แจ้งปิดกระทู้ พระอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์

รายการบูชา

ล๊อกเก็ตสี่เหลี่ยม

เป็นล๊อกเก็ตที่ทำขึ้นมาพร้อมกับล๊อกเก็ตกลม ในงานกฐินที่ผ่านมา

ผงมาวลสารเป็นชุดเดียวกันทั้งสิ้น ทั้งเล็กและใหญ่

ล๊อกเก็ตเล็ก รูปพระอาจารย์พรสิทธิ์ ครึ่งองค์นั่งเอียง ราคาองค์ละ 499 บาท

ล๊อกเก็ตใหญ๋ รูปพระอาจารย์พรสิทธิ์ เต็มองค์นั่งเอียง ราคาองค์ละ 999 บาท

ท่านใดที่คิดจะเก็บไว้ก็สั่งจองมาได้ครับ ค่าส่ง 50 บาท<!-- google_ad_section_end -->

<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>





</FIELDSET>

สำหรับสมาชิกใหม่ที่ยังไม่มีครับ

 

สำหรับสมาชิกใหม่

 

คัดสวยๆ มาให้ดูกัน

 

ขอจองตะกรุดมหาเสน่ห์ เพิ่มอีก 1 ดอกครับ

 

พี่ Amata คับ กุมารองค์ที่ดำ ๆ เนี่ย จากวัดไหนเหรอคับพี่

เห็นแล้ว น่ารักมากมาย อยากได้อะคับ

 

คงต้องรอคุณ sembay มาเฉลยคครับ

 

ขอเคลียงานก่อนนะครับ เริ่มง่วงแล้วคืนนี้เจอกันใหม่ครับ

 

ไม่ใช่ครับ ประสบการณ์ลองย้อนกลับไปอ่านหน้าเก่าๆดูนะครับ มีหลายท่านเขียนไว้เยอะพอสมควรครับผม ตามตำราชุดนี้เน้นไปทางเมตตา เสน่ห์เป็นหลักครับ

 

งามมากครับท่านเด็กอมตะอโยธยานคร กุมารทองมีเยอะมากครับ

 

ขอบใจท่านมากที่ช่วยทำตารางให้ครับ โมทนาสาธุครับผม

 

อาจารย์นพครับ
ขอจองเพิ่มตะกรุดเขียดคำ1ดอก
ตะกรุดมโหสถ2ดอก
ขอบคุณครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

อันนี้ทีมของพี่เองสัน มาจากเชียงใหม่เหมือนกัน เป็นกุมาร กุมารี วัดพรมจริยาฝังตะกรุดและชิ้นส่วนรกแมวขาวมณีที่ตาสองสีนั่นแหละ ปรุกเสกในฤกษ์จันทร์ซ้อนจันทร์มีแค่4คู่ไปอยู่เมืองนอกคู่นึงอยู่กับพี่3คู่

 

ถอนตังค์ไว้รอชุดชุดใหญ่ที่ arjarnnop จะนำเสนอแล้วครับ เช่น พระชัยสวยๆ, นำมันยาโว etc, อย่าลืมนะครับ ถ้ายังจองได้ขอจองตะกรุตเขียดคำ มหาเสน่ฆ์ อุดสีผึ้ง อย่าละ 1 ครับ (เอาครบเซ็ตเลยครับ ชุด3สหาย เขียดคำ เสน่ห์ อุดสีผื้ง ) ขอบตุณครับ และฝากกราบนมัสการพระอาจารย์งามๆๆ สัก รอบครับ สาธุๆๆๆ

 

ถ้ายังจองได้ขอจองตะกรุดเขียดคำ 2 ดอกครับ

 

อรุณสวัสดิ์ ครับทุกท่าน

 

อ่าพี่เบ้ค้าบบ มีแบ่งน้องซัก อง มั๊ย

แบบว่า แหล่มเลยยยย

 

อ.นพครับ อย่าลืมน้องกุมาร ของผมนะครับที่แจ้ง อ.นพไว้ ให้ช่วยกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่าพอมีเหลือใหมและรบกวนนำมาฝากด้วย ก่อนขึ้นเชียงใหม่น่ะครับ
(กลัว อ.นพลืมเดียวไม่ได้ เห็นจองกันเพียบเลย ของดีมีน้อยลำบากใจนะครับ)

 

เช้าหยั่งงี้คนยังเยอะอยู่เลยยย

 

]B]"สวัสดีครับ..7"[/B][/COLOR]
เห็นหลายคนเข้ามาทักทายกันจึงอยากมีส่วนร่วมบ้างนะครับ

สวัสดี เป็นคำทักทายของคนไทย โดยจะใช้เมื่อแรกพบกัน หรือ เมื่อต้องการบอกลา โดยพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานให้ความหมายของคำว่า "สวัสดี (สวัสดิ์)" ว่าหมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย

ผู้ที่ริเริ่มใช้คำว่า "สวัสดี" คือ พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) โดยพิจารณามาจากศัพท์ "โสตถิ" ในภาษาบาลี หรือ "สวัสติ" ในภาษาสันสกฤต โดยได้เริ่มใช้เป็นครั้งแรก ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะที่พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) เป็นอาจารย์อยู่ที่นั่น หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2486 จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้นเห็นชอบให้ใช้คำว่า "สวัสดี" เป็นคำทักทายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม เป็นต้นมา

"สวัสดี" เป็นภาษาสันสกฤต มาจากคำว่า "สุ" เป็นคำอุปสรรค (คำเติมหน้าศัพท์ที่ทำให้ความหมายของศัพท์เปลี่ยนแปลงไป) แปลว่า ดี งาม หรือ ง่าย และคำว่า "อสฺติ" เป็นคำกิริยาแปลว่า มี แผลงคำว่า "สุ" เป็น "สว" (สฺวะ) ได้โดยเอา "อุ" เป็น "โอ" เอา "โอ" เป็น "สฺว" ตามหลักไวยากรณ์ แล้วสนธิกับคำว่า "อสฺติ" เป็น "สวสฺติ" อ่านว่า สะ-วัด-สะ-ติ แปลว่า "ขอความดีความงามจงมี (แก่ท่าน)"

พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ได้ปรับเสียงของคำว่า "สวสฺติ" ที่ท่านได้สร้างสรรค์ขึ้นให้ง่ายต่อการออกเสียงของคนไทย จากคำสระเสียงสั้น (รัสสระ) ซึ่งเป็นคำตาย มาเป็นคำสระเสียงยาว (ทีฆสระ) ซึ่งเป็นคำเป็น ทำให้ฟังไพเราะ รื่นหูกว่า จึงกลายเป็น "สวัสดี" ใช้เป็นคำทักทายที่ไพเราะและสื่อความหมายดีๆ ต่อกันของคนไทย ส่วนคำว่า "ราตรีสวัสดิ์" ซึ่งเป็นคำแปลจากคำว่า "good night" ซึ่งเป็นคำลาในภาษาอังกฤษ ได้ถูกสร้างขึ้นในสมัยของจอมพล ป.พิบูลสงคราม เช่นกัน โดยกำหนดให้คนไทยทักกันตอนเช้าว่า "อรุณสวัสดิ์" มาจากคำว่า "good morning" และให้ทักกันในตอนบ่ายว่า "ทิวาสวัสดิ์" มาจากคำว่า "good afternoon" ส่วนตอนเย็นให้ทักกันว่า "สายัณห์สวัสดิ์" มาจากคำว่า "good evening" แต่เนื่องจากต้องเปลี่ยนไปตามเวลา จึงไม่เป็นที่นิยม คนไทยนิยมใช้คำว่า "สวัสดี" มากกว่า เพราะใช้ได้ตลอดเวลา แต่กระนั้น คนไทยก็ยังคงใช้อยู่บ้างบางคำคือ คำว่า อรุณสวัสดิ์ และราตรีสวัสดิ์

คำว่าสวัสดีนั้นจะทำหน้าที่ทั้งการทักทาย และอวยพรไปในคราวเดียวกัน และเมื่อเรากล่าวคำว่าสวัสดี คนไทยเรายังยกมือขึ้นประนมไหว้ตรงอก มือทั้งสองจะประสานกันเป็นรูปดอกบัวตูม เหมือนสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงสิ่งสูงค่าที่เป็นมงคล เพราะชาวไทยใช้ดอกบัวในการสักการะผู้ใหญ่ บูชาพระพุทธ พระฑรรม พระสงฆ์ ส่วนการวางมือไว้ตรงระดับหัวใจนั้น เป็นการถ่ายทอดความรู้สึกให้เห็นว่า การทักทายนั้นมาจากใจของผู้ไหว้

ดังนั้น เมื่อกล่าวคำว่าสวัสดีพร้อมกับการยกมือขึ้นประนม จึงแฝงให้เห็นถึงความมีจิตใจที่งดงามของคนไทย ที่หวังให้ผู้อื่นพบเจอแต่ในสิ่งที่ดี ซึ่งการกระทำที่งดงามของคนไทยที่หวังให้ผู้อื่นพบเจอแต่ในสิ่งที่ดี ซึ่งการกระทำที่งดงามดังกล่าวนี้ ถือเป็นมงคลต่อทั้งตัวผู้พูดและผู้ฟัง

ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/สัวัสดี

 

เมื่อวาน บรรยากาศสนุกมาก แต่เสียดาย "แพ้"