พันธกิจสะดุดรัก...สารคดีชีวิต จิตอัศจรรย์แม่ชีน้อย

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 20 พฤษภาคม 2009.

  1. banana1331

    banana1331 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +2
    อ่านแล้วจะร้องให้อะพี่สันโดษ
     
  2. F-5E

    F-5E เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +964
    อนุโมทนา ครับ ถ้าจำไม่ผิด เรื่องนี้เป้นเรื่องของ หลาน พี่ทิดเจง binphadet สมาชิค บอร์ดพลังจิตนี้เองครับ
     
  3. พระไตรภพ

    พระไตรภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,067
    ค่าพลัง:
    +7,521
    สาธุเถิด ใครเป็นมะเร็ง ถ้าไม่ว่า มาหาเรา เราจะรักษาแต่อย่าหวังมากไปนะ สาธุ ท่านกล้าพอไหม ที่จะให้เรารักษา
     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ตอนที่ 12 หงุดหงิด น้อยใจ อารมณ์เด็กน้อย

    [​IMG]

    ในราวกลางเดือนมิถุนายน ลูกยังลุกขึ้นนั่งได้เองบ้าง และบันทึกประจำวัน นอกจากจะเป็นเรื่องการกินยา อาหาร ที่คล้ายๆกันในแต่ละวัน จะแตกต่างไปบ้างเมื่ออาหารบางอย่าง ที่ตรวจต่อมไทมัสแล้วกินไม่ได้ ทั้งที่วันก่อนๆกินได้ เช่น วันที่ 19 มิถุนายน ลูกกินแกงอ่อมไม่ได้


    ล้างมือด้วยมะกรูด แปรงฟัน เช็ดมือ ปาก กินน้ำอุ่น พ่อซักกางเกง ฟัง CD หลวงพ่อเทศน์ อ่านหนังสือ นอน พ่อนวดให้


    หลวงพ่อมาดูสมุดบันทึก และภาวนาให้หมอเทวดามาช่วยรักษา ส่วนเราท่องพุทโธไปด้วย หลวงพ่อบอกว่าวันนี้หน้าตาแจ่มใสดี หลวงพ่อกลับ กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น นอนพัก กินฟักทอง กินมังคุด (พ่อผ่าดูแต่ละลูกเน่าหมด เหลือลูกสุดท้าย พ่ออธิษฐานว่าถ้าลูกข้าพเจ้าจะหายขอให้ได้กิน ผ่าลูกสุดท้าย ลูกนี้สีสวยเนื้อขาวสด น่ากินมาก) กินข้าวนึ่งปลา ล้างมือ บ้วนปาก กินน้ำอุ่น อ่านหนังสือ


    ฝนตก นอนกอดพ่อ .........ฝนเริ่มหยุดตก มีหมอก พ่อเปิด CD ขลุ่ยธิเบต แม่ยังไม่มา พ่อนวดหัว +หู ให้ แล้วพูดเรื่องภารกิจของป่าน 1 บวช 2 เป็นหมอแผนโบราณ ท่องพุท-โธไปด้วย พ่อนวดหลัง ก้นกบ

    แม่ชีเล็กมาเยี่ยม ดูสมุดบันทึก คุยกันเรื่องอาหารของจิต คือ ความสุข และอีกหลายเรื่อง แม่ชีลูบหัว มือ แขน ให้ หลับ ตื่น พ่อเช็ดตัวให้ เช็ดน้ำอุ่น ฟังขลุ่ยธิเบต 5 โมง 20 นาทีแล้ว แม่ยังไม่มา พ่อเตรียมทำกับข้าว พ่อไปเอาถ่านมา อ่านหนังสือ พ่อมา ฉี่(พ่อต้องอุ้มไปห้องน้ำ/คนเขียน) อ่านหนังสือต่อ กินยาญี่ปุ่น อ่านหนังสือ (กินอาหาร กินยา) เข้ามาข้างใน(ห้อง) แม่มาพอดี (ตรวจอาหาร กินอาหาร)


    กินยาธิเบต เท้าบวมคงเพราะกินไข่+ฟักทอง แม่กดลมปราณให้ พ่อนวดเท้า+มือให้ ท่องพุท-โธไปด้วย พ่อพูดเรื่องหมอสามคน


    หลวงพ่อครรชิต ศาสตร์ด้านธรรมะ+จิตใจ

    หมอโซนัม ศาสตร์ด้านยา

    หมอเขียว ศาสตร์ด้านอาหาร

    เราก็เปิดร่างกายให้หมอเทวดามารักษา+อุทิศบุญให้หมอเทวดา+อโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร ท่องพุท-โธ ฉี่ ถ่ายเยอะ ตอนตี 2 พ่อลูบหัว ท่องพุท-โธ นอนหลับสบายดี ฝนตกนิดหน่อย

    เดือนนี้ฝนตกเกือบทุกวัน ทุกๆเช้าลูกจะเขียนว่า มีหมอกลอยขึ้นมาจากหุบเขา ฟังเสียงสายน้ำกระทบแก่งหิน ความสดชื่นเบิกบานของลูกยิ่งมากขึ้น และลูกยังรู้สึกถึงความเอร็ดอร่อยของอาหาร บางครั้งยังมีความหิวอย่างรุนแรง


    20/6/51


    ตื่น 06.10 น. ลุกได้เอง พ่อแม่ทำกับข้าว มีหมอกลอยขึ้นมา ตาบวมนิดหน่อย ออกมาด้านนอก (กินอาหาร ตรวจข้าวสวยกินไม่ได้)

    วันนี้กินเยอะอาหารอร่อย ล้างมือ แปรงฟัน เช็ดหน้า มือ พ่อกับแม่กินแกงเห็ด+หน่อไม้ (ในบันทึก ลูกชมว่าพ่อทำอาหารอร่อย)

    กิจกรรมซ้ำเดิมที่ลูกทำในแต่ละวันคือ ดู CD อ่านหนังสือธรรมะ สลับอ่านละคร ในบันทึกที่ยังไม่ได้เขียนเรียงเวลาไว้ชัดเจน มีแต่กิจกรรมการกินยา อาหาร ฉี่ถ่าย และอ่านหนังสือ ดู CD ส่วนเรื่องแทรกที่มี คือเรื่องลุงยุทธ เรื่องคนมาเยี่ยม ลูกเขียนไว้ทั้งหมด


    29/6/51


    นอนสมาธิ 05.05 น. ถึง 05.30น. (เปิดร่างกาย+อุทิศบุญให้หมอเทวดา ท่องพุท-โธไปด้วย) นอนต่อ จนถึง 06.30 น. ด้านนอกยังมืด ฝนกำลังตก ว่าจะออกไปข้างนอก แต่ลูกป้าพร คือ พี่แบ้งค์ยังนอนที่นอนอยู่ ปุ้ยก็ตื่นแล้ว เมื่อคืนฝันว่า “เดินได้ แล้วเอาลำไยมากิน แล้วแม่ยังทำทอดปลาดุก ส้มตำ คั่วไข่ อาหารมากมาย เดินได้คล่องมากเลย”

    4/7/51

    [​IMG]

    อาตุ๊กถ่ายรูปไปให้ลุงยุทธดู ยิ้มให้ ถ่ายท้องกับหลังด้วย .......ต้องเริ่มกินฉี่ตัวเอง กินยาธิเบต น้ำอุ่น ตอน 15.40 น. มังคุดก็เริ่มหมดฤดูแล้ว หวังว่าพ่อคงหาซื้อได้ มังคุดหมดไม่รู้จะกินอะไร คงจะเป็นหมากเม่า พ่อคงแบกของหนักขึ้นมากับปุ้ย แต่ก็นัดเวลาไว้กับน้านี ว่าจะลงไปช่วยแบกของขึ้นมา คงมาค่ำหน่อยเพราะปุ้ยเลิกเรียน 5 โมงครึ่ง ตอนเย็นต้องกินอาหารแบบแม็คโครไปโอติก ข้าวคูดกับงามั้ง ไม่รู้จะเป็นยังไง น้านีต้องอยู้หน้าเตาตลอด ขนาดตุ๋นข้าวใช้เวลา 2 ชั่วโมง คั่วงาก็ต้องคนต้องเฝ้าอยู่ตลอด ส่วนมากอยากให้กินเครื่องเทศ พวกตะไคร้คั่วกินแล้วตดเยอะมาก เขาบอกว่าดีแล้วช่วยขับลม อาบน้ำก็อาบน้ำต้มตะไคร้ กลิ่นหอมสดชื่นดีเหมือนกัน

    ไม่รู้ว่าลุงยุทธจะไปอยู่ถ้ำพระฤาษีที่บ้านบัวตอนไหน ป้าอ้วนก็คิดหนักผอมลง ลูกๆก็อยู่คนละจังหวัด ต้องเรียนหนังสือ น่าสงสาร แต่ว่าก็มีคนให้กำลังใจลุงยุทธเยอะมาก ไม่ว่าจะด้านอาหารทุกคนเอาใจใส่ลุงยุทธเป็นอย่างดี หมออัลซูมา หมอจากญี่ปุ่น มาตรวจร่างกายให้ลุงยุทธ แล้วบอกว่าให้ลูกมาอยู่ด้วยสัก 6 เดือนไม่ต้องเรียน มาให้กำลังใจ ดูแลกันได้ไหม ลุงยุทธถึงกับน้ำตานอง คงสงสารลูก อยากให้ลูกได้เรียน ไม่อยากให้ลูกลำบาก แต่ลุงยุทธเดินได้ เราต้องพยายามเดินให้ได้ ภายใน 2 เดือนนับจากอยู่ที่นี่ แต่นี่ใกล้จะ 1 เดือนแล้ว วันที่ 6 ก็จะครบหนึ่งเดือน ยังเดินไม่ได้เลย หลวงพ่อจะมาวันที่ 6 ไม่รู้จะเล่าเรื่อง ท่านมิลาเรปะให้ฟังยังๆไง


    อ่านหนังสือ “ลมหายใจแห่งขุนเขา” รออาบน้ำ ฉี่ใสกว่าตอนเช้า อาตุ๊กกำลังทำกับข้าว กระปุก(หมาของป่าน)ไปไหนก็ไม่รู้ เพราะวันนี้ไม่ได้ผูกไว้ ส่วนน้านี น้าปุ่น ไปไหนก็ไม่รู้ อาบน้ำต้มใบมะขาม+ตะไคร้+ใบมะกรูด สดชื่นดี เปลี่ยนเสื้อผ้า หัวเข่าเริ่มอุ่น อาการดีขึ้นตั้งแต่เปลี่ยนอาหาร อาปุ่นหุงข้าวเหนียว คงอดกินข้าวเหนียวอีกนานเลย แต่ถ้าได้กินจะพยายามเคี้ยวให้นานที่สุด แม่ล้างถ้วยชาม อาตุ๊ก อาปุ่น คงกลับพรุ่งนี้ ไม่รู้ว่าน้านีจะกลับด้วยหรือเปล่า วันนี้ไม่รู้จะได้กินไข่ต้มหรือเปล่า แต่คงได้กิน


    ตอนนี้ต้องควบคุมอาหารการกินมากขึ้น น้านีก็ได้เรียนรู้วิธีทำอาหารสุขภาพมากขึ้น บางทีน้านีก็อาจจะกลับไปทำให้พี่แจนกินบ้าง เพาะพี่แจนไม่ค่อยได้กินอาหารสุขภาพ เพราะต้องกินที่โรงเรียน ยิ่งแย่กว่าเราเสียอีก (กระปุกก็วิ่งไปวิ่งมา เพราะปล่อยเชือกแล้ว) น้านี อาปุ่น อาตุ๊ก ช่วยกันยกแคร่มาตั้งแต่เที่ยง เอามาตากถ้วยชาม ทำเป็นที่หั่นผัก วางนั่นวางนี่ กินยาญี่ปุ่น น้านีขูดชอล์กตามขาแคร่ไม่ให้มดไปตอมอาหาร ต้มไข่เสร็จพอดี อยากกินไข่แดงบ้าง แต่ไม่เป็นไร กินไข่ขาวใส่ซอสก็อร่อยเหมือนกัน


    ฉี่ อาตุ๊กเตือนแม่ว่าอย่าลืมเก็บฉี่ไว้ตรวจ อาตุ๊ก อาปุ่น ตรวจฉี่ ให้กินได้ แต่ต้องเจือจางกับน้ำ กินฉี่ แม่ซักผ้า น้านีกำลังปิ้งมะเขือเทศกับพริก อาปุ่นนึ่งผักที่หั่นไว้ อาตุ๊กลงไปรอถ่ายรูปพ่อกับปุ้ยที่แบกของขึ้นมา


    6 โมงกว่าแล้ว แต่ยังสว่างอยู่เลย อากาศเย็นสบาย แต่เปิดพัดลมไล่ยุง สุดท้ายฝนก็ไม่ตก มีแต่เสียงฟ้าร้อง น้านีตำแจ่วไว้สำหรับผู้ใหญ่กิน เย็นนี้มีไข่ต้มหรือเปล่าไม่รู้ ที่ว่าไว้คงไม่ใช่ไข่ น่าจะเป็นอย่างอื่น แต่อาตุ๊กก็บอกให้ต้ม

    อ่าน “ลมหายใจแห่งขุนเขาแชงกรี-ลา ลีเจียง-ยาดิง” ต่อ นอนลงเอง ฉี่ถ่าย ตอน 18.31 น. ถ่ายเหลืองปกติ น้านีทักทายกับกระปุกเหมือนพูดกับคนเลย ยุงเริ่มมาอีกแล้ว ดู CD การ์ตูนธรรมะ เริ่มหิวขึ้นมา ณ บัดนี้ อาตุ๊กขึ้นมา รอไม่ไหวแล้ว อาปุ่น อาตุ๊ก ตรวจอาหาร กิน............พ่อกับปุ้ยมาถึง เหนื่อยกันใหญ่เลย ซื้อ CD หนังสือมาด้วย ฝนตก อาตุ๊ก พ่อ อาปุ่น แม่กินข้าว อ่านหนังสือ “ธิเบตหลั่งเลือดบนหลังคาโลก” อยากกินกล้วยกับข้าวเหนียว ก็กินไม่ได้ เลยประชดไม่พูดกับใคร


    5/7/51


    อ่านหนังสือ “ธิเบตหลั่งเลือดบนหลังคาโลก” อ่านแล้วสงสารธิเบต แต่เขาก็สู้ “เป็นกำลังใจให้เด้อ” ต้องไปธิเบตให้ได้

    ฉี่ ถ่าย ตอน 06.32 น. แม่เก็บฉี่เอาไว้ เหลือมังคุดอยู่แค่ 3 ลูก แต่ไม่รู้ว่าจะกินได้หรือเปล่า เพราะมีแต่ลูกแข็งๆ แม่เปิดเพลงธรรมะฟัง ปุ้ยยังไม่ตื่นเลย วันนี้ไม่รู้ว่าจะได้อาบน้ำตอนเช้าหรือเล่า แต่อยากอาบเพราะอาบแล้วสบายตัว สดชื่นดี แม่อุ้มออกมาด้านนอก อากาศดีมาก เย็นสบาย มีหมอกลอยขึ้นมา น้านี อาปุ่น ช่วยกันหั่นผักเตรียมนึ่ง


    อ่าน “ธิเบตหลั่งเลือดบนหลังคาโลก” ต่อ ท้องยุบลงกว่าเมื่อวาน (......ตรวจอาหาร....กินอาหาร......) พยายามลดงาลง เพราะกินแล้วหน้าบวม แม่นวดน้ำมันให้ นอนแต่ได้ยินทุกอย่าง อาปุ่น อาตุ๊ก พ่อ แม่ น้านี ปุ้ย กินข้าว


    นอนไม่หลับเลย ช่วงนี้อารมณ์ไม่ค่อยดี อาหารไม่ถูกปาก แต่มีประโยชน์ต้องพยายามกิน ก็กินเท่าที่กินได้ อยากกินข้าวเหนียวเหมือนกับคนอื่นบ้าง ทั้งๆที่เคยกินได้ น่าจะให้กิน เห็นใจกันบ้างสิ ก็ลุงยุทธโตแล้ว ลุงยุทธก็อดกินได้น่ะสิ นี่เรายังเด็กอยู่ ก็อยากจะกินเหมือนเด็กอื่นๆบ้าง ฟ้า ดิน ช่วยเห็นใจเด็กน้อยคนนี้ด้วยเถิด ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง กลับมามีสุขภาพที่แข็งแรงอีกสักครั้ง แล้วเด็กน้อยคนนี้จะปฏิบัติตนเป็นคนดี ช่วยรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้โดยการบวชชี และศึกษาการแพทย์แผนธิเบต เอาไว้รักษาคนที่ยากจนและคนอื่นๆที่เจ็บไข้ได้ป่วย ขอให้คำขอของเด็ฏน้อนคนนี้ เป็นจริงด้วยเถิด

    ฉี่ ถ่าย ดีที่พ่อไม่เก็บฉี่ไว้ จะได้ไม่ต้องกินฉี่
    พ่อแม่ตรวจร่างกาย ตรวจอาหาร ตรวจเม็ดบัวให้ กินได้ แต่ไม่กิน น้อยใจ

    แม่รู้ว่าลูกต้องอดทนต่อความอยากกินในของอยาก และต้องทนกินสิ่งที่ไม่อยากกินมากขนาดไหน แต่ลูกแม่ก็ทำได้ จนในที่สุดลูกไม่ต้องใช้ความพยายามอีกเลย
    -------ตอนต่อไป อยากบวช---
    หมายเหตุคนเขียน ช่วงนี้มีปัญหาในการทำงานกับระบบของโคเนชั่นมาก หรือว่าเป็นเพราะเน็ตช้า ก็ไม่ทราบได้ ถ้ามีปัญหาอาจจะต้องหยุดทำพันธกิจชั่วคราว...นะคะ
     
  5. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ตอนที่ 13 โกนผม อยากบวช

    กระปุก หมาเพื่อนรักของลูกต้องกลับไปบ้านบัว เพราะพ่อพามันมาเยี่ยมลูกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น วันที่มันกลับไปกับพ่อ ลูกมองอย่างเข้าใจ แม้จะรักมันมากแต่ลูกก็รู้ว่ามันต้องกลับไป เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่อยู่ของมัน


    ใกล้จะครบสองเดือนแล้วที่ลูกมาอยู่ที่วัด ร่างกายผอมบางลงมาก จนกระทั่งเวลานั่ง(ส่วนมากแม่จะประคองให้ลุกนั่ง)ยังต้องระมัดระวัง เนื่องจากกล้ามเนื้อช่วงสะโพกแห้งไปหมดแล้ว มีแต่กระดูกและผิวหนังที่บอบบางห่อหุ้มอยู่เท่านั้น


    บันทึกของลูกในช่วงนี้ มีเรื่องราวใหม่ๆ คละเคล้าบรรยากาศสดชื่นของภูเขา ด้วยเรื่องของคนที่แวะเวียนมาเยี่ยม ซึ่งมีมากมาย ทั้งใกล้และไกล แต่ละคนล้วนห่วงใยในครอบครัวเรา


    13/7/51



    ครูเป้มาเยี่ยม พูดคุยให้กำลังใจกันหลายเรื่อง ครูเป้บอกว่าจะเอายาต้ม ยาพระอาจารย์
    ฝั้น ยานวดมาให้</PERSONNAME /> ครูเป้ไปเอายา เวลา 14.35 น. กินฟักทอง 1 กลีบ มังคุด 4 ลูก ต้มจืดผัก ข้าวครูด งาคั่ว ครูเป้เอายามาให้ ครูเป้ทาน้ำมันให้


    ครูเป้ของลูก คือครูเป้ สีน้ำ ที่เดินทางมาที่วัดเพื่อจะบวชและจำพรรษาที่นี่ ก่อนจะบวชครูเป้มาเยี่ยมให้กำลังใจลูกบ่อยๆ แม้กระทั่งตอนที่บวชแล้ว ก็ยังมา


    หลวงพี่เป้มาเอาขนมมาฝาก คงจะแอบมาเพราะว่าหลวงพ่อไม่ให้มา เพิ่งบวชใหม่ วันนี้หลวงพ่อไม่อยู่…


    แม่ไม่รู้ว่าระหว่างลูกกับครูเป้ คุยอะไรกันบ้าง แต่ดูเหมือนว่าลูกมีสีหน้าที่สดใสทีเดียวเวลาคุยกัน


    อีกกิจกรรมหนึ่งที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ คือ การอ่านหนังสือ เมื่อหลวงพ่อกลับจากกรุงเทพฯ พร้อมกับหนังสือหลายเล่มสำหรับลูก ท่านบอกว่าอ่านจบแล้วช่วยสรุปให้หลวงพ่อฟังด้วยนะ ในบันทึก ลูกเขียนธรรมะสำคัญเอาไว้บ้าง แต่ส่วนใหญ่ลูกจะบอกกับหลวงพ่อโดยตรง แม่ไม่รู้ว่าลูกเล่าอะไรท่านบ้าง


    แต่ในบันทึกบอกถึงความถี่ในการอ่านของแต่ละวัน เรียกได้ว่าสลับกับการกินยา กินอาหาร และการบันทึก เลยทีเดียว


    ระยะหลังๆมานี้ ลูกจะนิ่งเงียบอยู่กับการอ่านหนังสือมากขึ้น เรื่องอาหารการกินดูจะเป็นปัญหาน้อยลง แต่ความห่วงใยยังส่งไปถึงคนอื่นๆตลอดเวลา เช่น พี่แจน ลูกน้านีที่ไม่สบาย ลูกจะเขียนจดหมายส่งกำลังใจไปให้ เขียนจดหมายถึงลุงยุทธฉบับที่สอง เมื่อรู้ว่าลุงยุทธขึ้นไปรักษาตัวที่วัดถ้ำพระฤาษีแล้ว หรือเวลาที่พ่อ หรือ แม่ ลงไปข้างล่าง ถ้ากลับมาผิดเวลา ลูกจะเขียนว่า รอแม่มา.....ยังไม่มา หรือ พ่อมาช้า น้ำมันหมดหรือเปล่าไม่รู้ สิ่งเหล่านี้ทำให้แม่รู้ว่า ลูกไม่ได้คิดถึงแค่ความเจ็บป่วยของตัวเองเท่านั้น


    ต่อมา ลูกบอกว่าอยากโกนผม อาจเป็นเพราะจิตของลูกแนบแน่นอยู่กับพระพุทธเจ้ามากแล้ว ดูจากการอธิษฐานจิตถวายผลไม้แก่พระสงฆ์ ลูกจะใช้เวลานานขึ้น และสงบนิ่งมากขึ้น


    17/7/51


    วันนี้เป็นวัน อาสาฬหบูชา ซึ่งเป็นวันที่พระพุทธเจ้า ได้แสดงธรรมโอวาทปาติโมกข์ วันนี้เป็นวันที่เริ่มนับ 1 และจะโกนผม ปฏิบัติธรรมต่อไป


    05.38 น. ตื่นนอน อากาศสดชื่น แจ่มใส

    05.43 น. แม่ พ่อ ตื่น ฉี่ ถ่ายเหลืองเยอะ ไม่ค่อยย่อยเท่าไหร่

    06.06 น. กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น

    06.23 น. ออกมาด้านนอก กินกล้วยน้ำว้า 1 ลูก

    06.30 น. ลุงชัยเพื่อนพ่อมาเยี่ยม ลุงชัยถ่ายทอดพลังจิตให้ กำหนดลมหายใจเข้า-ออก ท่อง พุท-โธ พ่อชงกาแฟกิน

    06.41 น. อ่านรากเหง้าของสังสารวัฏ

    06.53 น. ป้าหมี น้าตู่ น้องแยม มาเยี่ยม น้าตู่กอด น้าตู่คงรักเด็กมาก ใจดี น่ารัก ให้กำลังใจหลายอย่าง

    07.15 น. ตั้งจิตอธิษฐานภาวนาถวายกล้วยน้ำว้า 4 ลูก พ่อนำไปถวาย

    07.54 น.พ่อ ป้าหมี น้าตู่ ไปทำบุญตักบาตร และจะอุทิศบุญให้ ทุกคนตั้งใจอุทิศบุญให้ ลุงพรกำลังวาดรูปให้ เริ่ม หิวข้าวแล้ว

    08.05น. กินฟักทอง 2 กลีบ มังคุด 4 ลูก ต้มจืดผัก ข้าวครูด งาคั่ว ไข่ขาวใส่ซอส ธัญพืช 2 ชิ้น

    08.46น. พี่น้องชาวบ้านติ้วมาเยี่ยม พ่อไปเอากับข้าวผู้ใหญ่มากิน นอนหลับ

    09.45น. พ่อ แขกทุกคนกินข้าวกัน ตื่นนอน ฉี่ ถ่ายไม่ค่อยเยอะ เหลือง แม่เปิดเพลงธรรมะให้ฟัง พ่ออาบน้ำแล้วลงไปคุยกับแขก แม่ก็อาบน้ำต่อ ล้างถ้วย ชาม

    11.02น. ฉี่ ถ่ายเหลือง

    11.18น. กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น กินธัญพืช 3 ชิ้น แม่ชงกาแฟกิน

    11.33น. พ่อ แม่ นวดน้ำมันงา น้ำมันว่านให้

    12.05 น. พี่น้องทางสกลฯมาเยี่ยม ตาผอง พ่อเสริม ป้ากึ้ม สาวเสริน ฉลอง สาวไก่ สาวเป้า ตาจึ อาติ๋ม อาดา อาวัช น้องเอิน หน่อนิ น้องเกมส์ มาเยี่ยม

    12.40น. กินฟักทอง 1 กลีบ มังคุด 4 ลุก ต้มจืดผัก หมกปลาขาว ข้าวเหนียว ยาเอมไซม์ตับอ่อน น้ำหนอน ล้างมือ ฉี่ แม่กินข้าวครูด งาคั่วที่เราไม่กิน

    14.00น. ทุกคนกินข้าว ปิ้งปลา ส้มตำ ทอดไข่ กับข้าวอย่างอื่นมากมาย แม่ล้างถ้วย ชาม ดูรูปที่พี่แจนวาด ส่งมาให้ 3 รูป สวยมาก จะเอาให้ลุงเปี๊ยกกับลุงชัยดู คงจะชมว่าสวยมากเหมือนกัน ทุกคนช่วยกันทำกับข้าว เตรียมให้แขกทางมุกดาหาร ที่กำลังเดินทางมา

    14.15น. โกนผม ทุกคนตัดผมให้ก่อน แล้วแม่ชีโกนผมให้ โกนเสร็จฝนก็ตก

    15.13น. แช่น้ำต้มสมุนไพร เปลี่ยนเสื้อผ้า เสียหลักล้มลงหัวโดนพื้น มึนหัวนิดหน่อย

    15.36น. กินยาธิเบต กินน้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น

    15.42น. พ่อชงกาแฟกิน

    16.10 น. ป่าเฒ่า อาปลา มาเยี่ยม อาปลาบอกว่า จะเอาหนังสือธิเบตมาให้อ่าน กินกล้วยน้ำว้า 1 ลูก

    16.23น. ปุ้ย อาแจ๋ว น้องก้อง อาเกริก ย่า มา อาฝนก็มา อาฝนไม่สบาย อาหนิง เฟิร์นก็มา

    17.55น. อาจารย์บุญสรวลมา สอนหลายเรื่อง

    19.55น. ตั้งจิตอธิษฐานภาวนาถวายจตุปัจจัยเป็นเงินพันกว่าบาท พ่อไปถวาย

    19.20น. กินมังคุด 2 ลุก ฟักทอง 1 กลีบ ต้มจืดผัก ข้าวครูด งาคั่ว ไข่ขาวใส่ซอส กินน้อย

    19.43น. ฉี่ ถ่ายดี เป็นก้อนเหลือง ย่อยดี

    20.25น. กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น

    20.30น. เข้ามาด้านใน ฝนตก พ่อ แม่ ปุ้ยกันข้าว

    21.15น. พ่อนวดน้ำมันงา น้ำมันว่านให้ แม่ล้างถ้วย ชาม

    22.20น. ฉี่ ถ่ายเยอะ ไม่ค่อยย่อย กินฟักทอง 1 กลีบ มังคุด 3 ลูก ต้มจืดผัก ข้าวครูด งาคั่ว ไข่ขาวกับซอส กินน้อย แม่เปลี่ยนกางเกงให้ กำหนดลมหายใจ เข้า-ออก ท่องพุท-โธ

    00.17น. ฉี่ ถ่ายเหลือง กินฟักทอง 1 กลีบ มังคุด 3 ลูก ปวดบริเวณใกล้ก้นกบด้านขวา พ่อนวดตรงที่ปวดให้ นวดหลัง ตั้งจิตอธิฐานภาวนา กำหนดลมหายใจเข้า-ออก ท่องพุท-โธ

    01.55น. กินกล้วยน้ำว้า 1 ลูก พ่อนวดบริเวณที่ปวดให้ กำหนดลมหายใจเข้า-ออก ท่องพุท-โธ

    03.33น. พ่อแม่นวดให้ พ่อแม่กลุ้มใจมาก ฝนตกทั้งคืน นอนไม่ค่อยหลับ

    ลูกโกนผมแล้ว และตั้งใจปฏิบัติธรรมจริงๆ เช้านั้น ลูกบอกแม่ว่า
    “ป่านจะกินเฉพาะผลไม้แล้วนะแม่”

    ตอนต่อไป บวชชี ฝันแรกที่เป็นจริง
     
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ตอนที่ 14 เรื่องราวบางอย่าง ที่ลูกไม่ได้ละเลย

    วันต่อๆมา การบันทึกเริ่มลงเวลาอย่างละเอียด แม่เห็นลูกกดบันทึกเวลาไว้ในโทรศัพท์มือถือเป็นระยะ จากนั้นเมื่อมาเขียนในสมุดจริงๆ ลูกจึงขยายข้อความให้ชัดเจนขึ้น กลายเป็นบันทึกที่ละเอียดละออเรื่องระยะเวลาที่ใช้ทำกิจกรรม และบางอย่างที่แม่อ่านพบ จึงรู้ว่าเราอยู่ในสายตาของลูกเช่นกัน

    19/7/51

    05.05 น. ตื่นนอน ฉี่ ถ่ายดี สีเหลือง เป็นก้อน ย่อยดี พ่อกับแม่หอมแก้มกัน กอดกัน มีความสุข

    05.31 น. ทำบุญตักบาตร นิมนต์หลวงพ่อมาให้ได้ตักบาตร ที่กุฏิ วันนี้หลวงพ่อต้องไปสกลนคร

    05.50 น. ฝึกหายใจ แบบออกเสียง 6 แบบ

    บริหารแขนขาพร้อมหายใจ

    ฝึกบริหารขา (ใส่ถุงเท้า เท้ายุบลงทั้งสองข้าง)

    ท้องนุ่มกว่าเดิม ยุบลง

    หน้าไม่บวม

    06.41 น. กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น

    07.09 น. ฉี่ ถ่ายเหลือง เยอะ ไม่ค่อยย่อย

    07.26 น. กินน้ำเขียว ป้าเฒ่า อาปลา ก็กิน

    07.31 น. กินผักบุ้งสด มะละกอห่าม ฟักทอง 2 กลีบ มังคุด 3 ลูก ต้มจืดผัก ข้าวครูด งาคั่ว ธัญพืช 2 ชิ้น กนน้อย พ่อ ป้าเฒ่า อาปลา ปุ้ย ก็กินด้วยกัน วันนี้นั่งกินข้าวนานเกือบชั่วโมง แต่ก็ไม่เหนื่อย

    08.56 น. หลวงพี่เป้มา เอาขนมมาฝาก คงจะแอบมาเพราะหลวงพ่อไม่ให้มา เพิ่งบวชใหม่ วันนี้หลวงพ่อไม่อยู่ พ่ออาบน้ำ

    09.13 น. พยาบาลจากสกลนครมาเยี่ยม พรุ่งนี้จะกลับ ชื่ออามะนาว อาปุย

    09.25 น. แม่ชีมาเยี่ยม มาดูผมที่โกน

    09.40 น. แม่กับปุ้ย ช่วยนวดน้ำมันงา น้ำมันว่านให้ ฉี่ อามะนาวก็นวดให้ด้วย นอนหลับ ป้าเฒ่า น้าพร ป้าหมี อาตู่ มาบอกลากลับ กอดอาตู่ก่อนกลับ คิดถึงทุกคน

    12.13 น. กินยาธิเบต น้ำอุ่น นยาญี่ปุ่น พ่อไปเอายาที่มุกดาหาร

    12.20 น. กินมังคุด 3 ลูก ต้มจืดผัก น้ำเขียว ธัญพืช 2 ชิ้น ข้าวครูด งาคั่ว กินน้อยมาก งาคั่ว 2 คำ ปุ้ยกินข้าวเสร็จก็ล้างถ้วยชาม แม่นอน

    13 .07 น. ปุ้ยเช็ดตัวให้

    13.13 น. ปุ้ยนวดให้

    13.44 น. ฉี่เยอะ ใส สีชา ปุ้ยนวดต่อ นอนหลับ

    15 .18 น. ตื่นนอน แม่ก็ตื่น ปุ้ยนังหลับอยู่ พ่อยังไม่มา คงมาถึงตอนมืด

    15.35 น. กินยาธิเบต น้ำอุ่น ยาญี่ปุ่น กินกล้วยน้ำว้า 1 ลูก

    16.39 น. ฉี่ ถ่ายป็นก้อนเยอะ ย่อยดี

    16.44 น. แช่น้ำต้มสมุนไพร สระผม สดชื่นดี เปลี่ยนเสื้อผ้า

    16.52 น. พ่อมาถึง ถ่ายรูปกับพ่อ

    16.56 น. กินน้ำเขียว ปุ้ยก็กิน

    17.15 น. แช่เท้าด้วยน้ำต้มสมุนไพร แม่กับปุ้ย ช่วยนวดเท้าให้ด้วย

    17.31 น. กินมังคุด 5 ลูก กล้วยน้ำว้า 1 ลูก ข้าวเหนียว มะละกอห่าม เม็ดบัว 1 ฝัก ธัญพืช 2 ชิ้น พ่อกับปุ้ยกินมะละกอที่เหลือ แม่นึ่งเห็ด พ่ออาบน้ำ

    18.56 นง กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น ฝนตก แม่ไปเก็บเตาถ่านที่ชายคากุฏิ

    19.02 น. เข้ามาด้านในห้อง

    19.12 น. พ่อนวดให้ นอนหลับ พ่อกับแม่ตรวจร่างกาย ตรวจอาหาร พ่อ แม่ ปุ้ย ช่วยเพิ่มพลังจิตให้

    21.21 น. ฉี่เยอะ สีชา ฝนตก

    01 .53 น. ฉี่ ถ่ายไม่ค่อยเยอะ เป็นก้อน กินกล้วยน้ำว้า 1 ลูก

    นอนหลับสบาย ตื่นแค่ครั้งเดียว แต่พ่อนอนไม่ค่อยหลับ เพราะไม่สบาย
    ดีที่เราตื่นแค่ครั้งเดียว
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    .
    ตอนที่ 15 ความประณีตของจิต

    พักหลังๆนี้ลูกอ่านหนังสือเยอะมาก บางครั้งไม่มีหนังสือใหม่มาให้อ่าน ลูกจะเฝ้ารอคนที่รับปากว่าจะเอาหนังสือมาให้ หรือว่าเมื่อพ่อไปในเมือง ลูกก็รอว่าน่าจะมีหนังสือมาให้บ้าง


    วันนี้พ่อต้องไปส่งปุ้ยที่มุกดาหารจะฝากให้พ่อหาไข่ไก่บ้าน ธัญพืชนิวทรี ปากกา พ่อต้องกลับมาก่อนบ่าย 3 โมงเพราะว่ายาบ่าย 3 โมงหมดแล้ว ขอให้ป้าอ้อยฝากหนังสือธิเบตมาให้ด้วยเถิด


    การอ่านหนังสือที่มากและมีบางเล่มที่อ่านยาก ทำให้พ่อกับแม่ฉงนใจว่าทำไมลูกจึงเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง ถ้าค้นกลับไปดูในหน้าบันทึกเก่าๆ จะเห็นชื่อหนังสือแปลกๆ ที่เกี่ยวกับธิเบต อินเดียอยู่หลายเล่ม หรือที่เป็นเรื่องเมืองไทย หนังสือนั้นมักจะเป็นหนังสือธรรมะ


    รายชื่อหนังสือบางส่วน ที่ลูกอ่านผ่านมา ในช่วงสองเดือน


    ธิเบต หลั่งเลือดบนหลังคาโลก


    อุทยานธรรม ของท่านมิลาเรปะ

    มิลากรูบัม

    ชีวิตและคำสอนของซองคาปะ

    ศิลปะแห่งความสุข

    อนาคตอันเก่าแก่

    พระราชวังกลางสายรุ้ง

    รูป เงา ขุนเขา ทะเลสาป

    ลมหายใจแห่งขุนเขา แชงกรีลา ลี่เจียง ย่าติง

    หิมาลัยในความทรงจำ

    ประวัติหลวงปู้มั่น

    หลวงตาปล่อยเต่า

    35 อุบาสก พุทธสาวก

    เบอร์มิวดา สามเหลี่ยมอาถรรพ์

    ฯล

    ที่ลูกชอบอ่านมาก คือ อุทยานธรรม ของท่านมิลาเรปะ และ ประวัติหลวงปู่มั่น ลูกเขียนไว้ว่า


    หลวงพ่อเอาหนังสือเรื่อง อุทยานธรรมของท่านมิลาเรปะ มาให้อ่าน อ่านแล้วลึกซึ้งดีมาก

    ส่วนเล่มที่เกี่ยวกับประวัติหลวงปู่มั่น ลูกจะวางไว้ที่หัวเตียงตลอดเวลา

    เหตุนี้กระมัง ที่ทำให้ลูกมีความฝันที่จะไปเรียนรู้ศาตร์ต่างๆที่ธิเบต


    วันนี้อากาศดีมาก แต่ก็หนาวเย็นอยู่บ้าง กระปุกก็คงมีความสุขด้วย อ่านหนังสือ หิมาลัยในความทรงจำ อ่านแล้วยิ่งกระตุ้นให้อยากไปธิเบตมากขึ้น ไปศึกษาศิลปวัฒนธรรม พระพุทธศาสนาและเรื่องต่างๆ

    ผู้ใหญ่ที่ชอบอ่านหนังสือแนวนี้ แม้จะอ่านมากและบ่อยเพียงใด ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ แต่สำหรับลูก เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เคยชอบอ่านการ์ตูนหรือหนังสือประกอบละครโทรทัศน์ กลับหันมาอ่านหนังสือธรรมะที่มีเนื้อหาละเอียดลึกซึ้ง อย่างใจจดใจจ่อ หมายถึงสิ่งใดกัน


    หากวัดความประณีตของจิตจากการเขียนบันทึกในแต่ละนาที นับว่าต้องมีจิตที่แน่วแน่ มีความสุขที่จะทำ เพื่อเชื่อมโยงไปถึงการดูแลร่างกายและจิตใจให้อยู่ในภาวะสมดุล แต่การอ่านหนังสือบางเล่ม ต้องใช้สมาธิจิตมากกว่าเช่น อุทยานธรรมของท่านมิลาเรปะ ผู้อ่านจะต้องอ่านด้วยใจที่สงบนิ่ง จดจ่ออยู่กับถ้อยคำ จนจินตนาการไปถึงน้ำเสียงแห่งองค์คุรุผู้จารจารึกถ้อยคำนั้นได้เลยทีเดียว
     
  8. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    ตอนที่ 17 เตรียมตัวบวช

    ชีวิตในแต่ละวันเป็นไปอย่างสงบเงียบ เพราะกิจกรรมหลักของลูกคือกินยา กินอาหาร อ่านหนังสือ สลับเขียนบันทึก ส่วนพ่อกับแม่ นอกจากจะต้องทำอาหาร ตรวจอาหาร นวด พอกยา อาบน้ำให้ อุ้มลูกไปห้องน้ำ อุ้มมานอกห้อง ระยะหลังยังต้องอุ้มลงมาอาบแดด ยามเช้าๆ ที่แคร่ไม้ไผ่หน้ากุฏิ และต้องผลัดเปลี่ยนกันลงไปข้างล่างเพื่อทำธุระส่วนตัว กับซื้อหาอาหาร


    อ้อ มีความจำเป็นอีกอย่างหนึ่ง คือ ที่วัดไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ เรื่องงานของพ่อที่พอวางมือลงได้บ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าหยุดนิ่งไม่ทำอะไรเลย พ่อจึงต้องลงไปโทรศัพท์ติดต่อเพื่อนร่วมงาน และซื้อของข้างล่างบ่อยๆ บางครั้งจะไปที่อำเภอเต่างอย บางทีก็ไปที่อำเภอมุกดาหาร ระยะทางทั้งสองแห่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลไปกว่ากัน ทุกครั้งแม่รู้ว่าลูกเฝ้ารอพ่อ หากค่ำแล้วพ่อยังไม่มา ลูกเกรงว่าพ่อจะลืมเอาไฟฉายไป เพราะเวลาเดินขึ้นภูต้องมีไฟส่องทาง


    ความห่วงใย และการเฝ้ารอพ่ออย่างนี้ ลูกมีอยู่กระทั่งคืนก่อนวันสุดท้าย

    วันที่ 24 กรกฎาคม หลวงพ่อเอาบทสวดคำขอบวชชีมาให้ลูกท่อง

    ระยะนี้ลูกเขียนว่า ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง หิวข้าวเร็ว และบางวันต้องนอนกิน เพราะไม่มีแรงนั่ง อาจเป็นเพราะลูกกินเฉพาะผลไม้ แต่จากการสังเกต ลูกเขียนว่า ถ่ายเยอะ ย่อยดีมาก แสดงว่าร่างกายได้นำเอาไปใช้ นั่นคือข้อสรุปของลูก

    แต่ในคืนนั้น ยามดึกรอยต่อกับเช้าวันใหม่ ลูกเขียนว่า

    03.25 น. หิวมาก หัวสั่น หัวใจเต้นเร็ว เลยกินกล้วยน้ำว้า 1 ลูก อาการก็ดีขึ้น นอนหลับดี หนาว ไม่มีผ้าห่ม มีผืนเดียวบางๆ แม่ซักผ้าห่มเมื่อวาน แต่ไม่แห้ง

    สรุป กินกล้วยน้ำว้า 4 ลูก

    กินมังคุด 8 ลูก

    ฉี่ 7 ครั้ง

    ถ่าย 3 ครั้ง



    วันที่ 25 กรกฎาคม ครบรอบ 20 วัน สำหรับการกินอาหารแมคโครไบโอติคส์ แบบอิตาลี ลูกมีอาการหน้าบวมเล็กน้อย เพราะแพ้อากาศตอนเช้า

    07.06 น. กินยาธิเบต น้ำอุ่น กินยาญี่ปุ่น พ่อ แม่ และอาปลา ช่วยกันผสมยาจีน ที่มีราคา 120,000 บาท (ได้มาฟรี) น้าสีพี่เกาะ ช่วยกันถางหญ้าเตรียมทำโรงครัว ส่วนน้านีทำกับข้าวสำหรับตอนเที่ยง


    ลูกอธิษฐานจิตเปิดร่างกายให้หมอเทวดามารักษา แล้วตั้งจิตภาวนา ถวายกล้วยน้ำว้าและส้ม แก่พระสงฆ์ พ่อไปถวายให้ เสร็จแล้วจึงเอาน้ำอุ่นมาประคบเปลือกตา แก้บวม


    08.53 น. ลงไปอาบแดด แต่วันนี้แดดจ้านิดหน่อย พ่อ ลุงเปี๊ยก น้าสี พี่เกาะกินข้าว แม่ น้านี กินด้วย


    วันนี้มีของฝากจากหมออพภิวันท์ คือหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวกับธิเบต พ่อบอกให้น้าสี พี่เกาะ ทำชั้นหนังสือให้

    15.38 น. หลวงพ่อมา ท่องคำขอบวชชีให้หลวงพ่อฟัง ท่องผิดนิดหน่อย

    16.10 น. รับแสงอ่อนๆ ยามบ่าย

    16.18 น. ป้าน้อย ลุง.......(ลูกไม่ทราบชื่อ)มาเยี่ยม แนะนำยาอะไรให้ก็ไม่รู้ ลุง.....ขอเขียนเรื่องเราลงอินเตอร์เน็ต

    19.20 น. ย่า พ่อ ปุ้ย มา ปุ้ยเอาสมุดที่เพื่อนๆเขียนคำอวยพรให้ มาให้อ่าน(คิดถึง)


    วันที่ 26 กรกฎาคม แม่ต้องลงไปทำธุระที่สกลนคร แต่ก่อนที่จะไปแม่ได้ตรวจร่างกาย ตรวจอาหารให้ลูก ทุกอย่างกินได้ รวมทั้งยาจีน วันนี้ลูกบอกว่า อาบแดดแล้วรู้สึกสดชื่น


    09.22 น. กินน้ำหลวงปู่ พ่อชงกาแฟกิน หลวงพ่อฝากหนังสือมาให้อ่าน 3 เล่ม เรื่อง สาวิกา วิถีแห่งความรู้แจ้ง และ คือเมฆสีขาวทางก้าวเก่าแก่


    09.42 น. แม่กลับสกลนคร สั่งของแม่มากมายเลย

    ช่วงกลางวันที่แม่ไม่อยู่ ในบันทึกของลูก มีคนมาเยี่ยมลูกหลายกลุ่ม ล้วนแต่เป็นญาติสนิท ที่ขาดไม่ได้คือ ป้าเฒ่า ลุงเปี๊ยก อาปลา

    19.05 น. แม่มาถึง ได้ของหลายอย่างมากมาย มีเห็ด มีชุดขาว 2 ชุด ทางร้านเขาอนุโมทนาบุญให้ และอีกหลายอย่าง

    วันที่ 27 กรกฎาคม ลูกทำกิจกรรมทุกอย่างตามปกติ แต่วันนี้มีฝนตกปรอยๆในช่วงเช้าจึงไม่ได้ลงมาอาบแดด อาการบวมที่ใบหน้าลดลงแล้ว แต่มีบางอย่างที่ผิดสังเกตในเรื่องการขับถ่าย ลูกเขียนว่า


    18.50 น. ฉี่เยอะ ใส สีชา ถ่ายเป็นอะไรไม่รู้สีแดงๆ


    01.58 น. ฉี่เยอะ ใส สีชา มีกลิ่นแอมโมเนีย พ่อนวดมือ ตั้งจิตอธิษฐานให้ เราอธิษฐานภาวนาเปิดร่างกาย อุทิศบุญ อโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร


    สรุปของวันนี้ กล้วยน้ำว้า 3 ลูก

    มังคุด 6 ลูก

    ฉี่ 10 ครั้ง

    ถ่าย 6 ครั้ง

    ไม่กินยาจีนต่อ (ยกเลิก) เพราะลืมกินตอนกลางวัน พ่อก็เลยโกรธแม่ บอกไม่ต้องกินแล้ว ดีเหมือนกันกินยาเยอะ ไตทำงานหนัก ตั้ง 10 แคปซูล


    ช่วงนี้เป็นฤดูกาลของเห็ด ในป่ารอบๆวัดมีเห็ดงอกเยอะมาก บางวันแม่กับน้านีไปหาเห็ดมาทำอาหาร ลูกยังเขียนไว้ อย่างอารมณ์ดี


    วันที่ 28 กรกฎาคม

    14.50 น. แม่กับน้านีไปเก็บเห็ดตั้งแต่ 11 โมง ป่านนี้ยังไม่มา คงเมามันมาก กินเห็ดจนพุงกางแน่เลย

    19.37 น. พ่อกลับจากหาซื้อมะพร้าวที่เขาวง บอกว่าลุงยุทธอาการแย่แล้ว

    19.42 น. กินน้ำมะพร้าว 1 แก้ว หอมหวานมาก

    และมีบางเรื่องที่ลูก เฝ้ามองเรา


    21.08 น. เข้ามาด้านใน ไม่เห็นพ่อกับแม่คุยกันเลย ไม่รู้โกรธกันเรื่องอะไร

    23.30 น. ตั้งจิตอธิษฐานภาวนา เปิดร่างกาย อุทิศบุญ อโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร

    กำหนดลมหายใจ เข้า-ออก

    ท่อง พุท-โธ

    02.50 น. ทำสมาธิ ดูแสงเทียน

    นอนหลับสบายดี ตื่นแค่ 2 ครั้ง

    กล้วยน้ำว้า 4 ลูก

    มังคุด 5 ลูก

    ฉี่ 9 ครั้ง

    ถ่าย 7 ครั้ง

    อาจเป็นเพราะการกินเฉพาะผลไม้ ในวันหลังๆ ลูกบันทึกว่าไม่ค่อยมีแรง และขอเปลี่ยนมาเป็นกินข้าวแทนผลไม้ บ้าง ขณะที่การท่องคำขอบวชเป็นไปอย่างคล่องแคล่วแล้ว


    วันที่ 30 กรกฎาคม


    08.11 น. หลวงพ่อมา ท่องบทสวดคำขอบวชให้ฟัง เสียงดัง ฟังชัด จากนั้นก็ซ้อมรับศิล ต้องฝึกท่องคำอารธนาศิล 8 เพิ่ม

    วันที่ 31 กรกฎาคม

    16.19 น. หลวงพ่อมาโปรด ท่องบทคำขอบวช เสียงดังฟังชัด จากนั้นซ้อมรับศิล (อามะ ภันเต) หลวงพ่ออุทิศบุญให้ และเทศน์สอนหลายเรื่อง ลึกซึ้งถึงพระพุทธเจ้ามาก

    วันที่ 1 สิงหาคม


    วันนี้วันพระ และจะบวชชี เพื่อศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    .​
    ตอนที่ 18 บวชชี

    วันที่ 1 สิงหาคม 2551 เวลาประมาณ 18 .00 น. ลูกของแม่กลายเป็นลูกขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในนามนักบวชหญิง ผู้ถือศิล 8

    ตอนทำพิธี หลวงพ่อถามว่าจะรับศิลข้อที่ไม่ถือเงินด้วยหรือเปล่า ลูกบอกว่า ไม่สามารถถือปฏิบัติในข้อนี้ได้เพราะลูกตั้งใจว่า ถ้าหายจากอาการป่วย ลูกจะเดินทางไปเรียนต่อที่ธิเบต การเดินทางและเล่าเรียนจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงิน การมีเงินไว้ใช้สอยและจัดการด้วยตนเองได้ จึงยังต้องทำ

    คืนนั้น ในท่ามกลางความสงัดเงียบของวัด แสงไฟสลัวรางจากเปลวเทียนแท่งใหญ่ สาดจับผนังถ้ำเป็นเงาวิบวิบ ทุกคนที่นั่งอยู่ในถ้ำ ต่างใจจดจ่อกับภาพตรงหน้า คือลูกที่นั่งอยู่แถวหน้า สงบนิ่งในชุดขาว เบื้องหน้าของลูกคือหลวงพ่อ ที่นั่งอยู่ในที่สูงขึ้นไป


    แม่หวั่นใจว่า ลูกจะประคองตัวนั่งตรงๆได้ไม่นาน เพราะปกติต้องนั่งพิงหมอนหนานุ่ม แต่คืนสำคัญเช่นนี้ แม้แม่จะเป็นห่วงลูกมากแค่ไหน แม่เพียงนั่งอยู่ใกล้ๆและเอาใจช่วย เพราะแม่เชื่อว่าลูกสามารถทำได้

    ลูกแม่ ตอนที่ลูกท่องคำขอบวช ทุกคนในที่นั้นยิ่งนิ่งอึ้ง จากภาวะที่นิ่งเงียบอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ความสงบสงัดแผ่ซ่านไปทั่ว เสียงของลูกที่กังวานออกมาจากจิตอันแน่วแน่ มีพลังเต็มเปี่ยม เรียกได้ว่า เป็นน้ำเสียงที่ออกมาจากดวงจิตอันห้าวหาญ จึงมีกังวานสดใส สะกดใจคนฟังให้นิ่งงัน แม้น้ำเสียงจะขาดห้วงกระท่อนกระแท่นอยู่บ้าง แต่พลังเสียงไม่ได้ลดน้อยลง


    ลูกแม่..แม่ไม่ได้พูดเกินความจริง ทุกคนต่างยืนยันและบอกว่า เหลือเชื่อ...เหลือเชื่อเพราะว่า ไม่มีใครคิดว่าลูกจะนั่งได้ตัวตรงๆพนมมือได้นานขนาดนั้น และที่เหลือเชื่อที่สองคือ หลังจากผ่านพิธีบวชไปแล้ว ทุกคนนั่งสมาธินิ่งเงียบรวมทั้งลูก สิ่งที่แม่กังวลตลอดเวลาคือ กลัวว่าลูกจะทรุดลงเพราะไม่สามารถทรงตัวได้ ทั้งจากความอ่อนเพลีย และความผอมบางของร่างกาย ที่ไม่มีกล้ามเนื้อสะโพกมารองรับการนั่งได้อีกแล้ว แต่ลูกกลับทำในสิ่งที่เกินคาดหมาย ลูกนั่งหลับตานิ่งอยู่ในท่าสมาธิได้นานถึง 45 นาที

    นั่นคือครั้งแรกและครั้งเดียว ที่ลูกนั่งสมาธิได้นานขนาดนั้น แม้ว่าวันพระต่อมา ซึ่งลูกจดจ่อเฝ้ารอการมาฟังคำเทศน์และทำสมาธิที่ถ้ำ วันต่อมาลูกใช้เวลานั่งน้อยลง และการนั่งภาวนาที่ถ้ำ ลูกได้มาเพียงสองครั้งเท่านั้น แล้วลูกก็จากเราไป


    แม่อดแปลกใจไม่ได้ ที่ลูกไม่ได้เขียนเรื่องพิธีกรรมการบวชไว้เลย


    บันทึกในวันที่ 1 สิงหาคม ลูกเขียนเรื่องราวทั่วๆไป ในเรื่องอาหารการกิน และญาติมิตรที่มาเยี่ยม วันนั้นเป็นคณะลุงยงค์ ป้าจ๋า ลุงขุน ป้าตุ๋ย จากขอนแก่นมาเยี่ยม และแม่สังเกตเห็นช่วงเวลาที่หายไป คือช่วงที่ทำพิธีกรรมอยู่ที่ถ้ำ

    16.34 น. อาบน้ำต้มสมุนไพร สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำแล้วรู้สึกสดชื่นชึ้น หอมกลิ่นสมุนไพรตามตัว

    .........(ช่วงเวลาที่ขาดหายไปนี้ คือช่วงที่ทำพิธีบวช)...

    20.42 น. กินยาธิเบต กินน้ำอุ่น

    ตอนบ่ายๆของทุกวัน หลวงพ่อยังคงมาสอนธรรมะให้ลูกที่กุฎิสม่ำเสมอ และตอนเย็นลูกจะทำวัตรเย็น เจริญเมตตาพรหมวิหาร

    แม่พบว่ามีบางอย่างที่แปลกออกไปจากวันก่อนๆ เริ่มจาก วันที่ 4 สิงหาคม
    ในบันทึกนั้นมีเรื่องราวบางอย่างที่น่าสนใจเกิดขึ้น
     
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ตอนที่ 19 จิตอัศจรรย์

    อาจเป็นเพราะว่าแม่อยู่กับลูกตลอดเวลา จนกระทั่งคิดว่าความสงบนิ่งคืออาการปกติที่ลูกเป็นอยู่ แน่ล่ะ นิสัยของลูกไม่เหมือนเด็กอื่นๆมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ลูกมีสมาธิมาตั้งแต่ตัวน้อยๆ แม่เคยเห็นลูกนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่คนเดียว ทั้งแต่งตัวและหวีผมให้มันครั้งละนานๆ เป็นชั่วโมง สองชั่วโมง โดยไม่เบื่อเพราะนั่นคือกิจกรรมของเด็ก ๆ ที่ภายในใจอาจมีจินตนาการมากมาย แต่ขณะที่เป็นคนป่วย การใช้เวลานิ่งเงียบอยู่กับตัวเองของลูก เช่นการเขียนบันทึกและอ่านหนังสือ ความนิ่งเงียบที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกดูคล้ายผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่แม้กระทั่งพ่อกับแม่ก็ยังเกรงใจ ไม่กล้ารบกวน


    สิ่งที่ลูกเป็น สิ่งที่ลูกทำ อาจไม่น่าแปลกใจนัก เพราะเราต่างก็รู้ว่าลูกพยายามสงบนิ่งอยู่กับการทำสมาธิตามคำสอนของหลวงพ่อ แต่มีบางอย่างที่แม่อ่านพบในบันทึก และคิดว่าลูกเองก็คงประหลาดใจเช่นกัน ว่าสิ่งนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว และในเวลาต่อมา ลูกสามารถใช้จิตดวงนั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในการเยียวยาตนเองตามที่หลวงพ่อสอนไว้


    การเฝ้าดูจิต จนกระทั่งจิตเฝ้าดูกายทำงานอย่างต่อเนื่องตามธรรมชาติของมัน น่าจะเป็นอยู่ตลอดเวลา แต่สิ่งหนึ่งที่ลูกทิ้งไว้ให้เรารู้คือ การบันทึกในรายละเอียดของการพิจารณากาย หลังจากที่มีการพอกยาไปแล้ว


    วันที่ 4 สิงหาคม


    บันทึกเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ มีเรื่องราวซ้ำเดิม คือ อาหารการกิน กินยา และอาบน้ำสมุนไพร มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นคือ ทำยาพอก สูตรของแม่ชีถนอมศรี

    10.45 น. บูชาพระรัตนตรัย ก่อนจะเริ่มทำยา (ยาพอก) แม่ชีถนอมศรี บอกว่าสรรพคุณยาทำให้เจ้ากรรมนายเวกลัว แล้วออกไป (สรรพคุณนี้เป็นความลับระหว่างลูกกับแม่ชี)

    11.56 น.พอกท้อง พอกหัว

    12.30 น. พอกท้อง พอกหัวเสร็จ

    เย็นทั่วท้องและหัว

    หายใจสบายขึ้น

    เย็นไปถึงตับ

    เย็นไปถึงสมอง

    รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดูดที่ตับ

    โล่ง เบาสบาย

    12.41 น. กินน้ำต้มสมุนไพร หญ้าคมปาว

    ตอนพอกยา ตั้งจิตอธิษฐานเปิดร่างกาย อุทิศบุญ และอโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร

    กำหนดลมหายใจเข้าออก ท่อง พุท-โธ

    ในบันทึกของวันนี้ นอกเหนือจากกินอาหาร กินยา นวด อาบแดด ยังมีการบันทึกว่า เปิดร่างกายให้หมอเทวดามารักษา อุทิศบุญ และภาวนาพุท-โธ ซึ่งกลายเป็นกิจกรรมหลัก ที่ลูกทำอยู่ตลอดเวลา


    16.24 น. พอกท้อง และหัว ด้วยรากพรหมราชา


    แผ่เมตตาจิต

    กำหนดลมหายใจเข้า-ออก

    ท่อง พุท-โธ

    16.53 น. พอกท้องและหัวเสร็จ

    หายใจโล่ง สบาย

    เย็นหัวและท้อง

    ขาสั่น

    รู้สึกมีอะไรมาดูดที่ท้อง

    สมองปลอดโปร่ง

    จากนั้นเป็นบันทึกถึงกิจกรรมเดิมๆ รวมทั้งสวดมนต์ทำวัตรเย็น และเปิดร่างกาย ภาวนาพุท-โธ


    วันที่ 5 สิงหาคม


    ลูกตื่นมาทำวัตรเช้า ตั้งแต่ 05.40 น. และพอกท้องพอกหัว เวลา 06.33 น. เสร็จในเวลา 06.51 น.

    ในบันทึกเริ่มมีความละเอียดของอาการทางกาย ที่เกิดจากการพอกยามากขึ้น

    06.51 น. พอกท้องและหัวเสร็จ


    เย็นท้อง และหัว

    เย็นไปถึงกระดูก

    รู้สึกมีอะไรมาดูดที่ท้อง

    หายใจโล่งสบายท้อง

    เย็นทั่วหัว

    เย็นไปถึงหน้าผาก

    โล่ง เบาสมอง

    ช่วงเที่ยง มีการพอกยาที่ท้องและหัวเหมือนเดิม ในบันทึก มีรายละเอียดของอาการทางกายเพิ่มมากขึ้น


    12.50 น. พอกหัวและท้องเสร็จ


    เย็นทั่วหัวและท้อง

    เย็นถึงสะดือ

    เย็นถึงกระดูกซี่โครง

    เบาท้อง รู้สึกโล่ง

    หายใจสะดวกขึ้น

    รู้สึกมีอะไรมาดูดที่ท้อง

    เบาหัว โล่งสมอง

    เย็นถึงหน้าผาก

    เย็นถึงตา

    เบา สบายทั้งตัว

    อีกทั้งอาการของร่างกายภายนอก ลูกยังเขียนว่า มือทั้งสองข้าง สีแดงลดลง เป็นสีปกติมากขึ้น


    บันทึกในวันต่อๆมา แสดงให้เห็นถึงการทำงานของจิตที่ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ แม่ดูจากบันทึกที่ว่าอวัยวะต่างๆตอบสนองการพอกยาอย่างไรบ้าง น่าจะหมายถึงว่า ในทุกขณะจิต ลูกได้เฝ้าดูการทำงานของมันตลอดเวลา

    วันที่ 6 สิงหาคม


    17.10 น. พอกท้องและหัวเสร็จ

    เย็นทั่วท้องและหัว

    หายใจสะดวกมากขึ้น

    โล่ง เบาท้อง

    เย็นที่ตับมากขึ้น

    ดูดทั่วท้อง

    ดูดถึงปอด

    ดูดถึงคอ

    เย็นถึงต้นขา

    เย็นถึงกระดูกสันหลัง

    เย็นถึงกระดูกซี่โครง

    โล่งเบาหัวสมอง

    เย็นถึงหน้าผาก

    เย็นถึงตา

    เย็นถึงจมูก

    เบา สบายกายขึ้นมามาก

    รู้สึกว่าก้อนจะอ่อน

    เป็นไปไม่ได้เลย ที่แม่จะมองข้ามการทำงานของจิตลูกในแต่ละวัน นั่นเป็นเพราะว่า บันทึกในแต่ละวันต่อจากนี้ คือความละเอียดอ่อน และวันเวลาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการเป็นนักบวชของลูก กับการเยียวยาความป่วยไข้ของตนเอง


    วันที่ 7 สิงหาคม


    07.00น. พอกท้องและหัวเสร็จ

    เย็นทั่วท้อง

    เบา โล่งท้อง

    หายใจสะดวก โล่ง

    เปล่งเสียงได้ดีขึ้น

    เย็นถึงกระดูกสันหลัง

    เย็นถึงกระดูกซี่โครง

    เย็นถึงต้นขา

    เย็นถึงต้นแขน เล็กน้อย

    เย็นถึงตับ มากขึ้น

    ดูดถึงปอด

    ดูดถึงคอแรงขึ้น

    ดูดถึงตับแรงขึ้น

    รู้สึกว่าท้องอ่อนมากขึ้น

    เบา โล่งหัวสมอง

    เย็นถึงหน้าผาก

    เย็นถึงตา

    เย็นถึงหู

    เย็นถึงริมฝีปาก

    เย็นที่กลางกระหม่อมมากขึ้น

    โล่ง เบาสบายตัว

    ลูกแม่ บันทึกแต่ละวัน แม่เห็นถึงการดูกายที่ละเอียดขึ้นเรื่อยๆ หลังการพอกยา ด้านภายนอกร่างกาย ลูกบอกว่าสีแดงที่ฝ่ามือลดลง เสียงที่พูดมีพลังมากขึ้น และการหายใจก็ช้าลง


    แม่เห็นความละเอียดที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน เช่น ลูกบอกว่า อาการของร่างกายแสดงรายละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ


    วันที่ 8 สิงหาคม


    13.28 น. พอกท้องและหัวเสร็จ

    เย็นทั่วหัวและท้องมากขึ้น

    เย็นลึกลงไปทั่วหัว และท้องมากขึ้น

    เบา โล่งท้องมากขึ้น

    เย็นทั่วท้องมากขึ้น

    เย็นถึงตับมากขึ้น

    เย็นถึงปอดมากขึ้น

    เย็นถึงคอมากขึ้น

    เย็นถึงต้นขามากขึ้น

    เย็นถึงต้นแขนมากขึ้น

    เย็นถึงลำคอมากขึ้น

    เย็นถึงต้นคอมากขึ้น

    ตับทำงานดีขึ้น

    ปอดทำงานดีขึ้น

    ปอดขยายใหญ่ขึ้น

    หายใจสะดวกขึ้น

    เริ่มหายใจปกติ ไม่หายใจเร็ว

    ดูดถึงตับมากขึ้น

    ดูดถึงท้องแรงขึ้น

    ดูดถึงปอดแรงขึ้น

    ดูดถึงคอแรงขึ้น

    โล่ง เบาสมองมากขึ้น

    เย็นทั่วหัวสมองมากขึ้น

    เย็นถึงตามากขึ้น

    เย็นถึงหน้าผากมากขึ้น

    เย็นถึงจมูกมากขึ้น

    เย็นถึงริมฝีปากมากขึ้น

    เย็นถึงปากมากขึ้น

    เย็นลึกไปถึงรูหูมากขึ้น

    เย็นถึงหูมากขึ้น

    เย็นถึงแก้มมากขึ้น

    ดูดที่หัวแรงขึ้น

    เย็นถึงกลางกระหม่อมมากขึ้น

    ดูดถึงตา

    เบา สบายกายมากขึ้น

    มีกำลังมากขึ้น

    มีพลังแขนมากขึ้น

    มีพลังขามากขึ้น

    มีจุดแดงที่มือลดลง

    ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น

    ทุกระบบเริ่มทำงานได้ดี

    ทุกๆวันมีการพอกยา 2-3 ครั้ง แต่ละครั้งมีพัฒนาการของร่างกายที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จากการเฝ้าสังเกตโดยใช้สมาธิจิต ในบันทึกมีเรื่องราวเดิมๆ และชื่อคนที่มาเยี่ยมทุกคน

    วันที่ 9 สิงหาคม ลูกพอกยา 3 ครั้ง เช้าตรู่ เที่ยง และเย็น วันนี้ลูกได้ไปสวดมนต์ นั่งสมาธิที่ถ้ำด้วย


    18.47 น. พี่เลย์อุ้มไปที่ถ้ำ

    18.56 น. เริ่มสวดมนต์ ทำวัตรเย็น ออกเสียงได้ดี นั่งสวดมนต์

    19.10 น. นั่งสมาธิ ตั้งจิตอธิษฐาน อุทิศบุญ อโหสิกรรมให้เจ้ากรรมนายเวร แผ่เมตตา กำหนดลมหายใจเข้า-ออก ท่อง พุท-โธ

    19.48 น. นั่งสมาธิเสร็จ (ใช้เวลา 38 นาที)

    20.01 น. พี่เลย์อุ้มกลับมากุฎิ

    20.18 น.พ่อกลับมา ได้ของมาเยอะ พ่อบอกว่า ยอดรัก สลักใจ เสียแล้ว เสียอย่างสงบ

    บันทึกวันต่อๆมา บอกถึงอาการของร่างกายที่ปรับสภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่จิตเฝ้าสังเกตอาการได้ลึก กระทั่งเห็นก้อนในตับอ่อนที่นิ่มมากขึ้นและเลื่อนต่ำลงเรื่อยๆ ในทุกวัน


    เย็นถึง ตับ ปอด คอ ก้อน(เนื้อ)

    เย็นถึง ต้นคอ ลำคอ สะบัก

    เย็นถึง แขน ต้นแขน ศอก

    เย็นถึง มือ ฝ่ามือ นิ้วมือ

    เย็นถึง ขา ต้นขา เท้า

    เย็นถึง ฝ่าเท้า นิ้วเท้า ก้น

    เย็นถึง ก้นกบ กระดูกสันหลัง

    เย็นถึง หลัง ซี่โครง ไหล่

    เย็นถึง กระดูกแขน

    เย็นมากขึ้น เย็นลึกขึ้น


    ดูดถึง ตับ ปอด คอ ก้อน(เนื้อ)

    ดูดถึง ต้นคอ ลำคอ สะบัก

    ดูดถึง แขน ต้นแขน ศอก

    ดูดถึง มือ ฝ่ามือ นิ้วมือ

    ดูดถึง ขา ต้นขา เท้า

    ดูดถึง ฝ่าเท้า นิ้วเท้า ก้นกบ

    ดูดถึง ก้น กระดูกซี่โครง

    ดูดถึง หลัง สันหลัง ไหล่

    ดูดถึง กระดูกแขน

    ดูดแรงขึ้น ดูดลึกขึ้น

    ตับทำงานดีขึ้น

    ปอดทำงานดีขึ้น

    ปอดขยายใหญ่ขึ้น

    หายใจสะดวกขึ้น

    หายใจเป็นจังหวะ

    หายใจลึกขึ้น

    เปล่งเสียงได้ชัด

    ตับ ก้อน ก้อนนิ่มขึ้น

    ก้อนเลื่อนลงต่ำ

    โล่ง เบาสมอง



    เย็นถึง กระหม่อม หน้าผาก ตา

    เย็นถึง จมูก รูจมูก ปาก ริมฝีปาก

    เย็นถึง แก้ม คาง ท้ายทอย

    เย็นถึง หู รูหู กระโหลก หลอดลม

    เย็นมากขึ้น เย็นลึกขึ้น


    ดูดถึง กระหม่อม หน้าผาก ตา


    ดูดถึง จมูก รูจมูก ปาก ริมฝีปาก

    ดูดถึง แก้ม คาง ท้ายทอย

    ดูดถึง หู รูหู กระโหลก หลอดลม

    ดูดมากขึ้น ดูดลึกขึ้น


    โล่ง เบาสบาย


    ทุกระบบเริ่มทำงานดีขึ้น

    ผายลมบ่อยขึ้น

    ฉี่ ถ่ายปกติ

    ถ่ายง่าย เป็นก้อน

    อาหารถูกดูด นำไปใช้มากขึ้น


    มือ เท้า ศอก เข่า อุ่นขึ้น


    มือมีจุดแดงลดลง

    มีกล้ามเนื้อ

    มีเนื้อ มีหนัง

    มีกำลังมากขึ้น

    มีกำลังแขน กำลังขามากขึ้น

    อารมณ์ดี กินได้

    ไม่เหนื่อย โล่ง เบาสบาย มีกำลัง

    วันที่ 16 สิงหาคม พ่ออุ้มลูกไปที่ถ้ำ ระหว่างที่รอหลวงพ่อและคนอื่นๆ ลูกยังต้องนอนรอ และลุกนั่งเมื่อการสวดมนต์เริ่มขึ้น และลูกยังนั่งสมาธิ ใช้เวลานาน 30 นาที

    ลูกจบบันทึกของคืนนั้นว่า


    พระจันทร์เต็มดวง สวยมาก
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ตอนที่ 20 บันทึกวันสุดท้าย



    แม่ไล่สายตามองหาคำว่ามะเร็ง ในหน้ากระดาษบันทึกของลูก ตั้งแต่หน้าแรกจนกระทั่งหน้าสุดท้าย ในจำนวนกว่า 300 หน้า ไม่มีสักคำเดียวที่ลูกจะเขียนถึงมัน



    ไม่ใช่เฉพาะคำนั้นเท่านั้น เพราะไม่มีแม้กระทั่งคำรำพึงรำพันว่า เราจะหายไหมหนอ ลูกแม่คงไม่กลัวความตายแล้วจริงๆ แต่ใจแม่นี่สิที่รู้สึกเหมือนถูกกระตุกวาบในครั้งหนึ่ง เมื่อมีคนแปลกหน้าตามหลวงพ่อมาเยี่ยมลูก ขณะที่หลวงพ่อมาสอนธรรมะ คุณตาคนนั้น แกถามว่า ลูกป่วยเป็นอะไรเหรอ แม่นิ่งอึ้ง ไม่อยากตอบเพราะไม่อยากโกหก และแล้วในนาทีต่อมา ผู้ที่ทำลายความเงียบอันชวนอึดอัดนั้นคือหลวงพ่อ ท่านพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า

    “เป็นมะเร็งในตับอ่อน”

    แม่อยากจะสลายร่างไปในบัดดล รู้สึกช็อคชาไปทั้งตัว เพราะกลัวว่าลูกจะสะเทือนใจรับไม่ได้กับความจริงนี้ แต่แล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลูกยังคงนั่งสงบนิ่งไม่มีปฎิกริยาใดๆที่แสดงว่าลูกได้ยิน บางทีลูกอาจจะรู้นานแล้ว หรือว่าเพิ่งจะรู้ แต่ดูเหมือนมันไม่มีความหมายใดๆต่อลูกอีก แม่ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ แอบชำเลืองดูลูก ก่อนที่จะก้มหน้าซ่อนน้ำตาที่ปริ่มๆ ของตัวเอง



    แม้แต่ในวันที่ 17 กรกฏาคม ที่คุณหมออพภิวันท์ มาขอสัมภาษณ์ลูกเพื่อจะนำไปเขียนลงในจุลสารมิตรภาพบำบัด คุณหมอถามว่า

    “กลัวตายไหมคะ” ลูกตอบว่า

    “ไม่กลัวค่ะ เพราะทุกคนก็ต้องตาย”

    “แล้วเสียใจไหม ถ้าจะต้องตาย”

    “ไม่เสียใจค่ะ เพราะทุกคนต้องตาย ถ้าไม่มีใครตายเลย ป่านตายคนเดียวก็คงจะเสียใจ”

    ลูกแม่ คำถามที่ยากจะตอบสำหรับคนทั่วไป แต่ลูกของแม่มีคำตอบแล้วสำหรับตัวเองและทุกคน

    คุณหมอถามอีกว่า

    “มีอะไรจะบอกพ่อกับแม่ไหมคะ”

    ลูกนอนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ แล้วน้ำตาก็ไหลอาบแก้ม นี่คือครั้งแรกที่ลูกร้องไห้ ตั้งแต่มาอยู่ที่วัด ทว่า น้ำตาที่หยาดลงมานั้น ไม่ใช่เพราะความเศร้าโศก

    “เขารู้สึกตื้นตันใจ เมื่อนึกถึงพ่อกับแม่ จนพูดไม่ออก ใช่ไหมลูก” หลวงพ่อที่นั่งบนเก้าอี้โยก อยู่ทางหัวนอนลูกช่วยถาม ลูกพยักหน้ารับ ขณะที่จะยกมือขึ้นปาดน้ำตา

    “แล้วมีอะไรจะบอกกับพี่สาวไหมคะ” คุณหมอถามอีก

    “อยากให้พี่เขาพักผ่อนบ้าง ไม่อยากให้เรียนหนักมาก เพราะตอนนี้ มีพี่อยู่กับคุณย่าเพียงสองคน อยากให้พี่ดูแลสุขภาพของตัวเองด้วย”

    ดูสิ...สิ่งที่ลูกเป็นห่วงคนอื่นๆ มีแต่เรื่องสุขภาพ และความพอดีของชีวิต



    วันที่ 19 และ 20 สิงหาคม



    20/08/51

    ลุงยุทธเสียเมื่อตอนเช้า ขอดวงวิญญาณ จงไปสู่สุขคติด้วยเถิด

    15.34 น. หลวงพ่อมา บอกหลวงพ่อว่าลุงยุทธเสียแล้ว หลวงพ่อก็อุทิศบุญให้


    เมื่อพ่อบอกว่า ลุงยุทธสิ้นใจแล้วที่บ้านพักในเมืองขอนแก่น เมื่อคืนนี้ ลูกรับฟังอย่างเงียบๆ ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม ในบันทึกของลูก ยังคงเขียนในเรื่องเดิมๆ เพียงเพิ่มอาการของร่างกายขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง ที่เกิดขึ้นภายหลังการพอกยา นั่นคือลูกเห็นอาการดูดและความเย็นของยา ที่แทรกลึกลงไปถึงเส้นเอ็นที่ขา จนสามารถขยับเข่า งอเข่าได้มากขึ้น

    ระยะนี้ลูกจะอยู่ในสมาธิตลอดเวลา(นอนสมาธิ) และจะไม่พูดอะไรกับใครเลย ยกเว้นเมื่อต้องการให้ทำอะไรให้ สิ่งหนึ่งที่ลูกขอให้แม่จัดเตรียมให้ คืออุปกรณ์การทำวัตรเย็น อันมีเบาะรองนั่ง หนังสือสวดมนต์ เพราะทุกวันลูกจะตั้งใจทำวัตรเช้าและเย็น จนกระทั่งวันสุดท้ายเท่านั้น ที่ลูกไม่มีเรี่ยวแรงลุกนั่งทำวัตรเย็นอีกแล้ว



    วันที่ 21 สิงหาคม

    06.45 น. ถ่ายเป็นก้อน ย่อยดี

    06.53 น. กินแก้วมังกร มะละกอสุก น้อยหน่า ลองกอง ส้มเช้ง หมากเบน หมากเม่า น้ำต้มข้าว ข้าวเหนียวโรยเกลือ (กินน้อย)

    07.23 น. กินผลไม้เสร็จ ใช้เวลา 28 นาที ตั้งจิตอธิษฐาน อุทิศบุญ แผ่เมตตา อโหสิกรรม ถวายกล้วยน้ำว้า แก้วมังกร มะละกอ หมากเม่า น้านีไปถวาย

    07.38 น. แม่ขูดซาให้

    08.00 น. (แม่อุ้ม)ลงมาอาบแดด

    08.32 น. (แม่อุ้ม)ขึ้นมาบนบ้าน

    สดชื่น

    มือ เท้า ศอก เข่า อุ่น

    มือมีจุดแดงลดลง อุ่น

    11.30 น. กินมะละกอสุก น้อยหน่า ลองกอง ส้มเช้ง หมากเบน หมากเม่า ไข่ขาวใส่ซอส ข้าวเหนียว

    12.00น. กินผลไม้เสร็จใช้เวลา 30 นาที

    13.53 น. ฉี่ เยอะ ใส สีชา ถ่ายนิดหน่อย

    16.18น. กินหมากเบน น้อยหน่า ส้มเช้ง

    16.31 น. กินผลไม้เสร็จใช้เวลา 13 นาที



    บันทึกวันสุดท้าย สิ่งที่ขาดหายไปคือการพอกยา เพราะหลังจากสี่โมงเย็นไปแล้ว ลูกมีอาการอ่อนเพลียลงมาก หลังจากกินอาหาร ลูกนอนหลับตานิ่งๆ จนตกค่ำ แม่จึงได้พอกยาให้ลูกอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ใช้เวลาไม่นานนัก ก็เช็ดยาออกด้วยน้ำต้มสมุนไพร



    ขณะนั้น แม่เชื่อว่า จิตของลูกที่เฝ้าดูกาย ทำงานอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกระแสแห่งการเกิด ได้ดับไปพร้อมกับกายสังขารที่เสื่อมสภาพ ตามลำดับขั้น ของธาตุทั้ง 4 ในเวลา 21 .30 นั้นเอง
     
  12. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>
    [​IMG]
    .
    ตอนที่ 21 พิธีปลงศพ



    ลูกสิ้นใจท่ามกลางวงล้อมของเหล่าผู้ที่รักและเมตตาลูก โดยเฉพาะหลวงพ่อซึ่งนั่งสมาธิสงบนิ่งตลอดเวลา ตั้งแต่ลูกมีอาการใกล้จะดับ จนผ่านนาทีแห่งการพลัดพรากไปแล้ว ท่านก็ยังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่อย่างนั้น อีกหลายนาที



    แม่กับพ่อร้องไห้ วนเวียนกอดลูบร่างลูก ด้วยความรักความผูกพันที่รัดรึงจิตของเราไว้อย่างแน่นหนา แม่รู้สึกเหมือนใจจะขาด ยามนี้มีเพียงอ้อมกอดพ่อเท่านั้นที่เป็นที่มั่นให้พึ่งพิง เราทั้งคู่กอดกันแล้วร่ำไห้ ไม่ต่างจากลุงเปี๊ยก ป้าเฒ่า หรือใครๆ ที่นั่งนิ่งปาดป้ายน้ำตาอย่างยากจะกลั้น



    เพียงไม่นาน ทุกอย่างก็คลายจาง แม่ต้องตั้งสติอีกหน เพราะต้องจัดการกับสิ่งที่รออยู่ นั่นคืองานศพของลูก



    หลวงพ่อท่านบอกว่า ในเมื่อเขาไปดีแล้ว เราก็ทำงานบุญให้เขาอย่างเรียบง่ายก็แล้วกัน ทางวัดจะเป็นเจ้าภาพให้ พรุ่งนี้เช้าทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ตอนบ่ายก็เผาเลย เพราะไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะยืดเวลาออกไป ในเมื่อร่างของลูกคือสิ่งที่ต้องแตกสลายอยู่แล้ว จะช้าจะเร็วไม่สำคัญ เจ้าของร่างได้ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างหมดจดแล้ว



    ลูกแม่ คนที่น่าสงสารอีกคนคือพี่ปุ้ยของลูก พี่ปุ้ยมาถึงที่กุฏิหลังจากลูกจากไปไม่นาน เขามาจากมุกดาหารกับน้าๆหลายคน แต่ไม่มีใครบอกพี่ปุ้ยเลยว่าลูกเสียแล้ว ขณะที่เดินขึ้นภูมาอย่างเหนื่อยล้าอ่อนกำลัง เมื่อมาถึงสิ่งที่พี่เขาเห็นคือร่างลูกที่นอนทอดยาวอยู่บนเตียง ไร้ความรู้สึกใดๆแล้ว พี่เขาผวาเข้าไปกอดลูกแล้วร้องไห้



    คืนแห่งความเศร้าโศกของเราเริ่มทุเลาเบาบางลงบ้าง เพราะมีหลวงพ่อที่คอยให้สติ ท่านบอกว่าทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่มีอะไรที่ไม่เกิดไม่ดับ แต่เราจะเข้าถึง เข้าใจ จนระงับความทุกขเวทนาได้หรือไม่เท่านั้นเอง


    รุ่งเช้า วันที่ 22 สิงหาคม



    สายฝนทิ้งรอยไว้เมื่อย่ำรุ่ง ความหนาวเย็นคลี่ห่มทั่วภูผา ในหุบเขามองจากระเบียงกุฎิ หมอกหนาหนักยังซุกนิ่งอยู่เต็มหุบ แม่เหม่อมองด้วยใจหม่น นึกถึงลูกที่เคยตื่นแต่เช้าแล้วนั่งดูหมอกขาวโพลนนั้นด้วยกัน

    ครั้นแสงอาทิตย์สาดผ่านมาบางๆ ทุกอย่างเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เหมือนละไอหมอกที่ค่อยๆจางหายไปในที่สุด



    พิธีกรรมยามเช้า เป็นไปตามปกติของชาววัด เสร็จจากนั้น เราจึงนำหีบศพของลูกมาไว้ที่ศาลาใหญ่ เพื่อที่ญาติมิตรจะได้มาคารวะศพอย่างสะดวก ศาลาใหญ่หลังนี้เป็นอาคารสองชั้น อยู่ด้านหน้าของวัด เป็นที่รับรองแขกคณะใหญ่ๆอยู่แล้ว



    วันนั้น คนที่รู้ข่าวเดินทางมาร่วมงานศพลูกทั้งใกล้ทั้งไกล มากมายหลายร้อย แม้ว่าเป็นการจัดงานศพที่กระชับเวลาให้สั้นที่สุด หลายคนที่มางานศพลุงยุทธ มาจากภาคเหนือ ภาคใต้ เมื่อรู้ว่าลูกเสียแล้ว พวกเขาก็มาร่วมงานของลูกด้วย เพราะล้วนแต่รู้จักมักคุ้นกับพ่อ และมีอยู่หนึ่งคณะ ที่เดินทางมาทำกิจกรรมเข้าค่ายที่ศูนย์อินแปงพอดี คือทีมอาจารย์ซาโตมิ กับนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยคูคูคาอิน อาจารย์ท่านนี้ สนิทสนมกับลูกตั้งแต่ลูกยังตัวเล็กๆ เพราะท่านจะพานักศึกษามาจัดกิจกรรมเรียนรู้ธรรมชาติที่บ้านเราทุกปี จนท่านมีความรักต่อพ่อเหมือนลูก และรักลูกเหมือนหลาน การมาค่ายครั้งนี้ กลับกลายเป็นว่า ต้องมาร่ำลาลูกเป็นครั้งสุดท้ายด้วย



    งานศพลูก แม่คงต้องขอบคุณใครๆมากมาย เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เลี้ยงรับรองแขก ที่เป็นมังสวิรัติ และการเตรียมสถานที่ที่จะเผา หรือเชิงตะกอน ที่ต้องหาไม้ฟืนมาให้มากพอเพียงและรวดเร็ว ทุกอย่างสำเร็จได้เพราะพี่น้องชาวบ้านละแวกใกล้ไกลทั้งหลาย ที่ช่วยกัน



    ราวๆบ่ายสามโมง ทุกคนเคลื่อนมาที่เชิงตะกอน ริมหน้าผา ใกล้กุฎิที่ลูกอยู่ หลวงพ่อกับคณะสงฆ์ได้ทำพิธีสวดและเป็นประธานฌาปณกิจ จากนั้นเปลวเพลิงก็ลุกไหม้ร้อนแรง ท่ามกลางอากาศมัวซัว เมฆหมอกห่มคลุมทั่วภู และหัวใจทุกคนที่เฝ้าดู คงไม่ต่างกันกับบรรยากาศนั้นสักเท่าใด


    ลูกแม่ ลูกคือร่างแรก ที่ทรุดลงแนบแผ่นดินบนภูสูงแห่งนี้ ด้วยเมตตาบารมีของหลวงพ่อท่าน อย่างแท้จริง
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]
    .​
    ตอนที่ 22 จะไม่ใช่เพียงแค่ความทรงจำอันงดงาม

    รุ่งขึ้นอีกวัน หลังจากเก็บอัฐฐิของลูกแล้ว ความเศร้าโศกค่อยๆถอยห่างไปจากเรา ในตอนสาย พ่อได้ประกาศเจตนารมย์ให้แก่ญาติมิตรทั้งหลายทราบว่า พ่อจะตั้ง “กองทุนแม่ชีป่าน” ขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนกิจกรรมด้านธรรมะ แก่เยาวชนตามเจตจำนงค์ของลูกที่เคยบอกกับใครๆไว้ว่า อยากทำงานสืบต่อพระพุทธศาสนา แม่เชื่อว่า ในขณะที่พ่อกล่าวคำขอบคุณทุกๆคนที่นั่งอยู่ในถ้ำ ตอนนั้น ลูกได้รับรู้ด้วยเป็นแน่แท้

    “ไม่เพียงแค่พ่อแม่และญาติพี่น้องใกล้ชิดเท่านั้นที่เลี้ยงดูแม่ชีป่านมา ที่ผ่านมานั้น มีทั้งพี่น้องชาวบ้าน โดยเฉพาะเครือข่ายอินแปง และมิตรสหายทุกคนได้ช่วยกันเลี้ยงจนเติบโตมา จนเป็นคนทั้งดี ทั้งเก่ง ทั้งอดทนและอะไรต่างๆ ที่ดีงามที่ผมพูดแบบนี้ ไม่ใช้ว่าลูกคนนี้ตายแล้วก็มายกย่องเขา แต่เขามีหลายอย่างเกินความเป็นเด็ก ที่ได้เรียนรู้จากทุกๆคนที่เขาใกล้ชิด”

    “ลูกผม ตัดสินใจมาอยู่ที่วัดนี้ วันที่มา คุณแม่ผมร้องไห้ เพราะทางขึ้นมาวัดลำบากมาก คลื่นติดต่อทางโทรศัพท์ก็ไม่มี และได้พี่น้องบ้านติ้วช่วยหามลูกผมขึ้นมา คิดดูแล้วก็น่าเป็นห่วง ตามที่ท่านกังวลเพราะหากป่วยหนักมาก จะมีใครมารักษาให้ในวัด คุณแม่เจ็บปวดเรื่องพ่อที่พึ่งเสียไปไม่นาน และหลานที่เป็นมะเร็ง จนต้องร้องไห้ตัดพ้อผม ผมก็ไม่รู้จะพูดช่วยแบบไหน จนได้หลวงพ่อ ช่วยอธิบายเรื่องจิตให้เข้าใจ และตัวผมเองได้เห็นลูกสาวแผ่จิตเมตตา เห็นการอ่าน รวมทั้งการศึกษาต่างๆด้วย ลูกผมไม่เพียงอ่านหนังสือมาก หนังสือแต่ละเล่มหนาเป็นสี่ห้าร้อยหน้า อ่านประมาณว่าหากเปรียบเทียบว่าเอาหนังสือการ์ตูนมารวมกันแล้ว ประมาณสามร้อยเล่ม และอ่านหนังสือธรรมะ เกี่ยวกับเรื่องพระพุทธเจ้า หนังสือแปลจากประเทศต่างๆ เขารู้สึกสนุกที่ได้อ่าน เขามีความฝัน มีความสุขไปแบบนั้น..”

    “แต่ที่สุด ทั้งหมดเป็นสัจจะธรรมอย่างหลวงพ่อว่า โรคมะเร็งเมื่อถึงเวลาแล้ว กำลังเราก็อ่อนลงไป และกำลังเราไม่เพียงพอจนสุดท้ายลูกผมก็จากไป”

    “สถานการณที่ลูกผมจากไป ที่เห็นได้ว่าลำบากนิดหนึ่งก็คือตอนที่เขาก่อนจะเสีย มีอาการกึกกักในหูในปากเล็กน้อย มีอาการกัดลิ้นนิดหนึ่งและผ่อนคลาย ค่อยๆหมดลมหายใจ ถามว่าเจ็บไหม ไม่ ปวดไหม ไม่ ร้อนไหม ไม่ ยกมือขึ้นไหว้ แล้วก็จากไป”

    น้ำเสียงพ่อเริ่มสั่นเครืออีกแล้ว

    “สิ่งที่ผมได้ คือมีแต่คนมาช่วย มาให้ ผมต้องขอบคุณ ผมไม่มีเงิน ไม่มีหลักประกัน เพราะไม่ใช่ข้าราชการ แต่ว่าผมมีพี่น้อง คนนั้นคนนี้ ให้มาตลอด ให้จนเหลือ”

    “ สิ่งที่พูดในสุดท้ายนี้ คือ ผมตั้งใจ จะนำเงินที่ทุกคนช่วยทำบุญนี้ มาเป็นกองบุญ โดยขออนุญาตใช้ชื่อว่า กองบุญวิมุตตา คือชื่อลูกสาวผมเอง ตั้งเป็นทุนเพื่อการศึกษา เพื่อให้รู้จัก เข้าใจ และหาทางแก้ไข หาทางออกในการรักษาโรคมะเร็ง ให้ได้มากขึ้น และดีกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นแผนปัจจุบัน หรือแพทย์ทางเลือก โดยพยายามใช้ประสบการณ์จากลูกสาวและคนอื่น ๆ โดยจะเอาเงินจากพี่น้องที่บริจาคเข้ามา และในขณะที่พี่น้องชาวบ้านทำบุญ ผมซึ้งใจพี่น้องบ้านเก่า บ้านบัว และบ้านอื่นๆ แต่ที่ผมต้องขอบคุณคือ พี่น้องบ้านกกตูม ซึ่งผมเองไม่รู้จักซื่อ ไม่เคยเห็นหน้า แต่รู้จักสามสี่คนที่นี่ตามที่หลวงพ่อแนะนำให้รู้จัก นอกนั้นผมไม่รู้จัก แต่พี่น้องเอาข้าว เอาเงินห้าบาท สิบบาท ยี่สิบบาท มาให้ ผมเห็นค่าของเงินเหล่านั้น ผมเป็นคนจน เป็นคนทุกข์ ผมเห็นเงินเหล่านี้ผมไม่ใช้ ผมจะเอาเงินมารวบรวมเป็นกองทุน และมั่นใจว่าจะมีคนมาช่วยค้นหา หรือถอดความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งให้ได้มากกว่านี้“

    “ผมไม่ยอมแพ้เด็ดขาด ผมสูญเสียลูกผมไป แต่ผมต้องเอาชนะเรื่องเหล่านี้ให้ได้ แต่ไม่ใช่ผมคนเดียว ซึ่งต้องอาศัยเพื่อน และคนรู้จักมีความรู้เรื่องสุขภาพเข้ามาช่วยกันดูแลร่วมกัน “



    “รวมทั้ง ผมจะสนับนุนกิจกรรมด้านธรรมะ ให้แก่เยาวชนในท้องถิ่นบ้านเรา ได้รู้จัก ได้เข้าใจพระพุทธศาสนา เพื่อการรู้จักตัวเอง และพึ่งพาจิตใจตัวเอง ได้ในที่สุด เหมือนที่แม่ชีป่านได้ทำเอาไว้”

    “เนื่องจากเป็นธรรมเนียมประเพณีของเครือข่ายอินแปง ที่มีทุนสวัสดิการช่วยเหลือครอบครัวสมาชิก เงินก้อนนี้ที่ผมได้รับมา ก็จะนำมาดำเนินการเป็นกองบุญต่อไปด้วย”

    ลูกแม่ ผ่านมาเกือบหนึ่งปีแล้ว ที่ลูกจากไป กิจกรรมจากกองทุนของลูกได้ดำเนินไปบ้างแล้ว โดยเฉพาะด้านการอบรมธรรมะแก่เยาวชน ที่เรียกว่า "เขียนภาพ วาดใจ" ที่ครูเป้ ของลูก มาเป็นครูผู้ถ่ายทอดให้แก่กลุ่มเพื่อนๆของลูกที่บ้านป้าเฒ่า ลุงเปี๊ยกไงจ๊ะ
     
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]
    .​
    ตอนที่ 23 ดวงธรรมที่ส่องทาง

    ลูกรักของแม่ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้เรารู้จักคำว่าสูญเสียได้อย่างลึกซึ้ง แม้แต่แม่เองก็ยังต้องครุ่นคิดย้อนหลังไปว่า ถ้าสามารถย้อนเวลาไปแก้ไขหรือป้องกันการจากพรากที่แสนจะรันทดนี้ได้ในตอนไหนได้บ้าง แม่ก็ทำ

    ถ้าแม่รู้ว่าลูกจะอยู่กับเราไม่นาน แม่จะไม่ส่งลูกไปอยู่กับคนอื่น แม้คนนั้นจะเป็นปู่กับย่าก็ตาม
    ถ้าแม่รู้ว่าลูกป่วยหนักและมีเวลาเหลืออีกไม่นานนัก แม่จะไม่เชื่อหมอที่วินิจฉัย ถ้ารักษาลูกได้ด้วยวิธีใดๆ เพื่อให้ลูกหายขาด แม่ก็จะทำ

    แต่ก็นั่นล่ะ พูดไปเมื่อสายเสียแล้ว จะมีประโยชน์อะไร ที่จะรำพัน ดังนั้น สิ่งที่พอจะทำได้ คือ แม่อยากบอกกับคนที่เป็นพ่อแม่ทุกคนว่า อย่ามอบความรับผิดชอบเรื่องสุขภาพของลูกให้กับคนอื่นทั้งหมด พ่อแม่ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะเมื่อเกิดความผิดพลาด ความเสียใจจะได้ไม่เกิดขึ้นมากนัก

    และเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกคนในครอบครัว คือ เรื่องภาวะกดดันจากความเครียดที่จะเกิดขึ้นกับทุกๆคน ในสถานการณ์ที่ต้องดูแลคนป่วย เราแทบจะป่วยตามไปด้วย เพราะเวลาพักผ่อนมีน้อยลง สำหรับพ่อแม่ นับว่าโชคดีแล้ว ที่หน้าที่การงานไม่บีบรัดจนต้องเป็นกังวล และเราสามารถจัดเวลาในการดูแลลูกได้มากกว่าสิ่งใด แต่ไม่ได้หมายความเราจะไม่เครียด บางครั้ง ที่ลูกเขียนว่าทำไมพ่อกับแม่ไม่คุยกัน โกรธกันเรื่องอะไร แม่ลืมเรื่องที่โกรธนั้นไปแล้วล่ะลูก แต่ยอมรับว่ามีอารมณ์กระทบกันบ้าง เพียงแต่ต่างฝ่ายต่างรู้จักที่จะถอยออกมาอยู่เงียบๆในมุมของตัวเอง บางครั้งแม่ก็ถือโอกาสหลบมาอ่านหนังสือ ซึ่งลูกก็รู้ เพราะแม่เห็นในบันทึกหลายตอนที่ลูกเขียนว่า แม่คงแอบไปอ่านหนังสือสอบ

    ในที่สุด ปีนี้ แม่ก็เรียนจบปริญญาตรีแล้ว เหมือนเป็นรางวัลแห่งความฝันที่ลูกเฝ้าฝันแทนแม่ เสียดายที่ลูกไม่ได้อยู่ร่วมดีใจด้วย แต่ลูกคงรับรู้ได้

    น่าแปลก มาถึงวันนี้ แม่คิดว่าเราจะเป็นอะไรก็ได้ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการเป็นอะไรนั้น คือ การเป็นคนที่มีความทุกข์ให้น้อยที่สุด หรือ ไม่มีความทุกข์เลยยิ่งดี

    ดังนั้นเกือบทุกวันพระ หรือเมื่อมีโอกาส พ่อกับแม่จะมากราบหลวงพ่อ มาทำบุญตักบาตร แล้วค้างคืนปฎิบัติธรรมที่วัด เพื่อส่งแรงบุญแรงกุศลไปถึงลูก นอกจากที่วัด เวลาที่อยู่บ้าน เราก็สวดมนต์นั่งสมาธิเช่นกัน

    แม่อยากบอกลูกอีกครั้งว่า ลูกคือดวงใจของแม่
    แต่ที่เหนือกว่านั้น ลูกคือดวงธรรม ที่ส่องนำทางสว่างไสวอยู่ในใจของแม่ตลอดเวลา...ลูกรัก


    จบเนื้อหาหลัก (อย่างไม่เป็นทางการ)​

     
  15. namaste

    namaste Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +55
    T-T อ่านไปก็ปรุงแต่งทั้งกุศลอกุศลไป จนน้ำตาไหลพรากๆไม่รู้ตัว

    น้องเค้าเก่งมากจริงๆ

    โมทนาค่ะ ^^b
     
  16. ราคุเรียวซาย

    ราคุเรียวซาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,940
    ค่าพลัง:
    +8,515
    ฮือๆๆ
    อ่านแล้วน้ำตาน้ำมูกไหล
    สงสารแม่กับพ่อแล้วก็ลูกด้วย

    การเกิด
    การแก่
    การเจ็บ
    การตาย
    เป็นทุกข์แท้หนอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2009
  17. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    อนุโมทนาสาธุค่ะ

    น้องป่านทำให้เห็นอะไรหลายอย่างเลย

    เห็นความจริงของชีวิต

    ขอบคุณมากๆนะคะ

    เกิด แก่ เจ็บ ตายเป็ฯเรื่องธรรมดาของคนเราจริงๆ
     
  18. มนตรา_นาคี

    มนตรา_นาคี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +179
    ขอบคุณค่ะ..แม่ชีป่าน

    ขอบคุณจากใจจริง

    ขอบคุณที่ทำให้การตายเป็นสิ่งสวยงาม ถ้ารู้จักที่จะตายให้เป็น
     
  19. magnagiled

    magnagiled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,444
    ขออนุโมทนาบุญ กับคุณแม่ และน้องป่าน ด้วยนะครับ

    ขอให้ผลบุญที่คุณแม่กับน้องป่านได้ทำร่วมกัน จงเป็นความสุขและเจริญเรื่อยๆขึ้นไปจนถึง

    นิพพาน
     

แชร์หน้านี้

Loading...