได้หมดความศรัทธาในองค์พระองค์นั้น เพราะความศรัทธาเป็นที่มาของพุทธคุณครับ
     
  13. ออตโต้

    ออตโต้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    2,201
    ค่าพลัง:
    +2,428
    พระแท้พระเก๊ นั้นแล้วแต่คนจะศึกษา การศึกษาพระเครื่องนั้นไม่มีคำว่าจบหรอกครับ ศึกษาจนตายก็ไม่จบ พระแท้วงการยอมรับ และแท้วงการไม่ยอมรับ นั้นมีแน่นอน เช่นสมเด็จวัดเกศพิมพ์ตลก ส่วนการวัดแท้เก๊นั้น ดูกันหลายๆทาง ดูกันหลายๆตาดีกว่าตาเดียว พระบางองค์ราคาไม่ใช่ บาท2บาทค๊าบ ถ้าจะเล่นพุทธคุรเพียวๆ แนะนำหาพระดีราคาเบามีมากมายราคาแค่หลัก 100 เช่นพระคำข้าว พระหางหมาก(ดันมีของเก๊อีก กรรม555555)
     
  14. v12

    v12 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2010
    โพสต์:
    78
    ค่าพลัง:
    +28
    พระแท้หรือเก๊....ดูยังงัย
    ใช้กล้องดูซิครับ อย่าใช้ความรูสึกเด็จขาด
    กล้องดีๆราคาแพงๆครับ ส่องแล้วจะรู้ถึงความต่างเลยครับ
    รับรองเห็นผล100%
     
  15. วิศว

    วิศว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2,349
    ค่าพลัง:
    +5,104
    1.ศึกษาก่อนสะสม หาตำราพระที่มีมาตราฐานวงการพระยอมรับ
    ศึกษาตำหนิ พิมพ์ การตัดขอบพระ เนื้อมวลสาร ธรรมชาติความเก่า ฯลฯ จนแม่นยำ

    2.เลือกสะสมพระเฉพาะสายที่ตนชำนาญ ไม่มีใครชำนาญดูพระเก่งทุกชนิด
    ควรเลือกสะสมเฉพาะพระที่ตนชำนาญ ดีกว่าสะสมพระที่ตนไม่เก่งไม่ชำนาญ
    เช่าพระแบบโดยตนเองดูพระไม่เป็น เพื่อป้องกันไม่ให้เสียเงินเช่าพระเก๊

    3.คบหาสมาคมผู้ชำนาญในการดูพระ ขอความรู้และคำแนะนำเทคนิคในการดูพระ
    เพื่อตนเองจะได้ปรับปรุงเพิ่มเติมความรู้ให้เก่งชำนาญยิ่งขึ้น

    4.อย่าทำตัวเป็นน้ำล้นถ้วย อย่าหยิ่ง อวดเก่ง ผยอง หลงตัวเอง
    เล่นพระคนเดียวไม่รับฟังใคร มีตัวอย่างหลายรายในวงการพระ เสียผู้เสียคนมามาก
    เล่นพระเก๊ตลอดชีวิต เป็นหมูสนาม โดนพระเก๊แล้วคนสมน้ำหน้า

    5.อ่อนน้อม ถ่อมตน รับฟังความเห็นผู้อื่น เป็นคุณสมบัติที่ดีของผู้สะสมพระเครื่อง
    การศึกษาพระเครื่อง ไม่มีวันจบ ยิ่งเก่ง ยิ่งถ่อมตน ไม่หลงตน

    6.หาประสบการณ์ในสนามจริง เป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ไม่มีใครที่จะเก่งและชำนาญ
    ในการดูพระ โดยไม่เคยลงสนามจริงและไม่มีประสบการณ์
     
  16. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    ผมได้นำพระเลียนแบบ(พระเก๊) จำนวนหนึ่ง ที่มองดูแล้วก็สวยดี ไปเข้าพิธีมหาพุทธาภิเษกมาหลายวาระ จนครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า "ชุดนี้อัดพลังไม่เข้า เต็มเปี่ยมแล้ว"

    ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกพระชุดนี้ว่าพระอะไร เลยขอเรียกว่าพระ "เก๊นอกแต่แท้ใน" ก็จะพยายามทำลัญญลักษณ์บางอย่างให้แตกต่างออกไปจากพระประเภทเดียวกัน
     
  17. nanodent

    nanodent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,730
    ค่าพลัง:
    +943
    วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

    - กลโกงเซียนพระเครื่อง.......ในวงการพระที่อยากระบายให้ท่านฟัง


    เนื่องจากช่วงนี้..มีการขายพระสมเด็จวัดระฆังกันเกร่อในเว็ปหรือในสนามจริง....เราจึงฝากเตือน

    กลโกงขายพระมักจะมีลักษณะเช่นนี้

    1. อ้างขายถูกหรือร้อนเงิน มีเด็กมาฝาก อ้างตกทอดบรรพบุรุษ จะนำไปทำทุน แต่งนิยายให้เชื่อ
    บ้างว่ามีใบประกาศจากงานประกวด ( ใบเซอร์ปลอมก็มีระวัง ) ขายแค่ 5
    แสนถูกมาก...ระวังสมเด็จในสนามจริงๆพิมพ์ใหญ่มีไม่ถึง 20 องค์ที่วงการยอมรับ (ไม่คาบลูกคาบดอก)
    สมเด็จวัดระฆังหลักหมื่นหลักแสนไม่มีแล้วทะลุล้านหมดแล้ว เขาไม่เอามาขายคุณหรอก
    เขาไปขายเซียนใหญ่ไม่ดีกว่ารึ ?
    ถ้าคุณดูไม่เป็นยังกล้าเช่าในเว็ปนะเสี่ยงนะถ้าไม่เห็นองค์จริงยังดูกันตาพลิก

    2. นำพระเกจิท่านอื่นมาสวมรอย เช่น พระหลวงตาพัน พระหลวงปู่ภูหูติ่ง บางขุนพรหม พ.ศ. 2509
    ตกแต่งแกะศัยกรรมให้สภาพใช้ช้ำแล้วปล่อยถูก เซียนโดนทุบมาแล้ว

    3. บางท่านมีพระแท้ แต่ดันหลงคารมคนอ้างเป็น " เซียนใหญ่ " แต่งตัวภูมิฐาน
    บางคนตกควาย(พระตัวเองแท้แพง แต่ปล่อยถูก) บางเซียนเก๊ดูพระไม่เป็นหรอกดูมั่ว "
    ชมรมนักสวดแห่งประเทศไทย " บางคนหลงแลกพระดีตนก็มี ต้องระวัง...

    4. บางท่านนำพระมานั่ง " จับพุทธคุณ " โชว์ หรือมีพิมพ์พิเศษ เช่น หลังตราครุฑ ตรารอห้า
    ฝังเพชรพลอย ลายเซ็นสมเด็จโต เนื้อตะกั่ว เนื้อสังคโลกวัดพระแก้ว สมเด็จนั่งภาวนา ตราโล่ตำรวจ
    องค์เท่าฝ่ามือ ฯลฯ ประทานโทษเขาไม่เล่นกันหรอก (
    นี่คือสาเหตุที่สมเด็จมีกันเกร่อ)พิมพ์สมเด็จจะต้องคมลึก ไม่เบลอเนื้อต้องไม่สดใหม่
    พิมพ์ที่ผิดมักจะเป็น " ซุ้มหวาย " " ชายจีวรที่พาดหน้าตักพระที่เน้นชัดเกินไป
    ของจริงจะแบบกลืนหาย " ส่วนช่องไฟฐานของปลอมมักจะไม่ได้สัดส่วน วงแขนและพระพักตร์จะเพี้ยน
    ต้องหมั่นจำภาพให้ติดตา

    5. สมเด็จปลอม หลักง่ายๆ " ถ้าเก๊เก่า เนื้อมักจะเก่าแต่พิมพ์ไม่ใช่
    แต่ถ้าเก๊ฝีมือพิมพ์มักจะใกล้เคียงแต่เนื้อไม่ถึง "
    อีกอย่างให้ดูเนื้อสมเด็จจะไม่แตกลายงาระแหงแต่แค่บางๆมีเฉพาะด้านหน้าต้องลงรักถึงจะแตก
    เนื้อของแท้จะเหี่ยวไม่ " ตึง " แต่พิมพ์ต้องผึ่งเพราะกาลเวลาผ่านมานาน ร้อยปี และด้านหลังจะ
    " ไม่เรียบเหมือนพระใหม่ทั่วไป " แต่มักจะมีรอยหดตัวเป็นคลื่นคล้ายน้ำเซาะ
    มีรอยกาบหมากก้านพลูบ้างประปราย เนื่องจากการระเหิดของอากาศ ส่วนเนื้อประเภทกระเบื้องแกร่ง มันปู
    (ใบตองขัด )เขาไม่เล่นกัน จะเล่นเฉพาะเนื้อเกสรปูนนุ่มวงการเขายอมรับ ที่เหลือ" อยู่กับก๋ง "
    แท้เองห้อยเองแต่ปล่อยไม่มีใครกล้าเช่า

    6. ระวังเซียนเหลือง (ในคราบพระ) บางคนได้มาจากพระก็ดีใจนำไปกรอบฝังเพชร
    ซึ่งจริงๆพระนั่นก็เช่าแถวท่าพระจันทร์มาให้โยมนั่นแหละ

    7. เหรียญของปลอมเช่น เหรียญปลอมมักจะบวมไม่คม ส่วนของจริงต้องคมตึงเนื้อมีคราบความเก่าหรือรมดำ
    มีรอยตัดขอบ ของปลอมบล็อกคอมมักจะไม่มี

    8. พระเนื้อดิน เช่น พระคง ขุนแผน
    เนื้อดินปลอมมักสดใหม่ในกรณีที่เผาไฟมาจะสีสดหรือถ้าปั้นตากดินเนื้อจะดูเก่า บางทียังมีกลิ่นดินติด
    คราบกรุก็จะติดไม่ทับซ้อนเป็นเนื้อเดียวกับกรุพระจริงๆ ไม่มีร่องรอยมวลสารหดตัว หรือ
    การหดตัวของแม่พิมพ์ หรือมือผีบางคนนำพระแท้มาลบแกะ ระวัง เช่นซุ้มกอถ้าไม่ชำนานจะเจอซุ้มแกะ ข้อสังเกต
    คือ มักจะไม่มีคราบกรุ ดูพิมพ์จะเพี้ยนเพราะแกะแม่พิมพ์ใหม่ เป็นต้น
    พระบูชาก็มีการนำไปฝังดินแช่น้ำกรอเร่งความเก่า ... ระวังบ้าง ส่วนรูปหล่อของปลอมมักจะไม่มีคราบเบ้า
    ไม่มีรูพรุนหรือส่วนที่เนื้อไม่กินกันและโลหะใหม่เพราะไม่มีหมดยาง(โดยเฉพาะหลวงพ่อเงิน)
    ส่วนหลวงพ่อเดิมเนื้อปั๊มจะคมชัดต้องแยกแยะ เป็นต้น
    9. บางคนท้าให้แห่พระในสนาม บางทีก็พวกเดียวกัน มันมีนกรู้สร้างฉากละคร
    10. ระวังหน้ามามันกินกันเป็นทีมนะ ? ทีแรกทำทีให้เราเช่า" พระแท้ๆจนตายใจ "
    พอเราเชื่อเป็นทุนเดิมพี่แกจึงค่อยๆเชือด
    11. สมเด็จ ถ้าเนื้อกระด้าง ปูนขาวซีดๆ มีกลิ่นตั้งอิ้ว ชายจีวรชัดเจนแบบจงใจ
    พิมพ์งามผิดสังเกตไม่มีร่องรอยชำรุดตามกาลเวลา เนื้อเรียบตึง สันนิษฐานเลยท่านถูกหลอกแล้ว
    12. บางทีอ้างเก๊คืนเงินแต่พี่แกหักครึ่งราคา โน้มน้าวไม่ให้คืน หรือ หายไปแล้ว
    อยากแนะอย่าเล่นพระด้วยหูเป็นใช้ได้ใช้ตาเรานี่แหละดูเก่าให้เป็น

    ส่วนพระที่อยากให้ท่านเล่น( สำหรับคนไม่มีปัญญาเช่าแพงๆ) เก็บก่อนแพง
    พอมีกำลังก็เก็บไว้เป็นสมบัติลูกหลาน

    1. พระคง เปิม
    2. พระพลายเดี่ยว
    3. พระพ่อทวด ทันอาจารย์ทิม เช่น เตารีด วัดปราสาท
    4. ชินราชอินโดจีน
    4. ปากน้ำ 456
    5. เหรียญผนวช
    6. พระเม็ดมะลื่น กำแพง
    7. คลองตลาด
    8. พ่อปาน บางนมโค
    9. พ่อโต บางกระทิง
    10. เหรียญระฆังพ่อเกษม
    11. 25 ศตวรรษ
    12. พระกรุในจว. สุพรรณ กำแพงเพชร ลพบุรี ที่ราคาหลักพันสภาพสวยปานกลาง เช่น ซุ้มยอ พระนางตรา
    ท่าเรือ กรุนครศรีธรรมราช ฯลฯ ส่วนพระใหม่ ตั้งแต่ พศ. 2530 ลงมาแนะให้เก็บไว้แจกก็พอ
    ไม่ต้องตุนไว้เชื่อผม

    สรุป : ก็อยากให้ท่านหาเซียนดีๆให้เจอ...ระวังมารศาสนามาแอบอ้างหากินด้วย ""
    ที่มา http://www.pornkruba.net/

    เขียนโดย chatree50 ที่ <A class=timestamp-link title="permanent link" href="http://chatreeblog.blogspot.com/2009/11/blog-post_2199.html" rel=bookmark><ABBR class=published title=2009-11-22T18:58:00-08:00>18:58</ABBR> [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2010
  18. nanodent

    nanodent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,730
    ค่าพลัง:
    +943
    ช่วยกันดันกระทู้นี้หน่อยครับถ้าอยากให้คนเล่นพระหูตากว้างขึ้นรู้เท่าทันกันมากขึ้นครับ.เชื่อว่าหลายคนยังไม่ได้อ่านเยอะครับ
     
  19. darin071

    darin071 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +35
    ข้าพเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบพระเครื่องมาเเต่เด็กเด็กเเต่ไม่ได้ให้ความสนใจเท่าที่ควร วันหนึ่งไปเจอเหรียญ หลวงพ่อทองศุข วัดตโหนดหลวง เนื้อเงิน รุ่น 2 ข้าพเจ้าเช่าต่อมาในราคา 500 บาท เหรียญหูมีรอยซ่อมเก่า เอาให้เซียนหลายท่านดู เก๊ เก๊ *-* ได้มาถูก เห็นว่าข้าพเจ้าศึกษามาน้อยกว่าเขา ชั่วโมงบินยังต่ำเขายังไม่พบองค์สวยเลย ราคา500บาทเกือบท้อ{500เสียดาย}มีความรู้สึกว่า ไป กทม ดีกว่า ไม่บอกใครเลย ไปหาคุณบอยท่าพระจันทร์ 555 เขาถามว่าเอาเท่าไร เอา9000บาท*-*ตังค์ไม่เท่าไร{ตกควายตัวโต}เอาละกลับบ้าน คุณเซียนชั่วโมงบินสูงหน้าหงายเป็นแถว *-นึกหน้าตาซิคร๊าบเขาทำหน้ายังไง ฮิฮิ พระเท้ก็เท้ เก๊{หนักใจ}คาบลูกคาบดอก ***เอาจมูกตัวเองไว้หายใจ เอาลมหายใจคนอื่นมาวิเคราะ หามิตรน้อยมากมาเเลกเปลี่ยน[วิเคราะ] จำชั่วโมงเซียนไว้เรียนวิชา
     
  20. nanodent

    nanodent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,730
    ค่าพลัง:
    +943
    วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

    - เรียนรู้ดูอย่างเซียน...พระสมเด็จวัดระฆัง


    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width=200 border=1><TBODY><TR><TD>[​IMG]
    สำหรับพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์พระประธาน องค์นี้เป็นพระพิมพ์ B ที่มีเนื้อหาจัดจ้านเนื่อง จากการใช้หือสัมผัส รายละเอียดพิมพ์ทรงมีความลึกชัดพิจารณาได้ดังนี้
    1. เส้นซุ้มครอบแก้ว มีลักษณะคล้ายหวายผ่าซีกหนาใหญ่ดูนูนเด่นเป็นทรงชะลูด โดยเฉพาะเส้นโค้งด้านบนจะดูนูนชัดมาก แนวซุ้มค่อนข้างชะลูดโย้ไปทางด้านขวาทำให้ส่วนโค้งด้านขวาองค์พระจะยกสูงดูชันกว่าด้านซ้ายเล็กน้อย
    2. พระเกศ เรียวยาวขึ้นไปจรดยอดซุ้มแต่ปลายเกศจะเอียงไปด้านซ้ายองค์พระห่างจากศูนย์กลางของยอดซุ้มเล็กน้อย
    3. พระพักตร์ เป็นทรงรูปไข่หน้าผากแคบลาดเอียงจากล่างขึ้นไปรับเกศ ส่วนคางจะลาดลงไปรับกับช่วงลำคอที่เรียวบาง ปรากฏปลายหูขวาเป็นติ่งเล็กๆ ยื่นออกจากใบหน้า
    4. ลำพระองค์ แนวไหล่ตรงกว้าง ช่วงลำตัวยาวชะลูดเอวเว้าผายออก ซอกแขนลึกเว้ากินสีข้างซ้ายเข้าไปมากทำให้หน้าอกสอบเป็นทรงตัววี
    5. วงพระกร วงแขนเป็นลำกลมกลึงลึกชัดทอดลงเป็นทรงตัว U จะสังเกตเห็นได้ว่า วงแขนจะกางกว้างออกไปมากกว่าพิมพ์ A แขนซ้ายด้านในจะเป็นสันตรง ฝ่ามือที่ประสานค่อนข้างเรียวบางสวย
    6. พระเพลา เป็นลำยาวกางกว้าง ปรากฏแนวลำแข้งซ้ายเป็นสันนูนยาวแนวระนาบเห็นปลายพระบาทซ้ายชัดเจน
    7. ฐาน ลักษณะของฐานทั้ง 3 ชั้น ฐานชั้นบนจะยาวกว่าพิมพ์อื่นสังเกตได้จากหัวฐานยื่นเลยออกไปมากกว่าแนวหัวเข่าทั้งสองด้าน ฐานชั้นกลางจะเป็นแบบฐานขาสิงห์ มีสันของฐานลักษณะคล้ายคมขวานคมชัดหัวฐานแหลมเห็นขาสิงห์แผ่วๆ ผนังใต้ฐานนี้จะดูเว้าลาดเฉียงเข้าไปด้านในองค์พระดูคล้ายแอ่ง ส่วนฐานชั้นล่างสุดจะหนาใหญ่ หัวฐานชั้นล่างจะตัดเฉียงค่อนข้างชัน
    8. ขอบ เป็นสันนูนคมชัดทั้งด้านซ้ายและขวา ให้สังเกตว่าขอบพิมพ์ด้านซ้ายขององค์พระจะตัดชิดเส้นซุ้มมากและวิ่งไปจรดกับเส้นซุ้มครอบแก้วตรงแนวข้อศอกพอดี
    9. พื้นผิว เนื่องจากเป็นพระที่แก่มวลสารประกอบกับผ่านการใช้หรือสัมผัส เนื้อพระจึงดูจัดจ้านหนึกนุ่มนวลตา ปรากฏธรรมชาติความเก่าและอายุของพระที่เห็นได้คือ ร่องรอยหดตัวยุบตัวเหมือนคลื่นสูงๆ ต่ำๆ ไม่เรียบตึงมีรอยยุบรอยแยกบริเวณด้านนอกของเส้นซุ้มทั้งสองด้านและมีรูพรุนปลายเข็มกระจายตามผนังด้านในของเส้นซุ้ม
    10. เม็ดมวลสาร เป็นก้อนสีขาวขุ่นกระจายฝังอยู่ตามพื้นผิวองค์พระโดยเฉพาะองค์นี้จะเป็นเม็ดขนาดใหญ่เห็นได้ชัดบริเวณพื้นผนังทั้งสองด้านขององค์พระและบริเวณหัวฐานชั้นบนและชั้นกลาง</TD></TR><TR><TD>[​IMG]
    สำหรับพระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ทรงเจดีย์องค์นี้ เป็นพระพิมพ์ D ที่มีรายละเอียดพิมพ์และเนื้อหาดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดองค์หนึ่ง พิจารณาได้จากลักษณะดังนี้
    1. เส้นซุ้มครอบแก้ว มีลักษณะคล้ายหวายผ่าซีกมีความหนาและลึกชัด ลักษณะของแนวซุ้มโค้งด้านบนจะเห็นได้ว่า ทางมุมด้านขวาองค์พระจะค่อนข้างชันกว่าด้านซ้าย
    2. พระเกศ กดติดได้ชัดดูเรียวยาวขึ้นไปเห็นปลายเกศทะลุซุ้ม
    3. พระพักตร์ มีลักษณะรูปไข่นูนเด่นมีแนวลำคอ ใบหูเห็นจางๆ เป็นเส้นยาวลงมาเรียกว่า หูบายศรี
    4. ลำพระองค์ แนวไหล่ลาดเฉียงลงทั้งสองด้าน พระอุระเล็กแบบอกวี ลำพระองค์ค่อนข้างชะลูด เอวบาง เส้นสังฆาฏิคู่ติดพิมพ์บางๆ
    5. วงพระกร เป็นเส้นลำกลมกลึง วงแขนขวากางออกหักศอกเป็นมุมโค้ง ส่วนลำแขนซ้ายจะสอบเข้าหาองค์พระมากกว่าพิมพ์อื่น ซอกรักแร้ด้านซ้ายจะเป็นร่องลึกกว่าด้านขวาเห็นได้ชัด
    6. พระเพลา เป็นลำยาวกางกว้าง ปรากฏรายละเอียดลำขาขวาซ้อนลำขาซ้ายแบบสมาธิราบเห็นฝ่าเท้าทั้งสองข้าง
    7. ฐาน มีด้วยกัน 3 ชั้น ไม่ปรากฏเส้นแซมจางๆ เหนือฐานชั้นบน ฐานชั้นกลางเป็นแบบฐานสิงห์ สันของฐานเรียวแบบคมขวาน ลักษณะของหัวฐานชั้นบนและชั้นกลางจะดูแหลมเรียวกว่าทุกพิมพ์ ส่วนฐานชั้นล่างสุดจะหนาใหญ่ หัวฐานชั้นล่างจะห่างจากเส้นซุ้มมากกว่าพิมพ์อื่น
    8. ขอบ เส้นขอบจะเป็นสันนูนแผ่วๆ และจะเห็นว่าขอบพิมพ์ด้านซ้ายและขวาระหว่างเส้นขอบกับเส้นซุ้มจะมาบรรจบกันบริเวณมุมเส้นซุ้มครอบแก้วล่างสุดทั้งสองด้าน
    9. พื้นผิว พระองค์นี้ผิวจึงดูมีความหนึกนุ่มนวลตา ธรรมชาติความเก่าและอายุของพระที่เห็นได้คือร่องรอยหดตัวยุบตัวเหมือนคลื่นสูงๆ ต่ำๆ ไม่เรียบตึง มีรอยยับรอยย่นรอยแยกและรูพรุนปลายเข็มเห็นได้ชัดบริเวณพื้นผนังด้านขวาของพระพักตร์และบริเวณพื้นผิวด้านหลังองค์พระทั้งสองด้าน
    10. เม็ดมวลสาร เป็นก้อนสีขาวขุ่นกระจายฝังอยู่ตามพื้นผิวองค์พระโดยเฉพาะองค์นี้จะเห็นได้ชัดบริเวณเหนือเกศ ข้างเส้นซุ้มด้านซ้ายองค์พระ เหนือไหล่ซ้าย และที่เหนือหัวเข่าซ้าย</TD></TR><TR><TD>[​IMG]

    พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์เกศบัวตูม องค์นี้เป็นพระที่เคยถูกทารักดำปิดบังผิว ภายหลังจึงถูกล้างผิวรักออกไป ทำให้เห็นรายละเอียดพิมพ์ทรงค่อนข้างคมชัด สามารถพิจารณาได้ดังนี้
    1. เส้นซุ้มครอบแก้ว มีลักษณะคล้ายหวายผ่าซีกหนาใหญ่นูนสูง แนวซุ้ม ค่อนข้างตั้งตรง ทำให้พื้นที่นอกซุ้มทั้งสองข้างมีขนาดค่อนข้างเท่ากัน
    2. พระเกศ จะเป็นรูปดอกบัวตูมสวยงาม โคนเกศจะมีรอยหยักคล้ายพวงมาลัยครอบโคนเกศ ปรากฏให้เห็นเป็นสันนูนติดชัดเจนเป็นพิเศษ
    3. พระพักตร์ ทรงรูปไข่นูนสวย บริเวณหน้าผากจะค่อยๆ เอียงลาดจากหัวคิ้วขึ้นไปรองรับโคนเกศสังเกตได้ชัด ใบหูเป็นสันนูนโค้งคล้ายใบหูพระพุทธรูปแต่เห็นเป็นเนื้อนูนหนาคมลึก ติ่งหูลากยาวลงไปจรดแนวไหล่
    4. ลำพระองค์ อกกว้างผึ่งผายล่ำสันเอวเป็นลำหนาปรากฏเส้นจีวรและสังฆาฏิคู่เป็นเส้นเรียวบางคมชัด
    5. วงพระกร เป็นเส้นลำหนากลมกลึง ทิ้งแขนและวาดวงแขนได้สัดส่วนสมดุลทั้งสองข้าง ซอกรักแร้จะลึกชัดเป็นพิเศษ
    6. พระเพลา เป็นลำหนาใหญ่ ลำขาซ้อนกันแบบสมาธิราบ ปรากฏฝ่าพระบาทซ้ายนูนเด่นเป็นทรงออกมาเห็นได้ชัด
    7. ฐาน ปรากฏเส้นแซม ม้วนติดกับหัวฐานและปรากฏรอยฐานเล็กๆ จากพื้นมารองรับเส้นแซมเห็นได้อย่างชัดเจน
    8. ขอบ เป็นสันนูนขึ้นเห็นแผ่วๆ พอสังเกตได้
    9. พื้นผิว ดูจัดจ้านหนึกนุ่มนวลตาปรากฏธรรมชาติความเก่าเห็นได้ชัดคือ การหดตัวยุบตัวเหมือนคลื่นสูงๆ ต่ำๆ ไม่เรียบตึง ปรากฏรอยยับรอยย่นรอยยุบรอยแยกและรูพรุนปลายเข็มอย่างชัดเจน
    10. เม็ดมวลสาร เป็นก้อนสีขาวขุ่นกระจายอยู่ตามพื้นผิวองค์พระเห็นได้ชัดบริเวณข้างศอกซ้าย ไหล่ซ้ายและด้านนอกซุ้มมุมโค้งขวา</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เขียนโดย chatree50 ที่ <A class=timestamp-link title="permanent link" href="http://chatreeblog.blogspot.com/2009/11/blog-post_2143.html" rel=bookmark><ABBR class=published title=2009-11-22T18:47:00-08:00>18:47</ABBR> [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...