มีปัญหากับลูกตา ขณะนั่งสมาธิ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย gumara, 22 เมษายน 2009.

  1. gumara

    gumara สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +0
    มือใหญ่ลองปฏิบัติมีปัญหาวานผู้รู้ครับ คือ ขณะนั่งมีปัญหากะลูกตานิดหน่อยครับ เรียนปรึกษา

    1. ปัญหาแรก จิตชอบจับไปที่ลูกตาครับ ไม่รู้จะต้องวางตาไว้ตรงไหนดี บางครั้งผมกำหนดตาให้เพ่งตรงไปข้างหน้า บางครั้งผมเอาตามองที่ลมหายใจ แต่พอกำหนดจิตไว้ที่ลมหายใจดีแล้วความรู้สึกที่ตาก็หายไปเองครับ อันนี้ไม่รู้ว่ามีทางแก้อื่นไม๊ แล้วโดยปกติมีอาการแบบนี้กันหรือเปล่าครับ

    2. อีกปัญหาครับ เพิ่งเจอช่วงสามสี่วันมานี้ คือเวลานั่งหลับตาแล้ว หนังตามันกระตุกๆ เหมือนเกร็งๆ (แต่ผมก็ปิดตาด้วยอาการปกตินะครับ ไม่ได้พยายามเกร็งจนเกินไป) มันคอนจะลืมตาให้ได้เลยครับ หรือหลับตามันก็หลับไม่สนิท ทำเอาจับลมไม่ได้เลยครับ อาการนี้ถ้าบางครั้งมีโอกาสได้นั่งในที่มืดสนิทก็จะไม่ค่อยเป็นปัญหาครับ เพราะหลับตากับลืมตาก็ค่าเท่ากัน แต่โอกาสแบบนี้มันไม่ค่อยจะมี ไม่ทราบว่าปัญหาเรื่องหนังตาหลับไม่สนิทนี่จะแก้ยังไงดีครับ
     
  2. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    ผมยังยืนยันคําเดิมครับ ไม่ต้องสนอะไรทั้งสิ้นที่เกิดกับเรา ที่เราควรสนคือ ลมหายใจของเราพอครับ อะไรจะเกิดขึ้น ปล่อยเขาไป เราอย่าไปตามเขา เเล้วทุกอย่างจะดีเองครับ อนุโมทนาครับ
     
  3. ..กลับตัวกลับใจ..

    ..กลับตัวกลับใจ.. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +96
    ....ตาบังคับไม่ได้..

    ....ใจบังคับไม่ได้..

    ....เพราะอะไร..

    ....เพราะมันไม่ใช่ของเรา..
     
  4. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    กล้ามเนื้อตาล้าแล้วครับ เพราะคุณเข้าใจเรื่อง ภาพนิมิต ผิดมุมมอง กลับไปทานวิตามิน B รวม
    แล้วก็นวดตาเบาๆ หรือ กลอกตาเบาไปมาก็ได้ หรือ ใช้แบบฟาหรั่งคือ มองอะไรที่เป็นสีเขียว
    บางสำนักประหลาดมากเลยนะ เขาบอกว่าให้กลอกตาไปข้างหลังโดยไม่เงยหน้า พูดซะงง จริงๆ
    ก็คือการ นวดตานั่นแหละ เพราะเผลอใช้ตาเพ่งรูปเข้า แทนการดูในจินตภาพ

    ไปเผลอใช้ ตาเนื้อมองภาพ

    คุณต้องหัดลืมตา แล้วนึกถึงอะไรก็ได้ที่มีความสุขมากๆ มีปิติมากๆ เรื่องอะไรก็ได้นะ
    แล้วสังเกตเบาๆ ว่าขณะนั้นใกล้ๆ จะเหม่อแล้ว กำลังจะเกิดภวังค์ใครทักไม่รู้เรื่องแล้ว

    เสร็จแล้วน้อมนึกเห็น ภาพ โดยที่ไม่หลับตา แล้วสังเกตุดีๆว่า ภาพปรากฏ ในมโน
    ทวารได้ ซ้อนภาพที่เห็นด้วยตาเนื้อจนลืมภาพที่เห็นด้วยตาเนื้อไปเลย

    นั่นแหละ นิมิต ซึ่งใช้ มโนทวารสร้างขึ้น ไม่ใช่การเห็นด้วยตาเนื้อ ทำแบบนี้ให้เกิด
    เป็นทัศนะพอ ไม่ต้องฝึกมาก ฝึกแบบนี้มากๆ ใจจะลอย จะเบาเกินเหตุ อาจจะขาด
    กำลังและโดนแทรกจากธรรมภายนอกได้ เราทำตรงนี้เพื่อให้เข้าใจเรื่อง มโนทัศน์
    จนิตภาพ image illussion พอ

    หลังจากนั้นลองทำสมาธิใหม่ คราวนี้จะพอแยกออกว่า ใช้ตาเนื้ออยู่ หรือ กำลังใช้
    มโนทวาร

    แต่ตอนทำสมาธิ ห้ามทำจิตเอ๋อ เบาๆ แบบนั้นอีกนะ จะเกิดวิปลาสได้ ต้องเกาะคำ
    บริกรรมไว้เป็นหลัก อย่าปล่อยจิตไหลง่ายเกินไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 เมษายน 2009
  5. Dragon_Fly

    Dragon_Fly สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +13
    เอาสติไปกำหนดที่ลมหายใจสิ ไอ้ลูกตาไม่ต้องไปสนใจมัน
     
  6. Shio_Ri

    Shio_Ri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2009
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +122
    เป็นปัญหาของเราเหมือนกันค่ะ ทั้งสองอย่างเลย แต่เท่าที่เราสังเกตุนะ จะเป็นแบบนั้นในเวลาที่เราไม่มีสมาธิมากพอ มันจะวอกแวก เกร็งๆตา ปิดแบบไม่สนิท ปวดตามากๆๆ มันจะหายตอนช่วงมีสมาธิมากๆ จับที่ลมหายใจค่ะ


    พยายามต่อไปน่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้
     
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ปฏิบัติไม่ได้เป็นปัญหาลูกตา....มันเป็นปัญหามาก.....ก็เอาลูกตาเป็นกรรมฐานสิครับ.....
     
  8. เดินทาง

    เดินทาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +38
    อนุโมทนาครับ
    ลองหลับตา แล้วหายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟ่บ
    ทำไปสักพักเอาใจไปเฝ้าที่ท้องป่องท้องแฟ่บ ก็จะเกิดการเห็นการเคลื่อนไหวของท้องเกิดขึ้นที่ใจ พิจารณาลักษณะจะไม่ได้เกิดขึ้นที่ตา
    นำไปฝึกใช้กับการดูการกระทบของลมที่เกิดในการหายใจต่อได้เลยครับ
     
  9. mozard002

    mozard002 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    202
    ค่าพลัง:
    +433
    เคยเป็นครับ ตอนแรกผมก็เข้าใจเรื่องนิมิตผิดเลยพยายามใช้ตาเนื้อมองครับแล้วก็บปวดตาเหมือนกัน แต่ตอนหลังต้องเปลี่ยนที่ในการกำหนดนิมิตใหม่ครับ แนะนำให้ใช้วิธีอย่างพี่นิวรณ์ ว่าไว้หละครับ หรือไม่ก็ลองทำสมาธิกำหนดนิมิตแบบลืมตาดู แต่ให้มองไปทางอื่นที่ไม่ใช่นิมิตอ่ะครับ วิธีนี้ผมใช้ได้ผลเหมือนกันครับ

    ฝึกสมาธิไม่จำเป็นต้องหลับตาขอรับ แต่สาเหตหนึ่งที่นั่งสมาธิแล้วต้องหลับตาก็เพื่อเป็นการตัดสิ่งฟุ้งซ่านทางจักษุทวารออกครับ
     
  10. pangpangjang

    pangpangjang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +95
    รบกวนถามเรื่องนั่งสมาธิหน่อยครับ คือผมนั่งแล้วรู้สึกเหมือนจะหลับ แต่ยังมีสติรู้ว่า หายใจเข้า-ออกอยู่ มานหมายความว่ายังไงหรอครับ เพราะเปนอย่างนั้น บางทีชอบนึกว่าจะหลับ เลยลืมตาแล้วนั่งใหม่ ขอบคุณครับ
     
  11. pangpangjang

    pangpangjang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +95
    รบกวนถามเรื่องนั่งสมาธิหน่อยครับ คือผมนั่งแล้วรู้สึกเหมือนจะหลับ แต่ยังมีสติรู้ว่า หายใจเข้า-ออกอยู่ มานหมายความว่ายังไงหรอครับ เพราะเปนอย่างนั้น บางทีชอบนึกว่าจะหลับ เลยลืมตาแล้วนั่งใหม่ ขอบคุณครับ
     
  12. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    สัญญามันอ่อนตัวลง จิตมันรวมลง แล้วละการรู้สึกกายไป ไปอยู่ที่รู้ด้วยใจ

    การที่มารู้ลมหายใจ ต้องซื่อตรงต่อการรู้ ต้องพิจารณาด้วยตัวเองว่า เป็น
    การรู้เมื่อน้อมระลึกถึง หรือว่า รู้สึกโดยตลอดเกาะเป็นลักษณะขององค์สมาธิ

    ถ้าน้อมระลึกถึง แล้วค่อยมารู้สึกว่า ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก แล้วแป๊ปก็
    ละการรู้ไป ไปทรงๆเหมือนหลับ แบบนี้ก็ให้หมั่น น้อมระลึก พินิจ บ่อยๆ ก็จะ
    เป็นลักษณะ เผลอแล้วรู้ เผลอแล้วรู้ ไปเรื่อยๆ แล้วมันจะค่อยตื่นต่อเนื่อง แบบ
    นี้จะมีประโยชน์ และให้ผลเร็ว

    แบบนี้เรียกว่า ทำวิปัสสนากรรมฐาน ไม่ต้องแก้อารมณ์ เราจะอาศัยสิ่งที่เป็น
    สิ่งที่ปรากฏเพื่อเป็นเครื่องรู้ ก็รู้ไปตามนั้น เมื่อรู้บ่อยๆ รู้มากๆ รู้สึกตัวบ่อยๆ ก็จะ
    คลายสิ่งที่ผิดทางปฏิปทา เข้าสู่ทางสายกลางได้เอง

    * * *

    แต่ถ้าการรู้หรือรู้ลมนั้นเป็นตลอดสาย ไม่มีละไปจากจิตเลย จิตระลึกรู้ตลอด
    ไม่ใช่ซึมลงไปจนเหมือนหลับ แบบนี้คือ กำลังทำสมถะสมาธิอยู่

    แต่ถ้าน้อมลงไป ซึมไปเลย แล้วเป้าหมายที่จะทำคือ สมถะ ให้ระลึกตรง
    อาการ หรือ อารมณ์ซึมๆ ที่เราเผลอเอาจิตไปเกาะ ไปรู้ แล้วน้อมไปหาจน
    เหมือนหลับลงไป อันนั้นเกาะผิดอารมณ์กรรมฐาน เผลอไปทำมิจฉาสมาธิ
    เข้า เพราะเข้าใจอารมณ์สมาธิผิด คิดว่า ซึมๆ สงบๆ คือใช่ จริงๆ ความสงบ
    นั้นจะให้เป็นผล แล้วเราไม่ต้องไปจับมัน เราจะต้องเกาะองค์บริกรรมของกรรม
    ฐานไปตลอดสาย แบบนี้ถึงจะเป็นสมาธิ แต่ที่เราเผลอเอาอารมณ์ไปจับ
    อารมณ์สงบ ซึม มาเป็นอารมณ์สมาธิ เกิดจากความเข้าใจผิด เกิดจากการ
    รักผลการปฏิบัติ มากกว่าการรักการปฏิบัติ ไปยึดส่วนผล มากกว่า ปฏิปทา

    แบบนี้เรียกการทำสมถะกรรมฐาน และมีการแก้อารมณ์ให้ถูกต้อง
     
  13. pangpangjang

    pangpangjang Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2009
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +95
    ขอบคุณมากครับ จะลองปายฝึกดูใหม่ครับ
     
  14. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    891
    ค่าพลัง:
    +1,937
    คุณยังติดเพ่งอยู่น่ะครับ พอทำกรรมฐานที่ทำประจำ จิตมันจะเคยชินวิ่งเข้าช่องอาการที่เป็นคุณเป็นอยู่โดยประจำ แนะนำให้ลองเปลี่ยนกรรมฐานดู ลองนั่งกรรมฐานลืมตาครับ พระพุทธรูปท่านก็ยังนั่งลืมตา ไมได้ไปเพ่งอะไร ตาเปิดมองโลกอย่างสบายๆ อะไรมากระทบใจก็ให้รู้ หรือจะบริกรรมอะไรก็ได้ พอสิ่งใดมากระทบใจให้รู้ ไม่ต้องหลับตาหรอกครับ

    หรือมีอีกวิธีคือ แนะนำให้อาศัยการเดินจงกรม หรืออิริยาบทยืนนิ่งๆแทนครับ
     
  15. กะละมัง

    กะละมัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +150
    ลองแบบนี้สิคะพี่ขา

    1. เอาผ้ามาผูกปิดตาไว้เลยอ่ะค่ะ ปัญหาตาจะหมดไปเหมือนปลิดทิ้ง
    2. ให้เอาสติจดจ่อกับ ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น ห้ามคิดเรื่องอื่น
    3. ให้บริกรรม พุท-โธ ควบคู่ไปด้วย จิตจะได้ไม่แว็บไปคิดเรื่องอื่น
    4. ควรนั่งในห้องมืดๆ
    5. สำคัญที่สุด ต้องมีศีล 5 บริสุทธิ์ค่ะ ไม่งั้นจิตจะไม่เป็นสมาธิค่ะ

    -----------------------------------------------
     
  16. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    8,164
    ค่าพลัง:
    +41,920
    เก่งจริงเนอะตัวแค่เนี๊ย....ใช่เลยครับ ขอเสริมว่าถ้าไม่เอาผ้าผูกตา ก็ให้ตาไปอยู่ห้องของยาย ตาจะได้ไม่รบกวนการนั่งสมาธิ...แหะๆ ล้อเล่นน่ะ ทำสมาธิสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องไม่เคร่งเครียดจนเกินไป มิฉะนั้นจะไม่ได้ผล เป็นอัตตกิลมถายุโยค(คืออะไรหว่า...งง?)
     
  17. bgirlartkung@hotmail.com

    bgirlartkung@hotmail.com สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ปวดตามาก แต่เป็นไม่นาน ก็หาย เพราะ........

    เพราะ ตอนเริ่มนั่ง จะเจ็ป และปวดมากๆ ปวดตรงหว่างคิ้ว เพราะคิดว่า เราเอาความรู้สึกไปไว้ตรงนั้นมากเกินไป แต่พอเอาจิต กำหนดที่คำบริกรรม จิตเริ่มสงบลง แล้วก็ไม่ปวดอีกเลย บางครั้งมันทำให้เราอยากจะเลิกนั่งไปเลย แต่ถ้าเราอดทน เราจะผ่านมันไปได้เอง อยากให้ข้ามตรงนี้ไปให้ได้ เพราะ ทุกข์เกิด ทุกข์ก็ดับได้ครับ
     
  18. 2ชาติตรัสรู้

    2ชาติตรัสรู้ គ្រប់គ្រាន់ รักษาดวงใจ.គ្រប់គ្រាន់

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +1,558
    ปัญหาของผมตลกครับ...เคยมีปัญหากับการวางลิ้น

    ผมเคยมีปัญหากับลิ้นครับ คือ ไม่รู้จะวางลิ้นไว้ตรงไหนดี เอาไว้ชนกับฟัน หรือเอาไว้ติดกับเหงือกบน หรือเอาไว้กลางๆไม่ไห้โดนอะไรเลย - - แต่ตอนนี้ช่างมันแล้วจะอยู่ตรงไหนก็ช่างมัน
    ส่วนตานี่ของผมทำเหมือนนอนหลับเลยครับจะอยู่ตรงไหนก็ไม่ได้สนใจตา นั่งปุ๊บ ทำความรู้สึกหลับตาแบบนอนหลับปั๊บ แล้วก็ไม่ได้สนใจมันอีก
    ปัญหาจริงๆของผมคือไม่อดทนครับแพ้ความปวด
     
  19. lg786ls

    lg786ls สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +9
    เอ่อ คุณ 2ชาติ บรรลุธรรม. . . เป็นเหมือนผมเลยครับ:cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...