ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ทรงพระเจริญ

    วันเสาร์ ที่ 05 ธันวาคม 2552 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT>​





    ทุกปี เมื่อถึงวันที่ 4 ธันวาคม พสกนิกรจะตั้งหน้าตั้งตารอฟังว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงมีกระแสพระราชดำรัสต่อผู้เข้าเฝ้าฯ ณ สวนจิตรลดาว่าอย่างไรบ้าง

    ฟังแล้วได้ประโยชน์กันถ้วนหน้า

    รัฐบาลได้แง่คิดที่จะนำ ไปแก้ปัญหาประชาชน ข้าราชการได้แง่คิดในแง่การทำงานคลาย ทุกข์ให้แก่ประเทศชาติ พสกนิกรเองก็ได้แง่คิดในการใช้ชีวิตให้มีความสุข

    ดั่งเช่น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่พระราชทานให้เป็นสิบ ๆ ปีแล้ว

    ทุกปี คนไทยจึงนั่งเฝ้าหน้าจอทีวี ไม่ยอมลุกไปไหน ใคร ขับรถ ก็เปิดวิทยุฟังเอา อยากฟังทุกคำพูด ทุกประโยค แล้วก็ พยายามจดจำให้มากสุด เท่าที่จะจำได้

    ฟังไม่ทัน รุ่งขึ้นหากหนังสือพิมพ์ถอดเทปพระราชดำรัสลงในฉบับเต็ม ก็ต้องรีบตัดเก็บไว้ เพื่ออ่านอย่างละเอียดระหว่างบรรทัด จะได้คิดตามอย่างพินิจพิเคราะห์มากขึ้น

    หลายครั้งที่ฟังไป ก็อมยิ้มไป ไม่รู้พระองค์ท่านคิดได้อย่างไร

    เช่น ตอนที่คำ ซีอีโอ กำลังเฟื่อง คำก็ซีอีโอ สองคำก็ซีอีโอ มีนายกฯ ซีอีโอ มีผู้ว่าฯ ซีอีโอ พระองค์ท่านก็เลยทรงแซวกลับว่า ทรงเป็นในหลวงซีอีโอ เช่นกัน

    ทรงลึกซึ้ง และ มีพระอารมณ์ขันจริง ๆ

    ปีนี้ สำนักราชเลขาธิการออกแถลงการณ์ เลื่อนพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ 3 ธันวาคมรวมทั้งการเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพร ณ วังสวนจิตรลดา 4 ธันวาคม ออกไปก่อน

    แต่ได้เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง ในวันนี้ 5 ธันวาคม

    ข่าวนี้เอง ทำให้ประชาชนปลื้มปีติ และโล่งอก สบายใจ ขึ้นมาก

    เพราะนั่นเท่ากับแสดงว่า ในหลวง ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงขึ้นแล้ว หลังจากที่ทรงประชวรเข้ารับการรักษา ณ โรงพยาบาลศิริราชมาระยะหนึ่งแล้ว

    ภาพล่าสุด ที่ประทับในใจราษฎร์ ก็คือ ภาพที่ประชาชนไม่คาดว่าจะได้เห็น นั่นคือ เสด็จฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ รวมทั้ง พระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์

    ทรงลอยพระประทีป ณ ท่าเรือศิริราช ในคืนพระจันทร์ วันเพ็ญ ทรงโบกพระหัตถ์ และถ่ายรูปประชาชนที่รอเฝ้าอยู่สองข้างทางไว้เป็นที่ระลึก

    ด้วยพระพักตร์แจ่มใส เบิกบานยิ่ง

    ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 82 พรรษาในวันนี้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ขอให้ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ทรงเบิกบานพระราชหฤทัย ทุกทิวาราตรี

    อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของคนไทยตราบชั่วนิรันดรด้วยเทอญ.

    ดาวประกายพรึก








    แหล่งที่มา คอลัมน์ ฝ่าเปลวแดด นสพ.เดลินิวส์ 7 ธ.ค. 52
     
  2. shrestha

    shrestha สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +5
    เพิ่งเข้าเป็นสมาชิกวันนี้ ขอขอบคุณที่ได้ให้ความรู้ ได้อ่านข้อความที่โพสต์มาแล้ว ทำให้เกิดความภาคภูมิใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย และ มีพระมหากษัตริย์ที่รักประชาชน เสียสละเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ขอภาวนาเกิดกี่ชาติ กี่ชาติ ขอเกิดเป็นคนไทยตลอดไปเทอญ
     
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ต่างชาติแซ่ซ้องยิ่งใหญ่ 'ทึ่ง-ประทับใจ'

    วันจันทร์ ที่ 07 ธันวาคม 2552 เวลา 1:00 น



    [​IMG]

    ร่วมเทิดไท้ 'องค์ราชัน'

    แม้จะผ่านวันที่ 5 ธ.ค. วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาแล้ว แต่จนถึงขณะนี้บรรยากาศแห่งการเทิดพระเกียรติ เฉลิมพระเกียรติ องค์ประมุขแห่งราชอาณาจักรไทย ก็ยังคงอบอวลอยู่ทั่วทุกตารางนิ้วของผืนแผ่นดินไทย และบรรยากาศเช่นนี้ก็ยังแผ่ขจรไกลไปยังต่างแดน จนเป็นที่กล่าวขานทั่วโลก

    นานาอารยประเทศต่างชื่นชมในพระบารมี

    และชาวต่างชาติที่มาอยู่ในไทยก็ร่วมแซ่ซ้อง

    ทั้งนี้ งานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ นอกจากจะมีประชาชนคนไทยหลั่งไหลเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากแล้ว ชาวต่างชาติที่เดินทางมาอยู่ในประเทศไทยในระยะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการมาทำงาน มาทำธุรกิจ หรือมาท่องเที่ยว ก็ให้ความสนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญยังมีชาวต่างชาติจำนวนหนึ่งที่ตั้งใจเดินทางมาประเทศไทยเพื่อร่วมงานเฉลิมพระเกียรติ โดยเฉพาะ

    “วิเศษสุด ๆ สำหรับงานนี้ เป็นงานที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ตั้งใจว่าจะพยายามดูให้ได้ทุกจุด ดูทุก ๆ สิ่งที่เป็นการเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ของคนไทย เพราะรู้สึกประทับใจมาก ๆ” ...เป็นเสียงของนักท่องเที่ยวสาวจากประเทศแคเมอรูน ที่บอกกับ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่าชื่อ ลูอิส แกร์ มาไทยเป็นครั้งแรก

    และชาวต่างชาติรายนี้ยังบอกอีกว่า....“แม้จะไม่ค่อยรู้เรื่องที่เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากนัก เพราะเพิ่งมาไทยครั้ง แรก ทราบข้อมูลบ้างก็จากนิทรรศการ แต่ก็เชื่อว่าพระองค์ต้องทรง เป็นพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย เป็นพระมหากษัตริย์ ที่ดี มีความสามารถ ทำประโยชน์เพื่อประชาชนอย่างมาก การจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อเทิดพระเกียรติจึงยิ่งใหญ่มาก”

    มาร์ค นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย เป็นชาวต่างชาติอีกรายที่ บอกว่า....“มหัศจรรย์มาก ๆ งานเฉลิมพระเกียรติพระมหากษัตริย์ของคนไทยมีบรรยากาศการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่มาก” และมาร์คก็ยัง บอกว่ารู้สึกประทับใจกับหลาย ๆ สิ่งที่ได้สัมผัส ซึ่งหากฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานมีการประชาสัมพันธ์ที่กว้างขวางในส่วนของชาวต่าง ชาติด้วย เชื่อว่าจะยิ่งมีชาวต่างชาติเดินทางมาร่วมงานมากกว่านี้อีก

    ด้าน ปีเตอร์ นักท่องเที่ยวจากประเทศไอร์แลนด์ ก็เผยความ รู้สึกต่อ “สกู๊ปหน้า 1 เดลินิวส์” ว่า....ตนเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ที่เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากนัก “แต่รู้แน่ว่าพระองค์ท่านทรงเป็นคนดี ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดี และบรรยากาศของงานเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่าน ก็ยิ่งใหญ่มาก เป็นงานที่ดีมาก รู้สึกประทับใจสุด ๆ กับการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ของประชาชนคนไทย

    ทึ่งมาก !! ประทับใจแทบทุกอย่างที่เห็น ช่วงเวลานี้ งานเฉลิมฉลองครั้งนี้ เป็นครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ผมประทับใจ มาก ชนิดที่พูดไม่ออกเลยทีเดียว” ...ปีเตอร์บอก

    โจอาฮิน เบค นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน ที่ควงคู่ภรรยามาที่ถนนราชดำเนิน ทั้งสองร่วมกันบอกว่า...บรรยากาศเฉลิมฉลองเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทยของคนไทย ยิ่งใหญ่ตระการตามาก ซึ่งรวมถึงการที่ได้เห็นคนไทยพร้อมใจกันใส่เสื้อสีชมพู “เมื่อปีที่แล้วก็จะมาเที่ยวเมืองไทยในช่วงเวลาสำคัญนี้ แต่บังเอิญมีเหตุจำเป็นทำให้ต้องเปลี่ยนไปประเทศอื่นแทน ซึ่งก็เสียดายมาก แต่เมื่อเรา มีโอกาสได้มาเมืองไทยในช่วงเดือนนี้ในปีนี้ ก็ประทับใจมาก เป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่มาก”....คู่สามีภรรยาชาวเยอรมันระบุ

    ขณะที่ โจฮัน บาวเออร์ และ เฟรด วาน เดน เบิร์ก สอง นักท่องเที่ยวชาวฮอลแลนด์ ก็ร่วมกันบอกว่า...บรรยากาศการเฉลิมฉลองวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์ของไทย เปรียบเทียบกับ ที่ฮอลแลนด์แล้วแตกต่างกันมาก ที่เมืองไทยสวยงามมาก และยิ่งปีนี้ ยิ่งสวยงามจริง ๆ ทุก ๆ อย่างทำให้ประทับใจมาก

    “ปีนี้ตั้งใจมาร่วมงานเทิดพระเกียรติ และจะอยู่ฉลองปีใหม่ด้วย ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประชวร ก็ขอให้พระ องค์ท่านทรงหายประชวรเร็ว ๆ”...นักท่องเที่ยวชาวฮอลแลนด์กล่าว

    “สวยงามจริง ๆ ประทับใจมาก”....ส่วนนี่เป็นเสียงของ บาบาร่า สาวชาวอังกฤษ ซึ่งเธอยังบอกด้วยว่า... แม้จะเคยมาเมืองไทยกว่า 20 ครั้งแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกประทับใจบรรยากาศแห่งการเฉลิมพระเกียรติมาก แม้ตนเองจะไม่ได้ทราบเรื่องราวอะไรมากมายเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ก็ทราบว่าพระองค์ท่านทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ดี และทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์ยาวนาน กว่า 60 ปี นานที่สุดในโลก

    “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นที่รักยิ่งของชาวไทย รู้สึกได้เลยว่าช่วงเดือน ธ.ค. นี้ คนไทยมีความสุขกันมาก ดิฉันมีโอกาสเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยค่อนข้างบ่อย อยากให้คนไทยรักกันมาก ๆ ขอให้บ้านเมืองสุขสงบ เพื่อความสุขของคนไทย และ คนต่างชาติคนนี้ด้วย”....บาบาร่าระบุ

    ก็เป็นตัวอย่างความรู้สึกนึกคิดของชาวต่างชาติ

    ต่างก็แซ่ซ้องพระบารมี และรู้สึกดี ๆ ต่อไทย

    เป็นสิ่งดีที่คนไทยเราเองต้องธำรงไว้สืบไป.






    ๐ ขอขอบคุณ เดลินิวส์ 7 ธ.ค. 52
     
  4. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466


    ยินดีต้อนรับท่านสมาชิกใหม่ ท่านเข้ามาในวาระและจังหวะแห่งความปลื้มปิติ
    ของพวกเราชาวไทยครับ ขออนุโมทนา สาธุครับ

    "วันนี้วันนี้...ชาวไทยทั่วหล้า จึงพากันน้อมถวายราชสดุดีในวันเดือนปีแห่งมหามงคลชัย

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ตราบนานเท่านาน นับหมื่นๆ ปี "

     
  5. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    "คำสอนของพ่อ" คือพิมพ์เขียวอนาคตไทย


    <!-- main-content-block --><!-- 1 ธันวาคม 2552 - 00:00 -->
    1 ธันวาคม 2552 - 00:00


    ย่างเข้าเดือนธันวา ใจคนไทยก็ไปรวมอยู่ที่ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ผมได้ยินเป็นประจำจากปากคนทั่วไปว่า "นึกถึงในหลวงแล้วไม่รู้เป็นไง มีความสุขจนบอกไม่ถูก" ฟังแล้วก็เข้าใจ เพราะผมก็อยู่ในจำนวน "คนทั่วไป" นั้นด้วย แต่ถ้าจะให้อธิบาย ก็คงอธิบายด้วยหลักง่ายๆ ว่า "รักบริสุทธิ์ ย่อมมีพลานุภาพประเสริฐ" ก็โดยนัยนี้ คนไทยทั้งประเทศ...รักในหลวงจากดวงใจ

    ดังนั้น พอคิดถึง "ในหลวง" เมื่อใด "ภาพพิมพ์ใจที่ลอยเด่นขึ้นมาในห้วงความจำก็คือ พระพักตร์ยิ้มด้วยห่วงใย ทอดสายพระเนตรเย็นพระเมตตามายังเรา-ชาวพสกนิกร ผู้ประหนึ่งดังบุตร

    ทันใดนั้น ร้อนใดๆ ในกาย-ในใจ ของพวกเราทั้งหลาย พลันคลายสิ้น!

    เดือนนี้เป็นเดือนที่จำกันขึ้นใจว่า เป็นเดือนมหามงคล เพราะวันที่ ๕ ธันวาคม เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา เราพร้อมใจกันว่า วันนี้เป็นทั้ง "วันชาติ" และ "วันพ่อ"

    เมื่อสำนึกดี คิดด้วยรักใจบริสุทธิ์ต่อพระองค์ท่านดังว่านี้ ผมจึงสามารถพูดแทนความรู้สึกของมหาประชาชนได้ว่า เดือนธันวาเป็นเดือนแห่งความสุข อันเกิดจากความรู้สึกบริสุทธิ์โดยมิต้องให้ใครมากำหนดนัดหมายใดๆ เลย

    มีหลายๆ อย่างที่พสกนิกรตั้งตารอคอย ฉะนั้น ก่อนที่จะคุยอะไรกัน และเพื่อดับความสับสนจากที่คนโน้นพูดที-คนนี้พูดที ผมขอนำข่าวจาก "สำนักราชเลขาธิการ" ที่แถลงเป็นทางการเมื่อวานนี้ (๓๐ พ.ย.๕๒) มาบันทึกช่วยจำไว้ตรงนี้อีกครั้ง ดังนี้

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ การพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พุทธศักราช 2552 ดังนี้

    1.วันพุธที่ 2 ธันวาคม 2552 พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนและสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ประจำปี 2552 ให้เลื่อนออกไปก่อน

    2.วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2552 ตามที่คณะบุคคลและประชาชน ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสเข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552 ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เช่นทุกปีนั้น ให้เลื่อนออกไปก่อน

    3.วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2552

    - เวลาเช้า เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล

    - เวลาบ่าย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์

    4.วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม 2552 เวลาเช้า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระพระองค์ เลี้ยงพระ ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

    5.วันอังคารที่ 8 ธันวาคม 2552 เวลาบ่าย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต คณะทูตเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552

    จึงแถลงข่าวมาให้ทราบโดยทั่วกัน

    สำนักราชเลขาธิการ

    30 พฤศจิกายน 2552

    พรุ่งนี้ (๒ ธ.ค.) ไม่มีพระราชพิธีสวนสนามนะครับ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนออกไปก่อน และวันที่ ๔ ธันวา ที่รอคอยกันไปเข้าเฝ้าฯ ณ ศาลาดุสิดาลัยดังทุกปีที่ผ่านมา และใจจดใจจ่อรอฟังกันทั้งประเทศว่า "ปีนี้-พระองค์จะตรัสว่าอย่างไรบ้าง" นั้น

    ปีนี้ไม่มีนะครับ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนออกไปก่อน!

    มีเฉพาะวันเสาร์ที่ ๕ ธันวาคม เวลาเช้า "เวลาเดียว" เท่านั้น ที่ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" เสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ให้พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ทั้งหมด ท่านก็ดูได้ตามที่ "สำนักราชเลขาธิการ" แถลงข้างต้นนั่นแหละครับ

    เมื่อทราบอย่างนี้ หลายท่านอาจสงสัย และเป็นความสงสัยบนความไม่สบายใจว่า อย่างนี้แสดงว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ยังทรงพระประชวรอยู่หรือ?"

    เอาอย่างนี้นะครับ เกี่ยวกับเจ้าฟ้า-เจ้าแผ่นดิน ถ้าไม่มีแถลงเป็นทางการ หาสมควรไม่ที่จะบังอาจกล่าวนั่น-กล่าวนี่ ซึ่งเป็นการก้าวล่วงที่ไม่สมควรยิ่ง แต่เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้คลายกังวล และมีความสบายใจกันจริงๆ ไม่ต้องคาดเดาแล้วพูดกันไปเปะปะ ผมขอเรียนว่า

    ท่านราชเลขาธิการ "อาสา สารสิน" ฝากบอกว่า ขอให้ประชาชนสบายใจได้ ขณะนี้ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ทรงหายจากอาการพระประชวร และทรงแข็งแรงดีแล้ว

    เพียงต้องการใช้เวลาอีกสักระยะเพื่อทำกายภาพให้ทรงแข็งแรงยิ่งๆ ขึ้นในการเสด็จพระราชดำเนินเท่านั้น

    ก็เป็นอันเข้าใจกันตามนี้นะครับ ท่านใดต้องการได้เฝ้าชมพระบารมี "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" วันเสาร์ที่ ๕ ธันวาคม ก็ตื่นกันแต่ดึกหน่อย แล้วไปเฝ้าแหนที่บริเวณรอบๆ พระบรมมหาราชวัง เพราะเวลาเช้า พระองค์ท่านจะเสด็จออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย

    ที่ผมบอกให้ตื่นแต่ดึก เพราะเข้าใจว่า ถ้าไปสายนัก อาจไม่มีที่เหมาะๆ เหลือให้จับจอง อยู่ไกลนักอาจไม่เห็นอะไรชัด ผมจึงบอกให้รีบไปไงล่ะ แต่ทั้งหมดนี้ เสี่ยงบุญ-เสี่ยงวาสนาเอานะครับ ผมไม่ได้หมายความว่าเขาจะให้ประชาชนเข้าเฝ้าฯ เหมือนอย่างเสด็จออก ณ ศาลาดุสิดาลัย

    ในวันที่ ๕ ธันวานี้ ผมหมายถึง ถ้าไปที่พระบรมมหาราชวัง ใจได้เฝ้าใกล้ชิด ส่วนกายหมอบกราบชะเง้ออยู่ไกลๆ แค่นั้นก็บุญวาสนาเหลือจะสุดพรรณนาแล้ว! ...........................



    ขอขอบคุณ คุณเปลว สีเงิน นสพ.ไทยโพสต์
     
  6. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    ความสุขของในหลวง


    <!-- main-content-block --><!-- 7 ธันวาคม 2552 - 00:00 -->
    7 ธันวาคม 2552 - 00:00



    "ขอขอบใจท่านทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง ที่มีไมตรีจิต พรั่งพร้อมกันมาให้พรวันเกิด ด้วยถ้อยคำที่เลือกสรรมาจากใจจริง ซึ่งปรารถนาดีมุ่งหมายให้ข้าพเจ้ามีความสุข ความสวัสดีด้วยประการต่างๆ ความสุข ความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้ ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญ มั่นคง เป็นปกติสุข

    ความเจริญมั่นคงทั้งนั้นจะสำเร็จผลเป็นจริงไปได้ ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติ มุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้ผิด และด้วยความสุจริต จริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น

    จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอยู่ในสถาบันหลักของประเทศ และชาวไทยทุกคน หมู่เหล่า ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่าง แล้วทำตั้งจิต ตั้งใจ ให้เที่ยงตรงหนักแน่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือ ชาติ บ้านเมือง อันเป็นถิ่นที่อยู่ที่ทำกินของเรา มีความเจริญ มั่นคง ยั่งยืนไป

    ขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จงคุ้มครองรักษาท่านให้ปราศจากทุกข์ ปราศจากภัย และอำนวยสุขสิริสวัสดิ์ พิพัฒนมงคลให้สัมฤทธิผลขึ้นแก่ท่านทั่วหน้ากัน"

    เป็นพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันมหามงคล 5 ธันวาคม 2552 ในวโรกาสเสด็จออกมหาสมาคม ระหว่างประทับบนพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ หน้าพระแท่นนพปฎลมหาเศวตฉัตร ซึ่งสร้างความปลื้มปีติสุขอย่างมหาศาลแก่พสกนิกรชาวไทยที่เข้าเฝ้าฯ ด้วยความจงรักภักดี และด้วยจิตใจสุดแสนห่วงใยต่อพระอาการประชวรขององค์พระประมุขที่เปรียบเสมือน "พ่อของแผ่นดิน" ทั้งรอบบริเวณพระบรมมหาราชวัง และตลอดเส้นทางเสด็จจากโรงพยาบาลศิริราช

    แม้กระทั่งคนไทยทั่วประเทศที่เฝ้าดูการถ่ายทอดสดพระราชพิธีดังกล่าวทางสถานีโทรทัศน์ ต่างก็มีความรู้สึกมิได้แตกต่างกัน ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ก็ได้รายงานผลสำรวจความสุขมวลรวมของคนไทยในวันที่ 5 ธันวาคมทันทีว่า ความสุขของคนไทยพุ่งสูงถึง 9.86 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 นับว่าสูงกว่างานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี เมื่อพุทธศักราช 2549 และยังพบว่า หลังจากประชาชนชมการถ่ายทอดการเสด็จออกมหาสมาคม กว่าร้อยละ 80 มีกำลังใจในการต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคในชีวิตมากขึ้น

    เมื่อคนไทยมีความสุขกันอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ทั้งจากการได้เห็น "ในหลวง" ทรงโบกพระหัตถ์ตอบแก่พสกนิกรของพระองค์ท่านด้วยใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความรักและเมตตา ทั้งจากงานเฉลิมฉลองเทิดพระเกียรติที่ยิ่งใหญ่อลังการทั่วประเทศ น่าตื่นตาตื่นใจด้วยกิจกรรมบันเทิง และสารคดีที่น่าสนใจต่างๆ ภายใต้โครงการไทยสามัคคีไทยเข้มแข็งของรัฐบาล...นับจากวันนี้ เมื่อทุกชีวิตในสังคมไทยกลับคืนสู่ภาวะปกติที่เคยดำเนินและดำรงอยู่นั้น หวังเหลือเกินว่าคนไทย 67 ล้านคนจะช่วยกันทำหน้าที่ของตนเอง ทำหน้าที่ของการเป็นพลเมืองไทยที่พึงปรารถนา สนองตอบต่อพระราชดำรัสขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างแน่วแน่และต่อเนื่อง เพื่อยืนยันว่าเรารักในหลวงด้วยหัวใจ ไม่ใช่ลมปากหรือแค่เสียงเพลงพาเพลินเท่านั้น

    เพราะความสุขของในหลวง ไม่ใช่งานเฉลิมฉลอง หาใช่แค่คำงดงามสวยหรูที่ช่วยกันตบแต่งร้อยกรอง สรรหามาเอ่ยถวายพระพร แต่พระองค์ท่านทรงปรารถนาเห็นบ้านเมืองของเรามีความเจริญมั่นคงเป็นปกติสุข โดยพระองค์ท่านยังทรงเมตตาชี้ทางสว่างให้ทุกคนได้เห็นอีกว่า ความเจริญมั่นคงจะสำเร็จผลเป็นจริงได้ ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติมุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลังด้วยสติ รู้ตัว ด้วยปัญญา รู้คิด และด้วยความสุจริตจริงใจ โดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น

    ภายใต้ร่มพระบารมีแห่งราชจักรีวงศ์ ซึ่งมีพระบาทสมเด็จภูมิพลมหาราชเป็นองค์พระประมุข ศูนย์รวมดวงใจของคนไทยทั้งชาติ ถือเป็นอิสรภาพแห่งความคิดของแต่ละคนที่จะสนองพระราชดำรัสในครั้งนี้เพื่อถวายเป็น "ความสุขแด่ในหลวง" เพราะทุกคนในสังคมไทยมีหน้าที่ที่แตกต่างกันไปตามสาขาอาชีพ ตามความรับผิดชอบ ตามวุฒิภาวะ และตามภูมิลำเนา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือ ความรักความสามัคคีปรองดอง เห็นแก่ประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง

    จากวันที่ประเทศไทยร้อนเป็นไฟด้วยปัญหาคนไทยแบ่งแยกเป็นฝักฝ่าย จนถึงวันที่สังคมไทยต้องประสบกับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจและการเมือง ความสุขของในหลวงทรงถดถอยลงไปหรือไม่นั้น เชื่อว่า วันนี้คนไทยทั้งชาติตระหนักรับรู้ได้ดี ดังนั้น เพื่อสร้างความสุขถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ชื่อว่าเป็น "พ่อของแผ่นดิน" องค์พระมหาราชาที่ไม่มีอีกแล้วในโลกใบนี้ คนไทยทั้งชาติต้องเริ่มต้นลงมือทำ อย่าย่ำอยู่แค่พูดหรือแสดงออกด้วยการร้องรำทำเพลง

    "ในหลวง" ของเราจะทรงมีความสุขสวัสดี และหมายถึงโอสถทิพย์ที่จะส่งเสริมให้อาการพระประชวรดีวันดีคืนนั้น จะเกิดขึ้นแน่ ถ้าเราคนไทยเริ่มทำหน้าที่ของตนเอง ทำจากสังคมเล็กๆ ในครอบครัวให้เป็นสังคมแห่งการพึ่งพาตนเอง รู้จักวิถีพอเพียง จากจุดเล็กๆ ก็จะส่งผลให้ชุมชนอยู่ดีกินดีด้วยสมองและแรงกายที่ไม่ต้องรอหรือแบมือขอจากใคร จากความเข้มแข็งของชุมชน ย่อมส่งเสริมสนับสนุนให้ตำบล อำเภอ จังหวัด ภูมิภาค และท้ายสุดประเทศไทยได้มีสุขภาวะสมกับเป็นดินแดนแห่งแผ่นดินทองแผ่นดินธรรม ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเกิดวิกฤติโลกถาโถมเป็นมรสุมระลอกเล็กหรือใหญ่ก็ตาม

    ทำไม..เมื่อเราบอกว่า ความสุขของคนไทยคือได้เห็นในหลวงทรงมีความสุขและมีพระพลานามัยสมบูรณ์ แล้ววันนี้เราได้รู้แล้วว่าความสุขของในหลวงคืออะไร เราจะนิ่งเฉยได้อย่างไร อย่างน้อยตลอดระยะเวลากว่า 60 ปีของการครองราชย์ "ในหลวง" ของเราได้ทรงลงมือกระทำงานตามหน้าที่มากมาย และเกินกว่าหน้าที่ขององค์พระประมุขทั่วไป จนทั่วโลกต่างพากันยกย่องและอิจฉาคนไทย เรามีแบบอย่างที่ชัดเจนอยู่แล้ว ขอเพียงลงมือทำ โดยตั้งจิตอธิษฐานเพื่อความสุขแด่องค์พ่อหลวง รับรองว่าความสุขของคนไทยจะผกผันเป็นเงาตามตัวและเกินร้อยแน่นอน.



    ๐ ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จอมทัพไทย

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244 border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    ชาติของเรา เป็นไทยอยู่ได้ จนถึงตัวเราคนหนึ่งนี้ เพราะบรรพบุรุษของเราเอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิต และความลำบากยากเข็ญเข้าแลกไว้


    โขลงช้างยังมีพญาสาร ครอบครองบริวารทั้งหลาย
    ฝูงโคขุนโคก็เป็นนาย มุ่งหมายนำพวกไปหากิน
    ฝูงหงส์มีเหมราชา สกุณามีขุนปักษิณ
    เทวายังมีสักรินทร์ เป็นปิ่นเทวัญชั้นฟ้า

    เผ่าชนจะตั้งเป็นคณะ จะต่างคิดเกะกะตามประสา
    จะอยู่ได้ดีกี่เวลา ดูน่าจะยับอับจน
    จำเป็นต้องมีหัวหน้า กะการบัญชาให้เป็นผล
    กองทัพบริบูรณ์ผู้คน ไม่มีจุมพลจะสู้ใคร


    (พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าพระเจ้าอยู่หัว)

    เพราะมีจอมทัพไทย ชาติไทยจึงดำรงอยู่ตราบเท่าทุกวันนี้
    พระมหากษัตริย์ทรงเป็นจอมทัพไทย ทรงเป็นศูนย์รวมความรัก ความภักดีของชนในชาติ

    อ้างอิงกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/library/topic/K8618505/K8618505.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2009
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จอมทัพไทย



    [​IMG]


    พระมหากษัตริย์ไทยทรงเป็นจอมทัพไทยมาทุกยุคทุกสมัย สืบทอดกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ที่ได้รวบรวมเผ่าไทย ตั้งขึ้นเป็นราชอาณาจักรไทย ณ ผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้

    คำว่า พระมหากษัตริย์ หมายถึง นักรบผู้ยิ่งใหญ่ หรือจอมทัพ เพราะในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ชาติที่เข้มแข็งเท่านั้น จึงจะดำรงคงความเป็นชาติอยู่ได้ ชาติที่อ่อนแอ ก็จะตกไปเป็นผู้ที่อยู่ในครอบครองของชาติอื่น ความเข้มแข็งที่สำคัญยิ่ง คือความเข้มแข็งทางการทหาร ความเข้มแข็งในด้านอื่นๆ เป็นส่วนประกอบ ซึ่งก็จะขาดเสียมิได้ เนื่องจากการศึกมิได้ทำอยู่ตลอดไป ระยะเวลาว่างศึกมีอยู่มากกว่า ในห้วงเวลาดังกล่าว ก็จะมีการสร้างเสริมความแข็งแกร่งในด้านต่าง ๆ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ และความอยู่ดีกินดีของอาณาประชาราษฎร์

    ชาติไทยเป็นชาติที่มีอารยธรรมสูงมาแต่โบราณกาล ดังนั้น องค์ประกอบอันเป็นแบบฉบับ แสดงถึงความเป็นจอมทัพไทย จึงมีอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ มีสัญญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย มีความสง่างาม สมพระเกียรติยศแห่งจอมทัพไทย
     
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    มาร์ชราชวัลลภ

    เพลงพระราชนิพนธ์ มาร์ชราชวัลลภ <SMALL>(ข้อมูล)</SMALL> หรือ Royal Guards March เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ ๗ ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๙๑ ชื่อ "ราชวัลลภ" และพระราชทานให้เป็นเพลงประจำกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ เพื่อไว้ใช้ในพิธีสวนสนาม หลังจากนั้น ผบ.กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ได้มอบหมายให้พันตรี ศรีโพธิ์ ทศนุต แต่งคำร้องภาษาไทยถวาย มีห้องเพลงยาวกว่าเดิม จึงขอพระราชทานทำนองเพิ่มเติมเพื่อให้เข้ากับคำร้อง ในการแก้ไขทำนองให้เข้ากับคำร้องนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยกร) ช่วยตรวจทาน และได้พระราชทานนามเพลงพระราชนิพนธ์นี้ว่า "มาร์ชราชวัลลภ" (The Royal Guards March) เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๕


    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.789064/[/MUSIC]​


    เราทหารราชวัลลภ...รักษาองค์
    พระมหากษัตริย์สูงส่ง
    ล้วนแต่องอาจแข็งแรง
    เราทุกคนบูชากล้าหาญ
    วินัยเทิดเกียรติชาติไว้ทุกแห่ง
    ใจดุจเหล็กเพชรแข็งแกร่ง...มิกลัวใคร
    เราเป็นกองทหารประวัติการณ์
    ก่อเกิดกำเนิดกองทัพบกชาติไทย
    เราทุกคนภูมิใจ
    ได้รับไว้วางพระราชหฤทัย
    พิทักษ์สมเด็จเจ้าไทย
    ตลอดในพระวงศ์จักรีฯ
    เราทหารราชวัลลภ
    รักษาองค์ฯ จะถวายสัตย์ซื่อตรง
    องค์ราชาราชินี
    ถ้าแม้นมีภัยพาลอวดหาญ
    มิเกรงดูหมิ่นข่มเหงย่ำยี
    เราจะถวายชีวีมิหวาดหวั่น
    จะลุยเลือดสู้ตายจะเอากายป้องกัน
    เป็นเกราะทองรบประจัญศัตรู
    ฝากฝีมือปรากฏ
    เกียรติยศฟุ้งเฟื่อง
    กระเดื่องกองทัพบกไทย
    ไว้นามเชิดชูราชวัลลภคู่ปฐพี

    ทุกปีก่อนวันเฉลิมพระชนม์พรรษาจะได้เห็นเหล่าทหารรักษาพระองค์สวนสนาม อยากเห็นพระราชพิธีนี้ในปีนี้อีกค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2009
  10. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ท่านราชเลขาธิการ "อาสา สารสิน" ฝากบอกว่า ขอให้ประชาชนสบายใจได้ ขณะนี้ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ทรงหายจากอาการพระประชวร และทรงแข็งแรงดีแล้ว

    เป็นข่าวดีมากค่ะ

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

    ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
     
  11. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +3,210

    ช่างเป็นข่าวที่น่ายินดียิ่งสำหรับชาวไทยค่ะ

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
     
  12. ไก่เหลืองหางขาว

    ไก่เหลืองหางขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +493
    เห็นภาพในสมาธิว่าทุกคนรวมตัวกันเพื่อในหลวง ถ้าจิตผมไม่หลอนก็แปลว่า อะไรๆมันก็น่าจะดีครับ
     
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    อ่านแล้วขนลุกค่ะ คนไทยรวมใจกันถวายในหลวง

    บ้านเมืองจะต้องดีขึ้น ดีใจ สาธุ สาธุ สาธุ

    รักในหลวง เทิดทูนพระองค์

    ทางสายธาตุคิดเอาเองว่าพระองค์ทรงเป็นพระสยามเทวธิราชภาคพื้นพิภพ

    รักพระองค์ท่านเพราะพระองค์ท่านทรงรักประชาชน

    จะหาพระมหากษัตริย์ที่ทรงทำทุกอย่างเพื่อประชาชนได้ดั่งเช่นที่พระองค์ทรงทำนั้นได้ยากยิ่ง

    ทรงเสด็จในถิ่นที่ทุรกันดารที่คนไทยหลายๆคนยังไม่เคยเข้าไปเลยในถิ่นที่พระองค์เคยเสด็จเพราะเดินทางลำบาก แต่พระองค์ทรงเสด็จไป

    ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจในพระจริยวัตรของพระองค์ท่านมากจนยากที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้หมด

    รักและเทิดทูนพระเจ้าอยู่หัวผู้เป็นที่รักยิ่งของคนไทยทุกคน

    ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ

    ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
     
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สมเด็จเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ทรงดนตรีกระชับมิตร สายสัมพันธ์สองแผ่นดินที่จีนอีกครั้ง


    [​IMG]


    สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จะเสด็จไปทรงดนตรีในงานแสดงดนตรีและวัฒนธรรม "สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน" ครั้งที่ 4 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน...

    สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี จะเสด็จไปทรงดนตรีในงานแสดงดนตรีและวัฒนธรรม "สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน" ครั้งที่ 4 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 12-25 ธ.ค. นี้ ตามคำกราบทูลเชิญของกระทรวงวัฒนธรรมประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ต.ค.) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้ประทานสัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการแสดงดนตรีและวัฒนธรรม "สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน" ครั้งที่ 4 ว่า ทรงตัดสินพระทัยที่จะทรงเครื่องดนตรีกู่เจิง ครั้งที่ 4 ค่อนข้างกะทันหัน เพราะกระทรวงวัฒนธรรมของจีนเพิ่งกราบทูลเชิญพระองค์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และต้องแสดงเดือนธันวาคม "ตอนแรกก็ตกใจ เพราะทิ้งไป 2 ปี เนื่องจากงานวิชาการแน่นมาก? ต้องเดินทางไปต่างประเทศและสอนในประเทศ ไทย ตกใจว่าลืมไปหมดแล้ว กลัวเล่นไม่ได้ดีอย่างที่คิด จึงเรียกอาจารย์ลี่หยางมาช่วยรื้อฟื้น ซึ่งก็เล่นได้ดีกว่าเดิม สงสัยคงซ้อมในฝัน (รับสั่งติดตลก) และเล่นเพลงใหม่ด้วย"

    ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์รับสั่งด้วยว่า ขณะนี้พระองค์ทรงพร้อมแล้ว ที่จะเล่นดนตรีกู่เจิง และต้นเดือนหน้าก็จะเสด็จไปทรงซ้อมกับวงดุริยางค์จีน และแสดงใน 3 เมืองใหญ่ของจีน ได้แก่ กรุงปักกิ่ง นครเซี่ยงไฮ้ และเมืองตงกว่าน แต่ระหว่างอยู่เมืองไทยก็ทรงได้รับ ความอนุเคราะห์จากวงดุริยางค์ราชนาวีร่วมฝึกซ้อมให้พระองค์มาตลอด โดยช่วงแรกของการฝึกซ้อม ทรงซ้อมหนักมากวันละ 5-6 ชั่วโมง เพราะ ต้องทรงรื้อฟื้นสิ่งที่ลืมไปแล้ว ให้เล่นได้ จำได้ แต่ใช้เวลาไม่นาน ก็ทรงเล่นได้เหมือนเดิม เพราะเทคนิคต่างๆในการเล่นไม่ได้ทรงลืมเสียทีเดียว กระทั่งระยะหลังๆชั่วโมงซ้อมได้ลดลงเหลือ 2-3 ชั่วโมง ส่วนงานอื่นๆ ก็ยังทรงทำอยู่ ทั้งการเสด็จไปทรงเลกเชอร์ที่ต่างประเทศและในประเทศ รวมถึงยังทรงใช้เวลาในช่วงกลางคืนร้อยสร้อยในโครงการ "ถักร้อยสร้อยรัก" เพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งที่ยากไร้

    สำหรับเพลงที่จะทรงบรรเลงในการแสดงครั้งนี้ ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ จะทรงเล่นทั้งหมด 5 เพลง เปิดตัวด้วยเพลงประจำพระองค์คือ "ระบำเผ่าอี้" ตามด้วยเพลง "เผ่าไทย" ซึ่งเป็นเพลงดั้งเดิมของไทย และเป็นเพลงที่สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯให้ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค แต่งเนื้อร้อง ทรงได้ยินเพลงนี้มาตั้งแต่พระชันษา 17-18 ชันษา เป็นเพลงที่ไพเราะมากเพลงหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีเพลง "เมฆตามพระจันทร์" เป็นเพลง พื้นเมืองแถบกวางโจว และเป็นเพลงที่เป็นแรงบันดาลพระทัยให้ทรงเล่นเครื่องดนตรีกู่เจิง โดย ทรงได้ยินเพลงนี้ขณะล่องแม่น้ำที่เมืองหลี่เจียง เมื่อปี 2002 เพลงต่อมาคือเพลง "ชุน เต้าลาซา" เป็นเพลงใหม่ที่ยังไม่เคย ทรงแสดงที่ไหนมาก่อน และสุดท้ายเป็นเพลงประจำงานแสดงดนตรีและวัฒนธรรม "สายสัมพันธ์สอง แผ่นดิน" โดยทรงแต่งเนื้อร้องร่วมกับ อ.วิรัช อยู่ถาวร นอกจากนี้ ยังทรง นำการแสดงจากกรมศิลปากรไปแสดง อีกด้วย เพื่อเป็นการเผยแพร่ศิลปะ และวัฒนธรรมอันงดงามของไทย

    สำหรับคนไทยที่ไม่มีโอกาส เดินทางไปชื่นชมการแสดงดนตรีและวัฒนธรรม "สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน" ครั้งที่ 4 ที่เมืองจีน ไม่ต้อง ผิดหวังเพราะฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ จะเปิดแสดงขึ้นในเมืองไทยราวต้นปีหน้า.

    นำมาเผยแพร่อีกครั้งค่ะ ใกล้วันที่จะทรงแสดงแล้วค่ะ กำลังหาเพลงกู่เจิ้ง ระบำเผ่าอี้มาให้ฟังกันค่ะ

    อ้างอิงข่าว ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ทรงดนตรีกระชับมิตร สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน ที่จีนอีกครั้ง??
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2009
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เพลงกู่เจิ้ง ระบำเผ่าอี้

    บทเพลงแรก 彝族舞曲
    彝族舞曲 (yí zú wŭ qŭ) เพลงนี้ในชื่อภาษาไทยคือ “ระบำเผ่าอี้” เป็นเพลงที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ อัครราชกุมารี ทรงเลือกใช้ในการบรรเลงในการแสดงดนตรีไทย-จีน สายสัมพันธุ์สองแผ่นดิน โดยมี อาจารย์หลี่ หยาง เป็นพระอาจารย์ผู้ฝึกสอน ใช้ทักษะการเล่นขั้นสูงครบ ๕ ชนิดใน ๑ เพลง เป็นเพลงที่เหล่านักกู่เจิงระดับสูงนิยมนำมาบรรเลง ไม่ทราบประวัติเกี่ยวกับผู้แต่งบทเพลงนี้


    http://www.qq190.com/music/109872.htm
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2009
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2009
  17. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จีนถวายรางวัลพระเทพฯ 1 ใน 10 มิตรที่ดีที่สุด

    [​IMG]


    [​IMG]


    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จฯ ไปสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล "มิตรที่ดีที่สุดในโลกของชาวจีน" พร้อมรับสั่งเป็นเพราะสมเด็จพระบรมราชินีนาถสนับสนุนให้เรียนภาษาจีน


    เมื่อเวลา 05.30 น. วันที่ 8 ธันวาคม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับเครื่องบินของบริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด เที่ยวบินที่พีจี 1 เสด็จฯ ออกจากท่าอากาศยานกองบัญชาการกองทัพอากาศ ดอนเมือง ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล "มิตรนานาชาติสิบอันดับแรกของสาธารณรัฐประชาชนจีน" จากการลงคะแนนคัดเลือกของประชาชนชาวจีนผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยรางวัลดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อร่วมฉลองในโอกาสครบ 60 ปี ของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพียงพระองค์เดียวที่ได้รางวัลดังกล่าว


    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงได้รับการคัดเลือกจากประชาชนจีนให้เป็น 1 ใน 10 มิตรที่ดีที่สุดในโลกของชาวจีนด้วยคะแนนสูงมากจากกิจกรรมคัดเลือกมิตรที่ดีที่สุดในโลก 10 อันดับแรกของชาวจีนทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งสถานีวิทยุซีอาร์ไอร่วมกับสมาคมมิตรภาพวิเทศสัมพันธ์แห่งประชาชนจีน และกรมผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศแห่งประเทศจีนได้ร่วมกันจัดกิจกรรมครั้งนี้


    เว็บไซต์ thai.cri.cn ซึ่งเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ไทย-จีน รายงานว่า เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงทราบเรื่องนี้ พระองค์ทรงปลื้มปีติ ทรงแย้มพระสรวล พร้อมมีพระราชดำรัสว่า "การที่ข้าพเจ้าได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในมิตรที่ดีที่สุด 10 อันดับแรกในโลกของชาวจีนนั้น แสดงให้เห็นว่าข้าพเจ้าได้รับการยอมรับจากเยาวชนจีน ขณะเดียวกันข้าพเจ้ารู้สึกดีใจที่ได้รับความนิยมจากมิตรชาวจีนพร้อมกับมิตรที่ดีที่สุดของจีนคนอื่นๆ"


    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำรัสขณะพระราชทานสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุซีอาร์ไอว่า
    "มิตรที่ดีที่สุดของจีนในโลกคนอื่นๆ ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมาก พวกเขาได้สร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงแก่จีน ข้าพเจ้าต้องศึกษาเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากจากพวกเขา ถ้ามีบุคคลหนึ่งบุคคลใดได้สร้างคุณูปการต่อการส่งเสริมการแลกเปลี่ยน และพัฒนามิตรสัมพันธ์กับจีน เราก็ต้องแนะนำบุคคลเหล่านี้ให้ชาวจีนรู้จัก"


    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สนพระราชหฤทัยภาษาจีนและวัฒนธรรมจีนเป็นพิเศษ ขณะพระราชทานสัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอ ทรงเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังถึงสาเหตุที่เลือกเรียนภาษาจีนว่า เป็นข้อเสนอของสมเด็จแม่ (สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ)
    "ตอนนั้น ข้าพเจ้าเพิ่งเรียนจบจากมหาวิทยาลัย ตอนแรกข้าพเจ้าคิดว่าจะเลือกเรียนภาษาเยอรมัน แต่สมเด็จแม่ได้รับสั่งว่า เรียนภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ล้วนเป็นภาษาตะวันตก คิดว่าน่าจะเรียนภาษาจีน ภาษาจีนเป็นภาษาประเทศตะวันออก คิดว่าคงจะเป็นประโยชน์มากกว่า ข้าพเจ้าคิดว่า การเลือกเช่นนี้ถูกต้อง"


    นับแต่นั้นมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สนพระราชหฤทัยวัฒนธรรมจีนอย่างมาก ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงศึกษาภาษาจีนและวัฒนธรรมจีนด้วยความพากเพียรวิริยะ โดยทรงรับการถวายการสอนจากครูสอนภาษาจีน 9 ท่านตามลำดับ จนไม่เพียงแต่มีพระราชกระแสรับสั่งด้วยภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่วเท่านั้น หากยังทรงพระราชนิพนธ์แปลบทกวีจีน และนวนิยายจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทกวีสมัยราชวงศ์ถัง และสมัยราชวงศ์ซ่งของจีนอย่างมากและลึกซึ้ง ทรงพระราชนิพนธ์แปลบทกวีจีนสมัยราชวงศ์ถังกว่า 100 บท เป็นภาษาไทย
    นอกจากทรงศึกษาบทร้อยกรองและบทกวีจีน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังทรงพระปรีชาด้านวรรณกรรมยุคปัจจุบันของจีนอย่างมากและลึกซึ้ง ทรงพระราชนิพนธ์แปลนวนิยายของนายหวังเหมิง นักเขียนจีนเรื่อง "ผีเสื้อ" และผลงานของนางฟังฟัง นักเขียนจีนเรื่อง "เมฆเหิน น้ำไหล" เป็นภาษาไทย ทรงถ่ายทอดชีวิตสังคมจีนให้คนไทยรู้จัก


    หลังจากทรงศึกษาภาษาและวัฒนธรรมจีนแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงหวังที่จะสัมผัสสังคมจีนและการใช้ชีวิตในประเทศจีน ตั้งแต่ปี 1981 เป็นต้นมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เยือนจีนกว่า 20 ครั้ง ทรงทัศนศึกษาทั่วประเทศจีน ทุกครั้งที่ทรงเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจในการเสด็จฯ เยือนจีน พระองค์ทรงบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ทรงพบเห็น ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง "ย่ำแดนมังกร" "ใต้เมฆที่เมฆใต้" "มุ่งไกลในรอยทราย" พระราชนิพนธ์เหล่านี้ได้รับความสนใจอย่างยิ่งในประเทศไทย และมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ประชาชนไทยเข้าใจและเรียนรู้ประเทศจีนได้มากขึ้น


    ในช่วง 28 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่เสด็จฯ เยือนจีนเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1981 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นสักขีพยานในการเปลี่ยนแปลงของจีนหลังดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีมีพระราชดำรัสว่า


    "28 ปีนี้ รู้สึกว่าประเทศจีนเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะที่ว่า คนจีนและสถานที่ต่างๆ ในประเทศจีนก็มีลักษณะเป็นสากลมากขึ้น สิ่งที่ในโลกนี้มี ในเมืองจีนก็มีทั้งนั้น จีนติดต่อด้วยกันง่ายขึ้น รู้สึกว่าในด้านนี้จะเปลี่ยนแปลงมาก"


    เนื่องจากพระองค์ทรงสร้างคุณูปการสำคัญต่อการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีนและเสริมสร้างไมตรีจิตมิตรภาพระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ เมื่อปี 2000 กระทรวงศึกษาธิการจีนทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล "มิตรภาพด้านภาษาและวัฒนธรรมจีน" เมื่อปี 2001 กองทุนวรรณคดีจงหวาของสมาคมนักเขียนจีนทูลเกล้าฯ ถวายรางวัล "วรรณคดีนานาชาติด้านความเข้าใจและมิตรภาพ" ปี 2004 สมาคมมิตรภาพวิเทศสัมพันธ์ประชาชนจีนยกย่องให้ทรงเป็น "ทูตสันถวไมตรีมิตรของประชาชน" ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุดที่สมาคมมิตรภาพวิเทศสัมพันธ์มอบให้แก่มิตรชาวต่างชาติ


    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงส่งเสริมให้เยาวชนไทยผูกมิตรกับจีน เรียนภาษาและวัฒนธรรมจีน พร้อมมีพระราชดำรัสว่า

    "ที่จริง เวลาเรียนอยู่ในประเทศไทย ถึงแม้ครูจะเก่ง สอนดี ก็ไม่เหมือนเวลาที่พบคนจีนในสถานการณ์จริง เพราะฉะนั้น เด็กไทยในสมัยนี้ก็สนใจเรียนภาษาจีนกัน เด็กไทยถ้าเรียนในห้องเรียนก็ไม่ค่อยได้ผล ถ้ามีโอกาสที่ว่ามีครูแลกเปลี่ยนที่มาจากจีนมาสอน หรือว่ามีโอกาสได้พบเด็กจีนบ้าง การเรียนน่าจะดีขึ้น"


    สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพรด้วยสองภาษาทั้งไทยและจีนว่า "ขอให้คนไทยและคนจีนศึกษาจากกันและกัน และให้มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน เป็นเพื่อนกัน"


    "ข้าพเจ้าหวังว่า คนไทยและคนจีนจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น"


    สำหรับ "10 สุดยอดมิตรชาวต่างชาติของจีน" ด้วยการลงคะแนนเสียงของชาวเน็ตและการพิจารณาจากคณะกรรมการตัดสินการประกวดครั้งนี้ 10 อันดับแรกคือ

    1.นายฮวน อันโตนิโอ ซามารานซ์ อดีตประธานโอลิมปิกสากล ชาวสเปน ที่เป็นผู้สนับสนุนให้จีนได้จัดกีฬาโอลิมปิกในปี 2008

    2.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

    3.Norman Bethune นายแพทย์ชาวแคนาดา ผู้เสียชีวิตในสงครามจีน-ญี่ปุ่น ในปี 1930 โดยการรักษาชีวิตของทหารจีน

    4.John Rabe ชาวเยอรมัน ผู้ช่วยชีวิตชาวจีน 2.5 แสนคน ระหว่างการสังหารโหดที่นานกิง โดยการรุกรานของญี่ปุ่น

    5.Edgar Snow นักเขียนอเมริกัน ผู้เขียน "Red Star over China" in the 1930 ที่ทำให้กองทัพแดงและประธานเหมา เจ๋อตุง เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

    6.Dr.Joseph Needham นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ผู้ใช้เวลาเกือบ 50 ปี ในการประพันธ์ "Science and Civilisation in China"

    7.Israel Epstein ชาวโปแลนด์เชื้อชาติจีน

    8.นักการศึกษา นิวซีแลนด์ Rewi Alley

    9.นายแพทย์ชาวอินเดีย Kwarkanath S. Kotnis

    10. Morihiko Hiramatsu อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด Oita ประเทศญี่ปุ่น 8 สมัย ซึ่งเป็นผู้นำการพัฒนาโครงการ หนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Village One Product) ที่เรียกย่อว่า OVOP
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1143274735.jpg
      1143274735.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.8 KB
      เปิดดู:
      582
    • 1143274675.jpg
      1143274675.jpg
      ขนาดไฟล์:
      77 KB
      เปิดดู:
      821
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2009
  18. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,918
    ค่าพลัง:
    +6,434
    พรุ่งนี้ พระอาจารย์สิงห์ทน นราสโภ ท่านจะมาในงานมหกรรมพลังจิตที่พันธ์ทิพย์งามวงศ์วาน

    ประมาณบ่ายโมงถึงบ่ายสองโมง ถ้าใครอยากจะฟังเรื่องพลังรังษีธรรม เชิญได้ค่ะ


    [​IMG]

    http://palungjit.org/threads/งานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ-ครั้งที่ี16.212617/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2009
  19. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488

    สาธุ ขออนุโมทนากับ พี่ไก่เหลืองหางขาว ขอรับ
     
  20. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466


    อนุโมทนา ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...