ความลับค่ายบางระจัน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ปราบจราจล, 31 มีนาคม 2010.

  1. ปราบจราจล

    ปราบจราจล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +220
    ค่ายบางระจัน โดนพม่า บุกโจมตีถึงเก้าครั้งด้วยกัน

    หลายวาระมาก กว่าพม่าที่มีกำลังมากกว่าเป็นสิบเท่า สามารถ

    ที่จะตีต่ายบางระจันไห้แตกลงจงได้ ความเป็นจริงแล้ว คนที่มีกำลังน้อย

    แต่สามารถสู้ศึกได้ ต้านทานข้าศึกอยู่ได้ถึงเก้าครั้ง จนครั้งสุดท้าย

    พม่าบุกถาโถม กำลังฝ่ายไทยก็เหลือน้อย จึงถูกพม่าตีกแตกลงจนได้

    คนไทยไม่ไช่คนโง่ คนฉลาดเท่านั้น ที่ทำได้ขนาดนี้ ถ้าไช้กำลังยันกำลัง

    ค่ายบาระจันแตกตั้งแต่ครั้งแรกที่พม่าบุกโจมตีแล้ว แต่นี่ไม่ไช่ คนไทยไช้สมอง

    อาศัยความฉลาดในการสู้รบ จึงยืนหยัด ต่อสู้อยู่ได้ พอหลังจากบางระจัน ถูกทำลายลง

    คนไทยไม่ได้ตายหมด หรือสู้แบบยอมตายจนคนสุดท้าย แบบประวัติศาตร์เขียนไว้

    คนโง่เท่านั้นและ ที่จะยอมตายแบบนั้น คนไทยไม่ได้ตายหมด หัวหนั้า คนสำคัญที่ช่วยค่ายบางระจัน ไว้ได้ถึงเก้าครั้ง

    พอหลังจากค่ายแตก ท่านก็รวบรวมไพร่พลที่เหลือ ไปรวมกับ ทหารสิน ในสมัยนั้น เพื่อกอบกู้เอกราชไทย ในเวลาต่อมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2010
  2. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ค่ายบาระจันแตกตั้งแต่ครั้งแรกที่พม่าบุกโจมตีแล้ว แต่นี่ไม่ไช่ คนไทยไช้สมอง

    อาศัยความฉลาดในการสู้รบ จึงยืนหยัด ต่อสู้อยู่ได้ พอหลังจากบางระจัน ถูกทำลายลง

    คนไทยไม่ได้ตายหมด หรือสู้แบบยอมตายจนคนสุดท้าย แบบประวัติศาตร์เขียนไว้

    คนโง่เท่านั้นและ ที่จะยอมตายแบบนั้น คนไทยไม่ได้ตายหมด หัวหนั้า คนสำคัญที่ช่วยค่ายบางระจัน ไว้ได้ถึงเก้าครั้ง

    พอหลังจากค่ายแตก ท่านก็รวบรวมไพร่พลที่เหลือ ไปรวมกับ ทหารสิน ในสมัยนั้น เพื่อกอบกู้เอกราชไทย ในเวลาต่อมา

    คนบางคนสูญเสียลูกเมียญาติพี่น้อง การได้สู้ตายเป็นทางเลือกของเขา หมายความว่าเค้าโง่หรือท่าน
    คนบางคนคิดว่าการสู้ตายครั้งนี้เป็นการประกาศให้พม่ารูว่าคนไทยจะไม่ยอมแพ้โดยง่าย และยังมีคนไทยอีกมากที่พร้อมจะตายเพื่อผืนแผ่นดิน
    ในการรบครั้งสุดท้าย ต้องมีคนสองพวกคือ ผู้ที่ต้องการอยู่สู้จนตัวตาย(คงไม่ใช่ท่านสินะ)
    และผู้ที่มีภาระครอบครัวต้องดูแลจึงแยกตัวออกไป (อาจจะเป็นผมก็ได้)
    ถามหน่อยนึง ถ้าชาวบ้านบางระจันฉลาดเช่นท่านทุกคน คงหลบหนีได้โดยไม่เกิดการสูญเสีย
    วันนี้เราจะมีอะไรให้พูดถึง บ้านบางระจัน
     
  3. ปราบจราจล

    ปราบจราจล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +220
    ที่ท่านพรานกล่าวมาค่อนจะอันตรายนะครับ

    ต้องแบ่งไห้ชัดนะครับ ความฉลาด กับ ความเห็นแก่ตัว ที่ท่านพรานกล่าวถึง

    พูดถึงนั้นเห็นแก่ตัวนะครับ ฉลาดในที่นี้ หมายถึง ยุทธถวิธี หรือ พิชัยสงคราม (ฉลาดในการนำพาคนไทยไห้อยู่รอด เพื่อไห้มีสยามประเทศในวันข้างหน้า ไม่ไช่พม่าประเทศ)

    คนไทยค่ายบางจันรักกันนะครับ สมานสามัคคีกัน ถ้าไม่งั้น แปดครั้ง ยันไม่อยู่หรอกครับ

    คนก็น้อยกว่าเป็นสิบเท่า มีทหารสามพันกว่า ทหารพม่ามาเป็นหมื่น ๆแต่ตีไม่แตก

    สุภาษิตมีกล่าวไว้ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง

    คนไทยทุกคนยอมพลี เพื่อผืนผ่นดินไทยครับ แต่วันนี้ เป็นวันของพม่า ไม่ไช่วันของคนไทย


    แต่ต้องมองไห้ไกล ออกไป ลูกหลาน ภายภาคหน้า ผืนแผ่นดิน ต้องมีที่พัก ที่อาศัย สยามประเทศต้องดำรงคงอยู่


    ถ้าคนไทยคิดแบบที่ท่านกล่าว จะไม่มีวันนี้

    ถ้านายทหารสินยอมพลี ที่อยุธยา โดยไม่นำทหารห้าร้อยคนตีแวกวงล้อม ก็จะไม่มีกรุงธน แล้วก็ กรุงเทพ ในปัจจุบันนี้ อย่งาแน่นอน

    อันนี้ข้อเท็จจริงนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2010
  4. ปราบจราจล

    ปราบจราจล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +220
    เมื่อคนไทย รู้ตัวว่าคราวนี้ ต้านไว้ไม่อยู่แน่ ค่ายบางระจัน แตกแน่

    ก็สู้พราง ถอยพราง ที่ขณะสู้กับพม่า ก็บอกต่อ ส่งข่าวไห้ทุกคนได้ทราบ

    หมายถึงผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ ไห้รวมตัว เพื่อที่จะถอย อย่าลืมนะครับ ค่ายบางระจัน

    มีประตูอย่างมิดชิดสูงใหญ่ ทุกด้าน พอจะต้านไม่อยู่ เราคนไทยก็รู้แล้ว และคนไทยชำนาญพื้นที่ เขตนี้ เขตของคนไทย ป่าแค่ไหนคนไทยรู้ กำลังทหารก็ยังมีอยู่ สู้พราง ถอยพราง

    คนไทยรู้ดี พม่าไม่ไช่คนในพื้นที่ เรื่องแบบนี้สู้คนไทยไม่ได้

    สุดท้ายก็ทิ้งค่ายบางระจันไว้แนวหลัง มุ่งหน้าเข้าป่าใหญ่ ใช้วิธีต่อมาก็สู้แบบกองโจร

    คือซุ่มโจรตี ทหารพม่าที่ราดตระเวรก็มี

    ก่อนนที่จะไปรวมตัวกับ พระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อกอบกู้เอกราชไทย

    ( คุยกันเล่นๆนะครับ ลองไปถาม ประเภท เสือ หรือ นักเลง ระดับพระกาฬ

    ที่ไม่เคยถอยไห้ใคร ถ้าเกิดมีเรื่องกัน ลองถามดูว่ามีสักครั้งไหม ที่ต้องหนี ทุกคนจะตอบว่า

    มันต้องมี ถ้าไม่อย่างนั้น ขอโทด ตาย..ห่าไปนานแล้วไช่ไหม)

    ถ้าไปเจอ แบบสิบลุมหนึ่ง แถมมือเปล่า

    แล้วยังจะมากรูพระเอก ตายสถานเดียว ไช่ไหม?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2010
  5. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ที่ผมพูดมาแค่อยากให้ท่านให้ เกียรติ ผู้ที่เสียสละชีวิต ผู้ที่ยอมตายเพื่อให้ลูกหลานรุ่นหลังได้มาว่าโง่ที่ตาย ถ้าท่านคิดไม่ออก ก็แล้วแต่ท่าน พยามเลี่ยงแล้ว ท่านไม่เข้าใจเลยขอพูดตรงๆ
     
  6. ปราบจราจล

    ปราบจราจล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +220
    คือไม่ไช่แบบนั้นครับ

    คุณพรานใหญ่เข้าใจผิด

    ที่ผมพูดแบบนี้ ไม่ได้หมายถึง ท่านนะครับ

    หมายถึงนักประวัติศาตร์ ที่ขีดเขียนประวัติ

    ว่าคนไทยที่ค่ายบางระจันยอมตายหมดทุกคน

    ผมก็เลยมีคำนี้ ชี้่ไห้เห็น ว่าคนไทยไม่ได้ยอมโง่ตายทุกคนดังที่นักประวัตศาตร์ได้ว่าไว้ไงล่ะครับ

    ประเด็นอยู่ที่ นักประวัติศาตร์ว่าคนไทยยอมตายหมดทุกคน

    ปัญหาก็คือ ผมได้บอกว่า คนได้ลองฉลาดขนาดนั้น ใครเข้าจะยอมโง่ตาย( ไม่ได้เกี่ยวกับเกียรติ การเสียสละ ศักศรี คนละเรื่อง คนละประเด็น ซึ้งไม่เกี่ยวกับเรื่อง ที่ผมได้เอามาเล่าไห้ฟังนะครับ ต้องแยกแยะ ไห้ชัดเจน )


    โดยที่ ไม่หาทางแก้ไขปํญหาที่เกิดขึ้น วันนี้อาจจะแก้ไขไม่ได้

    แต่วันข้างหน้ายังมี ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับ


    ที่ท่านพรานใหญ่พูด มองคนละประเด็น (อ่านไห้ละเอียดนะครับ หวังว่าคงพอที่จะเข้าใจนะครับ )

    ขอชี้แจงดังนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2010
  7. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    ครับท่านครับ
    ผมคงเข้าใจผิดไป
    สงสัยจะเคยตายแบบไม่ฉลาดมาแล้วมั้งเห็นประโยคนั้นแล้วมันจี๊ดๆหัวใจ
    เลยมาบ่นให้กันฟัง อย่าไปคิดมากน่าท่าน
     
  8. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    แล้วกระทู้นี้กำลังจะบอกพวกเราเรื่องอะไรหรือครับ?
     
  9. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    [​IMG]

    [​IMG]

    หว่าย...จานใหญ่มาเอง
    เออ....คือเรื่องความสามัคคีในหมู่คณะครับ
    ขอบคุณในคำชี้แนะ
    และแถม
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    เยี่ยมครับ คุณพรานที่หยุดการโต้ตอบกระทู้ลงได้...อ่านจากแนวการเขียนแล้ว น่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่เราคิด กำลังตั้งกระทู้ "อะไรบางอย่าง" ขึ้นอีกแล้ว......
     
  11. ผู้มีสติ1

    ผู้มีสติ1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    750
    ค่าพลัง:
    +3,637
    ภาพยนต์บางระจันภาคแรก ผมก็ได้ดูนะ มีเพลงแอ๊ดคาราบาวด้วยนะ ตอนจบก็มีนะ เอาศพคนไทยมากองเต็มเลย ก็แบบว่าตายหมดเลยสู้กันจนคนสุดท้าย ผมก็เอะนะ..ก็ยังรู้สึกเอะเช่นกัน ว่าทำไม..
    อ่านประวัติศาตร์ชาติไทยก็ โห!!กล้าหาญคนไทยสู้กันอย่างกล้าหาญมาก แต่ผมก็ยังเอะ..อยู่ดีอะแหละ
    ตรงที่อะไร พม่าบุกโจมตีด้วยกำลังมากกว่าเยอะเลย แต่ก็นะ ตั้งแปดเก้าคร้ง ก็ยังตีไม่ได้ แล้วครั้งที่เก้านะ คนถึงไทยถึงแพ้ แต่ก้ต้องตายเรียบไม่ไเหลือ
    ผมก็ยังคิดแบบเจ้าของกระทู้คิดเลย...ว่าตีไม่ แตกตั้ง8ครั้ง แล้วกำลังทหารก็น้อกว่ามาก ยังสู้ได้ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด(คนฉลาดต้องคิดไกล วางแผนไว้ในอนาคตระยะยาว ต้องมองการไกลอย่างแน่นอน) แสดงว่าคนไทยที่ค่ายบางระจันต้องไม่ธรรมดา เก่งขนาดนั้น จะตายกันหมดเลยเชียวหรือ ผมก็คิด..นะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 มกราคม 2011
  12. ผู้เตือน warn

    ผู้เตือน warn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    561
    ค่าพลัง:
    +688
    ยินดีด้วยครับ น่าสนใจครับ
     
  13. พลูโตจัง

    พลูโตจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    358
    ค่าพลัง:
    +554
    เรื่องที่ไม่มีประโยชน์ บางเรื่อง ไม่รู้..ก้ไม่น่าจะเป็นไร
    แต่เรื่องดีๆ ของการกระทำดีๆ ของคนอื่นๆ
    ควรยกย่องสรรเสริญ..
     
  14. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    พลูโตจัง<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_3138509", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เรื่องที่ไม่มีประโยชน์ บางเรื่อง ไม่รู้..ก็ไม่น่าจะเป็นไร
    แต่เรื่องดีๆ ของการกระทำดีๆ ของคนอื่นๆ
    ควรยกย่องสรรเสริญ..<!-- google_ad_section_end --> __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->:: มองด้วย “ตา” แล้วปล่อยให้ “ปัญญา” เป็นผู้วินิฉัย ::


    ชะแม่ผู้นี้กล่าวได้จับจิตจับใจยิ่งนัก
    อย่างนี้... ต้องลงโทษด้วยความรักสถานเดียวเลย

    ตามมาเชียร์จ้ะ... น้องพลูโต
     
  15. นักเดินธรรม

    นักเดินธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +2,393
    เพื่อผองเพื่อน....กูจะสู้หลังชนฝา

    เพื่อลูกเมีย.......กูจะสู้สุดใจกล้า

    เพื่อพี่น้อง.......กูจะสู้สุดแรงล้า

    เพื่อบ้านเมือง...กูจะสู้จนสิ้นเลือด....หยดสุดท้าย
     
  16. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=RJekwb4tfaY&feature=related"]YouTube - คาราบาว - บางระจันวันเพ็ญ[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=pjW3-Jq2L3I"]YouTube - บางระจัน เเอ๊ด คาราบาว Bangrajun Carabao[/ame]


    ฟังเพลงแค่คึกคัก... แต่อย่าคึกรบนา ท่านนักรบทั้งหลาย
    เรื่องมันผ่านมานานแล้ว
    ถ้ากตัญญูกับบรรพชนผู้กล้าเหล่านั้นก็รักกันให้มากๆ
    อย่าให้เสียทีที่พวกท่านต้องต่อรบ หลั่งเลือดเสียเนื้อ เพื่อผองเราชาวสยาม

    แต่ถ้าใครข้องใจนักล่ะก็... แนะนำให้ไปตะโกนถามพวกเขาที่ยังเฝ้ารักและหวงแหนอยู่ที่ค่าย ว่าพวกท่านหนีหรือสู้จนตัวตาย
    ลองดูนะ... อาจได้คำตอบที่คาดไม่ถึง
     
  17. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
    การรบที่บางระจัน เป็นการรบเพื่อป้องกันตัวเองของชาวบ้านเมืองวิเศษชัยชาญและเมืองต่าง ๆ ที่พากันมาหลบภัยกองทัพพม่าที่บางระจัน ในคราวการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง<SUP class="noprint Template-Fact">[ต้องการอ้างอิง]</SUP> สามารถต้านทานการเข้าตีของกองทัพพม่าได้หลายครั้ง จนได้ชื่อว่า "เข้มแข็งกว่ากองทัพของกรุงศรีอยุธยาในสมัยนั้น"<SUP id=cite_ref-.E0.B8.81.E0.B8.B3.E0.B8.A5.E0.B8.B1.E0.B8.87_5-2 class=reference>[6]</SUP> และมีกิตติศัพท์เลื่องลือในด้านวีรกรรมความกล้าหาญในประวัติศาสตร์ไทย โดยมีอนุสาวรีย์สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมในครั้งนี้ในจังหวัดสิงห์บุรี


    พ.ศ. 2307 กองทัพพม่าภายใต้การนำของเนเมียวสีหบดียกมาจากพม่า ซึ่งแต่เดิมแล้วมีภารกิจที่จะปราบปรามกบฎต่ออาณาจักรพม่าเท่านั้น แต่เนื่องจากความอ่อนแอของอาณาจักรอยุธยา เนเมียวสีหบดีจึงตั้งเป้าหมายที่จะเข้าตีกรุงศรีอยุธยาไปด้วย
    ต้นเดือนมกราคม พ.ศ. 2308 กองทัพของเนเมียวสีหบดีรุกเข้าสู่อาณาจักรอยุธยาจากทางเหนือ ได้มาหยุดอยู่ที่เมืองวิเศษชัยชาญ และจัดให้ทหารพม่ากองหนึ่งเที่ยวกวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนทางเมืองวิเศษชัยชาญ ราษฎรต่างพากันโกรธแค้นต่อการกดขี่ข่มเหงของทหารพม่า จึงแอบคบคิดกันต่อสู้ ในเดือน 3 พวกชาวเมืองวิเศษชัยชาญ เมืองสิงห์บุรี เมืองสรรคบุรี และชาวบ้านใกล้เคียงพากันคบคิดอุบายเพื่อล่อลวงทหารพม่า ทั้งรวบรวมผู้คนไว้เพื่อทำการต่อไป ในบรรดาชาวบ้านที่ร่วมกันอยู่นี้มีหัวหน้าที่สำคัญคือ นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ซึ่งได้หลอกลวงทหารพม่านำไปหาทรัพย์สิ่งของที่ต้องการ ทหารพม่าหลงเชื่อตามไป ก็ถูกนายโชติและพรรคพวกซุ่มอยู่บุกเข้ามาฆ่าฟันพม่าตายประมาณ 20 คน แล้วจึงพากันหนีไปยังบางระจัน
    ในเวลานั้นชาวเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็เข้ามาหลบอาศัยอยู่ที่บางระจันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีอาหารอุดมสมบูรณ์ ข้าศึกตามเข้าไปได้ยาก ชาวบ้านทั้งหลายจึงพาพรรคพวกครอบครัวอพยพหันมาพึ่งพระอาจารย์ธรรมโชติ ซึ่งมีกิตติศัพท์ว่ามีความเชี่ยวชาญทางวิทยาคมมาก ต่อมานายแท่นและผู้มีชื่ออื่น ๆ ชักชวนชาวบ้านได้อีกประมาณ 400 คนเศษพากันมาอยู่ที่บ้านบางระจัน หลังจากนั้นก็ตั้งค่ายขึ้นล้อมรอบบ้านบางระจัน 2 ค่าย เพื่อป้องกันทหารพม่าที่จะยกติดตามมาและเพื่อจัดหากำลังและศัตราวุธในแถบตำบลนั้น นอกจากนี้มีคนไทยชั้นหัวหน้าที่เข้ามาร่วมด้วยอีก 5 คน คือ ขุนสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น นายจันหนวดเขี้ยว และนายทองแสงใหญ่ รวมหัวหน้าที่สำคัญของค่ายบางระจันครั้งนั้นรวม 11 คน ตั้งซ่องสู้กับกองทัพพม่า
    [แก้] การเข้าตีค่ายบางระจัน


    <DL><DT>การรบครั้งที่ 1<DD>ทหารพม่าที่เมืองวิเศษชัยชาญยกพลมาประมาณ 100 เศษ มาตามจับพันเรืองเมื่อถึงบ้านบางระจัน ก็หยุดอยู่ ณ ฝั่งลำธารบางระจัน นายแท่นจัดคนให้รักษาค่ายแล้วนำคน 200 ข้ามแม่น้ำไปรบกับพม่า ทหารพม่าไม่ทันรู้ตัวยิงปืนได้เพียงนัดเดียวชาวไทยซึ่งมีอาวุธสั้นทั้งนั้นก็กรูเข้าไล่ฟันแทงพม่าถึงขั้นตะลุมบอน พลทหารพม่าล้มตายหมดเหลือแต่ตัวนายสองคนขึ้นม้าหนีไปได้ ไปแจ้งความให้นายทัพพม่าที่ค่ายแขวงเมืองวิเศษชัยชาญทราบ และส่งข่าวให้แม่ทัพใหญ่คือเนเมียวสีหบดี ซึ่งตั้งค่ายใหญ่อยู่ ณ ปากน้ำพระประสบทราบด้วย</DD></DL><DL><DT>การรบครั้งที่ 2<DD>เนเมียวสีหบดีจึงแต่งให้งาจุนหวุ่น คุมพล 500 มาตีค่ายบางระจัน นายแท่นก็ยกพลออกรบ ตีทัพพม่าแตกพ่ายล้มตายเป็นอันมาก แม่ทัพพม่าได้เกณฑ์ทหารเพิ่มเป็น 700 คน ให้เยกินหวุ่นคุมพลยกมาตีค่ายบางระจัน ทัพพม่าก็ถูกตีแตกพ่ายอีกเป็นครั้งที่ 2</DD></DL><DL><DT>การรบครั้งที่ 3<DD>เมื่อกองทัพพม่าต้องแตกพ่ายหลายครั้ง เนเมียวสีหบดีเห็นว่าจะประมาทกำลังของชาวบ้านบางระจันต่อไปอีกไม่ได้ จึงเกณฑ์พลเพิ่มเป็น 900 คน ให้ติงจาโบ เป็นผู้คุมทัพครั้งนี้ชาวบ้านบางระจันมีชัยชนะพม่าอีกเช่นครั้งก่อนๆ</DD></DL><DL><DT>การรบครั้งที่ 4<DD>การที่พม่าแพ้ไทยหลายครั้งเช่นนี้ ทำให้พม่าขยาดฝีมือคนไทย จึงหยุดพักรบประมาณ 2-3 วัน แล้วเกณฑ์ทัพใหญ่เพื่อมาตีค่ายบางระจัน มีกำลังพลประมาณ1,000 คน ทหารม้า 60 สุรินจอข่องเป็นนายทัพ พม่ายกทัพมาตั้งที่บ้านห้วยไผ่ (ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง) ฝ่ายค่ายบางระจันได้จัดเตรียมกันเป็นกระบวนทัพสู้พม่าคือ นายแท่นเป็นนายทัพคุมพล 200 พันเรืองเป็นปีกซ้ายคุมพล 200 ชาวไทยเหล่านี้มีปืนคาบศิลาบ้าง ปืนของพม่าและกระสุนดินดำของพม่า ซึ่งเก็บได้จากการรบครั้งก่อนๆ บ้าง นอกจากนั้นก็เป็นอาวุธตามแต่จะหาได้ ทัพไทยทั้งสามยกไปตั้งที่คลองสะตือสี่ต้น อยู่คนละฟากคลองกับพม่า ต่างฝ่ายต่างยิงตอบโต้กันฝ่ายไทยชำนาญภูมิประเทศกว่า ได้ขนไม้และหญ้ามาถมคลอง แล้วพากันรุกข้ามรบไล่พม่าถึงขั้นใช้อาวุธสั้น พม่าล้มตายเป็นอันมาก ตัวสุรินทรจอข้องนายทัพพม่า ขี่ม้ากั้นร่มระย้าเร่งให้ตีกองรบอยู่กลางพล ถูกพลทหารไทยวิ่งเข้าไปฟันตาย ณ ที่นั้น ส่วนนายแท่นแม่ทัพไทยก็ถูกปืนที่เข่าบาดเจ็บสาหัสต้องหามออกมาจากที่รบ ทัพไทยกับพม่ารบกันตั้งแต่เช้าจนเที่ยง ต่างฝ่ายต่างอิดโรย จึงถอยทัพจากกันอยู่คนละฟากคลอง พวกชาวบ้านบางระจันในค่ายก็นำอาหารออกมาเลี้ยงดูพวกทหาร ขณะพม่าต้องหุงหาอาหารและมัวจัดการศพแม่ทัพไม่ทันระวังตัว กองสอดแนมของไทยมาแจ้งข่าว พวกทหารไทยกินอาหารเสร็จแล้วก็ยกข้ามคลองเข้าโจมตีพม่าพร้อมกันทันที ทหารพม่าแตกพ่ายไม่เป็นกระบวน ที่ถูกอาวุธล้มตายประมาณสามส่วน และเสียเครื่องอาวุธยุทธภัณฑ์เป็นอันมาก ไทยไล่ติดตามจนใกล้ค่ำจึงยกกลับมายังค่าย กิตติศัพท์ความเก่งกล้าของชาวบ้านบางระจันแพร่หลายออกไปมีชาวบ้านอื่นๆ อพยพครอบครัวเข้ามาอาศัยอยู่ในค่ายบางระจันเพื่อขึ้นอีกเป็นลำดับ</DD></DL><DL><DT>การรบครั้งที่ 5<DD>พม่าเว้นระยะไม่ยกมาตีค่ายบางระจันอยู่ประมาณ 10-11 วัน ด้วยเกรงฝีมือชาวไทย หลังจากนั้นจึงแต่งทัพยกมาอีกครั้งหนึ่ง มีแยจออากาเป็นนายทัพ คุมทหารซึ่งเกณฑ์แบ่งมาจากทุกค่ายเป็นคนประมาณ 1,000 คนเศษ พร้อมด้วยม้าและอาวุธต่างๆแต่กองทัพพม่านี้ก็ปราชัยชาวบ้านบางระจันแตกพ่ายไป</DD></DL><DL><DT>การรบครั้งที่ 6<DD>นายทัพพม่าครั้งที่ 6 นี้คือ จิกแก ปลัดเมืองทวาย คุมพล 100 เศษ ฝ่ายไทยมีชัยชนะอีกเช่นเคย</DD></DL><DL><DT>การรบครั้งที่ 7<DD>เนเมียวสีหบดีได้แต่งกองทัพให้ยกมาตีค่ายบางระจันอีก ให้อากาปันคยีเป็นแม่ทัพคุมพล 1,000 เศษ อากาปันคยียกกองทัพไปตั้ง ณ บ้านขุนโลก ทางค่ายบางระจันดำเนินกลศึกคือ จัดให้ขุนสรรค์ซึ่งมีฝีมือแม่นปืน คุมพลทหารปืนคอยป้องกันกองทัพม้าของพม่า นายจันหนวดเชี้ยวเป็นแม่ทัพใหญ่คุมพล 1,000 เศษออกตีทัพพม่าและล้อมค่ายไว้ ทหารไทยใช้การรบแบบจู่โจม พม่ายังไม่ทันตั้งค่ายเสร็จก็ถูกโอบตีทางหลังค่าย ทหารพม่าถูกฆ่าตายเกือบหมดเหลือรอดตายเป็นส่วนน้อย แม่ทัพก็ตายในที่รบครั้งนี้ทำให้พม่าหยุดพักรบนานถึงครึ่งเดือน</DD></DL><DL><DT>การรบครั้งที่ 8<DD>การที่พม่าส่งกองทัพมาปราบค่ายบางระจันถึง 7 ครั้ง แต่ต้องแตกพ่ายยับเยินทุกครั้งนั้น ทำให้แม่ทัพใหญ่ของพม่าวิตกมาก เนื่องจากชาวบ้านบางระจันมีกำลังเข้มแข็งขึ้นทุกที และทหารพม่าก็พากันเกรงกลัวฝีมือไทย ไม่มีใครอาสาเป็นนายทัพ ขณะนั้นมีชาวรามัญผู้หนึ่งเคยอยู่เมืองไทยมานาน รู้จักนิสัยคนไทยและภูมิประเทศดี ได้เข้าฝากตัวทำราชการอยู่กับพม่าจนได้รัยตำแหน่งสุกี้ หรือพระนายกอง สุกี้เข้ารับอาสาจะขอไปตีค่ายบางระจัน เนเมียวสีหบดีจึงแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพคุมพล 2,000 พร้อมทั้งม้าและสรรพาวุธทั้งปวง สุกี้ดำเนินการศึกอย่างชาญฉลาด เมื่อเวลาเดินทัพไม่ตั้งทัพกลางแปลงอย่างทัพอื่น ให้ตั้งค่ายรายไปตามทาง 3 ค่าย และรื้อค่ายหลังผ่อนไปสร้างข้างหน้าเป็นลำดับ ใช้เวลาถึงครึ่งเดือนจึงใกล้ค่ายบางระจัน สุกี้ใข้วิธีตั้งมั่นรบอยู่ในค่าย ด้วยรู้ว่าคนไทยเชี่ยวชาญการรบกลางแปลง พวกหัวหน้าค่ายบางระจันนำกำลังเข้าตีค่ายพม่าหลายครั้งไม่สำเร็จกลับทำให้ไทยเสียไพร่พลไปเป็นจำนวนมาก วันหนึ่งนายทองเหม็นดื่มสุราแล้วขี่กระบือนำพลส่วนหนึ่งเข้าตีค่ายพม่า สุกี้นำพลออกรบนอกค่าย นายทองเหม็นถลำเข้าอยู่ท่ามกลางข้าศึกแต่ผู้เดียว แม้ว่าจะมีฝีมือสามารถฆ่าฟันทหารพม่ารามัญล้มตายหลายคน แต่ในที่สุดก็ถูกทหารพม่ารุมล้อมจนสิ้นกำลังและถูกทุบตีตายในที่รบ (เล่าขานกันมาว่านายทองเหม็นเป็นผู้รู้ในวิชาคงกระพันชาตรี และมีของขลังป้องกันภยันตราย ฟันแทงไม่เข้า หากจะทำร้ายคนมีวิชาเช่นนี้จะต้องตีด้วยของแข็ง) ทัพชาวบ้านบางระจันเมื่อเสียนายทัพก็แตกพ่าย ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในการรบกับพม่า ทัพพม่ายกติดตามมาจนถึงบ้านขุนโลกใกล้ค่ายบางระจัน แล้วตั้งค่ายมั่นอยู่ ทัพบางระจันพยายามตีค่ายพม่าอีกหลายครั้งไม่สำเร็จก็ท้อถอย สุกี้จึงให้ทหารขุดอุโมงค์เข้าใกล้ค่ายน้อยบางระจัน ปลูกหอรบขึ้นสูงนำปืนใหญ่ขึ้นยิงเข้าไปในค่ายถูกผู้คนล้มตายเป็นอันมาก ค่ายน้อยบางระจันก็แตกพ่ายลงนอกจากนี้ยังมีเรื่องที่ทำให้ชาวบ้านบางระจันเสียกำลังใจลงอีกคือ นายแท่นหัวหน้าค่ายที่ถูกปืนที่เข่าบาดเจ็บครั้งที่สุรินทรจอข่องเป็นแม่ทัพยกมาเมื่อการรบครั้งที่ 4 นั้นได้ถึงแก่กรรมลง ในเดือน 6 ปีจอ พ.ศ. 2309 หัวหน้าชาวบ้านบางระจันคนอื่น ได้พยายามจะนำทัพไทยออกรบกับพม่าอีกหลายครั้ง วันหนึ่งทัพพม่าสามารถตีโอบหลังกระหนาบทัพไทยได้ ขุนสรรค์และนายจันหนวดเขี้ยวได้ทำการรบจนกระทั่งตัวตายในที่รบ ยังเหลือแต่พันเรืองและนายทองแสงใหญ่เป็นหัวหน้าสำคัญ ชาวค่ายบางระจันเห็นว่าตนเสียเปรียบ ผู้คนล้มตายลงไปมาก เหลือกำลังที่จะต่อสู้กับพม่าแล้ว จึงมีใบบอกเข้าไปยังกรุงศรีอยุธยาขอปืนใหญ่ 2 กระบอก พร้อมด้วยกระสุนดินดำเพื่อจะนำมายิงค่ายพม่า ทางพระนครปรึกษากันแล้วเห็นพร้อมกันว่าไม่ควรให้เนื่องจากกลัวว่าพม่าจะแย่งชิงกลางทางบ้าง หรือหากพม่าตีค่ายบางระจันแตก พม่าก็จะได้ปืนใหญ่นั้นมาเป็นกำลังรบพระนคร พระยารัตนาธิเบศร์ไม่เห็นด้วยในข้อปรึกษา จึงออกไป ณ ค่ายบางระจัน เรี่ยไรเครื่องภาชนะทองเหลืองทองขาวจากพวกชาวบ้านหล่อปืนใหญ่ขึ้นมาสองกระบอก แต่ปืนทั้งสองนั้นร้าวใช้ไม่ได้ พระยารัตนาธิเบศร์เห็นว่าการศึกจะไม่เป็นผลสำเร็จจึงกลับพระนคร เมื่อขาดที่พึ่งชาวบ้านบางระจันก็เสียกำลังใจมากขึ้น ฝีมือการสู้รบกับพม่าก็พลอยอ่อนลง บางพวกก็พาครอบครัวหลบหนีออกจากค่าย ผู้คนในค่ายก็เบาบางลง ในที่สุดพม่าก็สามารถตีค่ายใหญ่บางระจันได้ ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนแปด ปีจอ พ.ศ. 2309 รวมเวลาที่ไทยรบกับพม่าตั้งแต่เดือน 4 ปลายปีระกา พ.ศ. 2308 ถึงเดือนแปด ปีจอ พ.ศ. 2309 เป็นเวลาทั้งสิ้น 5 เดือน พม่าได้กวาดต้อนชาวไทยในค่ายบรรดาที่รอดตายทั้งหลายกลับไปยังค่ายพม่า ส่วนพระอาจารย์ธรรมโชติซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ช่วยให้กำลังใจให้ชาวบ้านบางระจันสู้รบกับพม่าอย่างห้าวหาญนั้น ไม่ปรากฏว่าท่านมรณภาพอยู่ในค่าย ถูกกวาดต้อน หรือหลบหนีไปได้</DD></DL>[แก้] อนุสาวรีย์

    [​IMG] [​IMG]
    อนุสาวรีย์ชาวบ้านบางระจัน


    [​IMG] [​IMG]
    ตราประจำจังหวัดสิงห์บุรีในปัจจุบัน ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2545 แสดงภาพอนุสาวรีย์ชาวบ้านบางระจัน


    กองหัตถศิลป กรมศิลปากรเริ่มดำเนินการหล่ออนุสาวรีย์ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2509 จนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยพร้อมที่จะนำไปติดตั้งได้ใน พ.ศ. 2512<SUP id=cite_ref-.E0.B8.9A.E0.B8.B9.E0.B8.A3.E0.B8.93.E0.B8.B0_7-0 class=reference>[8]</SUP> โดยกรมศิลปากรสร้างอนุสาวรีย์ไว้ตรงกันข้ามวัดโพธิ์เก้าต้น อยู่ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรี ประมาณ 15 กิโลเมตร ไปตามเส้นทางสายสิงห์บุรี-สุพรรณบุรี หมายเลข 3032 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเสด็จพระราชดำเนินมาในวโรกาสเปิดอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจันเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2519<SUP id=cite_ref-8 class=reference>[9]</SUP> ทรงมีพระราชดำรัสไว้ว่า "วีรกรรมในครั้งนั้นเป็นของผู้ที่รักแผ่นดินไทย เป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยทั้งมวล ทั้งในอดีตและปัจจุบันมีกำลังใจและเตือนสติให้มีความสามัคคีและรักษาจิตใจให้เข้มแข็ง เพื่อรักษาประเทศไทยให้ตนเองและเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน....."<SUP class="noprint Template-Fact">[ต้องการอ้างอิง]</SUP>
    ฐานของอนุสาวรีย์มีคำจารึกไว้ว่า "สิงห์บุรีนี่นี้ นามใด สิงห์แห่งต้นตระกูลไทย แน่แท้ ต้นตระกูล ณ กาลไหน วานบอก หน่อยเพื่อน ครั้งพม่ามาล้อมแล้ ทั่วท้องบางระจัน"
    จารึกอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน:
    "พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
    เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด
    ณ วันที่... เดือน... พุทธศักราช ๒๕๑๙

    เมื่อเดือนสาม ปีระกา พุทธศักราช ๒๓๐๘
    นายจันหนวดเขี้ยว นายโชติ นายดอก นายทองแก้ว
    นายทองเหม็น นายทองแสงใหญ่ นายแท่น นายเมือง
    พันเรือง ขุนสรรค์ และนายอิน
    ได้เป็นหัวหน้ารวบรวมชาวบ้านตั้งค่ายต่อสู้พม่าที่บ้านบางระจัน
    มีพระอาจารย์ธรรมโชติเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาคมบำรุงขวัญ

    ตั้งแต่เดือนสี่ ปีระกา พุทธศักราช ๒๓๐๘ จนถึงเดือนเจ็ด ปีจอ พุทธศักราช ๒๓๐๙
    วีรชนค่ายบางระจันได้ต่อสู้พม่าด้วยความกล้าหาญและด้วยกำลังใจอันเด็ดเดี่ยว
    ยอมสละแม้เลือดเนื้อและชีวิตเพื่อรักษาแผ่นดินไทย
    รบชนะพม่าถึงเจ็ดครั้ง จนพม่าครั่นคร้ามฝีมือ

    รัฐบาลและประชาชนชาวไทยจึงพร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์นี้ขึ้น
    เพื่อประกาศเกียรติคุณของวีรชนค่ายบางระจันให้ยั่งยืนชั่วกาลนาน.



    จริงเท็จเพียงใดใครเล่าจักบอกได้... มันนานมากแล้ว
    แต่ยืนยันว่า นักรบที่รบด้วยเกียรติแห่งนักรบผู้กล้าและเสียสละ มีอยู่มากในครั้งอดีต
    มีจำนวนมากกว่าที่ท่านรู้จักชื่อตามประวัติศาสตร์ และนิยายรวมกันเสียอีก
    กล่าวสิ่งใดก็เกรงใจไว้เกียรติแก่ท่านๆเหล่านั้นบ้าง น่าจะเป็นความประพฤติที่เหมาะสมของลูกหลาน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 มีนาคม 2010
  18. รพินทร์ไพรวัลย์

    รพินทร์ไพรวัลย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +1,122
    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=6Ejga4kJUts]YouTube - The Cranberries - Zombie[/ame]

    Another head hangs lowly,
    Child is slowly taken.
    And the violence caused such silence,
    Who are we mistaken?

    But you see, it's not me, it's not my family.
    In your head, in your head they are fighting,
    With their tanks and their bombs,
    And their bombs and their guns.
    In your head, in your head, they are crying...

    In your head, in your head,
    Zombie, zombie, zombie,
    Hey, hey, hey. What's in your head,
    In your head,
    Zombie, zombie, zombie?
    Hey, hey, hey, hey, oh, dou, dou, dou, dou, dou...

    Another mother's breakin',
    Heart is taking over.
    When the vi'lence causes silence,
    We must be mistaken.

    It's the same old theme since nineteen-sixteen.
    In your head, in your head they're still fighting,
    With their tanks and their bombs,
    And their bombs and their guns.
    In your head, in your head, they are dying...

    In your head, in your head,
    Zombie, zombie, zombie,
    Hey, hey, hey. What's in your head,
    In your head,
    Zombie, zombie, zombie?
    Hey, hey, hey, hey, oh, oh, oh,
    Oh, oh, oh, oh, hey, oh, ya, ya-a...


    พอได้หรือยังกับความกระหายเลือดในตัวคุณเอง
    เลิกหาเหตุผลที่ดีๆเพื่อฆ่า เพื่อแบ่งแยก
     
  19. emaN resU

    emaN resU เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2,944
    ค่าพลัง:
    +3,294
  20. ชัยธการ

    ชัยธการ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +28

    เห็นด้วยครับ แต่เพราะเหตุอย่างนี้หรือเปล่า
    ใครจะสู้ กูไม่สู้ พวกกูน้อย
    ใครไม่ถอย กูจะถอย กูกลัวตาย
    ใครจะอยู่ เชิญมึงอยู่ กูจะไป
    กูกลัวตาย เชิญมึงอยู่ มึงสู้เอง
    ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เรารู้เรื่องของชาวบ้านบางระจันเป็นอย่างดี เพราะมีคนรอดตาย
     

แชร์หน้านี้

Loading...