ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

การนอนกรนจะถือว่าเป็นโรคชนิดหนึ่งก็ได้
สาเหตุเกิดจาก เลือดลม(เลือด และลมปราณ(พลังชีวิต)) ไหลไปหล่อเลี้ยงที่เพดานอ่อนในปาก(บริเวรลิ้นไก่)ไม่พอ รวมถึงไปเลี้ยงระบบประสาทอัตโนมัติที่มาควบคุมบริเวรนี้ในสมองด้วย
ทำให้เวลานอนหลับ ประสาทอัตโนมัติที่มาควบคุมขาดหายไป ทำให้ลิ้นไก่ตกปิดหลอดลม อย่างอ่อนๆ เวลาลมหายใจผ่าน มันก็กระพือ เปนสียงออกมา

ตามที่อธิบายจะเห็นว่าระบบประสาทอัตโนมัติชุดนี้
ถ้ามีปัญหามากๆ มันจะไม่ทำงานในขณะหลับ เวลานอนหงาย ลิ้นไก่ และตัวลิ้นจะตกลงปิดหลอดลม หายใจไม่ได้
ขณะหลับจะไม่รู้ตัว ถ้าถึงเวลาลาจาก ก็หลับยาวไปดื้อๆ เรียกกันว่าไหลตาย
ถ้าพอรู้ตัว ก็จะสะอึก ครอกๆขึ้นมาพอให้ลมผ่านได้ แล้วก็หลับไปอีก ลิ้นไก่ และลิ้นก็จะตกลงมาปิดหลอดลมอีก
ก็จะเกิดการหยุดหายใจชั่วครู่ ทำให้ขาดอากาศหายใจ แล้วก็สะดุ้งรู้ตัวขึ้นมาหายใจครอกๆอีก เป็นดังนี้ทั้งคืน
พอตื่นเช้ามา จะงัวเงีย โผเผ อ่อนเพลีย ล้าไปทั้งตัวเหมือนทำงานหนักมา เหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม
อาการนี้แพทย์แผนปัจจุบัน พบคนไข้เป็นกันมาก ในพวกอ้วนและมีไขมันทั้งโคเลสเตอรลอน และไตรกีเซอรไลย์สูง

แต่พวกที่ไหลตาย กลับไม่มีอาการของไขมันในเลือดสูง แต่ตายเพราะขาดอากาศ คือหยุดหายใจไปดือๆ หรือพูดได้ว่ามีการอุดกันการหายใจ
แต่แผนปัจจุบันไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากเหตใด

ในแพทย์แผนไทย ที่เรียนมาอย่างลึกซึ้ง
จะรู้ว่ามีโรคลมชนิดหนึ่งเรียกลมอัมพฤกษ์อัมพาต เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะพัดขึ้นไปในสมอง จะทำให้ประสาทสมองไม่สามารถสั่งงานกล้ามเนื้อได้ชั่วระยะหนึ่ง
อาจเพียงชั่วขณะไม่กี่นาที หรือจับนานเป็นชั่วโมง ทำให้เนื้อสมองตายเป็นส่วนๆ
(ลมอัมพฤกษ์อัมพาต เป็นปราณเสีย ขวางกั้นทำให้เลือดไม่สามารถไปสู่สมองได้ ทำให้เนื้อสมองตายเป็นจุดๆ โดยเฉพาะที่แกนสมอง)

พวกนอนกรนก็เช่นกัน เกิดจากลมอัมพฤกษ์อัมพาต อย่างอ่อนๆ พัดขึ้นสู่แกนสมอง ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานได้ไม่เต็มที่
ลิ้นไก่ และตัวลิ้นจึงอ่อนแรงตกลมาปิดหลอดลม อย่างอ่อนๆ เวลาลมผ่านทำให้เกิดการกระพือของกล้ามเนื้ออ่อน เกิดเสียงกรนขึ้นมา

การรักษา ในทางการแพทย์แผนไทยจะทำสองอย่าง
๑.ให้ยาบำรุงสมอง ทำให้เลือดไปเสี้ยงสมองมากขึ้น
๒.นวด แก้ลมอัมพฤกษ์อัมพาต และนวดส่งเลือดลม(ปราณ)ไปเลี้ยงสมองและกล้ามเนื้อที่หลอดลม ลิ้นไก่และโคนลิ้นให้มาก

ยาบำรุงสมอง
สรรพคุณ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองดีขึ้น ช่วยให้ความจำดี
ตัวยา
ใบบัวบก ๓ ส่วน
พริไทยร่อน ๑ ส่วน
ดีปลี ๑ ส่วน
กระชาย ๑ ส่วน
วิธีกิน ตากแห้งบดผง กินครั้งละ ๑-๒ ช้อนชา วันละ ๓ ครั้งก่อนอาหาร
ใช้น้ำมะนาวหรืน้ำมะกรูดเป็นกระสายยา

การนวด
ให้นวดบนเส้นสุมนา จุดกระตุ้นบนเส้น อัณฑพฤกษ์ กาลอัมพฤกษ์ ชิวหาสดมภ์ (จุดตัดของเส้นลมปราณ-จุดระบายปราณ)
และเน้น จุดปัตฆาตบนบ่าไกล้หัวไหล่(จุดต่อกระดูกไหปลาร้า กับกระดูกสบัก)

 

ขอบคุณครับอาจารย์ โรคไม่อ้วนนี่ เครียดนิดๆ เพราะว่าเข้าขั้นแห้งเลยทีเดียว แต่ที่กังวลจริงๆ คงเป็นอย่างที่อาจารย์บอก คือ กลัวลงพุง ตอนอายุมากๆ T-T

 

ขอบคุณมากค่ะอาจารย์ ตัวยาทั้งหมดคงต้องกลับไปซิ้อที่ไทย มีแบบที่จัดเป็นชุดให้เสร็จ ส่งทางไปรษณีย์ไหมคะ เพราะตอนแรกกะว่าจะต้องกลับไปทำธุระที่ไทยก็เลย จะไปให้พอดีกับไปงานมินิพลังจิตครั้งที่ 5 ที่จะมีวันที่28/9 ด้วยแต่ตอนนี้ไม่ได้ไปแล้วละค่ะ เสียดายมากเลยค่ะ การนอนกรนของดิฉันนั้นกรนในทุกท่านอน ไม่ว่าจะนอนตะแคงหรือหงาย สามีบอกว่าแม้แต่นอนคว่ำก็ยังกรนเลย เป็นการรบกวนเขามาก เลยบอกให้เขาปลุกเวลากรน และจะนั่งพิงหัวเตียงหลับต่อก็จะไม่กรน ทุกเช้าก็จะเหนี่อยเหมือนนอนไม่เต็มอิ่มอย่างที่อาจารย์บอกจริง ๆค่ะ

 

เรียนถามอาจารย์ ผมได้ทำยาปลูกไฟธาตุสำหรับผมแก้ท้องอืดและยาแก้สิวฝ้าให้ภรรยาสำหรับผมทานมื้อละ2ช้อนกาแฟพูลโดยละลายกับน้ำสุกอุ่นทานยากมากและระบายท้องวันละครั้ง(หมายถึงทาน3มื้อแต่ระบายครั้งเดียว)ตอนนี้เลยปั้นกับน้ำผึ้งเป็นเม็ดขนาดเม็ดพุดทราไทย(เม็ดใน)ทานครั้งละ10เม็ดรู้สึกว่าทานได้สะดวกขึ้น
สำหรับภรรยาหลังจากปั้นเป็นเม็ดเท่ากับเม็ดในมะยมแล้วทานครั้งละ5เม็ด3มื้อก่อนอาหารทานได้1วันเกิดอาการปวดตามตัวเหมือนกระดูกจะแตกเลยบอกให้เขาลดปริมาณลงเหลือ3เม็ดมีอาการปวดเมื่อยเล็กน้อย
ผมอยากทราบความเห็นของอาจารย์ว่ามีสิ่งใดผิดหรือไม่และมีอะไรจะแนะนำบ้าง
ขอบคุณมากครับ

 

ยาปลูกไฟธาตุ ที่ใช้แก้ท้องอืด ต้งมีขมิ้นชันผสมด้วย
ปริมาณการกินของคุณ ๑๐ เม็ด(ในพุทรา) กินวันละกี่ครั้ง
ปริมาณนี้น่าจะกินวันละ ๒ ครั้ง เช้าเย็นก็พอ- หรือกินประมาณ ๗ เม็ด ก็กินวันละ ๓ ครั้ง ก่อนอาหาร เช้ากลางวันเย็น
เมื่อาการดีขึ้นให้ลดยาลงเหลือประมาณ ๕ เม็ดพอ

ส่วนภรรยาคุณ ให้กินยาปลูกไฟธาตุผสมลงไปด้วย สัก ๑-๒ เม็ด(ขนาดที่คุณปั้นไว้) แล้วให้กินยาแก้สิว เท่าเดิม ๕ เม็ด(มะยม)
อาการปวดตามตัวจะดีขึ้น

 

ลืมไป.....มียาช่วยปรับไฟธาตุสับสน อันเกิดจากการฝึกลมปราณ มากเกิน/ฝึกไม่ครบถ้วน ทำให้ร่างกายทำงานแปรปรวน

ตัวยา
๑. ตรีผลา ๑ ส่วน (มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเก เสมอภาค)
๒. ยาปลูกไฟธาตุ ๑ ส่วน (ให้ไว้แล้ว ในคัมภีร์มหาโชติรัติ)

ยาทั้งสองผสมกัน กินครั้งละ ๑-๒ ช้อนชา วันละ ๒ ครั้ง เช้าเย็น
ใช้น้ำผึ้งเป็นกระสายยา

การนวดปรับธาตุที่สะดือ + นวด ชายโครง(เพื่อตับและม้าม) ก็ช่วยได้

 

ขอบคุณครับผมผสมชมิ้นชันลงไปแล้วยาปลูกไฟธาตุ1ส่วนชมิ้นชัน1ส่วนผมกิน10เม็ด3มื้อครับ

 

หลังจากกินยาแล้ว ๕-๗ วัน รายงานผลด้วยนะครับ ว่าเป็นเช่นใด

 

สวัสดีค่ะอาจารย์
มีข้อสงสัยอยากถามคือตัวเองเคยลองฝึกชี่กงฝึกเบื้องต้นเพียงสี่ท่าง่ายๆแต่ปรากฏว่าทุกคั้งที่ไปสัผัสกับอลูมิเนียมเช่นขอบตู้กระจกจะเป็นเหมือนไฟฟ้าช้อตจนสะดุ้งทุกครั้ง
ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะฝึกอยู่ในบ้านแล้วเท้าไม่ได้สัมผัสดินคิดหาเหตุผลเอง
ครั้งหลังสุดถอดรองเท้าฝึกกับหญ้าไม่ถึงสี่ท่าก้อเป็นอีกพอนิ้วสัมผัสอลูมิเนียมปุ๊บจะช้อตปั๊บ
เป็นเพราะอะไรคะ
ไม่เคยรู้เกี่ยวกับเรื่องพลังจิตเลยแต่เริ่มสนใจค่ะ

 

ตอบ คุณ "เนระพูสี"

เนระพูสี นี้เป็นว่านหรือเป็นไม้ต้นครับ
เนระพูสี (ว่าน) ดอกสวยกลีบดอกสยายปีกดุจค้างคาว สีดำสนิท มีอีกพันธ์ ดอกแดงชมภู(แต่หายากมาก)
สรรพคุณ เหง้า ต้มหรือดองสุรา ดื่มแก้ความดันโลหิตต่ำ บำรุงกำลังสัตรีมีครรภ์ บำรุงกำลังทางเพศ

เนระพูสี(ต้น)เป็นไม้กอ ต้นสีดำ มหาสดำ ก็เรียก
สรรพคุณ ใช้แก้ไข้ แก้พิษทั้งปวงให้ท้องเสีย

สิ่งที่คุณถาม เรื่องไฟ ช๊อต ความจริงแล้วเป็นเรื่องปกติธรมดา
ทั่วๆไปเมื่ออากาศแห้ง ร่างกายสะสมประจุมาก เกิดความต่างศัก ประจุไฟฟ้าก็ถ่ายเท จากที่ไปอีกที่ ที่ศัก ต่ำกว่า (อากาศแห้งทำให้สะสมประจุง่าย)

การฝึกพลังปราณ ไม่ว่าจะเป็น ชีกง พลังจักรวาล หรือพลังอะไรก็แล้วแต่ ฯลฯ ล้วนก่อให้เกิดประจุไฟฟ้าทางชีวะเคมีทั้งสิ้น
ประจุนี้บางคนจะสะสมได้เร็ว มีโครงสร้างทางร่างกายเก็บประจุได้มาก มีลักษณะการฝึกที่ดี ประจุจะเกิดมากและสะสม อาการก็จะเป็นเช่นตัวคุณ

เมื่อรู้วิธี ประสานให้ปราณแต่ละจุดไหลถ่ายเทไปมาให้ทั่วกาย อาการดังกล่าวจะลดลง และหายไป
การฝึกอาบน้ำทิพย์ ก็เป็นวิธี ระบายประจุส่วนเกินนี้ลงดิน
วิธีการดุจเช่นเอาน้ำลาดที่ศีรษะ ให้น้ำไหลจากหัวผ่านร่างกายผ่านขาลงสู้พื้นดิน
เพียงแต่น้ำที่ใช้รดที่ศีรษะ ไม่ใช่น้ำ แต่เป็นปราณที่เรากำหนดให้พุงขึ้นเหนือศีรษะ แล้วลาดรดลงมา
ลองทำดู กำหนดดีๆวิธีนี้รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้มากมาย
รายละเอียดลึกๆ ของแต่ละสำนักแตกต่างกันไปในเรื่องปลีกย่อย
แต่หลักการ เป็นเช่นที่กล่าวไว้ข้างบน
ในกระทู้นี้ ก็มีเขียนไว้ ให้ลองย้อนไปอ่านดู

 

มีผู้เข้ามาถามในเชิงปรึกษาหลายรายว่า
ตัวยาที่บอกไว้ อยากลองทำกินดู สักหน่อย ว่าดีต่อโรคที่เป็นอยู่หรือไม่
แต่ไปติดต่อที่ร้าน ต้องทำจำนวนเยอะพอควร และยังต้องรอคิวอีกเป็นอาทิตย์ๆ
ทำเอาคนป่วยอึ้งกิมกี่

จึงคิดว่าจะทำยาที่เป็นกลางๆ ที่ทุกคนต้องใช้ เช่นยาปลูกไฟธาต ยาบำรุงโลหิต ยาบำรุงสมอง และยาอายุวัฒนะ และยาแก้ไฟธาตุแปรปรวน
แล้วทุกคนที่อยากลองกินยาดู จะได้แบ่งปันกันไปทดลองใช้
หากเข้าท่าก็มาเอาไปกินต่อ

ขอซาวด์เสียงดู ว่าจะทำแบบผง ไปตัก ไปชงกิน หรือจะทำใส่แคปซูลดี
ทำขายเป็นผงราคาย่อมเยาว์
แต่ทำใส่แคปซูลราคาพุ่งขึ้นเยอะ

ส่วนยาเฉพาะตัวก็คงต้องไปทำกันเอง

 

แบบ ผง ครับ มาโหวตคนแรก อิอิ

 

งานวันพรุ่งนี้ผมต้องขอรบกวนอาจารย์ SUWIนันท์ แล้วนะครับ

ช่วงนี้เวลานั่งสมาธิสักครู่ จะได้ยินเสียงที่หู ไม่แน่ใจว่าเสียงอะไร

บรรยายไม่ถูกครับ คล้าย ๆ กับความถี่ที่ละเอียดมาก ผมไม่แน่ใจ

ว่าที่หูปรกติหรือไม่ จะเกิดตอนนั่งสมาธิเท่านั้นครับ

(ใครที่พอทราบ มาแชร์ความรู้ด้วยครับผม)

 

มังกรเอย มังกร....

ความรู้ทั้งหมด อยู่ใน เกสา โลมาฯ แล้ว
ฝึกซะให้จบ
ส่วนหลังที่ถูกซ่อนไว้ คือการดูเวทนาของกาย ดูเวทนาของจิต และเข้าไปดูเข้าไปรู้เวทนาในสภาวธรรมในที่สุด

จำได้หรือไม่ เคยพูดไว้ เมื่อใครก็ตามสามารถกระตุ้นกุลฑาลินีได้
และขึ้นมารวมกับจรัก 6 และ 7 ได้
ไม่นาน จะมีผู้ไร้ธาตุดินมาจองตัว และถ่ายทอดความรู้ให้
ท่านเหล่านี้ บ้างอยู่บนสัมมาทิฐิ บ้างไม่
เราจะรู้เราจะเชื่อได้เพียงใดขึ้นอยู่กับสภาพธรรมที่เรารู้ที่เราเห็น
เราจะตกอยู่ในอำนาจ หรือ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" ก็อยู่ที่สภาพธรรมที่เราพิจารณาได้
ผู้ที่กุลฑาลินีตื่น สุวิจะเชีย ให้ฝึกพิจารณาธรรมทั้นที
เพื่อให้มีปัญญาต่อรอง เจรจากับผู้ไร้ธาตุดิน ที่เข้ามาให้ความรู้

สิ่งที่มังกรถาม เป็นหนึ่งในเวทนาในอายะตนะหก
ต้องฝึกสติรู้ เฝ้าเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รส สัมผัส ให้เป็นทิพย์

 

แฮ่! แฮ่! ท่านอาจารย์ ตอนนั้งสมาธิจิตมันไปแถวหน้าผากประจำ (เพราะมันวูบวาบ)

แต่ที่หูมีเสียงพิลึกกึกกือ (มันมาทั้ง 2 อย่าง) หรือเอาจิตรับรู้อาการที่เกิด ทั้งหมด

เฝ้าดูเหตุการณ์ไปเรื่อย ๆ ละกันครับ

 

ถูกต้อง เอาจิตรู้เฝ้าดูอาการทั้งหมด
และรับรู้ เฝ้าดู เฝ้าวางบทศึกษา ในสิ่งที่รู้ สิ่งที่เห็นทั้งหมด
เมื่อเหตุเกิดแล้ว เราวางบทศึกษาลงบนสิ่งนั้น สามลักษณะ
๑. ผู้แสดง ลงคลุกวงใน
๒. ผู้ดู รับรู้เวทนาสะท้อนที่ผู้แสดง ได้แสดงไว้
๓. ผู้เก็บข้อมูล มาทำการวิจัย วิจารย์ และเป็นผู้พิพากษา ตัดสินความถูกควรในเหตุที่เกิด วิธีระงับ ทางเห่งการระงับ (สมุทัย นิโรธ มรรค)

 

ส่งข่าวครับ ผมได้ทานยาปลูกไฟธาตุแล้วอาการท้องอืดหายไปแต่ถ้าหยุดทานก็มีอาการอีกคงต้องทานต่อไปเรื่อยๆเพราะยาที่ทำตามปริมาณที่กำหนดมีมากทานไปยังไม่ได้ครึ่งเลยแต่รู้สึกง่วงนอนมากไม่ทราบว่าเป็นเพราะยาหรือเปล่าช่วงเย็นหลังจากทานยาและทานข้าวแล้วจะง่วงนอนมากบางทีขึ้นไปสวดมนต์สวดไปได้เพียงพาหุง,มหากาก็ไปไม่ไหวแล้วต้องลงมานอน สำหรับภรรยาทานยาแก้สิวแล้วปวดเมื่อยอาจารย์ได้แนะนำให้ทานยาปลูกไฟธาตุ2-3เม็ดตอนนี้หายจากอาการปวดเมื่อยแล้วและยังทานยาต่อเรื่อยๆยาก่อนอาหารส่วนมากต้องคอยช่วยกันเตือนเพราะจะลืมพอตั้งสำรับได้ก็ร่วมวงกันเลย อาจารย์มีอะไรจะแนะนำไหมครับ ขอบคุณมากครับ

 

ยาไทยที่ถูกกับโรค หลังจากกินไปสักพัก จะกินได้ นอนหลับ เป็นเรื่องปกติ
เมื่ออาการโรคหายแล้ว ไห้กินยาต่ออีกพักเพื่อให้หายสนิท อาจสัก สองอาทิตย์-หนึ่งเดือนหรือมากกว่า
หลังจากนั้นลดการกินลงเหลือกินเพียงมือเดียวอีกสักพัก แล้วจึงเลิก

อาการสิวที่ภรรยาคุณเป็นดีขึ้นหรือไม่

 

ขออนุโมทนาบุญกุศลด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ

ผมพร้อมครอบครัวและญาติก็ได้หล่อองค์พระปฐมโดยแบบไฟเบอกราสของพระอาจารย์สมชาย 089-9474627(พระที่จังหวัดบุรีรัมย์พร้อมเณร) รวมแล้ว 3 องค์ตามรูปที่แสดงด้านขวามือ หน้าตัก 2 เมตร หล่อวันละองค์ เมื่อเดือนมีนา ปี 50 และเดือนเมษา ปี 51พระอาจารย์สมชายท่านบอกหล่อมาแล้วทั่วไทยหลายร้อยองค์ด้วยกัน ท่านใดอยากจะสร้างพระถวายวัด ลองติดต่อพระอาจารย์ตามเบอร์ที่แจ้งมานะครับ ยังไงก็ขออนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ

ถนอม สุพัตรา ถกนธ์ พร้อมครอบครัวและญาติมิตร อุทิศบุญกุศลทั้งปวงแด่เจ้ากรรมนายเวรและเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

 

ดูรู้สึกว่าหน้าขาวขึ้นและอาการลดลงแต่ไม่ทราบว่าดูผิดหรือเปล่าต้องขอรอดูอีกสักพักแล้วจะมาแจ้งผลให้ทราบครับ ขอบคุณมากครับ