ประสบการณ์ขนหัวลุก No2

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 24 พฤศจิกายน 2005.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>ป่าราบเผ่นกันป่าราบ
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>ตอนนี้ผมอายุ20แล้วแต่ตอนที่เกิดเรื่องแรกผมอายุ14กำลังคึกคะนองตามปะสาวัยรุ่นใหม่ผมเป็นคนจังหวัดขอนแก่นแต่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ขอนแก่นหรอกตอนนี้อยู่ภาคใต้ เรื่องมันมีอยู่ว่าในคืนถดูฝนคืนหนึ่งผมเออผมลืมบอกไปว่าผมชื่อ เอ ครับบ้านที่ผมอยู่ก็ถือว่าบ้านนอกละครับ แล้วในช่วงฤดูฝนแบบนี้มันก็เป็นหน้าสำหรับการหาปลา กบ เขียด อึ่งอ่างมาเป็นอาหารกันละครับเปิปพิสดารละครับลองนึกภาพบรรยากาศยามคำคืนที่มืดมิดและฝนตกโปรยๆ ผมมีโคมไฟแบตเตอรี่1ชุดพร้อมข้อง[ภาชนะใส่กบ]เวลานั้นประมาณตี 2 เกือบ ตี 3 แล้วไม่รู้ผมนึกเหี้ยอะไรถึงออกไปคงจะเป็นวันออกกำลังกายตอนดึกนะครับผมเดินตามถนนออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าสู่ทุ่งหญ้าที่อยู่ใกล้ป่าช้าห่างจากหมู่บ้านประมาณ 7 กิโลเมตรผมเดินมาได้ประมาณ 5 กิโล จนมาถึงที่นาแห่งหนึ่งที่นั่นมีกองฟางกองหนึ่งตั้งอยู่แล้วก็มีต้นจมาจุร๊ท่าทางน่ากลัวด้วยขณะนั้นฝนก็เริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆๆ แถวนั้นมีกบมากมายให้ผมจับผมจับได้หลายตัวและตัวสุดท้ายที่ผมจะจับหละตัวปัญหาละ กบตัวนี้ตัวใหญ่มากมันหยุดนั่งอยู่ใต้ต้นจามจุรีน่ากลัวนั้นแต่ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรตั้งใจจะจับกบอย่างเดียวเลยผมถอดรองเท้าออกค่อยๆๆดินเข้าไปหามันที่ละน้อยอ่างเงียบที่สุดใช้ไฟส่องตามันเพื่อไม่ให้มันขยับจนผมเดินมาถึงระยะประมาณว่าผมห่างกับกบ 4 ฝ่ามือได้ผมก้มตัวลงเอื้อมมือเข้าใหล้มันทันใดนั้นเองเสียงฝ่าผ่าดังเปรี้ยงอยู่บนต้นจามจุรีโครมใหญ่ผมพ่งจากกบทันทีตามมาด้วยเสียงกิ่งไม้ขนาดใหญ่บนต้นจามจุรีฉีกขาดเหมือนต้นไม้ล้มผมกระโดดหลบแบบไม่คิดชีวิตยังกับหนังแอคชั่นผมหลับตาโดยอัตโนมัติเพราะกลัวไม้จะกระเด็นใส่เวลาผ่านไปประมาณ 30วินาทีผมลืมตาขึ้นพร้อมกับความมืดเพราะไฟดับไปตอนกระโดดผมมองไม่เห็นอะไรผมพยายามแตะโคมไฟที่ดับไปให้ติดและเมื่อมันติดผมก็ยกมันขึ้นส่องบนต้นไม้ทันที ผมตกใจสุดเขียดเมื่อต้นไม้ทั้งต้นยังอยู่ในสภาพดีไม่มีแม้แต่รอยเขียดข่วนทั้งทีเมื้อกี้มันมีเสียงต้นไม้ฉีกจากการถูกฟ้าผ่าเสียงฟ้าผ่ายังก้องอยู่ในหูผมเลยแต่บนต้นไม้มันเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นผมเริ่มตัวร้อนขึ้นทันทีทั้งที่ฝนตกสายตาเริ่มสาดหาต้นเหตุของเสียงบนต้นไม้อย่างถี่ถ้วนผมลุกขึ้นขาถอยโดยอัตโนมัติตาจับจ้องอยู่กับต้นไม้ผมคิดอยู่ในใจโดนเข้าแล้วไงสงสัยเจอเจ้าของที่ตัวจริงละสิกูผมถอยออกห่างเรื่อยไม่หยิบแม้กระทั่งรองเท้าผมสาดไฟไปที่กลางลำต้นแสงไฟรวมกันที่ตรงกลางลำต้นสูงใหญ่ทันใดนั้นก็มีเงาบางอย่างค่อยๆเคลื่อนตัวเข่ามาจากด้านซ้ายของต้นไม้มันเลื่อนมาอย่างช้าๆๆๆผมจ้องมันไม่ต้องสงสัยเลยเงานั้นค่อยๆปรากฎรูปร่างๆมันเหมือนคนยืนอยู่ผมเงื่อแตกได้ทั้งที่ฝนตกคอแห้งตาลุกขนลุกซู่ผมไม่ข้องใจอะไรเลยครับเจอเต็มๆเลยพอได้ระยะผมหันหลังกลับวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเพราะไม่อยากเห็นอะไรต่ออีก ผมวิ่งแบบไม่คิดชีวิตรวดเดียวถึงบ้านเลยครับไม่รู้ชนอะไรบ้างแต่ระหว่างทางที่วิ่งมาผมวิ่งไปร้องไปละครับชนพุ่มหนามตอนไหนก็ไม่รู้แต่กลับถึงบ้านรู้เลยครับว่าเหนื่อยสุดๆไม่รู้วิ่งมาได้ไง 5 กิโลโดยไม่หยุดพร้อมแบกของหนัก4 กิโลเบาหวิวเลยนี้ละครับที่เข้าว่าวิ่งกันป่าราบไม่มีเหนื่อยซะด้วยแต่พอถึงที่หมายเกือบตายผมกระเดือกนำไปขวดหนึ่งเต็มๆผมนั่งอยู่ใต้ถุนบ้าน คิดเรื่องที่เกิดขึ้นว่ามันเป็นไปได้ยังไงพร้อมกับมองดูบาดแผลที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นได้อย่างไรเสียงฟ้าผ่าเต็มที่บนหัวผม เสียงไม้ฉีกขาดดังสนั่น เงาบนต้นไม้นั่นผมนั่งขนลุกพองสยองเกล้าอยู่ไม่นึกว่าจะเจอเต็มๆแบบนี้ ลองคิดดูสิครับเสียงฟ้าผ่า เสียงไมฉีก แต่เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นผมเข็ดกับการออกไปท่องกลางคืนคนเดียวแบบนี้อีกแล้วมีใครอยากลองแบบนี้บ้างมั้ยครับบอกผมได้นะครับผมจะพาไปต้นไม้ต้นนั้นดูสักครั้งที่ e-mail ที่ให้ไว้ละครับยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมเจอกับตัวเองต่อจากเรื่องนั้นหลายเรื่องไม่รู้นะครับผมยอมรับว่าที่ผมเห็นผมเชื่อว่าผีมีอยู่จริงไม่ได้เกิดจากความกลัวอย่างที่หลายๆคนคิดเพียงแต่พวกเขาจะเลือกเวลาสถานที่ที่จะให้เราเห็นเท่านั้นเองและอีกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับดวงซวยของคุณด้วยเหมือนกับผมที่มีดวงซวยและเวลาที่เขาเลือกบ่อยๆๆแบบผม </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>สุสานเก่า!!!!! T Tน่ากลัวฮือๆๆๆ
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>มีผู้ชายกำลังยิ้มอยู่ในกระจกนุชหันหลังกลับไปไม่เจอใครหันมาอีกทีเขาก็ใช้มือดึงหัวตัวเองเเล้วมาถือไว้ในมือเเล้วบอกว่าออกไป~!ออกไป!!นุชทำอะไรไม่ถูกจึงไปนอนบ้านเพื่อนพอถึงเช้านุชก็ถามยามว่าใครเป็นเจ้าของที่นี่เเล้วปรากฎว่ามี ช. รูปร่างเเก่มากเดินมาเเล้วบอกว่าฉันนี่เเหละเจ้าของที่นี่นุชจึง........{ยามเดินไปไหนไม่รู้เเล้วนะ}ถามว่าทำไมนุชถึงเจออะไรที่ไม่ควรเจอมากเเล้วที่นี่ที่ไหนเเน่พอหมิวหันกลับมาตรงหน้าหมิวก็ไม่เห็นผู้ชายคนนั้นเเล้วหมิวจึงต้องรีบวิ่งเเล้วไปนอนบ้านเพื่อนต่อ เเล้วยามคนเก่าก็มาเคาะประตูพร้อมกับบอกว่าคนนี้เเหละครับที่ถามหาคุณเเล้วเจ้าของหอก็เข้ามาจึงถามว่าทำไมเมื่อวานคุณยังเเก่อยู่เลยไม่ใช่หรอเค้าก็บอกว่าบ้าผมยังหนุ่มอย่างที่เห็นอ่ะครับนุชเลยสะดุ้งคิดว่าเเล้วเมื่อวานเราคุยกับใครเจ้าของหอจึงพาไปคุยที่บ้านของเขาว่าเกิดอะไรขึ้นนุชตอบว่าเจอ......เขาจึงเงียบไปครู่หนึ่งเเล้วเค้าก็บอกว่าตามตำนานเเล้วพ่อของผมบอกว่าที่นี่เป็นสุสานเก่าเเต่โดนตระกูลของเรามาถมทับเเล้วสร้างเป็นหอนุชถึงกับขนลุกซ่าขึ้นมาเมื่อคุยกันเสร็จเเล้วนุชก็เดินดูบ้านของเขาโดยเขาก็เดินตามมานุชดูจนเห็นรูปๆหนึ่งที่มีฝุ่นเกาะนุชมองไม่ชัดจังไปปัดฝ่นเเล้วดูใกล้ๆปรากฎภาพที่ไม่น่าเชื่อคือเป็นภาพคนเเก่ที่บอกเป็นเจ้าของหอคนที่เเล้วนุชถามเจ้าของหอว่านี่คือใครเค้าบอกว่าคนนี้คือคนที่ตายจากโรคหัวใจล้มเหลวเมื่อปีที่เเล้วเเล้วก็มีอีกหลายรูปรวมทั้งคนที่อยู่ในกระจกด้วยนุชถามหมดทุกคนจึงทราบว่าเป็นญาติของเขานุชจึงอดกลั้นไม่อยู่จึงวิ่งสุดขีดไปเก็บกระเป๋าเเล้วย้ายมาหอใหม่ปัจุบันก็อยู่หอใหม่</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  3. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>เป็นเรื่อง
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>คำคืนหนึ่งสมนึกติดฝนอยู่ที่ข้างถนนและรถเสีย "ทำไมถึงซวยจังวะ รถก้อเสีย ฝนก้อดันมาตกอีก" เขาคว้าบุหรี่ท่วางไว้หน้ารถมาจุดพลางไขกระจกลงเล็กน้อยเพื่อระบายควันบุหรี่ "โอ...ตกหนักจริงๆลมก็แรงด้วย บ้านก็อยู่อีกตั้งไกลนี่ออกจากเมืองมาครึ่งทางได้แล้วมั้ง บ้าจริงๆเลย เมื่อเช้าก็ยังดีๆอยู่เลย สงสัยคงต้องเปลี่ยนแบตเตอร์ใหม่แน่ๆ สมนึกบ่นกับตัวเองพลางมองไปรอบซึ่งไม่เห็นอะไรเลย สองชั่วโมงแล้วที่สมนึกหงุดหงิดเป็นที่สุด สมนึกหมดความอดทนและตัดใจโบกรถ แต่ไม่มีรถที่จะจอดรับเขาเลย เขากลับเข้ารถด้วยตัวที่สั่น "เอาไงดีวะเรา...หนาวก็หนาว หิวก็หิว" ก่อนที่สมนึกจะคิดอะไรต่อไปแสงไฟสีแดงก็ส่องทะลุกระจกด้านหลังรถของเขา และเขาตัดสินใจออกไปโบกรถอีกครั้งเป็นครั้งที่สาม และรถก็จอด ชายคนขับหน้าตาซีดเซียวริมฝีปากคล้ำไว้ผมทรงทหารเกณฑ์แต่ตามีความแข็งกร้าวและแดงก่ำ สมนึกมองหน้าคนขับ มันช่างเป็นหน้าที่ไร้ความรู้สึกและหน้ากลัวจริงๆ ดีที่ชายคนนั้นยิ้มให้กับสมนึกก่อน "คุณจะไปลงที่ไหน" ชายคนขับพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี "ลงหมู่บ้านข้างหน้านี้แหละครับ" "คุณกำลังจะไปที่ไหนหรือคับคุณ...เอ่อ...ผมชื่อสมนึกเป็นนักเขียน...เอ่อ...แล้วคุณทำงานอะไรครับ" ชายคนขับมองหน้าสมนึกช้าๆแล้วยิ้มอย่างเยาะๆ "ผมจะกลับสู่บ้านของผมเอง ผมไม่มีชื่อหรอกคับ ที่ผมขับรถแล้วแวะรับคุณเพราะมันเป็นหน้าที่ คุณคงจะงงนะคับ และผมก็รู้จักคุณดี คุณเขียนคอลัมน์เกี่ยวกับเรื่องลี้ลับต่างๆ และตอนบ่ายคุณพูดกับเพื่อนคุณว่าอยากได้เรื่องเกี่ยวกับพวกผีนรกมาลงคอลัมน์ของคุณใช้ไหม" ทันใดนั้น...ชายคนนั้นก็มีเขางอกออกมาจากหัว ตาสีแดงก่ำปูดโปนใหญ่ขึ้นมา ร่างกายมีสีแดงทั้งร่าง ท่อนบนเป็นเนื้อหนังที่กำยำเป็นมัด ท่อนล่างนุ่งผ้าสีแดงฉานเหนือนกับยมทูต.....ใช่แล้ว.....ยมทูตแน่นอน "ข้านี่แหละยมทูตตัวจิง ฮ่า ฮ่า มาไอมนุษย์ผู้มีกิเลศ ข้าจะพาเจ้าไปดูผีนรกในบัดนี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า" ฉับพลัน...ป่ารอบๆ ตัวของเขาก็กลายเป็นขุมนรกในทันที ผีนรกเหล่านั้นมองมาที่สมนึกเป็นจุดเดียว... ทันใดนั้นพวกมันก็มารุมล้อมรถคันที่สมนึกนั่งอยู่ พวกมันต่างพากันจับตัวสมนึก สมนึกรวบรวมกำลังปัดป้องอย่างพัลวัน สมนึกรู้สึกว่าเสื้อผ้าโดดนรุมฉีก เขากลัวจนควบคุมสติไว้ไม่อยู่ ในท่ามกลางความกลัว เขายังคงได้ยินเสียงหัวเราะปานฟ้าผ่าที่ดังขึ้นและแล้วมันก็ค่อยๆแผ่วลงไป ทีละน้อยๆ ....................................... ....................น่ากลัว.....................น่ากลัว......... คุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นจริงหรือไม่</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>ค่าย รด. เฮี้ยน.....
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>ผมต้องขอบอกก่อนเลยว่าก่อนหน้านี้ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีหรืออะไรลึกลับเอาซะเลย ไม่แม้แต่จะกลัวเลย เพราะไม่เคยคิดจะเชื่อเรื่องนี้เลย เพราะผมเกิดมา 17 ปีก้อไม่เห็นเคยเจอเรื่องแปลกประหลาดอะไร อย่าว่าผมนะครับถ้าผมบอกพวกพี่ไปว่าเมื่อก่อนผมคิดว่าพวกพี่ไร้สาระ แต่คราวนี้ผมคงขอโทษพี่ๆแล้วละครับ เริ่มเลยดีกว่าครับ เรื่องของเรื่องคือผมต้องไปเข้าค่ายรด.ปี 3 ที่จ.เพชรบุรีเป็นผลัดสุดท้าย ผมได้อยู่ที่โรงครัวเพราะต้องไปรายงานตัวที่มหาลัยแห่งหนึ่งเลยถูกบรรจุอยู่โรงครัวจะได้ออกง่าย โรงครัวนี้อยู่ที่วัดร้าง ไกลจากที่ฝึกพอสมควร แล้วก้อมีโบสถ์ที่สร้างไม่เสร็จค้างไว้ ใกล้กันมีบ้านหลังหนึ่งที่พวกผมต้องค้างที่บ้านนั้น คืนแรกๆก้อปกติดี พวกเรานอนรวมกันที่ห้องหนึ่งเพราะอีกห้องปิดตายเอาไว้ คืนเกือบสุดท้ายผมเป็นเวรกะดึกเที่ยงคืนถึงตีสอง ผมอยู่กับเพื่อนรวม 3 คน ประมาณตีหนึ่งกว่าๆเพื่อนผมแอบหลับไปผมเลยเดินถือไฟฉายเดินไปทั่วๆคนเดียวออกไปค่อนข้างไกลเหมือนกัน ผมไม่รู้สึกกลัวเลยนะ รอบข้างก้อเป็นป่าทั้งนั้นมีทางเดินที่เขาทำไว้นิดหน่อย ผมเดินๆไปแล้วส่องไฟฉายเล่นแถวนั้น จนผมส่องไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เขายืนใส่ชุดสีขาวผมเห็นเป็นคนเลยนะ ชัดมากๆ ผมเลยถามเขาว่าเข้ามาทำอะไรแถวนี้ แต่เขาก้อมองหน้าผมแบบโกรธๆผมกลัวสีหน้าเขามากๆเลยบอกขอโทษเขาไปจากนั้นผมก้อเดินไปเรื่อยๆมันมืดมากมีแต่แสงไฟฉายผมเท่านั้นแหละที่ทำให้เห็นทางผมเดินไปจนถึงโบสถ์ร้างที่กล่าวถึงนั่นแหละครับ ก้อเจอดีจนได้ผมส่องไฟฉายเข้าไปรอบๆโบสถ์แล้วผมก้อเจอผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง คราวนี้ผมขนลุกเลยเพราะเขาไม่มีท่อนล่างนะซิครับ ผมทำไรไม่ถูกเลยวิ่งกลับที่พัก พร้อมกับสีหน้ากลัวจนพูดไรไม่ออกเลยครับ ผมเลยเล่าให้เพื่อนๆฟัง ตอนเช้าเราเลยไปหาคนดูแลสถานที่แห่งนี้ที่ดูแก่เหมือนคนไม่ปกติยังไงไม่รู้ แต่ด้วยความอยากรู้เลยไปถามเขา เขาเลยบอกผมว่าผู้หญิงคนนี้เคยถูกลากเข้ามาข่มขืนแล้วฆ่าในป่านี้ ถ้าไม่เชื่อก้อไปดูห้องที่ปิดตายในบ้านนั่นสิศพเขาอยู่ที่นั่น.....ได้ฟังเท่านั้นแหละครับขนลุกรอบสองเลย ผมอะช็อคแล้วช็อคอีกเลยครับ จากนั้นเราเลยกลับไปที่บ้านด้วยความกลัวถึงจะเป็นเวลากลางวันก็เหอะ พวกผมเปิดห้องนั้นไม่ได้เลยปีนจากอีกห้องไป แล้วเอาไฟฉายส่องดูในห้องนั้นทางด้านบน เพราะมันมีรูของอิฐที่ค่อนข้างใหญ่ ห้องนั้นมืดมาก พวกผม 3-4 คน ส่องเข้าไปจนเห็นผ้าสีเหลืองคลุมโลงอะไรคงไม่ต้องบอกนะครับ แล้วก้อมีรูปผู้หญิงวางอยู่บนโลง ผมจะตายให้ได้เพราะเป็นคนเดียวกับที่ผมเห็นเลยครับ นอกจากนี้ในห้องนั้นยังมีค้างคาวเพิ่มความสยองอีก 2 ตัว ผมไม่รู้มันเข้าไปอยู่ได้ไง ... คืนสุดท้ายพวกเรารวมทั้งครูฝึกที่รู้เรื่อง ไม่หลับไม่นอนแถมรักกันกลมเกลียวอีกต่างหากงานนี้เลิกโหดไปเลยครับครูฝึก...พวกเรามารวมตัวกันรอจนเช้าถึงขนาดว่าครูฝึกเรียกรวมก่อนเวลาจาก 9 โมงเรียกรวมเป็น 6 โมงเช้าเลยครับ ทุกคนที่รู้เรื่องแบบว่าไม่ไหวแล้วครับไม่มาอีกแล้วที่นี่ ฝากถึงรุ่นน้องด้วยนะครับเป็นเวรก็อย่าท้าทายไปไหนมาไหนคนเดียวนะครับเดี๋ยวจะเป็นเหมือนพี่ </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>โรงแรมผีสิง(ประสบการณ์จริง)
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>วันหนึ่งฉันและเพื่อนๆได้ไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซึ่งโรงแรมนี้ตั้งอยู่ในจังหวัด สงขลา โรงแรมแห่งนี้มีชื่อว่าโรงแรมนารายณ์ ซึ่งค่อนข้างเก่าและทรุดโทรมมาก พอไปติดต่อขอพักก็จะมีหญิงชราแก่ๆๆคนหนึ่งออกมาต้อนรับ หญิงชราคนนั้นน่ากลัวมาก แกมีลักษณะเหมือนแม่มด (ฉันคิดเองนะ) คือ จมูกยื่น หลังค่อม มีหน้าตาน่ากลัวซึ่งไม่เหมือนกับคน แล้วแกก็จะถือเทียนไขนำพวกเราไปทางไป (เพราะที่นั่นเค้าไม่ใช้ไฟฟ้ากันนะ) พอไปถึงห้องพักก็จะมีห้องกว้างๆๆๆโล่งๆๆ มีเตียงนอน แล้วก็มีห้องน้ำ พอพวกเราใกล้จะหลับก็ได้ยินเสียงหมาหอน (ซึ่งฉันก็ไม่ได้คิดอะไร) แต่แล้วพวกเราก็ต้องตกใจ เมื่อพวกเราเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนทำท่า้ยื่นมือจะมาบีบคอพวกเรา พอพวกเราเห็นอย่างนั้นจึงไม่รอช้า รีบวิ่งออกไปจาก โรงแรมนั้นเลย (จบ)</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>โค้งมรณะ เป็นเรื่องจริงที่เจอกับตัวเลย
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>วันนั้นผมขอพ่อไปดูหนังที่วัดกับเพื่อน ดูได้2เรื่องก็กลับบ้าน แต่เพื่อนบอกให้ไปปันจักรยานเล่นก่อน และก็มีคนพูดขึ้นมาว่าไปตรงโคงมรณะก่อนดิ อยากรู้ว่ามีผีจริงปะ (เพื่อนพูด) แล้วผมก็ตอบกลับไปว่า จะไปปะละอยากรู้เหมือนกัน ตอนนั้น ประมานตี1 ได้ ก็ไปกันปะมาน (5คัน6คน) ก่อนจะถึงช่วงโคงฯ ผมเห็นผู้หญิงยืนโบกมือ เหมือนบอกว่าจะไปด้วย แต่ผมไม่สนใจก็ไปเลื่อยๆ พ่อถึงช่วงโคงฯ รถผมเริ่ม ช้าลงเลื่อยๆๆ และคนที่ปันอยู่ก็ถามผมว่าเอาขาลากกับพื้นทำไม ผมก็บอกว่าไม่ได้เอาลากกับพื้น แล้ว ทำรถถึงช้าลงได้ละ ผมตอบว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน แล้วเพื่อนผมก็บอกให้มองข้าหลังดิ พอผมมองไปก็ไม่เห็นอะไรพอหัน มาบอกว่าไม่เห็นอะไรเลยเพื่อนผมก็บอกให้มองดีๆๆ พอหันไปมองอีกที ก็เห็นผู้หญิงลางๆ ชุดขาว กำลังเกาะรถผมอยู่ ผมทำอะไรไม่ได้ชั่วขณะ พอตังสมาธิได้ ผมก็บอกเพื่อนไปอย่าที่เห็น เพือนผมก็บอกให้กระโดดลง พอกระโดดลงก็วิงเลยโดยทิงรถไว้อย่างั้น พอกลับมาถึงบ้านก็ไดนพ่อตี้เลย และพอตอนเช้าไปดูรถก็ยังอยู่ในสภาพเดิมเลยรีบเอารถกับบ้าน พอได้รู้ว่าเรื่องผีมีจริงผมก็ไม่กล้าไปที่ไหนคนเดี่ยวและพิสูตร์เรื่องพวกนี้อีกเลย......จบ </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>ผีหัวขาด
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>สวัสดีครับ ผมมีเรื่องเล่าเรื่องผีหัวขาดให้ฟังนะครับ ก่อนอื่นขอบอกก่อนนะครับผมอยู่เชียงใหม่ครับชานเมือง ออกจะบ้านนอก ๆ หน่อยนะครับ ประมาณว่าหัวค่ำเขาก็เข้านอนกันหมด มีเรื่องอยู่ว่าวันนั้นผมช่วยหน้าผมทำงานจนดึกประมาณตี 2 ครับ พองานเสร็จเราก็เกิดหิวกันขึ้นมา ก็ออกความคิดเห็นกันว่า เข้าไปในตัวอำเภอ หาอะไรกินดีกว่า ผมให้น้าผมเป็นคนขี่มอเตอร์ไซด์ครับ ก่อนเข้าไปตัวอำเภอจะต้องข้ามถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ และตรงนั้นมีofficeร้างอยู่ครับ และมีสะพานข้ามแม่น้ำอยู่ ผมกับหน้าผมก็ตกใจเมื่อเห็นผู้ชายใส่กางเกงขาสั้นวิ่งข้ามถนนตรงสะพาน ห่างประมาณ ไม่ถึง 10 เมตร แล้วผู้ชายที่เห็นไม่มีหัวครับ แต่เราก็ยังไม่แน่ใจว่ามันคืออะไรกันแน่ ก็ชะลอรถดูครับ ทางตรงนั้นที่เขาวิ่งข้ามไปไม่น่าจะมีทางไปอีกเพราะมีแต่น้ำเราก็เลยตกใจครับ ก็รีบขี่รถไปทานข้าวกันครับ แล้วขากลับก็แวะคุยกะยามที่โรงงานใกล้ ๆ นั้นว่าเห็น คนวิ่งข้ามถนนไปแล้วไม่มีหัว เขาก็ยิ้มแล้วบอกว่าเจอดีแล้วหละ เขาบอกว่า ก่อนหน้านี้มีขี้ยาวัยรุ่นสงสัยเมายาแล้วตกน้ำไป แล้วพอมาเจอศพก็ไม่มีหัวแล้ว สงสัยปูปลามาแท ะจนขาด พอทราบแบบนั้นผมและน้าไม่ไปถนนสายนั้นยามดึก ๆ เลยครับถ้าไม่จำเป็น </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>ผีคุณยายสปีด
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>เรื่องผีคุณยายสปีดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเองหรอกค่ะ แต่เป็นเรื่องเล่าจากคนที่เขาเคยเจอกัน เรื่องนี้เกิดที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ค่ะ ผีคุณยายสปีดนี้อยู่ในซอยระหว่างห้างโลตัสกับวัดโคกนาว ซึ่งถ้าถามวัยรุ่นหาดใหญ่ต่างก็รู้จักผีคุณยายสปีดกันทั้งนั้น เพราะคนส่วนใหญ่ที่เจอจะเป็นวัยรุ่นและพวกรถซิ่งมอเตอร์ไซด์ที่ขับผ่านเข้าไปในซอยนั้น ตั้งแต่ 3 ทุ่มขึ้นไป และเหตุการณ์ที่ประสบกับเพื่อนของดิฉัน คือ เขาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์เข้าไปในซอยกับเพื่อน(ตอนนั้นเขายังไม่รู้เรื่องผีคุณยายสปีด) ประมาณ 3 ทุ่มครึ่งได้ค่ะ พอเลี้ยวเข้าซอย เขาเห็นตรงหัวโค้งตรงเสาไฟฟ้าและเห็นยายคนหนึ่งนั่งขายของอยู่ แต่เห็นหน้าไม่ชัด ก็คิดว่ายายที่ไหนมานั่งขายของป่านนี้ พอผ่านไปแล้วเขาหันกลับมา เขาก็เห็นยายคนนั้น วิ่งตามมาและเร็วมาก เลยบอกให้เพื่อนรีบขับเร็ว ๆ ให้ผ่านซอยไปผีคุณยายสปีดก็ไม่ตามแล้ว ส่วนอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นกับแฟนของเพื่อนดิฉัน เขาก็ซ้อนมอเตอร์ไซด์เข้าไปในซอยกับเพื่อนเช่นกัน เวลาประมาณเที่ยงคืนได้ค่ะ พอเขาหันหลังมาก็ผีคุณยายสปีดคลานตามมา โดยที่ก้มหน้าและตั้งแต่บริเวณกลางหน้าแข้งลงไปก็ไม่มีขา เลยบอกให้เพื่อนรีบขับออกจากซอย ลืมบอกไปค่ะผีคุณยายสปีดนี้จะตามเฉพาะรถมอเตอร์ไซด์ที่ขับผ่าน ตั้งแต่ 3 ทุ่ม ขึ้นไปค่ะ และซอยนี้พวกรถซิ่งจะไม่กล้าผ่านค่ะ และที่เรียกคุณยายสปีดก็เพราะว่า เขาตามเร็วมาก ดิฉันเองก็อยากลองพิสูจน์ดูเหมือนกันค่ะ แต่ก็ไม่กล้าเพราะชวนใครก็ไม่มีใครเอาด้วย </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  9. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>ผีพราย
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>ผีพรายนั้นบางตำราวาเป็นผีประเภทหรือพวกเดียวกับนางไม้ ฉะนั้นเรื่องความส าวและสวยรับรองไม่เป็นสองรองใคร และคงจะเป็นผีสาวมากกว่าเพศผู้ ข้อหลังนี่ไม่อยากยืนยันเพราะกลัวจะเมื่อยขาเอาเป็นว่าผู้ชายเราไม่สน...มาว่ากันแต่เรื่ องสวยๆงามๆดีกว่า....แม้จะเป็นผีก็ยังอยากชีกอว่างั้นเถอะ อ้อ...ลืมบอกไปผีพรายส่วนใหญ่มีนิวาสถานอยู่ในน้ำมากกว่าบนบก แต่ผีพรายกับพรายน้ำที่ส่องแ สงวับๆแวบๆ เวลาต้องแสงไฟตอนกลางคืนนั้นคนล่ะเรื่องเดียวกันแหละตัวเอง ประวัติความเป็นมาและอิทธิฤทธิ์ของผีพราย ผีพรายนั้นไม่มีประวัติความเป็นมาอะไรมากนัก นอกจากเป็นผีประเภทนางไม้ อย่างที่บอกไว้แต่แรก และชอบอาศัยอยู่ในน้ำ ทำไมถึงชอบไปอยู่ที่นั่นก็ไม่กล้าดำลงไปถามเหมือนกันเดี๋ยวจะไม่ได้กลับขึ้นมาบนบกอีกก็เลยปล่อยให้ความสง สัยยืนยงมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ อย่าไปยุ่งกับเขาเลยจะดีกว่า รู้แค่พอหอมปากหอมคอก็พอแล้ว อ้อ...อ้อ ..เพิ่งนึกขึ้นได้ ในวรรณคดีไทยเสภาเรื่องขุนช้างขุ นแผน ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับผีพรายอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ผีสาวกลับเป็นผีหนุ่มหรือน่าจะเป็นผีผู้พราย (หมายถึงพรายตัวผู้หรือผีพรายผู้ชาย) คือตอนที่หมื่ นหาญนายโจร สั่งให้นางบัวคลี่ลูกสาวของตนวางยาพิษหมายจะใช้เป็นเครื่องมือสังหารลูกเขยคือพรายแก้วหรือขุนแผน แต่เจ้าโหงพรายผีที่ขุนแผนเลี้ยงไว้รู้เข้า จึงแอบกระซิบบอกกับขุนแผนผู้เป็นนายของตนขุนแผนเรียนวิชาเลี้ยงผีรวมทั้งคาถาอาคมเครื่องรางของขลังมาจากอาจารย์สมัยที่บวชเป็นเณรอยู่วัดแคสำหรั บเจ้าโหงพรายนั้นพลายแก้วเคยใช้ขี่เป็นพาหนะเหาะไปหานางพิมพิลาไลยที่สุพรรณบุรี ลักษณะของผีพราย ผีพรายตามที่บอกไว้แต่แรกว่าเป็นผีประเภทนางไม้สาวสวย และชอบอาศัยอยู่ใ นน้ำแต่ตัวที่เจ้าพลายแก้วขี่ไปบ้านนางพิมนี่เป็นผีพรายที่อยู่บนบกและไม่แน่ใจว่าเป็นเพศใดกันแน่ หากเป็นผีพรายเพศหญิงมักจะไว้ผมยาว มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม หุ่นสเลนเดอร์อีกต่างหาก อาหารและวิธีการออกหากิน ผีพรายนั้นน่าจะกินพวกเครื่องเซ่นเหมือนกับผีธรรมดาทั่วๆไป แบบเดียวกับพวกผีนางไม้ทั้งหลาย อันได้แก่ ผีนางตานี ผีนางตะเคียนเป็นต้น แต่ไม่เคยได้ข่าวว่ าผีพรายหารายได้พิเศษในทางให้หวยบอกเลขจนมีคนตั้งศาลยกให้เป็นเจ้าแม่เหมือนผีสองชนิดที่กล่าวนามมาแล้วนั้น เลยไม่รู้ว่าจะได้เครื่องเซ่นมาด้วยวิธีไหน เพราะคนเราลองไม่ได้ผลประโยชน์และไม่ใช่เป็นเครือญาติกันด้วยแล้ว เรื่องจะเอาอาหารหวานคาวไปเซ่นสังเวยด้วยความเสน่หานั้นคงเป็นไปได้ยาก วิธีป้องกันและจัดการกับผีพราย ผู้สันทัดกรณีบอกว่า ผีพรายผู้หญิงนั้นชอบอาศัยอยู่ในน้ำเวลาใครลงไปเล่นน้ำคนเดียวโดยเฉพาะในที่ลึกๆ อาจจะโดนผีพรายเอาผมพันขาลากจมหายไปก็ได้ ทั้ งนี้เพราะต้องการจะเอาตัวไปเป็นบริวารหรือไม่ก็ให้มารับตำแหน่งหน้าที่ผีพรายน้ำแทนแล้วตัวเองจะได้ไปผุดไปเกิด เวลาที่มีข่าวคนจมน้ำตายมักจะเชื่อกันว่าเ พราะถูกผีพันขาเอาไว้มากกว่าจึงทำให้จมน้ำตาย ซึ่งเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเพราะไม่มีใครยอมเป็นอาสาสมัครไปทดสอบเลยสักรายเดียว วิธีป้องกันก็คืออย่ าไปเล่นน้ำคนเดียว โดยเฉพาะที่ลึกๆ และในเวลากลางคืนส่วนวิธีจัดการกับผีพรายนั้นคงต้องพึ่งหมอผีผู้เรื่องวิทยาการทางด้านคาถาอาคม ข้อมูลอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับผีพราย เวลาที่ใครตื่นนอนขึ้นมาแล้วพบว่า ตามเนื้อตามตัวและแขนขามีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ โดยไม่ทราบสาเหตุเพราะเมื่อคืนก็ไม่ได้เมาหรือเดินสะดุดนักเลงที่ไหน ท่านผู้รู้ บอกว่าอาการช้ำนั้นอาจเกิดจากการถูกพรายย้ำก็เป็นได้ แต่ถ้าขนาดถึงขั้นขอบตาเขียวหรือฟันโยกไปทั้งปากสงสัยต้องลองให้นึกทบทวนดูดีๆ ว่าเมื่อคืนนี้ไปฝ่า ด่านอะไรมาบ้างหรือเปล่านอกจากผีพรายน้ำจืดที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว ยังมีผีพรายอีกชนิดหนึ่งเรียกว่าพรายทะเล ซึ่งเวลาอาละวาดจะก่อให้เกิดคลื่นหรือลมพายุท ำให้ท้องทะเลปั่นป่วน ชาวเรือมีวิธีแก้ โดยการสร้างรูปแม่ย่านางไว้ที่หัวเรือ เพื่อป้องกันไม่ให้ผีพรายทะเลมารบกวน ขอปิดท้ายเรื่องราวเกี่ยวกับผีพรายด้วยบ ทกวีที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยาทรงนิพนธ์ค้างไว้ 2 บท ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับพรายย้ำและศรีปราชญ์ยอดกวีเอกคนหนึ่งของไทยได้แต่งต่อจนจบ ดังนี้ อันใดย้ำแก้ม แม่หมองหมาย ยุงเหลือบฤาริ้นพราย ลอบกล้ำ ผิวชนแต่จักกราย ยังยาก ใครจักอาจให้ช้ำ ชอกเนื้อเรียมสงวน</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>ผีพราย
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>ผีพรายนั้นบางตำราวาเป็นผีประเภทหรือพวกเดียวกับนางไม้ ฉะนั้นเรื่องความส าวและสวยรับรองไม่เป็นสองรองใคร และคงจะเป็นผีสาวมากกว่าเพศผู้ ข้อหลังนี่ไม่อยากยืนยันเพราะกลัวจะเมื่อยขาเอาเป็นว่าผู้ชายเราไม่สน...มาว่ากันแต่เรื่ องสวยๆงามๆดีกว่า....แม้จะเป็นผีก็ยังอยากชีกอว่างั้นเถอะ อ้อ...ลืมบอกไปผีพรายส่วนใหญ่มีนิวาสถานอยู่ในน้ำมากกว่าบนบก แต่ผีพรายกับพรายน้ำที่ส่องแ สงวับๆแวบๆ เวลาต้องแสงไฟตอนกลางคืนนั้นคนล่ะเรื่องเดียวกันแหละตัวเอง ประวัติความเป็นมาและอิทธิฤทธิ์ของผีพราย ผีพรายนั้นไม่มีประวัติความเป็นมาอะไรมากนัก นอกจากเป็นผีประเภทนางไม้ อย่างที่บอกไว้แต่แรก และชอบอาศัยอยู่ในน้ำ ทำไมถึงชอบไปอยู่ที่นั่นก็ไม่กล้าดำลงไปถามเหมือนกันเดี๋ยวจะไม่ได้กลับขึ้นมาบนบกอีกก็เลยปล่อยให้ความสง สัยยืนยงมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ อย่าไปยุ่งกับเขาเลยจะดีกว่า รู้แค่พอหอมปากหอมคอก็พอแล้ว อ้อ...อ้อ ..เพิ่งนึกขึ้นได้ ในวรรณคดีไทยเสภาเรื่องขุนช้างขุ นแผน ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับผีพรายอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ผีสาวกลับเป็นผีหนุ่มหรือน่าจะเป็นผีผู้พราย (หมายถึงพรายตัวผู้หรือผีพรายผู้ชาย) คือตอนที่หมื่ นหาญนายโจร สั่งให้นางบัวคลี่ลูกสาวของตนวางยาพิษหมายจะใช้เป็นเครื่องมือสังหารลูกเขยคือพรายแก้วหรือขุนแผน แต่เจ้าโหงพรายผีที่ขุนแผนเลี้ยงไว้รู้เข้า จึงแอบกระซิบบอกกับขุนแผนผู้เป็นนายของตนขุนแผนเรียนวิชาเลี้ยงผีรวมทั้งคาถาอาคมเครื่องรางของขลังมาจากอาจารย์สมัยที่บวชเป็นเณรอยู่วัดแคสำหรั บเจ้าโหงพรายนั้นพลายแก้วเคยใช้ขี่เป็นพาหนะเหาะไปหานางพิมพิลาไลยที่สุพรรณบุรี ลักษณะของผีพราย ผีพรายตามที่บอกไว้แต่แรกว่าเป็นผีประเภทนางไม้สาวสวย และชอบอาศัยอยู่ใ นน้ำแต่ตัวที่เจ้าพลายแก้วขี่ไปบ้านนางพิมนี่เป็นผีพรายที่อยู่บนบกและไม่แน่ใจว่าเป็นเพศใดกันแน่ หากเป็นผีพรายเพศหญิงมักจะไว้ผมยาว มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม หุ่นสเลนเดอร์อีกต่างหาก อาหารและวิธีการออกหากิน ผีพรายนั้นน่าจะกินพวกเครื่องเซ่นเหมือนกับผีธรรมดาทั่วๆไป แบบเดียวกับพวกผีนางไม้ทั้งหลาย อันได้แก่ ผีนางตานี ผีนางตะเคียนเป็นต้น แต่ไม่เคยได้ข่าวว่ าผีพรายหารายได้พิเศษในทางให้หวยบอกเลขจนมีคนตั้งศาลยกให้เป็นเจ้าแม่เหมือนผีสองชนิดที่กล่าวนามมาแล้วนั้น เลยไม่รู้ว่าจะได้เครื่องเซ่นมาด้วยวิธีไหน เพราะคนเราลองไม่ได้ผลประโยชน์และไม่ใช่เป็นเครือญาติกันด้วยแล้ว เรื่องจะเอาอาหารหวานคาวไปเซ่นสังเวยด้วยความเสน่หานั้นคงเป็นไปได้ยาก วิธีป้องกันและจัดการกับผีพราย ผู้สันทัดกรณีบอกว่า ผีพรายผู้หญิงนั้นชอบอาศัยอยู่ในน้ำเวลาใครลงไปเล่นน้ำคนเดียวโดยเฉพาะในที่ลึกๆ อาจจะโดนผีพรายเอาผมพันขาลากจมหายไปก็ได้ ทั้ งนี้เพราะต้องการจะเอาตัวไปเป็นบริวารหรือไม่ก็ให้มารับตำแหน่งหน้าที่ผีพรายน้ำแทนแล้วตัวเองจะได้ไปผุดไปเกิด เวลาที่มีข่าวคนจมน้ำตายมักจะเชื่อกันว่าเ พราะถูกผีพันขาเอาไว้มากกว่าจึงทำให้จมน้ำตาย ซึ่งเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเพราะไม่มีใครยอมเป็นอาสาสมัครไปทดสอบเลยสักรายเดียว วิธีป้องกันก็คืออย่ าไปเล่นน้ำคนเดียว โดยเฉพาะที่ลึกๆ และในเวลากลางคืนส่วนวิธีจัดการกับผีพรายนั้นคงต้องพึ่งหมอผีผู้เรื่องวิทยาการทางด้านคาถาอาคม ข้อมูลอื่นๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับผีพราย เวลาที่ใครตื่นนอนขึ้นมาแล้วพบว่า ตามเนื้อตามตัวและแขนขามีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ โดยไม่ทราบสาเหตุเพราะเมื่อคืนก็ไม่ได้เมาหรือเดินสะดุดนักเลงที่ไหน ท่านผู้รู้ บอกว่าอาการช้ำนั้นอาจเกิดจากการถูกพรายย้ำก็เป็นได้ แต่ถ้าขนาดถึงขั้นขอบตาเขียวหรือฟันโยกไปทั้งปากสงสัยต้องลองให้นึกทบทวนดูดีๆ ว่าเมื่อคืนนี้ไปฝ่า ด่านอะไรมาบ้างหรือเปล่านอกจากผีพรายน้ำจืดที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว ยังมีผีพรายอีกชนิดหนึ่งเรียกว่าพรายทะเล ซึ่งเวลาอาละวาดจะก่อให้เกิดคลื่นหรือลมพายุท ำให้ท้องทะเลปั่นป่วน ชาวเรือมีวิธีแก้ โดยการสร้างรูปแม่ย่านางไว้ที่หัวเรือ เพื่อป้องกันไม่ให้ผีพรายทะเลมารบกวน ขอปิดท้ายเรื่องราวเกี่ยวกับผีพรายด้วยบ ทกวีที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช แห่งกรุงศรีอยุธยาทรงนิพนธ์ค้างไว้ 2 บท ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับพรายย้ำและศรีปราชญ์ยอดกวีเอกคนหนึ่งของไทยได้แต่งต่อจนจบ ดังนี้ อันใดย้ำแก้ม แม่หมองหมาย ยุงเหลือบฤาริ้นพราย ลอบกล้ำ ผิวชนแต่จักกราย ยังยาก ใครจักอาจให้ช้ำ ชอกเนื้อเรียมสงวน</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  11. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>ผีกองกอย
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>กองกอยเป็นผีป่าชนิดหนึ่งซึ่งมีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างแปลกประหลาด ผีชนิดนี้เวลาออกหากินหรือเดินทางไปไหนๆ ชอบร้อง กองกอย กองกอย บอกเผ่าพันธุ์แ ละประเภทของผีตัวเองให้ชาวบ้าน ชาวเมือง เขารู้เสร็จ เพื่อจะได้ไม่เกิดอาการสับสนหรือคาดเดาให้เสียเวลา ว่าไอ้ตัวที่กำลังเขย่งโหยงๆ มานั้นเป็นผีชนิดใดกันแน่นับเป็นยอดผีนักประชาสัมพันธ์ตัวเองขนานเอกเลยทีเดียว ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าผีกองกอยมีความเป็นมาอย่างไร และก็ยังไม่เคยมีใครบ้าเลือดบุกเข้าป่าไปขอสัมภาษณ์หรือซักประวัติอย่างเป็นผีป่าชนิดหนึ่งชอบอาศัยอ ยู่ในป่าลึกหรือป่าดงดิบ ซึ่งป่านนี้อาจจะสูญพันธุ์ไปพร้อมกับป่าเมืองไทยแล้วก็ได้ ยังมีท่านผู้รู้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมไว้อีกว่ากองกอย น่าจะเป็นสัตว์ป่าชนิดหนึ่ ง ซึ่งมีพฤติกรรมชอบดูดเลือดผู้อื่น (หมายถึงสัตว์อื่นหรือคนอื่นไม่ชอบดูดเลือดตัวเอง) กินเป็นอาหาร บ้างว่าเป็นพวกเดียวกับผีโป่งค่าง ซึ่งเจ้าผีชนิดนี้มีรูปร่างค ล้ายค่างแต่หางสั้นกว่าอาศัยอยู่ตามต้นไม้ใหญ่แล้วก็ชอบดูดเลือดกินเหมือนๆ กัน (ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ในเรื่อง ฝีโป่งค่าง) เนื่องจากกองกอยค่อนข้างจะเป็นผีแปลกประหลาด คือ มีเท้าอยู่เท้าเดียวแถมไม่มีสะบ้าหัวเข่า เวลาจะเดินทางไปไหนก็ต้องใช้วิธีเขย่งเกงกอยไป ฉะนั้นจึงพบร อยเท้าของมันเพียงรอยเดียว..ซึ่งก็เป็นของแน่อยู่แล้ว ...ขืนพบรอยเท้าทั้งสองข้างหรือสองเท้าแสดงว่าเป็น กองกอยตัวปลอมอย่างไม่ต้องสงสัยเรียกตำรวจจับไ ด้เลยหากขนานแท้และดั่งเดิมต้องมีีเท้าเดียวโปรดสังเกตเครื่องหมายการค้าอันนี้ไว้ให้ดี เพราะยากต่อการทำเทียมและเลียนแบบ (แถมเวลาซื้อรองเท้าน่าจะได้ล ดครึ่งราคาอีกต่างหาก)เรื่องรูปร่างของผีกองกอยผ่านไปแล้วคราวนี้มาว่าถึงด้านหน้าตาบ้าง ตามตำราบอกว่า ผีกองกอยนั้นหน้าตาเหมือนผีกองกอยยังไงยังงั้นเล ย คือ หัวกลมโตล้านเลี่ยนเตียนโล่งนัยน์ตากลมใหญ่สีแดงเหมือนไฟ ปากเหมือนแตรหรือเหมือนปากแมลงวัน...ตามตำราว่าอย่างนั้นไม่รู้เหมือนกันว่าแตรกับ ปากแมลงวันมันมาเกี่ยวข้องเป็นคนล่ะเรื่องเดียวกันได้ยังไง (ใครยังไม่หายข้องใจต้องลองไปจับแมลงวันมาพิจารณากันเอาเอง) ปากชนิดนี้มีไว้สำหรับดูดเลือ ดอย่างที่บอกแต่จะเอาไว้ใช้ดูดอย่างอื่นด้วยหรือไม่ก็ยากที่จะสรุปได้ ไว้เจอคุณกองกอยแล้วจะเค้นคอถามมาให้รวมหมดทั้งรูปร่างและหน้าตาแล้ว ผีกองกอยน อกจากจะไม่หล่อแล้วยังค่อนข้างตลกอีกต่างหาก แบบนี้หากใครจับได้ เอามาออกงานวัดคงได้หลายกะตังค์ ผู้สันทัดกรณีซึ่งไม่ประสงค์จะออกนามและไม่ประสงค์จะออกเงินทุกครั้งที่มีกา รเรี่ยไร หรือแจกซองกฐิน,ผ้าป่า บอกว่า...อาหารสุดโปรดของผีกองกอย ก็คือ...เลือด..ใช่แล้วเลือดสดๆ เพิ่งรีดเอ๊ย......ดูดออกจากนิ้วหัวแม่โป้งเท้าใหม่ๆ ร สชาติหอมหวานอย่าบอกใคร แถมอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ ใครที่ชอบเข้าไปค้างแรมในป่าทึบ ระวังเอาไว้ให้ดี หากเผลอนอนหลับ เจ้าผีกองกอยอาจจะเ ขย่งย่องมาดูดเลือดกินจนตัวซีดถึงแก่ความตายได้ เวลาออกหากินมันจะร้อง กองกอย...กองกอย ดังโหยหวลทั่วทั้งป่าฟังแล้วให้รู้สึกวังเวงวิเวกวิโหวเหว มันจะม าแอบซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ บางตำราว่ามันไม่ได้ร้องกองกอย...กองกอย แต่จะร้อง จุ๊...ดังมาแต่ไกล พอเราออกเสียงตะเพิด มันก็จะตกใจกระโจนออกจากพุ่มไม้ที่ซ่อนตัว แล้วก็เขย่งเกงกอยหนีไป กองกอยคือผีประเภทชอบกินเลือดเป็นอาหาร แบบเดียวกับพวกแวมไพร์ (Vampire) ของฝรั่งซึ่งกล่าวกันว่ามีลักษณะเป็นค้างคาวตัวใหญ่หรืออาจจะเป็นเ ครือญาติกับท่านเค้าน์แดร็กคิวล่า ซึ่งมีเลือดเป็นอาหารจานโปรดเช่นกัน ผีชนิดนี้จะเขย่งเกงกอยมาแอบกินเลือดในเวลากลางคืนของคนที่ไปเที่ยวค้างคืนในป่าดง ดิบและนอนอย่างไม่ระมัดระวังตัว ยังไม่เคยมีข่าวว่าคุณกองกอยออกจากป่ามาอาละวาดหรือแจกลายเซ็นต์ในเมืองและไม่เคยมีรายงานว่ามันเล่นงานพรานป่ าแบบเผชิญหน้าแต่อย่างใด ปกติน่าจะเป็นผีรักสงบไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครนัก ค่อนข้างหาตัวยาก หรืออาจจะสูญพันธุ์ไปพร้อมกับป่าเมืองไทยนานแล้ว คงไม่ยากเย็นอะไรนัก เพราะหากสวมรองเท้านอนเวลาไปค้างคืนในป่า เจ้าผีกองกอยก็คงไม่กล้าลักลอบ...เอ๊ย..คงไม่กล้าเข้ามานั่งบรรจงแก้เชือกรองเท้าแล้วก็ กัดนิ้วดูดเลือดกินเป็นแน่ และถ้าได้ยินเสียงร้อง กองกอย...กองกอย หรือ จุ๊...ก็ให้ตะเพิดไปอย่างที่บอก รับรองคุณกองกอยไม่พักตร์ศิลาเหมือนคน...เอ๊ยผีบาง ตัวหรอก..ซิบอกให้ สำหรับการติดตามล่าผผีกองกอย ต้องใช้วิธีตามรอยเท้าที่มันเขย่งเกงกอยหนีไป มีอยู่ขาเดียวแถมไม่มีลูกสะบ้าหัวเข่า คงจะตามจับตัวมาอ อกงานวัดไม่ยากนักหรอก หากไม่พลาดท่าโดนเค้าจับดูดเลือดจนตัวซีดไปเสียก่อน โดยมากพวกผีดูดเลือดทั่วไป อย่างแวมไพร์ หรือแด็กคิวล่า หากใครโดนดูดเลือ ดก็จะกลายเป็นผีแบบเดียวกัน และต้องหาเลือดกินเป็นการถ่ายทอดเผ่าพันธุ์ต่อๆ กันไปอย่างไม่รู้จบสิ้น แต่สำหรับเจ้าผีกองกอยนี่ไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลว่าต้ องเป็นอย่างนั้น คือใครโดนดูดเลือดก็คงจะแค่แห้งตายไปนะแหละ ไม่มีการกลายเป็นผีกองกอยตัวใหม่ออกอาละวาดแต่อย่างใด หลังจากที่ สิงหไกรภพ ได้อภิเศกสมรสกับ เจ้าหญิงสร้อยสุดาจนมีพระโอรสองค์ หนึ่งนามว่า เจ้าชายรามวงศ์ ต่อมาพระรามวงศ์ไปได้ เจ้าหญิงเทพกินรี ธิดา ท้าวเทพาอสูรจอมยักษ์เป็นชายาวันหนึ่งรามวงศ์ได้พาชายวาหนียักษ์พ่อตาไปหาสิ งหไกรภพผู้เป็นบิดาของตนที่เมืองโกญจา แต่ระหว่างทางได้แวะพักในป่าแห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่อยู่ของปีศาจสาวผู้มีนามว่า อองออย ผีสาวซึ่งมีลำตัวเป็นผู้หญิงหัวเป็ นจระเข้เมื่อได้พบพระรามวงศ์นางปีศาจอองออยก็เกิดมีจิตคิดรักใคร่จึงแปลงร่างเป็นสาวโสภาโกหกว่าตัวเองคือ เจ้าหญิงศรีฟ้า ราชธิดาแห่งเมืองกุเวรพลัดกับพ วกทหารหลงทางอยู่ในป่าและรู้ทางไปเมืองโกญจาพระรามวงศ์จึงให้ร่วมทางไปด้วย พอตกกลางคืนนางปีศาจอองออยก็ทำร้ายเจ้าหญิงเทพกินรีจนจมหายไปในลำธารเข้าใจว่าคงไม่รอดแน่จึงแกล้งกลับไปปลุกเจ้าชายรามวงศ์ทูลว่าเจ้าหญิงแ ก้วกินรีหนีตามชายชู้ไปแล้วพระรามวงศ์ไม่เชื่อชักพระขรรค์ขู่นางปีศาจให้บอกความจริง นางอองออยเห็นไม่ได้การรีบคืนร่างเป็นปีศาจเลยถูกเจ้าชายขว้างด้ว ยจักรขาขาดข้างหนึ่งกระโดดเหยงๆ หนีไป ซึ่งต่อมานางอองออยไปได้คู่ใหม่จนเกิดลูกหลานซึ่งมีตีนข้างเดียวเวลาจะเดินไปไหนก็ต้องใช้วิธีเขย่งเกงกอย ซึ่งเร ารู้จกักันดีในชื่อของ ผีกองกอยอันมีนางปีศาจอองออยเป็นต้นพันธุ์ของผีตระกูลนี้ </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>ผีโขมด
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>ผีโขมดนั้นหากตรวจสอบดูจากหลายๆตำราจะพบว่าข้อมูลค่อนข้างแตกต่างกันไ ป และไม่ค่อยมีบทบาทการแสดงสักเท่าไรนักไม่ว่าจะเป็นวรรณคดีหรือตำนานใดๆ ผีโขมดก็มักได้แค่ตัวประกอบเท่านั้น ประวัติความเป็นมาของผีโขมดนั้นไม่ค่อยประจักษ์ชัดนัก คือจู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาเ รื่องนี้ฉากเรื่องโน้นฉากแล้วก็แวบหายไป เลยไม่รู้ว่าไปทำยังไงเขาถึงได้กลายเป็นผีโขมด ถ้าอย่างผีตายทั้งกลมก็รู้ล่ะว่าคลอดลูกไม่ออกเลยตายหรืออย่างผีนาง ตานีก็ทราบว่าเพราะมีวิญญาณของผีสาวไปสิงสถิตอยู่ในต้นกล้วยตานีตายทั้งกลม แต่สำหรับผีโขมดนั้นหาที่มาที่ไปไม่ได้เอาซะเลย บางตำราบอกว่า "โขมด" เป็นภาษาเขมรแปลตามตัวได้ความเพียงว่าเป็นผีทั่วไป แต่บางตำราบอกว่าเป็นผีที่มีรูปร่างหน้าตาน่ากลัวเหมือนกับผีไม่มีผิด ก็นั่นนะ ซิ...ถ้าไม่ให้เหมือนผีแล้วจะให้เหมือนอะไรมิทราบ อีกตำราบอกว่าผีโขมดนั้นเป็นเพียงดวงไฟลอยวับๆ แวมๆ วูบวาบเป็นดวงโตมองเห็นในเวลากลางคืนโดยเ ฉพาะในที่ที่มีน้ำฉ่ำแฉะและไม่ทำอันตรายใคร แต่จะคอยลวงให้คนหลงทางหรือเดินผิดทาง เพราะเข้าใจว่ามีคนถือคบไฟเดินนำหน้านำทางให้ครั้งพอเข้าไปใก ล้ดวงไปนั้นกลับหายไป มองไปมองมาคราวนี้เห็นลอยอยู่ข้างหน้าบ้างข้างหลังบ้าง ถ้าเจอแบบนี้ไม่ต้องลังเล...อนุญาตให้วิ่งได้เลย เพราะแสดงว่าโดนผีโขมดเล่นงานเข้าให้แล้ว เนื่องจากมีข้อมูลเกี่ยวกับผีโขมดน้อยเต็มที จึงหาหลักฐานยืนยันไม่ได้ว่าผีโขมดชอบกินอะไรเป็นพิเศษ นอกจากในวรรณคดีสุดฮิตเรื่องหนึ่งของไทยคือ สังข์ทอ ง มีเรื่องราวของผีโขมดแทรกอยู่ คือในตอนที่หกเขยไปหาปลาแข่งกับพระสังข์ตามคำสั่งของท้าวสามน แต่ปรากฏว่าหกเขยหาปลามาได้นิดเดียว แถมถูกพระ สังข์ที่แปลงตัวมาเป็นรุกขเทวดาตัดเอาใบหูจนแหว่งวิ้นเพื่อแลกกับปลา บรรดาหกเขยได้แก้ตัวและบอกถึงสาเหตุที่หูแหว่งแก่ท้าวสามนพระพ่อตาว่า " ผีโขม ดโกรธกัดเอาใบหู " นี่อาจจะพอสรุปได้ว่าผีโขมดน่าจะเป็นผีที่มีตัวตน ไม่ใช่เป็นเพียงดวงไฟวับๆแวมๆวูบวาบ และอาหาร อย่างหนึ่งที่มันชอบกิน คงน่ าจะเป็นเนื้อสัตว์พวกหกเขยจึงเอามาเป็นข้ออ้าง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าท้าวสามนจะเชื่อหรือไม่ หากผีโขมดเป็นเพียงดวงไฟคอยลวงให้คนหลงทางในเวลากลางคืน ใครที่ชอบเที่ ยวเป็นเหยี่ยวราตรีและกลับบ้านดึกๆ ก็ระวังเอาไว้หน่อยแล้วกัน ควรหาเพื่อนร่วมทางด้วยจะได้ไม่โดนผีโขมดเล่นงาน และถ้าเกิดผีโขมดชอบกินเนื้อสัตว์หรือ ของสดๆ คาวๆอย่างที่หกเขยเอามาเป็นข้ออ้าง ก็น่าจะระวังตัวกันเอาไว้ เจอใครที่ท่าทางไม่ชอบมาพากลอย่าไปสุงสิงด้วย เพราะอาจเป็นผีโขมดมาดักเล่นงานเอ าก็ได้ หรือใครที่หนีเมียไปเที่ยวแล้วเบื่อที่จะแก้ตัวซ้ำซากว่า " ผีโขมดลวงให้หลงทางเลยกลับบ้านดึก " อะไรทำนองนี้...ได้ผลยังไงหรือไม่ก็ทดสอบกันเอาเองล่ะกัน ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการถ่ายทอดและรักษาเผ่าพันธุ์ของผีโขมดอีกเช่นกัน แต่ในตำราเกี่ยวกับกำเนิดเทพเจ้าบรรยายไว้ว่า พระราหูนั้นสร้างขึ้นมาจากผีโขมด ในตำนานการสร้างโลกและกำเนิดเทพเทวดาของอินเดียบอกเอาไว้ว่าเมื่อพระอิศวรทรงสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาด้วยอำนาจแห่งฤทธิ์ของพระองค์นั้น ได้นำหัวผีโขม ดจำนวน 1 โหลหัว หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ 12 หัวน่ะแหละห่อด้วยผ้าดำ (บางตำราว่านำไปบดให้เป็นผงละเอียดแล้วจึงนำมาห่อด้วยผ้า) ต่อจากนั้นได้ปะพร มด้วยน้ำทิพย์พลันหัวผีโขมดสุดหล่อนั้นก็เกิดเป็นพระราหูขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ กำเนิดพระราหูมีความเป็นมาหลายนัย ในตำนานของพระราหูกล่าวไว้ว่า เทพกึงอสูรตนนี้มีร่างกายท่อนล่างเป็นงูและปลาหางงูยังแยกออกเป็นหัวผีโขมดสองหัวอีกด้วยนะจะบอกให้ </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  13. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>ห้องน้ำผีตายโหง
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>ก่อนเข้าเรื่อง ตอนผมอยู่ ป.4 เคยมีคนมาบอกว่าเกิดอะไรขึ้น...แต่ไม่ทราบลายละเอียด....(รู้ว่ามีเด็กตาย) เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด..เรื่องเกิดประมาณ 15 ปี มาแล้ว..ผมอยู่ชั้น ป 5. แต่เป็นความทรง จำที่ยังติดอยู่ในใจของผมมาตลอดและเป็นเรื่องที่ได้ยินจากภารโรงคนหนึ่ง..(ภารโรงคนนั้นเป็นอาของเพื่อนของผมที่เรียนชั้นเดียวกัน..เขาอาศัยอยู่ บ้านที่อยู่ภายในโรงเรียน) ในตอนเย็นวันหนึ่งเมื่อโรงเรียนเลิกแล้ว......ผมกับเพื่อนๆไปเล่นฟุตบอลกัน เล่นจนเย็นมากจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน..ก่อนกลับบ้านก็ ได้เดินไปเข้าห้องน้ำหลังโรงเรียน เท้าความกันนิดนึงผมต้องยอมรับน๊ะครับว่าโรงเรียนที่นี่เป็นโรงเรียนต่างจังหวัดที่ใหญ่...ห้องน้ำด้านหลัง ของโรงเรียนแห่งนี้...มีจำนวนหลายห้อง.....(ประมาณ 10 ห้องเห็นจะได้)มีทางเข้า 2 ทาง นับจากห้อง ที่ [1] ..[2]...[3] แต่ละห้องจะติดกันเรียงกันไป จนถึงห้องที่ 10 ต่อจากนั้นเป็นโถสุขาก็จะเป็นทางเข้าอีกทางนึง ผมสังเกตุว่าเพื่อนผม..มันไม่ยอมเข้าทางประตูที่ 1 ทั้งๆที่ใกล้กว่า...แล้วเดินเข้าได้ เลย....มันบอกให้ผมเดินอ้อมกำแพงกั้นหน้าห้องน้ำด้านหน้า ไปทางด้านโถสุขาเพื่อไปถ่ายปัสสาวะ(ทางเข้า 2 ) (ผมมาทางนี้) ทางเข้า1-->[1][2][3][4][5][6][7][8][9][10][โถสุขา]<--ทางเข้า 2 ผมก็ไม่ได้คิดอาราย ก็เดินตามมันไป....จนถ่ายปัสสาวะจนเสร็จ จึงถามมันว่ามีอารายวะ เดินให้เสียเวลา...มันชี้ไปที่ห้องน้ำห้องที่ 3 แล้วเพื่อนมัน บอกว่า...." ห้องนั้นมีผี " ผมชะงักอยู่พักนึง แล้วสังเกตุไปที่กลอนประตู....ถึงได้รู้ว่าห้องน้ำทุกห้องมีห้องที่ 3 ห้องเดียวที่ล็อกกุญแจเอาไว้ ประตูใหม่ กว่าห้องน้ำห้องอื่น ผมรู้สึกขนลุกขึ้นมาทันที แต่ก็คิดในใจว่าเพื่อนคงล้อเล่นแน่.....ผมหัวเราะแล้วเดินไปบ้านเพื่อนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องน้ำมาก นัก....ไปถึงบ้านมัน ก็เจออา ที่เป็นภารโรง จึงถามเพื่อนไปว่า "จริงหรือเป่า....ก็ไม่เห็นมีอะไรนิหน่า " มันพูดออกมาว่า " แกไม่อยู่นี่ไม่รู้อา รายหรอก ที่นี่เขารู้กันหมด " อาของมันจึงเล่าไปว่า ก่อนหน้านี้ 3 ปี ขณะนั้นเป็นวันสุดท้ายก่อนปิดภาคเรียน.....นักเรียนพากันกลับบ้าน ภารโรงเห็นว่าไม่มีนักเรียนอยู่แล้ว จึงทำการล็อกกุญแจห้องน้ำทั้งหมด....แต่ไม่คิดว่าจะมีเด็กผู้หญิง...อยู่ชั้น ป.มูล(จะขึ้น ป.1)...อยู่ในห้องน้ำด้วย... เย็นวันนั้นทุกคนในโรงเรียนไม่มี ใครอยู่เพราะทุกคนไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหมด...(ลองคิดดูน๊ะครับว่าอารายจะเกิดขึ้นภายในคืนนั้น....เช้าวันต่อมา....มีผู้ปกครองเด็กคนนั้นมาหาแล้ว บอกว่าลูกไม่กลับบ้านไปแจ้งความแล้วมาหากันทั่วโรงเรียนแต่ไม่เจอ เมื่อภารโรงกลับมาจากต่างจังหวัด( 7 วันมั้ง) มาทำความสะอาด.... สังเกตุว่ามีกลิ่นเหม็นคล้ายอะไรตายมาหลายวัน.....พอเปิดห้องน้ำมาพบเด็กผู้หญิงตายขึ้นอืด เขาเล่าลายละเอียดว่า เด็กผู้หญิงคนนั้น ตาเหลือก นิ้วมือหงิก..เล็บหลุดหมด. ประตูมีรอยข่วนด้วยเล็บ....ฝาผนังมีลอยเลือดเป็นรอยข่วนเต็มฝา.....น้ำในห้องน้ำแห้ง..เพราะ ปิดมิเตอร์น้ำ และเด็กคงดื่มน้ำจนหมด....เสื่อผ้าขาดเพราะไม่มีอะไรกินต้องฉีกเสื้อผ้ากิน..ไม่รู้ตายมากี่วัน....ตอนนั้นยังไม่เปิดเทรม เพื่อนมันบอกว่า เห็นกับตา สยองมาก....กลิ่นเหม็นไปหมด... หลังจากนั้นไม่นาน ห้องน้ำก็เปลี่ยนประตูบานใหม่ ทาสีใหม่ และเปิดให้เข้าเป็นปกติ แต่ตกกลางคืนเพื่อนมักได้ยินเสียง ร้องโหยหวนลอยมาจากห้องน้ำบ้างบางครั้ง...บางทีก็ได้กลิ่นเหม็น ครั้งที่ร้ายที่สุดคือในคืนนึงมีเสียงทุบประตูดังมาก...ดังเป็นจังหวะ.เหมือนมีใครอยากจะออกมา ไม่มีใครกล้าออกไปดูทุกคนที่นี่รุ้กันหมด...แต่ครูใหญ่บอกว่าไม่มีอะไร.....อย่าเอาเรื่องนี้เล่ากับใคร (ผมยอมรับว่าตอนนั้นได้ยินเพื่อนมันบอกว่ามีเด็ก ตาย...แต่ก้ไม่มีใครรุ้มากไปกว่านี้จนว้นนั้นได้รู้ความจริงจากปากของอาเพื่อน) จากวันนั้น บางคนไม่รู้เรื่อง เคยมีคนเข้าไป ก็มีคนพบเหตุการณ์ ต่างๆๆ...บางทีห้องเปิดไม่ออก....ต้องตะโกน.....บางคนเข้าไปไม่มีน้ำไหล.....ที่ร้ายที่สุดคือมีงูออกมาจากโถส้วม.......ไม่นานห้องนั้นก็ปิดลงอีกครั้ง มีการล็อกประตูอย่างแน่นหนา จนผมจบออกมาก็ไม่มีใครใช้ห้องนั้นอีกเลย เรื่องที่เล่า เป็นเรื่องที่เด็กโรงเรียนนั้นรู้กันทั่ว ไม่รุ้ว่าตอนนี้ยังเป้นห้องน้ำที่ปิดตายอยู่เหมือนเดิมรึเป่า </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  14. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD align=middle width=450 bgColor=#cccccc>แรงอาฆาตผีตายโหง
    <TR><TD width=450 bgColor=#000000>วันสงกราต์ในปี 2543 พวกเราเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน มีผู้ชายคนหนึ่งขับรถมอเตอร์ไซด์ผ่านมาซึ่งเป็นคนที่พวกเราหมั่นไส้จึงสาดน้ำใม่จนรถเขาล้มเขาโกรธมากลุกขึ้นมาชี้หน้าด่าพวกเราและบอกว่า ถ้าเขาตายไปเขาจะมาฆ่าทุกคน พวกเราหัวเราะกันสนุกจากนั้น 3 วันเขาเสียชีวิตเพราะถูกรถยนต์ชนรถมอเตอร์ไซด์พวกเราพากันกลัวมากเวลากลางคืนได้ยินเสียงคนร้องโหยหวลบอกว่าเจ็บดังมาตามถนน ผ่านหน้าบ้านพวกเราไปแทบทุกคืน บางคืนมีคนขี่รถมอเตอร์ไซด์ผ่านตรงที่เขาตาย เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนเลือดท่วมตัว เนื้อหลุดลอก บางคืนใครที่อยู้บ้านใกล้ถนน ก็จะได้ยินเสียงเขย่าประตูรั้ว บ้านดิฉันเองก็เหมือนกัน วันนั้นดิฉันเอาข้าวมาให้หมากินเห็นมีผู้ชายเดินเข้าบ้านมา หมาเห่าใหญ่เลย ดิฉันได้กลิ่นเหม็นเหมือนของเน่า คิดว่าเป็นผีแน่ๆ จึงรีบวิ่งเข้าบ้านไปบอกพ่อกับแม่ ขระที่ดิฉันกำลังเล่าให้พ่อแม่ฟังเรา 3 คนได้ยินเสียงเขย่าประตูรั้ว พร้องกับเสียงร้องบอกว่า " หิวมากกกก หนาวมากก ช่วยที" ดังอยู่อย่างนี้นานมาก ดิฉันไม่กล้านอนคนเดียวจึงไปนอนกับแม่ จนหลับไปตื่นมากก็รีบไปใส่บาตร จากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลย</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. hexidecimal

    hexidecimal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,026
    ค่าพลัง:
    +1,637
    ยาวเจงๆ
     
  16. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,402
    ย่องมาดูครับ
     
  17. vichian

    vichian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2005
    โพสต์:
    8,164
    ค่าพลัง:
    +41,921
    อ่านไม่หมด เรื่องเยอะจัง แต่เท่าที่อ่านหัวเรื่องแต่ละเรื่อง ไม่เห็นมีเรื่องเกี่ยวกับ ขนหัวลุก เลย ขนหัวไหนลุก หัวใคร แล้วลุกทำไม ทำไมต้องลุก จะลุกไปไหน ลุกนานไหม ลุกมากลุกน้อย ลุกขึ้นเดิน หรือ ลุกนั่ง ไม่เห็นบอกสักอย่าง เห็นมีแต่ เรื่องผี กับเรื่อง วิญญานเต็มไปหมด อ่านแล้วเลยเป็น งองูงองู (งง)

    อ่านแล้วอย่าโกรธนะ....แต่ฮาได้ไม่หวงห้าม

    สวัสดี ดีกว่า
     
  18. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    วิญญาณเฮี้ยน ผีเด็กแมนชั่น[​IMG]
    [​IMG]
    เรื่องราวสยองขวัญเผชิญวิญญาณที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นกับตัวดิฉันเอง ที่ดิฉันเจอ มันจะมาในลักษณะคล้ายกับโดนผีอำ แต่มัน น่ากลัวมาก ๆเหมือนจริง เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับดิฉันตอนเช่าแมนขั่นอยู่กับญาติ ๆ แมนชั่นแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาประมาณ 10 กว่า ปีแล้ว บรรยากาศภายใน เงียบ มากจนทำให้เข้ามาเดินแล้วรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูก
    มีอยู่วันหนึ่งขณะที่ดิฉันนอนหลับกลางวันอยู่บนเตียงนอน ดิฉันก็เห็นเด็กสองคนอายุประมาณ 4 ขวบ วิ่งเล่นกันอย่าง สนุกสนาน เสียงดังมากจนดิฉันรู้สึกหนวกหูอย่างมากเลยลุกขึ้นมาต่อว่าให้เด็กสองคนนั้นเงียบ ๆ หน่อย เด็กสองคนนั้นพอได้ยินดิฉันว่า ก็หยุด และหันมามองดิฉัน เป็น ตาเดียวกัน ท่าทางของเด็กสองคนไม่ค่อยพอใจดิฉันนัก ตอนนั้นความรู้สึกของ ดิฉันมันคล้ายกับครึ่งหลับ ครึ่งตื่น ครึ่งจริงครึ่งไม่จริง จะลุกขึ้นก็ไม่มีแรง แล้วเด็กสองคนนั้นก็ฉุดรั้งแขนดิฉันให้ลุกออกมาจากเตียงนอนพร้อมกับพูดกับดิฉันว่า "เตียงของหนู ... เตียงของหนู" แต่ดิฉันก็ไม่สนใจที่จะทำตามที่เด็กสองคนนั้นพูด แล้วเสี้ยววินาทีดิฉันก็ต้องเบิกตาสว่างทันที เพราะเด็กสองคนนั้นส่งเสียงดุดิฉัน พร้อมกับทำท่าทางใบหน้าขึงขังน่ากลัว นัยน์ตาทั้งสองคู่ของเด็ก สองคนนั้น จาก ปกติก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นแดงก่ำเหมือนดวงไฟ แล้วก็แสยะยิ้มให้อย่างน่ากลัว เสียงเล็ก ๆ ของเด็กก็ค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็นเสียงทุ้มฟังแล้วขนลุกขนพอง แล้วก็พูดขึ้นว่า "ลุกไป ! ลุกไป !"[​IMG]
    ตอนนั้นดิฉันกลัวมากแต่ไม่มีเรี่ยวแรงส่งเสียงเรียกใครเลย แต่ดิฉันก็ไม่ละความพยายามที่จะส่งเสียงตะโกนเรียกคนให้มาช่วย เด็ก สองคนนั้นก็แสดงท่าทางหลอกดิฉันอย่างน่ากลัวดิฉันพยายามทั้งดิ้นทั้งร้อง ให้คนช่วย จนในที่สุดเฮือกสุดท้ายดิฉันก็ ตื่น ลุกขึ้น มา นั่งจนได้ หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ครั้งนี้ไปแล้ว คิดว่าตัวเองคงจะโดนผีอำธรรมดา ต่อมาดิฉันก็มานอนที่เตียงนี้อีก แล้วก็เจอกับ เด็กสองคนท่าทางของเด็กน่ากลัวขึงขังตั้งแต่แรกเห็น ท่าทางไม่พอใจอย่างมากที่ดิฉันมานอนที่เตียงอีก [​IMG] เด็กสองคนเดินดิ่งเข้ามาหาดิฉันด้วยใบหน้าน่ากลัว ได้แต่แสยะยิ้ม ลูกนัยน์ตา เหลือกถลนจนปลิ้น ออกมานอกเบ้า เท่านั้นยังไม่พอเด็กทั้งสองยังช่วยกันกดทับที่ไหล่พร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกจนดิฉัน กลัว สุดขีด ส่งเสียงร้องให้คนช่วยจนเหนื่อย อ่อนไม่มีแรง แต่ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงดิฉันสักคนแต่ดิฉันก็ไม่ละ ความ พยายามที่จะหลุดพ้นจากมิติลี้ลับที่กำลังเผชิญกับผีเด็กทั้งสองให้ได้ ดิฉันเลยตั้งจิตภาวนา พุทโธ พุทโธพร้อมกับออกแรงยันตัวเพื่อ ลุกขึ้นนั่งในที่สุดดิฉันก็หลุดออกมา จากอีก มิติหนึ่งจนได้ ตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็ไม่กล้านอนที่เตียงนี้อีก เลย
     
  19. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <CENTER>บ้ า น ร้ า ง ... ส ย อ ง ข วั ญ ... </CENTER>

    <CENTER>[​IMG]</CENTER>
    เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ มันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่ากลัวนักถ้าเล่าตอนนี้ แต่ถ้าใครไปอยู่ในสถานที่นั้น ณ เวลานั้นก็จะรู้ว่ามันเป็นอย่างไรกันหนอ อาการที่เรียกว่า โกยหน้าตั้ง คืนหนึ่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พวกเราตัดสินใจที่จะไปลองของกันที่บ้านร้างหลังหนึ่ง ที่อยู่ระหว่างทางไป อ.มะขาม จ.จันทบุรี ซึ่งเราได้ยินข่าวมานานแล้วว่าบ้านหลังนี้ ...สุด ๆ ประวัติของบ้านหลังนี้เอาแน่นอนไม่ได้ เนื่องจากมีหลายอย่างเหลือเกิน บ้างก็ว่าบ้านนี้ถูกฆ่ายกครอบครัว บ้างก็ว่าปลูกคร่อมตอตะเคียน เราไม่รู้มูลเหตุที่แท้จริง เรารู้แต่เพียงว่าบ้านหลังนี้น่ากลัว ก่อนที่เราจะเริ่มปฏิบัติการกันนั้น เราได้เตรียมวางแผนกันนานมาก (เพราะไม่กล้า) ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง คืนนั้นเราออกเดินทางกันประมาณ3 ทุ่มกว่า ๆจากตัวเมือง ไปถึงจุดหมายประมาณ 5 ทุ่มได้ เนื่องจากเราไปกันเรื่อย ๆ </PRE>[​IMG]
    บรรยากาศโดยรอบของบ้านหลังนั้น แตกต่างจากตอนกลางวันอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้จะมีปั๊มน้ำมันอยู่ข้าง ๆก็ตาม ที่โล่งรอบบริเวณบ้าน รัศมีประมาณ 50 เมตร ระยะทางมันช่างยาวไกลเหลือเกินซึ่งต่างจากตอนกลางวันที่เราเดินสำรวจกันใช้เวลาแค่ครู่เดียวเราจอดรถไว้ที่ปั๊มน้ำมัน แล้วจัดเตรียมเครื่องรางของขลังกันให้พร้อมก่อนจะออกเดินกัน </PRE>[​IMG][​IMG]
    <H3> ลักษณะบ้านเป็นบ้านทรงยุโรป สวยมาก แต่ดูทะมึนยังไงก็ไม่รู้ เราถ่ายรูปรอบตัวบ้านไว้หลายรูปแต่ทุกรูปที่ถ่ายนั้นเสียหมด ซึ่งตอนนั้นพวกเรายังไม่รู้เรื่อง ก็เลยตระเวนถ่ายไปเรื่อย ๆ เราเริ่มมีความคิดชั่วร้ายขึ้นมา อยากจะเข้าไปในตัวบ้าน ซึ่งประตูนั้นล็อกอยู่ แต่มีสมาชิกอีคนบอกว่า ปีนได้ไม่เป็นไร ขณะที่ผู้กล้าคนแรกกำลังจะปีน(โดนบังคับ)ทุกคนก็ต้องหยุด เมื่อได้กลิ่นสาบสาง โชยมา ทุกคนเงียบ จนหูมีเสียงดัง "วี้..." ช่วงนั้น เองทุกคนถึงกับสะอึกเมื่อได้ยินเสียงเหมือนคนลากอะไรหนัก ๆ อยู่ในบ้าน เราพยายามหลอกตัวเองว่าหูแว่วกันไปเอง แต่มีเพื่อนคนหนึ่งใจกล้า เอาหน้าไปแนบกระจกดู ซึ่งก็ไม่เห็นอะไรนอกจาก ฝุ่นที่จับกระจกจนหนา มองข้างในแทบไม่เห็น แต่พอไอ้คนที่ดูต่อจากคนแรก (คนที่โดนบังคับคนแรกนั่นแหละ ) แค่แนบหน้าไปดูเท่านั้นแหละ ถึงกับกระโดด และเริ่มจ้ำอ้าวทันที อ้าว! แล้วพวกที่เหลือจะอยู่ทำไมก็โกยสิครับ ไม่มีใครเหลียวหลังไปดูอีกเลย เพราะก่อนจะออกวิ่งมีเพื่อนคนหนึ่งตะโกนว่า</PRE>[​IMG][​IMG]
    <H2> " ผมขอโทษ... !! " แล้วก็เริ่มออกวิ่ง</H2></PRE>
    <H3>พอมาถึงรถก็รีบออกเดินทางกลับกันเลย พอหายเหนื่อย ก็ถามไอ้คนที่วิ่งคนแรกว่าวิ่งทำไม เขาบอกว่า"ตอนที่เขากำลังแนบหน้าเข้าไปดูที่กระจกก็มีอีกหน้านึงแนบเข้ามาจากด้านในด้วย"พวกเราอึ้งกันอยู่สักครู่ แล้วก็ถามอีกคนที่ตะโกนว่า ผมขอโทษ ก่อนออกมา เขาบอกว่า " เขาเห็นคนยืนอยู่ที่หน้าประตูแล้วชี้หน้าเขาอยู่ " พวกเราทุกคนเห็นว่าไม่ดีแน่ จึงตัดสินใจ เลี้ยวรถกลับไป แล้วไปที่บ้านหลังนั้น แล้วจุดธูปขอขมา เราก็กลัวๆ กล้าๆ สวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ แต่เราบริสุทธิ์ใจ และบอกว่า มิได้ตั้งใจที่จะลบหลู่ แล้วเรากลับเข้าเมืองแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น


    </PRE>
    เช้ามาผมจึงเอารูปไปล้าง แล้วพบเพื่อนหนึ่งในขบวนการของผม(คนที่ตะโกน)เขาบอกว่าเมื่อคืนเขาฝันว่า คนที่ชี้หน้าเขาไม่ใช่เจ้าของบ้าน แต่เป็นเจ้าที่มาเตือนพวกเราและเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก พอถึงเวลาที่ผมจะไปรับรูป ผมก็ไปรับแต่พอไปถึงร้าน ที่ร้านบอกว่า ไม่สามารถอัดเป็นรูปได้ เนื่องจากทุกภาพสว่างมากจนไม่เห็นรายละเอียด คงเป็นเพราะใช้แฟลช แต่ตอนที่เราถ่าย เราไม่ได้ใช้แฟลช เราใช้ฟิล์มไวแสง และใช้ไฟฉายส่องเอา</PRE>
    </PRE>
    [​IMG]
    <H2> และปริศนาสิ่งสุดท้ายคือ "แล้วหน้าของใครล่ะ ที่อยู่ในบ้าน"</H2></PRE>


    </H3>
    </H3>
     
  20. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    <CENTER>ทะเลสงขลาใครได้ไปเยือนก็คงต้องติดใจ แต่ที่นี่แหละจะมีคนตายอยู่ทุกปี สาเหตุก็มาจาก .....
    สงขลา ดินแดนที่มีหาดทราย ชายทะเลและผู้คนมากมายที่มาเล่นน้ำกันสนุกสนาน แต่ว่าที่ไหนๆ ก็มักจะมีอาถรรพณ์
    อันลี้ลับสงขลาที่สวยงามก็ไม่เว้นไปได้ แนวทะเลจากด้านสนามกอล์ฟ นับจากแนวด้านตรงหน้าศาลากลางไปจนจรด
    ด้านเหนือวิทยาลัยเทคนิคภาคใต้

    ทะเลแถบนี้ได้คร่าชีวิตคนที่ไปเล่นน้ำทุกปี บางปีถึงสามสี่ศพก็เคยมีผมชอบเล่นน้ำตั้งแต่เด็ก สามารถเล่น
    ได้หลายชั่วโมงโดยไม่เบื่อ เมื่อผมรับราชการ และได้เล่นน้ำแถบนั้นเป็นประจำ ก็ได้มีคนหลายคนเล่าให้ฟังแต่ผมก็ยัง
    ไม่ปักใจเชื่อเท่าไดนักและแล้ว... วันนั้นก็มาถึง วันที่ผมรับรู้ว่าทำไมท้องทะเลแถบนั้นจึงเป็นแดนอาถรรพณ์ที่กลืน
    ชีวิตคนไปแล้วทุกปี
    [​IMG]
    วันนั้นท้องทะเลราบเรียบอย่างเคยทะเลสีคราม อากาศกำลังอุ่นสบายชายหาดวันนั้นมีผู้คนพอประมาณ ผมก็จอดมอเตอร์ไซด์ตรงแนวสน แล้วเดินลุยทรายลงไปในทะเล น้ำทะเลกำลังอุ่นสบายเพราะอมความร้อนจากแดดไว้ตลอดวัน ผมเริ่มว่ายออกไปไกลเรื่อยๆ จนไกลพอประมาณ ผมหยุดนิ่งหันหน้ากลับพร้อมจะว่ายเข้าฝั่ง ทันใดนั้นผมขนลุกซู่เย็นวาบไปทั้งตัว เมื่อสายตามองกราดไปรอบ ๆ เห็นวัตถุสิ่งหนึ่งลอยนิ่งอยู่ใต้ผิวน้ำเกือบหนึ่งฝ่ามือ ห่างตัวผมกว่าหนึ่งช่วงแขน ผมจ้องมันอยู่นานมันไม่ใช่ปลาหรือสัตว์น้ำใดๆ แต่มันคือ กระดูกท่อนขาของมนุษย์ ยาวประมาณฟุตกว่า สีขาว ผมนิ่งจ้องมันหลายอึดใจแล้วก็ดูเหมือนว่ามันกำลังพยายามเข้ามาใกล้ผมในรัศมีช่วงแขนให้ได้แต่ไม่สำเร็จ</PRE>[​IMG]
    มันคือกระดูกแน่ๆ กระดูกที่ไม่น่าจะสามารถลอยในน้ำได้ ตอนนั้นผมอยู่คนเดียวในทะเลอ้างว้าง ว้าเหว่อย่างบอกไม่ถูก เท้าทั้งสองข้างแตะพื้นไม่ถึงเหมือนถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวในโลกผมยอมรับว่ากลัวมาก แต่แล้วสักครู่มันก็หายไปอย่างน่าประหลาด เมื่อมือไปสัมผัสกับพระที่ห้อยคออยู่ ผมรีบว่ายจากจุดเดิมประมาณ 20 เมตร ต่อมาก็ลืมเรื่องนี้ไปชั่วคราว แต่ในขณะที่กำลังจะว่ายเข้าฝั่ง ลางสังหรณ์ก็เกิดขึ้น แล้วผมก็มองไปรอบตัวอีก เจอมันเข้าอีกแล้วมันอยู่ห่างตัวผมกว่าช่วงแขนเหมือนเดิม มันตามผมมาได้อย่างไร .....?ผมกำพระที่คอแน่น แล้วรีบว่ายน้ำเข้าฝั่งอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อถึงจุดหมายก็ถึงกับนอนแผ่อยู่ที่ชายหาดอย่างหมดแรงในที่สุดผมก็รู้ว่าอาถรรพณ์ของที่นี่ก็มันนั่นเอง ผมอาจเสร็จมันไปแล้วถ้าผมตกใจจน หมดสติหรือถ้าปล่อยให้มันเข้ามาจนถึงตัวผมวันนั้นผมกลับบ้านไปเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เพื่อนบ้านและญาติฟัง หลายคนเชื่อแต่บางคนก็ไม่เชื่อ คืนนั้นผมนอนคิดตลอดคืนว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเรื่องผีสางผมไม่เคยเจอเลยสักครั้งเดียว วันรุ่งขึ้นผมตัดสินใจไปพิสูจน์ด้วยกันกับเพื่อน แต่ก็ไม่มีใครกล้าไปกับผม ผมก็กลัวไม่ต่างจากเพื่อนเท่าไหร่ แต่ความต้องการพิสูจน์มีมากกว่า ผมจึงว่ายน้ำออกไปอีกโดยห่างจากแนวเดิมประมาณ 20 เมตร วันนี้ผมพกเครื่องรางของคลังไปเต็มอัตรา .. ผมว่ายออกไปจน ถึงจุดเดิมที่เคยเจอ บัดนั้น..สายตาผมก็จับภาพทางขวามือได้ มันเป็นฟองพรายพุ่งขึ้นจากน้ำกระดูกผีสิงชิ้นนั้นมันพุ่งขึ้นจากใต้น้ำด้วยความเร็วพอประมาณ เมื่อเห็นแน่ชัดแล้วก็ไม่ต้องสงสัยกันต่อไปจึงว่ายกลับฝั่งด้วยความเร็วที่สุดในการว่ายน้ำทั้งชีวิตของผม เมื่อถึงฝั่งผมก็เล่าให้เด็กหนุ่มที่ชอบมาเล่นน้ำที่นั่นประจำฟัง เขาก็บอกว่าเคยเจอเหมือนกัน แล้วก็กลัวจนไม่กล้าที่จะออกนอกฝั่งไปไกลๆเลยจนกระทั่งบัดนี้ <CENTER> แล้วคุณล่ะ อยากไปพิสูจน์ด้วยตัวเองบ้างไหม .....?? </CENTER></PRE>
    </CENTER>


     

แชร์หน้านี้

Loading...