มหาเถระคันฉ่อง พระอาจารย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

​

ตามรอยสมเด็จพระพนรัต พระสังฆราชอรัญวาสี (มหาเถระคันฉ่อง) พระอาจารย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เพื่อเป็นการเผยแพร่พระเกียรติคุณ สมเด็จพระอริยวงศาญาณ ปริยัติวราสังฆราชาธิปดี ศรีสมณุตมาปรินายก ติปิฎธรจารย์สฤษดิ์ ขัตติยสารสุนทร มหาคณฤศรอุตรวาม คณะสังฆรารามคามวาสี

ขออนุญาตคัดลอกบทบันทึกเกี่ยวกับที่มาของภาพสมเด็จพระพนรัต พระสังฆราชอรัญวาสี (มหาเถระคันฉ่อง) พระอาจารย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยพระพีระ จิตตวีโร สำนักสงฆ์วัดป่าแก้ว บ้านป่าโหล

 

เหมือนรู้ใจนะครับ

ผมเพิ่งไปวัดกษัตราธิราช จ.อยุธยามา


กำลังจะโพส เรื่องนี้พอดี

ภาพนี้มีในโบสถ์วัดกษัตริย์ฯ ด้วย ขอบคุณมากครับ

 

สำนักสงฆ์ป่าแก้ว เจ้าอาวาสท่านเคารพ พระมหาเถรคันฉ่องมาก เคยมีวัตถุมงคล ด้านหน้า รูป พระมหาเถร และพระนเรศวร ด้านหลังเป็น ช้าง เจ้าพระยาปราบหงสาวดี หล่อด้วยแผ่นยันต์ต่างๆ ออกไว้บูชา เพื่อ นำเงินสร้างทางเข้าวัด เพราะปัจจุบัน ทางมันชัน แถม เป็นลูกรัง พระบิณฑบาตลำบากมาก + คนแถวนั้น เดินทางไม่สะดวก
ผมบูชามา 1เหรียญ ที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร ตอนนี้ไม่ทราบว่าหมดรึยัง เพราะบูชามาตอน ประมาณ พฤษภาคม 51

 

แต่ที่ดิฉันไปที่วัดกษัตริยาธิราช จว.พระนครศรีอยุธยา ดิฉันเห็นเค้าแยกรูปปั้น แทนองค์สมเด็จพระพนรัตน์ กับพระมหาเถรคันฉ่อง สรุปแล้วจริงๆเป็นยังไงกันแน่คะ เป็นองค์เดียวกันหรือ?

 

ขอบคุณครับ

 

แม้ เกิด นั้นตำแหน่งใดไม่อาจจะพ้นทุกข์ไปได้

 

ผมเข้ามาอ่านกระทู้วันนี้ แล้วรู้สึกดีใจที่มีผู้นำประวัติของสมเด็จพระพนรัตมาเผยแพร่เกียรติประวัติของท่านคับ พอดีได้ไปกราบพระอาจารย์พีระ จิตตวีโร สำนักสงฆ์วัดป่าแก้ว บ้านป่าโหล

 

ขอบคุณที่ให้ความรู้นะค่ะ ชอบจริงฯ web นี้

 

วัดป่าแก้วในอดีต คือ วัดวรเชษฐ์ (นอกเกาะ)ในปัจจุบัน ...อยู่ สี่แยกเสนา หรือ บางที่เรียก สี่แยกวรเชษฐ์ (อยู่ตรงสี่แยก ทิศทาง ตรงข้ามกับ ทางไป อ.เสนา อยุธยา) หน้าวัด มี พระปรางค์ อยู่หลายองค์ (จำนวนแน่นอน จำไม่ได้) สถานที่ แห่งนี้ คือ ที่ถวายพระเพลิงฯ และเก็บอัฐิ พระนเรศวรฯ ด้วย(ใน พระปรางค์ องค์ใหญ่) บางท่านอาจสัมผัสได้ ด้วยญาณทัศนะ ของตนเอง

ศึกษาข้อเท็จได้ด้วยตนเอง จาก ข้อมูลต่าง ๆ ก่อนที่จะสรุป และ อาจจะศึกษาเพิ่มเติม จากหนังสือ เรื่อง "เกิดอะไรขึ้นกับ วัดวรเชษฐ์ (นอกเกาะ)" ไปหาอ่านได้ที่ วัดฯ บางทีถ้าโชคดี อาจจะเจอ "สมเด็จพระพนรัตน์ " ในชาติปัจจุบัน ก็ได้

 

<TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed; PADDING-RIGHT: 3px; PADDING-LEFT: 3px; PADDING-BOTTOM: 0px; PADDING-TOP: 0px" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="100%" height="100%">หุ่นขี้ผึ้งต้นแบบ..สมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องพระจักรพรรดิ ปางพระนิพพานวิสุทธิเทพ ภาคประทานพร
ซึ่งรังสรรค์ได้วิจิตรงดงามมาก หนึ่งเดียวในโลก


ที่กำลังจะมีพิธีบวงสรวงใหญ่ ณ วัดพรหมนิวาส อยุธยา
ช่วยกันทำบุญปรับภพเปลี่ยนภูมิให้เหล่านักรบโบราณในอดีตหลายยุคสมัย รวมทั้งในยุคของสมเด็จพระนเรศวร ด้วยครับ
http://www.tonkwamdee.com/forum/index.php?topic=4.0


</TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="100%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext align=left width="100%" colSpan=2><HR style="BORDER-TOP: #e1dfe1 1px solid" width="100%" SIZE=0>


</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อายันตุ โภนโต อิธะ ทานะ สีละ เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจาธิฏฐานะเมตตุเปกขา ยุทธายะ โว คัณหะถะอาวุธานีติ.
ดูก่อนพระบารมีทั้งหลาย ขอเชิญพระบารมีคือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐานะ เมตตา และอุเบกขา จงมาที่นี่โดยเร็วพลัน แล้วพากันถือเอาอาวุธ เพื่อยุทธ์กับพญามาร (กิเลส) เถิด.
อนุโมทนาครับ.
บริจาคเงินช่วยวัดพระบาทน้ำพุ
โทร.1900-222-200 6บาท/นาที​

 

อนุโมทนา สาธุ นะคะ อยากมีโอกาศไปวัดกษัตราอีกครั้งจังเลยค่ะ

 

เคยมีโอกาสเดินทางไปวัดวรเชษฐ์
สถูปเจดีของพระพนรัตน์ จะเป็นเจดีย์ใหญ่อยู่ข้างๆ สถูปของสมเด็จพระนเรศวร
และสถูปของพระมหาเถรคันฉ่อง จะเป็นเจดีย์เล็กๆ ข้างหลังเจดีย์สมเด็จพระนเรศวร และ หลังศาลาร้องทุกข์ ของสมเด็จพระเอกาทศรถ

ทีแรกเคยเข้าใจว่า ทั้ง 2 องค์ เป็นองค์เดียวกันเหมือนกัน แต่ภายหลังพอได้มีโอกาสได้ไปวัดวรเชษฐ์ และได้สอบถามไกด์สมัครเล่นท่านนึง ท่านว่าคนละองค์กัน สมเด็จพระสังฆราชเป็นภิกษุชาวสยาม มีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา ส่วนพระมหาเถรคันฉ่อง เดินทางมาในยุคหลัง เป็นภิกษุชาวมอญ ซึ่งขัดกับบทความข้างต้นอยู่

มิได้มีเจตนาพูดคัดค้านหรือนอกประเด็นนะครับ ไม่ว่าจะองค์เดียวกันหรือไม่ก็มีคุณูประการทั้ง 2 องค์ แต่เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ของคนยุคหลัง รบกวนเจ้าของพื้นที่ ช่วยสอบถาม ข้อมูลเพื่อความชัดเจนจะก่อเกิดประโยชน์ ขอบคุณครับ

เพิ่มเติมครับ :
เคยได้มาว่าพระมหาเถรคันฉ่องมีหน้าที่เสกนําพระพุทธมนต์ล้างหน้าสมเด็จพระนเรศวรทุกเช้า
และสมเด็จพระนเรศวรเดิมพระกายท่านมิใช่สีดํา เป็นสีผิวปกติ แต่เป็นเพราะทรงฝึกการยุทธ์ และที่สําคัญทรงอาบนําว่าน จนพระวรกายดําเงา

 

เป็นคนละองค์กันครับ พระมหาเถรคันฉ่อง ท่านไม่ได้มาประจำอยู่ในอโยธยา ท่านมาเป็นบางครั้งบางคราว ปัจจุบันท่านมาเกิดเป็นทหารอายุประมาณ ยี่สิบต้นๆ แต่ญาณในท่านก็ยังคงเป็นพระมหาเถรแหละครับ ภาวนาเก่งและเก่งวิชาหลายอย่าง แต่ยังนำเอาของเก่ามาใช้ได้ไม่เยอะ ท่านมาทำหน้าที่ทางศาสนาเช่นกัน แม้แต่ปรมาจารย์เขาอ้อ ยุคหลวงปู่ทวดท่านก็มาเกิดเช่นกัน หลวงปู่ทวดท่านฝากให้ผมช่วยดูแลเรื่องการปฏิบัติและการใช้วิชาเก่าๆของเด็กคนนี้ ท่านบอกว่าถ้าเขาใช้วิชาผิดทางจะทำให้หลุดพ้นช้า

สำหรับที่วัดวรเชษฐ์(นอกเกาะ) สำหรับผมเองเฉยๆ ไปทีไรก็ไม่เคยเจอกับญาณของพระนเรศว์ที่นั่น แต่สำหรับที่อื่นๆที่มีรูปปั้นของท่านผมจะเจอกายทิพย์ท่านตลอดเลย ผมจะเจอกับญาณของพระนเรศร์ทุกที่ที่มีญาณท่านอยู่ ท่านจะมาบอกเรื่องต่างๆผมบ่อยครั้ง ทุกครั้งที่ผมอยากเจอท่านท่านก็จะมาหา ใครที่สามารถติดต่อพระนเรศร์ได้ก็ลองถามท่านดู สำหรับรูปปั้นของท่านส่วนใหญ่ยังทำได้ไม่ค่อยเหมือนองค์จริงของท่าน วันก่อนผมก็ไปให้ช่างเขาแก้หุ่นขี้ผึ้งของท่านที่โรงหล่อพระอยุธยา

สำหรับมณีจันทร์เขาก็มาเกิดเช่นกัน ปัจจุบันเขาก็มาเกิด อยู่ในอยุธยานั่นแหละ ชาติร่วมสมัยของพระนเรศร์ปัจจุบันก็คือ หลวงตามหาบัว ครับ อันนี้ท่านบอกผมเอง สรุปว่าทั้งพระนเรศร์และพระพี่นางสุพรรณกัลยา ปัจจุบันญาณของท่านก็ติดตามผมอยู่ ไปด้วยกันทุกหนทุกแห่ง

ปัจจุบันคนอโยธยามาเกิดกันเยอะ ทหารเอกของพระนเรศร์ ปัจจุบันก็มาอยู่ด้วยกับผม พระนเรศร์ในชาติของหลวงตามหาบัวท่านเป็นผู้ส่งมา ทหารเอกคนนี้เขาเป็นคนสุดท้ายที่ได้พบเห็นพระพี่นางสุพรรณกัลยา

เรื่องลึกๆเกี่ยวกับพระนเรศร์มีเยอะครับ ผมถามท่านเรื่องการสวรรคตของท่าน ปรากฏว่าท่านถูกวางยาพิษ โดยสนมคนหนึ่ง โดยสนมคนนั้นก็ไม่รู้ว่าในน้ำนั้นมียาพิษ เพราะทหารที่สนิทกับสนมนั้นเป็นคนแอบเอายาพิษไปใส่ ทหารคนนั้นเขารับสินบนเป็นของมีค่ามาหีบนึงจากฝ่ายพม่า

บางครั้งผมอยากจะเขียนเรื่องราวของพระนเรศร์ขึ้นมาเพิ่มเติม แต่ก็ดูแล้วว่าไม่มีประโยชน์อะไร อดีตก็คืออดีต ครับ

 

เรียน ..... คุณ อัญญาสิทธิ์ (เขียนถูกเปล่าครับ)


เห็นเค้าบอกว่า สมเด็จพระนเรศวร คือ องค์พระหลวงตามหาบัว ใช่หรือไม่ครับ วานผู้รู้บอกที.......

....แล้วผม จะบรรลุ อีกกี่ชาติ ถึงจะสำเร็จ บอกหน่อยได้ไหมครับ

 

ผมเป็นคนนำข้อมูลมาเปิดเผยเองว่าหลวงตามหาบัวคือชาตินึงของพระนเรศร์ เพราะท่านบอกผมอย่างนั้น หลวงปู่ทวดท่านก็ยืนยันกับผมว่าเป็นอย่างนั้น และในขณะที่ญาณหลวงตาบัวท่านมาหาผมนั้น เมื่อท่านจะสื่อสารกับผมญาณในของท่านก็จะเปลี่ยนเป็นพระนเรศร์ ทุกครั้ง

อย่างแม่จันดี น้องสาวของหลวงตาบัว ท่านก็ไม่ธรรมดา เรื่องอรรถเรื่องธรรม ท่านก็สุดยอดเช่นกัน พระพุทธเจ้าโคดม กับพระพุทธเจ้าโกนาคม เสด็จมาปรดท่านถึงกุฏี ครับ อดีตท่านคือ พระแม่จามเทวี(บารมีระดับจักรพรรดิ์ ) ท่านเป็นพระโพธิสัตว์สร้างบารมีเช่นกัน สำหรับหลวงตาบัวนั้น พระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรด เช่นกัน ใครที่เกี่ยวข้องกันเมื่อสร้างบารมีถึงจุดนึง ก็จะพบเจอกันทางเครือข่ายญาณครับ ไม่ได้เกี่ยวว่าจะเป็นพระหรือโยม หากบารมีถึง ปฎิบัติถึง ก็จะถึงธรรมได้เหมือนกัน และก็มักจะถึงพระพุทธเจ้า ด้วยครับ

เรื่องการบรรลุธรรมนั้น ใครจะสำเร็จเมื่อใด พระพุทธเจ้าเท่านั้น ที่จะทำนายได้ครับ

ถ้าใครจะถวายของของให้สมพระเกียรติของพระนเรศร์ ควรถวายช้างสำริด หรือช้างที่เป็นโลหะ ถึงจะดีครับ ถวายไก่ไม่เป็นประโยชน์แต่อย่างใดครับ แม้แต่ถวายม้ายังสู้ถวายช้างไม่ได้

 

แล้วสรุปว่า องค์หลวงตา ท่านบรรลุพระอรหันต์ แล้ว แต่ท่านว่าเป้นชาติหนึ่งของพระนเรศวร (ผม งง ครับ เพราะภูมิไม่ถึง) งั้นพระนเรศวรก็มีหลายชาติสิ ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกหลายชาติ (ใช่ไหม)
ส่วน องค์พระหลวงตา ท่านคือ ชาติสุดท้าย ไม่กลับมาเวียนในวัฏวนแล้ว ดังนั้น....................

....แต่ทำไม ครูอาจารย์ ถึง แสดงว่า จิตมีดวงเดียว (ที่ถามไม่ได้ลองภูมิ นะครับ) แค่สงสัยเท่านั้น ................


.......ควรไม่ควรประการใด ข้าน้อยก็ขออภัยด้วยเด้อครับ.... ที่ถามอย่างนี้ เพราะภูมิบ่ฮอด แต่อยากฮู้ครับ ขอบคุณครับ

 

หลวงตาท่านบอกกับผมว่า ท่านเป็นพระโพธิสัตว์เต็มตัว ผมเข้าใจว่าหลวงตาผ่านภูมิอรหันต์ ท่านจึงปรารภว่า เป็นชาติสุดท้าย เรื่องของพระโพธิสัตว์นั้นเป็นเรื่องเฉพาะครับ พระนเรศวร ท่านยังต้องเวียนว่ายตายเกิดมาสร้างบารมีอีกมากครับ บารมีหลวงตา(พระนเรศวร) หลวงปู่ทวดท่านบอกผมว่า บารมีหลวงตาอยู่ระดับเดียวกับหลวงปู่ทวดและหลวงปู่โต ครับ

เรื่องจิตของพระโพธิสัตว์ นั้นสามารถแบ่งภาคบารมีได้ สบายมาก เท่าที่เคยศึกษามามีพระสงฆ์บางรูปได้ปรารภเรื่องการแบ่งภาคญาณบารมี เช่น หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทองทิพย์ เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องของพระโพธิสัตว์ ครับ เรื่องการแบ่งจิตนี้ แม่จันดี เคยเล่าให้ผมฟังว่า มีคราวนึงหลวงตาเคยถามแม่จันดีว่า ปฏิบัติเป็นยังไงบ้าง แม่จันดีก็ตอบว่า ตอนนี้จิตมันแบ่งออกได้ หลวงตาตอบว่า นั่นน่ะดีแล้วรักษาไว้ให้ดี


อย่างที่ผมได้ไปกราบแม่จันดี ที่จริงผมไม่เคยรู้จักท่านและไม่เคยนึกถึงด้วยซ้ำ มีวันนึงคิดถึงพระแม่จามเทวี ว่าพระนเรศวรท่านยังลงมาสร้างบารมี แล้วพระแม่จามเทวี ก็น่าจะลงมา แต่ไม่รู้อยู่ที่ไหน ลงมาหรือเปล่า ต่อมาก็คิดว่าคนใกล้ชิดหลวงตาน่าจะเป็นคนมีบารมี ก็นึกถึงแม่จันดี ว่าถ้าเคยเกี่ยวข้องกันก็ขอให้รู้ ปรากฏว่าญาณเชื่อมกันยังไงไม่รู้ ก็คุยกับแม่จันดีทางจิต ก็เลยรู้ว่าใครเป็นใคร ก็บอกท่านว่าอีกไม่นานผมจะไปกราบ เมื่อมีโอกาสก็เลยไปหาท่าน ท่านคุยธรรมะสนุก ก็ปรารภให้แม่จันดีฟังเรื่องที่พระตถาคตท่านเสด็จมาหาผม แม่จันดีท่านเลยเล่าให้ฟังว่าพระพุทธเจ้าสองพระองค์มาหาท่าน ท่านเห็นด้วยตาเนื้อเลย แล้วพระพุทธเจ้าทั้งสองพระองค์ได้ประทับรอยพระบาทไว้บนกุฏิไม้ของแม่จันดีด้วย

เรื่องจิตมีดวงเดียวนี้ผมไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ เพราะบางครั้งจิตเราเองยังแบ่งออกไปเป้นสองได้เลยคือ เวลาถอดกายทิพย์ บางวาระ จิตมันแยกออกเป็นสองคน คุยกัน จิตนึงก็คือจิตที่อยู่ในกายหยาบ จิตนึงก็คือกายทิพย์ที่แยกออกไป หรือบางครั้งปฏิบัติไปเจอจิตของตัวเองล่องลอยอยู่ในถ้ำ ก็พิจารณาว่าเอ... มันเป็นจิตเราสมัยไหนหนอ คงปฏิบัติทิ้งสังขารไว้ในถ้ำจิตส่วนหนึ่งจึงยังอยู่ตรงนั้นเป็นต้น ก็ไม่ทราบว่าของคนอื่นเป็นอย่างไร แต่จากประสบการณ์ผมเป็นแบบนี้ และในอภิธรรมก็กล่าวไว้ว่าจิตมีหลายดวง แต่ผมไม่เคยศึกษาในเรื่องของอภิธรรม

สำหรับเรื่องของหลวงตานั้น ให้ปฎิบัติไปถึงท่าน แล้วจะเข้าใจได้ด้วยตัวเอง ครับ

 

สรุปว่า หลวงตาท่านเข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพาน แล้วใช่ไหมครับ........ หรือว่าไม่

...(จากประวัติท่าน องค์พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตาบ้านตาด ท่านเคยปรารถนาพุทธภูมิ แต่ท่านเห็นว่าเนิ่นช้า จึงขอลา บรรลุเป้นพระอรหันต์ในชาตินี้ )
....และ จากฟังท่านเทศน์ หลายกัณฑ์ ท่านว่า ท่านสำเร็จธรรมขั้นสูง คือ พระอรหันต์นะครับ แต่อ่านเรื่องนี้แล้ว ทำให้ผม งง. .... งง แต่ไม่เขวนะ ....แต่ก็อด บ่ได้ที่อยากสิฮู้ครับ...................... ขออภัยเด้อครับ ที่ผมอยากฮู้ คงสิบ่ถือสาเด็กน้อยที่เพิ่ง ปฏิบัติดอกน้อครับ........สาธุๆๆ