เทวดาประจำตัว

*** เทวดา ****

เทวดา...คือ ตัวกระทำ
เทวดาประจำตัว....คือ ตัวกระทำของท่าน
เทวดาดูแลประเทศ...คือ ตัวกระทำรวมของคนทั้งประเทศ
ตัวกระทำ...คือ ผลการกระทำนั้นๆ มีทั้งดี และไม่ดี

เป็นไปตาม "หลักสัจจะธรรม"
ที่พระพุทธเจ้า ตรัสไว้ว่า
... " ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำติดตัวไปและมีผลตอบแทน " ....

อย่ามัวร้องขอเทวดาให้ช่วย !!!
ท่านไม่ทำดี .... เทวดาของท่านก็ฤทธิ์น้อย
แต่เมื่อ ท่านเชื่อและมีสัจจะ ... เทวดาของท่านจะมีฤทธิ์ประมาณค่ามิได้

โบราณ...เขาเปรียบเปรย
เทวดา คือ ตัวกระทำ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

พระพุทธเจ้ามีสัจจะ...พูดจริง ทำจริง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** โลกุตตระธรรม ****

*** ธรรมหมวดนี้ตอน พระพุทธเจ้า สัจจะ พูดจริง ทำจริง ****

พุทธมาอุปาเสจะ
โพธะกิริยา สมาวะตะ บุตทะสุกันจะ กุตตะรามามะ อัตทะตุจะ
ไสยะโบกกะรือณี อัตธิยาวะสี โพธะกะรือณี เอทะจัตตะอนุสี โพธะรี จัตตุตะวะรุสสี
สันตะอะรึดี ไสยะอนุสี ชาตะรี ตี ษี ติ ฯ
บุตทิกรุณา อัตตุเมวะสา วิสังโยช จัตตะกรุณา โพธิวะสา อุเบคคะภูตา จัตตะอูลุจสา
ไสยะภูตา อาตมามนัสสา โชตทิทะรา เอคะนะตา จัตตุปาทา ไสยะกรุณา อัพพะยาสุขขา
ครีนะจะ ตุมัสสัง ไสยะโภชชนะสุกันตัง มะโนทะสัง โพธิทะรัง จัตตะวะรุสสัง เอคะนะตัง
จัตตะสุขขัง โพธิอุปังวะสัง มะโนทะจิตตัง สัญญะจัตตุกะ สมมุตติสัง วาทะจิตตัง อัพพะยัง
สัตตะคิววะหัง โบกคะระณียัง อาตมาทุกขัง โสตัดตุมัตวะสัง บุคคะละนะ ไสยะบุคคะลัง
โสตัดจะจะมุมทัง สัจจะวะหัง เอคะนะตัง มานะสัง โพธิทะรัง โหนติเมสุขขัง อัพพะยังสุขขัง
สมามังสุขขัง อัพพะยามัง โห ตุ ฯ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** แล้วจะไปโทษใคร ****

ตัวกระทำของท่านไม่ดี....
เทวดาประจำตัวท่าน...จะลงโทษท่านเอง

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

การสวดบทชุมนุมเทวดาจะใช้สวดประกอบพิธีต่างๆ เช่นการเจริญพระพุทธมนต์ การประกอบพิธีอันเป็นมงคลต่างๆเป็นต้น

ชุมนุมเทวดาก็คือการอัญเชิญเทวดาลงมาประชุมกันนั่นเอง อัญเชิญลงมาเพื่อที่จะให้ท่านเทวดาประทานพร ให้ท่านเทวดาหนุนพลังจิตของผู้ประกอบพิธี ให้ท่านเทวดามาเป็นสักขีพยานในการประกอบการมงคลนั่นเอง

หากผู้ใดที่สวดบทชุมนุมเทวดาก็ไม่ได้มีผลเสียต่อผู้สวด แต่จะเป็นผลดีกับผู้สวดต่างหาก เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่าเราเคารพนับถือท่าน เราบูชาท่านด้วยบทสวด ท่านก็จะประทานพรให้แก่เรา(ถ้าเราเป็นคนดี) ท่านจะคอยปกป้องคุ้มครองเรา

ในเรื่องที่มีผลต่อเทวดาประจำตัวหรือไม่ ผมว่าไม่มีครับ กลับดีเสียอีกที่เทวดาจะได้พบปะกัน(เทวดาก็มีสังคมของเทวดาทุกๆท่านก็รู้กันแล้วใช่มั้ยครับว่าสังคมของเทวดาเป็นอย่างไร) บางครั้งถ้าผู้อัญเชิญเทวดามีพลังจิตมีบารมีสูงก็จะสามารถอัญเชิญเทวดาชั้นผู้ใหญ่ลงมาโปรดมนุษย์ก็เป็นได้ เมื่อนั้นเทวดาประจำตัว(ถ้าเป็นเทวดาชั้นน้อยกว่า)ก็จะได้ถวายความเคารพเทวดาชั้นสูงกว่า

ท่านใดมีปัญหาอีกเชิญสอบถามมาได้นะครับ ผมจะพยายามหาคำตอบมาให้ครับ

 

55+

 

เนื้อหาน่าสนใจดีครับ ผมชอบ

 

การกระทำของท่าน...เป็นอย่างไร
ตัวกระทำของท่าน....เป็นอย่างนั้น
ผลตอบแทนถึงท่าน...ต้องเป็นไปตามตัวกระทำที่มี

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ยังงงนิดหนึ่งครับ

ตั้งแต่ตอนแรกว่าคนที่เป็นเทวดามาเกิดจะมีเทวดาประจำตัว

แต่คนที่ไม่ได้มาจากสวรรค์จะไม่มีเทวดาแต่จะมีภูติผีแถมคอยชักชวนให้ทำชั่วอีก

เกิดว่ายังเด็กอยู่(อายุ 10 เดือน) ภพภูมิเดิมไม่ได้มาจากสวรรค์

หากมีคนเห็นว่ามีภูติผีมาด้วย จะถูกหาว่าเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า

แล้วที่ไม่ได้มาจากสวรรค์จะกลายเป็นคนดีได้อย่างไร?

 

กระทู้โดยคุณคนไชยานี้ให้ความรู้อย่างดี ขออนุโมทนา


เรียน khundeaw


เทวดาประจำกาย...มีรักษาในมนุษย์ ที่ชอบใจฝักใฝ่ในการทำดี ชอบใจประพฤติแต่ในกิจการบุญการกุศลต่างๆ


โดยในผู้ที่สูงด้วยศีล สมาธิ ปัญญา เมตตา คุณธรรม อาจมีเทวารักษากายเป็นชั้นพรหม


บางคนที่ย่อหย่อนลงมา ก็เป็นระดับอากาศเทวา บ้างก็เป็นภุมเทวา ตามแต่กำลังบุญบารมีความดีงามของผู้นั้น


เหตุที่เทวดาท่านมารักษามนุษย์บางคนนั้น เพราะท่านสร้างบุญไม่ได้

การที่ท่านยังสภาพเทวดา ก็ด้วยเสวยผลบุญที่ตนเคยสั่งสมมา


แต่ผลบุญมีอันร่อยหรอลงเรื่อยๆ ท่านจึงคอยโน้มนำให้มนุษย์ ซึ่งมีบุญ
สัมพันธ์กัน เพียรทำแต่ความดี

และท่าน ได้ร่วมอนุโมทนาปันผลบุญผลกุศล


ในกรณีทั่วไป หากมนุษย์ผู้นั้นปรารถนาสิ่งใดในทางชอบด้วยสัมมาทิษฐิ


หรือพบกับอุปสรรคใด มีความคับขันอย่างไร เทวดาท่านจะบันดาลการช่วยเหลือ เป็นครั้งคราว


อย่างไรก็ดี ในบางวาระที่เป็นเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรแท้ๆ เทวดาท่านก็ไม่อาจช่วยอะไรได้


แต่ในบางคน ที่ประพฤติไม่ดี ทั้ง กาย วาจา ใจ ชอบไปในทางอบาย ชอบไปในทางมิจฉาทิษฐิ มากกว่าที่จะชอบทำความดีอยู่เป็นนิจ


คนเหล่านี้ มักมีสัมภเวสีที่ร้ายๆ แฝงอยู่ และสิ่งเหล่านี้จะคอยชักนำ ให้จิตใจฝักใฝ่ไปในทางชั่วด้วยประการต่างๆ


คอยชี้ชวนให้หลงผิด เข้ารกเข้าพงอยู่เสมอ


มามืด ไปสว่าง มี


มาสว่าง ไปมืด มี


มามืด ไปมืด มี


มาสว่าง ไปสว่าง มี


ดีชั่ว อยู่ที่ตัวทำ


สูงต่ำ อยู่ที่ทำตัว


จึงเลือกได้ ประสงค์มี เทวดารักษากาย หรือผีร้ายแฝงในตน

 

1.เพื่อนสาวผมคนหนึ่งคับเรียนอยู่ที่มหาลัยทางเหนือคับตอนปี 1 เค้าจะให้อยู่ในหอพักมหาลัยคับแล้วเค้าอยู่กับเพื่อน 3 คนคับตอนก่อนอนพวกเค้าสวดมนต์คับแล้วสวดบทชุมนุมเทวดานี่แระคับพวกเค้าได้ยินเสียงผู้ชายสวดแทรกเข้ามาคับทั้ง4คนยืนยันว่าได้ยินหมดเสียงไม่เหมือนคนทั่วไปคับต่างคนต่างก็กระโดดลงนอนคุมโปงหมดเลยฮะ หลังจากนั้นพวกเค้าก็ไม่ยอมสวดกันอีกเลยเหอๆๆ กลัวกันอะ
2. คือว่าน้องสาวผมคนเล็กคนนี้มีเซ็นคับชอบได้ยินเสียงอะไรแปลกๆบ่อยมาก ที่บ้านผมพ่อจะสวดมนต์ก่อนนอนและเช้าตรู่ทุกวันคับแต่มีอยู่ช่วงหนึ่งน้องสาวผมได้ยินคนสวดมนต์ตอนบ่ายกว่าๆพอมันวิ่งขึ้นไปดูก็ไม่มีใครเลยเป็นแบบนี้อยู่ 3 วันคับได้กลิ่นธูปเหมือนคนมาไหว้พระสวดมนต์ทั่วๆไปนี่แระคับพอไปถามพระที่บ้านผมนับถือท่านก็บอกว่าเปงเทวดาหรือเจ้าที่มาสวด คับ
พี่ไชยาช่วยอธิบายทั้ง 2 เรื่องนี้ทีคับขอบคุณมากคับพี่

 

คือ ผมเองก็ไม่ได้เข้าบอร์ดมานาน ได้เข้ามาสนใจเรื่องเทวดาประจำตัวนะครับ แต่ไม่รู้ว่า เป็นมาร หรือ เป็นเทวดา เพราะบางที ก็อยากจะทำชั่ว(เป็นส่วนใหญ่) ส่วนบางที ก้อยากทำดีบ้าง สลับกันไปมา (แต่เรื่องชั่วจะเข้าบ่อยกว่า)
ทำไงให้เรามีเทวดาแทนที่จะเป็นมารมาชักจูงครับ ใกล้เปิดเทอมแล้ว เวลาไม่ค่อยจะมีด้วย จะทำบูญอย่างไรดี ขอคำชี้แนะด้วย

 

ความชั่วที่ผมว่าก็ไม่ได้ผิดศีล5 ถ้ามีแค่ต่อไปนี้
ข้อ1 ไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ทำร้ายสัตว์
ข้อ2ไม่ลักขโมย
ข้อ3 ไม่ไปแย่งแฟนใคร
ข้อ4 ไม่พูดโกหก
ข้อ5 ไม่ดื่มเหล้า เบียร์ ไม่สูบเสพยาเสพติด

ถ้าศีล5ทำแค่นี้ได้ ผมก็เกือบครบทั้งวันเลยครับ แต่ถ้า มีห้ามช่วยเหลือตนเอง(ทาเพศ) นี้ทำเกือบทุกวัน ไม่รู้ทำไมอยากทำนัก งงตัวเองเหมือนกัน

ขอคชี้แนะด้วยครับ(บังเอิญอายุ13 14 ร่างกายเพิ่งปรับตัวเข้าวัยรุ่น ไม่รู้เป็นเพราะต่อมใต้สมองหลั่งฮอร์โมนมากหรือปล่าว)

 

คือว่ามันเป็นธรรมชาติคับไม่ผิดคับ การช่วยเหลือตัวเองหรือสโตกนั้นไม่ผิดศีลและไม่บาปแต่อย่าหมกมุนเกินไป(แต่ท่าเป็นพระแล้วช่วยตัวเองถือว่าผิด)

 

เรียน คุณhealing


การทำบุญ มิได้หมายเฉพาะ การสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างหอระฆัง ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน


และอื่นๆ ในเชิงรูปธรรม ที่สัมผัสจับต้องได้


แต่บุญยังหมายถึง ใจที่ยินดีในการทำความดีทุกประเภท


แก่ผู้บังเกิดเกล้า แก่ผู้ประสิทธิวิชา แก่ผู้มีพระคุณ แก่ญาติพี่น้อง

แก่เพื่อนมนุษย์ แก่สังคม แก่ชุมชน แก่วิญญาณที่ลำบาก


ไม่เว้นแม้ การทำทาน เป็นต้นว่า ให้อาหารสัตว์ที่ตกทุกข์


แม้นแต่ การลด ละ ความคิดในทางร้ายต่อผู้อื่น นั่นคือบุญ


การลด ละ การเบียดเบียน การประพฤติมิดี มิถูก มิควร ต่อผู้อื่น


โดยวาจา โดยกาย นั่นคือบุญ


ดังนี้ จะเห็นได้ว่า การทำบุญ ไม่จำเป็นต้องมีพิธีกรรมพิธีการเสมอไป


ในชีวิตประจำวัน ท่านมีช่องให้ทำบุญได้มากนัก

 

สาธุค่ะ....อย่างงั้นเหล่าเทวดาท่านจะสามารถจะบรรลุนิพพานได้ไหมคะ???

 

ท่านที่รู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียว เหมือนมีคนอยู่ด้วยตลอด บทจะซวยมันก็โชคดีซะเฉยๆ (แบบ งงๆ ฟรุ๊คๆ) อยากจะรู้จักเทวดาประจำตัว ไม่ลองจุดธูปอธิฐานขอให้ท่านมาเข้าฝันบอกละค่ะ

แต่ก็หวังไม่ได้ว่าท่านจะมานะค่ะ ท่านอาจจะไม่มาบอกก็ได้

จริงๆ ตัวเรา น่าจะรู้อยู่กับตัวเราแหละค่ะ .. ว่าเรามีใครดูแลไหม (มันจะเป็นความรู้สึก ลึกๆ แบบว่า เหมือนมีใครนั่นแหละค่ะ)

 

ผมก็เคยไปหาหมอดูคนนึงนะ เค้าเป็นหมอดูพลังจิต
ดูแบบไม่ต้องถามวันเดือนปีเกิดเลย ไม่ดูลายมือ
แค่เอามือไปแตะเหรียญ ของหมอเท่านั้นหมอก็พูดออกมาเองหมด
หมอบอกว่าผมมีเทพหลายองค์คุ้มครองอยู่แต่ท่านเหล่านั้น
ส่ายหน้าไม่ให้บอกว่าท่านเป็นใคร ต่อไปจะรู้เอง แต่หมอบอกมามีองค์นึง
ที่ยอมบอกท่านว่าเป็นรัชกาลที่5 แถมบอกอีกว่าผมมี ผีเป็นบริวาร *-*
ที่พูดมาเป็นเรื่องจริงนะครับ ส่วนเรื่องลักษณะนิสัยต่างๆ
หมอดูเค้าก้พูดถูกนะเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอยู่ แค่เอานิ้วแตะเหรียญ

 

สวด เชิญมา แล้ว

อย่า ลืม สวด เชิญ กลับ ด้วย ล่ะ

เทวดา มา อยู่ ใกล้ๆ ถ้า ทำ ไม่ดี ท่าน จะ เพ่งโทษเอาได้นะ

 

ท่าน สิกขิม น่าศรัทธาจังเลยครับ ถ้อยคำแต่ละอย่างนี้ดูสุขุมจริงๆ เหมือนบุคคลผู้บรรลุในธรรมแล้วเลยนะครับเนี่ย ส่วนตัวผมก็ขอใช้ถ้อยคำแบบคนธรรมดานะครับ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ คือ แค่ยินดีกับคุณงามความดี หรือ ยินดีกับการทำอะไรสักอย่างของใครก็ตาม ก็ถือเป็นบุญแล้วใช่ไหมครับ