Conversation with God สนทนากับพระเจ้า

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย รักไร้พ่าย, 21 พฤษภาคม 2008.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ brotherpray คุณกำลังหาสัจธรรม ในชีวิตนะสิ
    แต่ผมบอกให้ว่า ไม่มีสัจธรรมใด เท่ากับ ศาสนาพุทธแล้ว

    พระพุทธองค์บอกว่า ธรรมทั้งหลายทั้งปวงนั้นเกิดแต่เหตุ

    อะไรก็ตามที่มีขึ้น ก็มาจากเหตุทั้งสิ้น หาได้มี ใครสร้างขึ้นไม่

    ลองศึกษาในเว็บนี้ดูไปก่อน
     
  2. brotherpray

    brotherpray เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +177
    อือ...ผมกำลังหาสัจธรรมหรือนี่ อือ ผมไม่ได้ฟังคำนี้ตั้งแต่เกิดมาแล้วนะนี่ ถ้าไม่มีเหตุ วิญญาณเรามาจากไหนหละครับ
    ที่ผมรู้ตอนนี้ คือ ผมรู้ว่า พระเจ้า บอกว่าผมต้องศึกษาเรื่องจิตวิญญาณ
    ก็คงมีที่เดียวแหละครับที่ผมต้องไปศึกษา พุทธศาสนานั่นและครับ
     
  3. นักรบโบราณ

    นักรบโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +973
    ถูกต้องแล้วละครับ......

    เมื่อคุณศึกษาเรื่องจิตวิญญาณ นั่นคือคุณศึกษารับรู้เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด

    คัมภีร์ ไม่ได้ผิดพลาด แต่อยู่ที่ผู้รจนาคัมภีร์นั้นเข้าถึงคำสอนของแต่ละศาสดาเท่าใด

    บางทีคัมภีร์ ไม่ได้ผิดพลาด แต่อยู่ที่ตีความในพระคัมภีร์กันอย่างไร เท่านั้นเอง
     
  4. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ผมจะพยายามนำข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ มาให้อ่านเป็นระยะ
    เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบข้อมูลก่อนจะตัดสินใจอะไร
    เชื่อว่าถ้าข้อมูลไม่พอ การจะวินิจฉัยอะไร ย่อมไม่ถี่ถ้วน


    คนเขียนได้ถามพระเจ้าว่า พระเจ้าพูดกับมนุษย์ทางไหน พูดกับใคร
    และวิธีใด
    พระเจ้าตอบว่า "ฉันพูดกับทุกคนตลอดเวลา
    ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าฉันพูดกับใคร แต่อยู่ที่ว่ามีใครฟังฉันบ้าง"

    พระเจ้าใช้การสื่อสารกับคน 4 ทาง คือ
    1 ทางความรู้สึก ซึ่งเป็นภาษาของจิตวิญญาณ
    ที่แฝงด้วยสัจธรรมที่ไม่บิดเบือน ต่างจากการ
    สื่อด้วยภาษาที่อาจผิดเพี้ยนได้

    2 ทางความคิด ผ่านจินตนาการ มโนภาพ

    3 ผ่านประสบการณ์

    4 ทางคำพูดที่จะใช้วิธีนี้เป็นวิธีสุดท้าย เพราะคำพูดเสี่ยงต่อการ
    ตีความหมายผิด เพราะเป็นเพียงสัญลักษณ์สื่อถึง ความรู้สึก
    ความคิด ประสบการณ์ แต่ตัวมันเองไม่ใช่ความจริง เป็นสิ่งสมมุติ

    แต่คนเรามักไปยึดกับคำพูด ภาษา จนละเลยความจริง
    ด้านปะสบการณ์ ความรู้สึก ความคิด
    และด้วยเหตุนี้ พระเจ้าที่แท้จริงจึงถูกเข้าใจอย่างบิดเบือนไป
    เพราะคนมักไปเชื่อตัวแทนของพระเจ้า หรือนักบุญต่างๆผ่าน
    ภาษา จนทำให้คนละเลยจะฟังพระเจ้าจากภายใน

    และพระเจ้าบอกว่า หากจะตรวจสอบว่าสื่อใดมาจากพระเจ้าที่แท้จริง
    สามารถรู้ได้ด้วยโดย
    คำพูดที่เป็นความจริง
    ความคิดที่แฝงด้วยความเบิกบาน
    ความรู้สึกแห่งความรักต่อเพื่อนมนุษย์
    และคนจะรู้สิ่งเหล่านี้ได้ด้วยประสบการณ์ตนเองเท่านั้น
    ไม่ใช่คำบอกเล่าจากแหล่งอื่น
    พระเจ้าได้บอกและสื่อถึงสิ่งเหล่านี้กับคนมาแล้วนับศควรรษ

    และพระเจ้าได้มอบ เจตจำนงค์เสรี Free Will ให้มนุษย์
    เพื่อให้คนได้เลือกตัดสินใจทำอะไรก็ได้โดยพระเจ้าไม่ได้บังคับ

    พระเจ้าบอกว่า "เธอไม่อาจรู้จักพระเจ้าได้หากเธอยัง
    ไม่หยุดบอกตัวเองว่าเธอรู้จักพระเจ้าดีแล้ว"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2008
  5. นักรบโบราณ

    นักรบโบราณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +973
    ที่พอรู้พอทราบก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน
    เทพ พรหม หรือพระผู้เป็นเจ้าก็สื่อกับมนุษย์อย่างที่กล่าว
    แต่มนุษย์ไม่เชื่อเรื่องโลกวิญญาณ จึงคิดว่าทุกอย่างมนุษย์คิดเอง ทำเองทั้งสิ้น
    โลกมนุษย์เป็นสื่อกลางแห่งการชดใช้กรรมและบำเพ็ญเพียรสู้กิเลสที่ดีที่สุด
    แต่ทุกคนพึงอย่าหลงตนเองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ แล้วไปหมิ่น เทพ พรหม พระผู้เป็นเจ้า
    ดูสิ.....มันถูกต้องหรือ อย่าให้ต้องกลับสู่โลกวิญญาณแล้วถึงรู้ความจริงเลย
    .....มันสายเกินไป.....
     
  6. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    ผู้เขียนถามถึง เรื่องการอธิษฐานถึงพระเจ้า
    จะได้รับการตอบรับคำอธิษฐานนั้นไหม

    พระเจ้าตอบว่า การร้องขอในสิ่งใด เราจะไม่ได้รับในสิ่งนั้น
    เพราะการร้องขอคือการบอกว่าเราขาดแคลนสิ่งนั้น
    และสิ่งนั้นไม่ได้อยู่ในเรา เพราะเรามีพลังแห่ง ความคิด คำพูด
    ที่สามารถสร้างความเป็นจริงทางประสบการณ์ชีวิตเราได้

    เมื่อเราร้องขอ นั่นแสดงว่าเราไม่ได้เรียกหาพระเจ้าเลย เหมือนว่า
    พระเจ้าเป็นเพียงเครื่องมืออำนวยสิ่งที่คนอยากได้เท่านั้น นั่นคือ
    ความรู้สึกของความโลภ ความขาดแคลน แต่เราตระหนึกถึงพระเจ้าเรา
    จะไม่ร้องขอด้วยความขาดแคลน

    คำพูด ความคิดของความขาดแคลน ได้ให้ในสิ่งที่เรา
    ต้องการนั่นคือความขาดแคลน หากคำพูด ความคิด
    นั้นแฝงด้วยความศรัทธาจะสามารถให้ในสิ่งที่เราต้องการได้เสมอ

    แต่การอธิษฐานที่แท้ คือ การขอบคุณพระเจ้าต่างหาก เพราะเป็นการ
    ขอที่มีพลังมากที่สุด เพราะเราได้รับสิ่งต่างๆแล้วจากการ
    ตัดสินใจเลือกของเรา การขอบคุณล่วงหน้าในสิ่งที่เราจะได้รับ
    เพราะพระเจ้าได้ให้ในสิ่งที่เราต้องการก่อนที่เราร้องขอเสียอีก

    หน้าที่ของพระเจ้าเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ไมใช่เป็นผู้ลิขิตชีวิตคน
    แต่จะคอยให้คำแนะนำในการใช้ชีวิต
    พระเจ้าสร้างทุกสรพพสิ่งตามฉายาลักษณ์ของพระองค์
    แต่ความเป็นไปของชีวิต คนเป็นผู้เลือกทางเดินเองตาม
    Free Will

    ความเป็นไปของชีวิต เป็นไปเพราะการเลือกของมนุษย์เอง

    พระเจ้ายกตัวอย่างว่า เปรียบเหมือนพ่อแม่ที่ปล่อยให้ลูกๆเล่น
    ตามประสาลูก พ่อแม่ไม่แคร์ว่าลูกจะเล่นอะไร นั่นเป็นวิถีทางที่ลูก
    เลือกเอง จะเล่น ไล่จับ ซ่อนหา แต่พ่อแม่คอยดูแลด้วยความห่วงใย
    และคอยเตือนลูกๆว่าสิ่งไหนเป็นอันตราย

    เมื่อลูกเล่นบาดเจ็บพ่อแม่จะรักษาแผลให้
    และให้ลูกไปเล่นใหม่ในวันต่อไป และพ่อแม่มั่นใจว่าผลของการ
    เล่นจะช่วยสร้างปรสบการณ์การเรียนรู้ให้ลูกๆเองในบั้นปลาย
     
  7. WhiteMagic

    WhiteMagic สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +8
    ที่กระทู้อันดับหนึ่งที่หน้าห้อง "โนวาอนาลัย" ก็แนวเดียวกันครับ
    อ่านฟรีด้วย e-book ก็มีครับ

    แนะนำให้ลองศึกษาเรื่อง สภาวะ"จิตส่วนที่ควบคุมไม่ได้" ดูครับ
    โดยเฉพาะการถ่ายทอดข้อมูลและการสื่อสารในส่วน"จิตเหนือสำนึก"
    จะช่วยให้เข้าใจที่มาที่ไป ของหนังสือแนวนี้ดีขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2008
  8. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    สงสัยจังว่า ทฤษฎีของท่านใบไม้จะเป็นที่ยอมรับเมื่อไหร่กัน
    สงสัยแบบนี้เรียก วิจิกิจฉาได้ไหมท่านขันธ์ เหอๆๆๆๆๆ
     
  9. lomnow

    lomnow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +352
    ผู้ที่ยังไม่ข้ามพ้นฝั่ง ย่อมไม่รู้ว่าฝั่งเป็นเช่นไร
    ผู้ไม่ถึงฝั่งได้ เพียงแต่ คาดการณ์ ว่าฝั่งเป็นเช่นไร

    ฉันใด ผู้ถึงฝั่งแล้ว จะไม่ถาม ว่าฝั่งเป็นเช่นไร อีก
    ที่นี่จะมีใหม่ หนอ ผู้ถึงฝั่งแล้ว

    หากถึงแล้ว 0
     
  10. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    พระเจ้าบอกว่า มีความรู้สึก 2 อย่างที่เป็นส่วนลึกที่สุดของจิตวิญญาณ
    ที่อยู่ตรงข้ามกัน นั่นคือ รัก และ กลัว
    คือ อัลฟาและโอเมก้า จุดสูงสุดและต่ำสุด คือ 2 จุดที่ทำให้
    ทฤษฏีสัมพัทภาพดำรงอยู่ได้ หากไม่มี 2 สิ่งนี้ ความคิดใดๆ
    จะไม่เกิดขึ้นเลย

    และ 2 สิ่งนี้เป็นตัวผลักดันการกระทำของมนุษย์
    ไม่มีแนวคิดใดที่นอกไปจาก 2 สิ่งนี้ มีแต่ลงไปในรายละเอียด
    และมีแต่จุดบิดพลิกที่แตกต่างบนต้นตอเดียวกัน
    เพราะฉะนั้นการที่คนอธิษฐานร้องขอในสิ่งใดมาจากต้นตอ
    ของความรู้สึก 2 อย่างนี้ทั้งสิ้น

    ความกลัว คือ การหดตัว เก็บกัก ปกปิด หนี ทำร้าย
    ความรัก คือ แบ่งปัน เปิดกว้าง เยียวยา

    คนจะรักกันและ เกลียด แล้วทำลายกัน แล้วกลับมารักกันใหม่
    เป็นแรงเหวี่ยงไปของสองขั้วอารมณ์เพื่อสร้างประสบการณ์ให้แก่ตนเอง
    ขณะที่คนบอกรักกัน นั่นก็คือเขากำลังกลัว และต้องการการรักตอบ
    คือปฏิกิริยาป้องกันการสูญเสีย

    คนเราถูกครอบงำโดยแนวคิดที่ว่าผู้เข้มแข็งกว่าจึงจะอยู่รอด
    และกลัวความพ่ายแพ้
    หากคนกระทำด้วยความรักจะไปไกลกว่าการแค่เอาตัวรอด มากกว่า
    ชัยชนะ และความสำเร็จ เมื่อนั้นคนจะมีประสบการณ์อันยิ่งใหญ่เกี่ยว
    กับตัวตนที่แท้จริง และนี่ก็คือจุดประสงค์ของคนที่มาอยู่ในโลกนี้

    "หากมนุษย์ไม่เชื่อในความรักของพระเจ้าที่มีต่อพวกเขา
    แล้วความรักจากแหล่งใดเล่าจะสามารถพึ่งพิงได้"

    เมื่อคนมาอยู่ในโลกมายา จึงได้หลงไปเพราะความกลัว และได้สร้าง
    จินตนาการในอำนาจของพระเจ้าขึ้นมาแทนด้วยความกลัว
    และคิดว่าพระเจ้าจะชอบการเคารพ และให้ผู้คนได้อยู่ใต้อำนาจและ
    เชื่อฟังพระเจ้า แล้วพระเจ้าจะรักและประทานสิ่งที่คนปารถนามาให้
    หากไม่เชื่อพระเจ้าจะสาปแช่ง และลงโทษ

    นั่นคนกำลังโยน บทบาท ผู้ปกครองมาให้พระเจ้า ที่คอยพิพากษา
    ให้รางวัลหรือ ลงโทษ นี่คือความเข้าใจที่ต่ำตื้นที่สุดเกี่ยวกับพระเจ้า

    มนุษย์ได้สร้างประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้าบนพื้นฐานของความกลัว
    มากกว่าความจริงทางจิตวิญญาณ

    แต่มนุษย์ไม่อาจหนีความจริงไปพ้น ในที่สุดจะได้พบความจริงนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2008
  11. k.kwan

    k.kwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    15,900
    ค่าพลัง:
    +7,310
    พระเจ้าเหมือนกัน แต่ความหมายไม่เหมือนกัน
    สมมุติแล้วสับสนมึนงง เวียนเฮด หยุดคิดดีก่า
     
  12. brotherpray

    brotherpray เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +177
    ทุกอย่างเป็นสัมพัทธภาพ ดวงอาทิตย์อยู่ทางไหนของโลก ทางตะวันออกผิดไหม ทางตะวันตกล่ะ
     
  13. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    มาต่อกันดีกว่า

    ผู้เขียนถามว่า ชีวิตคือการเรียนรู้ เหมือนเรียนในโรงเรียน
    เมื่อเรียนจบก็พัฒนาตนเองขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุด
    เพื่อพ้นพันธนาการของร่างกาย หรือไม่

    พระเจ้าบอกว่า

    "ชีวิตไม่ใช่กระบวนการของการค้นหา
    แต่เป็นกระบวนการสร้างสรรค์ เธอไม่ได้กำลังค้นหาตัวเอง
    แต่กำลังสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่ ฉะนั้นอย่าเสาะหาว่าเธอคือใคร
    แต่จงตัดสินใจว่าใครที่เธอยากเป็น"

    เรามาเกิดพื่อจะจำตัวเองให้ได้ หาไช่มาเพื่อเรียนรู้
    โรงเรียนคือที่ๆคนเราไป
    เพราะมีบางอย่างที่เราไม่รู้ และอยากรู้
    แต่ความจริงของตัวเราคือเรารู้สิ่งนั้นแล้วเพียงแต่เรายังจำไม่ได้
    เรามาเพื่อที่จะจำตัวเราให้ได้ ไม่ใช่มาเพื่อเรียนรู้

    ขยายความให้เข้าใจคือ
    ตัวตนแก่นแท้ของเรา คือสภาวะที่รู้ในสรรพสิ่งทั้งมวล
    ( Omniscience ) ไม่มีอะไรที่จิตวิญญาณของเราทุกคนจะไม่รู้
    แต่ภาวะนั้นเป็นเชิงแนวคิด แต่ยังไม่มีประสบการณ์
    ฉะนั้นจิตวิญญาณจึงแสวงหาประสบการณ์ โดยเปลี่ยนแนวคิดเป็น
    ประสบการณ์

    เช่น หากเราเป็นคนมีเมตตา เรารู้ว่าเรามีเมตตา
    เพียงแค่ความคิด แต่ยังขาดประสบการณ์ของการมีเมตตา
    เราจึงต้องอาศัยการแสดงออกผ่าน การคิด พูด ทำ
    เพื่อเป็นประสบการณ์ของตัวเอง
    ให้รู้ถึงจักความเมตตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2008
  14. รักไร้พ่าย

    รักไร้พ่าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    886
    ค่าพลัง:
    +2,861
    พระเจ้าพูดถึงต้นกำเนิดของพระองค์ว่า

    แรกเริ่มทั้งหมดที่มี คือ "สิ่งนั้น" และไม่มีอะไรอื่น
    อีกนอกจากสิ่งนั้นซึ่งเป็นทั้งหมด และสิ่งนั้นได้รู้จักแต่เพียงตนเอง
    เพราะไม่มีสิ่งอื่นนอกตัวเองให้รู้ ดังนั้นสิ่งนั้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่มี
    หรือ "ความว่าง" เพราะไม่มีสิ่งอื่นดำรงอยู่

    "สิ่งนั้น" รู้แล้วว่าตนเองคือทั้งหมดที่สุดมหัศจรรย์
    และรู้ว่าไม่มีสิ่งอื่นอีก ดังนั้นมันจึงไม่สามรถรู้
    จักตัวเองจากจุดอ้างอิงอื่นๆภายนอกตัวได้ เพราะไม่มีจุด
    หรือตำแหน่งภายนอกดำรงอยู่ มีแต่จุดภายใน "สิ่งนั้น" เท่านั้น
    ที่จะรู้ได้ ดังนั้นมันจึงหาประสบการณ์จากภายในเพื่อรู้จักตัวเอง

    สิ่งนั้น ปารถนาจะมีประสบการณ์ เพราะความมหัศจรรย์เป็นความ
    หมายเชิงสัมพัทธ์ หรือเปรียบเทียบ เพราะฉะนั้น สิ่งนั้นไม่สามารถรู้จัก
    ความมหัศจรรย์ได้จนกว่าด้านตรงข้ามของมันจะปรากฎ

    หากไม่มี "สิ่งไม่เป็น" แล้ว "สิ่งที่เป็น" ก็จะไม่มี

    สิ่งนั้น เป็นพลังงานในตนเองที่บริสุทธิ์ หรือเรียกว่าความรัก
    และเลือกมีประสบการณ์
    จากจุดอ้างอิงที่อยู่ภายใน มันจึงต้องรู้ว่าต้องทำให้
    ส่วนใดส่วนหนึ่งของมันไม่สมบูรณ์ขึ้นมา เพื่อให้เกิดจุดอ้างอิง
    สัมพัทธ์ขึ้น แล้วแบ่งภาคตนเองหรือลดทอนตนเองลงเป็นส่วนๆ
    โดยการระเบิดอันบันเจิด
    เพื่อให้แต่ละส่วนที่ไม่สมบูรณ์สามารถหันกลับมา
    มองส่วนที่เหลือของตัวเอง

    และรู้จักความมหัศจรรย์นั้นได้ จึงเกิด "สิ่งนี้" และ "สิ่งนั้น" ขึ้น
    และเกิด "ที่นี่" และ "ที่นั่น" และสิ่งที่ไม่ใช่ที่นี่และที่นั่น
    เพื่อจะให้ ที่นี่ และ ที่นั่น ดำรงอยู่ได้

    สิ่งนั้น หรือ ความว่างนั่นเองที่โอบอุ้มทุกสรรพสิ่งไว้ ความไร้พื้นที่
    จึงโอบอุ้ม พื้นที่ไว้ และความว่าง รวมถึงสรรพสิ่งนี่เองที่บาง
    คนเรียกว่าพระเจ้า หรือสุญญาตาที่ทางตะวันออกเรียก
    แต่จะให้เข้าใจให้ถูก ควรเรียกพระเจ้าว่าความว่างต่างหาก

    เมื่อ ที่นี่ เดินทางไปสู่ ที่นั่น เวลาจึงถูกนิยามขึ้น

    เมื่อพระเจ้าตามที่มนุษย์เรียกกันนี้ ได้สร้างที่นี่ และ
    ที่นั่นเพื่อพระเจ้าจะได้รู้จักตัวเองผ่านการระเบิดครั้งใหญ่
    โดยรู้จักตัวเองผ่าน ความสัมพัทธ์ หรือจุดอ้างอิงเปรียบเทียบ หรือ
    ความเป็นคู่ ขึ้นมา เป็นของขวัญสำหรับพระเจ้าเพื่อได้รู้จักตัวเอง

    สิ่งนั้น ได้แบ่งทอนหน่วยย่อยพลังงาน นับเอนกอนันต์ ก็คือจิตวิญญาณ
    นั่นเอง

    และของขวัญสำหรับจิตวิญญาณที่แบ่งภาคออกมาจากสิ่งนั้น
    ก็คือ ความสัมพันธ์ ต้องใช้ความสัมพันธ์รู้จักตนเอง
    ดังนั้นจิตวิญญาณสามารถอธิบายถึงตัวเองได้ จากการอ้างอิง
    ซึ่งกันและกัน

    เพื่อให้ความรักดำรงอยู่ได้ ต้องมีขั้วตรงข้ามกับมันเป็นจุดอ้างอิง
    นั่นคือทุกสิ่งที่ไม่ใช่ความรัก คือ ความกลัว นั่นเอง
    เพราะทุกขณะเมื่อความกลัวเกิดขึ้น
    ความรักจึงอยู่ในฐานะที่มีประสบการณ์ได้

    และในคติปรัมปรา จึงนิยามตัวแทนของความรัก ว่า พระเจ้า
    และนิยามความกลัวว่า ซาตาน ,พญามาร

    จิตวิญญาณมากมาย ที่อยู่ในรูปกายมนุษย์นี้ได้มีคุณสมบัติ
    เดียวกันกับต้นกำเนิดด้วย นั่นคือการสร้างสรรค์ ผ่านความสัมพันธ์
    กับผู้อื่นโดยใช้ช่องทาง การคิด พูด การกระทำ
    ในฐานะแห่งความเป็นพระเจ้าด้วยความรักอันบริสุทธิ์
    อันเป็นพลังงานดั้งเดิม
    และรู้จักความรักนี้ได้ ต้องผ่านจุดอ้างอิงด้านตรงข้ามคือ ความกลัว
    เสียก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤษภาคม 2008
  15. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    พระเจ้าอะไรหนักหนา เหตุผลบ้องตื้นเหมือนอ่านนิยาย ไม่มีความเป็นจริงตามธรรมชาติสักนิด การอ้อนวอนการร้องขอมันเป็นหนทางของคนหมดปัญญา ความเชื้อย่างไร้เหตุผลและไม่สามารถพิสูจน์ได้ยิ่งทำให้ทึบตื้อ
     
  16. RICK

    RICK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +380
    แสดงว่าเขามีญาณ ? เราสามารถทดสอบได้ว่าเขาไม่โกหก ?
     
  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    คุณใบไม้ครับ

    ผมว่าอย่าไปพยายามอธิบายอะไรอีกเลยครับ
    ผมเห็นอธิบายมาเยอะ (แต่ยังไม่ได้อ่านจริงๆจังๆซะที แต่หลังจากนี้ไปจะเริ่มหาอ่านงานเขียนของคุณบ้างแล้ว)
    แต่เคยสักครั้งไหมที่มันสำเร็จ หรือเขาคล้อยตามจริงๆ

    ก็เพราะว่าต่างคนต่างความคิด ต่างพื้นฐานทางความคิด สติ ปัญญา บุญวาสนา กรรม
    และอยู่คนละจักรวาลทางด้านจิตใจกัน ดังนั้น ผมรู้สึกเหนื่อยแทนหนะครับ ถ้าเป็นผมเองนะ
    ผมจะไม่อธิบาย และไม่ชี้แจงอะไรให้มากความหรอกนะครับ เหนื่อยเปล่าๆ ไม่ว่าผมจะรู้จริง หรือไม่รู้จริงก็ตาม
    ทุกๆคนก็ล้วนแต่กำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการพัฒนาจิตวิญญาณของตนเองทั้งสิ้น และต่างก็อยู่ในระดับที่ไม่เหมือนกัน
    ดังนั้น ก็ปล่อยให้เขาได้เดินบนทางแห่งความคิดของเขาไป อย่าไปชักจูง หรือชี้ให้เขาเห็นอะไรอีกต่อไปเลย
    พวกเขาจะไปถึงจุดหมายก่อนเรา หรือหลังเรา นั่นก็ไม่ได้มีอะไรน่าห่วงนี่ครับ เพราะยังไงก็ต้องถึงอยู่ดี
    เพราะถ้าไม่ถึงก็ยังจบไม่ได้ ยังหยุดไม่ได้ ว่าไหมครับ

    เหนื่อยแทนหนะครับ มา มา ตั้งหน้าตั้งตาเดินบนทางของใครของมันดีกว่านะครับ
    เพราะว่า ไม่ว่าคุณจะอ้างเหตุผลใดก็ตาม ที่จะมาสนับสนุนความพยายามที่จะอธิบายของคุณ
    ผมว่า คุณได้ทำมาพอสมควรแล้ว อุเบกขาได้แล้วมั๊งครับ

    ด้วยความเคารพในความคิดเห็นของทุกๆท่านนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2008
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ทุกคนพูดอะไรออกมา ก็ด้วยบนพื้นฐานของสิ่งที่ตนเองรู้อยู่
    ไม่ยกเว้นแม้แต่ตัวผมเอง..

    ลองนึกดูตัวเราเองนะครับ ถ้ามีคนพูดอะไรในสิ่งที่เรารู้ชัดอยู่แล้ว เรารู้สึกอย่างไร
    ในทำนองเดียวกัน ถ้าเราพูดถึงอะไรอยู่ ในสิ่งที่คนอื่นเขารู้ชัดยิ่งกว่าเรา เขาจะรู้สึกอย่างไร

    สรุปว่า มันยังมีสิ่งที่เราคิดว่า "เรารู้แล้ว" อยู่อีกเยอะแยะมากมายนัก ในโลกใบนี้ ในเอกภพนี้

    เปิดเถอะครับ เปิดสิ่งที่ครอบท่านอยู่ออกมาก่อนนะครับ แล้วท่านจะรู้มากขึ้นอีก
    เพราะถ้าท่านไม่หยุดที่จะพูดว่า "ท่านรู้ดีแล้ว" ท่านก็จะไม่มีวันได้รู้อะไรมากขึ้นอีกเลย

    เพราะท่านคือน้ำที่เต็มแก้วแล้ว นั่นเอง
     
  19. ThesLong

    ThesLong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +827
    ไม่ได้การละต้องซื้อมาอ่าน
    การจะเชื่ออะไรต้องทำต้องอ่านต้องดู
    เขาถึงจะเรียกว่าเหตุผล ยังไม่รู้อะไรก็ด่วนตัดสิน
    ไม่น่าศึกษาธรรมะให้เสียชาติเกิดเลย...
     
  20. ThesLong

    ThesLong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +827
    ความเชื้อย่างไร้เหตุผลและไม่สามารถพิสูจน์ได้ยิ่งทำให้ทึบตื้อ
    คุณอ่านแล้วหรือยัง ผมอ่านแล้วถึงอยากจะรู้เหตุของคุณ
    ไม่รู้กล้ากล่าวมาได้ไงเนี้ย ช่วยยกตัวอย่างในหนังสือเอามาบอกสิว่ามันไร้เหตุผล ยังไม่ทันได้พิสูจน์ คุณก็บอกแบบนี้ แบบนี้มันเรียกว่าเหตุผลเหรอ
     

แชร์หน้านี้

Loading...