อยากจะเอาสิ่งไม่ดีออกจากใจ จะไปที่ไหนดี

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย happyness, 29 ธันวาคม 2009.

  1. happyness

    happyness เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +163
    สวัสดีค่ะ

    วันหยุดปีใหม่นี้ อยากไปปฏิบัติธรรมที่มีอาจารย์หรือพระช่วยให้คำปรึกษาเวลาปฏิบัติธรรม เพราะอยากจะทำใจให้มีความสุขกับที่ทำงาน ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยดีเลย มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งที่เขาสร้างความลำบากใจให้กับเราและเพื่อนร่วมงานคนอื่นมากๆ พูดเสียงดัง ด่าว่าคนอื่นตลอด มันทำให้เราไม่มีสมาธิในการทำงาน เพราะงานที่ทำต้องการสมาธิที่สูงมาก เรารู้ว่าแก้ที่เขาไม่ได้ เพราะขนาดเจ้านายบอกยังเถียง และคิดว่าตัวเองถูกเสมอ มันเป็นนิสัยเขาไปแล้ว แต่อยากจะแก้ที่ใจเรามากกว่า มีวิธีไหนบ้างที่สามารถสะกัดกิเลสตัวนี้ และสามารถอยู่ร่วมกับคนเช่นนี้ได้อย่างมีความสุข โดยมีสติ บางวันจิตตกเลยค่ะ มึนหัวมากเพราะเขาทำเสียงดังทั้งวัน ตะคอก หรืออุทาน โดยไม่มีสาเหตุ ทำให้เราผู้ที่เพิ่งปฏิบัติธรรม จิตมันยังไม่แข็งพอต้องมารองรับและรู้สึกรำคาญมากๆ
    ไม่อยากเปลี่ยนงานง่ะคะ เพราะเพื่อนร่วมงานที่นี่ดีหมด ยกเว้นอยู่คนเดียวอะคะ

    ถ้าจะให้คำแนะนำว่า ต้องทำใจ ก็ช่วยบอกวิธีและขั้นตอนด้วยนะคะ ท่านผู้ใดมีข้อแนะนำดีๆก้อช่วยกรุณาแนะนำมาได้เลยค่ะ

    แถวกรุงเทพไม่รู้ว่าที่ไหนบ้างที่มีคลอสปฏิบัติธรรมสั้นให้ อยากไปสัก 5-7 วัน เผื่อจิตใจมันจะเข้มแข็งและสามารถทำงานโดยไม่ได้ยินเสียงของคนนี้อีกเลย

    สาธุ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,647
    ที่แน่ๆ...คุณเอาใจคุณ...ไปห้อยไว้กับเขาทำไมล่ะครับ....

    ที่เห็นและเขาว่าดี...ผู้หญิงไปกันมาก...ก็ที่นี่ครับ...เสถียรธรรมสถาน

     
  3. happyness

    happyness เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +163
    มันก็พูดง่ายนะค่ะ ว่าอย่าเอาใจไปหอยกะเขา แต่ถ้าไม่เจอหรือรู้กะตัว แล้วดิฉันก็เป็นแค่คนธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่เพิ่งจะหัดปฏิบัติธรรม มันก็ยากนะค่ะ ถ้าเกิดมีคนมาตะโกนเข้าหูคุณตลอดทั้งวัน มันก็คงจะทำให้ใจสงบได้อยากจริงๆคะ
     
  4. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    เอาง่ายๆก็สวดมนต์ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้เค้า เดี๋ยวเค้าก็จะปรับใจดีไปเอง
    ถ้าจิตเราตกเพราะเก็บเรื่องที่เค้าดพูดไม่ดีมาคิด สวดอิติปิโส เท่าอายุ+1 จิตจะผ่องใส

    แต่จะเสียโอกาสในการยกระดับจิต บำเพ็ญตบะ ดับโทสะ 1ใน3กิเลสตัวสำคัญ
    ที่ต้องใช้ก็มี
    1.ฝึกสมาธิ สติละความชั่ว ระงับว่าวาจาที่ไม่ดีที่จะตอบโต้เค้าไป เสียความดีในตัวไป
    http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=21575
    2.ขันติ คือ อดทนอดกลั้น
    3.เมตตา อภัยให้แม้คนที่ทำไม่ดีกับตนได้

    ที่คุณPhanudet ว่าเอาใจไปห้อยกับเค้าทำไม
    - คือแก้ด้วยปัญญา เค้าพูดไม่คิดกับคุณ 1นาที คุณเอามาคิดทุกข์ไป 3วัน
    ทุกข์เพราะการยึดถือตัวตน
    ว่าเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นลูกน้อง
    ไม่น่ามาเสียงดังใส่กันซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ใช่
    ที่เราคุมได้มีเพียงความสงบของใจเรา
    เรื่องภายนอกตัวเราควบคุมไม่ได้หรอกครับ จึงไม่ควรยึดมั่น
     
  5. นาตยา

    นาตยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2005
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +1,104
    ก่อนอื่นต้องถามก่อนว่าลักษณะงานและสถานที่ทำงานเป็นอย่างไร เช่น ร้านค้า โรงงาน งานสำนักงาน ฯลฯ เพราะบางงานและบางสถานที่ไม่สามารถหลีกหนีบุคคลที่ว่าได้ซึ่งป้าถือว่าเค้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรา จึงไม่สามารถแนะนำได้อย่างตรงประเด็น แต่อย่างที่คุณphanudet พูดก็ถูก เราอย่าเอาจิตเราไปผูกไปคอยสนใจกับเขาคนนั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องงานต้องพูดก็พูดเมื่อจบแล้วให้วางเฉย เข้าใจว่าผู้ที่ปฏิบัติใหม่ ๆ ยังทำไม่เป็น ที่จริงไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย เพียงแต่เราอยู่ที่ปัจจุบันขณะ ซึ่งเป็นตัวเราให้มาก เช่นทำงาน ก็ทำงานตรงหน้าไม่ต้องสนใจในสิ่งอื่นซึ่งเราเรียกว่าการทำสมาธิซึ่งเป็นสมาธิที่อยู่กับงานไม่ใช่สมาธิที่นั่งหลับตาอยู่หน้าหิ้งพระ ใครพูดอะไร ว่าอะไรที่ไม่เกี่ยวกับเราไม่ต้องสนใจทั้งนั้น ให้หมั่นเตือนตัวเอง แล้วถ้าเป็นไปได้ให้หาหูฟังมาเสียบฟังเพลง ฟังสวดมนต์ หรืออื่น ๆ ที่เราชอบ ไม่ต้องสนใจใครพยายามให้อยู่กับตัวเราให้มากที่สุด ค่อย ๆ ลองทำนะคะ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ให้นั่งนิ่ง ๆ หลับตาสักพัก หายใจยาว ๆ ทำสมาธิซักพัก แล้วก็ทำใจด้วย จะดีขึ้น ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ให้เดินหนีออกไปที่อื่นสักพักแล้วกลับมาใหม่ ลองทำดูนะคะ แล้วสำหรับสถานที่ปฏิบัติธรรม วัดพิชัยญาติที่แม่ชีธนพร หรือถ้าไม่มีที่จริง ๆ ให้อยู่กับธรรมชาติ เช่นไปนั่งสงบใจในวัด ในโบสถ์ ไปฟังพระสวดมนต์ ทำวัตร ฯลฯ คือสิ่งเหล่านี้จะเป็นการฝึกจิตให้เราคุ้นกับสิ่งเหล่านี้ ถ้าจะไปปฏิบัติธรรมที่วัดจริง ๆ เมื่อถึงเวลาและเรามีความพร้อมวันนั้นก็จะได้ไปเองค่ะ
     
  6. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    อวิชชา และ วิชชา มีพ่อแม่อันเดียวกันก็คือ จิต ดังนั้นการที่เราจะเอาสิ่งไม่ดีออกไปจากใจเรานั่น ก็อยู่ที่การวัดจิตวัดใจ ตนเอง ไปแสวงหาที่ไหนๆก็ไม่มีหรอก นั้นและ วัดใจ ได้มรรคได้ผลไปในตัว ด้วย
     
  7. ปราณยาม

    ปราณยาม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    371
    ค่าพลัง:
    +2,638
  8. happyness

    happyness เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2008
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +163
    ขอตอบคุณ ป้านะคะ
    สถานที่ทำงานก็เป็น office ธรรมดาค่ะ มีพนักงานรวมหัวหน้าในแผนกแล้ว สิบกว่าคน เป็นการทำงานเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม การวางแผน ซึ่งต้องใช้สมาธิมากๆ ใช้ความคิดร้วนๆ แต่จะมีคนนี้แหล่ะค่ะที่เขาทำในส่วนอื่น แล้วเขาก็เสียงดังตลอด ด่าคนนั้นที ว่าโน้นที หรือไม่อยู่ๆเขาก็อุทานโดยไม่มีสาเหตุ งงเหมือนกันคะว่าคนแบบนี้ก็มีด้วย แต่ก็เข้าใจเขาว่าเขาเป็นคนไม่ค่อยมีสติ อยากพูดอะไรพูด อยากทำอะไรทำ โดยไม่คิดถึงคนอื่น มันก็ลำบากนะคะ ที่จะทำใจ เคยชวนไปปฏิบัติธรรมเผื่อเขาจะเข้าใจคนอื่นมากขึ้น สิ่งที่เขาตอบกลับมาบอกว่า "เขาเป็นคนดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปปฏิบัติธรรม" ก็ไม่รู้จะหาอุบายหรือวิธีไหนอะค่ะ ที่จะช่วยให้เราอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยกัน เพราะ 8 ชั่วโมงเราต้องนั่งอยู่ใน office และต้องอยู่กับคนประเภทนี้ บางวันมึนหัวมาก เพราะเสียงที่เขาเปร่งออกมาดัง มันก็ถือว่าเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ที่ไปรบกวนคนอื่นๆได้ คนอื่นๆ เขาก็เดินไปที่อื่น ไปทำงานที่อื่นได้ แต่สำหรับเรามันเดินหนีไปอย่างเขาไม่ได้ซิคะ เพราะจะแบกโต๊ะหนีไปก็หนักเหลือเกิน ขนาดเสียบหูฟัง เปิดดังที่สุด เสียงเขายังเข้ามาได้เลยค่ะ ก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาว่าอย่างไร

    ขอบคุณคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2009
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    1 ทำใจเราให้สบายด้วยการ คิดแต่เรื่องดีๆ ให้เป็นประจำ เพราะว่าคิดดีนี่เปรียบเสมือนเติมน้ำให้เต็มตุ่ม มันจะเป็นเสบียงให้จิตใจเรา ถ้าเราคิดร้าย คิดไม่พอใจ อารมณ์ไม่ดีเปรียบเสมือนตักน้ำออกจากตุ่ม ถ้าเมื่อใดน้ำหมดตุ่มเราจะมีปัญหาคือ อยู่ไม่ได้ มันร้อน

    2 สวดมนต์ก่อนนอน แผ่เมตตา

    3 ให้คิด ให้พิจารณาว่า คนอย่างนั้น ใครๆ เขาก็รู้เขาก็เห็น เราจะเอาใจเราไปเสียกับคนแบบนี้ทำไม ถ้าเราเข้าใจว่า คนเป็นอย่างนั้นเองเราก็จะไม่สะทกสะท้าน เพราะเราเห็นว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา หรือ เราจะต้องสงสารเขาที่เขาเป็นคนที่อ่อนไหวทางอารมณ์ ต้องเมตตา

    4 ให้ตระหนักว่า เราต้องทำใจเราเท่านั้น เพราะว่าในโลกนี้ ไม่มีที่ใดที่จะทำให้เราสบายใจได้ตลอด แม้แต่ตัวเราเองเรายังขัดแย้งกับใจเราเองในบางครั้ง เพราะฉะนั้น ถ้าเราเข้าใจ ทำใจเราให้ มีสมาธิดี ให้มองโลกในแง่ดี ให้เบิกบาน ลดภาระงานให้น้อยลงแล้ว เราจะเห็นเองว่า คำพูดบ้าๆ บอๆ ตะโกนโวยวายของเพื่อนร่วมงานเรานั้นมันเป็นเรื่องตลก แล้วเราจะไม่โกรธเขา เพราะเราอารมณ์ดี

    5 สุดท้าย ประคอง ความรู้ เหล่านี้อย่างมีสติ ว่าเราจะไม่ไหลไปตามอารมรณ์

    ก็ทำให้ได้อย่างที่ว่ามานี้ ก็เรียกได้ว่า เป็นการปฏิบัติธรรมในที่ทำงาน
     
  10. maxgatod

    maxgatod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    120
    ค่าพลัง:
    +228

    เหตการณ์แบบนี้ ผมก็เคยเจออะครับ พูดยากนะ ของผมน่าจะหนักกว่านะ

    ที่ทำงานเหมือนกัน แกว่าคนคนได้ตลอด ตำหนิคนได้ตลอด และก็จะย้ำคิด

    ย้ำทำอยู่นั่นแหละ ไอ้คนนั้นเลวอย่างนี้ อย่างนั้น ยอมรับ ว่าเป็นเรื่องที่ลำบาก

    ใจมาก อึดอัดใจมาก ถ้ายิ่งคนที่มีสมาธิ อ่อนไหวง่าย เสร็จเลย

    เคยเจอแบบนี้ไหมครับ คือปกติเราเลิกงาน เราจะโล่ง รู้สึกโล่งนะ คือหมด

    ภาระ หน้าที่ ที่ต้องทำ ต้องปฏิบัติแล้ว มันผ่อนคลาย แต่พอร่วมงานกับคน

    แบบนี้ บางทีนะ เราก้นึกสาเหตูไม่อกว่า เอ๊ทำไมเราเครียดๆ มันหนักๆอยู่ในหัว โดยที่หาสาเหตุไม่ได้

    จริงๆแล้ว เราเอาใจเข้าไปรับ อารมณ์ ของผู้ที่มีภาวะจิตแบบนี้ รับเอาอารมณ์ของเขามาเต็มๆ โดยที่ไม่รู้ตัว

    ปัญหาก็คือ เราแก้ที่เขาไม่ได้ เราแก้สิ่งภายนอกไม่ได้ โลกมันเป็นอยู่อย่างนี้

    มันเป็นแบบนี้ วันนี้ ท่านจขกท ไม่เจอ วันหน้าก็ต้องเจอ ต้องพบเหตุการณ์แบบนี้

    โมทนาด้วยนะครับ ที่หาทางออก ในทางที่ดี เข้าวัด ทำจิตทำใจไห้สงบ

    ดีและครับ เป็นบุญเป็นกุศล

    แก้ได้ที่เดียว ปัญหานี้นะครับ พยายาม แก้ที่ใจของเราก็คือ ทำใจนั่นเอง เรื่องของใคร

    ก็เรื่องของใคร เราก็ต้องพยายาม ไม่ใส่ใจ ไม่สใจ เอาหูไปนา เอาตาไปไร่

    แล้วก็ท่อง ช่างมัน ช่างมัน ช่างจนเบา ไม่เหลืออะไลย

    ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา ทำไห้มั่น นานไป นานไป แรงบุญ หนุนส่ง จะทำไห้เรา หลุดออกห่าง จากคนประเภทนี้ได้เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2009
  11. ทดแทน

    ทดแทน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +116
    คงต้องไปที่ใจนะครับ ในเมือทางกายมันแก้ไม่ได้นะครับ ลองภาวนาพุท-โธทุกขณะจิตดูครับผมทำบ่อยช่วยได้เยอะครับ และขออนุโมทนา สาธุกับบุญกุศลที่คุณได้ปฏิบัติมาครับ
     
  12. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    นิทานเซน.................

    ชายคนหนึ่งกลุ้มใจมาก เข้าวัดไปหาพระอาจารย์นิกายเซน

    กราบแล้ว พนมมือ บอกกับพระเซน ว่า " ท่านอาจารย์ ช่วยชำระจิตให้กระผมด้วย มันวุ่น
    วายเหลือเกิน "

    พระอาจารย์เซน ตอบว่า " เอาจิตของเจ้าออกมาซิ"

    ชายหนุ่ม "................................"
     
  13. somemaybe

    somemaybe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2009
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +143
    "อดทนและอดกลั้น" ค่ะ
    เพราะเป็นสิ่งที่คุณทำได้และทำได้ดีที่สุด

    เปลี่ยนคนไม่ได้หรอกค่ะ ตราบเท่าที่เราก็ยังเป็นคน
    หนีคนไม่ได้หรอกค่ะ ตราบเท่าที่เราก็ยังเป็นคน

    แต่........ไม่เชื่อคุณก็อย่าลบหลู่
    พระปริตรไหนดี บทสวดไหนดี ท่องเอาชนะใจคนได้
    ปฏิบัติการเลยค่ะ

    เค้าว่ากันว่าการแผ่ความปรารณาดีและการคิดแง่บวกให้กับใคร
    ที่สุดเราก็จะได้รับสิ่งดีดีกลับคืนมา

    เพราะคนบางคนมีประสาทสัมผัสไวค่ะ
    ยิ่งไปเกลียด ยิ่งไปรำคาญ เค้าก็ยิ่งทำแบบนั้น แบบนั้น ^^

    ถ้าอดทนอดกลั้นไม่ได้
    ก็อย่างไปใส่ใจค่ะ มองกันชนิดให้ไร้ตัวตนกันไปเลย

    และถ้าจะแนะนำจริงๆ ไม่ต้องพาเค้าไปวัดหรอกค่ะ

    อยากจะเอาสิ่งไม่ดีออกจากใจ
    ก็พาตัวเราเองนี้แหละฝึกให้ได้ตามแนวสติปัฏฐาน4

    สติปัฏฐาน4 คำนี้คำเดียว ครอบจักรวาล
    :cool:


    แต่เราฝึกแค่พอครอบโลกส่วนที่แย่ๆเอาไว้ให้ได้ก็พอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2009
  14. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    เค้าด่าก็ให้ยิ้มตอบครับ เค้าด่าอีกก็ให้ยิ้มตอบอีก
    เค้าพูดเสียงดัง ให้เราค่อยๆตอบเสียงเบา
    เค้าพูดเสียงดังอีก ให้เราค่อยๆตอบเสียงเบา(เวลาที่ตอบเสียงเบากว่าปกติคือดึงอารมณ์เค้าลงมา ใช้ได้กับบางคนครับ)
    น่าจะได้ผลบ้างครับ(หรือทำอะไรที่ทำให้เค้ารู้สึกเกรงใจ)
    แต่อีกแบบหนึ่งไม่ค่อยอยากแนะนำเลย - -"
    เคยเห็นเด็กที่แกล้งเพื่อนบ่อยๆมัยครับ พอเด็กที่ถูกแกล้งเขาสู้ขึ้นมา เด็กที่แกล้งเพื่อนเค้าก็หยุดแกล้งไป แต่ถ้าไม่หยุดก็จะกลายเป็นอีกแบบหนึ่งคือ ยิ่งเกิดการขัดแย้งกันมากกว่าเดิม ใช้วิธีแบบเอาน้ำเย็นเข้าช่วยดีกว่าครับ
    (การได้ฟังคำพูดที่ไม่ดี อาจไม่ได้เจตนาที่จะฟังแต่เมื่อฟังเข้าไปทุกวันๆอาจส่งผลไม่ดี)
    ถ้าจำเป็นต้องอยู่ใกล้ๆหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วทำให้อารมณ์ไม่สบายหรือไม่สบายใจ
    ให้นึกที่กว้างกว่า โลกนี้อีกหน่อยคนก็ตายสลาย เพื่อนร่วมงานคนนั้นอีกหน่อยก็ตายสลาย
    เพื่อนร่วมงานคนนี้อีกหน่อยก็ตายสลาย แล้วน้อมมาที่ตัวเราอีกหน่อยเราก็ตายสลาย (หรือจะใช้แบบพิจารณากายก็ได้ครับ)(พอเริ่มคลายตัวเบาแล้ว)
    ให้ระลึกสิ่งที่ดีให้ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือบุญทานที่เคยทำ หรือศีลที่เรารักษา หรือ คุณของเทวดา ฯลฯ
    ระลึกข้อไหนก็ได้ครับที่เราฝึก หรือเคยนึกถึงบ่อยๆหรือนึกแล้วที่ทำให้เรารู้สึกมีปิติ มีความสุข ให้เป็นบุญกุศล โดยอารมณ์เสียหมดไปแล้วนำอารมณ์ดีตอบกับเค้าเป็นมิตรแทน(หรือจะข้ามมาข้อนี้เลยก็ได้ครับ)(ผมก็ได้ทำบ้างไม่ได้ทำบ้างครับ - -")catt24
     
  15. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,608
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,017
    ได้ยินก็สักเเต่ได้ยินหนอครับ คิดซะว่า ยังไงโลกนี้ก็มีคนดีมากกว่าคนไม่ดี วิธีหนึ่งที่จะเเก้ปัญหาเรื่องนี้ได้คือ ต้องหมั่นสวดมนต์ นั่งสมาธิ เเผ่เมตตาทุกวันครับ เเผ่ไปให้ทุกคนในโลกนี้ เเล้วจิตใจเราจะสงบเองครับ คิดให้อภัยใครก็ง่ายขึ้นครับ เจริญในธรรมครับ เอาหนังสือข้างล่างชื่อผมนี่ไปอ่านนะครับ ลองโหลดไปอ่านดู อ่านเเล้วจะได้เเง่คิดอะไรดีๆหลายอย่างเเน่นอนครับ
     
  16. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    อนุโมทนากับทุกท่านค่ะ

    การไปปฏิบัติธรรมเพื่อให้จิตสงบเป็นสิ่งที่ดีค่ะ เพื่อเป็นการชาร์ตแบตเตอรี่ให้กับตัวเรา แต่ในชีวิตจริงของทุกคนนั้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีปัญหาทั้งสิ้น การที่เราเจอปัญหาอุปสรรคต่างๆนั้นก็เพื่อให้เรารู้จักแก้ไข ให้เราสู้แม้แต่ตัวเราเองก็ยังมีกิเลสในใจของเราเอง ที่เราต้องขัดชำระล้างให้กิเลสค่อยๆหมดไป

    ดังนั้นการที่คุณโดนกระทบให้คิดว่านั่นคือบททดสอบ ว่าเราจะทนได้ไหม เพราะการปฏิบัติธรรมนั้นไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจของเราอย่างเดียว การที่โดนบททดสอบแบบนี้ควรใช้พรหมวิหารสี่ให้มาก แผ่เมตตาและอุเบกขา และให้มองว่าเขาน่าสงสาร การที่เขาทำแบบนี้เป็นการสร้างกรรมให้กับตัวของเขาเอง เป็นการทำร้ายตัวเองเพราะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เราควรจะให้อภัยเขา หากมองแบบนี้เราจะไม่ทุกข์ ถึงแม้คุณจะไปบวชสงบใจสักกี่วัน กลับมาก็เจอสภาพเดิมอีก ก็เป็นแบบเดิมอีก แล้วจะต้องบวชอีกสักกี่ครั้ง ถึงแม้ว่าจะลาออกไปหางานใหม่ ก็อาจจะเจอที่หนักกว่านี้ก็เป็นได้ สู้เราฝึกเจอกับสถานการณ์จริงน่ะดีที่สุดค่ะ เพราะวันข้างหน้าหากเราเจอเหตุการณ์ที่หนักกว่านี้ ก็จะสามารถรักษาใจเราให้เข้มแข็งได้ค่ะ แล้วคุณจะรู้สึกว่าต้องขอบคุณเขาที่มาเป็นอาจารย์ให้เราค่ะ
     
  17. ปูเเว่น

    ปูเเว่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,614
    ค่าพลัง:
    +6,697
    ลองอ่านดูนะคะเผื่อใจสบายขึ้นค่ะ

    <TABLE class=tborder id=post2383795 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->VANCO<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2383795", true); </SCRIPT>
    ทีมงานเว็บพลังจิต (เต้)

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Feb 2007
    ข้อความ: 24,078
    Groans: 4
    Groaned at 24 Times in 22 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 105,607
    ได้รับอนุโมทนา 175,485 ครั้ง ใน 23,281 โพส
    พลังการให้คะแนน: 7579 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2383795 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER><!-- google_ad_section_start -->การพบอุปสรรค การถูกติฉินนินทา คือการสร้างบุญใหญ่ : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน<!-- google_ad_section_end -->

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- google_ad_section_start --><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-2576485761337625";/* 250x250, created 31/01/09 */google_ad_slot = "7252767143";google_ad_width = 250;google_ad_height = 250;//--> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type=text/javascript> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 250px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><INS style="PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; PADDING-LEFT: 0px; VISIBILITY: visible; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; WIDTH: 250px; BORDER-TOP-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; POSITION: relative; HEIGHT: 250px; BORDER-BOTTOM-STYLE: none"><IFRAME id=google_ads_frame1 style="LEFT: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px" name=google_ads_frame marginWidth=0 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-2576485761337625&output=html&h=250&slotname=7252767143&w=250&lmt=1262276566&flash=10.0.22.87&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff23%2F%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9B%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%89%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99-202775.html&dt=1262276566218&correlator=1262276566218&frm=0&ga_vid=1912134471.1262231942&ga_sid=1262275842&ga_hid=828783103&ga_fc=1&ga_wpids=UA-7034934-1&u_tz=420&u_his=10&u_java=1&u_h=800&u_w=1280&u_ah=800&u_aw=1280&u_cd=32&u_nplug=0&u_nmime=0&biw=1260&bih=621&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff23%2F%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A4%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B3%2F&fu=0&ifi=1&dtd=32&xpc=XPcZ2RPOAu&p=http%3A//palungjit.org" frameBorder=0 width=250 scrolling=no height=250 allowTransparency></IFRAME></INS></INS>
    ถาม : หลวงพ่อคะ ลูกได้ทำบุญทำทานทำกุศลไว้มาก แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดชีวิตมีแต่อุปสรรค มีแต่ปัญหาถูกคนนินทาบ้าง ถูกคนว่าร้ายบ้าง แสดงว่าบุญกุศลที่ทำในชาตินี้ไม่ให้ผลดีใช่ไหมเจ้าคะ...?


    ตอบ : นั้นแหละให้ผลดีมาก เป็นมหากุศล ก็ทำถูกแล้วนี่ เราเกิดมาเป็นคน เกิดมาเพื่อพบกับคำนินทาที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า

    นัตถิ โลเก อนินทิโต
    คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก
    คน ที่มีบุญใหญ่ ถูกนินทาใหญ่ คนที่มีบุญเล็ก ถูกนินทาเล็ก อย่างพระพุทธเจ้าเขาไม่นินทาน่ะ เขาด่าต่อหน้าเลยนะ โดนว่าหนักกว่าเรามาก นั้นแหละคนมีบุญใหญ่ ถูกนินทาใหญ่ ด่าแหลก เห็นไหมล่ะ

    เรื่องนี้ไม่ เกี่ยวกับบุญกุศลชาตินี้ชาติหน้าหรอก มันเป็นกฎธรรมดา เราเกิดมาเพื่อถูกนินทาแน่ ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดานะ อีกประการหนึ่งขอให้คิดว่าคนที่นินทาคนก็ดี คนด่าก็ดี เป็นลักษณะของคนบ้า เราก็ไม่ถือคนบ้าไม่ว่าคนเมาก็หมดเรื่อง ให้เขาว่าเพียงฝ่ายเดียว

    อย่าง ที่พระพุทธเจ้าทรงตอบพราหมณ์ พระพุทธเจ้าท่านกำลังเทศน์อยู่ พราหมณ์โมโหที่ลูกศิษย์ของแกสรรเสริญพระพุทธเจ้า แกรู้ก็ไปชี้หน้าด่าพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก้เลยปล่อยให้แก่เทศน์แทน ตามบาลีท่านบอกว่า ด่าแบบทาสกรรมกรด่ากัน ด่าไปด่ามาแกเหนื่อยแกก็หยุดแล้วชี้หน้า

    พระสมณโคดม แกแพ้ข้าแล้ว
    พระพุทธเจ้าถามว่า
    ตถาคตแพ้เธอตรงไหนเล่า....? ท่านพูดแบบเรียบๆ นะพราหมณ์ตอบว่า
    ข้าด่าแก แกไม่ด่าตอบนี่หว่า
    พระพุทธเจ้าก็ตอบว่า

    พราหมณ์ ตถาคตมีความรู้สึกว่าถ้าใครโกรธตถาคตมา ตถาคตโกรธตอบ ตถาคตเลวกว่าคนนั้นนะ
    โดน น๊อคเลย อีตานั้นนั่งทรุดเลย ยกมือไหว้ กล่าวว่า วาจาของท่านเหมือนสุภาษิต เหมือนกับหงายของที่คว่ำมารับน้ำค้าง ท่านก็เลยขอบวช บวชแล้วก็ได้เป็นพระอรหันต์

    แบบนี้ถึง 4 คนด้วยกัน ไม่ทราบว่าทำบุญอะไร ด่าพระพุทธเจ้าเป็นพระอรหัตน์ อย่าไปเอาเข้านะ นี่เพิ่งได้ 4 คน แต่อย่าไปว่าท่านนะท่านเป็นพระอรหัตน์ไปนิพพานหมดแล้ว

    ไอ้ นี่แหละการนินทาหลบไม่ได้ ต้องถือว่าตามคติของพระพุทธเจ้าตรัสกับพระสงฆ์ ระหว่างพระองค์เดินไปกับพระสงฆ์ เมืองลันทากับกรุงราชคฤห์ต่อกัน
    ที่ พราหมณ์นำคณะตามไป ท่านลุงนินทาพระพุทธเจ้าหลานสรรเสริญ พระกลับมาฉันข้าวแล้วก็ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และเล่าให้ฟัง พระพุทธเจ้าก็บอกว่า

    พวกเธอทั้งหลาย จงอย่าสนใจในวาจาทั้งสอง คือ นินทาและสรรเริญว่าดี เราก็ไม่ดีไปตามเขาพูด เราจะดีหรือเลวอยู่ที่การประพฤติและปฏิบัติเท่านั้น
    พูดสั้นๆ เท่านี้พระพวกนั้นได้บรรลุมรรคผล นี่ต้องถือตามคตินี้นะ ถ้าไปคิดว่า เกิดมาชาตินี้ถูกนินทาแล้วกลุ้มใจตายตกนรกแน่


    .:: Welcome To Sil5.net ::.

    <!-- google_ad_section_end -->
    __________________
    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) --><!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424
    ยอมรับในความแตกต่าง (ได้จริง ๆ หรือยัง)

    ว่าง ๆ ก็ไปงานจิบน้ำชา ไปพบพวกเราก็ได้นะ

    www.managerroom.com
     
  19. ฅนล้านนา

    ฅนล้านนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +1,000
    ...ที่ตอนนี้ผมฝึกอยู่คือคิดแบบนี้ครับว่า"โกรธหรือไปหงุดหงิดส่วนไหนของเค้า เช่น เส้นผมเค้า ผิวหนังเค้ากระดูกเค้า ฯลฯ อะไรแบบนี้น่ะครับที่ผมได้แบบนี้ก็มาจากเว๊บนี้แหละครับ
     
  20. a.nattra

    a.nattra สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +6
    สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณHappyness
    คิดว่าคุณคงได้ไปปฏิบัติ หรือ ภาวนาในช่วงปีใหม่มาแล้ว คงไม่ไร้ประโยชน์ซะทีเดียว เอาข้อมูลไว้ครั้งหน้านะคะ เพิ่งตัดสินใจลองแนะนำดู เพราะตัวเองก็เคยมีประสบการณ์ คล้าย ๆ กันอยู่ค่ะ
    ๑. ถ้าโอกาสหน้าอยากเข้าภาวนา ลองเข้าไปค้นหาข้อมูลของ "ยุวพุทธ"ดูค่ะ www.ybat.org เป็นสถานปฏิบัติที่หลากหลายครูบาอาจารย์ และสัปปายะ จะยุ่งนิดนึงในครั้งแรกของการสมัครสมาชิก ต่อ ๆ ไปจะง่าย ตัว a.nattra ก็เคยปฏิบัติกับที่นี่ค่ะ (คุณอาจยังไม่ตัดสินใจว่าจะไปแนวไหนดี แต่ต้องวางแผนนิดนึง เพราะเค้าจะทำงานเป็นระบบ ลองศึกษาดูนะคะ)
    ๒. ต่อไปเป็นประสบการณ์ค่ะ เคยมีเพื่อนร่วมงานที่ทำให้เรารู้สึก"จี๊ด"ได้ตลอดอยู่คนหนึ่งค่ะ พอเราเริ่มแน่ใจว่าคนเนี๊ยะ เจ้ากรรมนายเวรเราแน่ ก็เริ่มตั้งสติ (ตอนไหนไม่รู้เหมือนกันแต่ใช้เวลาพอสมควรค่ะ) เวลาเค๊าทำอะไรให้เรารู้สึกไม่ดี เราจะคิดว่าเราก็เคยทำให้เค๊ารู้สึกแย่แบบนี้เหมือนกัน เราก็เคยทำตัวไม่น่ารักแบบนี้เหมือนกัน ถ้าเราไม่เคยทำตัวแบบนี้กับเค๊า เค๊าจะไม่ทำแบบนี้กับเรา
    "ผลทั้งหลายมาจากเหตุ" ก็คือ กฏแห่งกรรมค่ะ เราได้รับในสิ่งที่สมควรแล้ว คุณเองคงเชื่อเรื่องกฏแห่งกรรมอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าเคยคิดแบบนี้ดูมั้ย "เราได้รับในสิ่งที่สมควรแล้ว ก็เราทำมาเองกับมือ"
    ๓. หลังจาก a.nattra ยอมรับในกฏแห่งกรรม เวลารับสิ่งกระทบ(ท่าทาง อารมณ์ และคำพูดของเขา) เราจะย้อนมาดูที่ใจเราเองว่าเค๊ารู้สึกยังไง ดูมันเกิดขึ้น แล้วเปลี่ยนแปลง ไปเรื่อย ๆ มันทำให้รู้สึกดีขึ้น เวลาโกรธมันก็หายไวขึ้น หงุดหงิดน้อยลง อภัยได้มากขึ้น มันไม่อยากจะถือสา"แต่นี่เป็นแค่เราเอาตัวรอดไปก่อน"
    "เพราะเราเพิ่งภาวนา คิดว่าคุณคงจะเพิ่งภาวนาไม่นาน" เราจะอยู่ร่วมกับเค๊าได้ แบบทุกข์น้อยลง "แค่นั้น" แต่แค่นี้ก็ดีแล้วสำหรับมือใหม่ ลองดูที่ใจตัวเองนะคะ (แต่ นี่ยังไม่ไช่การภาวนาเพื่อการหลุดพ้นนะ)
    ๔. (เป็นความคิดเห็นนะคะ) วันนึงคุณจะพบวิธีภาวนาที่คุณจะเลือก คุณโชคดีมาก ๆ เลย ที่เดินเข้ามาเส้นทางนี้ ถ้าคุณได้พบครูบาอาจารย์ที่เป็นที่พึ่งให้คุณได้ จะยิ่งดีเข้าไปอีก ลองไปก่อน ถ้าคุณสร้าง สะสม มาถูก "คุณจะได้รับในสิ่งที่สมควร"
    เส้นทางภาวนามันยาว...มาก ลึกลับซับซ้อน แต่ไม่เกินไปกว่ากำลังของดวงจิตดวงหนึ่ง เราแค่สร้างเหตุให้ถูกแค่นั้น แต่เหตุให้ถูกนี่แหละ มันสำคัญนัก ขอให้โชคดีค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...