ตะกรุดรกแมว ลพ.ไมอินทสิริ พระผง ลพ. พร้า เหรียญลพ แสวง พระผงลพ.แป๋ว

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    หลวงพ่อฮวด-กัณฑโว-วัดหัวถนนใต้-อ.ท่าตะโก-จ.นครสวรรค์-2 (1).jpg

    เรื่อง : หลวงพ่อฮวด กันฑโว วัดหัวถนนใต้ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ ตอน หยุดพญามัจจุราชช่วยลูกศิษย์.

    เรื่องโดย : เอกลักษณ์ เพริศพริ้ง เพจวิถีไสยศาสตร์ชาติไทย
    สนับสนุนโดย :
    ๑, นิตยสารพระเกจิ
    ๒, นิตยสารลานโพธิ์
    ๓, นิตยสารอภินิหาร
    สารสำคัญ : ข้าพเจ้าฯเป็นผู้เขียนบทความนี้ อนุญาตให้นำไปเผยแพร่ได้แต่มีข้อแม้ว่า ต้องให้เครดิตผู้ที่เกี่ยวข้องตามที่พิมพ์ไว้ ผู้ใดเผยแพร่จักได้บุญใหญ่ เนื่องจากเขียนขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติครูบาอาจารย์ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน.
    # บทนำ #
    ผู้เขียนทราบเรื่อง"ความมหัศจรรย์พันลึก"นี้มาจาก"กลุ่มลูกศิษย์หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้" เรื่องมีอยู่ว่า"คุณธนะสิทธิ์ สุวรรณ์นพชัย"หรือ"เฮียเฮ้า"ผู้เป็นเสาหลักของกลุ่มทั้งท่านยังเป็นศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อ ได้จัดให้มีการเล่าเรื่องอภินิหารที่เกิดจากวัตถุมงคลของหลวงพ่อฮวดลงในกลุ่มฯ การนี้มีบรรดาลูกศิษย์ลูกหาร่วม"เล่า"กันหลายคน มีอยู่เรื่องหนึ่งน่าสนใจมาก ผู้หลักผู้ใหญ่ระดับจังหวัดท่านหนึ่งยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเป็นเรื่องจริง ในส่วนของตัวผู้เขียนเอง ก็เคยได้ยินคนพื้นที่พูดตรงกันหลายปาก จึงปักใจเชื่อ เลยอยากนำมาเผยแพร่ต่อ ดังนี้...
    อนึ่ง เรื่องนี้เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งหนึ่งในอำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ ผู้เล่าเรื่องขอให้สงวนชื่อ-สกุลจริง เพราะกลัวว่าผู้อ่านบางท่านอาจมีความเชื่อคนละแบบกันกับผู้เล่า จึงไม่อยากให้เกิดประเด็นดราม่าต่างๆนาๆตามมาภายหลัง แจ้งไว้ก่อนว่า!!! เรื่องนี้เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ฉะนั้นโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน!!!...
    ...เมื่อปีพ.ศ.๒๕๓๐ ขณะนั้น"คุณนิว"อายุ๑๕ปี(คุณนิวเป็นคนจิตอ่อน และกำลังอยู่ในช่วงวัยเบญจเพส) ได้ไปหายิงนกยิงหนูตามทุ่งนากับเพื่อนๆประสาเด็กต่างจังหวัดทั่วไป ตกเย็นก็พากันกลับบ้าน ระหว่างทางพบ"ตาเดช"ขี่รถจักรยานยนต์สวนมา(ที่จริงคือตาเดชขับมาตามหา แล้วเจอกันบนถนนพอดี) แกบอกว่า"จะจ้างให้ไปลอกหนังงู" คุณนิวกับเพื่อนๆพอรู้ว่าจะได้"ค่าจ้าง"จึงตอบตกลง(คุณนิวบอกว่าตอนนั้นทางบ้านฐานะยากจน มีคนจ้างให้ทำอะไร ก็ทำทั้งนั้นขอให้ได้เงิน)
    เมื่อกลุ่มหนุ่มน้อยมาถึงกระท่อมปลายนาของตาเดช ก็พบซากงูเหลือมตัวใหญ่ที่พึ่งตายใหม่ๆ งูตัวนี้ใหญ่มาก ใหญ่แบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน(มารู้ภายหลังว่าตาเดชไม่กล้าลอกหนังเองเพราะกลัวว่าเป็นงูเจ้าที่ จึงจ้างให้คุณนิวกับเพื่อนๆทำแทน) ส่วนสาเหตุการตายของงูยักษ์ตัวนี้ไม่มีใครกล้าไถ่ถามตาเดช
    หลังจากลอกหนังงูเสร็จ รับเงินเป็นที่เรียบร้อย กลุ่มหนุ่มน้อยต่างก็พากันแยกย้ายกลับบ้านด้วยหัวใจที่เบิกบาน...
    เมื่อคุณนิวกลับถึงบ้าน เกิดรู้สึกไม่สบายขึ้นมาแบบกระทันหัน จึงล้มตัวลงนอนบนแคร่ไม้ไผ่หน้าบ้าน ตอนนั้นคุณนิวนอนนิ่งขยับตัวไม่ได้ หายใจไม่ค่อยจะเต็มอิ่ม ทั้งยังลืมตาไม่ขึ้นอีกต่างหาก...
    "ย่า"กับ"พ่อ"พบคุณนิวนอนแบบสลบไสลบนแคร่(ที่จริงแล้วไม่ได้หลับ) เห็นว่าผิดปกติวิสัยเพราะคุณนิวไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน จึงทั้งเรียกทั้งเขย่าแขนขาถามหาสาเหตุว่าเป็นอะไร คุณนิวได้ยินเสียงแต่ตอบไม่ได้ พยายามลืมตาแต่ก็ลืมไม่ขึ้น ได้แต่นอนตัวปวกเปียกหายใจรวยรินอยู่ตรงนั้น
    เท่านั้นแหละ ความโกลาหลจึงเกิดขึ้น มีการตะโกนไปมาเสียงดังโหวกเหวก ย่าสั่งให้พ่อวิ่งไปเหมารถเพื่อนบ้านแล้วรีบพาคุณนิวส่งโรงพยาบาลในอำเภอไพศาลีทันที แต่พอมาถึงเจ้าหน้าที่กลับไม่ยอมรับตัวไว้รักษา บอกให้กลับบ้านไป(เจ้าหน้าที่สวมชุดขาวไม่ทราบว่าทำงานอยู่ฝ่ายไหน) ย่ากับพ่อไม่ละความพยายามพาคุณนิวมาอีกโรงพยาบาลหนึ่งในอำเภอตากฟ้า พอมาถึงเจ้าหน้าที่ก็พูดแบบเดียวกัน ซึ่งเป็นคำพูดเดิมๆ ส่วนคำพูดเพิ่มเติมคือ"รีบพากลับบ้านไปซะ เดี๋ยวญาติๆจะดูใจไม่ทัน"!!!...
    ย่ากับพ่อไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่มองหน้าแล้วกอดกันก่อนร้องไห้โฮ...
    เมื่อพาคุณนิวกลับถึงบ้าน ย่ากับพ่อก็พาคุณนิวเข้าห้อง พ่ออุ้มร่างที่อ่อนปวกเปียกของคุณนิวขึ้นเตียง ตอนนั้นข่าวของคุณนิวแพร่สะพัดอย่างกับไฟลามทุ่ง มีเพื่อนบ้านเกือบครึ่งหมู่บ้านมาคอยให้กำลังใจและมารอฟังข่าวกันเต็มไปหมด
    มีการพูดคุยกันไปต่างๆนาๆ เช่นว่า"ที่คุณนิวเป็นแบบนี้เพราะไปฆ่างูเจ้าที่เข้า ท่านเลยตามมาเอาชีวิต" ตอนนั้นเพื่อนบ้านต่างพากันแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมคุณนิว(จริงๆแล้วเข้ามาดูใจกันมากกว่า) สำหรับสภาพคุณนิวในเวลานั้น บอกเลยว่าเหมือนคนกำลังจะตาย(คุณนิวเล่าให้ฟังภายหลังว่าใครมาเยี่ยม หรือใครพูดอะไรแกได้ยินหมด หลายคนมาขออโหสิกรรมด้วยซ้ำไป)...
    คนเป็นย่าได้จุดธูป๓๖ดอก ออกไปไหว้แล้วปักลงกลางแจ้งเพื่อขอขมาลาโทษวิญญาณพญางู ขอให้พญางูไว้ชีวิตหลานชาย ส่วนคนเป็นพ่อก็จุดธูปบนบานศาลกล่าวกับพระบูชาบนหิ้ง โดยมีจุดประสงค์เดียวกัน ทั้งย่าทั้งพ่อต่างเฝ่ารอปาฏิหาริย์...
    พอเริ่มจะค่ำมากขึ้น เพื่อนบ้านต่างก็พากันแยกย้าย ส่วนญาติพี่น้องที่อยู่ต่างอำเภอได้ทยอยเดินทางมาถึงบ้านคุณนิวเกือบจะครบกันหมดทุกคนแล้ว ย่ากับพ่อและพี่น้อง(พี่น้องของพ่อซึ่งเป็นลูกย่า) เริ่มหารือกันเรื่องของคุณนิว!!!...
    ด้วยความเป็นห่วง จริงๆแล้วต้องเรียกว่า เป็นการอยู่กับหลานกับลูกจนกว่าแกจะสิ้นลมอะไรประมาณนั้นมากกว่า ย่ากับพ่อจึงนั่งเฝ้าคุณนิวอยู่ที่ปลายเตียงแล้วรอเวลา!!!
    ตกดึก ย่ากับพ่อเผลอหลับไปพร้อมๆกัน ย่าฝันไปว่า"มีชายร่างใหญ่โตผิดมนุษย์มนา หน้าตาดุดัน ผิวดำเหมือนโดนแดดเผาจนไหม้เกรียม ไม่ใส่เสื้อ สวมผ้านุ่งสีแดงจำนวน๔คนเดินเข้ามาหา คนเป็นหัวหน้ามีท่าทีองอาจถือกระบองยาวประมาณ๓ศอกสีดำวาววับราวกับนิล ย่าถามเสียงสั่นเพราะประหวั่นพรั่นพรึงว่า"มาทำไม" คนเป็นหัวหน้าบอก"จะมาเอาตัวเด็ก"!!!
    ด้วยความรักที่มีต่อหลาน ทำให้ย่าไม่ยอมแม้ว่าตัวจะกลัวสักเพียงใดก็ตาม ย่าร้องเอะอะโวยวาย มีของอะไรใกล้ตัวก็รีบคว้าแล้วขว้างปาใส่กลุ่มชายหน้าตาดุดันเหล่านั้นพัลวัน(ผู้เขียนขอเรียกชายหน้าตาดุดันว่าเป็นพวก"อมนุษย์") กลุ่ม"อมนุษย์"คงเห็นว่าย่าไม่ยอมง่ายๆ จึงพากันหายไป...
    ที่นี้คุณนิวฝันบ้าง ฝันว่าอมนุษย์ทั้ง๔เดินเข้ามาหา มาถึงก็คว้าข้อมือของคุณนิวไว้ กำลังจะกระชากตัวไป ก็เกิดแสงสว่างเจิดจ้า จ้าถึงขนาดตาของคุณนิวที่ปิดสนิทยังแสบเพราะแสงไปชั่วขณะหนึ่ง แสงนี้ยังทำให้มือของอมนุษย์หลุดจากข้อมืออันเรียวเล็กของคุณนิวแล้วฉากถอยหลังออกไปอีกหลายก้าว เมื่อแสงนั้นดับลง ตาของคุณนิวก็ลืมขึ้น แล้วเริ่มมองเห็น ภาพแรกที่คุณนิวเห็นคือ"พระภิกษุชรารูปหนึ่งยืนคั่นกลางระหว่างคุณนิวกับอมนุษย์เหล่านั้น"
    อมนุษย์ที่เป็นหัวหน้าพูดกับพระว่า"นี่ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ท่านอย่ายุ่ง" พระสงฆ์ตอบว่า"การช่วยเหลือสรรพสัตว์ เป็นกิจของสงฆ์ไม่ยุ่งไม่ได้" ว่าแล้วท่านก็ยกมือขึ้นพนมท่องมนต์อะไรสักอย่าง สักพักอมนุษย์ทั้ง๔ก็หายลับไปกับตา พระสงฆ์ชราหันหน้ามาหาคุณนิวพร้อมกับเอามือลูบหัวอย่างทะนุถนอมแล้วพูดเสียงแผ่วเบาแต่ก้องกังวานปานเสียงระฆังเงินว่า"ไม่เป็นอะไรแล้วนะ" จากนั้นท่านก็หายไป...
    ถึงตอนเช้าตรู่ ญาติๆกับเพื่อนบ้านเกือบจะทั้งหมู่บ้านทยอยเดินทางมาที่บ้านของคุณนิว เพื่อมารอฟังข่าว ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะเป็นข่าวร้าย!!!...
    กลับมาที่ฝ่ายย่ากับพ่อกันบ้าง ย่ากับพ่อได้ตื่นขึ้นพร้อมๆกันคล้ายกับมนต์ที่สาปไว้ถูกถอน ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่คุณนิวลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจเพราะความเมื่อยล้า พอย่ากับพ่อเห็นคุณนิวหายเกือบๆจะเป็นปกติ ก็ดีใจรีบโผเข้าสวมกอดคุณนิวทันที ฝ่ายคุณนิวดีใจไม่น้อยไปกว่าผู้มีพระคุณทั้งสอง รีบโผเข้ากอดย่ากับพ่อเช่นกัน ทั้งสามกอดกันตัวกลมแล้วพากันร้องไห้โฮด้วยความโล่งอกระคนดีใจเสียงดังลั้นห้อง(ทั้ง๓ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายอย่างแสนสาหัสมาด้วยกัน จึงเข้าใจหัวอกของกันและกันเป็นอย่างดี)...
    ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่มาเยี่ยม พอได้ยินเสียง ก็คิดว่าเกิดเรื่องร้ายขึ้นแล้ว จึงรีบเข้ามาดู แต่การณ์กลับเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะเมื่อเข้ามาในห้องก็เห็นเป็นเรื่องปิติยินดี คนในห้องจึงตะโกนบอกคนในบ้าน คนในบ้านตะโกนบอกคนข้างนอก บอกต่อๆกันไปจนทั่ว จากนั้นก็ได้ยินเสียงปรบมือ และเสียงไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจของผู้คน...
    จะขอกลับมาที่ห้องซึ่งมีผู้คนแออัดยัดเยียดอยู่เต็มไปหมดอีกครั้งหนึ่ง มีการถามไถ่ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คุณนิวจึงเล่าความฝันให้ฟัง ส่วนย่าได้เล่าเสริมเป็นระยะๆ(ย่าเล่าส่วนที่ตนฝัน)
    - คนฟังถามว่า"หลวงพ่ออะไรมาช่วย"
    - คุณนิวบอก"ไม่รู้จัก รู้แต่ว่าท่านสักยันต์คล้ายกับกลุ่มดาวเสาร์ไว้ที่ต้นแขนขวา"
    - คนถามอยากรู้ว่าเป็นพระรูปไหน จึงจะขอดูพระในคอของคุณนิวสักหน่อย ก็ยังไม่ทราบความอีก เพราะคุณนิวไม่เคยแขวนพระ
    - คนถามอยากรู้ให้สิ้นความสงสัย บอกให้คุณนิวดูพระบูชาบนหิ้งว่าเป็นหลวงพ่อองค์ไหนที่ลงมาช่วย ก็ยังไม่ทราบความอีกเช่นเคย เพราะคุณนิวมองอย่างไร ใบหน้าพระบูชาบนหิ้งก็ไม่เห็นจะเหมือนกับพระในฝัน นั่นทำให้ผู้คนถึงกลับงงงันเป็นไก่ตาแตก เพราะหาที่มาที่ไปของพระองค์ที่มาช่วยคุณนิวไม่ได้...
    อนึ่ง เหนือเตียงนอนบ้านคุณนิวมีหิ้งพระแบบแขวนผนังขนาด๓๐ซม.x๔๐ซม.ติดอยู่ บนนั้นมีพระบูชาขนาดหน้าตัก๕นิ้ว ๓องค์ ตั้งแบบแถวหน้า๒องค์(พระสงฆ์) แถวหลัง๑องค์(พระพุทธรูป) สำหรับพระสงฆ์ที่อยู่ด้านหน้า คุณนิวรู้จักแค่องค์เดียวคือ"หลวงพ่อคูณ" อีกองค์อ่านเอาจากฐานที่ท่านนั่งทราบชื่อว่า"หลวงปู่แหวน" ส่วนพระพุทธรูปด้านหลังคือ"หลวงพ่อพระพุทธชินราช"...
    ...๒๑ปีผ่านไป(ปีพ.ศ.๒๕๕๑/คุณนิวอายุ๓๖ปี) คุณนิวซื้อบ้านใหม่กำลังย้ายข้าวของ ขณะยกพระพุทธชินราชขึ้นเพื่ออันเชิญท่านลงมาจากหิ้ง ก็มีกระดาษขนาดA4ม้วนหนึ่งตกลงมาข้างๆ คุณนิวเกิดความสงสัยจึงแกะหนังยางสภาพเปื่อยจะขาดอยู่รอมร่อออกแล้วคลี่กระดาษดู ทีนี้คุณนิวถึงกับตื่นตะลึงขนลุกซู่ นั่นเพราะสิ่งที่เห็นคือ"ภาพพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่งแกไม่เคยลืมเลือนเลยว่า พระสงฆ์ท่านนี้เคยช่วยชีวิตแกเอาไว้ เมื่อครั้งอายุ๑๕ปี"

    หลังจากที่คุณนิวนิมนต์พระพุทธชินราชลงจากหิ้งเสร็จเรียบร้อย แกก็รีบนำกระดาษม้วนนั้นไปให้พ่อดู คุณนิวบอกพ่อว่า"พระองค์นี้แหละที่ช่วยชีวิตตนไว้" พ่อบอกว่าท่านชื่อ"หลวงพ่อฮวด วัดหัวถนนใต้" คุณนิวพูดกับพ่อว่า"พาไปหาท่านหน่อย" พ่อบอกว่า"ท่านมรณภาพไปหลายสิบปีแล้ว แต่ร่างไม่เน่าเปื่อย ทางวัดเก็บร่างท่านไว้ในโลงแก้ว ย้ายบ้านเสร็จจะพาไปกราบ"
    สำหรับรูปหลวงพ่อฮวด พ่อเล่าให้คุณนิวฟังว่า"พอได้รูปท่านมาก็ม้วนรัดด้วยหนังยาง แล้วเก็บไว้บนหิ้งจนลืมไปเลย"(เมื่อ๒๑ปีก่อน ตอนหาพระองค์ที่ช่วยคุณนิว จึงหากันไม่เจอ)...
    ถึงแม้นว่าภาพหลวงพ่อฮวดจะม้วนแบบเก็บ มิได้กางไว้สำหรับบูชา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของท่านลดน้อยลงไป สำหรับท่านซึ่งเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ทรงคุณวิเศษ ท่านไม่อาจปล่อยให้ใครหรือสิ่งใดมาทำร้ายคนที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันกับท่านได้...ทีนี้รู้กันแล้วนะว่า พระรูปไหนที่ช่วยชีวิตคุณนิวเอาไว้ สาธุครับ.

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อฮวดวัดหัวถนนใต้ให้บูชา
    250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240229_224102.jpg IMG_20240229_224130.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมวัตถุมงคลต่างรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปนี้เป็นอย่างดี "หลวงปู่ตี๋" วัดหลวงราชาวาส จ.อุทัยธานี ในช่วงที่ท่านยังไม่ละสังขาร กิจนิมนต์ปลุกเสกวัตถุมงคลเยอะมาก
    ท่านมีพระอาจารย์ดีหลายท่าน เช่น หลวงพ่อพลอย วัดห้วยขานาง จ.อุทัยธานี ท่านนี้มีดีทางเมตตามหานิยม การเล่นแร่แปรธาตุ มีชื่อเสียงยิ่งนัก หลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี ท่านก็มีดีในหลายๆ เรื่อง และพระอาจารย์ที่สำคัญอีกท่านหนึ่งก็คือ หลวงปู่พุฒ (พระราชอุทัยกวี) หรือที่ชาวจังหวัดอุทัยธานี คุ้นเคยต่อการเรียกขานนามของท่านว่า เจ้าคุณพุฒ เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานีในขณะนั้น ซึ่งท่านเจ้าคุณพุฒท่านนี้เป็นศิษย์สายตรงยุคต้นๆ ของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท เรื่องวิชาอาคมของหลวงปู่ศุขแห่งปากคลองมะขามเฒ่านั้นเป็นที่ซึมซับรู้จัก กันเป็นอย่างดีตั้งแต่เชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ลงมาถึงชาวบ้านทุกชั้นและทุก ฐานะทีเดียวหลวงปู่ตี๋ท่านได้รับสรรพวิชาใดมาบ้างจากท่านเจ้าคุณพุฒ ต้องขอเรียนว่าเป็นวิชาสุดยอดที่ท่านได้มอบให้กับศิษย์รักของท่านผู้นี้ อาศัยจากความใกล้ชิด อาศัยที่ได้มีโอกาสสนองงานของท่านเจ้าคุณพุฒเป็นประจำ
    ปีพ.ศ.2517 หลวงปู่ตี๋ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่พระครู อุทัยธรรมกิจ และในปีพ.ศ.2529 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท นามเดิมหลวงปู่ท่านได้ปกครองสงฆ์วัดหลวงราชาวาส สงเคราะห์ญาติโยมในทุกๆ เรื่องตามขีดความสามารถของสงฆ์ แต่ท่านจะกระทำให้โดยมิได้มีการเลือกชั้น ต้อนรับโอภาปราศรัยด้วยอารมณ์แจ่มใส เต็มไปด้วยบารมีแห่งความเมตตา จวบจนถึงวาระสุดท้าย วันที่ 1 มีนาคม 2546 เวลา 11.57 น.
    วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสกไว้ก็ได้รับความนิยม ราคาเล่นหาในปัจจุบันบางรุ่นทะยานขึ้นไปสูงมาก

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญดอกจิกหลวงปู่ตี๋วัดหลวงราชาวาสให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240229_230755.jpg IMG_20240229_230855.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2024
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    พระราชสังวรญาณ-หลวงพ่อพุธ-ฐานิโย (1).jpg

    ปีพุทธศักราช ๒๔๘๗-๒๔๘๙ ท่านกลับมา จําพรรษาที่วัดบูรพา อําเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ได้ป่วยเป็นวัณโรคอย่างหนัก นอนไม่ได้ ถึง ๗ วัน ๗ คืน ใกล้จะตาย หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ได้สอนให้ท่านพิจารณาอริยสัจ ว่า
    ทุกขัง อริยสัจจัง ทุกข์มันปรากฏแก่เธอทุกลมหายใจ ให้กําหนดสติรู้สิ่งที่มันมีอยู่ในกายใจ เวลานี้ปอดของเธอเป็นวัณโรค มันเป็นจุดเกิดของทุกข์ จิตของเธอไป ยึดติดอยู่ที่ปอดเพราะเธอป่วยที่ปอด แต่ความทุกข์มันเกิดที่จิต ความเจ็บปวดเกิดที่กาย ฉะนั้น ให้ดูสิ่งที่มันมีอยู่ในปัจจุบัน อย่าไปไขว่คว้าอะไร”
    ท่านปฏิบัติตามคําสอนของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ได้ปีเศษ จิตเกิดมรณนิมิต เห็นตัวเองนอนตายแล้วแสดงอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป เป็นต้น กายหายเหลือแต่จิตเพียงดวงเดียวสว่างไสวอยู่เป็นที่อัศจรรย์ จากนั้นมาวัณโรค ที่ว่าร้ายไม่มียารักษาได้ในสมัย นั้นได้หายเป็นปลิดทิ้ง
    เหรียญบุษบกและพระผงรูปเหมือนลพ.พุธ ฐานิโย
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240301_143920.jpg IMG_20240301_143955.jpg
     
  4. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +1,142
    จองครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    วันนี้จัดส่ง
    1709286294035.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    1709296244612.jpg
    รูปหล่อห่มคลุมหลวงพ่อบุญเหลือ วัดคุ้งใหญ่ อ.วัดโบสถ์ พิษณุโลก หลวงพ่อบุญเหลือ เสือเก่าแห่งทุ่งวัดโบสถ์ เจ้าของฉายาตะกรุดปืนด้าน เมื่อคราวที่มีงานฝังลูกนิมิตกลุ่มวัยรุ่นที่มาเที่ยวงานทะเลาะกันควักปืนออกมายิงปรากฏว่ายิงไม่ออกครับ ปืนด้าน ตอนนี้หลวงพ่อมรณะภาพแล้วครับ เมื่อเดือน มกราคม 2555 ที่ผ่านมา วัตถุมงคลไม่มีให้บูชาแล้วครับ หมดแล้วทุกรายการ รูปหล่อนี้เป็นเนื้อทองเหลือง น่าบูชาสะสม
    ปัจจุบันหลวงพ่อมรณภาพแล้ว

    รูปหล่อห่มคลุมหลวงพ่อบุญเหลือให้บูชาองค์ละ 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับมี ๒ องค์ให้ พิจรณา

    องค์ที่ ๑

    IMG_20240301_192836.jpg IMG_20240301_192904.jpg

    องค์ที่ ๒

    IMG_20240301_192929.jpg IMG_20240301_193007.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    S__27754502.jpg
    พระครูปัญญานนทคุณ (บาง ปัญญาทีโป)”
    อดีตเจ้าอาวาสวัดสโมสร(เภี่ยเกริงหม่อมแช่ม) ต.ไทรใหญ่ อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี
    พระครูปัญญานนทคุณ หรือ หลวงปู่บาง ปัญญาทีโป ท่านมีนามเดิมว่า บาง นามสกุล นุชสุภาพ เกิดเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๖๐ ท่านถือกำเนิดในครอบครัวชาวมอญแห่งบ้านคลองหม่อมแช่ม ต.ไทรใหญ่ อ.บางบัวทอง (ขณะนั้นยังไม่ได้ตั้งเป็นอำเภอไทรน้อย) จ.นนทบุรี เป็นบุตรของโยมพ่อคำ นุชสุภาพ และโยมแม่กุหลาบ นุชสุภาพ ท่านมีพี่น้องร่วมสายโลหิต ๒ คน โดยท่านเป็นบุตรชายคนโต เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๗๐ บิดามารดาของท่านได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ปากลัด อ.พระประแดงจ.สมุทรปราการ หลวงปู่บางก็ได้ย้ายตามไปด้วย ในวัยเด็กท่านได้ศึกษาตำราหนังสือไทยที่วัดแหลม โดยมีพระมังกร ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติกันกับท่านเป็นผู้สอนให้ ต่อมาท่านได้เข้าศึกษาวิชาสามัญที่โรงเรียนอนุบาลวัดกลางสวน โดยภายหลังโรงเรียนได้ถูกยุบไปเพราะมีเด็กนักเรียนน้อย บิดามารดาท่านจึงพาไปฝากเรียนกับพระอาจารย์เติม ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดกลางสวนในขณะนั้น
    ท่านได้เรียนตำราหนังสือภาษามอญจนอ่านออกเขียนได้โดยคล่อง ต่อมาบิดามารดาท่านจึงได้พาไปฝากเรียนกับหลวงตาสว่าง ซึ่งมีศักดิ์เป็นตาของท่าน ที่วัดสุทธาโภชน์ กิ่งอำเภอลาดกระบัง จ.พระนคร ต่อมาหลวงตาสว่างได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดหม่อมแช่ม(วัดสโมสร) ท่านจึงได้ติดตามหลวงตาสว่างมาอยู่ที่วัดสโมสรด้วย แต่ท่านก็ยังเดินทางไปเรียนวิชาที่วัดกลางสวนด้วย กระทั่งเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๔ ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดกลางสวน อ.พระประแดง โดยมีพระอธิการเติม วัดกลางสวน เป็นพระอุปัชฌาย์เมื่อท่านบวชเป็นสามเณรแล้ว ท่านได้อยู่ศึกษาธรรม และไสยเวทย์รามัญกับพระอาจารย์เติมได้ ๑ พรรษา ภายหลังท่านต้องกลับมาดูแลหลวงตาสว่างที่วัดสโมสร เนื่องจากชราภาพและตามองไม่เห็น เมื่อท่านมาอยู่ที่วัดสโมสร ซึ่งในขณะนั้น มีพระอาจารย์เจิ๊ด เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งในขณะนั้นทางวัดสโมสรได้เปิดการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม พอดี ท่านจึงได้เข้าเรียนพระปริยัติธรรม ที่สำนักวัดสโมสร จนท่านสามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นตรี เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๗ ซึ่งในขณะท่านมีอายุได้ ๑๗ ปี ต่อมาพระอาจารย์เจิ๊ด จึงได้แต่งตั้งให้สามเณรบางเป็นครูสอนนักธรรมชั้นตรี โดยท่านได้สอนหนังสือมอญควบคู่ไปด้วย พอท่านมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านจึงได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดกลาง ต.บางผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ ๒๒มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๒ โดยมี พระครูธรรมวิธานปรีชา(พระมหาทองก้อน กงทอง) วัดกลาง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดอุย วัดกลาง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระสมุห์จีบ วัดกลาง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ โดยมีฉายาทางธรรมว่า “ปัญญาทีโป”
    เมื่อท่านอุปสมบทเป็นพระแล้ว ท่านก็ได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดสโมสร เพื่อร่ำเรียนพระปริยัติธรรมต่อ จนท่านสอบไล่ได้นักธรรมชั้นโท ในปี พ.ศ.๒๔๘๕ ต่อมาพระอาจารย์เจิ๊ด จึงได้แต่งตั้งให้พระภิกษุบาง เป็นครูสอนนักธรรมทั้ง ชั้นโท และชั้นตรี ท่านก็ได้สอนหนังสือมอญแก่เด็กวัดร่วมด้วยเรื่อยมาตลอด และเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๙๑ พระอาจารย์เจิ๊ด ท่านได้ถึงกาลมรณะภาพ พระอาจารย์บาง จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสโมสร เมื่อท่านจัดการธุระในงานปลงศพพระอาจารย์เจิ๊ด เรียบร้อยแล้ว ท่านก็ยังได้เทียวไปเทียวมากับวัดกลางสวนอยู่สม่ำเสมอ เพื่อไปปรนนิบัติต่อพระอาจารย์เติม จนถึงวาระสุดท้าย ซึ่งทำให้เห็นว่าหลวงปู่บาง ท่านมีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณเป็นอย่างมาก ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๒ ท่านจึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสโมสร เมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๙๒ ณ วัดละหาร
    เมื่อท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสโมสรแล้ว ท่านได้พัฒนาเสนาสนะภายในวัด และช่วยอุปถัมภ์ชาวบ้านในด้านต่างๆ และยังส่งเสริมในด้านการศึกษามาโดยตลอด จนเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๙๗ ท่านจึงได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และคุณงามความดีที่ท่านได้สร้างไว้ ท่านจึงได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นตรี ที่ พระครูปัญญานนทคุณ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ ซึ่งนับว่าเป็นสมภารรูปแรกของวัดสโมสร ที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ ชั้นพระครู นำความปราบปลื้มยินดีมาสู่ชาวบ้านคลองหม่อมแช่มเป็นอย่างมาก และท่านก็ยังได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท และชั้นเอก ในปี พ.ศ.๒๕๒๔ และปีพ.ศ.๒๕๓๑ ตามลำดับอีกด้วยหลวงปู่บาง ปัญญาทีโป ท่านเป็นผู้มีความรู้ความสามารถในด้านพระปริยัติธรรม และพระวินัย เป็นอย่างดี ท่านมีความชำนาญในด้านงานช่างไม้ และประเพณี วัฒนธรรม ภาษามอญ ในช่วงที่ท่านยังร่างกายแข็งแรงดีอยู่นั้น หลวงปู่ท่านได้สนับสนุนส่งเสริมให้พระสงฆ์และชาวบ้านนั้นช่วยกันอนุรักษ์สืบทอดประเพณีวัฒนธรรมแบบมอญไว้อย่างเข้มแข็ง ท่านเป็นผู้ที่มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณเป็นเลิศ ท่านเป็นพระที่สมถะ มักน้อย สันโดษ พูดน้อย มีจริยวัตรงดงามตามแบบพระสงฆ์มอญ เป็นที่น่าเลื่อมใสอย่างยอ่ง วัตรปฏิบัติของท่านสามารถเป็นต้นแบบที่ใช้สั่งสอนลูกศิษย์ได้ตลอดเวลา ท่านเป็นพระที่ชาวบ้านให้การเคารพศัทธาอย่างสุดใจ ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายชนิด เพื่อใช้แจกเป็นขวัญกำลังใจให้แก่บรรดาลูกศิษย์ที่เคารพศรัทธาในตัวท่าน วัตถุมงคลของท่านที่เป็นที่รู้จักกันดีว่าพุทธคุณนั้นครอบจักรวาฬ ได้ทั้งเหนียว แคล้วคลาด และเมตตา อาทิเช่น ผ้าขอดแดงไตรมาส ซึ่งเด่นในด้านแคล้วคลาดปลอดภัย, เหรียญกลมมีห่วง รุ่นแรก ปีพ.ศ.๒๕๑๗ เด่นในด้านมหาอุตม์,พระผงพิมพ์สมเด็จ พิมพ์ต่างๆ เด่นในด้านเมตตา, และอีกหลายชนิดที่ไม่ได้กล่าวถึงล้วนแต่มีประสบการณ์ทั้งสิ้นพระครูปัญญานนทคุณ หรือ หลวงปู่บาง ปัญญาทีโป ท่านได้มีอาการอาพาธตามวัยสังขาร ที่ล่วงโรยไปตามกาลเวลา ทำให้ท่านนั้นเดินไม่ค่อยไหว แต่ท่านก็ยังปฏิบัติกิจของสงฆ์ได้ปกติ แต่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง ต่อมาภายหลังสังขารท่านได้ล่วงโรยไปมาก ท่านจึงต้องนั่งรถเข็น โดยมีพระลูกศิษย์เป็นผู้ปรนนิบัติ กระทั่งเมื่อช่วงปลายปี พ.ศ.๒๕๔๘ ท่านได้อาพาธอีกครั้ง โดยมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว และในที่สุดความโศกเศร้าอาลัยของชาวมอญกระทุ่มมืดก็บังเกิด เมื่อได้ทราบข่าวว่า หลวงปู่บาง ปัญญาทีโป ท่านได้ละสังขารลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ สิริรวมอายุได้ ๘๗ ปี พรรษา ๖๖ หลังจากที่หลวงปู่บาง ปัญญาทีโป ได้มรณะภาพแล้วนั้น ทางคณะศิษยานุศิษย์จึงได้ร่วมกันจัดพิธีศพให้หลวงปู่บางตามธรรมเนียมแบบรามัญอย่างสมเกียรติ และได้จัดให้มีพิธี พระราชทานเพลิงศพ พระครูปัญญานนทคุณ (บาง ปัญญาทีโป) เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๒ ณ ปราสาททรงมอญชั่วคราววัดสโมสร ซึ่งเมื่อครั้งงานปลงศพหลวงปู่บาง นี้ทางวัดฯได้จัดให้มีการจุดลูกหนู(ฮะตะน็อย)ตามธรรมเนียมงานปลงศพพระสงฆ์มอญ มีการรำสามถาดตามความเชื่อของชาวมอญ ได้จัดสร้างปราสาททรงมอญและจัดให้มีพิธียกยอดฉัตรปราสาทตามแบบภูมิปัญญามอญ มีการแสดงมหรสพสมโภชน์อย่างยิ่งใหญ่ มีประชาชนทั้งชาวไทย และชาวมอญ จากทั่วสารทิศหลั่งไหลมาร่วมงานกันอย่างคับคลั่ง ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันแสดงถึงคุณงามความดีที่หลวงปู่บางได้กระทำไว้เมื่อครั้งยังดำรงขันธ์อยู่นั่นเอง
    เรียบเรียงโดย : ขุนแผน แดนรามัญ
    ขอขอบคุณแหล่งที่มา
    – ข้อมูลประวัติโดย จากหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูปัญญานนทคุณ(บาง ปัญญาทีโป) วัดสโมสร,อาจารย์พิศาล บุญผูก
    – ข้อมูลภาพโดย วัดสโมสร อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี , คุณหนึ่ง วัดสุท , คุณวายุ จิรายุ , คุณ Chok Dee
    5944257-3.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่บางวัดสโมสรให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240301_194330.jpg IMG_20240301_194357.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1709391168215.jpg


    รูปถ่ายหลวงพ่อกำจัดหลังจารปากกาหมึกสีแดงวัดป่าสักชัยนาทให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240302_215411.jpg IMG_20240302_215439.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    1709392342238.jpg
    S__78954535.jpg ครูบาอินทจักรรักษา.jpg

    เหรียญสี่ครูบา หลังพระธาตุสี่ครูบา รุ่นสร้างพระธาตุสี่ครูบา วัดพระพุทธบาทตากผ้า อ.ป่าซาง จ.ลำพูน เนื้อทองแดง พ.ศ. 2531 ด้านหน้าเหรียญเป็นรูป 4 ครูบาแห่งตระกูลสงฆ์ ประกอบด้วย ครูบาพ่อเป็ง วัดป่าหนองเจดีย์ ผู้เป็นพ่อ ครูบาอินทจักรักษา อินทจักโก วัดน้ำบ่อหลวง อ.สันป่าตอง ผู้พี่ชายคนโต ครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า พี่ชายคนรองและท้ายสุดผู้น้องคนเล็ก ครูบาคัมภีระ วัดพระธาตุดอยน้อย อ.จอมทอง ส่วนด้านหลังเหรียญเป็นรูปพระบรมธาตุ วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน

    ให้บูชา (ปิดรายการ) ครับ

    IMG_20240302_220704.jpg IMG_20240302_220739.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มีนาคม 2024
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1709468722645.jpg


    ประวัติ "ครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส"
    "พระครูสุคนธ์ ศีลวงศ์ (ครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส)
    วัดข่วงเปาชัย ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
    ...ครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส นามเดิม ด.ช.กลิ่นกู้ โปทานามสาย เกิดเมื่อ วันพุธที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2441 ตรงกับวันขึ้น 7 ค่ำ (เดือน 4 เหนือล้านนาไทย ปีจอ) ณ.บ้านไร่นาน้อย เลขที่ 13 หมู่ 1 ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
    ...เป็นบุตรพญาหน้อยอุตตมา นางคำปัน โปทานามสาย มีพี่น้องรวมกัน 5 คน โดยครูบากลิ่นกู้เป็นบุตรคนที่ 3
    ...นางคำปัน โปทานามสาย ได้เล่าว่าก่อนจะรู้สึกตัวว่าเริ่มตั้งครรภ์ได้มีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นกับตนเองอย่างมิน่าเชื่อ คือได้เกิดมีกลิ่นหอมติดตัวตนเองในช่วงตั้งครรภ์ 7 วันติดต่อกัน พอครบกำหนดคลอดก็ได้มีกลิ่นหอมเช่นเดิมเหมือนเริ่มตั้งครรภ์ 3 วันติดต่อกัน"
    บรรพชาและอุปสมบท
    เมื่อปี พ.ศ. 2452 อายุได้ 11 ขวบ ผู้เป็นบิดาได้นำตัวไปถวายเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อครูชมภู เจ้าอาวาสวัดข่วงเปาชัย ด.ช.กลิ่นกู้ ได้ศึกษาคำบรรพชาเป็นสาเณรและสวดมนต์ต่างๆ ได้คล่องแคล่ว 1 ปี ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร ขณะบวชอยู่ก็ได้ศึกษาธรรมวินัยของสงฆ์ทั้งบาลีและไทยล้านนา จนความรู้แตกฉาน
    ...วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2464 ก็ได้ อุปสมบท ณ.ที่พันธสีมา วัดข่วงเปาชัย โดยมี
    ครูบาอภิวงศ์ วัดหนองห้า เป็นพระอุปัชญา
    ครูบากันทะวัง วัดบ่อแฮ้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    ครูบาอินทยศ วัดกาดใต้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    การศึกษาปฏิบัติธรรม
    ...ครูบากลิ่นกู้ ได้สนใจปฏิบัติศาสนกิจ ตลอดจนถึงใฝ่ในทางวิปัสนากัมฐาน ที่วัดข่วงเปาชัยกับครูบาชมภู ด้วยวิธีการสมาถะตัดกิเลสทั้งปวง โดยใช้เวลาศึกษาและปฏิบัติอยู่ 6 ปี ต่อมาสอบได้นักธรรมชั้นตรี เมื่อปี พ.ศ.2467 และสอบได้นักธรรมชั้นโท ในปี พ.ศ.2470
    หลังจากนั้นจึงได้อำลาท่านครูบาชมภู ไปศึกษาสนธิและสตาธรรม ที่วัดสิงห์ชัยกับครูบาสุวรรณ เป็นเวลา 1 ปี ก็ได้อำลาครูบาสุวรรณกลับ มายังวัดข่วงเปาชัยมาปฏิบัติสมาธิธรรมกัมฐานต่อ จนถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2490 ท่านครูบาชมภูได้มรณภาพลง ท่านกลิ่นกู้จึงได้เป็นเจ้าอาวาสดูแลวัดข่วงเปาชัย ขณะเดียวกันท่านกลิ่นกู้ก็มิได้หยุดนิ่งได้เร่งศึกษาธรรมต่อ ได้ฝึกสมาธิฐานโดยหยึดหลักการปฏิบัติ ขั้นต้นใช้หลักปัฏฐาน 4 แบบปรมัตถ์ พิจารณา รูปนาม เป็นอารมณ์กัมฐานกับอาจารย์ไพฑูรย์ โกสันละวัดม่อนจำศีล จ.ลำปาง อยู่ได้ 1 เดือน แล้วจึงนิมนต์อาจารย์ไพฑูรย์ มาทำการเปิด สำนักวิปัสนาธรรมกัมฐานที่วัดข่วงเปาชัยนานจนถึงปี 2502 ทางสำนักวิปัสนาธรรมกรรมฐานจึงปิดลงมีประชาชนสนใจเข้าร่วมปฏิบัติ ถึง 294 คน
    ...ในปี พ.ศ. 2503 - 2504 ได้ออกเดินธุดงไปตามสถานที่ต่างๆ เช่น แพร่,น่าน,พะเยา,เชียงรายและเชียงใหม่ และแม้แต่ประเทศลาวก็ไปมาแล้ว ภาคใต้ไปจนถึงสุราษฏรธานี
    ...ในปี พ.ศ. 2506 - 2507 ไปจำพรรษาที่วัดพระแลวัดต๋ำม่อน ต.ต๋ำ อ.พะเยา จ.เชียงราย
    หลังจากนั้นท่านครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส ก็กลับมาจำพรรษาที่วัดข่วงเปาชัยเรื่อยมา
    ...เมื่อปี พ.ศ.2521 ได้เข้าอบรมพระสังฆาธิการระดับวัด ณ วัดเชียงราย อ.เมือง จ.ลำปาง
    ...เมื่อปี พ.ศ.2528 ได้เข้าอบรมพระสังฆาธิการระดับตำบล ณ วัดคะตึกเชียงหมั่น อ.เมือง จ.ลำปาง
    ครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส ท่านยังมีความรู้และความชำนาญเรื่อง โหราศาสตร์เป็นอย่างดี ทำให้ผู้คนศิษย์ยานุศิษย์มาให้ท่านพระครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส ได้ผูกดวง ชะตาราศรี ดูฤกษ์ยาม ในความเชื่อทางโหราศาสตร์อย่างมากมานมิได้ขาดแต่ละวันจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน คนต่อคน มาเป็นหมู่คณะจากไกลบ้างใกล้บ้างที่ได้รับรู้ข่าวอันแม่นยำของครูบากลิ่นกู้
    ...หลวงพ่อพระครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส ยังมีความรู้ทางด้านแพทย์แผนโบราณอีกด้วยนับว่าหาได้ยากยิ่งมาก เป็นที่พึ่งของคนที่เจ็บป่วยด้วย โรคนาๆ โดยท่านมิได้รับค่ารักษา หรือเรียกร้องค่าตอบแทนแต่อย่างใด ท่านยังมียาสมุนไพร ซึ่งทานเข้าไปแล้วจะทำให้หายเจ็บหายปวดเมื่อยตามร่างกาย มีอาการบรรเทาเบาบางลง เมื่อพัดผ่อนก็จะหายอาการอ่อนเพลียไป เรียกว่ายาอายุวัฒน ซึ่งมีผู้ นิยมรับประทานกันมาก และท่านพระครูบากลิ่นกู้ ก็ปรุงไว้มิให้ขาด
    ...เรื่องการศึกษาหลวงพ่อครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส ท่านยังรอบรู้เรื่องภาษาไทยล้านนาเป็นอย่างดียิ่ง นับว่ามีความปราดเปรื่องทั้งอ่านและเขียนได้เป็นอย่างดีหาได้ยาก ในยุคนั้นอย่างแท้จริง
    งานการศึกษา
    พ.ศ. 2522 - 2535 เป็นครูสอนอักขระพื้นเมืองล้านนา ณ วัดข่วงเปาชัย ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง
    งานเผยแผ่
    พ.ศ. 2522 - 2535 เป็นรองประธานกรรมการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ให้การอบรมสั่งสอนและฝึกสมาธิแก่ครูและนักเรียนโรงเรียนปงแสนทองวิทยา
    ให้การอบรมสั่งสอนจริยธรรม ในการประชุมอบรมกลุ่มหนุ่มสาว และมีการประกอบพิธีสำคัญทางศาสนาทุกปี ณ วัดข่วงเปาชัย ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง
    FB_IMG_1709468732093.jpg

    สมณศักดิ์
    ...พ.ศ.2525 วันที่ 5 ธันวาคม เป็นประทวนสมนศักดิ์ ตามประกาศ 16/2525
    ...พ.ศ.2533 ได้รับพระราชทานพัดยศ พระครูชั้นประทวน เป็นพระสุคนธ์ ศีลวงศ์
    ...พ.ศ.2535 ทรงได้รับพระราชทานแต่งตั้งสัมณศักดิ์สัญญาบัตรพัดยศ ผ้าไตรชั้นโท
    การบูรณะปฏิสังขรณ์
    ...เมื่อปี พ.ศ. 2506 - 2507 ขณะที่จำพรรษาที่วัดพระแลวัดต๋ำม่อน ได้ช่วยทำการก่อสร้างปฏิสังขรณ์กุฏิวัดวาอารามและร่วมกับศรัทธาญาติโยม สร้าง พระธาตุวัดน้ำตกจำปาทอง ต.ต๋ำ อ.พะเยา จ.เชียงราย (ในสมัยนั้น)
    ...พ.ศ. 2524 สร้างกำแพง โดยรอบ วัดข่วงเปาชัย เป็นเงิน 60,234 บาท สร้างกุฏิ 1 หลัง เป็นเงิน 410,000 บาท
    ...พ.ศ. 2526 สร้างอาคารเก็บของ จำนวน 1 หลัง เป็นเงิน 150,000 บาท สร้างหอฉัน 1 หลัง เป็นเงิน 101,210 บาท สร้างโรงครัว จำนวน 1 หลัง เป็นเงิน 100,500 บาท
    ...พ.ศ. 2528 - 2529 สร้างอุโบสถทรงไทย จำนวน 1 หลัง เป็นเงิน 1,925,000 บาท
    ...พ.ศ. 2529 สร้างหอระฆังทรงไทย จำนวน 1 หลัง เป็นเงิน 110,000 บาท
    ...พ.ศ. 2530 เจาะบ่อน้ำบาดาลท่อส่งบรรจุน้ำและวางท่อประปาภายในวัด เป็นเงิน 142,000 บาท
    ...พ.ศ. 2531 จัดซื้อที่ดินเพื่อขยายที่วัด จำนวน 2 งาน เป็นเงิน 100,000 บาท
    ...พ.ศ. 2534 สร้างศาลาบำเพ็ญบุญ จำนวน 1 หลัง เป็นเงิน 1,855,179 บาท
    ...พ.ศ. 2534 สร้างห้องน้ำ จำนวน 3 ห้องและห้องส้วม จำนวน 5 ห้อง ชั้นเดียว 1 หลัง เป็นเงิน 70,000 บาท
    ...พ.ศ. 2535 สร้างถนนและเทลานวัด ทางเข้าบริเวณวัด เป็นเงิน 68,000 บาท
    ****รวมมูลค่าก่อสร้าง 5,092,123 บาท****
    งานพิเศษต่างๆ
    ...พ.ศ.2528 เป็นประธานเข้ารุกขมูลหารายได้สร้าง ศาลาการเปรียญ วัดบ้านไร่นาน้อย จ.ลำปาง ได้ทุนดำเนิดการ 97,600 บาท
    ...พ.ศ. 2529 เป็นประธานเข้ารุกขมูล หารายได้ก่อสร้างวิหาร วัดทุ่งกู่ด้าย จ.ลำปาง ได้ทุนดำเนิดการ 84,540 บาท
    ...พ.ศ. 2530 บริจาคเงินสมทบสร้างวัดต่างๆ ดั้งนี้
    -วัดนาน้อย เป็นเงิน 5,000 บาท
    -วัดบ้านต๋ำพะแล จ.พะเยา เป็นเงิน 5,000 บาท
    -วัดป่ากล้วย เป็นเงิน 3,000 บาท
    -วัดป่าตันกุมเมือง เป็นเงิน 2,500 บาท
    งานช่วยเหลือสาธารณประโยชน์
    -หมู่บ้านสบตุ๋ย ทับหมาก สร้างสะพานข้ามแม่น้ำตุ๋ย
    -โรงเรียนบ้านไรข่วงเเบา สมทบสร้างอาคารอนุบาล
    ...พ.ศ. 2530 บริจาคเงินทำบุญวัดต่างๆ
    วัดทุ่งกู่ด้าย วัดทุ่งม่านเหนือ วัดห้วยเคียน จ.พะเยา โรงเรียนบ้านไร่ข่วงเปา โรงเรียนปงแสนทองวิทยา
    ...พ.ศ. 2532 บริจาคช่วยเหลือวัดต่างๆ
    วัดห้างฉัตร วัดเตาปูน วัดง้าวพิชัย โรงเรียนบ้านไร่ข่วงเปา โรงเรียนปงแสนทองวิทยา
    ...พ.ศ. 2533 บริจาคช่วยเหลือวัดต่างๆ
    วัดม่วงแงว วัดนาก่วมเหนือ วัดจำบอนเก่า วัดโป่งเกลือ จ.พะเยา เป็นประธานเข้ารุกขมูลหารายได้สร้างรั้วและถนนในโรงเรียนบ้านกาดใต้
    ...พ.ศ. 2534 บริจาคช่วยเหลือวัดต่างๆ
    วัดไร่นาน้อย วัดต๋ำม่อน จ.พะเยา สบทบสร้างถนนสายบ้านไร่ ปงแสนทอง สบทบซื้อที่ดินขยายถนนสายบ้านไร่ สบทบซื้อที่ดินขยายสุสาน บ้านไร่ข่วงเปา
    ...พ.ศ. 2535 บริจาคช่วยวัดสบเมาะ วัดต๋ำม่อน จ.พะเยา วัดห้วยเคียน จ.พะเยา
    ***รวมที่ร่วมดำเนินการหาทุน 4 ครั้ง มูลค่า 215,000 บาท
    รวมที่บริจาคทำบุญวัดต่างๆ และสาธารณประโยชน์ 28 ครั้ง เป็นมูลค่า 288,000 บาท
    ก่อนท่านครูบาจะมรณะภาพลงเมื่อวันที่
    1 พฤษภาคม พ.ศ.2537 อายุ 96 ปี

    ครูบากลิ่นกู้ คันธวังโส อดีตเจ้าอาวาส วัดบ้านไร่ข่วงเปา พระเกจิผู้ทรงวิทยาคม ทางด้านชาตรี ที่มีพลังจิตและตบะที่แรงกล้า ในยุคนั้น ถนนทุกสายบ่ายหน้าไปยังวัดบ้านไร่ข่วงเปา เพื่อขอของดีจากมือครูุบาท่าน ทั้งเกศา พระเครื่อง แม้กระทั่งชานหมาก เนื่องจากมีประสบการณ์เป็นที่เล่าขานอย่างเนืองเนือง เช่น คนที่ห้อยชานหมากท่านสุนัขกัดไม่เข้า หรือ ในขณะที่ท่านกำลังนั่งสมาธิอยู่นั้น ปรากฏว่า มีเด็กมาจุดประทัดข้างกำแพงวัด ท่านเลยบริกรรมคาถาขว้างชานหมากไปติดกำแพง ทำให้ประทัดนั้นไม่ทำงาน เป็นต้น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนผสมเกศาครูบากลิ่นกู้ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240303_192750.jpg IMG_20240303_192821.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    พระกริ่งผงพิทักษ์ชายแดน วัดทับไทรจ.จันทบุรี จัดสร้างด้วยมวลสารผพุทธคุณว่านมงคล108โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อมอบเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ทหารตำรวจ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ปกป้อง พิทักษ์ผืนแผ่นดินตามแนวชายแดน ในด้านพิธีกรรม นับว่าได้ประกอบขึ้นอย่างเข้มขลัง เปี่ยมพุทธานุภาพ นอกจากจะได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ปลุกเสกเดี่ยวให้อย่างเข้มขลัง ยังใด้จัดประกอบพิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2535โดยมีหลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ เป็นองค์ประธานในพิธี พรั่งพร้อมด้วยพระเกจิอาจารย์เรืองนาม เรืองเวทวิทยาคมในยุคนั้น ร่วมนั่งปรกปลุกเสกมากมาย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับด่วนครับ
    IMG_20240303_194316.jpg IMG_20240303_194349.jpg
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1709484270900.jpg FB_IMG_1709484274348.jpg
    ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย
    หลวงปู่กอง จันทวังโส มีนามเดิมว่า กอง ถนอมทรัพย์ เป็นบุตรคนที่ ๒ ใน ๓ คน ของคุณพ่อฝอย และคุณแม่ทัด ถนอมทรัพย์ เกิดเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๔๔๒ ในแผ่นดินรัชกาลที่ ๕ บ้านเดิมอยู่ที่ ต.บ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ซึ่งท่านก็ได้เรียนหนังสือและจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ ที่โรงเรียนวัดบ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง นั่นเอง
    มูลเหตุบรรพชา
    ครั้นเมื่อมารดาของหลวงปู่เสียชีวิตลง ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และไม่ได้ลาสิกขาจนกระทั่งอายุครบบวช เนื่องจากหาจะสึกเมื่อไร ก็มักจะเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุอยู่เสมอ ในขณะที่หลวงปู่ยังเป็นสามเณรอยู่นั้น ได้ติดตามพี่ชายไป จ.สุพรรณบุรี และอยู่วัดพระลอยกับหลวงพ่อแต้ม เมื่ออายุครบบวช จึงได้กลับไปอุปสมบท ณ วัดบ้านแก อ.แสวงหา จ.อ่างทอง หลังจากนั้นจึงได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดข่อย หรือ วัดข่อยวังปลาในปัจจุบัน
    ที่วัดข่อยนี้เอง หลวงปู่ได้ศึกษาวิทยาการต่างๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม กับหลวงพ่อเข็ม ท่านได้ศึกษาอยู่จนได้เป็น พระปลัดกอง มีหน้าที่อบรมสั่งสอนพระเณรที่วัด ซึ่งท่านเป็นพระที่มีวินัยเข้มงวดกวดขันมาก หลังจากนั้นจึงได้ลาสิกขาบทกลับมาใช้ชีวิตฆราวาส
    ลาสิกขา
    ในช่วงชีวิตฆราวาส หลวงปู่ได้มีครอบครัวเฉกเช่นคนทั่วไป แต่เมื่อภรรยาของท่านออกลูกสาวคนแรกก็เสียชีวิตลง ท่านจึงได้แต่งงานใหม่อีกครั้ง โดยมีบุตร-ธิดาที่เกิดจากภรรยาคนที่สองอีก ๓ คน ท่านใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.อ่างทองระยะหนึ่ง จึงย้ายมาอยู่ที่ จ.พิจิตร ซึ่งที่นี่เอง ภรรยาคนที่สองของท่านก็ได้เสียชีวิตลงอีก ท่าานจึงเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก อีกทั้งบุตรและธิดาท่านโตพอจะช่วยเหลือตนเองได้แล้ว จึงนำไปฝากไว้กับตาและยายเพื่อให้ไปศึกษาต่อในชั้นมัธยม ส่วนท่านจึงได้กลับเข้าอุปสมบทอีกครั้ง
    ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรม และปฏิปทา
    การอุปสมบทครั้งนี้ ท่านได้สละเพศฆราวาสของท่าน ณ วัดเทวประสาท ต.ห้วยเกต อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ในขณะนั้นท่านมีอายุได้ ๕๕ ปีแล้ว โดยมีท่านพระครูพิบูลย์ศีลสุนทรเป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอธิการทองอยู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๙๕ โดยได้รับฉายาว่า จันทวังโส เมื่อบวชแล้วท่านได้ศึกษาวิทยาการต่างๆจากหลวงปู่มหาทิม ซึ่งพระอาจารย์มหาทิม เป็นพระผู้มีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม รวมถึงคาถาอาคมต่างๆ ต่อมาหลวงปู่กองจึงได้ติดตามอาจารย์มหาทิมลงมากรุงเทพ ฯ ด้วย โดยไปจำพรรษาที่วัดพระสิงห์ กรุงเทพฯ จากนั้นท่านจึงได้ไปศึกษาอบรมอยู่กับหลวงพ่อมิ ซึ่งเป็นอาจารย์ของพระอาจารย์มหาทิม (หลวงพ่อมิ เป็นศิษย์ของหลวงปู่คง วัดซำป่างาม จ.ชลบุรี) เมื่ออยู่ได้ระยะหนึ่ง ท่านจึงได้แยกย้ายกับพระอาจารย์มหาทิม เพื่อไปธุดงค์แสวงหาโมกขธรรมตามป่าเขา
    ในการธุดงค์ของหลวงปู่กอง ได้ปลีกวิเวกไปตามป่าเขาลำเนาไพร ตามที่สงบสงัด บางครั้งก็ได้ไปพบกับครูบาอาจารย์และสหายธรรมมากมาย ครั้นเมื่อกลับจากธุดงค์แล้ว ท่านจึงได้ไปจำพรรษาวัดโน้นบ้างวัดนี้บ้าง ตามที่สหายธรรมของท่านได้ชักชวนไป จนกระทั่งในที่สุด หลวงปู่ได้มาจำพรรษาที่วัดสระมณฑลซึ่งเป็นพระอารามเก่าแก่ในสมัยอยุธยา ซึ่งเหลือเพียงโบสถ์และพระพุทธรูปโบราณ วัดมีอาณาเขตเพียงแค่รอบโบสถ์ ล้อมรอบด้วยบ้านเรือนประชาชน
    ในสมัยที่หลวงปู่ออกธุดงค์อยู่นั้น หลวงปู่ได้เดินธุดงค์ไปถึงที่ถ้ำวัวแดง จ.ชัยภูมิ ณ สถานที่นั้นเองที่ท่านได้เจอกับพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งของท่าน ที่ท่านให้ความเคารพเทิดทูนมาก นั่นคือ หลวงปู่เทพโลกอุดร ด้วยความเคารพรัก และบูชาในคุณธรรมของท่าน หลวงปู่จึงได้สร้างรูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดรขนาดใหญ่ ไว้ให้ศิษยานุศิษย์บูชาไว้ภายในโบสถ์ด้วย
    หลวงปู่กอง ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดสระมณฑล จนกระทั่งละสังขาร ในวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๖ สิริอายุได้ ๑๐๔ ปี ๙ วัน ๕๑ พรรษา ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ศิษย์สายลป.เทพโลกอุดร
    ชนวนโลหะ ก็มีทองคำแท้ 9 บ 1 สลึง แผ่นเงินอธิษฐาน 100 แผ่น สมเด็จองค์ปฐมรุ่น2 วัดท่าซุง พระรัตนจักรลปชื้นวัดญาณเสน เหรียญเงินสมัยโบราณ พญาเหล็ก ตะปูสังฆวานร เจ้าน้ำเงิน คตปลวก พระชำรุดกรุศรีเทพ ตะกรุตจักรพรรดิ์หลวงปู่ดู่ ตะกรุตหลวงพ่อกวย และเกจิอาจารย์ต่าง ๆ ทั่วประเทศ

    วิธีการบูชาเหรียญศากยะมุนีพุทธเจ้า และบรมครูเทพโลกอุดร (หลวงปู่ใหญ่)

    ให้มองดูรูปพระศากยะมุนีพุทธเจ้าและหลวงปู่ใหญ่ อาราธนาท่านเข้าสู่กายและใจเรา ให้มีความรู้สึกว่าท่านอยู่ในใจเรา ตั้งนะโม 3 จบ

    ต่อด้วย "อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ" 3 จบ 7 จบ 9 จบ แล้วแต่สะดวก

    แล้วต่อด้วย "โลกุตตะโร จะ มหาเถโร อะหัง วันทามิ ตัง สะทะ เมตตาลาโภ นะโสมิยะ อะหะพุทโธ" 3จบ 7 จบ 9 จบ แล้วแต่สะดวก
    ตั้งจิตอธิษฐาน
    ด้วยบุญกุศล คุณงามความดีที่ได้ตอบแทนพระคุณบิดามารดา และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับเพื่อนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ขอน้อมถวามบูชาพระพุทธเจ้า หลวงปู่ใหญ่ และเทพพรหมเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ที่มารักษาข้าพเจ้า โปรดดลบันดาลให้ข้าพเจ้า.... (แล้วแต่ปรารถนา)
    วัตถุมงคลของหลวงปู่กองนั้น พุทธคุณครบเครื่อง และที่สำคัญ หายาก มีน้อย ออกมาไม่กี่รุ่น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ พร้อมส่งด่วน

    เหรียญพระศรีศากยมุนีหลังหลวงปู่เทพโลกอุดรให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240303_233958.jpg IMG_20240303_233936.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มีนาคม 2024
  13. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,134
    ค่าพลัง:
    +1,142
    โอนแล้วครับ 4/03/67 จำนวน 400 บ. เวลา 10.41 น.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    ท่านเป็นลูกศิษย์เอกและเป็นหลานหลวงพ่อมุ่ย พุทธรักขิตโต วัดดอนไร่ ท่านปลุกเสกเดี่ยว ตามอาจารย์ ถือคติ ชาติเสือต้องไม่ขอเนื้อใครกิน เด่งทางคงกระพันมหาอุด เชื่อขนมกินได้อย่างแน่นอน ท่านเป็นผู้เขียนตะกรุดให้หลวงพ่อมุ่ยวัดดอนไร่เสก เป็นพ่อของหลวงพ่อปั้น วัดเนินมหาเชษฐ์ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับพระสมเด็จฝังตะกรุด 3 กษัตริย์หลวงปู่ถมวัดเนินมหาเชษฐ์ เลี่ยมเก่า
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240303_232905.jpg IMG_20240303_232926.jpg
     
  15. chomkamon

    chomkamon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +340
    จอง
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
    วันนี้จัดส่ง ขอบคุณครับ
    1709546812925.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1709554057905.jpg


    พระพรหมพันมือ หลวงปู่ทองดำ วัดถ้ำตะเพียนทอง ลพบุรี ปลุกเสกปี ๓๕
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240304_184732.jpg IMG_20240304_184809.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1709558403251.jpg




    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่ทองเบิ้มสร้างพระธาตุเจดีย์และเหรียญหลวงปู่ทองเบิ้ม องค์
    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240304_200229.jpg IMG_20240304_200306.jpg IMG_20240304_200147.jpg IMG_20240304_200328.jpg IMG_20240304_200350.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    พระครูวินัยธรมั่น_ภูริทตฺโต.jpg
    เหรียญหลวงปู่มั่นที่ระลึกนมัสการพิพิธภัณฑ์ภูริทัตตะมหาเถระวัดป่าสุทธาวาสสกลนครปี ๒๕๒๑ ศิษย์หลวงปู่มั่น อธิฐานจิต ลป.ขาว ลป.สิงห์ทอง อ.วัน ลป.แว่น และ ท่านอื่นๆ

    ให้บูชา เหรียญละ 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับมี 2 เหรียญ

    เหรียญที่ ๑

    IMG_20240304_223013.jpg IMG_20240304_223038.jpg

    เหรียญที่ ๒

    IMG_20240304_223117.jpg IMG_20240304_223145.jpg
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,406
    ค่าพลัง:
    +21,326
    FB_IMG_1709575357042.jpg
    เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อเช้าของ วันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๘ หนังสือพิมพ์รายวันชั้นนำหลายฉบับรวมทั้ง “อ่านความจริง...อ่านเดลินิวส์” ของท่านผู้อ่านทุกท่านก็เป็นอีกฉบับที่ทำการพาดหัวข่าวตัวโตว่า “นักเรียนยิงครูสาวแล้วฆ่าตัวตายตาม” ส่วนข่าวเนื้อในมีเนื้อข่าวน่าตื่นเต้นดังนี้ “เมื่อเวลา ๑๑.๓๐ น. วันที่ ๔ ม.ค. ๒๕๒๘ “ร.ต.ต.โสรส สุวรรณกูล” นายร้อยเวร สภ.อ. เมืองลพบุรี รับแจ้งมีเหตุ “คนยิงตัวตาย” ที่หน้าร้านขายของเก่า “ธีระพันธ์วานิช” เลขที่ ๑/๒๐-๒๑ ถนนสระแก้ว-ป่าหวาย อ.เมือง จ.ลพบุรี จึงพร้อมด้วย “พ.ต.ท.ชัยณรงค์ ว่องชิงชัย” รอง ผกก. “พ.ต.ท.ปรัชญา สุทธปรีดา” สวญ. และตำรวจจำนวนหนึ่งไปยังที่เกิดเหตุทำการสอบสวนและชันสูตรพลิกศพ พบร่างของนักเรียนหนุ่มซึ่งอยู่ในชุด นักเรียน โรงเรียนวินิตศึกษา นอนหงายจมกองเลือดอยู่ริมถนนทราบชื่อว่า “นายสมศักดิ์ กลิ่นเมฆ” อายุ ๒๐ ปี เป็นนักเรียนชั้น ม.๖/๒ มีบาดแผลถูกยิงที่ “ขมับขวา” ๑ แห่งด้วยกระสุนปืนขนาด .๓๘ กระสุนฝังในโดยที่ข้างตัวด้านขวามือพบปืน “ขนาด .๓๘ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน” ไม่มีหมายเลขทะเบียนตกอยู่ ๑ กระบอก ในรังเพลิงมีปลอกกระสุนเหลืออยู่ ๔ ปลอก และกระสุนอีก ๒ นัด จึงเก็บไว้เป็น หลักฐาน นอกจากนี้พบร่างของ “หญิงสาว” ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาดเดียวกันนั่งฟุบอยู่บนรถยี่ห้อมาสด้า หมายเลขทะเบียน ลพ บุรี ๓๖๖๘ มีบาดแผลที่ “หน้าท้อง” ๑ แห่ง “หัวไหล่ซ้าย” ๑ แห่ง และที่ “กลางหลัง” อีก ๑ แห่ง กระสุนฝังในอาการสาหัสจึงนำตัวส่ง “โรงพยาบาลลพบุรี” ทราบชื่อภายหลังว่า “น.ส.สุชาดา เศรษฐจินดา” อายุ ๒๓ ปี เจ้าของ “โรงเรียนสอนดนตรี” และเป็นลูกสาวเจ้าของเอเย่นต์ขาย รถยนต์มาสด้า จากการสอบสวนได้ความว่าก่อนเกิดเหตุ “นายสมศักดิ์” ผู้ตายได้มีปากเสียงกับ “น.ส.นฤมล จิตเฉย” อายุ ๑๘ ปี ซึ่งเป็น “นักเรียน” โรงเรียนเดียวกันและคบหาเป็นแฟนกันแต่ต่อมา “น.ส.นฤมล” ตีตัวออกห่างเนื่องจาก “นายสมศักดิ์” ทำตัวเกเรไม่ถูกทรรศนะจึงทำให้ “นายสมศักดิ์” โกรธแค้นจึงชักปืนที่ขโมยของพ่อมายิง “น.ส.นฤมล” ๑ นัดในห้องเรียนแต่ “กระสุนด้าน” ช่วงนั้นเพื่อนและ “ครู” ที่เห็นเหตุการณ์ จึงเข้าห้ามแล้วกันให้ “น.ส.นฤมล” หนีไปแจ้งตำรวจ “นายสมศักดิ์” จึงหนีออกจากโรงเรียน ระหว่างเดินอย่างเร่งรีบมาถึงหน้าร้านขายของเก่า “ธีระพันธ์วานิช” ซึ่ง เป็นที่เกิดเหตุและอยู่หน้าบ้านของ “นายกมล ธีระพันธ์วานิช” ซึ่งเป็น “ส.ส.ลพบุรี” อีกด้วยก็พบเห็น “น.ส. สุชาดา” นำของขวัญปีใหม่มามอบให้ “นายกมล” แล้ว กลับไปขึ้นรถเตรียมจะกลับบ้าน

    ช่วงนั้นเอง “นายสมศักดิ์” ที่มีอารมณ์เสียเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงระบายอารมณ์ชักปืนออกมายิง “น.ส.สุชาดา” ๓ นัดซ้อน จนเห็นว่า “น.ส.สุชาดา” ถูกกระสุนปืนฟุบหมดสติไปแล้ว “นายสมศักดิ์” จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกันจ่อที่ขมับด้านขวาของตัวเอง แล้วลั่นกระสุนปืนยิงตัวเองถึงแก่ความตายจากเนื้อข่าวดังกล่าวมี “ข้อเท็จจริง” ที่ผิดไปจาก “ความจริง” บางส่วนผู้เขียนจึงตรงไป “โรงเรียนวินิตศึกษา” ได้พบกับ “คุณครูชูชาติ ลาวัณย์” ที่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมรวมถึงเรื่องราว “อภินิหาร” ที่เกิดขึ้นคือ “กระสุนปืน” ไม่ระเบิดก็เพราะ “น.ส. นฤมล” ผู้ถูกยิงแขวนเหรียญ “หลวงพ่อพระพุทธวรญาณ” ไว้บนคอเพียง “เหรียญเดียว” กระสุนปืนที่จ่อยิงนอกจาก “ลูกปืนไม่ระเบิด” แล้ว “หัวกระสุนปืน” ยังไหลออกมาตกลงกับพื้น โดยเหตุการณ์ในห้องเรียนเกิดขึ้นเพราะ “พิษรักแรงหึง” คือขณะ “คุณครูประไพ พหลยุทธ” กำลังสอนหนังสืออยู่ ๆ “นายสมศักดิ์” ก็ลุกขึ้นยืนแล้วใช้ปืนกระบอกนั้น “ยิงตัวเอง” ถึง ๓ นัดแต่กระสุนไม่ลั่นเพื่อน ๆ และ “คุณครูประไพ” จึงเข้าไปห้ามแต่แทนที่ “นายสมศักดิ์” จะเชื่อฟังกลับหันปากกระบอกปืนยิงเพื่อนอีก “๓ นัด” แต่กระสุนก็ไม่ลั่นเช่นกันเมื่อเป็นเช่นนั้น “นายสมศักดิ์” รีบทำการเปลี่ยนลูกปืนใหม่แล้วหันปากกระบอกปืนจ่อยิง “น.ส.นฤมล” อีก ๑ นัด จากนั้นจึงวิ่งหนีออกจากโรงเรียนไปก่อเหตุระทึกขวัญดังกล่าวข้างต้น ส่วนเหตุที่กระสุนปืนไม่ลั่นในห้องเรียนถึง “๖ นัด” นั้นเป็นเพราะเหตุใด “คุณครูชูชาติ” ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์เล่าเพิ่มเติมว่า ภายในห้องเรียนทุกห้องมีรูปบูชาสักการะของ “พระพุทธวรญาณ” ติดอยู่ทุกห้องจึงคาดว่าคงเป็นด้วยบารมีของ “พระพุทธวรญาณ” ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของ “ครูและนักเรียน” โรงเรียนวินิตศึกษาทุกคนก็เป็นได้ส่วน “น.ส.นฤมล” ซึ่งถูก “นายสมศักดิ์” ใช้ปืนจ่อยิงประชิดตัวแต่ลูกปืน “ไม่ระเบิด” เพียงแต่กระสุนปืนไหลออกมาจากปากกระบอกตกลงข้างตัวก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะบารมีของ “เหรียญหลวงพ่อพระพุทธวรญาณ” รุ่นใหม่ที่เพิ่งแจกให้กับ “เด็กนักเรียนวินิตศึกษา” เพื่อนำไปอาราธนาขึ้นแขวนคอนั่นเองเพราะในนาทีที่ “นายสมศักดิ์” จ่อยิงประชิดตัว “น.ส.นฤมล” มีอาการตกใจสุดขีดพร้อมกับยกมือตัวเองประทับกับอกไปตามสัญชาตญาณและร้องออกมาว่า “หลวงพ่อช่วยด้วย” เพราะในคอของเธอแขวนเหรียญรุ่นใหม่เอี่ยมของ “หลวงพ่อพระพุทธวรญาณ” ซึ่งเป็นเหรียญเล็ก ๆ เพียงเหรียญเดียวเท่านั้น จึงทำให้กระสุนปืนไม่ลั่นแสดงถึงอานุภาพบารมีความศักดิ์สิทธิ์ของ “หลวงพ่อพระพุทธวรญาณ” สามารถปกป้องคุ้มครองรักษาชีวิตให้ “น.ส.นฤมล” รอดพ้นภัยไปได้อย่างอัศจรรย์อย่างยิ่ง
    และอานุภาพความศักดิ์ สิทธิ์ของ “เหรียญหลวงพ่อพระพุทธวรญาณ วัดกวิศรารามฯ ลพบุรี” ไม่เพียงเกิดขึ้นเฉพาะเหตุการณ์ครั้งนี้เท่านั้น บรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อซึ่งได้รับแจกเหรียญจากหลวงพ่อ นำไปอาราธนาใช้แขวนบูชาสักการะประจำตัวต่างมีประสบการณ์กันมาแล้วมากมาย โดยเฉพาะในทางแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุอันตราย ถึงแม้เหรียญของหลวงพ่อจะเป็นเหรียญที่เรียบง่าย มีเพียงรูปของท่านและลายเซ็นไว้ก็ตาม แต่ความเข้มขลังยิ่งใหญ่นักเพราะ
    FB_IMG_1709575364483.jpg
    “หลวงพ่อพระพุทธวรญาณ” เป็นพระผู้มีกิตติคุณในทางคุณงามความดี มีธรรมะแตกฉานเป็นพระราชาคณะผู้ใหญ่ถึงชั้น “รองสมเด็จฯ” ครองเพศบรรพชิตอยู่อย่างสงบวิเวกปฏิบัติธรรมด้วยความบริสุทธิ์และปัญญาญาณของท่าน จึงเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ถ่ายทอดลงในวัตถุมงคลของท่านให้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

    “พระพุทธวรญาณ” (กิตฺติทินฺนเถระ) มีนามเดิมว่า “ทองย้อย บัวอ่อน” เป็นบุตร “นายทิพย์-นางขาว บัวอ่อน” เกิดเมื่อวันจันทร์ที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๘ เริ่มเรียนหนังสือไทยโดยโยมบิดาได้นำไปฝากไว้ที่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมทั้งแผนกธรรมและบาลีจนอายุได้ ๑๖ ปี จึงบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดมหาธาตุฯ อุปสมบทเมื่ออายุ ๒๐ ปี ณ พัทธสีมาวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ โดยมี พระธรรมไตรโลกาจารย์ (เฮง เขมจารี ต่อมาเป็นสมเด็จพระวันรัต) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุฯ ขณะนั้นเป็นพระอุปัชฌายะ พระญาณสมโพธิ (สวัสดิ์ กิตฺติสาโร) วัดมหาธาตุฯ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระศรีสมโพธิ (ฐานทตฺโต) วัดมหาธาตุ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ สอบได้เปรียญธรรมประโยค ๘ ขณะอายุ ๒๖ ปี ล่วงถึงในปี พ.ศ. ๒๔๗๖ สมเด็จพระวันรัต เขมจารีมหาเถระ พระอุปัชฌายะ ได้จัดส่งกลับมาตุภูมิเพื่อบริหารงานคณะสงฆ์จังหวัดลพบุรี จนได้รับสมณศักดิ์ครั้งสุดท้ายเป็นพระราชาคณะชั้นรองสมเด็จในนาม “พระพุทธวรญาณ” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒ นับเป็นพระเถระองค์แรกที่ได้รับพระราชทานราชทินนามนี้ ต่อมาได้ถึงแก่มรณภาพ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ สิริอายุได้ ๘๗ ปี
    FB_IMG_1709575368447.jpg
    “พระพุทธวรญาณ” นับว่าเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ผู้มีบารมีธรรมแห่งลพบุรี นับเป็นปูชนียบุคคลอันสูงค่ายิ่ง ควรค่าแก่การบูชาสักการะตลอดกาลนาน.
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อพระพุทธวรญาณปี๒๕๒๔ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240305_013447.jpg IMG_20240305_013514.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...