ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย จงรักภักดี, 28 เมษายน 2009.

  1. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210

    ขอบใจ๋มากจ้าน้อง


    ไม่เจอ น้องนานเลย สบายดีหรือเปล่า

    พี่โมเจอ หวัดรอบแรกไปแล้วค่ะ แต่ยังไหวอยู่จ้า

    น้องก็เช่นกันนะจ๊ะ รักษา กายใจให้สมบูรณ์พร้อมเสมอ

    สักวันเราคงได้เจอ กัน
     
  2. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เข้ามา สวัสดีด้วยนะเจ้า

    วันนี้เจอข้อมูลเล็กน้อย เกี่ยวกับท่านโกษาปาน

    เป็นชีวิตครอบครัวท่าน เนื่องจากท่านไปฝรั่งเศส

    ฝรั่งถามท่านว่าท่านมีภรรยากี่คน ท่านตอบว่า ??

    เลขสองหลัก ทางสายธาตุร้องอู้ฮู ในใจ

    มิใช่แต่เฉพาะกษัตริย์เท่านั้นที่มีพระสนมมาก

    ขุนนางระดับเชื้อพระวงศ์อย่างท่านพระยาโกษาปาน

    ก็มีเหมือนกันนะเจ้า ท่านน่าจะมีเชื้อสายคนเหนือด้วยหรือเปล่าไม่แน่ใจ

    ?? นี้จะเท่ากับเท่าใดดีหน่ะเจ๊า

    และแหม่มผู้นี้ที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระราชทานให้ท่านเจ้าพระยา อ้างอิง

    "พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ มีพระราชประสงค์จะใคร่ได้พืชพันธุ์ของท่านโกษาปานไว้ จึ่งพระราชทานนางข้าหลวงให้เป็นภรรยาคนหนึ่ง แล้วพระราชทานเครื่องแต่งตัวอย่างฝรั่ง ล้วนประดับด้วยพลอยต่าง ๆ กับฉลองพระองค์ทรงองค์หนึ่ง แล้วให้เขียนรูปราชทูตแลจดหมายถ้อยคำไว้ทุกประการ

    แลราชทูตก็อยู่กินกับภรรยา จนมีบุตรชายคนหนึ่ง มีรูปร่างเหมือนบิดา.......ต้นสกุล Kosapan ในฝรั่งเศส"


    นางข้าหลวงแหม่มผู้นี้ก็จะเป็นภรรยาคนที่ ??+1 ค่ะ


    เรื่องนี้มิได้คิดขึ้นเองนะคะ อ่านได้จากหนังสือ ราชทูตลิ้นทอง แต่พอดีไม่ได้ซื้อหามาเก็บไว้ จำมาเล่าต่อนะเจ้า

    ยังไม่มีข้อมูลใหม่ที่จะสื่อให้ท่านได้อ่านกันนะคะ จึงขอเฉลยตัวเลย ?? พรุ่งนี้ค่ะ ถือเป็นเรื่องคุยกันสบายๆแต่ได้ความรู้ก็แล้วกันนะเจ้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2009
  3. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466
    -ขอขอบคุณ คุณทางสายธาตุที่ช่วยกรุณาหยิบยกเหตุการณ์ ไทย-กัมพูชา

    ในสมัยกรุงศรีอยุธยา มาให้พวกเราลูกหลานไทยได้รำลึกและจดจำ เป็นการ

    up date ข้อมูลให้ up to date ทันต่อสถานการณ์ทีเดียวครับ

    "...แม้หวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์..."
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2009
  4. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ระหว่างคุณ Fort_GORDON กับคุณ โมเยเหลืองหางขาว จะต้องเป่ายิ้งฉุบกันนะเจ้าว่าใครจะเป็นคนเอาเพลงออกคนหนึ่ง ตอนนี้มันเป็นเสียงเอคโค่ไปแล้วค่ะ

    ?? = 22 ค่ะ

    นางข้าหลวงแหม่มที่ฝรั่งเศสจึงเป็นภรรยาคนที่ 23 ของท่านพระยาโกษาปาน

    พี่จงรักภักดีเขียนดีจัง up date ข้อมูลให้ up to date เป็นสำนวนของกุนซือนักรบแน่ๆ ^^
     
  5. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ว่าด้วย พระมหาธรรมราชา โอรสพระนเรศวร ปราบทัพพระยาอ่อนอันที่เขมร

    พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาบันทึกไว้เกี่ยวกับพระมหาธรรมราชา โดยความดังต่อไปนี้

    "ลุศักราช ๙๕๓ ปีเถาะตรีนิศก พระศรีสุพรรณมาธิราช ผู้เป็นพระยาละแวก ก็ให้พระยากระลาโหมผู้ลูกเขยมากราบทูลพระกรุณา พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ ว่าพระยาอ่อนอันหนีไปอยู่ด้วยซองพรรค์ในตำบลแสงสโทง นั้นประมูลของพรรค์ทั้งปวงได้มากแล้ว ว่าจะยกมารบพระยาละแวก พระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ ก็มีพระราชโองการตรัสให้แต่งทัพสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระมหาธรรมราชา และช้างเครื่อง ๕๐ ช้าง ม้า ๑๐๐ พล ๑๐,๐๐๐ และเจ้าพระยาธรรมาธิบดี เจ้าพระยาสวรรคโลก พระยากำแพงเพ็ชร พระยาสุโขทัย พระยาพันธารา ยกไปโดยทางโพธิสัตว์ และมีพระราชกำหนดไปให้พระยาละแวกยกทัพมาบรรจบด้วยทัพสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ และให้ยกไปตีทัพพระยาอ่อนในตำบลแสงสโทงนั้น ครั้นตีทัพพระยาอ่อนแตกฉานแล้ว สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ ก็ยกทัพคืนมาโดยทางพระนครหลวงมาถวายบังคมพระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์"

    ศักราชที่ปรากฏในพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา นักประวัติศาสตร์ทั้งหลายได้พิจารณากันแล้วว่าช้าไป ๑๒ ปีเสมอ ศักราชที่แม่นยำนั้นตกลงกัน่าเป็นพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ ดังนั้นศักราชดังกล่าวข้างบนจึงตกลงกันว่าเป็นศักราช ๙๖๕ ปีเถาะ เช่นเดียวกับ พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐ บันทึกว่า

    "ศักราช ๙๖๕ เถาะศก ทัพพระฝ่ายหน้าเสด็จไปเอาเมืองของได้"

    ดังนั้นจากความในพงศาวดารทั้ง ๒ ฉบับ จึงกล่าวได้ว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีพระราชโอรสพระองค์หนึ่งเป็นอย่างน้อย ทรงพระนามเป็นทางราชการจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า "พระมหาธรรมราชา" และเรียก "พระฝ่ายหน้า" ที่เรียกว่าพระฝ่ายหน้านั้นก็คือ ตำแหน่งกันเป็นสามัญว่า พระมหาธรรมราชาที่สมเด็จพระชนกนาถอันสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ทรงสถาปนาขึ้นนั้น มีอำนาจสูงถึง "พระบัณฑูร" อันเป็นคำสั่งศักดิ์สิทธิ์รองลงมาจาก "พระโองการ" ตามลักษณะการปกครองของไทยแต่โบราณมีปรากฏอยู่ในกฏมณเฑียรบาล ซึ่งต่างกับของเขมร เพราะเขมรนั้นคำสั่งของพระเจ้าแผ่นดินเรียกว่า "พระบัณฑูร" ส่วนคำว่า "พระโองการ" เขมรหมายถึงพระองค์พระเจ้าแผ่นดิน

    ดังนั้นจึงไม่เป็นของแปลกอันใดที่พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐจะเรียกพระมหาธรรมราชา พระราชโอรสสมเด็จพระนเรศวรว่า พระฝ่ายหน้าและพงศาวดารเขมรเรียก "ไผทนา" ซึ่งหาใช่หมายถึงพระเอกาทศรถไม่ เพราะพระเอกาทศรถนั้นพ้นจากตำแหน่งพระฝ่ายหน้า หรือพระ(เจ้า)ฝ่ายหน้าขึ้นไปเป็นพระเจ้าอยู่หัว ใช้พระราชโองการมาแต่แรกสมเด็จพระนเรศวรขึ้นเสวยราชย์ ไม่ได้ใช้พระบัณฑูร หลักฐานมีอยู่ในกฏหมายเก่าและในพงศาวดาร

    จุลศักราช ๙๖๕ ที่พระมหาธรรมราชา พระราชโอรสเสด็จไปตีเขมรนั้นตรงกับพ.ศ. ๒๑๔๖ ก่อนสมเด็จพระนเรศวรสวรรคต ๒ ปี สมเด็จพระนเรศวรเมื่อสวรรคตนั้น พระชนมพรรษาได้ ๕๐ พรรษา พระมหาธรรมราชาควรจะมีพระชนม์ราว ๒๐-๓๐ พรรษา แต่ถ้าดูจากชื่อขุนนางที่ตามเสด็จไปรบเขมรและพิจารณาตามจะเห็นว่า พระชนม์คงราว ๒๐-๒๕ เพราะสงครามครั้งนั้นเล็กน้อย ใช้ทหารเพียงหมื่นคน แต่ขุนนางแม่ทัพนายกองใช้ขนาดหนักๆ ถึง ๕ คน มีคนหนึ่งซึ่งควรตั้งข้อสังเกตไว้ คือพระยากำแพงเพ็ชร เพราะมีเรื่องที่จะต้องกล่าวถึงข้างหน้า

    คัดลอกจากบทความของอาจารย์สมภพ จันทรประภา เขียนขึ้นตีพิมพ์เผยแพร่เป็นครั้งแรกในสูจิบัตรละครดึกดำบรรพ์เรื่องสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่แสดง ณ โรงละครแห่งชาติ เมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๑๕

    ในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยังมีศึกไปปราบสมเด็จละแวกอยู่ศึกหนึ่ง โดยทรงมีพระบรมราชโองการให้สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระมหาธรรมราชา เป็นแม่ทัพยกไปปราบในครั้งนั้น พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์นั้นทรงรบชนะด้วยค่ะ

    ภายหลังเขมรเอาใจออกห่างไม่ยอมเป็นเมืองขึ้นน่าจะตรงกับรัชสมัยของพระเจ้าทรงธรรม จึงต่อมาสมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงไปปราบเขมรราบคาบอีกครั้ง จนมีคนกล่าวขานกันว่าทรงสร้างวัดไชยวัฒนารามเพื่อระลึกถึงชัยชนะที่ทรงปราบเขมรได้ค่ะ
     
  6. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    เมื่อไทยหวั่นเกรงซามูไรญี่ปุ่นในกรุงเขมร

    หนังสือ พระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์นักสู้
    ผู้เขียน น.พ.วิบูล วิจิตรวาทการ
    หน้า 65

    ในแผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม มีซามูไรญี่ปุ่นรับราชการอยู่ในกองทัพไทยเป็นจำนวนมาก ชายฉกรรจ์เหล่านี้ได้ชื่อว่าเป็นนักรบที่กล้าหาญและฝีมือดี เก่งกล้าด้านฟันดาบและยิงธนู ต่อสู้ได้ทั้งบนดินและหลังม้า

    นักรบญี่ปุ่นนิยมใส่เกราะมากกว่าทหารไทย จึงสามารถป้องกันตัว มิให้เกิดบาดแผลจากคมหอกหรือดาบได้ง่าย

    ส่วนนักรบไทยในสมัยโบราณนั้น ไม่นิยมใส่เกราะกันเท่าไร เพราะไม่ชอบร้อนหรือหนักตัว เพียงแต่ใช้โล่ป้องกันตัวเวลาอยู่ต่อสู้เท่านั้น

    ความเก่งกาจสามารถในสนามรบของซามูไรญี่ปุ่นนี้ จึงเป็นที่ยำเกรงของคนทั่วไป พระเจ้าแผ่นดินไทยนั้น ทรงยินดีที่มีนักรบญี่ปุ่นไว้รับใช้หลายร้อยหลายพันคน แต่ในเวลาเดียวกันก็หวั่นกลัวซามูไรญี่ปุ่นที่รับราชการอยู่ในเขตแดนแคว้นอื่น อีกประเทศหนึ่ง ที่มีชนชาวญี่ปุ่นดำเนินอาชีพอยู่มาก คือ กรุงเขมร

    ในแผ่นดินของสมเด็จพระนเรศวรและพระเจ้าเอกาทศรถนั้น ประเทศเขมรถูกเราปราบปราม จึงมีฐานะเป็นเมืองขึ้นของเรา ต้องส่งส่วยถวายความจงรักภักดีต่อพระเจ้ากรุงสยามอยู่เป็นนิจ แม้ในต้นรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม เจ้าครองเขมร คือพระศรีสุพรรณราช ก็ยังซื่อสัตย์ต่อกรุงไทย

    แต่ใน พ.ศ. ๒๑๖๒ ปีมะแม พระศรีสุพรรณราชเสด็จสวรรคต เมื่อมีพระชนมายุได้ ๖๔ พรรษา สมเด็จพระไชยเชษฐา ซึ่งไทยเราเรียกว่า พระเชษฐาบุตร ได้รับราชสมบัติต่อ

    กษัตริย์เขมรองค์นี้ไม่มีความเกรงกลัวพระเจ้าแผ่นดินไทย ทรงย้ายราชธานีไปอยู่ที่เมืองอุดงฤาไชย อภิเษกสมรสกับราชบุตรีกษัตริย์เมืองญวน คงจะคิดว่าพึ่งอำนาจพ่อตาได้ จึงตัดสินพระทัยแข็งเมืองต่อไทย ถึงเวลาก็ไม่ส่งเครื่องราชบรรณาการมาแสดงความเคารพต่อพระเจ้าทรงธรรม

    หนังสือพงศาวดารกรุงกัมพูชา เล่าเกี่ยวกับพระเจ้าแผ่นดินของเขาองค์นี้ไว้ว่า

    "ลุศักราช ๙๘๑ ปีมะแม พระชนมายุได้ ๖๔ พรรษา เสด็จสู่สวรรคต สมเด็จพระไชยเชษฐา ผู้ทรงราชย์ได้เสด็จไปประทับอยู่ที่อุดงฤาไชย พระองค์ทรงยกพระแม่นาง ซึ่งเป็นพระราชบุตรีของกษัตริย์เมืองญวน ขึ้นเป็นอัครมเหสี มีพระนามว่า สมเด็จพระภควดีวรสตรี

    "นอกจากนี้ พระองค์มีนางพระสนมกำนัลอื่นอีก คือนักแม่นางศุข มีพระบุตรองค์หนึ่งทรงนามเจ้าพระยากูร์

    "นักแม่นางทอง มีพระราชบุตรองค์หนึ่ง สมภพปีฉลู ทรงนามเจ้าพระยานูร์

    "นักแม่นางบุษบา เป็นลาว มีพระราชบุตรองค์หนึ่ง ทรงนามเจ้าพระยาจัน"

    พงศาวดารเขมรนี้ ความจริงแล้วอ่านไม่ค่อยสนุก เพราะไม่นิยมเล่าเหตุการณ์ ชอบแต่บอกว่า พระเจ้าแผ่นดินเขาชื่ออะไร มีเมียเท่านั้น ลูกเท่านี้ แต่ละท่านมีพระนามอย่างนั้นอย่างนี้ เราอ่านไม่กี่หน้าก็หลับ
    ---------------------------------------------------------------------

    เขมรนั้นมีทั้งทหารรับจ้างเป็นซามูไรญี่ปุ่น และคงมีทหารญวนมาร่วมรบ ไทยก็ไม่ประมาทส่งพระราชสาส์นให้คณะทูตไทยนำไปโดย หลวงท่องสมุทรขุนสวัสดิ์และข้าราชการผู้น้อย นำใส่เรือสำเภาไทย ฝ่าน้ำข้ามทะเลไปกรุงนางาซากิ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๑๖๖ เพื่อขอให้ห้ามมิให้ซามูไรญี่ปุ่นช่วยทำการรบกับเขมร (ตรงนี้ขอเขียนแบบย่อความโดยย่อไปถึง ๔ หน้าเป็นเนื้อหาของพระราชสาส์นระหว่างพระเจ้ากรุงสยามกับพระเจ้ากรุงญี่ปุ่น)

    ----------------------------------------------------------------------
    (ต่อ)
    รวมความแล้ว โชกุนฮิเดตาดะของกรุงญี่ปุ่น ก็ไม่ปรารถนาที่จะมีเรื่องเกี่ยวข้องกับคดีวิวาทระหว่างไทยกับเขมรเท่าไร เพียงแต่ออกความคิดเห็นว่า พ่อค้า(ญี่ปุ่น)นั้นควรสนใจเพียงเรื่องค้าขายทำกำไร หากร่านไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองการสงคราม ก็ต้องรับผลกรรมที่เกิดขึ้น

    เพราะฉะนั้น หากมีพ่อค้าหรือชนชาวญี่ปุ่นอื่นๆ ในเขมรต้องบาดเจ็บล้มตายไปในการสงครามนี้ พระองค์จะไม่ถือว่าเป็นเหตุให้ไมตรีระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงญี่ปุ่นต้องมัวหมอง

    ฝ่ายไทยเราได้ทราบเช่นนั้น ก็จัดทัพใหญ่เดินทางไปรบพุ่งที่กรุงเขมรทันที ราชพงศาวดารกรุงกัมพูชาเล่าเหตุการณ์ต่อไปนี้

    "ลุศักราช ๙๘๓ ปีระกา ทรงราชย์ได้สามปี พระชนมายุได้สี่สิบสาม พระเจ้าไผทนา เจ้าเมืองไทย ได้ยกทัพมาถึงภูเขาจังกาง พระองค์ได้ยกทัพไปรบ มีชัยชนะแก่เจ้าเมืองไทย เจ้าเมืองไทยหนีรอดไป จับได้แต่ไพร่พลไว้เป็นอันมาก จึงให้เรียกไทยว่า ไทยจังกาง

    "ลุศักราช ๙๘๔ ปีจอ เจ้าอุปราชเมืองไทยได้ยกทัพมาทางเรือ พระองค์ให้ยกทัพไปรับ แต่ไม่ได้รบกันน เจ้าอุปราชเมืองไทยได้ยกทัพกลับคืนไปเสีย"

    ในการทำสงครามปราบปรามเขมรนี้ ยกทัพไปครั้งแรก ไทยเราก็แพ้ถูกเขมรเขาตีทัพแตก จนเจ้าเมืองไทยต้องหนีเอาตัวรอด ทิ้งบ่าวไพร่ไว้ให้เขมรจับเป็นเชลยมากมาย

    ในการรบครั้งนี้ จะมีทหารญวนหรือซามูไรญี่ปุ่นช่วยเขมรอยู่สักเท่าไรเราก็ไม่ทราบ ในปีต่อมาเราพยายามกู้หน้า ส่งทัพเรือมาตีเมืองเขมรอีก ฝ่ายสมเด็จพระไชยเชษฐาก็จัดทัพเขมรเตรียมรับศึก กองทัพทั้งสองยังไม่ทันประจัญต่อสู้กัน ไทยเราก็เลิกทัพกลับไปดื้อๆ จะเป็นเพราะเหตุใดเราไม่ทราบ

    เรื่องไทยปราบเขมรไม่สำเร็จนี้ เราคนไทยสมัยใหม่อ่านพบได้ในหนังสือฝรั่ง หนังสือญี่ปุ่น และพงศาวดารเขมร แต่ผู้เขียนได้ค้นดูในพงศาวดารไทยเราเองหลายฉบับในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ก็ไม่มีผู้ใดเล่าบันทึกไว้เลย คงจะอายที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ รบสู้เขาไม่ได้ เลยไม่จดเอาไว้เสียดื้อๆ.
     
  7. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    การขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ในทรรศนะของฝรั่งและญี่ปุ่น

    หนังสือ พระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์นักสู้
    ผู้เขียน น.พ.วิบูล วิจิตรวาทการ
    หน้า 75



    <TABLE class=blog_center_data align=center><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​


    สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ครองราชสมบัติเป็นพระเจ้ากรุงสยาม ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๑๗๓ ถึง พ.ศ. ๒๑๙๘ เป็นเวลาถึง ๒๕ ปี ซึ่งนับว่าเป็นรัชกาลที่ยาวนานมากสำหรับสมัยกรุงศรีอยุธยา

    ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีความเก่งกาจสามารถ ปราบปรามญี่ปุ่นซามูไรที่แผลงฤทธิ์ก่อการร้ายในกรุงสยาม ขับไล่ออกไปจากเมืองไทย ต่อสู้กับพวกกบฏเมืองตานี ที่สมคบกับโจรสลัดอุยยองตะหนะ มาตีเมืองสงขลาและพัทลุงจนได้ชัยชนะ และต่อสู้เขมร ซึ่งแข็งเมืองในสมัยพระเจ้าทรงธรรม เอากรุงกัมพูชามาขึ้นแก่ไทยตามเดิม

    ได้ทรงทะนุบำรุงการค้าขายกับประเทศเขตแดนยุโรป จนทำให้กรุงสยามนี้รุ่งเรืองสมบูรณ์

    นักประวัติศาสตร์ไทยมักสรรเสริญสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าปราสาททอง ว่าเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถ มีความคิดก้าวหน้า เปิดหน้าต่างกรุงสยามสู่โลกภายนอก แต่แท้จริงงานนี้เริ่มขึ้นมาแล้ว ตั้งแต่ในแผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

    พระราชพงศาวดารกล่าวไว้ว่า พระองค์ทรงเป็นโอรสลับของสมเด็จพระเอกาทศรถ โดยมีเรื่องเล่าว่า วันหนึ่งสมเด็จพระเอกาทศรถเสด็จประพาสทางเรือ เรือไปล่มอยู่ใกล้เกาะบางปะอิน พระองค์ทรงว่ายน้ำจนถึงฝั่ง เสด็จขึ้นบกไปอาศัยชาวบ้านที่เกาะนั้น ได้ทอดพระเนตรเห็นหญิงสาวชาวเกาะสวยงามคนหนึ่ง จึงสมสู่ร่วมรักด้วยในคืนนั้น และรับมาเป็นบาทบริจาริกา จนกระทั่งหญิงนั้นตั้งครรภ์ และคลอดลูกออกมาเป็นชาย

    แต่เพราะเหตุผลอันใดไม่ทราบ สมเด็จพระเอกาทศรถไม่ปรารถนาที่จะรับเป็นพระราชบุตร จึงมอบให้แก่พระยาศรีธรรมราชเป็นผู้เลี้ยงดู

    แต่ถึงกระนั้น เด็กคนนี้ก็ตระหนักดีว่าตนเป็นผู้สำคัญ เวลาเล่นกับเพื่อนเมื่อยังเยาว์ ก็จะนั่งเป็นหัวหน้าบนจอมปลวก และแต่งตั้งเพื่อฝูงทั้งหลายให้เป็นเสนาบดีและขุนนางต่างๆ ออกกฏหมายว่าราชการเช่นพระเจ้าแผ่นดิน

    ครั้นเติบโตขึ้น ก็มีลักษณะผู้นำ มีพรรคพวกผู้คนติดตามเป็นลูกน้องมากมาย อุปนิสัยจึงค่อนข้างจะเฮี้ยวเป็นนักเลงอยู่สักหน่อย

    ---------------------------------------------------------------------

    สรุปว่า แม้เขมรจะเอาใจออกห่างสยามในรัชสมัยของพระเจ้าทรงธรรม แต่ต่อมาในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง พระองค์ทรงยกทัพไปปราบปรามเขมรสำเร็จ และนำเขมรกลับมาเป็นเมืองขึ้นของกรุงสยามอีกครั้งค่ะ เป็นพระมหากรุณาธิคุณของเทพยดาฟ้าดินที่ทรงประธานกษัตริย์ผู้เก่งกล้าอีกพระองค์หนึ่งให้ปกป้องขอบขัณฑสีมาให้รอดปลอดภัย เป็นที่พึ่งของอาณาประชาราษฏร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเพลานั้น
     
  8. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    สมเด็จพระปิยะมหาราชทรงวิจารณ์สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]



    เพิ่งอ่านหนังสือ"พระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์นักสู้" จบครับ
    เป็นหนังสือที่เขียนโดยนายแพทย์วิบูล วิจิตรวาทการ บุตรชายหลวงวิจิตรวาทการ อ่านแล้วอยากบอกว่า"สนุกมาก" เพราะมีครบทุกรส

    พระเจ้าปราสาททอง (ครองราชย์ระหว่าง พ.ศ.2172 - 2199) เป็นกษัตริย์เป็นกษัตริย์องค์ที่ 25 ของอาณาจักรอยุธยา ซึ่งได้รับการวิพาษ์วิจารณ์ค่อนข้างมาก ทั้งในเชิงลบและเชิงบวก

    มีทั้งวิจารณ์ว่า ทรงมีจิตใจที่โหดร้าย ไร้คุณธรรม เจ้ายศเจ้าอารมณ์ มักใหญ่ใฝ่สูง

    นาย Woods นักประวัติศาสตร์ชาวตะวันตก บันทึกว่าพระเจ้าปราสาททองเสวยน้ำเมาตลอดวัน จนขาดสติสัมปชัญญะ จนมีเรื่องเล่าว่า ทรงทอดพระเนตรเห็นพระราชโอรส คือพระนารายณ์ มี 4 กร จึงตั้งชื่อ"นารายณ์"

    แต่ในอีกมุม พระองค์ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์นักสู้ ผู้ไต่เต้าจากตำแหน่งเสนาบดีกลาโหม กระทั่งได้ครองราชย์บัลลังก์ และเป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์"ปราสาททอง"

    [​IMG]
    วัดไชยวัฒนาราม

    ตามประวัติศาสตร์ ระบุว่า แผ่นดินอยุธยาสมัยพระเจ้าปราสาททอง บ้านเมืองมีแต่ความสงบร่มเย็น พระองค์ทรงเสื่อมใสในพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ทรงโปรดให้สร้างวัดไชยวัฒนาราม วัดชุมพลนิกายาราม บูรณะปฎิสังขรณ์วัดต่างๆ รวมทั้งโปรดเกล้าฯให้สร้างพระราชวังบางปะอิน อันเป็นสถานที่ประสูติของพระองค์ สำหรับไว้เป็นที่แปรพระราชฐาน

    [​IMG]

    พระราชวังบางปะอิน

    หนังสือเล่มนี้ เล่าตั้งแต่เรื่องโชกุนญี่ปุ่นขอปืนใหญ่จากสมเด็จพระเอกาทศรถ ซามูไรญี่ปุ่นแผลงฤทธิ์ข่มเหงพระเจ้ากรุงสยาม กรุงศรีอยุธยาขอม้าจากโชกุนญี่ปุ่นมาผสมพันธุ์ม้าไทย ซามูไรญี่ปุ่นพยายามประทุษร้ายสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม การขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองในทรรศนะของฝรั่งและญี่ปุ่น


    หนังสือวิเคราะห์เรื่องตั้งแต่พระเจ้าทรงธรรมสวรรณคต แล้วทรงรับสั่งให้พระเชษฐาธิราชขึ้นครองราชย์ โดยกำจัดพระศรีศิลป์ แล้วต่อเนื่องถึงพระเจ้าปราสาททองประหารชีวิตของพระเชษฐาธิราช กำจัดพระอาทิตยวงศ์ ก่อนขึ้นครองราชย์ แล้วทรงเปลี่ยนปฏิทิน

    สำหรับพระเจ้าปราสาททอง เดิมรับราชการในราชสำนักสมเด็จพระเอกาทศรถ(บางฉบับระบุว่าพระองค์เป็นพระราชโอรสนอกสมรสของพระเอกาทศรถ) ในตำแหน่งมหาดเล็ก ต่อมาได้เป็นที่จมื่นศรีสรรักษ์ ได้ร่วมกับพระศรีศิลป์สำเร็จโทษพระศรีเสาวภาคย์ แล้วเชิญพระอินทราชาขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า"สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม"

    จมื่นศรีสรรักษ์ได้เลื่อนขึ้นเป็นพระมหาอำมาตย์ และออกญาศรีวรวงศ์ และเมื่อญี่ปุ่นนำกำลังเข้ามาจะควบคุมพระองค์สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม พระยาศรีวรวงศ์ก็สามารถปราบปรามลงได้ จึงได้รับความดีความชอบ และเป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ให้ดูแลรักษาพระเชษฐาธิราช พระราชโอรสที่ทรงวางพระทัยให้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระองค์

    ในรัชสมัยสมเด็จพระเชษฐาธิราช พระยาศรีวรวงศ์ได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ มีอำนาจและอิทธิพลมาก ทำให้สมเด็จพระเชษฐาธิราช ทรงระแวงและคิดกำจัด แต่เจ้าพระยากลาโหมรู้ตัวก่อนและควบคุมพระองค์สมเด็จพระเชษฐาธิราชได้ แล้วอัญเชิญพระอาทิตยวงศ์ พระราชโอรสสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมขึ้นครองราชย์

    เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อปี พ.ศ.2172 ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง หรือสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 5 รวมทั้งทรงสถาปนาราชวงศ์ใหม่เป็น"ราชวงศ์ปราสาททอง" พระองค์มีพระราชโอรส และพระราชธิดารวม 7 พระองค์

    พระองค์เคยเสด็จยกทัพไปตีเขมร ซึ่งเป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา แต่แข็งเมืองในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และชนะจึงทำให้เขมรกลับมาเป็นหัวเมืองประเทศราชของกรุงศรีอยุธยาดังเดิม

    ในตอนต้นรัชสมัยของพระองค์ หัวเมืองประเทศราชทางใต้ คิดกบฏยกทัพไปตีเมืองสงขลาและเมืองพัทลุง พระองค์ได้ส่งกองทัพไปปราบปรามได้ราบคาบ แต่ก็เสียเมืองเชียงใหม่ และหัวเมืองล้านนาแก่พม่า

    ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีการตรากฎหมายที่สำคัญ เช่น พระไอยการลักษณะอุทธรณ์ พระไอยการลักษณะมรดก พระไอยการลักษณะกู้หนี้ และพระธรรมนูญ

    ในปีจุลศักราช 1000 ตรงกับปีขาล (พ.ศ. 2181) ซึ่งมีความเชื่อกันว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงถึงขั้นกลียุค พระองค์จึงทรงให้จัดพิธีลบศักราช เปลี่ยนจากปีขาลเป็นปีกุน แล้วแจ้งให้หัวเมืองน้อยใหญ่รวมทั้งเมืองประเทศราช ให้ใช้ปีศักราชตามที่ทางกรุงศรีอยุธยากำหนดขึ้นมาใหม่

    ในปี พ.ศ. 2175 พระองค์ได้โปรดเกล้าฯให้สร้างพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ พร้อมทั้งหมู่พระราชนิเวศ และวัดชุมพลนิกายาราม ขึ้นที่บางปะอิน อันเป็นสถานที่ประสูติของพระองค์ สำหรับไว้เป็นที่แปรพระราชฐาน

    พระเจ้าปราสาททอง มีความเลื่อมใสศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ได้ทรงสถาปนาวัดสำคัญหลายวัด เช่น วัดไชยวัฒนาราม วัดพระศรีสรรเพชญ์ และวัดชุมพลนิกายาราม รวมทั้งโปรดเกล้าฯให้ปฏิสังขรณ์พระปรางค์วัดมหาธาตุ และโปรดที่จะเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารค ไปทรงนมัสการรอยพระพุทธบาทที่สระบุรี จนกลายเป็นประเพณีที่สำคัญของอยุธยาตอนปลาย

    สมเด็จพระเจ้าปราสาททองเสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ. 2199 ครองราชย์ได้ 27 ปี

    [​IMG]

    รัชกาลที่5 พระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ฉายเมื่อปี 1881



    ตอนที่ผมอ่านแล้ว"สนุก" จนขอนำมาเล่าต่อ คือพระปิยะมหาราช ทรงวิจารณ์พระเจ้าปราสาททอง

    เรื่องนี้ปรากฎในหนังสือหลายเล่ม เช่น พระราชกระทู้ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และคำสนองพระราชกระทู้ของพระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) ว่าด้วย พระเจ้าปราสาททอง

    แต่เนื่องจากเป็นการวิจารณ์กราบบังคมทูลสนองพระราชกระทู้ยาวมาก...จึงขอยกมาบางเรื่องให้สั้นลง

    "ฉลาดในทางอุบายมารยา ฉลาดในทางที่จะเรียนวิชาความรู้ว่องไว แต่ไม่มีความอุสาหะที่จะเรียนให้รู้จริง คือ ปากรู้มากกว่าใจ จนที่ไหนเดาที่นั่น ด้วยความเชื่อว่าคงถูกเชื่อตัวว่ามีสติปัญญา มีบุญ ไม่มีผุ้ใดเสมอซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งชอบยอ และกล้าทำอะไร ๆ ไม่มีความละอาย ด้วยนึกว่าไม่มีใครรู้เท่าเป็นไพร่ตามสันดานเดิมในเมื่อเวลากริ้ว..." พระราชวิจารณ์ของรัชกาลที่ 5 ถึงพระเจ้าปราสาททอง

    "ฉลาดในอุบายมารยานั้น คือเมื่อเวลาพระเจ้าทรงธรรมสวรรคต มีความปรารถนาจะใคร่ได้สมบัติ ข้อนี้ควรจะยกเว้นไม่ติเตียน เพราะพระเจ้าทรงธรรมไม่ได้เป็นผู้ที่ควรเป็นพระเจ้าแผ่นดินยิ่งกว่าพระเจ้าปราสาททอง วิชาก็มีด้วยกัน ฝ่าสยหนึ่งถนัดข้างพระไตรปิฏก ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่ามีเวมมนตร์ขลัง และสติปัญญามากกว่าเอาเป็นตีรั้งกันควรปรารถนา

    "อาการที่จะเป็นพระเจ้าแผ่นดินนั้น เอาโดยทางมารยา คือยกพระเชษฐาซึ่งคงจะเป็นคนโง่ยิ่งกว่าพระศรีศิลป์ พระบิดาคงมุ่งให้พระศรีศิลป์รับสมบัติ จึงแกล้งไม่ยกสมบัติให้ พระศรีศิลป์ซึ่งเป็นคนฉลาดแต่ไม่ใช่ฉลฃาดดี ฉลาดอย่างกักฬะ พระศรีศิลป์จึงได้หนีออกไป คงจะด้วยถุกอุบายอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงไม่ได้ทันต่อรบอย่างหนึ่งอย่างใดให้กับสมกับที่เป็นกบถ หลอกให้พี่น้องแหนงกันเอง ฆ่ากันสมประสงค์"

    พระยาโบราณราชธานินทร์ได้แก้ต่าง....
    "ตามที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า อาการที่พระเจ้าปราสาททองจะเอาแผ่นดินนั้น เอาโดยทางมารยา คือแกล้งยกพระเชษฐาซึ่งคงเป็นคนโง่ยิ่งกว่าพระศรีศิลป์ที่พระบิดาคงมุ่งหมายที่จะให้รับราชสมบัติและหลอกให้พี่น้องแหนงกันจนฆ่ากันสมประสงค์นั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่า ถ้าพระเจ้าปราสาททองปองที่จะเอาสมบัติอยู่แล้ว ถึงพระศรีศิลป์จะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ก็คงรักษาพระองค์ไม่รอดเหมือนกัน เพราะกำลังวังชาและอำนาจของพระเจาปราสาททองในเวลานั้นมีมากนัก

    ซึ่งยกพระเชษฐาขึ้นครงอราชสมบัตินั้น เห็นด้วยเกล้าฯว่าคงทำตามโบราณราชประเพณี ที่ต้องยกพี่ขึ้นใหญ่กว่าน้อง ประการหนึ่ง ถ้าหากยกพระศรีศิลป์ขึ้นครองราชสมบัติแล้ว พระเชษฐกับพระศรีศิลป์ก็คงจะบาดหมางไม่ปรองดอง คิดฆ่ากันไปเหมือนกัน"

    ร.5 ทรงวิพากษ์ต่อ...
    "แกล้งทำการศพให้คึกคัก แต่งคนให้ลือให้พระเจ้าแผ่นดินตกใจ ผู้ที่ลือนั้นคือจมื่นสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นผู้ส่งข่าวนั้นเอง เข้ามาเป็นใส้ศึก พอหลอกให้ตกใจให้ไปรับสั่งให้หาก็เลยพาลเป็นกบถ หาว่าพระเจ้าแผ่นดินเตรียมให้คนขึ้นป้อมวัง ความนี้ก้ไม่จริง ปรากฎเมื่อยกมาแต่เวลาบ่ายสามโมง อยู่าจนสองทุ่มเข้าไปฟันประตู ไม่มีใครรู้ทัน ไม่ได้ต่อสู้กันเลย คำอธิษฐานที่อ้างเอาความปรารถนาโพธิญาณเป็นสัจจาธิษฐาน นี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าเย่อหยิ่งมาก"

    พระยาโบราณราชธานินทร์ แก้ต่าง...
    "ตามที่ทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าปราสาททองแกล้งทำการสพให้คึกคัก แต่งคนให้ลือให้พระเจ้าแผ่นดินตกพระทัย พอให้รับสั่งให้ไปหาก็เลยพาลเป็นถบถนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่าในเวลานั้น พระเจ้าปราสาททองเป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ เป็นยประธานในราชการแผ่นดิน จะทำการงานใดก็คงมีผู้ไปช่วยเพือ่การประจบ และพระเชษฐาในเวลานั้นก็คงจะง่อนแง่นเต็มทีอยู่แล้ว

    ถึงในข้อที่ว่า ตระเตรียมคนให้ขึ้นป้อมวังนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่า น่าจะรับสั่งให้ตระเตรียมจริง เพราะทรงตกพระทัยและหวาดอยู่แล้ว แต่เห็นด้วยเกล้าฯว่าคงจะไม่ได้คนมาขึ้นป้อมล้อมวังตามรับสั่ง ด้วยข้าราชการคงจะไปฝักใฝ่กับพระเจาปราสาททองเสียหมด จึงไม่ได้ต่อสู้กัน

    คำอธิษฐานซึ่งอ้างเอาความปราถนาโพธิญาณซึ่งทรงพระราชฃดำริเห็นว่าเป็นการเย่อหยิ่งนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่า คงจะทรงตามๆกันไป เช่นพระเจ้าทรงธรรมเองก็น่าจะได้กล่าวอย่างนี้เหมือนกัน"

    ร.5 ทรงวิพากษ์ต่อ
    "ตั้งพระอาทิตยวงศ์ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน จนกระทั่งถอดเสียเป็นการมารยาทั้งนั้น.."

    พระยาโบราณราชธานินทร์ แก้ต่างอีก..
    "ซึ่งทรงพระราชดำริเห็นว่า ที่ตั้งพระยาอาทิตยวงศ์ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินจนกระทั่งถอดเสียเป็นการมารยานั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้าฯว่าในเรื่องนี้จำเป็น พระเจ้าปราสาททองจะต้องทำเช่นนั้น ด้วยพระอาทิตยวงศ์ยังมีอยู่ ถ้าจะเอาราชสมบัติทีเดียวคนทั้งปวงก็จะเห็นว่าเป็นขบถ ฆ่าพระเชษฐาเพื่อจะเอาราชสมบัติ"

    (ความทั้งหมด อยู่ในบันทึกพระยาโบราณราชธานินทร์ ( พร เดชะคุปต์ ) เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน รัตนโกสินทรศก 125)


    [​IMG]


    พระนารายณ์มหาราช ฝีมือช่างวาดชาวฝรั่งเศส








    ความจริง..พระปิยะมหาราช ยังทรงวิพากษ์อีกหลายเรื่อง เช่น เรื่องมีพระราชบุตรออกมาเห็นเป็น 4 กร เรื่องฟ้าผ่าไม่ถูกพระองค์พระนารายณ์และช้าง เรื่องลบศักราช เรื่องเอากับข้าวรดศีรษะทูตพม่า เรื่องโหรถวายฎีกาว่าไฟจะไหม้วังจึงขนของหนีออกไปอยู่วัด



    แต่เนื่องจากจะยืดเยื้อ...จึงสรุปเท่านี้ครับ..















    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ------------------------------------------------------------------------​

    นำสรุปย่อของหนังสือเล่มนี้ ที่มีผู้เขียนไว้แล้วที่ ดังนั้นขอขอบคุณผู้เขียนสรุปย่อนี้ด้วยค่ะ

    ป.ล. ที่กล่าวว่า บางฉบับระบุว่าพระองค์เป็นพระราชโอรสนอกสมรสของพระเอกาทศรถ เพราะตำนานเกาะบางปะอินนี้เพิ่งแต่งขึ้นและเล่าขานสืบต่อกันมาในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง ไม่ใช่ตำนานมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาค่ะ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2009
  9. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ระหว่างคุณ Fort_GORDON กับคุณโมเยเหลืองหางขาว จะต้องเป่ายิ้งฉุบกันอีกครั้งแล้วนะเจ้าว่าใครจะเป็นคนเอาเพลงใส่เข้ามา ตอนนี้มันเงียบจังค่ะ

    ขอขำหน่อย เกรงใจซึ่งกันและกันจนแข่งกันเอาเพลงออกทั้งคู่ 555

    พระพุทธเจ้าหลวงทรงวิจารณ์พระเจ้าปราสาททองนั้นมีเหตุผลอยู่

    แท้จริงแล้วพระองค์ทรงนับถือพระเจ้าปราสาททองมากทีเดียว

    มีหลักฐานปรากฏแต่อยู่ในหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ต่อวันพรุ่งนี้หน่ะเจ้า.....ข้าเจ้าเป็นจาวเหนือตัวปลอมเจ้า

    ซาวัดดี๋เจ้า ท่านผู้อ่าน


    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 14 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 13 คน )

    </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>

    ยินดีที่เข้ามาอ่านค่ะ ท่านสามารถใช้วินิจฉัยของท่านได้อย่างเต็มที่ในสิ่งที่ทางสายธาตุเขียน สิ่งที่อยากทำถวายสมเด็จพระนเรศวรก็คือ ทำให้ไทยรวมใจกันอย่างน้อย จะรวมใจกันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ดี หรือจะรวมใจกันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็ดี สิ่งนี้จะทำให้ไทยเข้มแข็ง

    ไทยรวมกำลังตั้งมั่น จะสามารถป้องกันขันแข็ง

    ถึงแม้ว่าศัตรูผู้มีแรงมายื้อแย่ง ก็จำพินาศพลัน


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2009
  10. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488


    ครั้งนี้ต้องรบกวนขอเรียนเชิญพี่โม ในฐานะผู้อาวุโส และเจ้าของ

    นะขอรับ
     
  11. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ทางสายธาตุหมายรวมถึงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอีกพระองค์หนึ่งที่จะเป็นศูนย์รวมใจของพวกเราชาวไทย

    มหาราชทุกพระองค์ทรงรักแผ่นดินนี้จนกระทั่งสามารถนำพระชนม์ชีพแลกเพื่อแผ่นดินนี้มาแล้วทุกพระองค์

    ----------------------------------------------------------------------

    ตามด้วยเรื่องที่ติดไว้เมื่อวานว่าทำไมจึงกล่าวว่าสมเด็จพระปิยะมหาราชทรงนับถือสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง จะหาอ่านได้จาก

    หนังสือ การเมือง อุบายมารยา แบบมาคิอาเวลลี ของพระเจ้าประสาททอง
    บรรณาธิการ สุจิตต์ วงษ์เทศ
    หน้า 148
     
  12. โมเย

    โมเย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    877
    ค่าพลัง:
    +3,210
    <table class="tborder" width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 16 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 14 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> <center"> </center">
    </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> โมเย+, ทางสายธาตุ+

    สวัสดีค่ะคุณทางสายธาตุ รบกวนแปะเพลง พระนเรศวร ประกอบให้ด้วยค่ะ

    เนทของโมเยช้า มากๆๆ ค่ะ

    ขอบคุณค่ะ

    มีผู้ชมเข้ามาอ่านกระทู้ หลายคนเลย

    อนุโมทนา กับงานเขียนของคุณทางสายธาตุด้วยนะคะ
    </td> </tr> </tbody></table>
     
  13. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    ถวายความภักดี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.739395/[/MUSIC]​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2009
  14. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    หนังสือ การเมือง อุบายมารยา แบบมาคิอาเวลลี ของพระเจ้าประสาททอง
    บรรณาธิการ สุจิตต์ วงษ์เทศ
    หน้า 148<!-- google_ad_section_end -->


    การที่ทรงพระราชดำริสร้างหอเหมมณเฑียรเทวราชใหม่ในระยะที่ห่างจากการฉลองครั้งแรกเพียง 4 ปีนั้น มีเหตุที่ชวนให้คิดว่าศาลเก่าคงจะเป็นไม้ไม่แข็งแรงทนทาน ชำรุดผุพังไปจึงได้โปรดให้พระยาราชสงครามออกแบบใหม่ให้แข็งแรงทนทาน โดยทำด้วยศิลา แต่มีเรื่องเล่าแทรกอีกเรื่องหนึ่งว่า

    พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงทราบข่าวสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์ เนื่องจากเรือพระประเทียบล่ม ท่ามกลางลำน้ำเจ้าพระยา ในระหว่างทางที่จะเสด็จไปพระราชวังบางปะอิน (เมื่อ พ.ศ. 2432) ได้ทรงพระราชวิตกว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ อาจจะทรงเป็นอันตรายด้วย จึงทรงบนว่า ถ้าหากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชทรงรอดพ้นจากภยันตราย จะทรงสร้างศาลถวายสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

    ต่อมาปรากฏว่าสมเด็จพระบรมฯ มิได้เสด็จมาในขบวนเรือของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ สมเด็จพระบรมฯ ทรงปลอดภัย ด้วยเหตุนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้สร้างศาลขึ้น แล้วโปรดให้หล่อเทวรูปสนองพระองค์ของสมเด็จพระเจ้าปราสาททองประดิษฐานไว้ในศาลที่สร้างใหม่นี้ เป็นการใช้บนตามที่ทรงบนไว้

    ถ้าเป็นไปตามที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ก็พอสรุปได้ว่า ศาลเดิมที่สร้างในปีพ.ศ. 2419 ไม่ใหญ่โตแข็งแรงและอาจชำรุดทรุดโทรมลงแล้ว จึงเป็นเหตุให้ทรงบนว่าจะสร้างศาลถวายให้ใหม่ เรื่องของหอเหมมณเฑียรเทวราชจึงสร้างสองครั้งแน่นอน ส่วนเทวรูปนั้นไม่เข้าใจว่าทำไมจึงต้องหล่อใหม่ ของเก่าชำรุดหรืออย่างไรไม่พบหลักฐาน จะต้องสอบสวนต่อไปอีก

    เชิงอรรถ

    ในครั้งนั้นเห็นจะนิยมบนพระเจ้าปราสาททองกันมาก เมื่อครั้งเจ้าจอมเอี่ยมป่วยอหิวาตกโรค เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2431 ที่พระราชวังบางปะอิน พระนางเจ้าพระราชเทวี พระอรรคชายาเธอ ทรงบนพระเจ้าปราสาททองให้ช่วยรักษา เมื่อหายแล้วโปรดให้แก้บนที่พระที่นั่งวโรภาสพิมาน มีงิ้วกับละครชาตรี
     
  15. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    จากที่อ่านหนังสือเล่มนี้ เล่าไว้ว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสังเกตว่าพระยาโบราณราชธานินทร์นี้เมื่อกล่าวถึงบูรพกษัตริย์ก็จะมีแต่ยกย่อง พระองค์ท่านจึงทรงตั้งพระกระทู้วิจารณ์พระเจ้าปราสาททอง เพื่อจะดูว่าพระยาโบราณราชธานินทร์นั้นจะฉลาดในการตอบกระทู้อย่างไรได้บ้าง

    สามัญชนธรรมดาไม่มีใครกล้าวิจารณ์กษัตริย์เป็นแน่ ดังนั้นพระองค์จึงทรงอยู่ฝ่ายตั้งกระทู้ให้พระยาโบราณฯตอบ แท้จริงแล้วพระองค์ท่านทรงนับถือในพระเจ้าปราสาททอง เพราะพระองค์ท่านเป็นผู้รับสั่งให้สร้างหอเหมมณเฑียรเทวราชถวายพระเจ้าปราสาททองตั้งแต่แรกที่มาบูรณะพระราชวังบางปะอิน

    วัดและพระราชวังบางปะอินนี้รอดพ้นน้ำมือพม่าในสมัยเสียกรุงครั้งที่2ได้ราวปาฎิหาริย์ ชาวบ้านเล่าว่าต้นไม้ขึ้นสูงใหญ่รกครึ้มไปหมดจนพม่าเห็นเป็นป่ารก ไม่สนใจเข้ามาดู จึงรอดพ้นการถูกทำลายทั้งวัดชุมพลนิกายารามและพระที่นั่งไอยสวรรค์ทิพยอาสน์องค์เก่า(ไม้)

    ขอกล่าวถึงพระเจ้าปราสาททองไว้เพียงเท่านี้ เพราะจุดประสงค์ของกระทู้เพื่อเทิดทูนสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและรวมใจภักดีของพวกเราชาวไทยถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    กระทู้นี้คงเดินไปตามธรรมชาติของกระทู้คือไปเรื่อยๆ ทางสายธาตุก็เพียงคนในบ้าน(บ่าว) ซึ่งสมัยนั้นอาจจะเคยได้รับใช้บุคคลสำคัญหลายพระองค์มาก่อน

    บุญอันใดที่ข้าพเจ้าเคยกระทำในชาตินี้ หรือกำลังกระทำอยู่ก็ดี ขออุทิศถวายพระนางเจ้าสุวัฒน์มณีรัตนาหรือเจ้าขรัวมณีจันทร์ พระอัครมเหสีในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ด้วยค่ะ

    ด้วยเกล้า ด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

    ทางสายธาตุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2009
  16. ทางสายธาตุ

    ทางสายธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2009
    โพสต์:
    2,902
    ค่าพลัง:
    +6,434
    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 24 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 24 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ขอบคุณที่ท่านเข้ามาอ่าน หากไม่เป็นกล่าวเกินความจริงไป วัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ) น่าจะเป็นสถานที่สำคัญในอดีตที่สมเด็จพระเอกาทศรถทรงสร้างไว้ เพื่อประดิษฐานพระบรมอัฐิสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    หากท่านเห็นว่ามีความเป็นไปได้สูงที่วัดนี้จะเป็นวัดป่าแก้วแห่งกรุงศรีอยุธยา ทางสายธาตุขอเชิญชวนท่านได้ไปนมัสการพระปรางค์ประธานแห่งวัดวรเชษฐ์นี้ค่ะ ถวายสักการะต่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน นราสโภ และพระลูกศิษย์ได้พยายามรณรงค์ให้ความจริงในอดีตได้ปรากฏขึ้น ขอเรียนเชิญค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  17. จงรักภักดี

    จงรักภักดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,229
    ค่าพลัง:
    +2,466

    -สาธุ ขออนุโมทนากับคุณทางสายธาตุ ครับ และขอร่วมมือร่วมใจเรียนเชิญ
    ท่านที่ได้อ่านพบข้อความในกระทู้นี้ หากท่านใดสงสัยเกี่ยวกับเส้นทางในการเดินทางไปวัดวรเชษฐแห่งนี้ ถ้าไปจาก กทม. ขอแนะนำให้ใช้ทางด่วนสายที่ไปแจ้งวัฒนะ-เมืองทอง-มธ.รังสิต (ต้องขออภัยที่จำชื่อทางด่วนไม่ได้) วิ่ง
    ตรงไปเรื่อยๆ จนพบทางออกไป บางปะหัน ด้านซ้ายมือ ก็ให้หักซ้ายออกจาก
    ทางด่วน จะพบถนนสี่เลน (ไป-กลับ ข้างละ 2 เลน) ให้วิ่งตรงไปประมาณ 15
    นาที ให้คอยสังเกต ป้ายที่เขียน "สี่แยกวรเชษฐ" ปักอยู่ตรงสี่แยกทางด้านซ้ายมือ ก็ให้เลี้ยวขวาตรงสี่แยกนั้นเลยครับ วัดจะอยู่ทางขวามือ ถ้าวิ่งเลยไปก็ยูเทิร์น กลับมานะครับ ตอนผมไปก็เลยไปเหมือนกันครับ
     
  18. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
     
  19. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    อีกนิดกับ มาคิอาเวลลี่

    - เมื่อพูดถึงการบ้าน การเมือง ผมอยากจะอ้างถึงงานเขียนของบุคคลคนหนึ่ง เขาคือ มาคิอาเวลลี (Niccolo Machiavelli) ซึ่งมีชีวิตอยู่ในยุคห้าร้อยปีที่แล้ว เกิดที่เมืองฟลอเร้นซ์ และเป็นที่กล่าวขวัญถึงมากในหมู่นักรัฐศาสตร์ยุคต่อมา จากงานเขียนที่เกี่ยวกับ เจ้านคร รัฐและการปกครอง เขาโดดเด่นจากงานเขียนจำนวนมาก ทั้งในรูปของจดหมายไปถึงเพื่อนในช่วงชีวิตราชการและวรรณกรรมที่เขียนขึ้นในยุคหลัง ในที่นี้ จะพูดถึงหนังสือเล่มหนึ่ง นั่นคือ The Prince ซึ่งเป็นวรรณกรรมที่เขาเขียนหลังพ้นจากตำแหน่งราชการแล้ว


    The Prince โด่งดังในแง่ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรก ที่ยืนยันว่า มีการใช้การเมืองในการปกครอง และควรมีกฎเกณฑ์ของตนในการเอาชนะหรือได้เปรียบเหนือผู้อื่น หนังสือเล่มนี้พูดอย่างละเอียดในเรื่อง การไม่ต้องคำนึงถึงข้อจำกัดใดๆทางศีลธรรมจรรยา การเป็นคนเจ้าเล่ห์และหน้าไหว้หลังหลอกในการเมือง ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามสิ่งที่มาคิอาเวลลีแนะไว้ จึงถูกเรียกว่าเป็นแบบอย่างของมาคิอาเวลลี (Machiavellianism)

    ในขณะที่ The Prince มักจะถูกมองว่าเป็นแบบอย่างของความคิดอันชั่วร้ายในการใช้อำนาจปกครอง แต่มีนักปรัชญาหลายท่านชี้ว่า มาคิอาเวลลีเขียน The Prince เพื่อเน้นให้เห็นว่า ประชาชนผู้เสรีทั้งหลายพึงระมัดระวัง ในการที่จะมอบสวัสดิภาพของตนให้อยู่ในมือของคนๆ เดียว เพราะผู้เป็นทรราชนั้น หากไม่เห่อเหิมจนเกินเลย ย่อมจะหวั่นเกรงต่อภัยที่คุมคามตนเอง ฉะนั้น เขาย่อมจะต้องทำทุกอย่างเพื่อตนเอง และวางแผนต่อต้าน ควบคุมประชาชน มากกว่าที่จะปฏิบัติงานเพื่อความผาสุกของประชาชน

    The Prince “เจ้าผู้ปกครองที่ผมนำเอาเนื้อหาสาระมากล่าวถึงนี้ หยิบยกมาจากฉบับแปลซึ่งมีเนื้อหาจำนวนถึง 366 หน้า ผลงานของ อาจารย์สมบัติ จันทรวงศ์ อาจจะย่อยยาก เต็มไปด้วยเชิงอรรถทำความเข้าใจยากสักหน่อย แต่หากอดทนอ่านทำความเข้าใจให้ตลอด จะพบว่ากิเลส ตัณหาของนักการเมืองนั้น เป็นของคู่โลก ไม่เคยล้าสมัยเลย แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปกี่ร้อยกี่พันปีก็ตาม

    ลองไปหาอ่านดูเถอะ มาคิอาเวลลีเปรียบนักการเมืองประเภทต่างๆไว้อย่างสะใจ หากมองไปรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองระดับโลก หรือนักการเมืองบ้านเรา เป็นต้องเจอคนประเภทที่เขากล่าวถึง ไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง เห็นหน้าคุ้นๆกันอยู่ พูดให้ชัดเจนกว่านี้รังแต่จะทำให้ขุ่นข้องหมองใจกันเปล่าๆ


    ขอบคุณที่มา : BookCyber.com
     
  20. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    -ฟอร์ทขออนุญาตเพิ่มเติมเกี่ยวกับทางด่วนสายนี้เพื่อเป็นความรู้ครับ ทางด่วน
    สายบางปะอิน-ปากเกร็ด เรียกชื่อว่า ทางพิเศษอุดรรัถยา ตั้งต้นที่แจ้งวัฒนะ-
    ศรีสมาน-เชียงราก (มธ.ศูนย์รังสิต)-บางปะอิน ขอรับ ถนนโล่ง สะดวกสบาย มากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...