ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สุดใจเขากะลา, 9 สิงหาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. pornpana

    pornpana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +192
    ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
     
  2. pornpana

    pornpana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +192


    รอชื่นชมใบอนุโมทนาคะ
     
  3. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    ได้ข้อมูลจาก www.thaihypno.com-การสะกดจิต มีข้อมูลน่าสนใจ มาแชร์ให้ ใครมีความเห็นอะไร มาแสดงกัน ลองคิดนอกกรอบ อาจเห็นอะไร พบอะไร เข้าใจอะไร บ้าง

    พลังจิตกับการพบมนุษย์ต่างดาว<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    www.thaihypno.com-การสะกดจิต<o:p></o:p>

    เรื่องปรากฏการณ์ทางจิตนี้ถูกเกี่ยวโยงไปกับเรื่องค้นคว้าเพื่อติดต่อการมนุษย์ต่างดาว เมื่อประมาณปลายปี 2540 ถ้าหากจำกันได้มีชายคนหนึ่งอ้างว่านั่งทางสั่งมนุษย์ต่างดาวนั่งยานอวกาศมาพบได้ และจะมาพบโดยวิธีกันที่สิงห์บุรี เป็นที่สนุกสนานครื้นเครง วันที่ไอทีวีเอาเทปมาฉายให้ดูผมนั่งลุ้นอยู่ว่ามันจะบ้ากันใหญ่แล้ว ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ ปากฎว่าพอถึงเวลามีวัตถุลึกลับบินออกมาจริงทางฝากฟ้าตะวันออกไปตะวันตก คนฮือฮากันใหญ่ วัตถุที่เห็นนั้นอยู่ไกลมากจึงมองไม่ชัดว่าเป็นอะไร แต่กล้องทีวีจับภาพได้และซูมภาพเข้ามาใกล้ ปรากฏว่าหน้าตาคือไอ้นกเหล็กเราดี ๆ นี่แหละ มีปีกหน้าปีกหลัง คนเรานี่ชั่งงมงายกันจริง และอีกอันหนึ่ง อันนี้ถึงขนาดแพทย์ท่านหนึ่งซึ่งทำการเชิญมนุษย์ต่างดาวมาบินผาดโผนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผมไม่บังอาจกล่าวว่าเชื่อถือได้หรือไม่ แต่มีหลายอย่างที่ขอตั้งข้อสังเกต คือ

    1. ภาพที่ปรากฏบนฟ้า เป็นภาพแสงวงกลม เดี๋ยวก็เล็กเดี๋ยวก็ใหญ่และเคลื่อนไหวเหมือนลำแสงมาก กว่าที่จะเคลื่อนไหวเหมือนวัตถุ วิวัฒนาการสมัยนี้มีแล้ว และหาซื้อไม่ยาก จะใช้กล้องขนาดใหญ่เหมือนไฟฉายที่ส่องลำแสงมีความเข้มสูงให้ปรากฏเป็นจุดเดียวบนท้องฟ้าได้
    แม้ว่าระยะความสูงหลายกิโลเมตร
    2. ถ้าหากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นจานบินมนุษย์ต่างดาว นั่นแปลว่าเขาบินมาให้เราเห็นเขาต้องบินตะแคง เพราะจานบินบนท้องฟ้าเวลาบินมาจากสุดขอบฟ้า ในมุมมองของคนในพื้นโลกต้องเห็นเป็นเส้นตรงเส้นเดียวหรือมีส่วนโค้งเล็กน้อย เพราะจะเห็นที่ขอบและส่วนยอดของจานบินเท่านั้น ไม่ใช่เห็นจานบินเป็นรูปวงกลมเคลื่อนตัวเข้าหาเรา
    แล้วมนุษย์ต่างดาวคนไหนจะอุตริบินตะแคงอย่างนี้
    3. ถ้อยคำมนุษย์ต่างดาวที่นายแพทย์ท่านนั้น เปิดเทปให้ฟังในรายการฟังดูน่าสงสัยมาก เช่นมนุษย์ต่างดาวใช้คำว่า?แป๊ปนึง? หรืออะไรทำนองนี้ ผมไม่แน่ใจ นั่นแปลว่ามนุษย์ต่างดาวพวกนี้เก่งเกินเหตุ รู้ถึงขนาดศัพท์แสงที่ไม่ปรากกอย่างเป็นทางการในพจนานุกรม ถ้าเปรียบเทียบง่าย ๆ เราคงไม่เชื่อถ้ามีคนหน้าตาฝรั่งมาบอกเราว่า เขาอยู่เมืองไทยมานับสิบปีแต่เขาเกิดเมืองฝรั่ง แล้วรู้จักความหมายและใช้คำพูดเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี เช่น เส็งเคร็ง ฉลุย ซกมก งี่เง่า แรดตามซอย ชะเลีย ลามกจกเปรต ไอ้เบื๊อก แห้ว และแป๊ปนึง เพราะคำพูดเหล่านี้จะรู้จักความหมายที่ใช้ได้ถูกกาละเทศะจะต้องมีการสั่งสมประสบการณ์ ต้องเป็นคนที่นี่เกิดที่นี่ถึงจะพูดเป็นและเข้าใจความหมาย ฉะนั้นมนุษย์ต่างดาวของท่านเก่งเกินเหตุ เพราะถ้าเขาเก่งกว่ามนุษย์และมีอารยธรรมจริง เขาก็รู้อยู่แล้วว่าเขาพูดอยู่แบบหนึ่ง เราควรรู้ว่าเขาควรใช้คำพูดลักษณะไหน ไม่ใช่เลือกคำที่ลืมตัวแบบกันเองว่า?แป๊บนึง?
    อย่างนี้

    4. ทำไมเขาต้องมาพบคนไทย ถ้าเขาฉลาดจริงเขาต้องรู้อยู่แล้วว่าประเทศเราไม่มีความ สามารถอะไรเลยที่จะไปกำหนดความเป็นไปของประชาคมโลก นิวเคลียร์เราก็ไม่มี ประชากรน้อย อาวุธเคมีก็ไม่มี ทหารก็มีน้อย อาวุธก็ไม่ก้าวหน้า คนฉลาดและเก่ง ๆ ก็น้อย เศรษฐกิจสังคมก็ไม่ก้าวหน้า และไม่มีอะไรเลยที่คิดเองสร้างสรรค์เอง ซื้อเข้ามาทั้งนั้น เราบริโภคเป็นอย่างเดียว ฉะนั้นประเทศไทยจะเป็นประเทศส่วนปลายของความเปลี่ยนแปลง เขาจะเสียเวลามาหาเราทำไม


    5. นายแพทย์ท่านนั้นกล่าวทางทีวีว่า มนุษย์ต่างดาวขอให้ท่านทานเจนุ่งขาวห่มขาว ผมยิ่งสงสัยใหญ่ ถ้าคิดในแง่ว่าเขาเป็นเผ่าพันธุ์ที่ฉลาดมากจะไม่พูดอะไรสุ่มสี่ห้า ฉะนั้นเขาก็ต้องรู้ว่ากินเจนั้นต่างจากกินมังสวิรัติ เจของมนุษย์ต่างดาวกินไข่ได้หรือเปล่า และกินหอยนางลมได้ไหม แสดงว่าการกินเจนั้นเป็นยูนิเวอร์ซอล คือเป็นสากล ไม่ใช่เป็นที่ยอมรับกันเฉพาะบนโลกนี้ เป็นที่ยอมรับกันระหว่างดวงดาวเลยทีเดียว แปลว่าเขาก็มีคติความเชื่อแบบเดียวกับเรา เปิดร้านค้าติดธงเหลือง และมีเทศกาลกินเจเหมือนกัน และบนดาวของเขาต้องมีผักต้องห้ามห้าชนิดด้วย และก็ต้องมีหอยนางรมเช่นกัน แล้วคนที่เลือกกินมังสวิรัติล่ะ แปลว่าไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับคนต่างดาวใช่ไหม เพราะไม่ได้กินเจอย่างนี้พระพุทธเจ้าก็จะไม่ทรงมีโอกาสติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวเพราะไม่ได้เสวยเจ แล้วพวกฝรั่งที่เห็นมนุษย์<o:p></o:p>
    ต่างดาวกันโครม ๆ ก็แปลว่าเขาโกหกนะซี เพราะจะมีฝรั่งกี่คนที่กินเจ

    ถ้าถามว่าเป็นไปได้ไหมที่มนุษย์ต่างดาวอยู่ที่ไหนสักแห่ง ตอบว่าเป็นไปได้ เพราะ
    ใหญ่กว่าโลกมีจักรวาล ใหญ่กว่านี้มีกาแลกซี่ และใหญ่กว่ากาแลกซียังมีอีก แปลว่ายังมีดาวอยู่เป็นล้านล้านล้านดวง เรายังอยู่ที่นี่ได้เลย เขาก็อาจจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพียงแต่ยังไม่มีโอกาสพบกัน และถ้าหากเขามาพบเราได้จริง ทำไมไม่มาให้เห็นกันจะจะไปเลย จะต้องทำมาเป็นเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากทำไม หรือมนุษย์ต่างดาวมีนิสัยเหมือนนักการเมืองบางคน

     
  4. gungwan

    gungwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +1,188
    เรียน อ.โคมฉายครับตอนนี้ถ่านผมได้ให้เขาตำป่นและกรองเรียบร้อยแล้ว
    ชั่งได้ 6 กิโลกรัม ไม่ทราบว่าพอใหมครับ ตอนบ่าย 3 ผมโทรไปเบอร์084-3701311
    เขาบอกไม่รู้จักอาจารย์ครับ ไม่ทราบผมจดเบอร์ผิดมาหรือปล่าว อีกเบอร์ไม่มีคนรับครับ
     
  5. สุดใจเขากะลา

    สุดใจเขากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    2,083
    ค่าพลัง:
    +11,451
    รวมภาพกิจกรรม ความประทับใจ

    14-15 พฤศจิกายน 2552
    ณ กฟผ.แม่เมาะ ลำปาง
    กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)


    [VDO]http://palungjit.org/attachments/a.774495/[/VDO]



    .......
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. โคมฉาย

    โคมฉาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    3,058
    ค่าพลัง:
    +26,744
    พอครับ
    เบอร์ผม 0843371311
    ช่วงนี้ไม่ค่อยได้รับสาย
    กลัวพวกขายประกัน ครับ ยิ่งขึ้นต้นด้วย 02 จะไม่รับเลย 555
     
  7. pluto47

    pluto47 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +289
    ผมมีภาพแสงพลังงานบางอย่างที่ส่องลงมาจากฟ้าซึ่งถ่ายติดที่วัด จ.เพชรบูรณ์ เมื่อคณะกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)ได้เดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ก่อสร้าง ที่คุณหนุ่ย(อลงกรณ์)ได้ออกแบบสร้าง ภาพนี้ถ่ายได้โดยใช้กล้องของคุณโสภาหนึ่งในคณะผู้ประสานงานฯ อีกภาพหนึ่งมีแสงสีเขียวอยู่ข้างๆพี่สุดใจลองซูมดูนะครับเผื่อว่าบางท่านอาจจะเห็นอะไร..ขออนุโมทนาครับ...:cool:

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2009
  8. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    ({) (ต่อ) :mad:
    การสะกดจิต คืออะไร<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    เมื่อมนุษย์รู้และเข้าใจการทำงานของจิตใต้สำนึก จึง พยายามแสวงหาวิธีควบ คุมและสั่งการจิตใต้สำนึก ด้วยกลวิธี ที่จะสามารถเปิดจิตใต้สำนึกและเพิ่มหรือ เปลี่ยนข้อมูลให้เป็นไปตามที่ต้องการ จิตใต้สำนึกจะเปิดเมื่อจิต ร่างกายและอารมณ์อยู่ใน สภาวะต่อไปนี้
    1. มีสมาธิ (ขณะเข้าญาณ หรือใจจดจ่อเรื่องใดเรื่อง หนึ่งอย่างแรงกล้า)
    2. อยู่ในภวังค์ (จิตใจล่องลอย ควบคุมไม่ได้ชั่วขณะ)
    3. สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น
    4. จิตใจว่างเปล่า (หยุดรู้สึก หยุดนึก หยุดคิดไปชั่ว ขณะหนึ่ง)
    5. ดีใจ ตกใจ เสียใจ ตื่นเต้นสุดขีดจนลืมตัว (อาการ ลืมตัวจะทำให้จิตใจว่างเปล่าไปชั่วขณะ)

    การสะกดจิต คือ สภาวะที่ผู้ถูกสะกดจิตตอบสนอง ต่อคำบอกกล่าว (SUGGESTION) ผู้ถูกสะกดจิต
    จะอยู่ในภาวะยอมรับคำบอกกล่าว (SUGGESTION) โดยอัตโนมัติ ภายใต้สภาพ แวดล้อมและเงื่อนไขที่ผู้สะกดจิตทำขึ้น หากผู้ถูก สะกดจิตรู้ตัวว่าตัวเองกำลังตอบสนองคำบอกกล่าว(SUGGESTION) ผู้ถูกสะกดจิตจะได้ยิน ได้ เห็น และรู้สึกไปตามที่ผู้สะกดจิตกำหนด นอกจากนี้ ความทรงจำและความตื่นตัวก็จะถูกควบคุมได้เช่น เดียวกัน และการตอบสนองเหล่านี้ก็อาจยังคงอยู่แม้หลังการสะกดจิตผ่านไปแล้วก็ตาม ดูคล้ายกับว่าการ สะกดจิตสามารถแยกผู้ถูกสะกดออกจากโลกแห่งความจริงในสภาวะหนึ่งๆ ได้ทีเดียว

    ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยกระบวนการสะกดจิต ลักษณะและความทรงจำจะถูกเก็บไว้ในจิตใต้สำนึก ข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับจะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงใดๆต่อลักษณะนิสัยและความทรงจำ เว้นแต่จะถูกส่งเข้าสู่ จิตใต้สำนึกโดยตรงที่มาของการสะกดจิต

    ความสัมพันธ์ของคลื่นสมองที่มีต่อการสะกดจิต เราสามารถวัดคลื่นสมองได้ 4 ระดับ แสดงประสิทธิ ภาพการทำงานของสมองแตกต่างกัน คือ
    1.เบต้า (BETA)
    ความเร็ว 14 รอบต่อวินาที เป็นระดับที่คลื่นสมอง ในภาวะปกติ เป็นระดับการรับรู้ขณะที่เราตื่นเต็มที่
    สามารถใช้ความคิดและแสดงความรู้สึกอารมณ์ ต่างๆ ได้เต็มที่
    2.อัลฟ่า (ALPHA)
    ความเร็ว 7 รอบต่อวินาที เป็นระดับคลื่นสมองใน สภาวะจิตเหม่อลอย ยังรู้สึกตัวและใช้สมองคิดได้
    ในภาษาไทยเรียกว่าอยู่ในภวังค์ จิตใจจะมุ่งเพ่งกับ สิ่งใดสิ่งหนึ่งจนลืมสิ่งอื่นๆไป
    3. เธทต้า (THETA)
    ความเร็ว 4 รอบต่อวินาที เป็นระดับคลื่นสมองที่ค่อน ข้างต่ำ อยู่ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น อาจได้ยิน และะเห็นภาพแต่จิตสำนึกไม่อาจตอบสนองอย่างทันทีในสิ่งที่ เกิดขึ้น สภาวะจิตใต้สำนึกเริ่มเปิด
    4. เดลต้า (DELTA)
    ความเร็วต่ำกว่า 4 รอบต่อวินาที เป็นระดับคลื่น สมองที่เกือบเป็นเส้นตรง อยู่ในสภาวะหลับลึก จิต ใต้สำนึกเปิดเต็มที่ ข้อมูลต่างๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดใน สภาวะนี้จะได้รับการบันทึกสู่จิตใต้สำนึก
    (SOMNAMBULISM):cool::cool:



    <O:p</O:p
     
  9. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    ({)(ต่อ):mad:

    วิธิเปิดจิตใต้สำนึก:cool::cool:

    1.นั่งสมาธิ (หรือขบวนการอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน เช่น ภาวะจิตจดจ่อ แน่วแน่)

    ความเข้าใจโดยพื้นฐานของการนั่งสมาธิคือการทำ จิตให้ว่าง เป็นการกำหนดหรือสั่งไปที่จิตสำนึก ตาม
    ทฤษฏีการสะกดจิตถือว่าความจำและลักษณะนิสัย จะเปลี่ยนแปลงได้ยาก เพราะมิได้ส่งข้อมูลโดยตรง
    ไปสู่จิตใต้สำนึก นอกจากนี้การนั่งสมาธิ เมื่อรวมกับ ความเชื่อทางพุทธศาสนาที่จะต้องเจริญภาวนาเพื่อ
    ให้มีสติอยู่เสมอ ขัดกับความเข้าใจในทฤษฏีการ สะกดจิตตรงที่ การมีสติอยู่เสมอนั้น ทำให้ประสาท
    การทำงานต่างๆ ของร่างกายตื่นตัว และคลื่นสมอง อยู่ในภาวะเบต้า หรืออัลฟ่า ทำให้จิตใต้สำนึกไม่อาจ
    เปิดได้ เว้นแต่อาจนั่งสมาธิฝึกฝนมาถึงระดับหนึ่ง แล้ว เช่น มีภาวะจิตใจจดจ่อแน่วแน่ มีจิตที่นิ่งจนเข้า
    สู่สภาวะจิตว่าง (เป็นการตีความของผู้เขียนตาม ทฤษฏีการสะกดจิต ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย)

    2.อยู่ในภวังค์ (จิตใจล่องลอย ควบคุมไม่ได้ชั่วขณะ)

    เราไม่อาจกำหนดได้ว่าตนเองจะอยู่ในภวังค์เมื่อไหร่ การสะกดจิตโดยผู้ถูกสะกดจิตไม่รู้ตัวล่วงหน้า อาจ
    ให้ผู้ถูกสะกดอยู่ในภาวะดังกล่าวแล้ว

    3. สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น

    จิตใต้สำนึกของคนทั่วไปจะเปิดเมื่ออยู่ในสภาวะนี้ การฝันเกิดขึ้นเนื่องจากข้อมูลบางอย่างยังค้างอยู่และถูกบันทึกลงในจิตใต้สำนึกเมื่อเราอยู่ในสภาวะกึ่งหลับ กึ่งตื่น จิตใต้สำนึกเมื่อได้รับข้อมูลแล้วจะทำงานทันทีจิตใต้สำนึกจึงทำงานสะเปะสะปะ การฝันเป็นขบวน การทำงานอย่างหนึ่งของจิตใต้สำนึก

    4. จิตใจว่างเปล่า (หยุดรู้สึก หยุดนึก หยุดคิดไปชั่ว ขณะหนึ่ง) ใครๆ ก็อาจอยู่ในภาวะจิตใจว่างเปล่าได้ การสะกดจิต สามารถทำให้ผู้ถูกสะกดจิตอยู่ในภาวะจิตใจว่างเปล่า ได้ชั่วขณะหนึ่ง และในชั่วขณะนั้นเองจิตใต้สำนึก จะเปิด:cool::cool::cool:

    5. ดีใจ ตกใจ เสียใจ ตื่นเต้นสุดขีดจนลืมตัว (อาการ จนลืมตัวจะทำให้จิตใจว่างเปล่าไปชั่วขณะ) เราไม่สามารถควบคุมอาการรุนแรงทางอารมณ์เหล่า นี้ได้ และเป็นอันตรายที่จะใช้ภาวะดัง กล่าวในการสะกดจิต

    ทำไมต้องสะกดจิต:cool:

    จิตเป็นแหล่งควบคุมลักษณะนิสัย ความรู้สึกนึกคิด กระบวนการทำงานของระบบประสาทของร่างกาย
    สภาวะทางจิตของมนุษย์อาจแปรปรวน หรือเสื่อม สมรรถภาพ หรือสูญเสียการควบคุม ลักษณะนิสัย
    ความรู้สึกนึกคิด รวมถึงกระบวนการทำงานของ ระบบประสาทของร่างกาย จิตที่อยู่ในสภาพดังด้องได้ รับความรู้สึกนึกคิด รวมถึงกระบวนการทำ งานของระประสาทของร่างกาย จิตที่อยู่ในสภาพ ดังกล่าวต้องได้รับการบำบัดและแก้ไขให้คืนสภาวะ ปกติโดยเร็วที่สุด การเปิดจิตใต้สำนึกเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ย่อมทำได้ดีกว่าการบำบัดด้วยวิธีอื่นๆทดสอบการสะกดจิตวิธีต่างๆ:cool:
     
  10. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    :cool::cool::cool:
    ({)(ต่อ):mad:

    ผลและอาการอันมีที่มาจากการสะกดจิต

    ขั้นที่ 1
    (HYPNOIDAL) รู้สึกมีอาการเบาหวิว สบาย แต่จะ รู้สึกตัวตลอดเวลา ผู้ที่ไม่เคยถูกสะกดจิตจะไม่รู้สึกว่า ขณะนี้กำลังสะกดจิต ในขั้นนี้สามารถทำการสะกดจิตเพื่อเลิกบุหรี่และควบคุม น้ำหนักได้ เปลือกตาของผู้ถูกสะกดจะกระพริบถี่ หรือไม่ก็อยู่ในสภาวะเหมือนกลับตาลงไม่สนิท

    ขั้นที่ 2
    ผ่อนคลายมากขึ้น ผู้ถูกสะกดจิตจะอยู่ในอาการกึ่งหลับ กึ่งตื่น สลึมสลือ

    ขั้นที่ 3
    สภาวะนี้ จิตใต้สำนึกจะกระตุ้นให้ผู้ถูกสะกดทำตาม คำสั่ง จะลุกขึ้นเดินหรือเคลื่อนไหวรางกายไม่ได้ หาก ไม่ได้รับคำสั่ง อาจทดสอบโดยการให้นับหมายเลข แล้วให้ลืมหรือข้ามหมายเลขใดหมายเลขหนึ่ง หรือ ให้ลืมชื่อตัวเองไประยะหนึ่ง (PARTIAL ANAGESIA) การสะกดจิตบนเวที หรือการสะกดจิตเพื่อการแสดง มักจะกระทำในขั้นนี้

    ขั้นที่ 4
    ขั้นนำสู่การสร้างปาฏิหาริย์ (AMNESIC STAGES) ผู้ถูกสะกดจะลืมหมายเลข ลืมชื่อ ลืมที่
    อยู่ หรือลืมนิสัย และอาการกิริยาเดิมของตนเองที่ผู้ สะกดกำหนด นอกจากนี้จะมีอาการไม่รับรู้ความเจ็บปวด (GLOVE ANAGESIA) สามารถรับรู้การสัมผัสแต่จะไม่รู้สึก เจ็บปวด ในขั้นนี้ทันตแพทย์จะสามารถถอนฟันได้ หรือศัลยแพทย์สามารถทำการผ่าตัดเล็กๆได้

    ขั้นที่ 5
    ขั้นชาและไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ (SOMNAMBUL LISM) (COMPLETE ANESTHESIA) จะไม่
    รู้สึกสัมผัสและเจ็บปวดใดๆ จะเห็นหรือได้ยินสิ่งที่ผู้ โดยที่สิ่งนั้น ไม่เกิดขึ้นจริง (อาการหลอน
    POSITVE HALLUCINATION)

    ขั้นที่ 6
    ขั้นชาและไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ภาพหรือเสียงบางอย่าง ที่เกิดขึ้นจริงสามารถหายไปได้ตามที่ผู้สะกดกำหนด (NEGATIVE HALLUCINATION) หมายถึง หากผู้สะกดกำหนดว่าเมื่อลืมตาขึ้น ผู้สะกดจะมองไม่ เห็นเก้าอี้ ที่อยู่ตรงหน้า บุคคลนั้นๆ จะมองไม่เห็น จริงๆ ชั่วระยะหนึ่ง

    ข้อควรระวังในการสะกดจิต

    กุญแจสู่ความสำเร็จในการสะกดจิต สอบถามผู้ที่จะถูกสะกดจิต ต่อไปนี้
    *อาการภูมิแพ้
    *ความกลัวฝังใจ
    *ความชอบไม่ชอบสิ่งใด สถานที่ กลิ่น
    *สีที่ชอบ รูปร่างลักษณะ
    *ครอบครัว เพื่อน
    *ระดับการศึกษา
    *ความขัดแย้ง ความเชื่อฝังใจบางอย่าง ข้อมูลความ ทรงจำบางอย่างที่ขัดแย้งในจิตใต้สำนึก

    การทดสอบก่อนเข้าสู่การสะกดจิต (PRELIMINARY SUGGESTABILTY TESTS)
    นักสะกดจิตส่วนใหญ่มักจะทำผิดพลาดโดยการไม่ใช้ การทดสอบก่อนเข้าสู่การสะกดจิต เขาเชื่อว่าจะ
    สามารถใช้การสะกดจิตกับทุกๆ คนด้วยวิธิเดียวกัน (INDUCTION) การจะทำได้ดีนั้นต้องศึกษาผู้ที่จะ
    สะกดก่อน และทดสอบว่าบุคคลนั้นเหมาะสมกับการ สะกดจิตวิธีไหน และเพื่อได้ข้อมูลที่จะใช้หรือหลีก
    เลี่ยงต่อสิ่งที่ผู้ถูกสะกดจิตจะชอบ ไม่ชอบ หรือเกรง กลัวอะไร


    ({)สะกดจิตตัวเองและบุคคลอื่น:cool::cool::mad:<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>

    การเตรียมตัวและสภาพแวดล้อมก่อนสะกดจิตตนเอง และบุคคลอื่น
    <o:p></o:p>
    จัดสถานที่และสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม
    1.แสงสว่างพอเหมาะ -แสงอาทิตย์ หรือ แสงที่จ้า มากๆ ไมเหมาะ

    2.โทนสีในห้องควรเป็นโทนสีฟ้าอ่อน -เช่น สีเขียว อ่อน ฟ้า ฯลฯ (สีแดงไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง)

    3.อุณหภูมิ 23-26 องศากำลังเหมาะ -หลีกเลี่ยงอา กาศร้อนหรือเย็นหรือเย็นเกินไปหรือลมเป่าแรง

    4.การปรากฏกายส่วนบุคคล -ต้องดูเป็นมืออาชีพ อย่า มีกลิ่นอาหารหรือลมหายใจที่มีกลิ่น

    5.เสียงเพลง - แล้วแต่ความชอบของผู้ถูกสะกด บางที อาจไม่มี

    6. ท่าที่สบายของผู้ที่ถูกสะกด -นั่งหรือนอนในท่าที่ ถูกต้อง ควรหลีกเลี่ยงการนอนและไม่ควรจัดสภาพ
    ให้ผู้ถูกสะกดหลับได้ง่าย
    ก.เก้าอี้ต้องพิงหลังได้
    ข.เครื่องแต่งกายที่หลวมๆ
    ค.มือและเท้าวางสบายๆอย่าไขว้

    7.เสียงในการสะกดจิตเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุเด ต้องช้า ผ่อนคลาย เยือกเย็น มีจังหวะจะโคลน

    สภาวะทางกายภาพที่เหมาะสม

    1.ความเจ็บปวด หรือไม่สบายบางอย่างในร่างกาย ของผู้ถูกสะกดอาจทำให้ความสำเร็จลดลง

    2.อาการหายใจติดขัดด ความหนาวเย็น หรือขนลุก อาจมีผลทำให้ผู้ถูกสะกดอาจทำให้ความสำเร็จลดลง

    3.ความเหนื่อยอ่อนทางร่างกายช่วยทำให้หลับง่ายขึ้น

    4.กลิ่นแปลกปลอมทำให้เกิดความรู้สึกต่อต้าน

    5.ไม่ควรใช้ยาดมประกอบ

    การสะกดจิตตัวเองและการนั่งสมาธิโดยการใช้การ สะกดจิตเข้าประยุกต์

    การนั่งสมาธิโดยการใช้การสะกดจิตประยุกต์ จะช่วย ทำให้จิตใจสงบว่างเปล่าได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ในจิตใต้สำ
    นึกต้องสลัดความเชื่อและวิธีปฏิบัติดังเดิมออกไปให้ ได้ มิฉะนั้นจะทำไม่สำเร็จ

    *ให้นั้งบนที่นั่งที่ไม่นุ่มหรือแข็งจนเกินไป ที่นั่งต้องมี ความกว้างพอที่จะรองรับบั้นท้ายของร่างกายได้ทั้ง
    หมด

    *จัดตัวให้สบาย ต้องไม่มีส่วนใดที่เกร็งหรือฝืน ที่นั่ง ควรมีที่พิง และให้พิงหลังเล็กน้อย ที่นั่งไม่ควรเคลื่อน
    ไหวได้

    *จัดตัวให้สบายโดยคำนึงว่าที่นั่งจะนั่งได้นานที่สุด โดยไม่เกิดอาการเกร็งหรือเจ็บหลังเสียก่อน

    *วางมือบนตักเบาๆ หรือบนพนักเก้าอี้ก็ได้ โดยหงาย ฝ่ามือไว้ จำไว้ว่าทุกส่วนของร่างกายต้องไม่มีการ
    เกร็งหรือฝืน (การออกกำลังกายพอสมควร หรือการ ยืดหยุ่นร่างกายเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและจัดข้อกระ
    ดูกให้เข้าที่ก่อนสะกดจิตตัวเอง จะช่วยทำให้เข้าสู่ การสะกดจิตได้เร็วขึ้น เพราะสภาวะจิตจะได้เพ่ง
    ตรงสู่กระแสจิต โดยไม่มีความรู้สึกตึงเครียดร่างกาย เข้ามาขัดขวาง)

    1.ลืมตาไว้ มองไปยังวัตถุได้ก็ได้ทีอยู่ไม่ใกล้หรือไกล เกินไป หรือมองผนังเปล่าๆก็ได้ มองไปยังวัตถุนั้น
    <o:p></o:p>
    อนมองผ่านไป พยายามมองคล้ายมองทะลุผ่าน วัตถุนั้น

    2.สูดลมหายใจเข้าสูปอดช้าๆ ลึกๆ และผ่อนออกมา ช้าๆ จำนวน 3 ครั้ง

    3.ปิดเปลือกตาลงครึ่งเดียว ยังมองวัตถุนั้นในลักษณะ เดิม

    4.นับหนึ่งถึงสิบในใจ ขณะนี้จะรู้สึกเหนื่อยล้าเปลือก ตา อย่าฝืน ให้ปิดเปลือกตาลงช้าๆเบาๆ

    5.เพ่งสมาธิไปที่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆของร่างกาย ทีละ ส่วนๆ ทำความรู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อส่วนนั้นผ่อน
    คลาย คลายอาการตึงเครียด กล้ามเนื้อแต่ละส่วนตาม ลำดับต่อไปนี้

    หัวคิ้ว แก้ม ขมับ กราม กล้ามเนื้อต้นคอทั้งสองข้าง กล้ามเนื้อหลังทั้งสองข้าง ไหล่ แขน ข้อมือ ช่องท้อง
    ท้องน้อย ต้นขา กล้ามเนื้อเหนือหัวเข่า น่อง กล้ามเนื้อ บริเวณเอ็นร้อยหวาย กล้ามเนื้อส้นเท้าและฝ่าเท้า

    6.ทำความรู้สึกเหมือนร่างกายเป็นถุงน้ำที่มีรูปร่าง เป็นตัวเราและมีน้ำบรรจุเต็ม

    7.น้ำในร่างกายไหลออกช้าๆ จนหมดผ่านปลายนิ้ว เท้าโป้ง เป็นน้ำที่ชะล้างเอาความเศร้าความทุกข์
    ความเหนื่อยอ่อนออกจากร่างกายเรา

    8.น้ำไหลเข้ามาทางศีรษะทีละน้อยจนเต็มร่างกาย ของเรา เป็นน้ำที่ใสสะอาด ให้ความสุขสดชื่นอิ่มเอม
    ใจ

    9.ปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปตามจินตนาการ(ที่ได้รับ การเรียนรู้ในการอบรม)จิตใต้สำนึกจะปฏิบัติตาม
    โดยไม่บิดพลิ้วเลย

    ท่านสามารถปล่อยจินตนาการให้ล่องลอยและมีความ สุขอย่างนั้นได้นานเท่านาน

    การสะกดจิตบุคคลอื่น

    การสะกดจิตแบบพื้นฐานเพื่อการคลายเครียด (เฉพาะผู้ฝึกหัดใหม่)

    ช่วงนำ
    เธอค่อยๆปิดเปลือกตาลง ปิดเปลือกตาลงให้ช้าที่สุด เธอค่อยๆปิดเปลือกตาและหลับลึก ลึก มีความสุขอัน
    ล้ำลึก เบาสบาย ผ่อนคลาย หลับลึก ลึก สู่ความสบาย ล้ำลึก

    ช่วงควบคุม
    เมื่อปิดเปลือกตาลงแล้ว เธอรู้สึกสบาย หย่อนคลาย จิตใจของเธอปลอดโปร่งโล่งสบาย เปลือกตาของเธอ
    หนักๆ กล้ามเนื้อหัวคิ้วหย่อนคลาย กล้ามเนื้อแก้ม หย่อนคลาย กล้ามเนื้อกรามหย่อนคลาย กล้ามเนื้อ
    คางหย่อนคลาย เธอรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย รู้สึกหลับดำดิ่งจมลึกไป
    ลึกลงไป รู้สึกสงบลง สงบลง กล้ามเนื้อคอไหล่ หลัง สีข้างหย่อนคลาย เธอรู้สึกอิ่มเอม จมดิ่ง ดื่มด่ำ สึกลง
    ไป ทุกที ทุกที ทุกที รู้สึกสงบลง สงบลง กล้ามเนื้อเอว กล้ามเนื้อสะโพก กล้ามเนื้อต้นขาหย่อน
    คลาย เธอรู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบาย จมดิ่งดื่มด่ำอิ่มเอม สู่ภวังค์ อันดื่มด่ำ ลึกลงไป ลึกลง
    ไป ลึกลงไป

    ประโยคกระตุ้นเพื่อการสะกดจิตครั้งต่อไป

    นับจากวันนี้เป็นต้นไป เธอจมลึกดำดิ่งอิ่มแอม สู่ภวังค์ อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ควบคุมจิตใจของตัวเอง
    ได้ ดีขึ้น ดีขึ้น (ซ้ำอีก 2 ครั้ง)

    ประโยคปลุกให้คืนจากการสะกดจิต

    ต่อจากนี้ ฉัน จะนับหนึ่งถึงสาม เมื่อนับถึงสามแล้ว
    เธอจะคตื่นขึ้นสู่สภาวะปกติ
    หนึ่ง เธอรู้สึกสบายผ่อนคลาย
    สอง อาการปวดเมื่อยอ่อนเพลียของเธอหายไป
    สาม จงลืมตาขึ้น (ดีดนิ้วด้วย)


    :cool::cool:
     
  11. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    ({)(ต่อ):cool:

    สะกดจิตรูดแหวนรูดสร้อยเป็นไปได้หรือ:cool::cool:<O:p</O:p

    สะกดจิตเพื่อรูดแหวนรูดสร้อยนี้ รวมถึงสะกดจิตเพื่อมั่วไปขอแลกเงินตามแบงก์แล้วเชิดเอาเงินของคนอื่นมาด้วย และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของมิจฉาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการสะกดจิตเพื่อข่มขืน ฯลฯ คำถามนี้มักเกิดขึ้นเสมอกับผู้เข้ารับการอบรมสะกดจิตขั้นพื้นฐานทุกรุ่น ที่จัดขึ้นโดยชมรมนักสะกดจิตแห่งประเทศไทย ตามทฤษฎีบอกว่าเป็นไปได้ แต่ความเป็นไปได้น้อยอาจจะหนึ่งในร้อยหรือหนึ่งในพัน อาจจะน้อยกว่าคดีฆ่าคนตายแบบสยองประเภทฆ่าหั่นศพ หรือฆ่าแช่ศีรษะในตู้เย็นเสียด้วยซ้ำ

    ผมเคยทดลองแสดงการสะกดจิตเพื่อรูดนาฬิกาข้อมือให้คนชมกันที่ร้านอาหารบางกอกบูม ในลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประมาณต้นปี 2540 ซึ่งเป็นร้านอาหารคนไทย และในวันนั้นมีผู้ชมประมาณ 5-10 คนและเป็นคนไทยทั้งสิ้น เราเลือกพ่อครัวคนหนึ่งซึ่งกำลังง่วนอยู่กับงานในครัวซึ่งไม่รู้จักผม และไม่รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไรอยู่ เมื่อเจ้าตัวมาพบผมแล้ว ผมให้เขานั่งลงและชวนคุยไปเรื่อย หลังจากนั้นก็ใช้วิธีการสะกดจิตให้เขาขาดการควบคุมตัวชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 1-2 นาที (สภาพแวดล้อมขณะนั้นมีความพร้อมด้วย) ผมได้บอกให้เขาถอดนาฬิกาข้อมือให้

    ผมเอานาฬิกาใส่ กระเป๋ากางเกงตัวเองไว้ เสร็จแล้วก็ปลุกให้เขาตื่นและบอกให้กลับไปทำงานต่อได้ เขาลืมตาขึ้นอย่างมึนงงแล้วเดินกลับเข้าไปในครัว สักพักหนึ่งก็วิ่งกลับมาพร้อมตะโกนถามว่า
    <O:p</O:p
    นาฬิกาผมหายไปไหน? ระยะเวลานับตั้งแต่ลืมตาจนถึงช่วงเวลาที่เขาตะโกนถามนั้นห่างกันประมาณ 30 วินาที ซึ่งหากผมเป็นมิจฉาชีพตัวจริง ระยะเวลา 30 วินาทีก็มากพอที่จะทำให้ผมวิ่งหนีไปได้ไกลแล้วเหมือนกัน

    การที่ใครคนหนึ่งที่มีความรู้การสะกดจิตจะไปสะกดจิตใครตามถนนหนทางเพื่อเอาของมีค่านั้น ตัวเขาเองต้องเก่งมากและเก่งหลายอย่างด้วย และต้องมีความพร้อมอย่างอื่น ๆ อีกมากมาย เก่งอย่างที่หนึ่ง คือสะกดจิตเก่ง เก่งอย่างที่สอง คือสามารถสังเกตได้ว่าคนที่เดินตามถนนหนทางใครที่จะถูกสะกดจิตง่ายที่สุด เรียกว่าต้องเก่งในการเล็งเหยื่อ และเก่งอย่างที่สามคือต้องวิ่งเก่ง เพราะช่วงเวลาที่ผู้ถูกสะกดจะปฏิบัติตามคำสั่งยอมถอดแหวนถอดสร้อยให้นั้นสั้นมาก อาจจะไม่ถึง 15 วินาทีด้วยซ้ำ

    เสร็จแล้วเจ้ามิจฉาชีพคนนั้นก็ต้องรีบวิ่งโกยชนิดวิ่งเดี่ยว 200 เมตรทีเดียว คือมีแรงเท่าไหร่ต้องรีบวิ่งหนีให้ไกลจากที่นั้นได้เร็วที่สุด ถ้าไม่เชื่อลองเริ่มต้นนับหนึ่ง สอง สาม ฯลฯ แล้วถอดแหวนออกสักวง ถอดสร้อยออกสักเส้นสิครับ ใช้เวลาถึง 15 วินาทีหรือเปล่า ผู้ที่เป็นเหยื่อจะตกอยู่ภายใต้การสะกดเพียงช่วงเวลานั้นเท่านั้นเอง หลังนั้นจะกลับคืนสติสัมปชัญญะทุกอย่าง เขาจะจำเหตุการณ์ทุกอย่างได้ เห็นหน้าคนที่มาเอาทรัพย์สินของตัวไป และรู้ว่าสร้อยคอกับแหวนนั้นคนที่หยิบให้เขาไปคือตัวเราเองไม่ใช่ใครอื่น เพียงแต่นึกไม่ออกว่าทำไมถึงยอมหยิบให้เขาไปได้ง่ายนัก

    นอกจากความเก่งของนักสะกดจิตมิจฉานาชีพแล้ว ความพร้อมในเรื่องบรรยากาศก็สำคัญด้วย เขาใจกล้ามาสะกดเอาตอนกลางวันแสก ๆ ยิ่งคนพลุกพล่านยิ่งดี เพราะเขารู้ว่าช่วงเลานี้ผู้คนจะไม่ระวังตัว จะปล่อยตัวตามสบาย เพราะไม่กลัวว่าจะมีคนร้ายจะกล้ามาจี้มาปล้นเอาต่อหน้าคนเยอะๆ

    คนที่มีอาการหวาดระแวง หรือพูดคุยอยู่กับเพื่อน ๆ จะถูกสะกดจิตไม่ได้ เพราะใจไม่ว่างพอที่จะถูกใครดึงเอาจิตไปสะกด และถ้าเป็นช่วงมืด ๆ กลางคืน สมาธิของคนทั่วไปมีแนวโน้มจะดีกว่า เพราะหลายสาเหตุ เช่น อาจจะไม่ค่อยร้อน หรือมองอะไรไม่ค่อยเห็น ทำให้ต้องมองภาพเฉพาะที่อยู่ใต้แสงไฟ เสียงดังอึกทึกลดลง (เพราะการฟังเสียงดังอึกทึกต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ ทำให้ความสามารถในการตอบสนองของระบบประสาทต่อสภาพแวดล้อมลดลง) บรรยากาศอย่างนี้ก็ยากแก่การสะกดจิต และความพร้อมอย่างสุดท้ายก็คือตัวเหยื่อ หรือผู้ถูกสะกดจิตเอง อาจจะมีคนเพียงหนึ่งในร้อยหรือในพันเท่านั้น ที่สามารถถูกสะกดจิตเอาง่าย ๆ ตามถนนหนทาง ถ้าบรรยากาศให้และโชคร้ายเจอมิจฉาชีพเข้าจริง ๆ ก็จะตกเป็นเหยื่อทันที

    ฟังดูน่ากลัว แต่มาดูความเป็นไปได้เชิงสถิติดูสักนิด การที่ผู้สะกดมาพบผู้ถูกสะกดในบรรยากาศที่เหมาะสมได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แน่นอน อาจมีคนหลายพันคนแล้วที่เคยถูกคนลองสะกดจิตตามป้ายรถเมล์ แต่ด้วยความไม่พร้อมหลายอย่างทำให้เขาไม่ตกเป็นเหยื่อ และเมื่อไม่ตกเป็นเหยื่อ เขาก็จะไม่รู้เลยว่ามีคนมาสะกดจิตเขา แต่ทำไม่สำเร็จ เพราะวิธีการนี้ไม่เหมือนการมาปล้นจี้ ที่เห็นเหตุการณ์และรู้เจตนาของมิจฉาชีพชัดเจน เวลาเราเดินไปตามท้องถนนอาจมีใครสักคนเจตนาเดินเข้ามาเบียดเรา หรือเข้ามาถามคำถามแปลก ๆ ซึ่งถ้าขณะนั้นเรารู้สึกตัวอยู่ มีสติและไม่พร้อมที่จะให้เขาสะกด เราก็จะได้เพียงแต่รับรู้ว่ามีตาบ้าที่ไหนก็ไม่รู้เดินมาเบียด หรือมียายแก่มาถามคำถามแปลก ๆ ก็เท่านั้น

    จากคำบอกเล่าของตำรวจและผู้ที่คลุกคลีกับเรื่องทำนองนี้ กลับให้ข้อมูลที่น่าสนใจ อาจจะพูดได้ว่าการสะกดจิตเพื่อประกอบมิจฉาชีพไม่น่าจะทำได้เสียด้วยซ้ำ เช่น พวกตกทอง ซึ่งเมื่อรับสารภาพแล้วมักจะให้ข้อมูลตรงกันว่า เขาไม่ได้ใช้เครื่องมือ วิชาหรือไสยศาสตร์อะไรทั้งสิ้น อาศัยความโลภของเหยื่อเท่านั้นเอง กรณีของการเอามือแตะเพื่อรูดเอาของก็มักจะได้ข้อมูลว่าเอาน้ำอะไรก็ไม่รู้ พอโดนก็เกิดอาการงง เป็นไปได้ว่า ?น้ำอะไรก็ไม่รู้? นั้น อาจเป็นสารเคมีบางอย่างที่มีฤทธิ์ทำให้มึนงงอย่างเร็วและแรงประเภทเดียวกับยาสลบ หรือทำให้การตอบสนองบางอย่างของระบบประสาทผิดพลาดไปชั่วขณะ เพราะในวงการแพทย์ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่ามีของทำนองนี้อยู่ด้วย ไม่ว่าจะในรูปที่เป็นของเหลวหรือก๊าซ แต่ได้รับการยืนยันด้วยเหมือนกัน ว่าอะไรที่ให้ผลรวดเร็วอย่างนั้น ในวงการแพทย์ยังไม่มีของพวกนี้

    ส่วนที่บอกว่าเป็นน้ำมนต์ของหมอผีเขมรนั้น ผมไม่มีข้อมูลครับ และไม่มีรู้เรื่องพวกนี้ แต่ถ้าใครมีช่วยเอามาขายหน่อยครับ จะซื้อขวดละแสนเลยเอ้า คุ้มจะตายเอาไปแตะ ๆ เหยื่อสัก 4-5 ราย เอารายที่มีเฟอร์นิเจอร์ตามตัวเยอะหน่อย ก็ได้รายละอย่างน้อย 2-3 หมื่น แค่นี้ก็คุ้มแล้วที่เหลือเป็นกำไร หรือที่เคยมีข่าวคนอ้างตัวเป็นหมอผีไสยศาสตร์ล่อลวงสาวมาข่มขืนแล้วถ่ายรูปเก็บไว้แบล็กเมล์ โดยอ้างว่าสะกดจิตให้สาวหลับนั้น พอโดนตำรวจจับได้จริง ๆ ก็สารภาพว่าแอบเอายานอนหลับใส่ในขันน้ำแล้วให้เหยื่อดื่มโดยหลอกว่าเป็นน้ำมนต์?

    ตอนหนังสือนี้พิมพ์ครั้งที่ 2 มีรายหนึ่งโทรมาให้ข้อมูล บอกว่าเคยมีคนเสนอขายสูตรยาขนานนี้และและเขาก็นัดพบเพื่อไปซื้อมา เขาบอกว่าระหว่างคุยกันโดนรูดนาฬิกาออกไปเมื่อไหร่ไม่รู้เลย จึงตกลงซื้อเอามาทำตามสูตรทำแล้วก็ไม่ได้ผลตามที่ว่า สรุปแล้วก็โดนหลอกขายอะไรก็ไม่รู้

    มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้เกี่ยวกับการสะกดจิตเพื่อประกอบอาชญากรรม ซึ่งผู้ที่ให้ข้อมูลเป็นผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรนักสะกดจิตบำบัดขั้นพื้นฐานและเป็นนายธนาคารผู้จัดการสาขาแบงก์ใหญ่ของเมืองไทย โดยให้ข้อมูลว่า ทุกแบงก์ (คงหมายถึงทุกธนาคาร ไม่ได้หมายถึงทุก ๆ ที่ทำการธนาคาร) เคยถูกมิจฉาชีพพวกนี้หลอกเอาเงินมาหมดแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นแขก (ขออภัยผู้ที่มีเชื้อสายนี้ คำบอกเล่าดังกล่าวมิได้มีเจตนาครอบคลุมถึงทุก ๆ คนที่มีลักษณะดังกล่าว)

    คนกลุ่มนี้จะอาศัยจังหวะคนมาก ๆ มาขอแลกเงินหรือมาขอทำธุรกรรมทางการเงินบางอย่าง ซึ่งคงจะเล็งไว้แล้วว่าพนักงานหน้าเค้าน์เตอร์คนไหนสามารถถูกสะกดจิตได้อย่างง่ายดาย ก็จะหาจังหวะและโอกาสเหมาะ นั่นก็คือสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมนั่นเอง เข้ามาติดต่อกับพนักงานคนนั้น พนักงานก็จะรับทำเรื่องต่าง ๆ ให้เป็นปกติแต่พอบุคคลนั้นเดินออกไปแล้ว อาจจะสักครู่หรือทันทีทันใด เหยื่อก็เริ่มรู้สึกเหมือนคืนจากอาการงง ๆ และเริ่มจดจำเหตุการณ์ได้ว่า เมื่อกี้ได้หยิบเงินสดให้คนเมื่อครู่ไป โดยไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม? หรือไม่ก็คนที่มาติดต่อนั่นแหละหยิบไปเอง แต่เราอาจจะไม่เห็นหรือเห็นแล้วรู้สึกงง ๆ นึกไม่ออกว่าทำไมถึงไม่ห้ามปราม ทำไมถึงไม่ร้องตะโกน แต่ผลที่มักเกิดก็คือ เงินสูญไปแล้ว เป็นคดีความไปแล้ว บอกต่อกันไปบอกต่อกันมาก็ถึงบางอ้อว่าโดนกันแล้วทั้งนั้น ฉะนั้น (นางแบงก์ท่านั้นให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า) เวลามีแขกเข้ามาซึ่งแปลกหน้า ไม่ใช่ลูกค้าที่คุ้น พนักงานก็จะตื่นตัวและต้องระวังเป็นพิเศษจริง ๆ แล้วอาจเพียงแต่อาศัยจังหวะที่เรายุ่ง ๆ ง่วนกับงานตรงหน้าไม่ทันได้ระวังตัว ใช้ความมือไวหยิบเงินไปดื้อ ๆ ก็ได้

    นอกจากนี้ข่าวเรื่องโดนแตะมือก็ตามหรือโดนสะกดจิตเอาของก็ตาม มักเป็นข่าวลือ มักเป็นเรื่องที่ได้ยินกันต่อ ๆ มา หาคนที่ประสบด้วยตัวเองไม่ค่อยได้ แต่ก็มีเจ้าตัวเจ้าทุกข์มายืนยันเหมือนกัน หากนับตัวคนได้ก็น้อยมาก น้อยกว่าคดีความที่มีความรุนแรงทั้งชีวิตและทรัพย์สินหลายเท่านัก แต่เรื่องทำนอนนี้ทำไมถึงดัง ทำไมถึงเป็นที่กล่าวขวัญ เพราะเป็นเรื่องแปลก เป็นเรื่องมหัศจรรย์และน่ากลัว เหมือนอย่างที่เราดูภาพยนตร์และหากภาพยนตร์เรื่องนั้นมีเรื่องของอำนาจจิตหรือการสะกดจิตเข้ามาปะปนด้วย จะเห็นได้ชัดทีเดียว ว่าคนที่มีอำนานหรือความสามารถทางด้านนี้ (ซึ่งมีเฉพาะในภาพยนตร์) และถ้านำเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เขาจะเป็นคนที่อันตรายและน่ากลัวมาก มากกว่าโจรหรือนักฆ่าหลาย ๆ คนรวม ๆ กัน มากกว่าคนที่ถืออาวุธอยู่ในมือ

    ความจริงเรา ๆ ท่าน ๆ ก็ถูกสะกดจิตกันอยู่ทักวันอยู่แล้ว ไม่ว่าจากโฆษณาจากทีวี สมัยก่อนร้อนก็ดื่มน้ำเปล่า สมัยนี้ต้องดื่มน้ำอัดลมและต้องเป็นยี่ห้อนั้น ๆ ถ้าไม่มีก็แทบจะชักตายตรงนั้น หรือหน้าร้อนทีก็ต้องไปซื้อของที่ห้างนั้นห้างนี้ ถ้าไม่ได้ไปเป็นอันตัวคัน หรือไม่ก็หงุดหงิดนอนไม่หลับ นั่นแหละครับ ท่านโดนเขาสะกดจิตเข้าแล้ว การปลุกระดม การโฆษณาชวนเชื่อ ได้เห็นได้ยินซ้ำ ๆ ทุกวัน ๆ ก็ถือเป็นการสะกดจิตอย่างหนึ่ง :cool::cool:<O:p</O:p
     
  12. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    ({)(ต่อ) :cool:

    วิธีสะกดจิตตัวเอง:cool::cool:<O:p</O:p

    บางท่านอาจเคยผ่านหูผ่านตาเรื่องสะกดจิตมาก่อนอาจเคยเข้ารับการอบรม หรือซื้อตำรับ ตำรามาอ่านหลายรายที่ได้มีโอกาสได้คุยมักจะบอกว่าปฏิบัติไม่ได้ ต่อไปนี้เป็นทริกหรืออีกนัยหนึ่งก็คือการเตรียมความพร้อมก่อนจะฝึกสะกดจิตตัวเองเหมือนเรียนถีบจักรยานหลักการไม่มีอะไรมาก เพียงแต่รู้จักการทรงตัวขณะเรากำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้าถ้าไม่เริ่มต้นถีบจักรยานก็จะไม่มีวันเป็นและไม่มีวันรู้ถึงประสบการณ์ที่จะต้องเคลื่อนไหวตัวเองหนีแรงโน้มถ่วง

    คิดว่ายกตัวอย่างการถีบจักรยานกับการฝึกสะกดจิตน่าจะไปด้วยกันได้เพราะการสะกดจิตให้เป็นนั้นไม่ยาก แต่ต้องฝึกหัดและต้องเข้าถึงประสบการณ์ของสภาวการณ์ขณะตัวเองอยู่ภาย ใต้การสะกดจิตก่อนไม่มีตำราเล่มไหนในโลก หรืออาจารย์ท่านใดอธิบายชัดเจนได้หรือสม จริงสมจังได้เหมือนเราประสบเองฉะนั้นหลายคนที่ซื้อหนังสือมาศึกษาเองมักจะล้มเหลวไม่เป็นท่าขอตั้งสังเกตอย่างนี้

    1. ตำราที่ซื้อมามักเป็นหนังสือแปล ถ้าคนเขียนมั่วคนแปลก็ยิ่งมั่ว โดยเฉพาะนักแปลเรื่องทำนองนี้ในเมืองไทยผมกล้าบอกว่าไม่มีใครรู้จริงสักคน สักแต่แปลออกมา

    2. หนังสือบางเรื่องเขียนเกินเลยความเป็นจริงและโดยเฉพาะเขียนวกไปวนมาอวดอ้างแต่อภินิหารไม่บอกเคล็ดลับวิธีการฝึกปฏิบัติที่ง่าย ๆ และถูกต้องก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องเขียนให้คนอ่านหลงใหลเพ้อฝันไปด้วยคงอยากให้คนคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์เทพเป็นคนที่ติดต่อกับพลังอำนาจบางอย่างได้เป็นพวกที่อ้างจักรวาลอ้างจิตพวกนี้ไม่มีอภินิหารอะไรหรอกครับ ยกมาอวดอ้างไปวัน ๆ

    3. หนังสือบางเล่มมักเอาเรื่องความเชื่อ ลัทธิ และศาสนามาปะปนอย่างนี้เรียกมั่วแท้ ๆทั้งสองเรื่องไม่เกี่ยวกันเลย ถามง่าย ๆว่าถ้านักสะกดจิตมีกันได้ที่รัสเซียทำไมไม่โดนคอมมิวนิสต์จับไปประหารตั้ง 50-60 ปีก่อน ถ้าหากว่ามันเกี่ยวเนื่องกับเรื่องศาสานาหรือลัทธิต่าง ๆหนำซ้ำยังสนับสนุนการค้นคว้ากันเป็นล่ำเป็นสัน

    4. หนังสือบางเล่มพยายามบอกผู้อ่านว่าสิ่งที่เขานำเสนอคือต้นฉบับเป็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ หรือทำนองการสะกดจิตจะต้องเป็นอย่างงี้ ๆถ้าเป็นอย่างอื่นแปลว่าไม่ใช่ ถ้าไม่เหมือนกันแปลว่าไม่จริงขอยกตัวอย่างการสะกดจิตบางเล่มที่ได้ต้นฉบับมาจากประเทศในญี่ปุ่นมักจะเอาเรื่องญาณเรื่องลมปราณ เรื่องโยคะ เรื่องพลังจักรวาลหรือเลยเถิดไปว่าจะสะกดจิตให้ได้ดีต้องนุ่งขามห่มขาว ต้องกินเจ ถือศีลถามอีกทีคนรัสเซียที่เขาเก่ง ๆ การสะกดจิตน่ะ เขารู้เรื่องปราณเรื่องโยคะหรือเปล่าไม่รู้จักหรอกครับยิ่งฝรั่งอเมริกันที่สอนการสะกดจิตและมีสมาชิกเป็นล้านคนนี่ยิ่งไม่รู้จักใหญ่เลยไม่ต้องทำชีวิตพิสดารหรอกถ้าใครบอกว่าเขาต้องทำอย่างนั้นหรือเป็นอย่างนั้นเพื่อจะได้ทำการสะกดจิตให้ดีขึ้น เขาโกหกครับ

    ฉะนั้นภายใต้ทฤษฏีของการสะกดจิตเราสามารถสะกดจิตตัวเอง เพื่อให้มีสมาธิในการทำสิ่ง
    ต่าง ๆ ได้และถ้าการฝึกฝนอยู่ในระดับชั่วโมงที่สูงขึ้นจะทำให้ตัวตนของความมีสมาธินั้นอยู่กับเราและ<O:p></O:p>
    เพิ่มความเข้มของมันเองโดยตลอด เหมือนเรียนขี่จักรยานเมื่อเป็นแล้วก็จะไม่มีวันลืมแต่หากไม่นำเอามาใช้ก็เพียงแต่จะทำไม่สำเร็จหรือทำไม่ได้คล่องแคล่วแต่เรารู้จักหลักการวิธีการของการสะกดจิตได้ตลอดไปเมื่อไหร่พร้อมหรือมีโอกาสก็กลับมารื้อฟื้นได้เสมอฉันใดก็ฉันนั้นการเป็นนักขี่จักยานที่เก่งนอกจากการเรียนกลวิธีปลีกย่อยแล้วต้องมีชั่วโมงที่ขี่มากด้วย ยิ่งฝึกมากก็ยิ่งชำนาญมากแต่จะเก่งลึกซึ้งหรือไม่ก็ต้องรู้กลวิธีและนำเอามาใช้เอามาฝึกปรือรู้อย่างเดียวไม่นำเอามาใช้ก็ไม่น่าจะทำได้ และเช่นกัน ถ้าเป็นแบบพื้น ๆก็เก่งแบบพื้น ๆ อยู่นั่นไม่ได้พัฒนาขั้นที่สูงขึ้น

    การทำจิตใจให้สูงขึ้นการกินเจ หรือนุ่งขาวห่มขาวก็ย่อมทำได้แต่ไม่ใช่แก่นสารของการสะกดจิต และการมีพลังจิต ถ้ารู้หลักการคือการทำใจนิ่งไม่แกว่งก็เพิ่มพลังจิตได้อย่างต่อ เนื่องอยู่แล้วอย่าหลงเชื่อพวกที่ทำให้มันดูยาก หรือดูเหมือนว่าต้องมีบุญญาบารมีพวกนี้หลอกเอาเงินทั้งนั้น

    นอกจากนี้ภาพที่เราเห็นในการแสดงคนที่อาจทำการสะกดคนอื่นด้วยอำนาจจิตแท้ ๆ ในโลกนี้อาจจะมีอยู่จริงแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา อยากจะเปรียบเทียบอย่างนี้ว่าใคร ๆ ก็อาจเรียนเพื่อเป็นนักบินและสามารถประกอบอาชีพที่เก่งกาจได้แต่จะให้เป็นนักบินขับยานอวกาศโอกาสที่นักบินทั้งโลกจะก้าวไปถึงขั้นนั้นมีเท่ากับหนึ่งในล้านฉะนั้นขอให้ท่านเก่งแบบนักสะกดจิตทั่วๆ ไปเหมือนนักบินทั่วไปก็ใช้ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องคาดหวังถึงขั้นนั้นและขาดหวังจริงย่อมได้แต่จะไปถึงหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะในสหรัฐอเมริกาเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับคนพิสดารพวกนี้เลยเพราะคนพวกนี้เก่งแต่ตัว สอนคนอื่นไม่ได้ฉะนั้นทางวิชาการเขาถือว่าเก่งแบบนั้นไม่เป็นวิทยาศาสตร์เก่งแต่โชว์เก็บตังค์เหมือนเล่นละครสัตว์อย่างหนึ่งไม่มีประโยชน์เกินกว่าการทำให้ผู้ชมตื่นเต้นและเข้าใจผิดว่าเป็นอิทธิฤทธิปาฏิหาริย์

    การเตรียมความพร้อมเพื่อการสะกดจิตตัวเองนี้สำหรับผู้ฝึกหัดใหม่เพราะอันที่จริงแล้ว ผู้มีประสบการณ์มากฝึกฝนบ่อยจะเรียนรู้วิธีการทฤษฎีมากพอสมควร จะสามารถทำได้เกือบทุกเวลา และสถานการณ์เรียกว่ายิ่งเก่งมากยิ่งทำได้โดยเวลาเร็วขึ้นและแม้ในสถานที่ที่ไม่น่าจะพร้อมเลยก็สามารถทำได้ไม่งั้นจะมีคนเก่งถึงขั้นสะกดจิตสะกดจิตรูดแหวนรูดสร้อยแล้วรู้สึกมัน ไว้มีโอกาสดีๆ แล้วจะเขียนเรื่องนี้อีกสักหนหนึ่งเรื่องสะกดจิตรูดแหวนรูดสร้อยนี้ถ้าเราได้รู้ว่าเขาทำอย่างไรมีความเป็นมามากน้อยแค่ไหน และจะป้องกันอย่างไร เขามีกลเม็ดของเขาอยู่นิดเดียวเราก็มีกลเม็ดของเราอยู่นิดเดียวเหมือนกันซึ่งถ้าหากได้รู้แล้วรับรองไม่มีวันที่ใครก็สะกดจิตปลดทรัพย์ได้แน่ต่อจากนี้ไปก็จะพูดถึงเรื่องการเตรียมความพร้อมก่อนสะกดจิตตัวเอง ซึ่งแบ่งเป็น 9 ข้อ ดังต่อไปนี้

    1. จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมแสงไฟในห้องไม่จ้าเกินไปอากาสภาพในห้องให้ถ่ายเทได้สะดวกไม่ร้อนหรือเย็นเกินไปและไม่มีเสียงดังอึกทึก

    2. เตรียมร่างกายให้พร้อมถ้าอาบน้ำชำระร่างกายได้ก็จะยิ่งดีมากออกกำลังกายเล็กน้อย ยืดเส้นยืดสาย 2- 3 นาทีใช้ได้แล้ว

    3. ทำให้การฝึกความพร้อมในการสะกดจิตตัวเองก่อนเข้านอนทุกวันก่อนเวลาปกติ

    4. เลือกนอนบนที่นอนที่ไม่นุ่มหรือแข็งจนเกินไป

    5. ถ้ามีแสงไฟอยู่ในห้องหรือมีแสงไฟหลอดเข้ามาในห้องให้นอนหันไปคนละทิศกับแสงไฟ สีภายในห้องมีสีดทนอ่อนเช่น ฟ้า เขียว ให้ดีที่สุดคือม่วง ควรหลีกเลี่ยงสีแดง ส้ม สีร้อนแรง

    6. การนอนควรนอนในท่าหงายเหยียดตัวออกไป ไม่หนุนหมอนหรือหนุนหมอนที่หนาที่สุดเพื่อให้ร่างกายทุกส่วนรวมถึงศีรษะเป็นเส้นตรง ซึ่งช่วยในการหายใจได้สะดวกขึ้นให้ขยับศีรษะให้แหงนขึ้นเล็กน้อย หรือในทางตรงกันข้ามหลีกเลี่ยงวิธีที่จะทำให้ศีรษะและลำคององุ้มซึ่งจะทำให้การเดินทางของลมหายใจจากจมูกถึงปอดติดขัดทำให้หงุดหงิดรำคาญโดยเฉพาะออกซิเจนที่จะเข้าไปช่วยในการฟอกโลหิตก็จะลดน้อยลง

    7. เมื่อนอนแล้วให้วางมือสบาย ๆ ข้างลำตัว หงายฝ่ามือขึ้นการหงายฝ่ามือขึ้นก็เพราะนิ้วมือทั้งสิบมีปลายเส้นประสาทที่ละเอียดอ่อนมากเราจะมีความรู้สึกละเอียดอ่อนและไวที่เส้นประสาทปลายนิ้วฉะนั้น<O:p></O:p>
    การตัดการรับรู้อื่น ๆ โดยหงายฝ่ามือเพื่อไม่ให้ปลายนิ้วมือสัมผัสกับสิ่งใด ก็เพื่อสามารถมุ่งสมาธิไปที่การสะกดจิตและสั่งจิตใต้สำนึกเพื่ออย่างเดียว

    8. เท้าให้เหยียดยาวออกไป วางในลักษณะเกือบตั้งตรงทั้งนี้ทุกส่วนของร่างกายจะไม่มีอาการเกร็ง การบิด หรืออยู่ในอาการเหยียดออกไปจนสุด

    9. ไม่ควรมีหมอนข้าง ตุ๊กตาวางพาดหรือถูกส่วนใดของร่างกายผ้าห่มถ้าจะใช้ห่มควรห่มคลุมถึงลำคอ ไม่ควรห่มแต่บางส่วนของร่างกาย
    ก่อนที่จะเข้าสู่การสะกดจิต เมื่อจัดทุกอย่างพร้อมตามหัวข้อที่กำหนด ก็เชื่อได้ว่าเรา
    ใกล้ความสำเร็จมากมากขึ้น ผู้ฝึกหัดสะกดจิตส่วนใหญ่มักจะเห็นข้อกำหนดปลีกย่อยนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยและไม่ค่อยยอมทำตาม ก็เลยไม่สามารถเข้าสู่สภาวะการถูกสะกดจิต แล้วก็พานไม่เชื่อวิธีนี้ ถ้าหัดถีบจักรยานทั้งที่รู้ว่ายังไม่เติมลมยางล้อให้เรียบร้อย แล้วเมื่อไหร่จะถีบเป็นละจ๊ะ


    มาพูดเรื่องแบบฝึกหัดง่าย ๆ ก่อนการสะกดจิตตัวเองดีกว่า มีอยู่ 3 สิ่งที่ควรจะเรียนรู้และฝึกฝนก่อน คือ 1. ฝึกสูตรลมหายใจ 2. ฝึกมอง 3. ฝึกหลับดำดิ่งลึกลงไป ซึ่งจะอธิบายรายละเอียดดังนี้

    1. ฝึกสูดลมหายใจ
    การฝึกสูดลมหายใจก็มีส่วนสำคัญทำให้เข้าสู่สภาวะหลับลึก และเปิดจิตใต้สำนึกได้ดี การฝึกสูดลมหายใจนี้ไม่ใช่ลักษณะที่ต้องมาท่องพุทโธหรือยุบหนอพองหนอ ให้เราสูบลมหายใจเข้าปอดช้า ๆ ลึก ๆ สามครั้ง เมื่อล้มตัวลงนอนทุกครั้งให้จินตนาการลมหายใจที่เข้าปอดเป็นควันสีขาว ควันสีขาวแทรกซึมเข้าไปถึงส่วนส่วนหนึ่งของร่างกายก็รู้สึกมีความสุขดึกด่ำถึงตรงนั้น ในขณะเดียวกัน ลมหายใจที่ผ่อนออกมาให้จินตนาการว่าเป็นควันสีดำ ลมหายใจที่ผ่อนเข้าไปเป็นควันสีขาวแต่เมื่อผ่อนออกมาเป็นควันสีดำก็เพราะความเหน็ดเหนื่อยและความท้อแท้ต่าง ๆ ในร่างกายได้ผสมเข้าไปกับลมหายใจแล้วกลายเป็นสีดำ แล้วดึงออกมาพร้อมกับลมหายใจ ฉะนั้นยิ่งหายใจจิตใจยิ่งเบิกบาน ยิ่งสูดลมหายใจเข้าก็ยิ่งรู้สึกอิ่มใจ ยิ่งสูดลมหายใจออกก็ยิ่งรู้สึกสดชื่นมีกำลังใจจะฝึกอย่างนี้อยู่ทุกวันก็ได้ และจะฝึกทุกที่ทุกเวลาก็ได้ เพียงแต่จินตนาการถึงควันดำควันขาวที่เข้าออกในร่างกาย โดยเรารับรู้และเตือนตัวเองเสมอว่าควันขาวคืออะไรเราก็มีความสดชื่นมีกำลังทำงานอย่างกระปี้กระเปร่าทุกวัน

    2. ฝึกมอง
    เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่การสะกดจิตตัวเอง เมื่อเราล้มตัวลงนอนในบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม โดยมีแสงไฟสลัว ๆ แล้ว ให้นึกถึงตัวเองกำลังง่วงนอน กำลังอ่อนเพลียลงในทุกขณะมีความรู้สึกอยากจะหลับและพักผ่อน แต่ให้ฝืนไว้ไม่ยอมหลับตา ให้มองไปที่วัตถุใดวัตถุหนึ่งมีระยะความห่างไม่เกิน 2 เมตร ให้มองเหมือนเรากวาดสายตาไปที่ใดที่หนึ่งอย่างไม่ตั้งใจ มองไปเฉย ๆ ไม่จ้อง ไม่เพ่ง พินิจพิจารณาสิ่งของนั้น มองอย่างว่างเปล่า

    เมื่อสายตาเมื่อยล้าก็อยากพักสายตาหรือเปลี่ยนไปมองอย่างอื่น ให้มองไปเรื่อย เมื่อถึงระยะเวลาหนึ่งซึ่งไม่แน่นอน อาจจะ ภายใน 2-3 นาที หรือ 10 นาที เราจะรู้สึกเมื่อยล้าสายตา เราจะเริ่มฝืนตัวเองที่เปิดเปลือกตาไว้ไม่ไหว เมื่อถึงจุดนั้นแล้วเราก็เริ่มที่จะค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงช้า ๆ เมื่อเราหลับตาลงสนิทแล้วเราจะรู้สึกมีความสุขและสบายใจที่ได้ปิดเปลือกตาลง ถ้าจนแล้วจนรอดมองวัตถุต่าง ๆ แล้วก็ยังไม่เห็นรู้สึกอะไรหรือหมดความอดทนเสียก่อน หรือมัวแต่ไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้แทนที่คิดถึงแต่เรื่องอยากจะนอน เราก็ไม่สามารถผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ และก็จะฝึกเพื่อสะกดจิตตัวเองไม่ได้ ให้ค่อย ๆ ทดลองทำอย่างนี้ไป ไม่ต้องนึกต้องคิดอะไรมาก อย่าใจร้อน อย่าตัดตอน อย่าทดสอบ

    ใช้เวลาสัก 7 วันต้องเห็นผล แล้วถ้าในแต่ละคืน ครั้งแรกไม่สำเร็จ ให้ทดลองทำอีกไม่เกิน 2 ครั้ง เกินจากนี้ถ้าเรายังไม่สำเร็จก็จะเริ่มเครียดจะวู่วามไปควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ จะท้อแท้ไปเอง อย่าเร่ง อย่าตัดตอน อย่าสงสัย และระแวง เพราะใคร ๆ คนอื่นทำกันได้ทั้งนั้น การสะกดจิตตัวเองเป็นสภาวะของการหยุดการรับรู้ ถ้าเรายังคงมีสิ่งต่าง ๆ โลดแล่นอยู่ในสำนึก ในจิตใจ ในสมอง เราก็จะทำไม่สำเร็จ ลองบอกกับตัวเองว่าจะหยุดนึกหยุดคิดเป็นเวลา 1 นาที ได้อย่างนี้แล้วดีเอง

    3. ฝึกเข้าสู่ประสบการณ์หลับแบบดำดิ่งลึก :cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool: การฝึกเข้าสู่ประสบการณ์หลับแบบดำดิ่งลึกเป็นอีกระยะที่อยากขึ้นไปอีก ต้องฝึกในขั้นที่ 2 ให้ได้ก่อนแล้วจึงจะฝึกในขั้นนี้ได้ เพราะจะทำได้ในช่วงที่ต่อเนื่องกันเท่านั้น เมื่อเราเข้าสู่การฝึกมอง และปิดเปลือกตาลงอย่างมีความสุขแล้ว ให้จินตนาการถึงกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเอามาประยุกต์ตามตัวอย่างที่ตัวเองชอบและพอใจ ดังนี้

    1. จินตนาการว่าตัวเองไหลไปตามท่อวงรูปเกลียวและไหลวนอยู่อย่างนั้นจนไม่มีที่สิ้นสุด
    2. จินตนาการว่าตัวเองอยู่ในลิฟต์ชั้นที่ 100 และกำลังมาชั้นที่ 1
    3. จินตนาการว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ที่บันไดเลื่อน บันไดเลื่อนกำลังเคลื่อนลงช้า ๆ
    4. จินตนาการว่าตัวเองกำลังเดินอยู่ริมหาดทรายกลางแสงจันทร์
    5. จินตนาการว่ากำลังว่ายน้ำไปข้างหน้า จะเป็นในแม่น้ำหรือทะเลก็ได้โดยมีเป้าหมายคือว่ายตรงไปทางแสงจันทร์

    6. จินตนาการว่ากำลังนั่งดูน้ำที่ไหลมาจากน้ำตก และกำลังไหลห่างเราออกไป
    ให้เลือกเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่สร้างจินตนาการทุก ๆ เรื่อง หรือทีละ 2-3 เรื่อง เพราะจินตนาการเหล่านี้ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการฝึกการหลับแบบดำดิ่งลึกด้วยจินตนาการ จินตนาการที่ขาดตอน ที่ไม่ต่อเนื่องและไม่ปะติดปะต่อกันย่อมไม่ต่างอะไรจากการฝึกทำตัวเป็นคนฟุ้งซ่าน ซึ่งนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ในทางเปิดจิตใต้สำนึกแล้ว ยังเสียเวลาด้วย มีผู้มารับคำแนะนำเพื่อบำบัดอาการเครียดตื่นกลัวท่านหนึ่งบอกว่าได้ไปเรียนรู้ฝึกฝนอยู่ทุกวันเป็นเวลานานครึ่งปี โดยเริ่มจาการฝึกลมปราณตามด้วยจินตนาการถึงมือร้อน เท้าร้อน และหน้าท้องร้อน เสร็จแล้วจินตนาการว่าตัวเองลงลิฟต์ชั้นที่ 20 ลงมาถึงชั้นที่ 1 แล้ว ปรากฏผลว่ารู้สึกเหมือนไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยจนรู้สึกท้อแท้

    สิ่งที่ผู้นี้ได้รับการเรียนรู้มาถือว่าถูกต้องพออนุโลมได้ในเรื่องทฤษฎีการสะกดจิต แต่สำคัญมากที่จะฝึกอย่างใดอย่างหนึ่ง กระทำอย่างใดอย่างหนึ่งโดยจินตนาการอย่างต่อเนื่องจนตัวเองหลับไป การสร้างเรื่องจินตนาการแบบขาดตอนไม่เป็นเรื่องเดียวกันก็ไม่ต่างอะไรจากนอนคิดฟุ้งซ่านเรื่องนั้นทีเรื่องนี้ที

    การสร้างจินตนาการเพื่อเข้าสู่สภาวะการสะกดจิตตัวเองและสั่งจิตใต้สำนึกได้ต้องกระทำอย่างต่อเนื่องในเรื่องเดียวกัน และควรอยู่ในบรรยากาศที่เย็นสบายแสงสลัว ๆ และหากรู้สึกกลัว เปลี่ยวเหงา อาจจะจินตนาการว่ามีเพื่อนหรือคนรักหรือคนที่เราไว้วางใจร่วมเดินทางไปกับเราด้วยก็ได้ ให้ฝึกทำอย่างนี้ให้บ่อยและให้นานมากที่สุด เราจะรู้ด้วยตัวเองว่าเรารู้สึกอิ่มใจสบายใจและมีความสุขที่จะเพลิดเพลินไปกับจินตนาการนี้ เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกอึดอัด หงุดหงิดหรือเบื่อหน่าย แสดงว่าเรายังไม่สามารถเข้าสู่สภาวะหลับลึกแบบดื่มด่ำได้ เพราะผู้ที่เข้าสู่สภาวะนี้ได้จริงจะมีความสุข และเมื่อถึงจุดหนึ่งจะมีความรู้สึกอยากที่จะหยุดและเปิดเปลือกตาขึ้นมาเอง แต่ในจิตใจก็ยังรู้สึกอิ่มใจและมีความสุขที่ได้เข้าไปอยู่ในประสบการณ์นั้น หรือไม่ก็รู้สึกได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และอยากจะหลับไปเอง

    เมื่อท่านฝึกฝนทั้ง 3 ส่วนจนได้ผลเป็นอย่างดีแล้ว ก็จงเตรียมพร้อมที่จะสะกดจิตตนเองเพื่อเปิดจิตใต้สำนึกและสร้างข้อมูลเพื่อการสร้างสมาธิในการทำสิ่งต่าง ๆ
    <O:p</O:p
    วิธีสะกดจิตบุคคลอื่น:cool::cool:<O:p</O:p

    การสะกดจิตเป็นศาสตร์อย่างหนึ่งแต่การสะกดจิตให้ได้ดีจะต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ผู้ที่มีความรู้ต้องหมั่นฝึกฝนและเปลี่ยนตัวอย่างอยู่เสมอเพื่อให้มีประสบการณ์กับผู้ถูกสะกด และวิธีการสะกดให้มากเพราะการสะกดจิตแต่ละวิธีจะแตกต่างกันทั้งวิธีการและผลที่จะเกิดและแม้แต่ผลที่จะเกิดแก่ผู้ถูกสะกดก็จะแตกต่างกันด้วยไม่มีผลที่ตายตัวกับวิธีใดวิธีหนึ่งหรือกับทุก ๆ คน คนปกติทุกคนสามารถถูกสะกดจิตได้ (Every normal person is Hypnotizable) ยกเว้นคนเหล่านี้คือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี เพราะขาดความสามารถในการกำหนดจิต (เว้นแต่การสะกดจิตด้วยวิธีพิเศษ) ผู้มีอาการทางจิตประสาท เพราะมีจิตใจวอกแวกขาดความอดทนในการสงบจิตได้นาน คนปัญญาอ่อน ที่มีไอคิวต่ำกว่า 70 และผู้มีอาการหวาดระแวง เพราะความไม่ไว้วางใจทำให้เกิดอาการผวาตื่นกลัว

    กลุ่มอาชีพและลักษณะงานที่ถูกเชื่อวาจะถูกสะกดจิตได้ง่าย คือ
    1. กลุ่มคนที่ทำงานหรือได้รับคำสั่งอย่างเดียวกันประจำซ้ำซาก
    2. ทหาร
    3. ผู้ได้รับคำสอนทางศาสนาประเภทท่องบ่น จดจำ
    4. ผู้ที่ถูกดึงออกจากสภาพแวดล้อมหรือสภาวะคับขันจะมีความหลงใหลศรัทธาต่อบุคคล
    ผู้ช่วยทำให้หลุดพ้นจากสภาพแวดล้อม มีทั้งแพทย์นักการเมือง นักโฆษณา นักพูด ฯลฯ
    5. นักคิด นักคำนวณ นักวิเคราะห์ (เช่นนักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ นักบัญชี ฯลฯ)
    ในกลุ่มนี้ต้องการการสะกดจิตแบบเฉพาะ เช่น เพื่อเพิ่มพูนจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ สมาธิ ความอดทน ความจำฯลฯ

    กลุ่มอายุที่ถูกสะกดจิตได้
    อายุ 7 ? 8 ปี สะกดง่ายที่สุดเพียงใช้วิธีง่าย ๆ ก็จะได้ผล
    อายุ 8 ? 15 ปี สะกดได้ยากเนื่องจากในวัยนี้จะมีจุดความสนใจในเรื่องต่าง ๆ มากขาดสมาธิในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างต่อเนื่อง
    อายุ 15 ? 21 ปีสะกดง่ายที่สุดเช่นเดียวกันเพราะเป็นวัยที่มีสมาธิและยินดีรับคำสั่งได้ง่าย

    เมื่อได้รับความรู้ถึงจุดนี้แล้วท่านลองตอบคำถามง่าย ๆ สักข้อกลุ่มอารมณ์ประเภทใดที่รับการสะกดจิตได้ง่ายกว่า
    ก. อารมณ์อ่อนไหว ประหม่าไม่มีสมาธิ นอนหลับยาก เรียนรู้ยาก ช่างจินตนาการ เครียดเสมอ ฯลฯ
    ข. จิตใจสงบเยือกเย็น ควบคุมอารมณ์ได้ดี ไม่มีปัญหาในการนอนหลับ ปกติ ฯลฯ
    คำตอบคือข้อ ข.เพราะคนกลุ่มนี้จะมีสมาธิดี ไม่หวาดระแวง ในขณะที่กลุ่ม ก.จะเป็นกลุ่มที่รับการสะกดจิตยาก แต่ก็เป็นกลุ่มที่ต้องการการสะกดจิตเพื่อการบำบัดมากกว่าผู้ทำการบำบัดหรือนักสะกดจิตบำบัดจะต้องเตรียมการก่อนการสะกดจิตคนกลุ่มนี้เช่นทำให้จิตใจสงบลงก่อน ทำให้เขาไว้เนื้อเชื่อใจ หรือไม่ก็ใช้วิธีพิเศษซึ่งอาจเสี่ยงและเป็นอันตราย เช่น ทำให้เกิดภาวะบีบคั้น หรือการกำหนดให้ทำหรือสัมผัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างต่อเนื่อง หรือซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่เป็นการเสี่ยงและอันตรายเนื่องจากผู้ทำการสะกดอาจควบคุมจิตใจและอารมณ์อันพลุ่งพล่านของผู้ถูกสะกดไม่ได้และพฤติกรรมของผู้ถูกสะกดในกลุ่มนี้อาจจะส่อไปในทางรุนแรงฉะนั้นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้เริ่มต้นสะกดจิตใหม่ ๆ คือควรทดสอบวิธีสะกดจิตที่เหมาะกับผู้ที่จะถูกสะกดมิฉะนั้นอัตราความเสี่ยงต่อความล้มเหลวจะสูงมากและทำลายความเชื่อมั่นในตัวเองและความเชื่อมั่นของผู้ถูกสะกดต่อตัวเราด้วยต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองสร้างสถานการณ์และสภาวะแวดล้อมที่เป็นบวก ที่เป็นมิตรอย่าเร่ง อย่ารีบ อย่าตัดตอน ใช้จังหวะที่ดีและกลวิธีที่เหมาะสมนอกจากนี้สถานที่ที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญและเป็นปัจจัยทำให้การสะกดจิตประสบผลสำเร็จง่ายขึ้น คือเป็นสถานที่ที่มีแสงสว่างพอเหมาะ แสงอาทิตย์ หรือแสงที่จ้ามาก ๆไม่เหมาะ

    โทนสีในห้องควรเป็นโทนสีอ่อน - เช่น สีเขียวอ่อน ฟ้า ฯลฯ (สีแดงไม่เหมาะอย่างยิ่ง)
    อุณหภูมิ 23 ? 26 องศากำลังเหมาะ -หลีกเลี่ยงอากาศร้อนหรือเย็นเกินไปหรือลมเป่าแรง
    การปรากฏกายส่วนบุคคล -ต้องดูเป็นมืออาชีพ อย่ามีกลิ่นอาหารหรือลมหายใจ
    ที่มีกลิ่น
    เสียงเพลง -แล้วแต่ความชอบของผู้ถูกสะกดบางทีอาจไม่มี

    ท่าที่สบายของผู้ถูกสะกด -นั่งหรือนอนในท่าที่ถูกต้อง ควรหลีก

    เลี่ยงการนอนไม่ควรทำให้ผู้ถูกสะกดหลับโดยไม่จำเป็นเรื่องของสภาวะทางอารมณ์ที่เหมาะสมของผู้ที่จะรับการสะกดจิตก็มีส่วนด้วยเช่นกันการปรากฏกายของผู้สะกดจิตมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้ผู้ถูกสะกดจิตกลัวหรือระแวงผู้ถูกสะกดเกิดความรู้สึกเชื่อมั่นได้จากการดูคนอื่นถูกสะกด

    ความรักความเคารพนับถือที่มีต่อผู้สะกดช่วยทำให้สะกดได้ง่ายขึ้น ความกลัว ประหม่า หวาดระแวง ทำให้บรรยากาศไม่เหมาะสมเหล่านี้มีผลเป็นอย่างยิ่งที่จะทำการสะกดจิตให้ประสบผลสำเร็จหรือไม่

    นอกจากนี้อาจเป็นไปได้ที่ผู้ทำการสะกดจิตอาจรู้สึกเหนื่อยอ่อนมึนงง หรือมีอาการทางจิต ประสาทหรืออาจมีอาการทางหัวใจทันทีทันใด (ในรายที่มีอาการดังกล่าวอยู่ก่อนหน้าแล้ว)ผู้ถูกสะกดอาจจะตื่นหลังจากนั้น หรือหลับไปแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะหลับไปแล้วไม่ฟื้นเลย ข้อที่ควรระลึกเสมอก็คือหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจทำให้ผู้ถูกสะกดจิตได้รับบาดเจ็บ หรือตื่นตกใจเช่น

    - การทำให้ผู้ถูกสะกดอยู่ในภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นถือว่าเพียงพออย่าทำให้หลับไปเพราะอาจเกิดผลเสียต่อผู้สะกดเองตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นและหากผู้ถูกสะกดอยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสมการนั่งหลับแล้วก้มลงมากับพื้นก็อาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บได้

    - หากมีการทดสอบและศึกษาผู้ถูกสะกดจิตอย่างเพียงพอและถูกต้องแล้วผู้ทำการสะกดจะสามารถหลีกเลี่ยงคำสะกดที่อาจทำให้ผู้ถูกสะกดไม่พอใจต่อต้านหรือตกใจทันทีทันใดได้ เช่น กล่าวถึงความตาย สิ่งที่เกลียดกลัว ฯลฯ

    - อย่าเปลี่ยนจินตนาการ หรือพาจิตของผู้ถูกสะกดให้โลดแล่นอย่างฉับพลันเพราะผู้ถูกสะกดอาจจะยังไม่พร้อม

    - ในกรณีที่ผู้ถูกสะกดจิตเป็นผู้ป่วยทางระบบหายใจ หรือมีโรคทางหัวใจหรือเคยได้รับการผ่าตัดหัวใจให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ

    นักสะกดจิตส่วนใหญ่มักจะทำผิดพลาดโดยการไม่ทดสอบก่อนเข้าสู่การสั่งจิตใต้สำนึกเขาเชื่อว่าจะสามารถใช้การสั่งจิตใต้สำนึกกับทุก ๆ คนด้วยวิธีเดียวกัน (INDUCTION) การจะทำได้ดีนั้นต้องศึกษาผู้ที่จะถูกสะกดก่อนและต้องทำการทดสอบว่าบุคคลนั้นเหมาะกับการสั่งจิตใต้สำนึกวิธีไหนและเพื่อได้ข้อมูลที่จะใช้หรือหลีกเลี่ยงต่อสิ่งที่ผู้ถูกสะกดจะชอบ ไม่ชอบหรือเกรงกลัวอะไร เงื่อนไขสำคัญที่จะเป็นอุปสรรคที่จะสะกดไม่ได้คือผู้ถูกสะกดไม่ได้ปล่อยจิตตามการสะกด และผู้ถูกสะกดระแวงว่าจะถูกล้วงความลับฉะนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องทดสอบการสะกดจิตก่อน

    วัตถุประสงค์ในการทดสอบการสะกดจิต
    เพื่อแยกแยะผู้ถูกสะกดว่าจะสามารถูกสะกดได้ยากง่ายเพียงใดเพื่อเป็นการอุ่นเครื่องก่อนการสั่งจิตใต้สำนึกจริงโดยการลดความกลัวและอาการหวาดระแวงและเพื่อทำให้ผู้ถูกสะกดให้ความร่วมมือมากขึ้น
    วิธีการทดสอบก่อนเข้าสู่การสั่งจิตใต้สำนึกมี 2 วิธี ดังนี้

    ใช้พลังครอบงำจิตใจ สั่งจิตโดยทางตรง ออกคำสั่งฯลฯ
    ใช้วิธีการแนะนำ สั่งจิตโดยทางอ้อม ใช้คำพูดแผ่วเบา ทำให้งง ทำให้ใจลอยทำให้อยู่ในภวังค์
    ให้ทดสอบผู้ถูกสะกดด้วยวิธีทั้งสองหากผู้รับการสะกดจิตตอบสนองได้ดีด้วยวิธีไหนให้ใช้การสั่งจิตใต้สำนึกจริงด้วยวิธีนั้น:cool::cool:
     
  13. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    ({)สรุปท้าย:cool:

    องค์ประกอบของจิต
    เราไม่สามารถชี้ชัดลง ไปได้ว่าจิตคือส่วนใด ของ ร่างกายและมีหน้า ที่อย่างชัดเจน แต่จิตมี
    อำนาจและอิทธิพลใน การควบคุมระบบการ ทำงานต่างๆ ของร่าง กาย รวมไปถึงอารมณ์ความ รู้สึกนึกคิดและ การทำงานของสมอง อาจเรียกได้ว่า ร่างกาย นั้นคือรถยนต์พวงมาลัยคือสมอง ตัวคนหรือ จิตนั่นเองเป็น ผู้ถือพวง มาลัย สมองที่ขาดการควบคุมจากจิตก็เหมือนรถที่วิ่งไป โดย ขาดคนถือ พวงมาลัย หรือรถที่ขับไปโดยคนเมาไม่ได้สติก็จะวิ่งสะเปะสะปะเช่นกันเปรียบได้ กับ จิตที่ไม่ปกติก็ย่อมควบคุมสมองและระบบการทำงานต่างๆของร่างกายได้ไม่สมบูรณ์

    อาจกล่าวได้ว่าจิตครอบครองการทำงานทั้งหมด ของสมองจิตแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

    1. จิตสำนึก (CONSCIOUS SCREEN) ครอบครองความสามารถและการทำงานของ
    สมอง ร้อยละ 5

    2. จิตใต้สำนึก (SUB CONSCIOUS) ครอบ ครองความสามารถและการทำงานของสมอง
    ร้อยละ 95

    ในชีวิตประจำวัน เราใช้ข้อมูล ความสามารถและการ ทำงานในการทำสิ่งต่างๆด้วยจิตใต้สำนึกหรือจาก
    ข้อมูลที่อยู่หน้าจอของคอมพิวเตอร์ (RAM) เท่านั้นข้อมูล ความสามารถและการทำงานในการทำสิ่ง
    ต่างๆ ในจิตใต้สำนึกหรือจากแหล่งข้อมูลภายใน เครื่อง (HARD DRIVE) ไม่ได้ถูกนำมาใช้การ
    สะกดจิตอาจเรียกได้ว่าเป็นโปรแกรมที่ถูกใส่เข้าไปเพื่อดึงเอาแหล่งข้อมูลและการทำงานในฮาร์ดไดร์
    นั่นเอง

    จิตใต้สำนึกคืออะไร :cool::cool:

    จิตใต้สำนึกคือแหล่งข้อมูลความทรงจำ และสิ่ง ควบคุมระบบอัตโนมัติของร่างกายความสำคัญ
    อยู่ที่การทำงานและอิทธิพลของจิตใต้สำนึกที่มี มนุษย์ดังตัวอย่างต่อไปนี้<O:p></O:p>
    อิทธิพลที่จิตใต้สำนึกมีต่อระบบการทำงานของร่างกายเวลาเราโกรธ เลือดจะขึ้นหน้าและหน้าแดง เวลาเรา กลัวหน้าจะซีดเวลาตกใจจะเหงื่อออก และใจสั่น สิ่งเหล่านี้คือการทำงานของอารมณ์ ซึ่งระบบการทำงานของร่างกายจะตอบสนองอารมณ์ต่างๆ เหล่านั้นโดยอัตโนมัติแต่ในภาวะปกติเราไม่สามารถที่จะนึก ให้ตัวเราหน้าแดง ให้หน้าซีดเหงื่อออกหรือใจสั่นได้เราอาจต้องวิ่งหลายร้อยเมตรเพื่อให้ตัวเราเหงื่อออกหรือหน้าแดงหรือบีบคอตัวเองเพื่อให้หน้าซีดหรือใจสั่นความจริงแล้วเราสามารถทำเช่นนั้นได้ ถ้ารู้ วิธีและฝึกฝนที่ถูกต้อง คงเคยได้ยินว่าในประเทศอินเดียมีโยคีที่สามารถสั่งให้หัวใจตัวเองเต้นช้าลง ได้เอาศีรษะทิ่มพื้นและขาชี้ฟ้าอยู่หลายวัน โดยไม่เป็นอันตรายใดๆนั่นเป็นเพราะกระบวนการสะกดจิต หรือการสะกดจิตตัวเองอย่างหนึ่งบวกกับการฝึกฝนมาพอสมควร ก็สามารถควบคุมการทำงานของร่างกายให้เป็นไปอย่างที่ต้องการได้

    อิทธิพลที่จิตใต้สำนึกมีต่อความรู้สึกและอารมณ์

    อารมณ์ต่างๆของมนุษย์ มีปัจจัยหลักอยู่ 4 อารมณ์
    * ความกลัว
    * ความกล้า
    * ความเกลียด
    * ความชอบ<O:p</O:p

    ทุกอารมณ์นอกเหนือจากนี้ก็มีที่มาจากอารมณ์เหล่านี้ทั้งสิ้น ระดับและชนิดของปรากฏการณ์ที่แต่ละคนจะได้รับนั้นแตกต่างกัน เช่นคนบางคนกลัวตาย บางคน ไม่กลัวตาย บางคนชอบกินของเผ็ดบางคนไม่ชอบเหล่านี้เกิดจากประสบการณ์และการเก็บข้อมูล ประสบการณ์และข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บลงในจิตใต้สำนึกและจิตใต้สำนึกก็จะทำงานอัตโนมัติทั้งที่เราไม่ได้ สั่ง เช่น คนบางคนที่เห็นเลือดอาจจะหน้าซีดหรือเป็นลมไปเลยโดยไม่จำเป็นต้องเห็นหรือรู้ว่าเป็น เลือดของใคร หรือตัวอะไร ทำไมถึงมีเลือดฯลฯ

    อิทธิพลที่จิตใต้สำนึกมีต่อความทรงจำ และความฝังใจ

    จิตใต้สำนึกจะเปิดเมื่อจิต ร่างกายและอารมณ์อยู่ในสภาวะต่อไปนี้
    1. มีสมาธิ (ขณะเข้าญาณ หรือใจจดจ่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างแรงกล้า)
    2.อยู่ในภวังค์ (จิตใจล่องลอย ควบคุมไม่ได้ชั่วขณะ)
    3. สภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น
    4. จิตใจว่างเปล่า
    5. ดีใจ ตกใจ เสียใจตื่นเต้นสุดขีดจนลืมตัว (อาการลืมตัวจนทำให้จิตใจว่างเปล่าไปชั่วขณะ)

    <O:p</O:p
    เวลาเราจำหรือท่องหนังสือนั้นเราจำผ่านจิตสำนึก การท่องหนังสือหรือได้รับข้อมูลใดๆซ้ำกันแล้วซ้ำ
    กันเล่าก็ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ข้อมูลจะถูกนำไปเก็บในจิตใต้สำนึกหรือหากเราใช้จิตใต้สำนึกในการจำก็จะจำได้ดีขึ้น

    ปัจจุบันการการสร้างโปรแกรมวิธีเลี้ยงลูกให้เป็นอัจฉริยะด้วยวิธีพิเศษกับลูกเมื่ออยู่ในครรภ์ตามทฤษฏีการสะกดจิตนั้นมีความเป็นไปได้ของสิ่ง ต่อไปนี้คือ
    1. จิตใต้สำนึกจะจดจำได้ดีกว่าจิตสำนึก
    2.จิตใต้สำนึกจะทำงานเมื่อจิตสำนึกปิดหรืออีกนัย หนึ่งคือจะทำงานขณะเราหลับ
    3. จิตใต้สำนึกของบุคคลหนึ่งอาจติดต่อกับจิตใต้สำนึกของบุคคลหนึ่งได้ด้วยวิธีสื่อสารทางจิตอาศัย ความเชื่อนี้ประกอบกับความเชื่อที่ว่า มนุษย์ ทุกคนมีจิตใต้สำนึกและจิตใต้สำนึกจะมีอยู่พร้อมกับการเกิดขึ้นของชีวิตหรืออาจมีมาก่อนการเกิดชีวิต เสียด้วยซ้ำ ด้วยความเชื่อเหล่านี้เองจึงมีการคิดค้นวิธีสื่อสารกับเด็กที่อยู่ในครรภ์ขึ้น ผู้เป็นแม่จะสอดแทรกความรู้ความคิดและปรับสภาพแวดล้อมต่างๆอย่างเป็นระบบเพื่อให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตไปในทิศทางที่ตนเองต้องการการทำงานของจิตใต้สำนึกและความหลังฝังใจยังอธิบายปรากฏการณ์เหล่านี้ เช่นคนบางคนกลัวแมวในขณะที่คนทั่วไปไม่กลัว

    เด็กทั่วไปต้องผ่านประสบการณ์ครั้งแรกที่จะได้พบเห็นแมว และส่วนใหญ่จะมีความสุข ประทับใจที่ได้
    เล่นกับลูกแมวในขณะบางคนได้พบในสภาวะที่ไม่ เหมาะสม เช่น พบลูกแมวตัวเล็กมากๆแล้วเข้าไปเล่นแม่แมวซึ่งเพิ่งตกลูกออกมาใหม่อาจจะยังหวงลูก เลยตะครุบเอาเด็กน้อยเข้าไป ในวัยเด็กนั้น จิตใจมีความว่างเปล่ามากกว่าสภาวะจิตใต้สำนึกเปิดง่ายอยู่แล้ว ยิ่งอยู่ในภาวะตกใจสุดขีดที่โดนแม่แมวตะครุบความกลัว ตกใจนั้นจะส่งเข้าไปเก็บในจิตใต้สำนึกและส่งผลให้เด็กคนนั้นเป็นเคนกลัวแมวตลอดไปทันที ซึ่งด้วยจิตสำนึกเองเขาจะลืมเหตุการณ์นั้นไปแล้ว ก็ตาม วันเวลาที่เปลี่ยนแปลงแต่จิตใต้สำนึกจะไม่ลืมและส่งข้อมูลขึ้นมาสร้างอิทธิพลอยู่ตลอดเวลาทั้งต่อระบบประสาท ความรู้สึก และอารมณ์ควบคู่กันไปยังมีปรากฏการณ์อีกมากที่สามารถใช้ทฤษฏีการสะ กดจิตหรือการทำงานของจิตใต้สำนึกมาตอบคำถามได้ เช่นเรื่องการฝัน อาการตื่นตกใจอย่างแรงแล้ว สามารถยกของหนักขึ้นออกวิ่งได้การเห็นภาพหลอนภาพลวงตา ฯลฯ:cool::cool::cool:(k)
     
  14. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    <TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-TOP-WIDTH: 0px; BORDER-RIGHT: 1px solid; BORDER-BOTTOM-WIDTH: 0px; BORDER-LEFT: 1px solid" width=175>สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Aug 2007
    อายุ: 51
    ข้อความ: 1,928
    Groans: 1
    Groaned at 4 Times in 4 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 4,904
    ได้รับอนุโมทนา 44,332 ครั้ง ใน 1,837 โพส
    พลังการให้คะแนน: 1130 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]











    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid"><CENTER>สรุปยอดรวมเงินสร้างพระประธานที่เขากะลา 04-11-2552

    </CENTER>









    <HR style="COLOR: rgb(255,255,255); BACKGROUND-COLOR: rgb(255,255,255)" SIZE=1>สรุปยอดรวม


    (04/11/2552)


    ผู้ร่วมสร้างอาคาร สร้างพระประธาน และฐานพระประธาน


    ณ สถานปฏิบัติธรรม จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน

    เขากะลา จ.นครสวรรค์




    สรุปยอดรวมทั้งหมดของผู้สร้างพระประธานที่เขากะลา

    <O></O>

    1. คุณจเร คุณวิลาวัลย์ ด.ช.ชโณทัย เปรมใจยุทธิ์
    น.ส. ชวพร และ นายศรศิลป์ ทราราชากร
    บริจาค 200 บาท
    2. แม่ประยงค์ บริจาค 100 บาท
    3. คุณญภาสุ ฉิ่งกังวาลชัย บริจาค 200 บาท
    4. คุณพิมพ์ศจี และ น.ส. ปฐมศรี กาญจนะโยธิน บริจาค 300 บาท
    5. SANGSUK TOUR SERVICES จ. ภูเก็ต บริจาค 400 บาท
    6. คุณสุมาลี ดอนไพ บริจาค 200 บาท
    7. คุณอัมพร ธิติธัญญานนท์ และ สุพล วงศ์พิพัฒน์กุล บริจาค 1,000 บาท
    8.คุณสายรุ้ง จากฮังการี จำนวน 1,000.-บาท


    รายชื่อผู้บริจาคร่วมสร้างพระประธาน (เขากะลา) ณ สถานธรรมธนบุรีรมย์


    9. ธัญญพัทธ์ วัฒนศิริพงศ์ และ ด.ช. คฑาภัท เมนะสินธุ บริจาค 300 บาท
    10. คุณ<ST1>ไก่ บริจาค </ST1>100 บาท
    11. คุณ<ST1>ภากร ธิติสมิต</ST1> และ คุณ<ST1>ปนัดดา โสภารัตน์</ST1> บริจาค100 บาท
    12. นงลักษณ์ คงสุวรรณ บริจาค 20 บาท
    13. คุณ<ST1>นภดล ลิ้มไชยวัฒน์</ST1> บริจาค 20 บาท
    14. คุณ<ST1>จรัสพร ลิ่มประเสริฐ</ST1> บริจาค 20 บาท
    15. คุณ<ST1>กุลทิชา ลิ้มไชยวัฒน์</ST1> บริจาค 20 บาท
    16. คุณ<ST1>ปาริชาติ เทียมพานิช</ST1> บริจาค 100 บาท
    17. คุณ<ST1>กนกวรรณ พรรณวุฒิ</ST1> บริจาค 100 บาท
    18. คุณ<ST1>สุนีย์ คงสงฆ์</ST1> บริจาค 200 บาท
    19. คุณ<ST1>ชนิดา ชนิภา</ST1> จารุโรจ์ปกรณ์ บริจาค100 บาท
    20. คุณ<ST1>สุพรรณี สุธิกุล</ST1> บริจาค 100 บาท
    21. คุณ<ST1>ศุภสุตา แสนสุขไพศาล</ST1> และคุณ<ST1>ฉวีวรรณ สุวรรณเศวตร</ST1> บริจาค 100 บาท
    22. คุณวิรมณ และคุณชยุดา จึงธนาวรกุล บริจาค100 บาท
    23. คุณ<ST1>ณัฐวดี อยู่เย็น</ST1> และคุณ<ST1>ภัทริน เอี่ยมสุวรรณ</ST1> บริจาค 100 บาท
    24. คุณ<ST1>ปัทมพร วงษ์เวช</ST1> บริจาค 100 บาท
    25. คุณ<ST1>เอกชัย ไฟสิงห์</ST1> บริจาค 100 บาท



    รายชื่อผู้บริจาคร่วมสร้างพระประธาน (เขากะลา) ณ สถานธรรม (บึงกุ่ม)<O></O>​


    26. คุณ<ST1>รัชบูลย์ ชลาลัยวิจิตร</ST1> บริจาค 100 บาท
    27. ผู้หญิงที่มาสแกนกรรมรายสุดท้ายไม่ทราบชื่อ บริจาค 500 บาท
    28. อาจารย์ SUTASSEE บริจาค 1,000 บาท
    29. คุณ<ST1>พุทธิพงษ์ สิริสุขะ</ST1> บริจาค 100 บาท<O></O>
    30. คุณจอย สร้างพระประธาน 200 บาท <O></O>
    31. คุณ NewWorld สร้างพระประธาน 999.99 บาท


    <O></O>รายชื่อผู้ร่วมบริจาคปัจจัยสร้างองค์พระประธานมีดังนี้(จาก อ.กรึงไกร)

    32.คุณวิชัย อรรถพูลทรัพย์และครอบครัว 500 บาท

    33.คุณวิโรจน์ กรึงไกรและครอบครัว 1,000 บาท

    34.คุณ<ST1>พรทิพย์ แสนแก้ว</ST1> 500 บาท

    35.คุณ<ST1>วันเพ็ญ บุญประวัติ 100 บาท</ST1>

    36.คุณ<ST1>ไพลิน อย่างกลั่น </ST1>100 บาท

    37.คุณ<ST1>นภาพรรณ บุญล้อม</ST1> 100 บาท

    38.คุณ<ST1>สิโรชินี ชุบสถาน</ST1> 50 บาท

    39.คุณเคอ เจี้ยนหมิงและครอบครัว 500 บาท

    40.คุณภรพิมล และคุณจรูญ 60 บาท

    41.คุณ<ST1>พัชราวลัย แซ่ตั้ง</ST1> 50 บาท

    42.คุณ<ST1>ธนพันธ์ เอกพิทักษ์ดำรง</ST1> 50 บาท

    43.พนง.บริษัท เจดีซี อินดัสเทรียล(ไทยแลนด์) 318 บาท

    44. คุณ<ST1>สิริพนธ์ พูนศิริชัยกิจ</ST1>(เซี่ยมหล่อนั๊ง) และครอบครัว จำนวน 500 บาท


    รายละเอียดของปัจจัยที่มีผู้บริจาคในวันที่ 12 กันยายน 2552
    <O></O>
    <?XML:NAMESPACE PREFIX = V /><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA>อาจารย์ pkanlaya อาจารย์Bizanรับปัจจัยร่วมสร้างพระประธาน<O></O>

    <O></O>
    45. คุณ pantham phuakph (ปุ้ม ณฐพลสรรค์) 200.- บาท<O><V:SHAPE id=_x0000_i1029 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE></O>

    <V:SHAPE><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE>
    46. คุณแม่มยุรี และอาจารย์ pkanlaya 2,000.- บาท<O><V:SHAPE id=_x0000_i1031 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE></O>

    <V:SHAPE><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE>47. คุณลั้ง (huten) และครอบครัว 500.- บาท<O><V:SHAPE id=_x0000_i1033 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE></O>

    <V:SHAPE><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE>48. อาจารย์ vijit_j 100.- บาท<O><V:SHAPE id=_x0000_i1035 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE></O>

    <V:SHAPE><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE>49. คุณ<ST1>อารัณย์ เอเมอรี่</ST1> 100.- บาท<O><V:SHAPE id=_x0000_i1037 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE></O>

    <V:SHAPE><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE>50. ดร.<ST1>กรณ์กาญจน์ ภมรประวัติธนะ</ST1>และครอบครัว 400.- บาท<V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA>

    51. คุณ<ST1>สุธนีดล วิชิตธารารักษ์ (</ST1>อ. SUTASSEE) 2,500.- บาท<O><V:SHAPE id=_x0000_i1041 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE></O>

    <V:SHAPE><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE>52. คุณพ่อสุคิม-คุณแม่สายรุ้ง คำศรี 500.- บาท<O><V:SHAPE id=_x0000_i1043 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE></O>

    <V:SHAPE><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE>53. คุณเหมือน-คุณสมเมือง ประจัด 500.- บาท<O><V:SHAPE id=_x0000_i1045 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE></O>

    <V:SHAPE><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE>54. คุณเกตโยธิน-คุณสม คำศรี 500.- บาท<O><V:SHAPE id=_x0000_i1047 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE></O>

    <V:SHAPE><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE>55. คุณปัญญา-คุณการดา การีชุม 500.- บาท<O><V:SHAPE id=_x0000_i1049 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"> <V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE></O>
    <V:SHAPE><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE>56. คุณ pyramid จำนวน 200 บาท<O></O>
    57. คุณดนุชา จำนวน 500 บาท<O></O>



















    <O><V:SHAPE id=_x0000_i1051 style="WIDTH: 14.25pt; HEIGHT: 14.25pt" alt="" type="#_x0000_t75"><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE></O>

    <V:SHAPE><V:IMAGEDATA src="http://palungjit.org/private.php?do=showpm&pmid=1473700" o:href="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif"></V:IMAGEDATA></V:SHAPE>รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8,500.- บาท

    <O></O>








    รายชื่อผู้ที่สร้างพระประธานเขากะลาใส่ซอง ในวันงาน 12/9/09 ที่เขากะลา<O></O>

    อาจารย์สุดใจรับมอบ






    58. คุณกำพล และ สิริภัสสร เอี่ยมสุวรรณ 500

    คุณ<ST1>สุพรรณิชา เอี่ยมสุวรรณ</ST1>

    คุณ<ST1>พิมพ์นิภา เอี่ยมสุวรรณ</ST1>

    59. คุณ<ST1>ชยานุช เอี่ยมสุวรรณ</ST1> และครอบครัว 600

    คุณวันดี และน้องปุณ

    คุณ<ST1>สุนิสา พวงสำเภา</ST1>

    60. คุณอรวรรณ์ และ Nico 700

    คุณเฮลมุท และ คุณปรีดา

    61. คุณ<ST1>ณิชชา ศิลปมงคล</ST1> และครอบครัว 1,000
    62. คุณ<ST1>จารวี แช่เตีย</ST1> (ติ๋ว) และครอบครัว 500
    63. พระฐิตสุวรรโณ วัดอินทาราม 200
    64.คุณ มี่ลั้ง แซ่ลิ้ม และครอบครัว 1,000 บาท
    65.คุณ สุนี แก้วกาญจนสกุล และครอบครัว 1000 บาท
    66.คุณ ธิติวัฒน์ เสรีหทัยรัตน์ 200 บาท
    67.คุณ เอกพล เสรีหทัยรัตน์ 1,000 บาท
    68.คุณ วรเศรษฐ์ เสรีหทัยรัตน์ และครอบครัว 200 บาท
    69. คุณ<ST1>กพล บุญยรัตน์</ST1> และครอบครัว 100
    70.คุณ foggy3 จำนวน 800 บาท
    71. คุณกิตติพันธ์(ต๊ะ) จำนวน 200 บาท
    72. ไม่ทราบนามผู้บริจาค 1000 บาท
    73. ไม่ทราบนามผู้บริจาค 500 บาท
    74. คุณวาสนา ชื่นสำนวน (ยอดยกมา) 111 บาท
    75. คุณโสภา วรรณอนันต์ จำนวน 111 บาท
    76. คุณสุดใจ ชื่นสำนวน จำนวน 111 บาท
    77. คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->prapaanpong จำนวน 500 บาท<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2435477", true); </SCRIPT>
    78. คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Jenny_Lee<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) --> จำนวน 1,000 บาท<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2435477", true); </SCRIPT> (190909)
    79. คุณบัวตะวัน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->จำนวน 1,000 บาท<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2435477", true); </SCRIPT> (190909)


















    สร้างพระประธานเพิ่มเติมจากอาจารย์กรึงไกร (220909)



    80.คุณสุปราณี จันมาธิกรกุลและครอบครัว 200.00 บาท<O></O>

    81.คุณหมี่ 200.00 บาท<O></O>

    82.คุณวิรัลยุพา วิบูลย์ศักดิ์ 1,000.00 บาท<O></O>

    83.ลุงเตี้ย - ป้ารอง มืดอินทร์ 240.00 บาท

    84.คุณวสันต์ อรรถพูลทรัพย์ และดช.พิริยธรรม โกมลรัตนศิริ 300.00 บาท<O></O>

    85.คุณธวัช อรรถพูลทรัพย์ และครอบครัว 500.00 บาท<O></O>

    86.ครอบครัวกันภัย 1,500.00 บาท<O></O>

    87.พนักงาน บริษัท ไทยวีเทพารักษ์ จำกัด 475.00 บาท<O></O>
    88.ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม 100.00 บาท<O></O>
    89.คุณอากร มุขสิกาเวก และครอบครัว 40.00 บาท<O></O>
    90.คุณสมศักดิ์ สันติวโรทัย และครอบครัว 500.00 บาท <O></O>
    91.คุณก้อนธาตุ 511.11 บาท
    92.คุณศิริพร ลิ่มไตรรัตน์ 500 บาท
    93.คุณพุทธันดร 100 บาท(24/09/09)
    94.คุณ mokhpoo 500 บาท(25/09/09)
    95.จ.ส.อ.เชิด-นางสำราญ ชื่นสำนวน 900 บาท (26/9/09)
    96.คุณBudratsa 800 บาท
    97.ณัฐชยา ตัณฑุลวาณิชย์ (ลูกสาวDigital) จำนวน 500 บาท
    98.คุณลำยอง จำนวน 20 บาท
    99. โครงการพ่อแม่บุญธรรม จำนวน 1,000 บาท
    100. คุณดุสิต โกมลสุรเดช (KDUSIT) จำนวน 200 บาท
    101. คุณนิตยา สุขสมบูรณ์ จำนวน 100 บาท
    102. คุณพรไพลิน สิทธิศรี จำนวน 100 บาท
    103. คุณ sam.tansiri จำนวน 500.25 บาท(131009)
    104. คุณจรวยพร จันทร์เพชร 400 บาท
    105. คุณธนพร ฤายศ 100 บาท
    106. คุณญาณิศา เทียนทอง 145 บาท
    107. พนักงานบริษัท ฟราแมค (ประเทศไทย) จำกัด 60 บาท
    108. คุณปาริชาติ แจ้งคล้าย 100 บาท
    109.คุณ แขพัชร ศรีพยาต(<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->LadyOfLight<!-- google_ad_section_end -->) และคุณแม่ศรีสรรค์ จำนวน 500 บาท
    110.คุณ มะลิวัลย์ (แม่น้องอ๊าต) <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) --><!-- google_ad_section_end -->จำนวน 500 บาท
    111.คุณ ประตูสู่ทางสว่าง จำนวน 100 บาท



















    <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2515649", true); </SCRIPT>




    รวมเงินสร้างพระประธานที่เขากะลา


    จำนวน 45,332.35 บาท











    <O></O>


    สร้างฐานพระประธานที่เขากะลา










    1. คุณ NewWorld สร้างฐานพระประธาน จำนวน 9,999.99 บาท<O></O>


    <?XML:NAMESPACE PREFIX = ST1 /><ST1:METRICCONVERTER w:st="on" productid="8. A">2. คุณ A</ST1:METRICCONVERTER>.41 สร้างฐานพระ 1,400 บาท


    3. คุณสุดใจ ชื่นสำนวน จำนวน 111 บาท


    4. คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->prapaanpong จำนวน 300 บาท


    5. อาจารย์ SUTASSEE จำนวน 1,999 บาท


    <!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2435477", true); </SCRIPT>6. คุณศิริพร ลิ่มไตรรัตน์ จำนวน 500 บาท


    7. คุณพุทธันดร จำนวน 100 บาท(24/09/09)

    8. คุณณัฐชยา ตัณฑุลวาณิชย์ (ลูกสาวDigital) จำนวน 500 บาท
    9. คุณดุสิต โกมลสุรเดช (KDUSIT) จำนวน 100 บาท
    10.คุณสายรุ้ง จากฮังการี จำนวน 600 บาท
    11. คุณนิตยา สุขสมบูรณ์ จำนวน 100 บาท
    12.คุณพรไพลิน สิทธิศรี จำนวน 100 บาท
    13.คุณ แขพัชร ศรีพยาต(<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->LadyOfLight<!-- google_ad_section_end -->) และคุณแม่ศรีสรรค์ จำนวน 500 บาท
    14.คุณ ประตูสู่ทางสว่าง จำนวน 100 บาท
    <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2515649", true); </SCRIPT>































    รวมจำนวนเงินสร้างฐานพระประธานที่เขากะลา





    จำนวน 16,409.99 บาท







    สร้างอาคารสถานปฏิบัติธรรม จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน






    1. คุณ<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->prapaanpong จำนวน 200 บาท


    2. อาจารย์ SUTASSEE จำนวน 2,000 บาท<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2435477", true); </SCRIPT>


    3. คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Jenny_Lee<!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) --> จำนวน 1,000 บาท<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2435477", true); </SCRIPT> (190909)


    4. คุณ ก้อนธาตุ จำนวน 111.11 บาท


    5. คุณ mokhpoo จำนวน 500 บาท(25/09/09)


    6. อาจารย์ MOUNTAIN จำนวน 500 บาท(27/09/09)


    7. คุณ Budratsa จำนวน 800 บาท
    8. โครงการพ่อแม่บุญธรรม จำนวน 1,000 บาท
    9. คุณดุสิต โกมลสุรเดช (KDUSIT) จำนวน 200 บาท
    10.คุณ แขพัชร ศรีพยาต(<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->LadyOfLight) และคุณแม่ศรีสรรค์<!-- google_ad_section_end --> จำนวน 500 บาท<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2515649", true); </SCRIPT>
































    รวมจำนวนเงินสร้างอาคารสถานปฏิบัติธรรม จ.ส.อ.เชิด ชื่นสำนวน





    จำนวน 6,811.11 บาท































    </TD></TR></TBODY></TABLE>​





    ได้รับเงินโอนเข้าบัญชี จากอาจารย์สุดใจ วันนี้(๑๗ พ.ย.๒๕๕๒)

    จำนวน ๕๑,๐๕๕.๐๐ บาท(ห้าหมื่นหนึ่งพันห้าสิบห้าบาทถ้วน)เวลา ๑๗.๐๐ น.






    จากยอดบุญสร้างพระประธานและฐานพระประธาน จำนวน ๖๑,๗๔๒.๓๔ บาท

    หัก คืน คุณกรึงไกร ๘,๑๘๘.๐๐ บาท

    หักคืน คณะอาจารย์กัลยา ๒,๕๐๐.๐๐ บาท








    คงเหลือยอดเงินบุญ ๕๑,๐๕๔.๓๔ บาท




    ท่านใดที่มีความประสงค์จะขอปัจจัยในการสร้างพระประธานและฐานพระประธานคืน สามารถแจ้งความประสงค์ ได้ในกระทู้นี้ และ ส่งข้อความส่วนตัว แจ้งหมายเลขบัญชี มาให้ MOUNTAIN เพื่อจะได้ดำเนินการโอนเข้าบัญชีของท่านต่อไป ทั้งนี้ไม่เกินวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๒ เพื่อจะได้สรุปยอด

    ส่งมอบปัจจัยที่เหลือให้กับคณะที่จะไปสร้างพระประธานบนเขา วัดอัมพวันฯ ท่าลี่ จังหวัดเลย ในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๒






    ซึ่งคณะในนามกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัน(เขากะลา) จะออกเดินทาง

    ไปวัดอัมพวัน ท่าลี่ จ.เลย ในวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๒ เพื่อนำปัจจัยที่เหลือสมทบกองผ้าป่า สร้างพระประธานใหญ่ หน้าตัก ๑๙ เมตร บนเขา วัดอัมพวันฯ ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒

    ให้แล้วเสร็จต่อไป








    ขออนุโมทนาสำหรับบุญสร้างพระประธานใหญ่ ดังกล่าวกับทุกท่านด้วยครับ




    ...............................................................................

    ร่วมทำบุญสร้างพระประธานได้ที่ ธนาคารกรุงเทพ สาขาลำนารายณ์บัญชีออมทรัพย์ อาจารย์บุญหนา ทวีจิตรเลขที่ 3450547660ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ






    [​IMG]




    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->







    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]



    </FIELDSET>

    เชิญร่วมงานผ้าป่าสามัคคีสร้างพระประธาน หน้าตัก ๑๙ เมตร
    วัดอัมพวันโชคบันดาลสุข ท่าลี่ จ.เลย
    วันเสาร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๒<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. pornpana

    pornpana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +192
    ^^ อนุโมทนาข้อความด้านบนคะ ( ของคุณเซียม )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2009
  16. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081
    อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">เจ้าภาพร่วมในการพิมพ์หนังสือธรรมะเพื่อการละวางอัตตา ครั้งที่ 2
    1. หจก. มาใหญ่ พร็อพเพอร์ตี้ จำนวน 100 เล่ม
    2. บ. ชัวร์ อิเลคทริเคิล แอนด์ อิเลคโทรนิคส์ จำกัด
    (คุณศุภกฤต วิภวพาณิชย์) จำนวน 10 เล่ม
    3. คุณสรรค์ รัตนการัณย์ (pyramid) จำนวน 6 เล่ม
    4. คุณ pkanlaya จำนวน 20 เล่ม
    5. คุณก้อนธาตุ (ธน ทรงพลบัณฑร) และคุณทวี โสภณ จำนวน 11 เล่ม
    6. คุณมีลั้ง แซ่ลิ้ม จำนวน 10 เล่ม
    7. คุณธิติวัฒน์ เสรียหทัยรัตน์ จำนวน 4 เล่ม
    8. คุณณฐพลสรรค์ เผือกผาสุข จำนวน 4 เล่ม
    9. คุณ huten จำนวน 10 เล่ม
    10. อ. vijit_j จำนวน 8 เล่ม
    11. คุณอารัณย์ เอเมอรี่ จำนวน 2 เล่ม
    12. ดร. ซิลวิโอ เอเมอรี่ จำนวน 4 เล่ม
    13. ดร. กรกาญจน์ ภมรประวัติธนะ จำนวน 4 เล่ม
    14. คุณอรอุมา ประจัด จำนวน 4 เล่ม
    15. คุณแมรี่ ประจัด จำนวน 4 เล่ม
    16. คุณพรธิตา คำศรี จำนวน 4 เล่ม
    17. ด.ญ. ศศิพิชา การีชุม จำนวน 4 เล่ม
    18. ด.ช. ชวัลวิทย์ การีชุม จำนวน 4 เล่ม
    19. คุณ sam.tansiri จำนวน 50 เล่ม
    20. กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัยเขากะลา (อ.สุดใจ) จำนวน 40 เล่ม
    21. อาจารย์แพท จำนวน 20 เล่ม
    22. ผศ. ศุภสิทธิ์ จำนวน 10 เล่ม
    23. Mr. & Mrs. Kim จำนวน 10 เล่ม

    ยอดรวมทั้งหมดเป็น 341 เล่ม


    เพิ่มเติม จำนวน (72 เล่ม)

    24. โครงการพ่อแม่บุญธรรม ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะเพื่อการละวางอัตตา ซึ่งจะโอนเงินในวันพรุ่งนี้ จำนวน 1,000 บาท (20 เล่ม)โอนเงินวันที่ 7 ตุลาคม 2552

    25. คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->sam.tansiriค่า จัดพิมพ์หนังสือธรรมะ "การละวางอัตตา" ของอาจารย์สุดใจ เข้าบัญชี น.ส. กรรจนา มะโนวงศ์ จำนวนเงิน 2,500.25 บาท (หนังสือ 50 เล่ม) ผ่านธนาคาร TMB วันที่ 6 ต.ค.52 เวลา 12:44 น.
    <!-- google_ad_section_end -->

    26. คุณจัมโบ้ ร่วมพิมพ์หนังสือธรรมะ 100 บาท (2 เล่ม)



    รวมทั้งสิ้น 341 + 72 = 413 เล่ม (50 บาท /เล่ม)
    รวมเป็นเงิน 20,650 บาท



    เงินทั้งหมดได้โอนเข้าบัญชีของ
    คุณกรรจนา มะโนวงศ์ ไปเรียบร้อยแล้ว

    โทร. 086-3254371
    แฟกซ์ 02-7338892, 02-8158705
    หรือ Email: kajana@taitouch.co.th
    ราคาต้นทุนหนังสือ : 50 บาท / เล่ม
    สามารถโอนเงินเข้า บัญชี น.ส. กรรจนา มะโนวงศ์
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาประชาอุทิศ 90
    เลขที่บัญชี 401-530309-9 </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เนื่องจากขณะนี้ การดำเนินการจัดการพิมพ์หนังสือธรรมะเพื่อการละวางอัตตา
    ครั้งที่ 2 ได้มีการหยุดชะงักไป เนื่องจากผู้ดำเนินการมีกิจกรรมการกุศลอื่นๆ
    ที่ต้องทำ จึงไม่มีเวลาที่จะมาดำเนินการให้แล้วเสร็จได้

    มีหลายท่านสอบถามมาว่า การจัดพิมพ์หนังสือครั้งที่ 2 นี้ ไปถึงไหนแล้ว
    ไม่เห็นมีข้อมูลหลงเหลืออยู่เลย ไม่รู้หายไปไหน จึงเป็นที่คลางแคลงสงสัย
    ของเพื่อนสมาชิก และผู้มีจิตศรัทธา ที่จะร่วมพิมพ์หนังสือชุดดังกล่าว

    ดังนั้นจึงต้องขอหยิบยก ขึ้นมาแจ้งเพื่อทราบ
    เพื่อให้ท่านผู้บริจาค มีความเข้าใจ สบายใจ โดยไม่มีข้อกังขาใดๆเกิดขึ้นภายในใจ

    ในความเห็นของผม หากผู้ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือดังกล่าว
    ไม่สามารถดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือธรรมะเพื่อการละวางอัตตา ครั้งที่ 2 ได้ หรืออาจจะไปจัดพิมพ์เป็นหนังสือธรรมะ อื่นๆ แทน ผมเข้าใจว่า ท่านผู้บริจาค คงไม่ขัดข้อง และยินดีรับหนังสือธรรมะ อื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเขากะลา ไปแจกจ่ายเหมือนเช่นที่เคยแจกจ่ายมาแล้วแทน

    หากท่านใดต้องการทราบรายละเอียดการจัดพิมพ์หนังสือ ก็สามารถโทร สอบถามกับผู้ดำเนินการ ตามหมายเลขโทรศัพท์ ที่ระบุไว้ข้างต้นได้ครับ
     
  17. MOUNTAIN

    MOUNTAIN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    15,035
    ค่าพลัง:
    +132,081

    ยินดีต้อนรับคุณพรพนา สู่กระทู้เขากะลาครับ


    [​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2009
  18. pornpana

    pornpana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +192
    ฯษ:cool:
     
  19. pornpana

    pornpana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +192
    (k) :boo::boo:
     
  20. สมุนไพร

    สมุนไพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +213
    กรรมมุนีวัตตีโลโก สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม ทำสิ่งใดก็จะได้รับสิ่งนั้น ดีหรือชั่วย่อมรู้แก่ใจตน ความสงบคือความสุขอันแท้จริง พระพุทธเจ้า กล่าวกับ พระองคุลิมาล ว่า เราหยุดแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด...........อยากฝากไว้ให้ทุกฝ่ายได้คิด
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...