ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,939
    ค่าพลัง:
    +97,153
    มีข่าวเรื่องอินเดียแสดงความกังวลเรื่องไทยทำลายเทวรูปฮินดูที่ #ช่องอานม้า

    จริง ๆ เรื่องนี้ถ้าเป็นประเด็นก็เข้าใจได้ แต่ที่จริงรูปปั้นนี่ไม่ใช่เทวรูปที่เอาไว้สักการะ แต่เป็นส่วนหนึ่งของสัญลักษณ์ของหน่วยทหารช่างกองทัพบกกัมพูชา ซึ่งการทำลายรูปปั้นนี่ก็คือการทำลายสัญลักษณ์ของหน่วยฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่การทำลายเทวรูป แค่ฝ่ายตรงข้ามดันไปเอาเทวรูปมาเป็นสัญลักษณ์เท่านั้นเอง

    ย้ำอีกทีว่าเข้าใจความกังวล แต่เราคิดว่ารูปปั้นนี้มันสามารถทำลายได้ในฐานะสัญลักษณ์ของทหารช่างกัมพูชา เช่นเดียวกับตอนที่เราทำลายรูปปั้นม้าทอง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหน่วยทหารกัมพูชา ไม่ได้หมายความว่าเราต้องการทรมานสัตว์แต่อย่างใด #ชายแดนไทยกัมพูชา
    FB_IMG_1766640175332.jpg FB_IMG_1766640177494.jpg
    https://www.facebook.com/share/1AM2d9jd7H/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,939
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ผมได้มีโอกาสไถอินเทอร์เน็ตไปเรื่อย ๆ แล้วไปเจอคำพูดของคนคนหนึ่งชื่อ Mounh Sarath ซึ่งเป็นคนจัดรายการและเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเมืองกัมพูชา ผมว่าที่น่าสนใจไม่ใช่เพราะเขาโจมตีใคร แต่เพราะเขาตั้งคำถามกับคนกัมพูชาด้วยกันเองอย่างตรงไปตรงมา
    .
    ผมว่าเขาพูดดีนะ และที่สำคัญคือเขาตั้งคำถามได้ตรงจุด ไม่ใช่การด่าศัตรูเพื่อเอาใจฝ่ายตัวเอง แต่เป็นการหันกลับไปถามว่า คนกัมพูชากำลังเชื่ออะไรกันอยู่ และเชื่อเพราะเข้าใจจริง หรือเชื่อเพราะถูกสอนให้เชื่อ
    .
    เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่าบิดเบือน ผมขอยกคำพูดของเขามาทั้งหมดในรูปแบบคำแปลภาษาไทยแบบถอดตรง ดังนี้
    .
    “ขอถามไปยังเพื่อน ๆ ที่สนับสนุนพรรค CPP ช่วยตอบหน่อยเถอะ สิ่งที่ผมไม่สามารถเข้าใจได้คือ เหตุใดทุกท่านจึงยังคงเชื่อคำโฆษณาชวนเชื่อและถ้อยคำเท็จของนายฮุน เซน ที่อ้างว่า ‘ประเทศไทยเป็นฝ่ายรุกราน’ โดยไม่พิจารณาเหตุผลอย่างรอบคอบเลย
    .
    ข้อที่ 1 ทุกท่านทราบอย่างชัดเจนหรือไม่ถึงต้นตอของความขัดแย้งหรือสงครามครั้งนี้ หากยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ การเชื่อตามการเผยแพร่ข้อมูลจากฝ่ายเดียวถือเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง ขอให้ไปอ่านรายงานสืบสวนของนิตยสาร Janes Defence Weekly ซึ่งรายงานเกี่ยวกับการเคลื่อนกำลังทหารและการสร้างฐานที่มั่นทางทหารตามแนวชายแดนกัมพูชา–ไทย รวมถึงการประเมินของสถาบันนโยบายการป้องกันประเทศออสเตรเลีย ที่แสดงให้เห็นบริบทของการเพิ่มระดับความตึงเครียดอย่างชัดเจน
    .
    ข้อที่ 2 หากนี่คือการรุกรานอย่างแท้จริง เหตุใดนายฮุน เซน จึงไม่ยื่นฟ้องต่อสถาบันระหว่างประเทศ เช่น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือด ทั้งที่กัมพูชามีฐานทางกฎหมายและสนธิสัญญาระหว่างประเทศจำนวนมากคุ้มครองอยู่แล้ว รวมถึงสนธิสัญญาฝรั่งเศส–สยาม ปี 1904 และ 1907 และข้อตกลงสันติภาพปี 1991
    .
    ข้อที่ 3 เหตุใดจึงมีการขุดคูเพลาะและตั้งฐานที่มั่นทางทหารในพื้นที่สามเหลี่ยมมุมสาม ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ร่วมของบันทึกความเข้าใจ ปี 2000–2001 และนำไปสู่ความขัดแย้งด้วยอาวุธ อีกทั้งเหตุใดจึงมีการจัดการปลุกปั่นความโกรธแค้น ผ่านการส่งศิลปินและนักแสดงไปยั่วยุที่ปราสาทตาเมือนธม ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นเลย
    .
    ข้อที่ 4 ทุกท่านทราบหรือไม่ว่าสหรัฐอเมริกามองกัมพูชาในบริบทของรัฐที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติอย่างร้ายแรง ร่างกฎหมาย H.R. 5490 มีวัตถุประสงค์เพื่อปราบปรามและทำลายเครือข่ายฉ้อโกงทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งถูกกล่าวหาว่าได้รับการคุ้มครองจากอำนาจทางการเมืองในกัมพูชา
    .
    นอกจากนี้ ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 เหตุใดนายฮุน เซน จึงไปว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ในสหรัฐอเมริกา เพื่อดึงการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ล่วงหน้า หากการกระทำทั้งหมดนี้ไม่ใช่แผนการสร้างความขัดแย้งที่นำไปสู่การสูญเสียชีวิตของทหารและประชาชนชาวกัมพูชา แล้วสิ่งเหล่านี้คืออะไรกันแน่”
    .
    เมื่ออ่านทั้งหมดนี้แล้ว ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญอาจไม่ใช่ว่าเราจะเห็นด้วยกับเขาทั้งหมดหรือไม่ หากแต่อยู่ที่คำถามเหล่านี้ได้เปิดพื้นที่ให้สังคมเริ่มใช้เหตุผลแทนอารมณ์ และเริ่มกล้าสงสัยต่อคำอธิบายที่ถูกป้อนซ้ำ ๆ มายาวนาน
    .
    ในห้วงเวลาที่สถานการณ์ตึงเครียดเช่นนี้ ผมอยากชวนทั้งคนไทยและคนกัมพูชา ให้ช่วยกันตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ต่อกันเอง แต่ต่อผู้นำกัมพูชาในเวลานี้ว่า กำลังทำอะไรอยู่ และกำลังพาประเทศกับประชาชนของตนไปสู่ทิศทางใด
    .
    เพราะสงครามไม่เคยเป็นผลประโยชน์ของประชาชน ไม่ว่าจะชาติใด หากแต่เป็นผลลัพธ์ของการตัดสินใจจากคนไม่กี่คนที่อยู่บนอำนาจ และหากสังคมไม่เริ่มตั้งคำถามเสียตั้งแต่วันนี้ ความสูญเสียก็จะยังถูกอธิบายว่าเป็น “ความจำเป็น” ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้จบ

    อ้างอิง
    https://www.facebook.com/share/p/1bAZmp2zN7/?mibextid=wwXIfr

    https://www.facebook.com/share/1R2JFATaAm/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,939
    ค่าพลัง:
    +97,153
    เนิน402ช่องโชกและช่องปลิงพื้นที่ที่กัมพูชารุกล้ำดินแดนไทยแต่ไม่มีใครพูดถึง พื้นที่เนิน 402 ช่องโชก และช่องปลิงทางตะวันออกของช่องจอมเป็นพื้นที่ที่แถบไม่มีหน่วยงานรัฐหน่วยใดออกมาพูดว่าจุดนี้กัมพูชารุกล้ำดินแดนไทยเลย เงียบมาก

    ที่ช่องโชกค่อนข้างชัดเจนมากๆว่าเขมรได้รุกล้ำยอดเนินซึ่งเป็นสันปันน้ำเข้ามาในดินแดนไทย ดูได้จากภาพที่ผมแนบไป แผนที่ gg ในบริเวณนี้เส้นเขตแดนค่อนข้างตรงกับแผนที่ L7017/7018

    ส่วนช่องปลิงนั้นผมดูแล้วจุดที่เป็นที่ตั้งศูนย์สแกมเมอร์ที่กำลังสร้างจนจะแล้วเสร็จก็อาจจะล้ำเข้ามาด้วย

    ผมพยายามส่งสัญญาณไปที่กองทัพผ่านคนรู้จักหลายคน และพยายามสื่อมาโดยตลอดว่าอยากให้กองทัพอย่าลืมบริเวณนี้ ผมพูดเสมอว่ามันมีสามจุด ที่ทุกคนรู้กันก็วัดแก้ว ช่องคานม้า หนึ่งจุด เนิน745 ช่งบกอีกจุด ส่วนจุดสุดท้ายคือตรงนี้

    ที่ผมไม่ออกมาพูดเพราะ กลัวว่าพูดออกไป ทหารเขมรจะแห่กันมาเตรียมฐานที่มั่นรับมือทหารไทย หวังว่าทหารจะมีเวลาพอที่จะไปเอาพื้นที่นี้เงียบๆ

    แต่ตอนนี้พวกกลุ่มการเมืองต้องการเจรจาหยุดยิงทั้งๆที่พื้นที่นี้ ยังไม่มีการเอาคืนจริงๆมันไม่มีแม้แต่การพูดถึงว่าตรงนี่เขมรมันรุกล้ำ

    ผมจึงขอเปิดข้อมูลนี้ออกมาและให้คนไทยทุกคนช่วยกันตั้งคำถาม และกดดันรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ

    ท่านที่เห็นข้อความที่ผมโพสต์นี้ ท่านคือผู้กุมชะตาว่าเราจะเสียดินแดนตรงนี้ไปหรือไม่ เรามีสิทธิในการกดดันและตั้งคำถามรัฐบาล

    อยากให้นักข่าวถาม รมต.กห. ว่ากำลังจัหยุดยิงแล้ว มันมีพื้นที่ที่เขมรรุกเข้ามาเพิ่มโดยที่รัฐบาลเองไม่ยอมพูด มันคืออะไร?
    FB_IMG_1766759429122.jpg FB_IMG_1766759431246.jpg FB_IMG_1766759434355.jpg FB_IMG_1766759437123.jpg FB_IMG_1766759439305.jpg
    https://www.facebook.com/share/1FP7wPZWkp/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,939
    ค่าพลัง:
    +97,153
    Deep SPACE – เผยข้อมูลลึกเบื้องหลังการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา พบบริษัทร่วมทุนจีน-กัมพูชา "Sargeras Defense" มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ให้กับกัมพูชา

    บริษัท Sargeras Defense จดทะเบียนในกัมพูชาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ที่เขต Chbar Ampov กรุงพนมเปญ เป็นบริษัทร่วมทุนกับ General Department of Materials and Technology ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทางทหาร C-01 บนพื้นที่ 825 ไร่ ในเมือง Angk Snuol จังหวัดกำปงสะปือ

    นิคมอุตสาหกรรมนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2568 โดยมีพลเอกเตีย เซรย ฮา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เป็นประธานในพิธีเปิด มุ่งเน้นการผลิตยุทโธปกรณ์สมัยใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง โดยเฉพาะโดรนและระบบต่อต้านโดรน ซึ่งสอดคล้องกับรายงานการใช้โดรนโจมตีฐานที่มั่นของทหารไทยในช่วงเหตุปะทะชายแดนล่าสุด

    หน่วยข่าวกรองต่างชาติระบุว่าปอยเปตและสีหนุวิลล์เป็นฐานที่มั่นสำคัญของกลุ่มทุนจีนเทาและกลุ่มธุรกิจความมั่นคงเอกชนสีเทา ที่เชื่อมโยงกับการจัดหาอาวุธและกิจกรรมผิดกฎหมาย สอดคล้องกับภาพการระเบิดอย่างรุนแรงในอาคารที่ปอยเปตหลังการโจมตีของ F-16 ไทยเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2568

    กลุ่มทุนสีเทาที่สนับสนุนการจัดหาอาวุธให้กัมพูชายังรวมถึง Huione Group ที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรในปี 2025 และ Prince Holding Group ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชนชั้นนำทางการเมืองในกัมพูชา ติดตามใน Deep SPACE..ลึกกว่าที่รู้

    อ่านเพิ่มเติม >> https://spbth.co/3MR7qqt

    #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยกัมพูชา #สแกมเมอร์ #จีนเทา #ปอยเปต #อุตสาหกรรมทางทหาร #Deepspace #Spacebar

    https://www.facebook.com/share/p/1BarW153zb/
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,939
    ค่าพลัง:
    +97,153
    กษัตริย์ #เขมร ลั่น

    https://www.facebook.com/share/p/1FKUEY1Wvz/

    ดินแดนของชาว เขมร มีชื่อว่า สุวรรณภูมิ

    หมู่บ้าน เขมร ทุกแห่งเปรียบเสมือนสรวงสวรรค์

    นับตั้งแต่สมัยโบราณ ชาว เขมร เราก็รวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันเสมอมา

    วันหนึ่ง ศัตรูที่ดุร้ายได้ปรากฏตัวขึ้น

    และชาวเขมรทั้งหมดได้อาสาที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเอง

    โดยเข้าร่วมต่อสู้ในสงครามที่นองเaือดบนท้องถนนของเมืองริธิวงศ์คงคา

    กัมพูชา ได้รับเอกราชแล้ว ปราศจากความทุกข์ยาก

    ประชาชนชาวเขมรทุกคนอยู่อย่างสงบสุข

    ขอเทพเจ้าประทานพรแก่ผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย

    พระมหากษัตริย์ของเราทรงปกครองแผ่นดิน

    .....

    บทละครเวที เรื่องอะไรหรือ เพคะ ?!

    .....

    ที่มาข่าว อยู่ในคอมเม้นท์ เพจ Duck News


    ដែនដីខ្មែរប្រែថាសុវណ្ណភូមិ
    ខ្មែរគ្រប់ភូមិរម្យណីយស្ថាន
    រៀងដរាបតមកតាំងពីបុរាណ
    ខ្មែរយើងបានរួបរួមសាមគ្គី

    ថ្ងៃមួយមានសត្រូវប្រទូសរ៉ាយ
    ខ្មែរគ្រប់កាយស្ម័គ្រចិត្តប្ដូរជីវី
    សឹកសង្គ្រាមឈាមស្រក់លើប្រថពី
    ព្រះភូមីរិទ្ធិវង្សគង្គា។

    កម្ពុជាឯករាជ្យបានឃ្លាតពីទុក្ខ
    ខ្មែរទាំងអស់បានសុខគ្រប់អាត្មា
    សូមទេវតាឱ្យពរសព្វសាធុកា
    ព្រះមហាក្សត្រយើងគ្រប់គ្រងផែនដី។

    FB_IMG_1766798498035.jpg FB_IMG_1766798257451.jpg FB_IMG_1766798265497.jpg
    #กัมพูชา #cambodia #norodom
    #ducknews

    https://www.facebook.com/share/p/17GXBBDZPj/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2025 at 08:28
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,939
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ปี้บ่อนเบี้ย: จากเศรษฐกิจเงา สู่บาดแผลของชาติ — บทเรียนจากรัชกาลที่ 5 ถึงสังคมไทยปัจจุบัน

    กลางแสงไฟมัวหมองของโรงบ่อนในสมัยรัชกาลที่ 5 เสียงเม็ดถั่วกระทบโต๊ะหินดังกระทบหูผู้คนที่เบียดเสียดกันในวงพนัน ภาพชายชาวจีนในเสื้อคอกลม มือข้างหนึ่งถือ “ปี้” เซรามิก อีกข้างคลึงลูกปัดนับแต้ม เสียงเรียก “ถั่วโป!” ดังสลับกับเสียงหัวเราะคละเคล้าเสียงถอนหายใจ เป็นฉากชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเรื่องปกติในหัวเมืองสยาม

    จากเกมเสี่ยงโชค สู่กลไกรัฐ: บ่อนเบี้ยและอากรในราชสำนัก

    หากมองการพนันเพียงผิวเผิน อาจเป็นเพียงเรื่องของความบันเทิงส่วนบุคคล แต่ในสมัยอยุธยาเรื่อยมาถึงต้นรัตนโกสินทร์ การพนันกลับกลายเป็นหนึ่งในแหล่งรายได้ของรัฐ ผ่านระบบสัมปทานที่เรียกว่า “อากรบ่อนเบี้ย” รัฐเปิดให้เอกชนผูกขาดกิจการบ่อน แลกกับการเก็บภาษีเข้าท้องพระคลัง ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 3 เคยทำรายได้ถึงปีละ 400,000 บาท

    ขุนพัฒน์ แซ่คู และอำนาจในเงามืด

    ในกลุ่มผู้รับสัมปทานบ่อนเบี้ย “นายอากร” ที่มีบทบาทสำคัญคือ นายเส็ง แซ่คู (ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลเป็น “ชินวัตร”) ผู้ได้รับสัมปทานบ่อนในจันทบุรี ก่อนจะขยายอิทธิพลไปสู่ภาคเหนือ เบื้องหลังความสำเร็จของนายเส็ง คือความชำนาญในการจัดการระบบปี้ — เหรียญเซรามิกที่ใช้แทนเงินในบ่อน

    แต่ปี้ไม่ได้อยู่แค่ในวงพนัน เมื่อเศรษฐกิจขาดแคลนเงินปลีก ปี้เหล่านี้ก็หลุดออกมาสู่ตลาด ถูกใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายของจริง กลายเป็น “เงินคู่ขนาน” ที่ไม่ผ่านมือรัฐ

    พระราชหัตถเลขาจากยุโรป: เมื่อในหลวงทรงลองเล่นการพนัน

    ในพระราชหัตถเลขาเมื่อปี พ.ศ. 2450 ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีถึงกรมพระยาดำรงราชานุภาพจากเมืองซานเรโม อิตาลี พระองค์ทรงเล่าว่า

    > “ได้เรียนตำราเล่นเบี้ยอย่างฝรั่งเข้าใจ ข้อซึ่งเข้าใจว่าเล่นไม่น่าสนุกนั้น ไม่จริงเลย สนุกยิ่งกว่าอะไร ๆ หมด
    ชาวบางกอกรู้ได้ไปเล่นแล้ว ฉิบหายกันไม่เหลือ”

    เป็นคำกล่าวที่ไม่ได้มีเจตนาเย้ยหยันประชาชน แต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยอย่างลึกซึ้ง หากกิจกรรมอย่างการพนันที่สนุกเกินต้าน ไร้การควบคุม เข้าถึงปัจเจกชนอย่างไม่มีกรอบ — สังคมจะเดินไปทางใด?

    เลิกบ่อน: การปฏิรูปครั้งใหญ่ในยุครัชกาลที่ 5

    หลังเสด็จกลับจากยุโรป รัชกาลที่ 5 ทรงตัดสินใจเลิกบ่อนเบี้ยทั่วราชอาณาจักรในปี พ.ศ. 2460 โดยมีการสำรวจพบว่า หลังเลิกบ่อนแล้ว อาชญากรรมลดลง วิวาทในครอบครัวลดลง และการค้าขายกลับดีขึ้น

    จากพระราชดำรัส...สู่คำถามในยุคปัจจุบัน

    บทเรียนจากอดีตถูกบันทึกไว้ครบถ้วน ทว่าผ่านมาเพียงร้อยปี คำถามกลับหวนกลับมาอีกครั้งในรูปของ “คาสิโนถูกกฎหมาย” ที่ถูกเสนอเป็นนโยบายเพื่อหารายได้เข้ารัฐ

    ใช่, รายได้จากคาสิโนอาจมหาศาล แต่หากไม่เข้าใจบทเรียนของ "ปี้โรงบ่อน" ไม่เข้าใจว่าทำไมรัชกาลที่ 5 จึงยอมเสียรายได้จำนวนมหาศาลเพื่อปิดบ่อน แล้วเราในวันนี้จะเดินหน้าไปโดยไม่สนใจร่องรอยจากอดีตเลยหรือ?

    บทสรุป: การพนันไม่ใช่สิ่งเลวร้ายในตัวเอง — หากควบคุมไม่ได้ มันก็กลายเป็นภัย

    การพูดถึงปี้ในบ่อนเบี้ย หรือชื่อของผู้ที่เคยได้รับสัมปทาน ไม่ได้หมายถึงการประณามหรือรื้อฟื้นเพื่อลงโทษใครในประวัติศาสตร์ หากแต่เป็นการย้ำเตือนว่า ระบบเศรษฐกิจใดก็ตามที่ไม่อยู่ภายใต้กรอบความรับผิดชอบของรัฐ — ย่อมย้อนกลับมาทำลายสังคมในที่สุด

    และไม่ว่าคาสิโนจะถูกเรียกด้วยถ้อยคำใหม่ว่า “รีสอร์ทครบวงจร” หรือ “เครื่องมือพัฒนาเศรษฐกิจ” คำถามเดิมก็ยังตามมา:

    เราแน่ใจหรือว่าได้วางรากฐานไว้ดีพอ…ก่อนจะอนุญาตให้คนทั้งประเทศเข้าไปเล่นด้วยกัน?
    ---

    บรรณานุกรม

    1. ธัชพงศ์ พัตรสงวน. “ปี้ในบ่อนเบี้ยหัวเมือง.” กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร. สืบค้นเมื่อ 2565.

    2. เฉลิม ยงบุญเกิด. ปี้โรงบ่อน. พระนคร: ศิวพร, 2514.

    3. Kom Chad Luek. “เปิดตำนานตระกูลชินวัตร.” คมชัดลึกออนไลน์, 2566.

    4. ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 8, ตอนที่ 40. “ข้อบังคับสำหรับนายอากรบ่อนเบี้ย.” 3 มกราคม ร.ศ. 110 (พ.ศ. 2434).

    5. สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ. ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 17 ตำนานเรื่องเลิกหวยแลบ่อนเบี้ยในกรุงสยาม. พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2463.

    6. เอกสารจดหมายเหตุแห่งชาติ. “บ่อนเบี้ยมณฑลฝ่ายเหนือ.” กรมราชเลขาธิการ ร.5 ค 14.1 ค/2.
    FB_IMG_1766802013169.jpg FB_IMG_1766802016058.jpg FB_IMG_1766802018400.jpg
    https://www.facebook.com/share/p/17dANxuDix/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,939
    ค่าพลัง:
    +97,153
    เอาแล้วไง!? หลังข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง มีรายงานความเคลื่อนไหวทางอากาศที่น่าจับตา เมื่อพบเครื่องบินขนส่งสินค้าโมเดล Ilyushin IL-62MGr ไฟล์ท RDA2275 ทะเบียน EW-450TR บินเข้าสู่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
    .
    เครื่องบินลำดังกล่าวเดินทางมาจาก ประเทศเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของรัสเซีย โดยมีการแวะพักที่เมืองมอมบาซา ประเทศเคนยา ก่อนจะมุ่งหน้าสู่กัมพูชา ทั้งนี้พบว่าเส้นทางการบินมีการ จงใจบินอ้อมเพื่อหลีกเลี่ยงน่านฟ้าไทย โดยเลือกบินผ่านน่านฟ้ามาเลเซียแทน
    .
    ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างเป็นทางการว่าสินค้าภายในเครื่องบินลำดังกล่าวคืออะไร แต่การปรากฏตัวของเครื่องบินขนส่งจากกลุ่มพันธมิตรรัสเซียในช่วงเวลาหลังการปะทะทันที ได้สร้างความสนใจให้กับประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนมาก
    .
    ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก @RonallChersan
    FB_IMG_1766836405067.jpg FB_IMG_1766836407435.jpg FB_IMG_1766836409686.jpg
    https://www.facebook.com/share/1Bud1gv4Wg/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,939
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ถอดรหัส “ข้อ 4 “จาก 16 ข้อ ของJoint Statement  แถลงการณ์ร่วม ไทย-กัมพูชา ชาวเขมรจะได้กลับมาบ้านหนอง -หนองหญ้าแก้ว หรือไม่??

    แม้ใน ข้อ 4 จะระบุว่า “ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะอนุญาตให้พลเรือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบ สามารถกลับคืนสู่บ้านเรือนและการดำรงชีวิตตามปกติของตนได้โดยเร็วที่สุด โดยปราศจากการขัดขวาง และด้วยความปลอดภัยและศักดิ์ศรี ภายในพื้นที่ของฝ่ายตนเอง”

    ที่เนื้อหา สอดรับกับ ข้อเสนอของ พลเอก เตียเซรยฮา ที่ทำหนังสือถึง ที่ประชุม กตอาเซี่ยน 22 ธค.ที่ผ่านมา ที่ทำให้  วิตกกังวลกันว่าจะเป็นการเปิดช่องให้กัมพูชาส่งชาวกัมพูชากลับเข้ามาอยู่ในพื้นที่บ้านหนองจานหนองหญ้าแก้ว เช่นเดิม อีกนั้น 

    จากการชี้แจงของ รมว.กลาโหม และ ศูนย์แถลงข่าวร่วม ฯ พบว่า ข้อตกลงนี้
    เป็นไปตามแถลงการณ์ร่วม JS ใหม่ 16 ข้อ ที่ลงนามกันวันนี้ ให้ยึดตามสถานการณ์ ปัจจุบัน 12.00 น วันที่27 ธันวาคม 2568 ซึ่งในเวลานี้ทั้งพื้นที่บ้านหนองจาน หนองหญ้าแก้ว และบ้านคลองแผง จ.สระแก้ว นั้นทหารไทยได้ยึดอธิปไตยของประเทศไทยคืนได้สำเร็จแล้ว  ชาวกัมพูชาไม่ได้อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวนี้แล้ว

    อีกทั้ง ในแถลงการณ์ร่วมระบุว่าสามารถกลับคืนสู่บ้านเรือนและการดำรงชีวิตตามปกติของตนได้โดยเร็วที่สุด โดยปราศจากการขัดขวาง และด้วยความปลอดภัยและศักดิ์ศรี นั้น มีคำว่า ”ภายในพื้นที่ของฝ่ายตนเอง” within their own side.” คือ  พื้นที่ตรงไหนตรงนั้น ประเทศใครประเทศมัน

    ”Both sides agree to allow civilians residing in the affected border areas to return at the earliest, without obstruction and in safety and dignity, to their homes and normal
    livelihoods in areas “within their own side.”

    จึงเป็นเรื่องของประเทศใคร ประเทศมันอีกทั้งในพื้นที่ดังกล่าว ทหารไทยได้สถาปนาความมั่นคงในการจัดตั้งที่มั่นทางทหาร การวางกำลัง และการล้อมรั้วลวดหนามไว้แล้ว

    อีกทั้ง กว่าที่ทหารไทยจะยึดพื้นที่นี้ได้ต้องเสียสละ ทั้งชีวิตและเลือดเนื้อกันไปหลายคน จึงเป็นไปไม่ได้ที่คณะกรรมการGBC จะยอมเจรจาให้ชาวเขมร กลับมาอยู่พื้นที่บ้านหนองจานและหนองหญ้าแก้ว ตามเดิมได้ ไม่มีทางเป็นไปได้  และพื้นที่ดังกล่าวนี้ก็เป็นพื้นที่ของประเทศไทย เป็นแผ่นดินไทยมีหลักฐานชัดเจนมายาวนาน

    #gbcthaicambodia
    #GBCไทยกัมพูชา
    #กัมพูชาเป็นภัยความมั่นคงของชาติ

    https://www.facebook.com/share/1DeUw7TbNQ/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,939
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ขออนุญาตมองข้ามดราม่าบนกระดาษ A4

    จากการปะทะหนักเมื่อวานนี้ วันนี้เมืองชายแดนกัมพูชามีสภาพยับเยินมาก เกือบจะเป็นลิตเติ้ลซีเรีย (แต่ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก) ถ้าจะให้กลับมาฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจคงต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี เศรษฐกิจหลักของกัมพูชาค่อย ๆ ลดบทบาทลงไปเรื่อย ๆ รวมถึงภาคธุรกิจการท่องเที่ยว ตั้งแต่มีข่าวโดนหย่อยไข่ลงในพื้นที่จังหวัดเสียมราฐ นักท่องเที่ยวลดลงมาก ทั้งที่ตอนนี้เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว High Season ก็ถือว่ากัมพูชาทำตัวเองที่ชอบปล่อยข่าวเรียกความสงสาร ดาบสองคมคือนักท่องเที่ยวลดลงจริง นครวัด-นครธม ที่เคยทำรายได้อันดับ 1 ให้กัมพูชา อนาคตอาจดับวูบ และโดน 2 เด้ง เมื่อไทย-เกาหลี ที่เป็นนักท่องเที่ยวหลักก็ไม่มาแล้ว

    ธุรกิจชายแดนพัง ธุรกิจการท่องเที่ยวพัง

    เชื่อไหมละว่า หลังสรุปผลความเสียหายชายแดน กัมพูชาจะออกมาโทษไทยอีกครั้ง โดยใช้ไทยเป็นข้ออ้าง ปิดความความล้มเหลวในการบริหารประเทศของตระกูลฮุน ซึ่งมันพังมานานแล้วก่อนการปะทะชายแดน เช่น โครงการอสังหาริมทรัพย์เมืองสีหนุวิลล์, โครงการสามเหลี่ยมพัฒนา CLV, โครงการขุดคลองฟูนันเตโช, โครงการขายฝันสร้างรถไฟความเร็วสูง และโครงการพัฒนารถไฟทางคู่ทั่วประเทศ เป็นต้น

    เมืองชายแดนของกัมพูชายังพังยับเยินอีกหลายเมือง เช่น ทมอดา, ปอยเปต, จุ๊บโกกี, โอร์เสม็ด, ช่องสะงำ (ช่องจวมฝั่งกัมพูชา), ช่องอานม้า เป็นต้น

    ตัวเลขความยากจนในครัวเรือนกัมพูชาตอนนี้ คาดการณ์ว่าไตรมาสแรกของปี 2026 จะพุ่งขึ้นสูงไปถึง 50% อย่างต่ำ เฉพาะตัวเลขความยากจนในครัวเรือน ไม่รวมตัวเลขหนี้สินของภาคประชาชน อันที่จริงจำนวนหนี้สิน/คน/ครัวเรือน ไม่ใช่ประเด็นหลัก หากมีหนี้สินมากแล้วมีความรับผิดชอบในการใช้หนี้ได้ แต่สำหรับกัมพูชาแทบจะกลายเป็นหนี้สินถาวร เพราะประชาชนกัมพูชาตอนนี้ 1.มีรายได้ต่อคน/ครัวเรือน น้อยมาก + ตัวเลขความยากจนสูงมาก ทุกอย่างที่เป็นขั้นพื้นฐานอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำหมด 2.ประชากรกัมพูชายังคงตกงานอีกหลายล้านคน ไร้งาน ไร้อาชีพ ถึงแม้อาจดูน้อยกว่าไทยในเชิงตัวเลข แต่เมื่อคิดเป็น % ต่อจำนวนประชากรกัมพูชา ค่อนข้างสูงมาก และอาจกลายเป็นรัฐล่มสลายในอนาคต มองภาพรวมไทย-กัมพูชา คล้ายโดมินิกัน & เฮติ หน้ามือกับหลังมือ แต่ขนาดเศรษฐกิจต่างกันมากกว่าหลายเท่า

    เมืองกาสิโนชายแดนกัมพูชา-ไทย ที่กัมพูชาสร้างฝัน เชิญชวนชาวต่างชาติ (โดยเฉพาะทุนจีน) เข้ามาลงทุนในจำนวนมหาศาล กำลังลาโลกในไม่ช้า กัมพูชายังต้องกลับไปสะสางกับนักลงทุน, ใช้หนี้นักลงทุน, ตามแก้ไขปัญหาที่ก่อขึ้นไว้อีกบานตะไท ไม่ว่าจะเป็นทุนขาว-เทา-ดำ มันคือข้อเท็จจริงที่ต้องถูกปิดจ็อบ ความหนัก-เบา ยังไงก็ต้องไปเคลียร์ปัญหากันเองหลังบ้าน และมันจะน่ากลัวมากเมื่อคุณต้องไปเคลียร์กับนักลงทุนกลุ่มเทา-ดำ

    อีกส่วนที่ต้องเฝ้าจับตามอง ภาคการเกษตรของกัมพูชา

    #ชายแดนไทยกัมพูชา
    https://www.facebook.com/share/p/1GszDkjf2w/
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,939
    ค่าพลัง:
    +97,153
    Dec 26, 2025 ดิ้นไม่หลุด! กูรูแบงก์ชาติชี้การขายดอลลาร์ของบริษัทขายทองที่บริการเทรดทองออนไลน์ ซ้ำเติมบาทแข็งค่ามาก บริษัทขายทองบางวันขายแซงนักลงทุนต่างชาติด้วย

    นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย โพสต์บทความเกี่ยวกับราคาทองคำกับเงินบาทแข็งค่ามาก มีดังนี้ ประเด็นที่ผมอยากแชร์ คือบทบาทของทองคำต่อค่าเงินบาท ที่ตอนหลังคนพูดถึงกันเยอะมาก ถามผู้จัดการทุนต่างชาติ ทุกรายก็ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า บาทแข็งกว่าเงินสกุลอื่นเพราะราคาทองคำ ไอเดียคือ เวลาราคาทองคำขึ้น ผู้ส่งออกจะขายทองคำทำกำไร แล้วเอาเงินดอลลาร์ที่ได้ แปลงเป็นเงินบาท เลยทำให้บาทแข็ง ปีนี้ราคาทองคำขึ้นมาก ค่าเงินบาทจึงแข็งมาก

    ฟังดูก็ make sense แต่ แต่ แต่ ถ้าดูข้อมูลส่งออกทองคำของไทย แม้มูลค่าการส่งออกทองคำเพิ่มขึ้นมากในปีนี้ แต่ก็เป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 4 ของการส่งออกสินค้าทั้งหมด ผลของการส่งออกทองคำต่อค่าเงินบาทจึงไม่น่าจะมาก ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศไทยก็มีการนำเข้าทองคำจำนวนมากด้วย โดยในภาพรวม ไทยเป็นประเทศที่นำเข้าทองคำสุทธิมาอย่างต่อเนื่องทุกปี ถ้าใช้ตรรกะข้างต้น ค่าเงินบาทควรจะสวนทางกับราคาทองคำด้วยซ้ำ นอกจากนี้ พอไปดูเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ ซึ่งส่งออกทองคำสุทธิ เพราะกำลังการผลิตในประเทศมีเกิน ปีนี้ค่าเงินเปโซอ่อนลงอีกต่างหาก

    เทรนด์เงินบาทแข็งค่าที่ ธปท. ชี้แจงมาตลอด ไม่ได้มาจากทองคำ แต่มาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอก และการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด (รายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการทั้งหมด ลบด้วยรายจ่ายจากการนำเข้าสินค้าและบริการทั้งหมด) ที่เกินดุลสูง ซึ่งเป็นปัจจัยภายใน คนที่มองว่าเศรษฐกิจไทยไม่ดี ทำไมบาทยังแข็ง ต้องไปดูไส้ในด้วยว่า การส่งออกสุทธิของไทยปีนี้ดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาทมาก

    แล้วทองคำมาเกี่ยวได้อย่างไร? คือ ในระยะปีสองปีนี้ นักลงทุนต่างชาติสังเกตว่า ค่าเงินบาทรายวันมักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับทองคำ ซึ่งตามหลักสถิติ มีสิ่งที่เรียกว่า Spurious correlation หรือความสัมพันธ์ที่มิได้มีความเกี่ยวข้องกันจริงๆ แต่เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ สาเหตุหนึ่ง คือ การมีปัจจัยร่วมเดียวกัน เช่น ดอลลาร์อ่อนทำให้ราคาทองคำที่เป็นสินทรัพย์ทางเลือกปรับสูงขึ้น ขณะเดียวกันดอลลาร์อ่อนก็ทำให้เงินบาทต่อดอลลาร์แพงขึ้น ราคาทองคำกับราคาบาทก็เลยดูเหมือนไปด้วยกัน

    แต่ในแง่ของนักลงทุนต่างประเทศ ความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินบาทกับราคาทองคำที่เห็นจะเป็นความสัมพันธ์จริงหรือไม่จริง ไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับการที่เขาสามารถหากำไรจากความสัมพันธ์นี้ได้ และเมื่อมีคนหนึ่งทำกำไรได้ คนอื่นก็จะทำตาม หลายคนคงไม่ทราบว่า ปีนี้พันธบัตรรัฐบาลไทยให้ผลตอบแทนเป็นลำดับต้นๆของพันธบัตรรัฐบาลประเทศเกิดใหม่ในมุมมองของนักลงทุนต่างประเทศ จากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นเป็นหลัก เอาชนะพันธบัตรรัฐบาลที่ให้ดอกเบี้ยสูงแต่ค่าเงินอ่อนแบบอินโดนีเชียได้อย่างสบายๆ และยิ่งตลาดมองว่าราคาทองคำยังมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก พันธบัตรรัฐบาลไทยก็เป็นอะไรที่ยังน่าลงทุน (มีต่อหน้า 2/2)

    (BTimes หน้า 2/2) ดังนั้น ราคาทองคำไม่ใช่ตัวการทำให้บาทแข็ง แต่เป็นตัวการที่ทำให้บาทแข็งกว่าที่ควรจะเป็น เพราะจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติมาผสมโรงด้วย แล้วข้อเสนอของทางการล่าสุดให้เก็บภาษีการซื้อขายทองคำบนแพลตฟอร์มออนไลน์มีประโยชน์อะไร ที่เขียนมาทั้งหมดนี่ ดูจะชี้เป้าไปที่นักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก

    ถ้าเราดูข้อมูลในสไลด์ที่ ธปท. แถลงร่วมกับกระทรวงการคลัง และ กลต. เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2568 จะเห็นว่า นอกจากนักลงทุนต่างชาติจะเป็นคนขายดอลลาร์เวลาที่บาทแข็งแล้ว คนที่ขายหนักอีกคน คือ บริษัททองคำ (ร้านทอง) บางช่วงขายมากกว่านักลงทุนต่างชาติเสียอีก

    ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานดูแลค่าเงินของ ธปท. เพราะรับผิดชอบเฉพาะการบริหารการลงทุนในต่างประเทศ ถ้ามีการแทรกแซงขาซื้อดอลลาร์ ก็มีเงินให้บริหารมากขึ้น ถ้ามีการแทรกแซงขาขายดอลลาร์ ก็มีเงินให้บริหารน้อยลง ข้อมูลที่เห็นจึงเห็นเท่าที่มีการแถลงต่อสาธารณชน อย่างไรก็ดี พออนุมานได้ว่า การขายดอลลาร์ของร้านทองเป็นปัจจัยสำคัญที่ซ้ำเติมเวลาบาทแข็งให้แข็งยิ่งขึ้นไปอีก

    จุดสำคัญ คือ การขายดอลลาร์ของร้านทองเหล่านี้ ส่วนหนึ่งมาจากธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการซื้อขายทองคำบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ใช่เงินดอลลาร์จากการขายทองคำแท่งโดยผู้ส่งออก โดยเวลาราคาทองคำปรับสูงขึ้น นักลงทุนในประเทศจะขายทองคำออนไลน์เพื่อทำกำไร ซึ่งถ้าเป็นการซื้อขายในสกุลเงินดอลลาร์ก็จะไม่เกิดธุรกรรมเกี่ยวเนื่อง แต่ถ้าเป็นการขายในสกุลเงินบาท ร้านทองที่รับซื้อทองคำมาจะขายดอลลาร์ออกเพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน ซึ่งระยะหลังมูลค่าการซื้อขายทองคำบนแพลทฟอร์มออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นมาก เพราะไม่ต้องถือทองคำจริง ซึ่งทำให้ค่าเงินบาทอ่อนไหวต่อราคาทองคำเกินกว่าที่ควร

    จุดประสงค์หลักของการเก็บภาษีจากการซื้อขายทองออนไลน์จึงไม่ใช่การหารายได้เข้ารัฐ แต่เป็นการเพิ่มต้นทุนในการซื้อขายทองคำออนไลน์ที่อยู่ในรูปของเงินบาท มาตรการประเภทนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า Put sand in the wheels ใส่แรงเสียดทานเพื่อมิให้การซื้อขายคล่องเกินไปจนนำไปสู่แรงกระแทกเพิ่มเติมต่อค่าเงินบาทโดยไม่จำเป็น

    นอกจากนี้ หากสามารถลดแรงกระแทกต่อค่าเงินบาทจากการซื้อขายทองคำออนไลน์ได้ โอกาสที่ค่าเงินบาทจะไปกับราคาทองคำในแต่ละวันก็จะลดลง สุดท้ายนักลงทุนต่างชาติก็น่าจะเก็งกำไรค่าเงินบาทลดลงไปด้วย เพราะเอาจริงๆ สำหรับประเทศที่นำเข้าทองคำสุทธิอย่างไทย มันไม่มีเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์อะไรที่รองรับว่า ทำไมเงินบาทจะแข็งค่าตามราคาทองคำ (ยกเว้นในวันที่มีดอลลาร์อ่อนเป็นปัจจัยร่วม)

    โดยสรุป ทองคำไม่ได้เป็นตัวการให้เงินบาทแข็ง แต่มูลค่าการซื้อขายทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นมากเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวตามราคาทองคำมากเกินไป มาตรการภาษีที่ทางการกำลังพิจารณาเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยสกัดไม่ให้เงินบาทแข็งเกินหน้าเกินตาสกุลเงินเพื่อนบ้านในยามที่ราคาทองคำปรับสูงขึ้น

    บทความนี้เป็นความเห็นส่วนบุคคล ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย

    #แบงก์ชาติ #เงินบาท #ทองคำ #บาทแข็ง #ราคาทองวันนี้ #ดอลลาร์สหรัฐ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/1FPQFR1j7F/
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,939
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ผู้ว่าแบงก์ชาติชี้ชัดเงินบาทแข็งสุดโต่งมาจากขายทองออนไลน์ผ่านแอปร้านขายทอง ร้านทองไปขายต่อในต่างประเทศรับมาเป็นดอลล์ แล้วขายดอลล์มาซื้อเงินบาทมากมาย BTimes

    Dec 26, 2025 เปิดปมชัด! บริษัทขายทองให้บริการเทรดทองออนไลน์ทำเงินบาทแข็งค่าชัดเจน ผู้ว่าแบงก์ชาติชี้กลางม.ค. 69 พร้อมใช้มาตรการสุดเข้มข้นคุม 15 ร้านทองออนไลน์ ส่งสัญญาณถึงร้านทองตู้แดง หรือร้านทั่วไปเตรียมตัวถูกกำกับควบคุมในอนาคต

    นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อพิจารณาเงินทุนที่มีผลต่อค่าเงิน พบว่า การนำเงินลงทุนในการซื้อหุ้น และตราสารหนี้ ไม่เห็นสัญญาณการเก็งกำไรในระยะสั้น แต่เป็นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาว ซึ่ง แบงก์ชาติไม่สามารถใส่มาตรการภาษีได้ เนื่องจากจะกระทบต่อภาพรวมตลาดได้ ภายใต้เกณฑ์ใหม่ จะขอให้ธนาคารเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบเอกสารประกอบการนำเงินเข้า ซึ่งต้องมีหลักฐานแสดงที่มาของเงินอย่างชัดเจน หากพบการนำเงินเข้ามาในปริมาณสูง ถึงระดับที่มีนัยสำคัญ ธนาคารจะต้องตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด เพื่อยืนยันแหล่งที่มาของเงิน และวัตถุประสงค์ในการนำเงินเข้ามาใช้ในประเทศ

    หากดูในช่วงวันที่ 11-15 ธันวาคมที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าจาก 31.80 บาท/ดอลลาร์ เป็น 31.40 บาท/ดอลลาร์ หากนับธุรกรรมทุกประเภทในการขายเงินดอลลาร์ พบว่า 45% มาจากแรงเทขายจากธุรกรรมทองคำ และบางช่วงเห็นสูงถึง 62% เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ถือว่ามีปริมาณมาก และใหญ่กว่ามูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้น จึงเป็นปัจจัยให้บาทแข็งค่าชัดเจน โดยเฉพาะธุรกรรมซื้อขายทองคำบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มีมูลค่าหลัก 100-1,000 ล้านบาท และซื้อขายบ่อย ๆ ถี่ ๆ ไม่เกี่ยวกับซื้อขายร้านทองตู้แดง ผู้ซื้อเก็บสะสมรายย่อย

    นอกจากนี้ แบงก์ชาติมีความสงสัยในเรื่องของการเคลื่อนไหวของทองคำ แม้ว่าในช่วง 3-4 เดือนมีการตรวจสอบไม่พบว่าเกี่ยวข้อง เนื่องจากไทยเป็นประเทศนำเข้าทองคำสุทธิ แต่ในการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกใหม่ พบว่า แรงกดดันสำคัญมาจากการขายทองคำผ่านแอปพลิเคชันเป็นเงินบาท เนื่องจากผู้ลงทุนขายทองผ่านแอปฯ ร้านทองจะต้องนำทองไปขายต่อในตลาดต่างประเทศ เพื่อปิดความเสี่ยง ทำให้ได้รับเงินดอลลาร์ จากนั้นจึงนำดอลลาร์มาขายเพื่อซื้อเงินบาท ส่งผลให้เกิดแรงขายดอลลาร์จำนวนมาก และทำให้เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว โดยจุดนี้ไม่มีหน่วยงานไหนควบคุมดูแล

    ดังนั้น แบงก์ชาติจึงขออำนาจกระทรวงการคลัง ในการแก้ไขประกาศกระทรวงฯ เพื่อให้ ธปท.มีอำนาจในการตรวจสอบธุรกรรมทองคำ เนื่องจากเป็นธุรกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจ และยังเห็นชัดว่าเป็นแรงกดดันค่าเงินบาท สะท้อนผ่านตัวเลขธุรกรรมเทรดทองคำออนไลน์สัดส่วนถึง 40-50% โดยเฉพาะในเดือน ส.ค. ที่สูงถึง 60% ของธุรกรรมอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ทั้งหมด โดยประกาศดังกล่าว คาดว่าจะออกมาภายในกลางเดือนม.ค.69

    ทั้งนี้ แบงก์ชาติอยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะตามประกาศกระทรวงการคลัง คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์น่าจะแล้วเสร็จ และประกาศได้ในกลางเดือนมกราคม 69 ส่งผลให้แบงก์ชาติจะมีอำนาจในการกำกับข้อมูล เช่น ซื้อขายทองในรูปเงินบาทที่มีมูลค่าสูงบนแอปฯ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อค่าเงินบาท เนื่องจากธุรกรรมผ่านออนไลน์ สัดส่วนสูงถึง 80% เมื่อเทียบกับซื้อขายผ่านร้าน ขายทองทั่วไปแค่ 15-20% ซึ่งแบงก์ชาติไม่ได้กำกับธุรกิจผู้ค้าทองคำ อย่างไรก็ดี มองว่าในที่สุด จะต้องมีคนกำกับธุรกิจผู้ค้าร้านทอง เพราะมีธุรกรรมสูงมาก และเข้าใจว่าไม่มีประเทศไหนสูงเท่าเรา

    https://www.facebook.com/share/p/17sdGCrAWJ/
     

แชร์หน้านี้

Loading...