::: วรวุฒิคุณอนุสรณ์ ประวัติและวัตถุมงคลหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ครูบาฟ้าหลั่ง :::

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย wannabexcite, 19 มกราคม 2009.

  1. pinij_k

    pinij_k Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +35
    รอฟังด้วยใจระทึก
    ขอบคุณทุกๆท่านครับ
     
  2. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    สวัสดีครับ...

    ผมมีภาพมาฝากครับ เป็นภาพของครูบาติ๊บ วัดท่าวังพร้าว
    ที่คุณนคร ลูกศิษย์ครูบาติบ ไว้โพสให้ชมที่เวป pralanna.com
    จึงขออนุญาตนำมาโพสต่อ เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลวงปู่ครูบาอิน

    เมื่อหลายวันก่อนผมเอาภาพปั๊บสา ที่ครูบาติ๊บท่านจดจารไว้ถวายสืบคุณครูบาอินมาให้ชมแล้ว
    ลองอ่านเกร็ดประวัติครูบาติ๊บ ตามที่คุณนครได้โพสไว้เพิ่มเติมครับ...


    [​IMG]

    ครูบาติ๊บหรือพระครูพิศาลประชานุกูล วัดท่าวังพร้าว อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ครูบาติ๊บท่านเป็นพระที่น่ากราบไหว้มากรูปหนึ่งครับผมมีโอกาสรับใช้ท่านท่านเป็นพระที่มีเมตตาจิตสูง มีวัตรปฏิบัติที่เครงครัดท่านเป็นหลานของหลวงปู่ครูบาอิน ตอนผมเป็นเด็กวัดมักจะได้ติดตามหลวงพ่อไปกราบหลวงปู่ ครูบาท่านต่างๆ ในเขตภาคเหนือของเราเป็นประจำ เพราะครูบาติ๊บท่านชอบที่จะเข้าไปกราบและขอเรียนคาถาอาคมต่างๆ จากหลวงปู่ ครูบาท่านต่างๆ ผมขอไม่เอยนามนะครับเดี๋ยวหาว่าแอบอ้าง ส่วนวัตถุมงคลของท่านที่สร้างออกมานั้นส่วนมากเป็นตะกรุด ผ้ายันต์และเครื่องรางต่างๆ คนทั่วไปในเขตอำเภอสันป่าตองจะรู้จักดีโดยเฉพาะสายใต้ ทหารหรือตำรวจใจเขตสันป่าตองจะทราบดีเป็นพิเศษเพราะพอมีอุบัติเหตุ หรือการยิง,แทงกันแต่แคล้วคลาดมักมีวัตถุมงคลของท่านติดตัวอยู่เสมอ วัตุถุมงคลของท่านส่วนมากจะเป็นการแจกให้ลูกศิษย์ลูกหาพกตจิดตัวมากกว่าการให้บูชา พอตอนครูบาท่านแจกวัตถุมงคลให้กับลูกศิษย์ลูกหาก็จะมีประโยคหนึ่งติดมาด้วยเป็นประจำคือ "เอาของดีนี้ติ๊ดตั๋วไว้ตึงบ่ต๋ายโหง" เอาไว้คราวหนาผมจะได้นำวัตถุมงคลของท่านมาลงให้เพื่อนๆได้ชมครับ เผื่อเจอจะได้เก็บครับ พระดีที่น่ากราบใหว้อยากให้เพื่อนๆ มีไว้ติดตัวครับ


    [​IMG]

     
  3. pinij_k

    pinij_k Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +35
    ดีใจจังครับ
    หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี แข็งแรงขึ้นพอสมควร ราวๆ 70 % แล้ว
    พรุ่งนี้หลวงปู่จะกลับวัดท่าจำปี ที่เชียงใหม่แล้วครับ
    ออกตอนบ่ายสาม ไปถึงวัดคงเย็นๆ
    มีหมอจากบำรุงราษฏร์ไปกับหลวงปู่สามท่าน

    สงสัยจะอยู่โรงพยาบาลนาน ดูหลวงปู่ไม่ค่อยจะยิ้มเลย กลับวัดแล้วคงสดใสขึ้น แต่ยังคงต้องพักผ่อนมากๆ

    สังฆังนะมามิ กราบหลวงปู่ดวงดีครับ
    <!-- / message -->
     
  4. maxkyman

    maxkyman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,473
    ค่าพลัง:
    +6,406
    พี่ไก่ครับ เดี๋ยวนี้ผมเห็นเหรียญรุ่นสองครูบาอิน ออกมากันเยอะมากครับพี่ รุ่นนี้มีปลอมหรือป่าวครับพี่
     
  5. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    ขออนุโมทนากับข่าวดีนี้ด้วยนะครับ
    นึกเป็นห่วงท่านอยู่เหมือนกัน เพราะครั้งนี้ท่านเข้าโรงพยาบาลนานมาก
    จนถึงวันนี้ก็สองเดือนกว่าเข้าไปแล้ว...

    ผมเห็นด้วยกับคุณ pinij_k ที่ว่า
    หากท่านได้กลับวัด ท่านคงจะรู้สึกสดชื่นดีกว่านี้
    แต่นั่นก็ต้องหมายความว่า ท่านได้รับการพักผ่อนอย่างพอเพียง
    ลูกศิษย์ลูกหาต้องพยายามเข้าใจ ไม่รบกวนท่านมากจนเกินไปนัก
    อีกอย่างทางวัดคงจะจัดสถานที่ "ปลอดเชื้อ" ไว้สำหรับให้ท่านพักแล้ว

    ในวัยนี้ ที่ร่างกายอ่อนแอ โอกาสจะติดเชื้อลุกลามใหญ่โตมีสูง
    อยากให้ท่านอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรในแผ่นดินล้านนานานๆ ครับ

    ธีระยุทธ
     
  6. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    คุณ maxkyman เหมือนจะรู้ใจผมเลย
    กำลังว่าจะคุยถึงเรื่องนี้อยู่พอดี คุณแม็กก้เปิดประเด็นถามมา

    สบายใจได้ครับ... เหรียญรุ่นนี้ยังไม่มีปลอมครับ (เท่าที่ทราบมา)
    เดี๋ยวขอขึ้นกระทู้ใหม่เลยนะครับ
     
  7. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    สวัสดีครับ...

    ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา มีเพื่อนๆ โทรมาสอบถามกันหลายคน เรื่องเหรียญรุ่น 2 ของหลวงปู่ครูบาอิน
    ตอนแรกผมก็สงสัยว่า ทำไมจึงมีคนถามหา และสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเหรียญรุ่นนี้กันหลายคน
    จนกระทั่งได้ลองมาเช็คดูในเวปไซต์ PraLanna / SiamAmulet / UAmulet / Web-Pra
    แล้วล้วนแต่มีเหรียญรุ่นนี้นำมาโพสให้บูชากันหลายเหรียญ
    บางเหรียญก็ซ้ำๆ กัน... คือเป็นเหรียญเดิม แต่โพสหลายที่
    ด้วยเหตุนี้เอง... จึงกระตุ้นความสนใจเกี่ยวกับเหรียญรุ่นนี้ขึ้นมาอีกครั้ง


    อันที่จริงแล้ว เรื่องเหรียญรุ่น 2 ปี 2526 นี้ ผมได้เคยเล่าประวัติการสร้างไว้แล้ว
    ในหน้าก่อนๆ แต่ก็จนใจ ที่จำไม่ได้ว่าเคยโพสไว้หน้าไหน...
    บอกให้เพื่อนๆ เขาลองไปขุดๆ ดู... ก็ไม่รู้จะเริ่มหน้ากระทู้ไหนดี
    ผมเลยขอโพสอีกครั้ง เพื่อให้เพื่อนๆ ที่ได้โทรสอบถามมาเมื่อวันสองวันก่อน
    ได้ทราบข้อมูลครับ...


    ชมภาพเหรียญครับ.

    [​IMG]

    เหรียญรุ่น ๒... “รุ่น ที่ระลึกปี ๒๖” พ.ศ. ๒๕๒๖

    เหรียญรุ่นสอง สร้างขึ้นตามดำริของหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท เพื่อแจกเป็นที่ระลึกแก่ผู้มากราบนมัสการ โดยพระอาจารย์ไพบูลย์ อินทปัญโญ เป็นผู้ดำเนินการจัดสร้าง

    จำนวนการสร้าง เป็นเหรียญเนื้อทองผสมทั้งหมด จำนวน ๕,๐๐๐ เหรียญ (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๑.๙ ซม.) ด้านหน้า เป็นรูปหลวงปู่ครูบาอิน ครึ่งองค์ ด้านล่างมีข้อความว่า “พระครูวรวุฒิคุณ” ด้านหลัง เป็นยันต์ ด้านบนมีข้อความโค้งไปตามแนวขอบเหรียญว่า “วัดฟ้าหลั่ง อ.จอมทอง” ด้านล่าง มีข้อความว่า “จ.เชียงใหม่ ๒๕๒๖” ซึ่งเป็นปีที่สร้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2009
  8. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    โอเคร.... ข้างต้นนั้นคือข้อมูลอย่างเป็นทางการ
    ต่อไปเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังครับ...

    ขอบอกก่อนว่ายาว อย่าเพิ่งรีบ... จะค่อยๆ "เล่าสู่กันฟังครับ"
     
  9. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    สมัยที่ผมเข้าวัดแรกๆ ผมเข้าใจว่าเหรียญ ปว. เป็นเหรียญรุ่น 2 ของหลวงปู่
    แต่พอได้คุยกับพระอาจารย์ปรีชา และท่านพิณ (พระอาจารย์ไพบูลย์) จึงได้รู้ว่า
    เหรียญรุ่น 2 ของหลวงปู่ครูบาอิน... จริงๆ แล้วเป็นเหรียญปี 26 เหรียญกลมๆ เล็กๆ


    จริงอยู่ที่ว่าหลวงปู่เป็นผู้ดำริให้ให้สร้างเหรียญรุ่นนี้ด้วยองค์ท่านเอง เพื่อที่จะได้แจกเป็นที่ระลึก
    แก่ผู้มาร่วมทำบุญที่วัดฟ้าหลั่ง ซึ่งช่วงนั้นหลวงปู่กำลังสร้างวิหาร
    ในช่วงแรกๆ การก่อสร้างก็ดำเนินไปช้าๆ เพราะหลวงปู่ท่านไม่ได้เรี่ยไร
    มีเงินก็สร้างเพิ่ม ทุนหมด ก็พักงานไว้ก่อน... เป็นอย่างนี้อยู่พักใหญ่ๆ


    ระหว่างนั้นก็มีผู้มีจิตศรัทธา มาร่วมทำบุญอยู่เป็นระยะๆ
    จึงทำให้หลวงปู่ดำริจะสร้างเหรียญไว้มอบเป็นที่ระลึก นี่คือที่มาของเหรียญรุ่นนี้


    พระอาจารย์ไพบูลย์เล่าว่า ท่านเป็นคนติดต่อโรงงานทำเหรียญก็จริง
    แต่ผู้ที่มีส่วนร่วมในการจัดสร้างตั้งแต่ต้น คือลูกศิษย์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งท่านก็จำไม่ได้แล้วว่าเป็นใคร


    ข้อมูลที่ผมได้รับมาจากท่านพิณ จบลงแค่นี้ครับ...
    เหลือเพียงความสงสัยติดใจของผมอยู่ ... ว่าใครกันหนอ ที่สร้างเหรียญรุ่นนี้...


    จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมได้มีโอกาสสนทนากับท่านพระครูอุดม วัดพระธาตุดอยน้อย
    ก็มีการลำดับเรื่องราว ความเกี่ยวโยงกัน ของคณะศรัทธาที่มาร่วมสร้างวิหารวัดฟ้าหลั่ง
    กับคณะศรัทธาที่ร่วมบูรณะวัดพระธาตุดอยน้อย...
    ซึ่งก็คือ... คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก นำโดย คุณลุงหมอสมสุข คงอุไร


    ซึ่งคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกนี้ ก็เป็นลูกศิษย์ในองค์หลวงปู่ครูบาพรหมมา พรหมจักโก
    วัดพระพุทธบาทตากผ้าอีกด้วย...


    สำหรับท่านที่อาจจะไม่ทราบ... ขออนุญาตขยายความ
    วัดพระธาตุดอยน้อย อยู่ในเขต อ.ดอยหล่อ (เดิม เป็นเขตอ. จอมทอง) จ.เชียงใหม่
    เป็นวัดที่ครูบาเจ้าคัมภีระ พระน้องชายของครูบาพรหมมา เป็นเจ้าอาวาสอยู่
    อันที่จริงระยะทางจากวัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง มายังวัดพระธาตุดอยน้อยนั้น
    ก็ไม่ได้ไกลสักเท่าไหร่... ปัจจุบัน ขับรถแค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็ไปถึงกันได้


    วัดพระธาตุดอยน้อย อยู่ห่างจากวัดฟ้าหลั่งแค่ประมาณสิบกิโล
    คณะศิษย์รัศมีพรหม จึงสามารถเดินสาย จากวัดพระพุทธบาทตากผ้า
    - วัดพระธาตุดอยน้อย – วัดฟ้าหลั่ง ได้ไม่ยากนัก...


    ในปี 2532 ทางคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก สร้างเหรียญถวายหลวงปู่ครูบาอิน อีกรุ่นหนึ่ง
    โดยใช้ยันต์ด้านหลังคล้ายกันกับรุ่น 2 เพียงแต่เพิ่มยันต์ครู “อะกะจะยทฺทะปะทสฺสะ” ลงไป


    ผมเริ่มมองเห็นความสัมพันธ์ของเหรียญทั้งสองรุ่น กับคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก
    เชื่อมโยงไปถึง ครูบาพรหมมา พรหมจักโก... ผ่านทางยันต์ด้านหลังเหรียญนี้เองครับ

    ลองดูภาพยันต์หลังเหรียญกันก่อนครับ
     
  10. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ลองเปรียบเทียบกับหลังเหรียญรุ่น 2 ของหลวงปู่ครูบาอินนะครับ ยันต์เดียวกันเลย...
     
  11. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    พอลองหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็เลยได้มาจอข้อความนี้ ในกระดานสนทนาของวัดพระพุทธบาทตากผ้า.... ความว่า

    (ผมยกข้อความมาทั้งหมด แต่ได้แก้สะกดการันต์ผิดเล็กน้อย)


    เหรียญนี้สร้างเป็นเหรียญกลมมีลายเซ็น ส่วนยันต์หลัง เลียนแบบ เหรียญรูปไข่ ปี 2520 ซึ่งผมเองเป็นผู้มีส่วนสร้างและออกแบบแผงยันต์ ส่วนอักขระให้ท่านครูบาเขียน ท่านให้คาถาด้วยคำว่า ทุ สะ นะ โส เป็นคาถาหัวใจเปรต ตรงกลางมีคำว่า นะโมพุทธายะ และผมได้เสนอท่านครูบาว่า เราเอาคำว่า “สถา โสตถี ภวันตุ เต” เป็นอักขะไทย ซึ่งมีความหมายว่า ขอความสวัสดีจงมีแก่ท่านทุกเมื่อลงไว้ด้วยดีไหม ท่านอาจารย์ครูบาก็เห็นด้วยทุกประการ และมีการสร้างรุ่นหลังๆ มาก็ยึดเอายันต์นี้เป็นยันต์ประจำตัวท่านเลยทีเดียว แบบที่เป็นลายมือเดิมยังอยู่ที่ผมจนทุกวันนี้ เพราะไม่รู้จะเอาไว้ไหนดี นี่ก็ 30 กว่าปีแล้ว เหรียญกลมที่เป็นตัวอย่างน่าจะสร้างเมื่อท่านบังมีชีวิตอยู่ เพราะ ปี 2521 ผมก็ไปอยู่กรุงเทพแล้ว เหรียญที่ออกมาระยะหลังจะไม่บอก พ.ศ. แต่เชื่อเถอครับเหรียญครูบาทุกเหรียญมีพุทธคุณดี เพราะท่านสร้างขึ้นด้วนเมตตาธรรมแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป

    ผู้ตอบ: สาคร สมคำหล้า ผอโรงเรียนบ้านดอนมูล อีเมล์ :
    Sakorn967@gmail.com



    ผมดีใจที่มีผู้กล่าวถึงเหรียญรุ่นนี้ เหรียญรุ่นนี้ผมเป็นคนดำริสร้างขึ้นเองครับ หลังจากลาสิกขาบทจากวัดพระพุทธบาทตากผ้าแล้ว ด้วยพิจารณาเห็นว่าท่านครูบามีเมตตาแก่ทุกคนอย่างล้นเหลือ เมื่อใครมากราบนมัสการท่าน ท่านก็แจกเหรียญของวัดให้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่สูงอยู่ จึงคิดว่าควรสร้างเหรียญถวายวัดไว้ให้ท่านแจก โดยรวบรวมทุนทรัพย์จากบรรดาเพื่อนนวกะ ตลอดจนพ่อแม่ญาติมิตรร่วมกันสร้าง ผมออกแบบเหรียญนี้ด้วยตนเอง ใช้ลายเซ็นที่สวยงามของท่านเป็นส่วนหนึ่งของเหรียญ และใช้การปั๊มยันต์ด้านหลังเป็นแบบยันต์จม ต่างจากเหรียญทั่วไป ก่อนสร้างได้ไปขออนุญาตจากท่านและนำแบบไปให้ท่านดู ซึ่งท่านได้เห็นชอบ และกำหนดวันทำพิธีพุทธาภิเษกให้ โดยผมได้กราบนมัสการท่านครูบาหลายท่านมาร่วมพิธี เช่นครูบาสุรินทร์ ครูบาวงศ์ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นสิ่งพิเศษเพราะเท่าที่ทราบท่านไม่เคยให้จัดพิธีแบบนี้มาก่อนเลย เท่าที่จำได้ผมสร้างเหรียญถวายท่านครูบาไปทั้งหมด 3 รุ่น คือ เหรียญลายเซ็น รุ่น 1 และ รุ่น 2 สุดท้ายคือเหรียญ 2 ครูบา สำหรับยันต์ด้านหลังนั้นรุ่น 2 จะต่างจากรุ่นอื่น ๆ ตรงที่ตัว นะ จะอยู่ต่อจากตัว โส จากคำแนะนำของท่านครูบาวงศ์ ผมมีภาพพิธีพุทธาภิเษกที่เห็นแสงพวยพุ่งสู่พานใส่เหรียญที่น้อยคนนักจะได้เห็น ในพิธีพุทธาภิเษกของเหรียญรุ่นลายเซ็นทั้งสองรุ่น และไม่ได้เผยแพร่เพราะเห็นว่าเมตตาธรรมและการบรรลุธรรมขั้นสูงของท่านเหนือกว่ามากมายนักครับ


    ผู้ตอบ: พลเรือตรีโอฬาร นาวานุรักษ์ อีเมล์ :
    nralo@yahoo.com


    จึงน่าสรุปได้ว่า ยันต์นี้เป็นยันตประจำองค์ของครูบาพรหมมา ได้ในประเด็นหนึ่ง
     
  12. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    กำลังสนุก (อยู่คนเดียว)... ขอต่อเลย

    ลองดูพระผงรุ่สองพิมพ์นี้นะครับ
    สร้างพร้อมกัน แจกพร้อมกัน เพียงแต่แยกเป็น 2 พิมพ์เท่านั้นครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    อีกพิมพ์หนึ่ง

    [​IMG]


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2009
  13. anoldman

    anoldman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +4,558
    สาธุๆ

    ติตามอ่านอยู่นะครับ
    ขออนุโมทนาครับ ^_^


    ______________________________
    hello9
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ สายอีสาน
    กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ สายอีสาน มารายงานตัวกันหน่อยครับ

    โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัดฯ ทั่วภาคเหนือตอนล่าง
    โครงการถวายพระบรมสารีริกธาตุทั่วทุกวัด สำนักสงฆ์สำนักปฏิบัิติธรรม ทั่วภาคเหนือตอนล่าง<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. siwarit

    siwarit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,159
    ค่าพลัง:
    +6,173
    โพสทีไร ได้อ่านเรื่องราวดี ๆ ของคุณธีระยุทธอีกแล้วครับ

    ขอบคุณครับที่นำเรื่องราวดี ๆ มาให้ได้อ่านกันครับ
     
  15. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    และสุดท้ายเรื่องก็มาเฉลยเอาเมื่อตอนที่ลูกศิษย์หลักของคณะรัศมีพรหมโพธิโก
    ท่านพระอาจารย์ชนินทร์ ชนินโท ได้เฉลยให้ฟังว่า
    วัตถุมงคลของหลวงปู่ครูบาอิน อินโท ที่ใช้ยันต์นี้ ล้วนสร้างถวายโดยคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกแทบทั้งสิ้น
    ซึ่งมีทั้งสร้างในนามของคณะ และสร้างส่วนตัวถวาย... นั่นเอง...

     
  16. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    ขอบคุณครับ คุณศิวฤทธิ์ และคุณ ศิริชัย
    พอดีเรื่องนี้มันค้างคาใจผมมานานแล้วนะครับ
    ก็ค่อยๆ สอบถาม ค่อยๆ หาข้อมูลไปเรื่อยๆ
    จนสุดท้ายได้คำตอบให้กับตัวเอง...
    มันเป็น "การค้นพบ" เล็กๆ น้อยๆ
    ที่สำหรับคนอื่นอาจจะไม่มีความหมายอะไร
    แต่สำหรับผม มันก็เพลินดีครับ

    ธีระยุทธ
     
  17. wannabexcite

    wannabexcite เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,275
    ค่าพลัง:
    +1,804
    ที่ผมอยากจะเล่าเพิ่มเติม... ก็คือส่วนของพระคาถาที่อยู่ด้านหลังเหรียญรุ่นนี้

    ลักษณะยันต์จะเป็นเหมือนรูปสี่เหลี่ยมซ้อนกันกันอยู่ 2 รูป
    คือสี่เหลี่ยมใหญ่ ที่มีสี่เหลี่ยมเล็กอยู่ข้างใน ทำให้เกิดช่องทั้งสี่มุม
    คาถาที่อยู่ในสี่มุมนอกนั้น ก็คือ "ทุ สะ นะ โส" หรือที่เรียกกันว่า คาถา "หัวใจเปรต"
    ส่วนในสี่เหลี่ยมเป็นคาถาอ่านได้ว่า "นะ โม พุท ธา" และ "ยะ" อยู่ตรงกลาง
    ซึ่งก็คือพระนามของพระเจ้าห้าพระองค์ ที่ถือกันว่าเป็นสุดยอดอักขระคาถา
    คงไม่ต้องเล่าอะไรมากแล้ว แต่ที่อยากจะพูดถึงก็คือคาถาหัวใจเปรต

    สำหรับคาถาหลายๆ บท ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ หรือบทเต็ม มักมีเรื่องเล่าที่มาพร้อมกับคาถาบทนั้นๆ

    อย่างพระเจ้า 5พระองค์ ก็มีเรื่องพญากาเผือก...
    นาสังสิโม... คาถาเต่าเรือน ก็มีเรื่องเล่าสมัยพระโพธิสัตว์เสวยชาติเป็นพญาเต่า
    หรือแม้แต่ บทนกยูงทอง ที่ พระสายกรรมฐานใช้เป็นคาถาหลัก
    "นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมุตติยา" .... ก็มีเรื่องเล่าเมื่อครั้งพระพุทธองค์เสวยพระชาติเป็นนกยูงทอง


    สำหรับ "ทุสะนะโส" ก็มีเรื่องเล่าที่สนุกมากเรื่องหนึ่ง
    ลองอ่านกันดูนะครับ



    คาถาเปรต หรือสัตว์นรก ทุ สะ นะ โส

    สมัยที่องค์สมเด็จพระมิ่งมงกุฏกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงประกาศสัจธรรมเผยแผ่พระบวรพุทธศาสนาอยู่ในโลกนั้น คราวหนึ่งพระองค์พร้อมด้วยพระสงค์สาวกอรหันต์ขีณาสพประมาณ ๒๐,๐๐๐ องค์ ได้เสด็จมาถึงพระนครพาราณสี ชาวเมืองทั้งหลายครั้นได้เห็นสมเด็จพระพุทธองค์พร้อมด้วยพระสงฆ์สาวกผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐมากมายเช่นนั้น ต่างก็พากันตื่นเต่นดีใจด้วยความเลื่อมใสเป็นอันมาก ชักชวนกันบริจากทรัพย์ถวายอาคันตุกทานเป็นการใหญ่ ปราชาชนทั้งหลาย ๒ คนบ้าง ๓ คนบ้าง หลายคนบ้าง ได้สามัคคีร่วมใจกันเป็นเจ้าภาพจัดอาหารบิณฑบาตถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ ซึ่งมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทะเจ้าทรงเป็นประธาน นับเป็นเวลานานหลายวัน

    ครั้งนั้นยังมีลูกเศรษฐี ๔ คน ซึ่งพ่อแม่ของตนต่างก็มีทรัพย์มากมายถึงคนละ ๔๐ โกฏ ลูกชายของเศรษฐีทั้ง ๔ นั้นกำลังรุ่นดรุณวัยเป็นสหายรักกันมาก เมื่อเห็นคนทั้งหลายพากันบริจาคทาน ถวายอาหารเลี้ยงพระสงฆ์เป็นการใหญ่เช่นนั้น แทนที่จะเกิดความเลื่อมใสร่วมใจกันทำบุญทำทานกับเขา กลับมีใจดูหมิ่นดูเบา โดยคิดเห็นไปว่าคนทั้งหลายเป็นคนโง่เขลา เพราะบ้าศรัทธา “ทำไปทำไมกันเว้ย.... บุญทาน ทำแล้วก็ไม่เห็นได้ประโยชน์อะไร มีแต่สิ้นเปลืองทรัพย์สมบัติไปเปล่าๆ การบูชาพระพุทธเจ้าและการรักษาศีลก็เหมือนกัน จะทำไปทำไม? คิดไปเท่าไหร่ๆ ก็มองไม่เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ เสียเวลาเปล่าๆ” นี่คือมติร่วมกันเอกฉันท์ของเขาทั้ง ๔ ในขณะที่เขาร่วมประชุมกันในวันหนึ่ง

    “แล้ว เราจักทำอย่างไรดีเล่า พ่อแม่ของเราท่านได้สร้างทรัพย์สมบัติไว้ให้เรามากมาย ลำพังจะกินจะใช้อีกกี่สิบชาติก็คงจะไม่หมดไปง่ายๆ พวกเราจะจัดการกับทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอย่างไรดี?" คนหนึ่งถามขึ้น

    “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน พวกเราพากันไปหาซื้อสุราอย่างดีที่สุด เอามาดื่ม โดยมีเนื้อที่มีรสที่ดีที่สุดเป็นกับแกล้มเป็นประจำ อย่างนี้เข้าใจว่าจะทำให้ชีวิตพวกเรามีรสชาติขึ้น เพื่อนเห็นด้วยกันเราหรือไม่?” บุตรเศรษฐีผู้หนึ่งเสนอขึ้น

    “ดีเหมือนกันเพื่อน แต่เราขอเสนอเพิ่มเติมอีกอย่างหนึ่ง คือว่านอกจากพวกเราจะดื่มสุราที่มีรสดีที่สุดเท่าที่ จักหาได้ในเมืองนี้แล้ว เราควรหาข้าวปลาอาหารรสเลิศต่างๆ มาบริโภคเป็นประจำตลอดไปเห็นจะเป็นการดี” คนหนึ่งเสนอต่อไป

    “เพื่อนเราลืมนึกถึงสิ่งสำคัญไปอย่างหนึ่ง กินเหล้าเมายาบริโภคอาหารดีๆ หากว่าขาดนารีสวยๆ มันจะไปเป็นท่าอะไร ฉะนั้นเราจักใช้ทรัพย์อันมากมายมหาศาลเป็นเครื่องล่อ ก็อิสตรีทั้งหลายที่จะได้ชื่อว่าไม่ปรารถนาทรัพย์เป็นอันไม่มี เราประเล้าประโลมด้วยทรัพย์แล้ว คงจักได้ตัวหล่อนมาเป็นสมบัติของเราสมความปรารถนา ไม่ว่าหล่อนจักเป็นใครก็ตาม” ลูกชายเศรษฐีคนสุดท้ายกล่าวขึ้นตามวิสัยสันดานของตน

    ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ลูกชายเศรษฐีทั้ง ๔ ผู้ไร้ศีลธรรม ต่างก็ตั้งหน้าประกอบอกุศลธรรมทำความชั่ว เสพสุรายาเมาเป็นอาจิณ ผิดศีลข้อที่ ๕ นอกจากนั้นยังกล้าประพฤติปรทาริกกรรม คือเห็นสตรีงามทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นลูกเขาเมียใคร หากตนพอใจแล้ว เป็นต้องหาอุบายเอามาเป็นเครื่องบำเรอความสุขแห่งตน โดยใช้ทรัพย์มหาศาลเป็นเครื่องล่อ ซึ่งเป็นการประพฤติผิดศีลข้อ กาเมสุมิฉาจาร พวกเขาพากันเฝ้าล้างผลาญทรัพย์สมบัติที่บิดามารดาสั่งสมไว้ให้ไปในทางที่ชั่วช้าลามกอยู่อย่างนี้เป็นเนืองนิตย์

    เมื่อเขาเหล่านั้นสิ้นชีวิตไปแล้ว กรรมชั่วทั้งหลายที่เขาได้พากันกระทำไว้นั้น ก็พลันกลับกลายเป็นชนกกรรม แล้วฉุดกระชากชักนำพวกเขาทั้ง ๔ ตรงดิ่งไปปฏิสนธิ ณ อเวจีมหานรกแดนนิรยภูมิ เกิดกายเป็นสัตว์นรกตัวใหญ่ ๔ ตน ทนทุกขเวทนาแสนสาหัสสุดที่จะประมาณ ต้องถูกไฟในอเวจีมหานรกอันแรงร้ายเผาไหม้กายตนอยู่ตลอดเวลาไม่ว่างเว่นเลยแม้แต่วินาทีเดียว สัตว์นรกเหล่านั้น ครั้นเสวยทุกขโทษถูกไฟมหานรกไหม้กาย ได้รับความแสบปวดร้อนอยู่นานตลอดเวลาพุทธันดรหนึ่งแล้วก็สิ้นกรรม จึงพากันจุติจากอเวจีมหารกนั้น แต่ว่าเศษกรรมชั่วที่ตัวทำไว้ยังไม่สิ้น

    ดังนั้น เขาจึงพากันมาเกิดเป็นสัตว์นรก ณ โลหกุมภีนรกร้าย ซึ่งมีความกว้างใหญ่ ครั้นมะงุมมะหงาหราเวียนว่าย ณ พื้นภายในหม้อนรกเหล็กแดงโลหกุมภี สิ้นเวลานานนักหนาแล้ว ก็พยายามกระเสือกกระสนจะว่ายขึ้นมาเบื้องบนให้ได้ พวกเขาต้องใช้ความมานะพยายามเป็นอย่างมาก โดยหวังที่จะว่ายขึ้นมาให้ถึงปากหม้อโลหกุมภีนั้น ย่อมมีสภาพเหมือนกับข้าวสารที่เขาเอาใส่แล้วต้มเคี่ยวในหม้อน้ำซึ่งกำลังเดือดพล่าน มีอาการดำผุดดำว่ายโผล่ขึ้นมา แล้วก็จมลงไป และโผล่ขึ้นมาอีกแล้วก็จมลงไป เป็นอยู่อย่างนี้เรื่อยไปเป็นนิตย์

    ลูกชายเศรษฐีเจ้าราญทั้ง ๔ ในขณะนี้ ก็มีสภาพเหมือนกับเมล็ดข้าวสารที่กำลังถูกเคี่ยวอยู่ในหม้ออันเดือดพล่าน การที่เขาหวังจะโผล่ศีรษะขึ้นมาที่ปากหม้อจึงเป็นความหวังที่เลือนลางเต็มที แต่เขาก็หาหมดความพยายามไม่ อุตสาหะว่ายตะเกียกตะกายเรื่อยไปในที่สุด หลังจากที่ได้ใช้ความพยายาม อยู่เป็นเวลานานถึง ๖๐,๐๐๐ ปี ด้วยการนับปีมนุษย์โลกเรานี้แล้ว คราวหนึ่งเขาทั้ง ๔ ผู้ซึ่งเป็นชาวนรกโลหกุมภี ได้ผงกศีรษะขึ้นมาเจอหน้ากันอย่างพรั่งพร้อมที่ปากหม้อพอดี

    ณ สถานที่นั้น ด้วยความอันอั้ดตันใจที่ตนได้เสวยทุกขโทษอย่างสาหัสมาเป็นเวลานานนักหนา ตั้งแต่คราที่อยู่ในอเวจีมหานรก แม้จนกระทั้งบัดนี้ มาเกิดอยู่ที่นรกโลหกุมภี ก็ยังไม่เคยได้รับความสุขสบายเลยแม้วินาทีเดียว สัตว์นรกตนหนึ่ง เมื่อลอยขึ้นสู่ปากหม้อน้ำร้อนมาประสบหน้าเพื่อนเข้าพร้อมหน้ากันดังนั้น ก็พลันดีใจ ใคร่จะระบายความทุกข์ความทรมานอันสุมอกมานานเหลือเกิน จึงมีความประสงค์ที่จะกล่าวว่า “ทุชชีวิตะชีวิมหา เยสันโน นะทะทามหะเส วิชชะมาเนสุ โภเคสุ ทีปัง นากัมหะ อัตตะโน" แปลความว่า “...น่าอนาถเป็นหนักหนา เพราะพวกเราไม่ได้ทำบุญกุศลเหมือนกับคนอื่นเขา เมื่อมีทรัพย์สมบัติอยู่ในอดีตกาลโน้น พวกเราก็หาได้คิดที่จะทำที่พึ่งให้แก่ตนไม่ หลงมัวทำแต่บาปกรรม จึงต้องมาได้รับความทุกข์ทรมานถึงปานนี้...” แต่เป็นที่น่าเศร้าใจไปกับสัตว์นรกตนนั้นยิ่งนัก เพราะว่าเขาไม่ทันที่จักกล่าวประโยคคำพูดดังที่ตนประสงค์ได้หมดประโยค เพราะเพียงแต่เอ่นคำว่า “ทุ....” ออกมาเท่านั้น ร่างกายของเขาก็พลันหายวับจมลงไปในหม้อเหล็กใหญ่ที่เดือดพล่านไปอีกตามเดิม

    ในขณะเดียวกันนั้น สัตว์นรกบุตรเศรษฐีผู้มีกรรมตนที่ ๒ ก็มีความประสงค์จะระบายความอัดอั้นตันใจแก่เพื่อนทั้งหลายอยู่เหมือนกัน โดยมีความประสงค์จะกล่าวว่า “สัฏฐี วัสสะหัสสานิ ปะริปุณณานิ สัพพะโส นิระเย ปัจจะมานานัง กะทา อันโต ภะวิสสะติ” แปลความว่า “เพื่อนเอ๋ย ตั้งแต่เราดำผุดดำว่ายอยุ่ในหม้อนรกอันร้อนแรงนี้ ถ้าจะประมาณก็เป็นเวลานานถึง ๖๐,๐๐๐ ปีแล้วเมื่อไรเล่าจึงจักพ้นนรกนี้เสียที” แต่เขาไม่อาจที่จะกล่าวคำพูดดังที่ตนประสงค์ได้หมด เพียงเปล่งเสียงว่า “สะ....” ออกมาเท่านั้น ก็พลันหายวับจมลงไปในหม้อเหล็กใหญ่ที่เดือดพล่านต่อไปอีกตามเดิม

    ด้วยอาการกลุ้มอกกลุ้มใจและ เหนื่อยหน่ายเป็นอย่างหนัก ตามวิถีกรรมของสัตว์นรกผู้ต้องทนทุกขเวทนามาเป็นเวลานาน สัตว์นรกตนที่ ๓ พอเห็นหน้าเพื่อนในเสี้ยวเวลาสั้นๆ ก็มีความประสงค์ใคร่จะระบายความในใจออกมาว่า “นัตถิ อันโต กุโต อันโต นะอันโต ปะฏิทิสสะติ ตะทาหิ ปะกะตัง ปาปัง มะมะ ตุยหัญจะ มาริสา” แปลความว่า “เมื่อไหร่หนอ จะพ้นโทษอันร้ายกาจนี้เสียที วันพ้นโทษอันร้ายแรงนี้ ไม่มีวี่แววว่าจักปรากฏขึ้นเลย ปาบกรรมความชั่วที่ตัวเราและท่านได้เคยกระทำไว้ในกาลก่อนได้ย้อนมาให้ผล อย่างสาสมแล้ว” แต่เขาไม่อาจที่จะกล่าวคำพูดดังที่ตนประสงค์ได้หมด เพียงเปล่งเสียงว่า “นะ....” ออกมาเท่านั้น ก็พลันหายวับจมลงไปในหม้อเหล็กใหญ่ที่เดือดพล่านต่อไปอีกตามเดิม

    ด้วยใบหน้าอันเศร้าหมอง ตามลักษณาการแห่งสัตว์นรกผู้เพิ่งรู้สึกเสียใจในผลกรรมที่ตนไม่เคยทำความดีเอาไว้ สัตว์นรกตนที่ ๔ พอได้โผล่มาเจอหน้าเพื่อนในขณะนั้น ก็มีความประสงค์ที่จะรำพันออกมาว่า “โสหัง นูนะ อิโต คันตวา โยนิง ลัทธานะ มานุสิง วะทัญญู สีละสัมปันโน กาหามิ กุสะลัง พะหุง" แปลความว่า “เมื่อเราพ้นจากทุกขเวทนาในแดนนรกนี้ไป และได้ไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง เราจักไม่ทำกิจอย่างอื่นอีกเลย นอกจากจะตั้งหน้าบริจาคทานและรักษาศีลเป็นการใหญ่ เรานี้จักตั้งใจประกอบกองกุศลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้” แต่เขาไม่อาจที่จะกล่าวคำพูดดังที่ตนประสงค์ได้หมด เพียงเปล่งเสียงว่า “โส....” ออกมาเท่านั้น ก็พลันหายวับจมลงไปในหม้อเหล็กใหญ่ที่เดือดพล่านต่อไปอีกตามเดิม เช่นเดียวกับเพื่อนทั้งสามตน ที่ต้องดำผุดดำว่ายทนทุกขเวทนาอยู่ในหม้อเหล็กใหญ่นั้น จนป่านนี้ก็ยังไม่พ้นโทษ

    ถ้อยคำคร่ำครวญของสัตว์นรก ๔ ตนที่กล่าวครั้งนั้นรวมกันว่า “ทุ สะ นะ โส” นี้ เป็นที่ทราบกันอย่างกว้างขวางว่าเกจิอาจารย์บางท่านเรียกคำ ๔ คำนี้เป็นคาถา “หัวใจเปรต” แต่เหตุไฉนจึงกล่าวพลาดไพล่ไปว่าเป็นหัวใจเปรตก็สุดจะเดาได้ เพราะความจริงนั้นควรจะบัญญัติเป็นหัวใจสัตว์นรกจะถูกต้องกว่า ทั้งนี้ก็เพราะคำ ๔ คำนี้ เป็นคำที่ชาวนรกโลหกุมภีทั้ง ๔ กล่าวเอาไว้นั่นเอง

    แต่ไม่ว่าจะเป็น”หัวใจเปรต” หรือ “หัวใจสัตว์นรก” ก็ตามที บทเรียนที่เราควรได้ศึกษาจากเรื่องนี้ ก็คือว่า ลูกชายเศรษฐีทั้ง ๔ แต่เดิมทีนั้นเป็นผู้มีทรัพย์สมบัติมาก แต่มีความประมาทและโง่เขล่า ทั้งๆ ที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติตรัสรู้ในโลกและเสด็จมาโปรดจนถึงบ้านเมืองของตน แทนที่เขาจะมีใจเลื่อมใส รีบขวนขวายประกอบการกุศลเช่นคนทั้งหลาย กลับมีจิตใจโหดหื่นคิดดูหมิ่นในบุญ ประกอบแต่อกุศลกรรมความชั่วช้าลามก ครั้นตายไป จึงต้องตกนรกอเวจีและโลหกุมภีนรก ด้วยอำนาจแห่งกรรมชั่วนั้น กลายเป็นชนกกรรมนำให้เขาไปเกิดเป็นสัตว์นรกได้รับความทุกข์ทรมาน เมื่อผ่านไปจึงได้รู้สำนึกตน แต่การที่พวกเขาเพิ่งมาสำนึกตนได้แต่พร่ำบ่นอยู่ในนรกนั้น มันเป็นการสายเสียแล้ว

    การนำเอาหัวใจเปรตหรือหัวใจสัตว์นรกทั้งสี่คำมาผูกกันเข้าเป็นคาถา ก็เพื่อสั่งสอนให้สำนึกรู้ถึง ตัวอย่างของสัตว์นรกทั้งสี่ตนที่ได้ผจญกับทุกขเวทนาในนรกภูมิ ให้พวกเราทุกคนได้เตือนตนว่า เวลานี้เมื่อยามที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ขอจงมีใจเลื่อมใสในพระโอวาทานุสสนี แล้วรีบเร่งประกอบคุณงามความดีอันเป็นบุญเป็นกุศลให้จงมากเถิด เพราะกุศลกรรมความดีที่เราทำไว้ในขณะนี้ จักเป็นเครื่องปิดกั้นชนกกรรมฝ่ายอกุศล เพราะถ้ามีใจชั่ว เกิดความมัวเมาประมาทพลาดพลั้งกระทำอกุศลกรรมอยู่เนืองๆ โดยไม่นึกถึงวันตาย อกุศลกรรมที่ทำไว้เสมอนั้น ก็พลันกลายเป็นชนกกรรม ชักนำไปปฏิสนธิในอบายภูมิ และบางทีอาจจะถึงกับต้องรำพันโอดครวญออกมาดังเช่นชาวโลหกุมภีนรก ๔ ตนนั้นก็เป็นได้ ด้วยประการฉะนี้
     
  18. กริด99

    กริด99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    754
    ค่าพลัง:
    +558
    ========================================================

    รูปแบบ และจำนวนการสร้าง

    ๑. ชุดประธานอุปถัมภ์ จำนวน ๑๙ ชุด (ชุดนี้หมดแล้วครับ)

    ล็อกเกตสี่เหลี่ยม ชุดคู่ ครึ่งองค์ และเต็มองค์ ขนาดประมาณ ๒.๕ x ๓.๕ เซนติเมตร ด้านหลังอุดผงมวลสาร และบรรจุมงคลวัตถุ ๙ อย่าง ตะกรุดสามกษัตริย์ (ทองคำ + เงิน + นาก), พระปรกใบมะขามรุ่นแรก, พระรอดหน้อย, หัวนะ, ประคำ, ด้ายมงคลพิธีสืบชะตาหลวง, เทียนชัย, พลอยกิ๋นบ่อเสี้ยง, เกศา, จีวร

    [​IMG]

    แบบนั่งหันข้าง...

    [​IMG]

    หน้าตรงครึ่งองค์

    ด้านหลังในหนึ่งชุด ๒ องค์... องค์หนึ่งจะอุดด้วยพระปรกใบมะขามรุ่นแรก และอีกองคืหนึ่งจะอุดด้วยพระรอดหน้อย

    [​IMG]


    [​IMG]


    ๒. ชุดกรรมการ จำนวน ๑๐๘ ชุด
    ล็อกเกตสี่เหลี่ยม ชุดคู่ ครึ่งองค์ และเต็มองค์ ขนาดประมาณ ๒.๕ x ๓.๕ เซนติเมตร ด้านหลังอุดผงมวลสาร และบรรจุมงคลวัตถุ ได้แก่ ตะกรุดคู่ (เงิน + ทองเหลือง), ประคำ, ด้ายมงคลพิธีสืบชะตาหลวง, พลอยกิ๋นบ่อเสี้ยง, เกศา, จีวร

    หมายเหตุ: ด้านหน้าจะเหมือนกับชุดประธานอุปถัมภ์ ด้านหลังทั้งสององค์ อุดเหมือนกัน

    [​IMG]


    ๓. ล็อคเกตรูปไข่ ครึ่งองค์ จำนวน ๕๒๕ องค์
    ล็อกเกตรูปไข่ หน้าตรงครึ่งองค์ ขนาดประมาณ ๒.๕ x ๓.๕ เซนติเมตร ด้านหลังอุดผงมวลสาร และบรรจุวัตถุมงคล ได้แก่ ตะกรุดคู่ (เงิน+ทองเหลือง), ด้ายมงคลพิธีสืบชะตาหลวง, พลอยกิ๋นบ่อเสี้ยง, เกศา, จีวร

    [​IMG]


    ๔. ล็อกเกตรูปไข่ เต็มองค์ จำนวน ๕๒๕ องค์
    ล็อกเกตรูปไข่ รูปนั่งเต็มองค์ ขนาดประมาณ ๒.๕ x ๓.๕ เซนติเมตร ด้านหลังอุดผงมวลสาร และบรรจุวัตถุมงคล ได้แก่ ตะกรุดคู่ (เงิน+ทองเหลือง), ด้ายมงคลพิธีสืบชะตาหลวง, พลอยกิ๋นบ่อเสี้ยง, เกศา, จีวร

    [​IMG]


    ทั้งแบบครึ่งองค์ และเต็มองค์ ด้านหลังอุดมงคลวัตถุเหมือนกัน

    [​IMG]


    ๕. ล็อกเกตเล็กรูปไข่ ครึ่งองค์ จำนวน ๒๕๐ องค์
    ล็อกเกตเล็กรูปไข่ หน้าตรงครึ่งองค์ ขนาดประมาณ ๒ x ๒.๕ เซนติเมตร ด้านหลังอุดผงมวลสาร และบรรจุวัตถุมงคล ได้แก่ ตะกรุดคู่ (เงิน+ทองเหลือง), เกศา, จีวร

    ๖. ล็อกเกตเล็กรูปไข่ เต็มองค์ จำนวน ๒๕๐ องค์
    ล็อกเกตเล็กรูปไข่ หน้าตรงครึ่งองค์ ขนาดประมาณ ๒ x ๒.๕ เซนติเมตร ด้านหลังอุดผงมวลสาร และบรรจุวัตถุมงคล ได้แก่ ตะกรุดคู่ (เงิน+ทองเหลือง), เกศา, จีวร

    ล็อกเกตเล็ก... ภาพด้านหน้าเหมือนรายการที่ ๓ และ ๔ ด้านหลังอุดเหมือนกัน

    [​IMG]


    หมายเหตุ: ล็อกเกตทุกองค์ฝังโค้ตรูปกระต่าย ซึ่งเป็นปีนักษัตรประจำปีเกิดของหลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  19. กริด99

    กริด99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    754
    ค่าพลัง:
    +558
    ============================

    รายการวัตถุมงคล
    พระครูวรวุฒิคุณ (หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท)
    ณ วัดใหม่หนองหอย สมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ครูบาอิน อินฺโท

    เหรียญรุ่นลายเซนต์ “ขอให้รวย ขอให้อยู่ดีมีสุข เนื้อเงิน - เหรียญยืน/เหรียญรูปไข่ ๑,๕๐๐.-
    เหรียญรุ่นลายเซนต์ “ขอให้รวย ขอให้อยู่ดีมีสุข เนื้อทองแดงรมดำ - เหรียญยืน/เหรียญรูปไข่ ๑๙๙.-
    เหรียญรุ่นลายเซนต์ “ขอให้รวย ขอให้อยู่ดีมีสุข เนื้อทองแดงรมดำ - เหรียญยืน/เหรียญรูปไข่ พร้อมประคำ ๒๙๙.-
    ล็อกเกตใหญ่พร้อมห่วง รุ่นลายเซนต์ (สีเขียว/ สีฟ้า/ สีส้ม) ๔๙๙.-
    รูปถ่าย เคลือบกรอบวิทยาศาสตร์ รุ่นลายเซนต์ รูปนั่ง/รูปยืน ๑๙๙.-
    ผ้ายันต์ อภิมหายันต์ ๑๐๘ ขนาดโปสเตอร์ รุ่นลายเซนต์ สีเหลือง/สีแดง ๒๙๙.-
    ผ้ายันต์ธงแขวนรถ รุ่นลายเซนต์ ๙๙.-

    พระสมเด็จ ๙๙ หลังยันต์นะ ตะกรุดเงิน ๔๙๙.-
    พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลังรูปเหมือน ติดจีวร ๙๙.-/ โรยพลอยกินบ่อเสี้ยง ๑๕๙.-
    พระสมเด็จผาสุข หลังปั๊มยันต์แดง ๑๓๙.-
    พระสมเด็จไจยะเบงชร พิมพ์กรอบกระจก หลังยันต์ฟ้าฟีก ๑๙๙.-
    พระคงเนื้อดินเผา รุ่นแรก ๙๙.-

    เหรียญรุ่น ๑๐๑ ปี ๙๙.-
    เหรียญกลมเล็ก รุ่นฉลองอายุ ๙๙.-
    เหรียญยืนสี่เหลี่ยม อายุ ๙๒ ปี รุ่นแรกวัดใหม่หนองหอย ๒๙๙.-
    เหรียญรุ่น "ปลอดภัย” หลังยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า (เฒ่า สุพรรณ) ๒๙๙.-

    ผ้ายันต์จั๊กกิ้มล้อมโลก ปี ๒๕๔๕ ฉลองอายุ ๑๐๐ ปี ๙๙.-
    ผ้ายันต์กุณพระเจ้า ปี ๒๕๔๕ ฉลองอายุ ๑๐๐ ปี ๙๙.-

    พระผงอังคารธาตุ (มี ๖ สี ดำ-ขาว-เขียว-เหลือง-สีไม้-ก้นครก)
    พิมพ์เล็ก ๔๙.-/ พิมพ์ใหญ่ ๑๙๙.-/ ก้นครก ๒๙๙.-/ ชุดกรรมการ ๖ สี ๑,๔๙๙.-

    ล็อกเกตรุ่น “มหามงคล ๑๐๘” ชุดกรรมการ ๙๙๙.-
    ล็อกเกตรุ่น “มหามงคล ๑๐๘” รูปไข่ใหญ่ ครึ่งองค์/ เต็มองค์ ๒๙๙.-
    ล็อกเกตรุ่น “มหามงคล ๑๐๘” รูปไข่เล็ก ครึ่งองค์/ เต็มองค์ ๑๙๙.-

    รูปหล่อครูบาอิน หน้าตัก ๙ นิ้ว ที่ระลึกพระราชทานเพลิงศพ เนื้อปูน ๑,๕๐๐ (ไม่จัดส่งทางไปรษณีย์เพราะหนักมากและเกรงว่าจะแตกหักได้)

    สนใจร่วมทำบุญ กรุณาติดต่อ...
    พระครูสังวรยติกิจ (พระอาจารย์อินทร จิตตสังวโร) เจ้าอาวาสวัดใหม่หนองหอย
    หมู่ที่ ๖ ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ๕๐๑๖๐ โทร. ๐๘-๑๙๙๒-๐๔๐๗ โทรสาร. ๐-๕๓๓๖-๗๙๗๑
    หรือโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาทุ่งเสี้ยว (สันป่าตอง)
    ชื่อบัญชี กองบุญครูบาอิน อินโท เลขที่บัญชี ๖๖๑-๒-๒-๓๐๐๔๗

    (สำหรับท่านที่บูชาทางไปรษณีย์โปรดช่วยค่าจัดส่งวัตถุมงคลด้วยนะครับ)


    สุโข ปุญฺญสฺสํ อุจฺจโย
    การสะสมบุญนำมาซึ่งความสุข


    เพื่อสมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ครูบาอิน อินโท ที่วัดใหม่หนองหอย ติดต่อโดยตรงที่พระอาจารย์อินทรตามเบอร์และที่อยู่ด้านบนเลยครับ<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
  20. กริด99

    กริด99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    754
    ค่าพลัง:
    +558
    ขอบคุณคุณธีระยุทธสำหรับความรู้ต่างๆ นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...