ข้อความจาก กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)(ปิดกระทู้)

พี่สุดใจ กำลังเริ่มรวบรวมภาพ UFO ที่เพื่อน ๆ สมาชิกบันทึกได้ในประเทศไทย เพื่อเผยแพร่ และจัดเก็บในแฟ้มประวัติต่อไป





ภาพเดียวกันแต่ทำให้โปร่งใส เพื่อเห็นลักษณะของวัตถุบิน

 

รายชื่อผู้เข้าร่วมพิธีเปิดสถานธรรม กัลยาธรรมสถาน (เขากะลา)
1. อาจารย์สุดใจ

2. อาจารย์ MOUNTAIN
3. อาจารย์ธนวรรณ
4. อาจารย์ juksawat
5. อาจารย์ ukrin
6. อาจารย์ microwave
7. อาจารย์ vijit_j
8. อาจารย์ pkanlaya
9. คุณลั้ง huten
10. คุณกษมา (ชลบุรี)
11.Bizan
12. คุณหมู (อ่อนนุช)
13. คุณมะลิวัลย์ (แม่น้องอาร์ท)
14. คุณหนุ่ม (บ้านติดสถานธรรม)
15. น้องสาวคุณหนุ่ม (บ้านใกล้สถานธรรม)
16. คุณมนตรี (เพื่อนคุณหนุ่ม)
17. คุณเกรียงไกร (น้องเขยคุณหนุ่ม)
18. คุณบรรจง (ช่างประจำสถานธรรม)
19. คุณหมู (ฮ่องกง; น้องสาวคุณลั้ง huten)
20. คุณสมจิตร
21. คุณอลงกรณ์ (คุณหนุ่ยผู้รับเหมา)
22. คุณบุญช่วย
23. คุณปรียาภรณ์(มิ้งค์)
24. อาจารย์ SUTASSEE
25. คุณเอ (นครปฐม)
26. อาจารย์เทพบุตรชาวดิน
27. อาจารย์แจน
28. คุณพลปรีชา
29. คุณไปรมา
30. คุณประมวล
​

 

คุณดุสิต โกมลสุรเดช (KDUSIT) ได้ฝากปัจจัยเพื่อร่วมทำบุญดังนี้ครับ



1.ร่วมสร้างพระประธาน 200.-บาท

2.ร่วมสร้างฐานพระประธาน 100.-บาท

3.ร่วมสร้างสถานปฏิบัติธรรมฯเขากะลา 200.-บาท



จะนำปัจจัยไปมอบให้ อาจารย์สุดใจ ในวันเปิดสถานธรรม กัลยาธรรมสถาน พิษณุโลก

ในวันอาทิตย์ที่ 11 ตุลาคม 2552 นี้



ขออนุโมทนากับคุณดุสิต มา ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

อ่านแล้ว อยากอารมณ์เย็นลงแบบ อ.พีท จังเลย เพราะเราเป็นคนใจร้อนมาก อายุเท่า
อ.พีทเลย แต่ใจยังร้อนอยู่มากกกกก เบื่อตัวเอง ไม่รู้จะปฏิบัติอย่างไร นี่ขนาด หันมาทางธรรมเยอะแล้วแต่ลืมตัวทุกที

 

แนะนำ..​

​

(ขวา) อาจารย์สุดใจรับผิดชอบแผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต​

(ซ้าย) คุณมานพ ​

​

(ขวา) ukrin เจ้าหน้าที่แผนกข้อมูลและตอบปัญหาชีวิต​

(ซ้าย) คุณมานพ​

​

(ซ้าย) คุณโอม (ใส่แว่น) เจ้าของบ้านเลขที่ 77​

(ซ้าย) คุณA นั่งข้างหน้าukrin เพิ่งสึกจากการเป็นพระ​

เจ้าของทะเบียนรถไนน์วันวัน​

นับเป็นเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาวที่ติดอุปกรณ์​

เยอะมากและอย่างแรง อาทิเช่น มีข้อมูลใหม่ๆในหัวบ่อยๆ​

รับคลื่นหยาบคลื่นละเอียดจากฝ่ายตรงข้าม​

และประมวลผลว่าควรจะเสวนา หรือถอยห่างดี​

ปากกับใจใครไม่ตรงกัน คิดอะไรดังๆ ได้ยินหมด​

จมูกสัมผัสกลิ่นดีเป็นพิเศษ ตามองต่างภพ​

มือร้อนอยู่บ่อยๆ จับอะไรช็อตเป็นประจำ​

พร้อมติดอุปกรณ์สำหรับรักษาโรค ​

หูฟังเสียงแยกส่วนระบบเซอร์ราด์ว​

เปิดตัวครั้งแรกที่​

สถานธรรม"กัลยาธรรมสถาน"​

ปล.อาจารย์ป้าครับที่ยืนเรียงกันอยู่ด้านล่าง​

พรุ่งนี้ไปเขากะลาด้วยครับ รวมทั้งหมด5คน ​

​

​

​

 

อะไรมันจะช่าง HI THEC ขนาดนี้ เทคโนโลยี มันช่างล้ำจริงๆ

แต่เราต้องพึ่งอุปกรณ์จากต่างดาวที่มันล้ำกว่า นั้นหมายความว่าเรายังหล้าหลัง

ผมปารถนาที่จะเห็นคำว่า Made in Eart นะครับ

เราจะสามารถสร้างอุปกรณ์เหล่านี้และใช้ได้ทุกคน

เพราะปัจจุบัน พบว่ามีการสร้างอุปกรณ์เหล่านี้มาใช้กันบ้างแล้ว

แต่ มนุษย์โลกเรียกมันว่า ปาฏิหาร................

 

ที่สุดของที่สุดของเทคโนโลยีคือการไม่มีเทคโนโลยี

 

หินเป็นรู้ทางน้ำเพราะน้ำหยดใส่ หยดแรกลงเมื่อไรไม่รู้หรอก และจะหยดไปนานแค่ไหนอันนี้ตอบไม่ได้ แต่ตอนนี้ที่รู้คือ มันหยด(ก็เรื่องของมัน)

 

ร่วมบุญกฐินหลวงปู่คำเป็ง

1.คุณสายรุ้ง(ฮังการี)............1,000.-บาท
2.คุณวรรณี (เพื่อนคุณสายรุ้ง)............500.-บาท


ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งครับ<!-- google_ad_section_end -->

 

(ซ้าย) คุณโอม (ใส่แว่น) เจ้าของบ้านเลขที่ 77

(ซ้าย) คุณA นั่งข้างหน้าukrin เพิ่งสึกจากการเป็นพระ

เจ้าของทะเบียนรถไนน์วันวัน

นับเป็นเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาวที่ติดอุปกรณ์

เยอะมากและอย่างแรง อาทิเช่น มีข้อมูลใหม่ๆในหัวอยู่ตลอด

รับคลื่นหยาบคลื่นละเอียดจากฝ่ายตรงข้าม

ว่าควรจะเสวนา หรือถอยห่าง

ปากกับใจใครไม่ตรงกัน คิดอะไรดังๆ แกได้ยินหมด

จมูกสัมผัสกลิ่นดีเป็นพิเศษ

มือร้อนอยู่บ่อยๆ จับอะไรช็อตเป็นประจำ

ติดอุปกรณ์รักษาโรค และอื่นๆ สัมภาษณ์สดได้ที่

สถานธรรม"กัลยาธรรมสถาน"

สุดยอดของงานครั้งนี้ ใครพลาดไม่ได้สนทนากับคุณเอ น่าเสียดายครับ

 

งานวันอาทิตย์ที่ 11 ต.ค. นี้แผนกพื้นที่ได้เตรียมการไว้สำหรับรองรับแขกที่มาร่วมงานประมาณ 50 ท่าน ทุกท่านที่มาเข้าฉากนี้ล้วนเป็นพี่น้องที่เคยเกิดตายมาแล้วหลายภพชาติ มาภพนี้ก็ต้องมาเจอกันอีก เพื่อมาทำหน้าที่หรือพุดให้ถูกก็คือมาแสดงตามบทบาทที่ได้ถูกกำหนดมาแล้วในขันธ์ของแต่ละคน ขันธ์ใครขันธ์มันแสดงกันเองต่างบทบาทกันไป แต่หลังจากเข้าฉากแล้วหรือจบการแสดงในแต่ละฉากแล้ว สิ่งที่ทุกคนควรจะได้เหมือนกันก็คือค่าตัวนักแสดง ซึ่งคงจะมิใช่ทรัพย์สินเงินทองอันเป็นสุดยอดปรารถนาของมนุษย์โดยทั่วไป โดยเฉพาะมนุษย์ที่เกิดมาในยุคนี้ แต่สิ่งที่ท่านจะได้รับเป็นค่าตัวนักแสดง ก็คือ เช็คความว่าง การคลายจางจากความยึดมั่นถือมั่น สามารถออกจากทุกข์ได้ด้วยปัญญาที่เห็นว่าทุกอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นความจริงหรือกฏของธรรมชาติอยู่นอกเหนือการบังคับ ควบคุมใดๆ เพราะฉะนั้น งานของระบบคือประโยชน์ท่าน งานของท่านคือประโยชน์ตน

 

งานเปิดสถานธรรมครั้งนี้ จะเรียกว่าเป็นงานรวมพลคนแปลกก็ว่าได้ แปลกในระบบ 0-99 แต่ไม่แปลกในระบบ 100-300 เมื่อถึงเวลามาพร้อมหน้าพร้อมตากัน ท่านก็เลือกตามหาความแปลกกันเองตามอัธยาศัย เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้คนแปลก ๆได้มาเล่าประสบการณ์ความแปลกของแต่ละคนเพื่อแลกเปลี่ยนกัน เพราะคนแปลกๆเหล่านี้บางครั้งบางคราก็ไม่สามารถเล่าเรื่องของตนเองให้ใครๆฟังได้ เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่ยิ่งกว่านิยาย แต่ ณ กัลยาธรรมสถาน จ.พิษณุโลก เรื่องของท่านจะได้รับการบอกเล่าอย่างอิสระ เสรี มีผู้ฟังที่ไม่มีกรอบของการรับข้อมูลข่าวสาร และคนพวกนี้ก็มีความเชื่อว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้

 

บางท่านอาจจะยังมีความคลางแคลงใจสงสัยว่า
กลุ่มฯ(เขากะลา)โดยระบบ เน้นการปล่อยวาง ละการยึดมั่นถือมั่นในอุปทานขันธ์ห้า
แต่ทำไม สร้างสถานธรรม กันขึ้นมามากมาย
แล้วก็ดูออกจะเป็นพิธีการพิธีกรรมมากเกินไป

คำอธิบาย ก็คงได้รับทราบกันไปบ้างแล้วว่า
การดำเนินงานของกลุ่มฯ(เขากะลา) โดยระบบ
อาจจะยังต้องอิงอาศัยรูปแบบ และสมมุติ
เพื่อให้เกิดความเข้าใจได้ และเข้าใจดี
และให้เห็นถึงขั้นตอนของความเป็นไปในโลกธรรม๘
ตลอดจนหลักของไตรลักษณ์

จริงๆแล้ว ธาตุสี่ ขันธ์ห้า ของเราทั้งหลายนั่นแหละ
คือสถานธรรม ประจำตัวของแต่ละคน นั่นเอง

 

1.ร่วมบุญกฐินหลวงปู่คำเป็ง 100 บาท ค่ะ
2.ร่วมสร้างพระประธาน 100.-บาท

3.ร่วมสร้างฐานพระประธาน 100.-บาท

4.ร่วมสร้างสถานปฏิบัติธรรมฯเขากะลา 100.-บาท
5.ร่วมทำหนังสือเขากะลา 100 บาท

 

ขออนุโมทนากับข้อความของอาจารย์เม้าท์ ที่แจ้งวัตถุประสงค์ของระบบ เพื่อให้เพื่อน ๆ สมาชิกได้รับทราบด้วย

พี่สุดใจอาจไม่ค่อยได้กล่าวถึงโครงสร้าง กลไกของระบบมากนัก เนื่องด้วยอาจจะยังไม่ถึงเวลาที่ระบบจะอธิบายให้มนุษย์โลกทราบ

แต่ตอนนี้ ระบบให้อธิบาย วัตถุประสงค์หลักของกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ให้ได้รับทราบเพิ่มเติมในบางส่วน เพื่อให้เกิดความเข้าใจในระบบมากขึ้น

พี่สุดใจ จะนำมาแจ้งให้ท่านทราบต่อไป

 

ยังไงซะอาจารย์ukrinก็คอยมองๆ 2 คนข้างล่างนี่ด้วยนะครับ เห็นว่าชอบมาสืบเกี่ยวกับผู้มีพลังพิเศษอยู่บ่อยๆ เดี๋ยวจะมาเข้าใจผิดคิดว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวปลอมตัวมา โดนจับกันไปซะก่อน ห่วงง่ะ

​

 

"ระบบ"

ตอนที่ 1
​

ข้อความจาก

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

.............
​

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)

หากได้ยินชื่อ หลายคนอาจจะมีความคิดว่า ชื่อกลุ่มก็บอกแล้วว่า ประสานงานเพื่อการเตือนภัย แล้วทำไมจึงมีแต่มุมมองของธรรมะ มีแต่การปฏิบัติธรรม มีแต่การมุ่งเน้นให้ปล่อยวาง ให้เห็นความว่าง ละวางอัตตาตัวตน ให้รู้เท่าทันอุปาทานขันธ์ห้า ที่มันไม่ได้เป็นตัวเรา ของเรา

เน้นแต่ปฏิบัติเพื่อออกจากอุปาทานขันธ์ห้ากันอย่างเข้มข้น

แล้วยิ่งทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาวด้วยแล้ว เป็นเวลานานนับ 10 ปีแล้ว ทำไมมนุษย์ต่างดาวจึงไม่เตือน ไม่มาปรากฏอย่างชัดเจน ไม่มาฟันธงวันที่จะเกิดภัยพิบัติลงไปเลยล่ะ

แล้วเตือนภัยพิบัติ ตรงไหน?

นี่คือคำถาม ที่หลายคนสงสัย ต้องการได้คำตอบ ต้องการทราบในโครงการของมนุษย์ต่างดาวที่ได้วางไว้

ในวันนี้ จึงต้องแจ้งให้ท่านทราบ ในเรื่องของโครงการระบบ ในเรื่องของการเดินทางมาจากหลายดวงดาว ที่มาโลกมนุษย์เพื่ออะไร?

โลกใบนี้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาหลายครั้งหลายหน เกิดภัยพิบัติมาแล้วมากมาย หนักบ้าง เบาบ้าง จุดนั้นบ้าง จุดนี้บ้าง แต่หากไม่มีหลักฐานปรากฏแล้ว มนุษย์ในยุคถัดมาอาจไม่มีการทราบได้

เราจึงได้พบแต่หลักฐานของการล่มสลาย เจอบ้านเมืองอยู่ใต้พิภพ เจออยู่ใต้ดิน ใต้น้ำ หรือเจอหลักฐานแกะสลักตามผนังถ้ำต่าง ๆ ถึงเรื่องราวของผู้ที่เดินทางมาช่วยเหลือ เป็นแสงจากฟากฟ้า เป็นบุตรจากสวรรค์ หรือเป็นมนุษย์ที่ลอยลงมากับแสง หรือจะอะไรก็ตามเท่าที่มนุษย์ในยุคนั้นจะสามารถวาดภาพ บันทึกภาพ หรือจารึกไว้ในแผ่นหินตามถ้ำเหล่านั้น

นั่นหมายถึง บุคคลเหล่านั้น ต้องเป็นผู้ที่เหลือรอดจากเหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ จากยุคนั้น ๆ มาได้

จึงได้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ไว้ด้วยการแกะสลักตามถ้ำ ตามหินต่าง ๆ เพื่อเป็นการบอกเล่าสืบต่อกันมา

เพราะว่าในสมัยนั้น แต่ละจุด แต่ละสถานที่ ไม่สามารถเห็นกันได้ ไม่สามารถรับรู้กันได้ ที่ไหนเกิดอะไร ที่ไหนเป็นอะไร จะเห็นแต่เฉพาะหน้าของตนเท่านั้น

เพราะการสื่อสารไม่มี แม้เกิดห่างไปไม่กี่กิโลเมตร ก็ไม่สามารถรับรู้ได้แล้ว

ดังนั้น การที่จะรู้ล่วงหน้า เตรียมการ เพื่อเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในแต่ละครั้ง จึงไม่อาจเป็นได้

จึงต้องมีการช่วยเหลือจากผู้ที่รู้ และเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้า จึงจะวางแผนการเพื่อให้ความช่วยเหลือได้ทัน

ดวงดาวอื่น ๆ บางดวงดาวมีอายุยืนหลายหมื่นปี และมีคุณธรรมตามปกติของผู้ที่รู้ในกฏของธรรมชาติ ที่ต้องให้การช่วยเหลือในโลกใบนี้

ย่อมมีการรู้เห็น ทั้งสิ่งที่ผ่านมาแล้ว และสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ดังนั้น การเตรียมการเพื่อช่วยเหลือมนุษย์โลกยังจุดต่าง ๆ จึงต้องมีขึ้น

จึงได้จัดเตรียมโครงการ เพื่อให้ความช่วยเหลือมนุษย์โลกหากเกิดภัยพิบัติในจุดใด ๆ ที่สามารถช่วยเหลือได้ตามกฏของธรรมชาติ

มิใช่จะทำการช่วยได้ทุกครั้ง ทุกคน ทุกเหตุการณ์ หากสิ่งนั้นเป็นการเกิดขึ้นตามกรรม วิบากกรรมของสถานที่นั้น ๆ จุดนั้นๆ และเขาเหล่านั้น

ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ในสมัยโบราณผู้นำกลุ่มนั้น ๆ จึงต้องได้รับข้อมูลมาจากสวรรค์ มาจากจักรวาล มาจากพระเจ้า หรือมาจากที่ใด ๆ ก็ตาม ที่ส่งมาให้ เพื่อที่จะได้รับทราบล่วงหน้า มีการเตือน มีการนำพา มีการอพยพให้ไปยังจุดต่าง ๆ ที่ปลอดภัย ซึ่งผู้ที่ได้รับข้อมูลมา ก็ได้ทำตามข้อมูลที่ได้รับ จึงยังคงมีมนุษย์ที่สืบต่อกันมานั่นเอง

มนุษย์ต่างดาว ที่ได้วางโครงการนี้ มีอายุหลายหมื่นปี มีการเห็นการรับรู้ สิ่งที่ผ่านมาของโลกใบนี้อย่างยาวนาน นับต่อ ๆ กันมา

มนุษย์ต่างดาว กับโลกใบนี้ จึงเป็นเรื่องที่มีคู่กันมานานแล้ว มิใช่เพิ่งมีในตอนนี้

แต่เป็นเพียงการเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ตามธรรมดาของผู้ที่มีคุณธรรม และคอยช่วยเหลือในบางครั้ง โดยให้ความเคารพในกฏของธรรมชาติ กฏของจักรวาล

ดังนั้น การที่จะทำอะไรตามอำเภอใจนั้น ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้

 

"ระบบ"

ตอนที่ 2​

ข้อความจาก ​

กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา) ​

.............​

แต่ในช่วงนี้ ในระยะเวลานี้ มนุษย์ต่างดาวเคยถามในรุ่นแรกที่ยังปฏิบัติกันว่า รู้ไหม

ทำไมมนุษย์ต่างดาวจึงต้องระดมเทคโนโลยีจากดวงดาวต่าง ๆ มาให้ความช่วยเหลือ

ทำไมจึงต้องตั้งโครงการเฉพาะกิจขึ้นเป็นครั้งแรก โดยฝึกคนที่จะต้องมาทำงานกับมนุษย์ต่างดาวขึ้นมา

ทำไมจึงต้องวางโครงการนี้มานับพันปี เพื่อสร้างโครงข่ายให้ครอบคลุม และให้ทันตามเวลาที่กำหนด

และทำไม ยังคงต้องวนเวียน นำจานบินมาปรากฏให้เห็น เปิดเผยข้อมูล เปิดเผยเรื่องของมิติ เรื่องของเวลา เรื่องของกลไกขันธ์ห้าที่ทำงานตามระบบ ให้กับคนที่ต้องทำงานร่วมกับมนุษย์ต่างดาว

ซึ่งผู้ฝึกในรุ่นแรก ๆ เมื่อ 11 ปีที่ผ่านมา ย่อมยังไม่เข้าใจในจุดมุ่งหมายเช่นกัน

จึงได้รับการอธิบายให้ได้รับทราบ ว่า

นั่นก็เพราะ ภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่จะเกิดกับโลกใบนี้ มากมายเกินกว่าที่มนุษย์โลกจะช่วยเหลือกันเองได้ และจะใช้เพียงดวงดาวจำนวนเล็กน้อยเช่นครั้งอื่น ๆ ก็ไม่ได้แล้ว

ต้องระดมดวงดาวมากมาย ที่เป็นกลุ่มสมาชิกสากล ของสมาพันธ์แห่งดวงดาว มาให้ความช่วยเหลือ เรียกว่าเป็นการระดมสมาชิกแทบทุกดวงดาวก็ว่าได้ มาร่วมในภารกิจนี้

และผู้ที่เข้าร่วมในภารกิจเดียวกัน ก็ต้องทำงานในระบบเดียวกัน

จึงต้องวางโครงข่าย ต้องทำการวางกลไกไว้อย่างเป็น....ระบบ

ไม่ว่าจะติดต่อประสานกับกลุ่มใด ๆ ประเทศใด ๆ ก็คือแผนงานจากระบบใหญ่ ที่มาวางโครงข่ายทั้งสิ้น

ก็เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

ระบบ จึงเป็นกลไกการทำงานที่ประสานกันอย่างผิดพลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้น จะถูกตรงตามเวลา ตามเหตุการณ์ ตามสถานที่ และตามระบบ แม้บางครั้งอาจมองเหมือนไม่ถูกต้องตามความคิดของมนุษย์โลกก็ตามที

แต่เพราะการทำงานเป็นระบบ ที่ต้องมีส่วนอื่น ๆ สอดรับตามความจำเป็นในการประสานงานกัน จึงต้องถูกตรงตามเวลา ตามหน้าที่ ตรงตามกลไกที่วางไว้

หากมีจุดหนึ่งจุดใด สะดุดหยุดลง ผู้ที่ดำเนินงานต่อไปก็จะคลาดเคลื่อนทันที

ดังนั้น ผู้ที่ระบบวางไว้ จึงต้องใหลไปตามกลไกของระบบ มีความสำคัญเท่าเทียมกันทั้งสิ้น

เหมือนเครื่องจักร ต้องทำงานประสานกัน หมุนไปตลอดเวลา

เหมือนโรงงานผลิตอาหารกระป๋อง

เริ่มจากใส่วัตถุเข้าไป ก็จะเลื่อนไปยังอีกจุดหนึ่ง คือ...ใส่เครื่องปรุง แล้วเลื่อนไปอีกจุดหนึ่ง... ปิดฝา แล้วเลื่อนไปอีกจุดหนึ่ง....อบให้ร้อนปราศจากเชื้อโรค เลื่อนไปอีกจุดหนึ่ง...ติดสลาก แล้วเลื่อนไปอีกจุดหนึ่ง ... บรรจุกล่อง

ทุกอย่าง เป็นกลไกที่ต้องเลื่อนไปตามจังหวะเวลา จึงจะสอดรับกันอย่างได้ผล เครื่องจักรทุกชิ้นมีความสำคัญเท่ากัน เพราะเป็นฟันเฟือง เป็นกลไกตัวหนึ่งที่ทำให้อาหารกระป๋องนั้น ผลิตออกมาได้ เพื่อยังประโยชน์ให้ผู้ซื้อใช้ยังชีพต่อไป

ถ้าตัวใดตัวหนึ่งหยุดลงไป งานก็ดำเนินไปไม่ได้ เพราะเกิดการสะดุดนั่นเอง

งานของระบบ ก็เช่นกัน ต้องมีการเตรียมการ มีการวางแผน และสอดรับกันอย่างคาดไม่ถึง

เราจึงเห็นว่า เกิดความ "บัีงเอิญ" ครั้งแล้วครั้งเล่า บังเอิญบ่อย ๆ บังเอิญมากมาย มันเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตลอดมา

ตั้งแต่ก่อนมาเจอกลุ่มประสานงานฯ ขณะที่มาเจอและรับทราบข้อมูลแล้ว และจะยังคงเกิดความบังเอิญอยู่ต่อไปหลังจากนี้

นั่นเพราะว่า สิ่งที่เกิดขึ้น

มันไม่ใช่.... ความบังเอิิญ ... นั่นเอง

 

"ระบบ"

ตอนที่ 3



ข้อความจาก


กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)


.............

​

ดังนั้น จากการประเมินแล้วว่า มนุษย์ไม่อาจเข้าใจกลไกของระบบได้อย่างถูกต้อง ได้อย่างชัดแจ้ง ด้วยการมีกรอบความคิดที่ไม่อาจเปิดกว้างได้ หากสภาวะจิตไม่สามารถเข้าถึงกลไกของธรรมชาติได้อย่างแท้จริง

คือสภาวะที่ทุกอย่างเป็นธรรมชาติ เป็นกลไกของเหตุปัจจัยตามธรรมชาติ ที่ยังมีความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า ที่มันปรุงแต่งตามธรรมชาติอย่างนั้นเอง แต่ไปอุปาทานว่ามันเป็นตัวเรา เป็นของเรา มันไปยึดว่ามีตัวเราเสียแล้ว ทุกอย่างเลยแคบหมด แคบอยู่แค่ตัวเรา และของเราเท่านั้น และเห็นว่ามีตัวเขา มีของเขาทั้งหลายอยู่รอบตัว

ดังนั้น การแก่งแย่งชิงดี จึงเกิดขึ้น แย่งจากของเขามาเป็นของเรา ด้วยความเห็นผิด คิดว่ามีตัวเรานั่นเอง

แม้พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้ในกฏธรรมชาติ กฏของจักรวาล แล้วมาตรัสสอน ในกฏของธรรมชาติ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มันไม่มีอะไรที่เที่ยงเลย มันต้องแปรปรวน มันคือความทุกข์ที่บังคับบัญชาไม่ได้ และ เพราะมันไม่ได้เป็นตัวตนจริงๆ มันเป็นเพียงธรรมชาติ มันเป็นการปรุงแต่งไปตามเหตุปัจจัยนั้น ๆ นั่นเอง

พระพุทธองค์ทรงเห็นแก่นแท้ของธรรมชาติ ท่านก็หลุดพ้นจากอุปาทาน หลุดพ้นจากการยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า เข้าสู่ธรรมชาติ ไม่ต้องเวียนมาเกิด มาตายอีกแล้ว

ท่านรู้ท่านเห็น และท่านก็ได้ตรัสสอนไว้ หากบุคคลใดทำตามที่ท่านตรัสสอน ตรงไปตรงมา ไม่เบี่ยงเบนไปทางหนึ่งทางใด

ก็ย่อมหลุดพ้นตามท่านได้เช่นกัน

ดังนั้น เมื่อการช่วยเหลือภัยพิบัติในครั้งนี้ เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่จะให้แต่ละบุคคลที่ยังมีความยึดมั่นถือมั่นในอัตตาตัวตนอย่างเข้มข้น มารับผิดชอบในงานระบบนั้น ย่อมยากอย่างยิ่ง
เพราะความมีอัตตา ความมีตัวตน ย่อมเห็นว่าเราดีกว่าเขา เขาดีกว่าเรา อยู่ตลอดเวลา

การที่จะสละด้วยความเข้าใจว่าไม่ได้มีผู้ให้ และมีผู้รับ มันเป็นธรรมชาติที่เกื้อกูลกันเท่านั้น ย่อมเข้าใจไม่ได้เลย

จึงต้องมีการวางโครงการ คัดเลือกผู้ต้องร่วมงานกับระบบไว้ก่อน วางไว้ตามจุด แล้วมีการฝึกให้มีความเข้าใจในกลไกของธรรมชาติ ให้รู้ถึงกลไกของจักรวาล รู้ถึงที่มาที่ไปตามกลไกของธรรมชาติ

น่าแปลก ที่เราเป็นมนุษย์ เดินยืนนั่งนอนอยู่บนโลกใบนี้ ยังไม่รู้กลไกของขันธ์ห้าของตนเอง ได้ดีเท่ากับผู้รู้ที่อยู่ในจักรวาล ต้องมาชี้ให้เห็น มาทำให้ดู มาให้เรียนรู้เพื่อปล่อยวาง ให้ละการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่มันไม่ได้เป็นตัวตนของใคร ให้เข้าใจถึงธาตุต่างๆ สารเคมีที่มีอยู่เองตามธรรมชาติ ที่มันทำงานไปตามกลไกเกี่ยวเนื่องกับขันธ์ห้า

คือสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ แล้วตรัสสอนไว้

แต่เมื่อกาลเวลาที่ผ่านไป การที่จะเข้าใจและเห็นจริงตามนั้น มันจึงเริ่มพร่ามัว และไม่สามารถเข้าใจในกลไกของธรรมชาติได้อย่างแท้จริง

เรียกว่า มาเรียนรู้ขันธ์ห้า กับอุปาทานนั่นเอง

ดังนั้น จึงมีการวางแผน วางโครงการ แล้วเริ่มดำเนินการฝึกในรูปแบบต่าง ๆ ทั่วโลก โดยพร้อม ๆ กัน

แต่ต่างรูปแบบ ตามที่แต่ละพื้นที่ แต่ละประเทศ แต่ละสังคม จะสามารถเข้าใจได้

ถ้านับถือสิ่งใด ๆ ศรัทธาสิ่งใด ๆ และสามารถทำให้เชื่อได้ในพื้นที่นั้น ๆ

ก็จะมาในรูปแบบที่ประเทศนั้น ๆ กลุ่มชนนั้น ๆ สามารถเข้าใจได้

จึงจะประสานงานไปได้ในทั่วโลก ไม่แบ่งชนชั้น ไม่แบ่งประเทศ ไม่แบ่งกลุ่ม ไม่แบ่งชาติ ไม่แบ่งศาสนา

เพราะภัยพิบัติ เป็นเรื่องใหญ่ ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือใครคนใดคนหนึ่ง ชาติใดชาติหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

แต่เป็นการช่วยเหลือกันตามธรรมชาติ ที่ทุกชาติ ทุกศาสนา

ย่อมมีสิทธิ์รอดจากภัยพิบัติได้เท่าเทียมกัน

หากท่านอยู่ในเงื่อนไขของจักรวาล

หรือเรียกว่า กรรม วิบากกรรม ของแต่ละท่านจะจัดสรรนั่นเอง

​

 

เรื่อง ระบบ ที่จะทำการอธิบายโครงสร้างให้รับทราบนั้น ยังมีอีกมาก จึงได้แบ่งเป็นตอน ๆ เพื่อทำความเข้าใจต่อเนื่องจะได้ไม่ตกหล่นตอนใดตอนหนึ่งไป

เริ่มตอนที่ 1 - 3 ไปแล้ว และคงต้องมาอธิบายเรื่องของระบบ ต่อเนื่องต่อไปอีก

แต่วันนี้ ต้องไปปฏิบัติภารกิจประสานงาน ให้ข้อมูลกับสมาชิกใหม่ ที่กำลังเดินทางมาเขากะลา ร่วมกับอาจารย์ ukrin และอาจารย์แตง ในเย็นวันนี้

เพราะได้รับแจ้ังทางโทรศัพท์ว่า ตอนนี้ คณะของอาจารย์ ukrin ประกอบด้วย อาจารย์ี ukrin อาจารย์แตง คุณเอ คุณโอม และเพื่อนคุณโอม

รวม 5 ท่าน

ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ แล้ว มุ่งหน้ามาที่นครสวรรค์ และจะไปพักที่เขากะลาทั้งหมด

พี่สุดใจจึงต้องเตรียมตัวเดินทาง พร้อมเสบียง และอุปกรณ์เครื่องใช้นอน เต้นท์ และอุปกรณ์ที่จำเป็น เพื่อเดินทางไปสมทบที่เขากะลา

และพรุ่งนี้ จะรอคณะของอาจารย์ธนวรรณ อาจารย์เม้าท์ ที่จะเดินทางมาสมทบกันที่นครสวรรค์ แล้วจะเดินทางไปจังหวัดพิษณุโลกพร้อมกัน

เรียนอาจารย์กัลยา จะมีสมาชิกประมาณ 11 ท่าน จะเดินทางไปพักที่พิษณุโลกในวันพรุ่งนี้ค่ะ


และขออนุโมทนากับอาจารย์เม้าท์ ที่ได้กรุณารวบรวมข้อความเรื่อง ระบบ ไว้ในหัวข้อ
ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบ โดย อ.สุดใจ ชื่นสำนวน

ในเว็บไซด์ กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย (เขากะลา) - หน้าแรก

เพื่อให้เพื่อน ๆ และท่านที่สนใจจะศึกษาข้อมูล และแนวทางการปฏิบัติงานของกลุ่ม ที่มีการมาวางโครงการตามระบบนั้น ดำเนินการไปในแนวทางใด จะไ้ด้เข้ามาอ่านได้อย่างต่อเนื่องในกระทู้แห่งนี้

ขออนุโมทนาค่ะ




คณะที่จะเดินทางมาเย็นวันนี้ (ในภาพ 3 ท่านซ้ายมือ)
ซึ่งอาจารย์ ukrin ได้แจ้งมาก่อนหน้านี้

(ซ้าย) คุณโอม (ใส่แว่น) เจ้าของบ้านเลขที่ 77​

(ซ้าย) คุณA นั่งข้างหน้าukrin เพิ่งสึกจากการเป็นพระ​

เจ้าของทะเบียนรถไนน์วันวัน​

นับเป็นเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาวที่ติดอุปกรณ์​

เยอะมากและอย่างแรง อาทิเช่น มีข้อมูลใหม่ๆในหัวบ่อยๆ​

รับคลื่นหยาบคลื่นละเอียดจากฝ่ายตรงข้าม​

และประมวลผลว่าควรจะเสวนา หรือถอยห่างดี​

ปากกับใจใครไม่ตรงกัน คิดอะไรดังๆ ได้ยินหมด​

จมูกสัมผัสกลิ่นดีเป็นพิเศษ ตามองต่างภพ​

มือร้อนอยู่บ่อยๆ จับอะไรช็อตเป็นประจำ​

พร้อมติดอุปกรณ์สำหรับรักษาโรค ​

หูฟังเสียงแยกส่วนระบบเซอร์ราด์ว​

เปิดตัวครั้งแรกที่​

สถานธรรม"กัลยาธรรมสถาน"​

ปล.อาจารย์ป้าครับที่ยืนเรียงกันอยู่ด้านล่าง​

พรุ่งนี้ไปเขากะลาด้วยครับ รวมทั้งหมด5คน ​