เหรียญหล่อหลวงพ่อเก๋วัดแม้น้ำรูปลป.จันทร์ศรีหลังจีวรเกษาเหรียญหลังคาระเบิดลพแช่ม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1702905223316.jpg
    พระผงสุพรรณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุหลวงปู่โพธิ์ ท่านเคยสร้างพระผงสุพรรณรุ่นจงอางศึกในอดีตแจกทหารไทย ไปรบเวียดนาม รุ่นนี้ เป็นอีกรุ่นของท่าน ยุคเก่า
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ


    IMG_20231218_202918.jpg IMG_20231218_202939.jpg IMG_20231218_203053.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ธันวาคม 2023
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระกริ่งพระพุทธอริยทรัพย์ อุดผง
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231219_132546.jpg IMG_20231219_132608.jpg IMG_20231219_133515.jpg IMG_20231219_133535.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1702974454745.jpg
    ประวัติพระครูวิมลชัยสิทธิ (หลวงปู่ล้อม ชยธมฺโม) อายุ 86 ปี พรรษาที่57 พ.ศ. ๒๕๕๙ เจ้าอาวาสวัดไผ่รื่นรมย์ ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
    หลวงปู่ล้อม ชยธมฺโม
    ชื่อเดิม นายล้อม ปั้นประสม
    เกิดวันอังคารที่ 15 เมษายน 2475
    บิดาชื่อ นายน้อย ปั้นประสม
    มารดาชื่อ นางเจริญ ปั้นประสม
    บ้านเดิมอยู่บ้านเลขที่ 107 ท่าเขียวไข่กา แขวงถนนนครชัยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร
    ได้อุปสมบท ณ พัทสีมาในวันที่ 11 มีนาคม 2504
    ณ.วัดโพธิ์เก้าต้น
    พระราชาวรรณเวที วัดเสาธงทอง พระอุปชฌาย์
    พระสมุห์เฉลิม วัดโคกหม้อ พระกรรมวาจารย์
    พระครูโสภิตนิมมานการ วัดโพธิ์เก้าต้น พระอนุสาวนาจารย์
    ฐานะทางสงฆ์
    พ.ศ.2520 ใด้รับการแต่งตั้งเป็นพระปลัด ฐานานุกรมพระครูปราการลักษาภิบาลเจ้าคณะ อำเภอเมือง จ.นครปฐม วัดใหม่ปิ่นเกลียว
    พ.ศ. 2521 เป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่รื่นรมย์ ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม จนถึงปัจจุบัน
    พ.ศ.2526 ใด้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท ราชทินนาม พระครูวิมล ชัยสิทธิ์
    พระเกจิอาจารย์มีสมาธิจิตสูงแก่กล้าถือมักน้อยและสันโดษ เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ปฎิปทาน่าเลื่อมใส มีความเชี่ยวชาญและเก่งกล้าในไสยเวทย์พุทธาคม #เป็นศิษย์ผู้สืบทอดไสยเวทย์พุทธาคมจากหลวงพ่อจง #วัดหน้าต่างนอก จ.อยุธยา #สืบสายวิปัสสนากรรมฐานจากพระอาจารย์จรูญปานจัน แห่งสำนักสงฆ์ถ้ำกระบอก อ.พุทธบาท จ.สระบุรี #เรียนวิชาเวทย์มนต์คาถาจากพระราชวรรณเวฑี วัดเสาธงทอง จ.ลพบุรี หลวงปู่ล้อม ชยธมฺโม เป็นพระเกจิอาจารย์ได้รับนิมนต์ให้เข้าร่วมนั่งปรกปลุกเสกในพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลอยู่เสมอ มีวิชาไสยเวทย์แก่งกล้า แต่ชอบถ่อมตน เป็นที่เคารพและศรัทธาเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนจำนวนมาก เป็นพระเกจิอาจารย์อัธยาศัยน้ำใจดี พบง่ายปฎิบัติต่อพุทธศาสนิกชนที่ไปกราบนมัสการอย่างเสมอเหมือนไม่เลือกที่รักมักที่ชัง กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ
    อัตโนประวัติย่อพอสังเขป
    ท่านพื้นเพเป็นชาวบางกอกในวัยเด็กก็ใช้ชีวิตตามประสาเด็กทั่วไป ศึกษาเล่าเรียนจบ ม.6ที่โรงเรียนโยทินบูรณะ ครั้นเวลาล่วงเกินมาถึงวัยเกณฑ์ทหารก็รับใช้ชาติตามแบบฉบับของลูกผู้ชาย สังกัดราบ11พัน2 หลังปลดประจำการจนวัยล่วงอายุ29ปี ก็มีโอกาสใด้พบเจอหลวงพ่อจง ที่วัดหน้าต่างนอกและใด้ถวายตัวเป็นศิษย์ เมื่อสนิดสนมแล้วหลวงพ่อจงจึงได้ประสิทธ์วิชาเพื่อติดตัวตอนเป็นเป็นฆราวาส จากนั้นก็ใช้ชีวิตอยู่อีกระยะหนึ่งก็เบื่อหน่ายทางโลกจึงเข้าพิธีอุปสมบทในวันที่11พ.ย.2504 มีพระราชวรรณเวที เป็นอุปัชฌาย์ พระสมุห์เฉลิม วัดโคกหม้อ เป็นกรรมวาจารย์ และพระครูโสภิตนิตมานการ วัดโพธิ์เก้าต้น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ใด้รับฉายาว่า ชยธฺมโม ท่านศึกษาพระธรรมวินัยตลอดจนศึกษาพุทธาคมและศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน จากอาจารย์ จรูญ ปานจัน จนมีความรู้พอที่จะออกธุดงค์ท่านจึงกราบลาอุปัชฌาย์ โดยท่านออกธุดงค์วัตรสู่ความวิเวก และครั้นถึงเวลาก็กลับมาปรนนิบัติ รับใช้พระอุปัชฌาย์ อยู่อีกระยะหนึ่ง สลับกับเดินทางไปกราบหลวงพ่อจงอยู่เปินนิด จนใด้รับการถ่ายทอดวิชาและคำชี้แนะต่างๆจากหลวงพ่อจง วันที่18 พ.ค.2508 ท่าน พล.อ.ชา เรืองวิศกรรมใด้มากราบนิมนต์ หลวงพ่อล้อม มาอยู่(บ้านรางลึก)คือบ้านไผ่รื่นรมย์ในปัจจุบัน จากป่ารกร้างจนกลายเป็นที่ก่อตั้งสงฆ์ มีความเจริญขึ้นตามลำดับ จนกลายมาเป็นวัด และใด้วิสุงคามสีมา ในวันที่ 2 ธ.ค.2523
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปภาพอย่างสูงครับ
    FB_IMG_1702974388251.jpg
    เหรียญพระสิวลีหลวงพ่อล้อมวัดไผ่รื่นรมย์ปี 2508 ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ เช่ามาสภาพพระใช้ เลี่ยมแล้ว ผมเก็บไว้นาน ไม่เคยเอามาแขวน
    IMG_20231219_151734.jpg IMG_20231219_151713.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 ธันวาคม 2023
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1702975173381.jpg
    หลวงปู่แผ้ว วัดรางหมัน จ.นครปฐม...
    พระดีที่น่ากราบไหว้
    ประวัติหลวงปู่แผ้ว ปวโร วัดประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน) พระเกจิชื่อดัง เทพเจ้าแห่งเมือง กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม หลวงปู่แผ้ว ปวโร พระเครื่อง-วัตถุมงคลของท่านประสบการณ์ดีเยี่ยม และท่านยังเคร่งครัดในพระธรรมวินัย
    ชาติภูมิของ หลวงปู่แผ้ว ปวโร อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ท่านมีชื่อว่า แผ้ว บุญวัตร ซึ่งเป็นชื่อและสกุลเดิมของ หลวงปู่แผ้ว ปวโร อายุ 85 ปี พรรษา 65 ท่านชื่อเล่น แกละ เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2466 ตรงกับวันพุธ แรม 14 ค่ำ เดือน 11 ปีกุน ณ หมู่บ้านหลักเมตร ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม บิดาชื่อพาน มารดาชื่อ จุ้ย จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 3 จากโรงเรียนวัดหนองม่วง ต.เตาอิฐ อ.บางแพ จ.ราชบุรี และเมื่อท่านอายุได้ 2 ขวบ ทางครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ ต.ทุ่งขวาง อ.กำแพงแสน ยึดอาชีพทำนาเป็นหลัก พ่อแม่ถือเป็นคนใจบุญ สนทนาธรรมะกับพระมิได้ขาด กระทั่งปี 2475 โยมพ่อได้ฝากไปเป็นศิษย์วัดหนองม่วง ต.เตาอิฐ เพื่อให้ได้เรียนหนังสือกับพระสงฆ์ โรงเรียนสมัยนั้นจะอยู่ในวัดและพระเป็นครูสอน เด็กชายแกละจึงอยู่ในความดูแลจากหลวงพ่อหงส์ เจ้าอาวาสวัดหนองม่วง แต่ก็ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน เพราะต้องออกมาช่วยงานทางบ้าน
    อายุ 20 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2486 ณ วัดหนองปลาไหล อ.กำแพงแสน โดยมี พระครูสุกิจธรรมสร(พระอธิการหว่าง ธมมสโร) วัดกำแพงแสน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการปาน อารกฺโฆ วัดหนองปลาไหล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสนั่น วัดหนองปลาไหล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ต่อมาในปี 2497 จำพรรษาอยู่ที่วัดสว่างชาติประชาบำรุง ต.กำแพงแสน มีอาจารย์สุนทร ชิตะมาโร เป็นเจ้าอาวาส
    หลวงปู่แผ้ว ได้ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยอย่างมุ่งมั่น จนสอบได้ถึงนักธรรมเอก หน้าที่รับผิดชอบยังคงเป็นครูสอนพระนักธรรมแก่พระภิกษุและสามเณร ต่อมาเจ้าอาวาสวัดได้ลาสิกขา ตำแหน่งเจ้าอาวาสว่างลง 1-2 ปี ชาวบ้านรวมทั้งพระภิกษุและสามเณรต้องการให้ หลวงปู่แผ้ว ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส แม้หลวงปู่จะไม่ยินดีเท่าใดนัก
    หลวงปู่แผ้ววัดกำแพงแสน ซึ่งหลวงปู่แผ้วได้จำพรรษาที่วัดกำแพงแสน มาตั้งแต่ปี 2502 จนถึงปี 2551 ต่อมาในวันที่ 31 มีนาคม 2551หลวงปู่แผ้วได้ย้ายมาจำพรรษาที่ วัดประชาราษฎร์บำรุง (วัดรางหมัน) ตำบลรางพิกุล อำเภอกำแพงแสน จ.นครปฐม จนถึงปัจจุบัน
    อ.กำแพงแสน

    พระขุนแผนสีหราชเดโชเนื้อผงน้ำมันหลวงปู่แผ้ววัดรางหมันปลุกเสก
    คณะลูกศิษย์ซึ่งเป็นทหารสังกัดค่ายสีหราชเดโชไชย ได้ร่วมกันจัดสร้างถวาย หลวงปู่แผ้ว สมัยจำพรรษาที่วัดกำแพงแสนครับโดยพุทธศิลป์ของพระรุ่นนี้ทำล้อพิมพ์ขุนแผนนางแขนอ่อน พิมพ์เล็ก ของกรุชื่อดังหลายแห่ง ทำให้มีขนาดกะทัดรัดน่าบูชาอย่างยิ่ง ที่สำคัญด้านหลังองค์พระยังนำนามมงคลของ"พระยาสีหราชเดโช" มาเป็นแบบพิมพ์ ซึ่งภูมิเดิม "พระยาสีหราชเดโช"หรือ "พระยาสีหราชเดโชไชย" นั้นมีชื่อเล่นว่า "ทิพย์" เป็นทหารเอกฝีมือระดับพระกาฬในแผ่นดินของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช นอกจากวีรกรรมความกล้าหาญด้านการพุ่งรบของท่าน ยังมีพงศาวดารบันทึกเอาไว้ว่าท่านเป็นผู้มีวิชาอาคมแก่กล้า ใช้มนตราเอาตัวรอดกลับมาจากการถูกข้าศึกจับกุมจองจำในที่คุมขังแน่นหนาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งภายหลังมีการจารึกคาถาล่องหนของ "พระยาสีหราชเดโช" ในบันทึกหนังสือคาถาโบราณ ของ พระครูสิริจันทนิวิฐ (บุญจันทร์ เขมกาโม น.ธ. เอก, ป.ธ. 5, พธ.บ., M.P.A.)เอาไว้ด้วยว่า "พุทธังบังโสต ธัมมังบังโสต สังฆังบังโสต พุทธังบังจักขุ ธัมมังบังจักขุ สังฆังบังจักขุ นะอิสะวาสุ สุสวาอินะ อิกะวิติ ติวิกะอิ อะระหัง สุคะโต ภะคะวา นะโมพุทธายะ นะมิเห็นอิ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ขุนแผนสีหราชเดโชหลวงปู่แผ้วให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    ผมเช่าเก็บไว้นานแล้ว เลี่ยม แล้ว ก็ไม่ได้แขวน รุ่นนี้ น่าจะออกปี2550 ครับ

    IMG_20231219_151624.jpg IMG_20231219_151651.jpg
     
  5. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,979
    ค่าพลัง:
    +6,888
    ขอจองครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    หลวงปู่บุดดา_copy.jpg 1702998701515.jpg
    พระผงรูปเหมือนสองหน้าหลวงปู่บุดดาถาวโรวัดกลางชูศรีเจริญสุขสิงห์บุรีและหลวงพ่อแพวัดพิกุลทองสิงห์บุรี ๒ พระอริยะจังหวัดสิงห์บุรี
    ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231219_220825.jpg IMG_20231219_220849.jpg IMG_20231219_220914.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2024
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระสมเด็จนางพญาพิษณุโลกรุ่น 60 พระอรหันต์พิมพ์ใหญ่เข่าตรง พิธีใหญ่ ยุคนั้น
    ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231219_224829.jpg IMG_20231219_224852.jpg IMG_20231219_224808.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1703001808857.jpg
    หลวงตาพวง สุขนทร์โย (ศษย์หลวงปู่มั
    น)
    พระอริยเจ้าลุ่มน้ำชี วัดศรีธรรมาราม
    อ.เมือง จ.ยโสธรหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ กล่าวถึง หลวงตาพวงชื่อเสียงของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ แห่งวัดบ้านไร่ อำเภอด่านนทด จังหวัดนครราชสีมา ย่อมเป็นที่รู้จักกันดีในสายวงวัตถุมงคลโชคลาภ ของคนไทยทั่วประเทศเพราะด้วยปฏิปทาที่เรียบง่ายสมถะและเมตตาแก่ทุก ๆ คนที่ไปหามิใช่แต่ชาวจังหวัดนครราชสีมาที
    เลื่อมใสและศรัทธาท่าน ชาวยโสธรเอ
    งก็เช่นเดียวกันที่เลื่อมใสศรัทธาในวัตร
    ปฏิบัติ และพากันไปกราบนมัสการ
    หลวงพ่อคูณ เพื่อความเป็นสิริมงคล
    รวมทั้งขอวัตถุมงคลเพื่อคุ้มครองป้อ
    งกันภยันตรายต่าง ๆมิได้ขาด
    แต่ทุก ๆ ครั้งที่ชาวยโสธรไปกราบ
    นมัสการหลวงพ่อคูณนั้น หากท่าน
    ทราบว่าเป็นชาวยโสธรแล้วหลวงพ่อ
    คูณท่านจะไม่ยอมให้วัตถุมงคล และ
    บอกว่าให้กลับไปเอาที่ยโสธร ท่านมัก
    จะพูดว่า "ที่ยโสธรมีคนเก่งกว่ากูมีอีก
    ผมหงอก ๆ ขาว ๆ ที่นั่งอยู่ริมแม่น้ำซีนั่น
    แหละ ท่านหมดกิเลสแล้ว ท่านไม่แสดง
    เฉยๆ กูยังไม่ถึงเท่าท่านเลย ไป"
    เมื่อส่มภาษณ์หลวงตาพวง ถึงเรื่องนี้
    ท่านก็เล่าให้ฟังว่า "ก็เคยได้ยินมาจากจะ
    หมู่บ้านที่อยู่ในเขตของอำเภอพนมไพร
    จังหวัดร้อยเอ็ดญาติโยมหลายสิบคนแล้ว ที่เล่าให้ฟังเหมือนกันว่าเมื่อชาวยโสธรไปกราบหลวงพ่อคูณ ท่านมักจะไล่กลับมาหาหลวงตา"หลวงตาเองก็ไม่เคยได้พูดคุยกับหลวงพ่อคูณสักครั้งเดียว หลวงตาก็เคยไปวัดบ้านไร่มาสองครั้ง แต่ไม่เคยมีโอกาสพูดคุยกับท่านเพราะมีญาติโยมเป็นจำนวนมากจึงไม่มีโอกาสพูดคุยกัน
    หลวงพ่อคูณจะทราบได้อย่างไรก็ไม่
    ทราบหรืออาจเป็นเพราะมีลูกศิษย์เล่า
    ให้ฟังถึงประวัติหลวงตากระมัง"
    ปาฏิหาริย์หลวงตาพวง เดินบิณฑบาตร
    ข้ามแม่น้ำชีมีเรื่องเล่าขานกันในหมู่ชาวบ้านแถบลำน้ำชีอันเป็นที่ตั้งของ วัดศรีธรรมารามซึ่งหลวงตาพวงเคยจำพรรษาอยู่ ฝั่งตรงข้ามของวัดศรีธรรมารามเป็นหมู่บ้า
    นที่อยู่ในเขตของอำเภอพนมไพร
    จังหวัดร้อยเอ็ด ชาวบ้านเล่ากันว่ามีคน
    จังหวัดร้อยเอ็ด ชาวบ้านเล่ากันว่ามีคน
    ออกไปเก็บกับดักหนูที่ดักไว้ในช่วงเช้า
    มืดได้เห็นหลวงตาพวงออกเดินบิณฑบา
    ตโดยเดินบนแม่น้ำาชีจากวัดศรีธรรมา
    รามไปบิณฑบาตในหมู่บ้านฝั่งอำเภอ
    พนมไพรคุณสมจันทร์ โพธิศรี อยู่บ้านเลขที่ 68บ้านกุดกุง (คุ้มหนองแสง) ต. เขื่อนคำอ.เมือง จ. โสธร เล่าให้ฟังเป็นภาษาอิสานว่า "เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2538- 2539 เช้าวันหนึ่งข่อยไปดักหนูป่าแมะ ได้เห็นหลวงตาพวงเพิ่นเดินข้ามแม่น้ำชีไปแมะ ขอยนี้แหละเป็นผู้เห็น
    ท่านเองเลย" (คัดจากหนังสือโลกทิพย์)
    เมื่อถามเรื่องนี้กับหลวงตา หลวงตาก็
    ตอบว่า "เป็นเรื่องของเขาเห็นปรากฎใน
    สายตา หลวงตาไม่ค้าน ไม่ได้ปฏิเสธ
    ขาคงเห็นด้วยสายตาของเขา จะเล่า
    ลืออย่างไร หลวงตาไม่ได้พูด ไม่ได้อวด
    อะไร" แล้วหลวงตาก็เปลี่ยนเรื่องพูดถึง
    เรื่องหมู่บ้านในฝั่งอำเภอพนมไพรว่า
    "หลวงตาก็รับนิมนต์ไปสวดหรือไม่ก็ฉัน
    ที่หมู่บ้านฝั่งนี้เป็นประจำทุกวันออก
    พรรษาชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ก็พากันมา
    มอบกายถวายตัวเป็นลูกศิษย์ มากราบ
    ขอพรเพราะพวกเขาไม่มีที่พึ่งในหมู่บ้าน
    เขาจึงมาพึ่งหลวงตา เมื่อมีการงานอะไร
    พวกเขาก็มาช่วยเสมอ ๆ แม้แต่มาอยู่ที่
    วัดป่าใหม่นิคมพัฒนาราม พวกเขาก็ยัง
    มา"
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนหลวงตาพวงปลุกเสกอธิษฐานจิตไตรมาส 2540 ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231219_230551.jpg IMG_20231219_230614.jpg IMG_20231219_230527.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    get_auc1_img (11).jpeg get_auc3_img (14).jpeg

    วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม เป็นวัดที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์โตมาจำพรรษา และสร้างพระหลวงพ่อโตไว้ พระสมเด็จรุ่นฉลองอุโบสถ ผสมผงเก่าอีกทั้งมวลสารมากมาย สร้างตามสูตรสมเด็จพุฒาจารย์โต มีพิธีพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ องค์นี้พิมพ์ประธานใหญ่ ด้านหลังปั๊มตราวัด พร้อมกล่องเดิม สวยงาม พระสมเด็จ รุ่นฉลองอุโบสถ ปี 37 หลังปั๊มตราโบสถ์ พุทธาภิเษก 17 ม.ค. 37 วัดอินทรวิหาร รุ่นฉลองอุโบสถหลังใหม่ วัดอินทรฯ ผสมผงอิทธิเจของหลวงปู่ภู ที่พบบนเพดานโบสถ์หลังเก่าที่รื้อสร้างใหม่
    พระสมเด็จหลวงปู่ลำภูพิมพ์พระประธานใหญ่วัดอินทร
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ



    IMG_20231220_152240.jpg IMG_20231220_152307.jpg IMG_20231220_152212.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1703068601267.jpg
    พระครูสิริบุญาเขต (หลวงพ่อมี จิตฺตธโม) วัดม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
    พระเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์อยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด และเมตตามหานิยม บริสุทธิ์ผ่อง
    แผ้วทั้งทางโลกและทางธรรม ถือมรรคน้อยสันโดด ไม่ยึดติดในโลก โกรธหลง มีญาณสมบัติแก่กล้า พูดน้อยใจดี มีศีลบริสุทธิ์
    ปฏิปทาน่าเลื่อมใส เป็นพระสุปฏิปันโนที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ
    เป็น ศิษย์สืบทอดไสยเวทย์สายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จากหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งหลวงพ่อซวง พระอาจารย์ของหลวงพ่อมีองค์นี้เป็นพระเกจิอาจารย์มีชื่อเสียงมากที่สุดองค์ หนึ่งของเมืองไทย ท่านมีสมาธิจิตและบุญญาบารมีสูงแก่กล้า วัตถุมงคลของท่านทุกอย่างศักดิ์สิทธิ์แน่นอนตอนละสังขารได้อธิษฐานร่างเป็น หินและ
    เผาไม่ไหม้ หลวงพ่อมีได้ศึกษาวิชาและปฏิบัติดูและรับใช้หลวงพ่อซวงจนถึงวันที่ท่านละสังขาร
    และ เป็นศิษย์สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ศึกษาวิชาหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จากหลวงพ่อเต๊ะ วัดม่วงคัน ด้วยความเชี่ยวชาญแตกฉานขมังเวทย์ในพุทธาคม ทำให้วัตถุมงคลทุกรุ่นของหลวงพ่อมีประสบการณ์ชัดเจน พิสูจน์กันมาแล้วมากมาย
    ประวัติ
    นาม เดิม นายบุญมี ขอผึ้ง ถือกำเนิด ณ บ้านม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2470 เป็นบุตรคนโตในจำนวนทั้งหมด 6 คนคือ 1. หลวงพ่อมี 2. นายเพี้ยน 3.นางบาง 4. นางเชิด 5. นายช่วย 6. นายชอบ ของโยมพ่อชั้น และโยมแม่เจียก
    เรียนจบการศึกษา ป.4 ที่โรงเรียนม่วงคัน หลังจากนั้นได้มาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรมทำนา
    อุปสมบท เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ณ พัทธสีมาวัดม่วงคัน วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 โดยมี หลวงพ่อนุ่ม ธมฺมกาโม วัดนางใน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทรง วัดศาลาดิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อชม ธมฺมธีโร วัดนางใน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “จิตฺตทโม”
    ครั้นอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางใน 4 พรรษา จำพรรษาอยู่วัดชีปะขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อยู่กับหลวงพ่อซวง 2 พรรษา แล้วก็มาจำพรรษาอยู่วัดม่วงคัน ได้เดินทางไปมาหาสู่วัดนางใน และวัดชีปะขาวอยู่เสมอมา
    การศึกษาพุ ทธาคม ไสยเวท มนต์คาถา เริ่มจากการเดินทางไปจำพรรษาอยู่วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ได้อยู่ใกล้ชิดปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อนุ่ม
    หลวง พ่อนุ่มเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในวิชาไสยศาสตร์เวทมนต์คาถามาก ท่านเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ และสืบทอดวิชาไสยเวทจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี และสืบทอดวิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง พระอาจารย์ที่หลวงพ่อนุ่มเล่าเรียนมา แต่ละองค์ล้วนวัตถุมงคลมีค่านิยมหลักหมื่นต้นๆ ถึงหลักแสน สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อนุ่มเหรียญรุ่น 1 เล่นหากันราคาหลายหมื่น เบี้ยแก้เล่นหาราคาสูง และหายากทั้งเหรียญและเบี้ยแก้มีประสบการณ์มาก
    หลวง พ่อนุ่มวัดนางในพระอาจารย์ของหลวงพ่อมี วัดม่วงคันองค์นี้ มีไสยเวท มนต์คาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ขึ้นชื่อได้แก่พระคาถาทำผงเรียกว่า “มนต์พระสังข์” ซึ่งเป็นสุดยอดเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ สิริมงคล โชคลาภ ใช้เรียกทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา เป็นที่ขึ้นชื่อและมีประสบการณ์ทันตาเห็น
    แม้ ในครั้งยุคที่หลวงพ่อนุ่ม เวลาวัดมีงานปีและงานบุญ ท่านจะใช้แป้งเสกผงไปโรยบริเวณรอบวัด ตกกลางคืนผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศจนเบียดเสียดต้องดันกันเข้าบริเวณวัด ทุกครั้งไป เป็นที่ขึ้นชื่อว่าในอำเภอวิเศษไชยชาญไม่มีวัดไหนมีผู้คนมางานมากเท่าวัดนาง ใน
    หลวงพ่อมีได้ขอศึกษาเรียนวิชาไสยเวทจากหลวงพ่อนุ่มจนจบสิ้น ในลำดับแรกท่านได้สอนวิชาทำสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ถ่ายทอดวิชาจุพลังคุณ พระคาถาผงมนต์ พระสังข์ ทำเบี้ยแก้ มหาอุด คงกระพันชาตรี เมตตาค้าขาย ทำน้ำมนต์แก้คุณไสย ขับภูตผี ทำตะกรุด ทำผงปถมังอิทธิเจ ตรีนิสิงเห และผงมหาราช หน้าพระลักษณ์
    เมื่อ ศึกษาจบสิ้นแล้ว ได้ลาพระอุปัชฌาย์ออกธุดงค์มุ่งสู่อำเภอพุทธบาทผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ขอนแก่น สกลนคร พระธาตุพนม จ.นครพนม สู่ประเทศลาว แล้วกลับมาทางนครราชสีมา เขาปักธงชัย จ.นครนายก ต่อไปวัดยางมณี อ.วิเศษไชยชาญ เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชาสะกดสัตว์ร้ายจากท่านพระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) ท่านเชี่ยวชาญเรื่องวิชาป้องกันสัตว์ร้าย วิชาทำข้อกำไลแขน เชือกผูกเอว ผูกแขนป้องกันสัตว์ร้ายได้สารพัด
    เมื่อได้เรียนวิชา แล้วก็ลาหลวงพ่อชวน จากวัดยางมณีไปกราบนมัสการหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว 2 พรรษา ได้ขอศึกษาไสยเวทพุทธาคมจากหลวงพ่อซวง หลวงพ่อซวงได้ถ่ายทอดให้จนหมดสิ้น
    พ.ศ. 2500 หลวงพ่อมี จิตฺตทโม ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดม่วงคัน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์เมื่อปี พ.ศ. 2513 ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอกพิเศษในนามพระครูสิริบุญเขต เมื่อปี พ.ศ. 2542 จวบจนปัจจุบัน

    ประวัติพระครูสิริบุญเขต (หลวงพ่อมี จิตฺตธโม) อายุ 81 ปี พรรษาที่ 61 เจ้าอาวาสวัดม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง พระ เกจิอาจารย์ขมังเวทย์ ด้านอยู่ยงคงกระพันชาตรี แคลัวคลาด เมตตามหานิยม มหาอุต สิริมงคล โชคลาภ มีญาณสมาบัติแก่กล้า ปฏิปทาหน้าเลื่อมใส เป็นพระสุปฏิปัณโน ที่กราบได้อย่างสนิทใจ
    ชาติภูมิ หลวงพ่อมี มีนามเดืมว่า บุญมี ขอผึ้ง ถือกำเนิดเมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2470 เป็นบุตรคนใดในจำนวนทั้งหมด 6 คนคือ 1.หลวงพ่อมี 2.นายเพี้ยน 3.นางบาง 4.นางเชิด 5.นายช่วย 6.นายชอบ ของโยมพ่อชั้น โยมแม่เจียก ณ บ้านม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง จบการศึกษา ป.4 ที่โรงเรียนม่วงคัน เมื่อจบการศึกษาแล้วได้มาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรมทำนา
    อุปสมบท ครั้นอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดม่วงคัน เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2491 โดยมีหลวงพ่อนุ่ม ธฺมมาราโม วัดนางในเป็นอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทรง วัดศาลาดินเป็นพระธรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อชม ธมฺธีโร วัดนางในเป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลวงพ่อมีได้รับฉายาว่า จิตฺตธโม ครั้นอุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่วัดนางใน 4 พรรษา จำพรรษาอยู่วัดชีประขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อยู่กับหลวงพ่อซวง 2 พรรษา แล้วก็มาจำพรรษาอยู่วัดม่วงคัน ได้เดินทางไปมาหาสู่ วัดนางในและวัดชีปะขาวอยู่เสมอมา
    การศึกษาพุทธาคม ไสยเวทย์มนต์คาถา หลวงพ่อมี จิตฺตธโมนั้น เริ่มจากการเดินทางไปจำพรรษาอยู่วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง อยู่ใกล้ชิดปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อนุ่ม หลวงพ่อนุ่มเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญ ในวิชาไสยศาสตร์คาถามาก ท่านเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมจากาหลวงพ่อเดิมวัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ และสืบทอดวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อิ่มวัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี และสืบทอดวิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าจากหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ซึ่งพระอาจารย์ที่หลวงพ่อนุ่มเล่าเรียนมา แต่ละองค์ล้วนแต่มีวัตถุมงคลที่มีค่านิยมหลักหมื่นต้น ๆ ถึงหลักแสน สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อนุ่ม เหรียญรุ่น1 เล่นหากันราคาหลายหมื่น เบี้ยแก้ เล่นหากันราคาสูงและหายากทั้งเหรียญและเบี้ยแก้มีประสบการณ์มาก หลวงพ่อนุ่มวัดนางในพระอาจารย์ของหลวงพ่อมี วัดม่วงคันองค์นี้มีไสยเวทย์มนต์คาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ขึ้นชื่อได้แก่พระคาถาทำผงเรียกว่า "มนต์พระสงข์" ซึ่งเป็นสุดยอดเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ สิริมงคล โชคลาภ ใช้เรียกทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา เป็นที่ขึ้นชื่อและมีประสบการณ์ทันตาเห็น แม้ในครั้งยุคที่หลวงพ่อนุ่ม เวลาวัดมีงานปีและงานบุญ ท่านจะใช้แป้งเสกผงไปโรยบริเวณรอบวัด ตกกลางคืนผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ จนเบียดเสียดต้องดันกันเข้าบริเวณวัด ทุกครั้งไป เป็นที่ขึ้นชื่อว่าในอำเภอวิเศษไชยชาญไม่มีวัดไหนมีผู้คนมางานมากเท่าวัดนาง ใน หลวงพ่อมีได้ขอศึกษาเรียนวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อนุ่มจนจบสิ้น
    ประสบการณ์ เหรียญเสมารุ่น1 มีประสบการณ์ปืนยิงไม่ออก ได้เกิดเหตุยิงกันในวันงานยกช่อฟ้าอุโบสถ วัดม่วงคัน มีวัยรุ่นไล่ยิงกันมาอีกฝ่ายวิ่งหนี อีกฝ่ายถือปืนวิ่งตาม คนวิ่งหนีเข้าไปในร้านค้าป้าหวุย เป็นร้านค้าอยู่หน้าวัดม่วงคัน หนีออกทางประตูหลังร้าน ในขณะเดียวกัน ลูกชายป้าหวุยเจ้าของร้านไม่รู้เรื่องได้เดินสวนออกมา วัยรุ่นที่ถือปืนตามมา คิดว่าเป็นพวกออกมาจะต่อสู้จึงได้ยิงด้วยปืน .38 ทันทีหลายครั้ง แต่กระสุนด้านยิงไม่ออก ลูกป้าหวุยโดนยิงแต่กระสุนไม่ออกได้แขวนเหรียญเสมารุ่น1 หลวงพ่อมีอยู่ในคอเหรียญเดียว ชื่อนายจิมมี่ แสงอำนาจเจริญ เป็นบุตรชายของป้าหวุย แสงอำนาจเจริญ เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างงานผู้คนมากมายรู้กันทั้งตำบล และมีประสบการณ์อีกหลายครั้ง
    ครั้งที่ 2 เกิดเรื่องยิงไม่ออกอีก เกิดในคืนวันงานผูกพัทธสีมาผังลูกนิมิต วัดม่วงคันในปีพ.ศ.2541 ตำรวจนอกเรื่องแบบ อดีตเป็นตำรวจอยู่ประจำสน.รำมะสักได้ย้ายไปอยู่สน.อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ได้มาเที่ยวงานวัด มากินอาหาร ดื่มสุราที่ร้านเบียร์สดหน้าวัดจนเมามาย ได้พบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.รำมะสักที่คุ้นเคยรู้จักกัน อยู่ในชุดเครื่องแบบรักษาการอยู่ได้โซเซเข้าไปชักชวนมาร่วมดื่มสุราด้วย ตำรวจในชุดรักการอยู่บอกปฏิเสธว่า "มึงไม่รู้เรื่องหรือ กูกำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่" เท่านั้นแหละ ตำรวจนอกเครื่องแบบที่เมาสุราไม่พอใจ กระโดดเข้าชกต่อย เกิดการต่อสู้กัน ตำรวจนอกเครื่องแบบได้ชักปืนออกมาแล้วยิง แต่กระสุนด้านยิงไม่ออก เหตุเกิดขึ้นในงานใกล้ปากประตูเข้าวัด มีผู้คนรู้เห็นมากมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกยิงไม่ออก มีเหรียญเสมารุ่น1 หลวงพ่อมี ห้อยคออยู่เหรียญเดียว
    และอีกประสบหนึ่งมีชาวบ้านห้อยแขวนเหรียญเสมา รุ่น1 นี้อยุ่ในคอเหรียญเดียว ถูกรถชนกระเด็นไปหลายวา ไม่ได้รับบาดเจ็บหรือแม้นเลือดออกแม้แต่หยดเดียว รอดชีวิตมาได้อย่างปฏิหารย์ เหรียญเสมารุ่น1 นี้ ออกแจกให้ชาวบ้านและศิษย์จำนวน 5,000 เหรียญออกในปีพ.ศ.2514 เป็นเนื้อทองแดง เนื้อเดียว ได้ปลุกเสกอธิฐานจิตโดยหลวงพ่อมี องค์เดียว เหรียญรุ่น1 นี้ค่อนข้างหายาก ชาวบ้านต่างหวงแหน
    https://palungjit.org/threads/ประสบการณ์และอภินิหาร-หลวงพ่อมี-จิตฺตธโม-วัดม่วงคัน-จ-อ่างทอง.245239/
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อบุญมีวัดม่วงคันปี๒๕๔๑ให้บูชา
    200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20231220_173948.jpg IMG_20231220_174022.jpg IMG_20231220_173915.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2023
  11. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,979
    ค่าพลัง:
    +6,888
    ขอจองครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1703110113730.jpg 1703109874137.jpg
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่หารุ่น ๑ ผงไดโนเสาร์ ปี๒๕๔๔ ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231221_050309.jpg IMG_20231221_050333.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2023
  13. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,979
    ค่าพลัง:
    +6,888
    ขอจองครับ
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343


    ประวัติพระโสภณสมุทรคุณ (หลวงพ่อทองหล่อ)

    1703114093106.jpg


    - นามเดิม ทองหล่อ นามสกุล พลูเจริญ

    - เกิดวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๐

    - ณ. บ้านเลขที่๒๙หมู่ที่ ๙ ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ

    - บิดาชื่อ ยิว มารดาชื่อ ทองสุข

    - ก่อนจะมาอุปสมบท เรียนจบชั้น ม.๖ จากโรงเรียนอิสระนุกูล

    - อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดคันลัด ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๐๗ พระศรีสมุทรคุณ เจ้าคณะอำเภอพระประแดง วัดท้องคุ้ง เป็นพระอุปัชฌาย์ (ตำแพน่งปัจจุบัน คือ พระราชวิริยาภรณ์ เจ้าคณะจังหวัดสมุทรปราการวัดกลางวรวิหาร) พระครูอุทัยธรรมสาร วัดทรงธรรมวรวิหาร (ปัจจุบันคือ พระราชวิสารทะ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระพระอธิการบรรจง วรจิตฺโต วัดคันลัด เป็นพระอนุสาวนาจารย์



    - จบการศึกษา น.ธ.เอก เมื่อปีพ.ศ. ๒๕๐๙

    - ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดคันลัดเมื่อวันที่๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๒

    - เป็นรองเจ้าคณะตำบลตลาด เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๖

    - เป็นเจ้าคณะตำบลตลาด เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๘

    - เป็นพระวินัยธร พ.ศ. ๒๕๑๖

    - เป็นพระปลัด พ.ศ. ๒๕๑๘

    - เป็นพระครูปลัด พ.ศ. ๒๕๑๘

    - เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ. ๒๕๒๙

    - เป็นพระครูสมุทรพัฒนโสภณ พ.ศ. ๒๕๒๙



    พระครูสมุทรพัฒนโสภณ เป็นเจ้าอาวาสวัดคันลัดองค์หนึ่งที่ได้สร้างความเจริญในทุกๆด้านให้แก่วัด คันลัด เป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าขอบันทึกไว้เพื่อ อนุชนรุ่นหลังจะได้ทราบประวัติอย่างแท้จริงทั้งทางด้านการก่อสร้าง การปกครอง และคุณธรรม ของท่านในฐานะที่ข้าพเจ้าผู้บันทึก เป็นทั้งศิษย์ และเป็นทั้งผู้ที่อยู่วัดนี้มานาน ตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๐๔ จนถึงปัจจุบัน เพราะฉะนั้นต่อไปนี้จะเป็นการเขียนเรื่องบันทึกเรื่องราว เป็นข้อเป็นตอน และเกร็ดประวัติต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดคันลัด และประวัติของท่านตามความเป็นจริงต่อไปนี้



    *ด้านการก่อสร้างวัด*

    วัดคันลัดในสมัยที่พระครูสมุทรพัฒนโสภณ เป็นเจ้าอาวาสใหม่ๆอยู่นั้น อยู่ในอาการทรุดโทรม อุโบสถก็ชำรุดเสียหาย เวลาจะลงอุโบสถ หรือบวชนาคแต่ละครั้ง จะเปิดประตูโบสถ์ก็แสนยาก เพราะกลัวจะหลุดลงมา พื้นโบสถ์ภายในก็ร้าวแตกทรุด ผนังปูนของโบสถ์ก็หมดอายุผุกร่อน หลังคาก็รั่วพระพุทธรูปเก่าๆในโบสถ์ก็โดนขโมยอยู่ตลอดเวลา เพราะประตู หน้าต่างไม่แข็งแรง ท่านจึงมีดำริที่จะสร้างอุโบสถใหม่ โดยไม่เอาที่เดิมเพราะติดถนน ท่านเล็งเห็นในอนาคตว่าต่อไปการคมนาคมจะเจริญ รถราก็จะมาก เสียงของรถยนต์ก็จะดังทำให้ไม่สงบในเวลาจะทำสังฆกรรม ท่านจึงย้ายมาสร้างทางสระน้ำ โดยระยะแรกก็มีเงินทุนเพียงนิดหน่อยเท่านั้น



    ในสมัยพ.ศ.๒๕๑๖ ค่าของเงินยังแพง แต่ชาวบ้านก็ยังไม่รวยทรัพย์สินกันเหมือนในปัจจุบัน แต่อาศัยที่ท่านตั้งใจจริง และชาวบ้านเห็นว่าท่านทำจริง ศรัทธาก็หลั่งไหลมาไม่ขาดสาย อุโบสถหลังใหม่

    ก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีสวยงาม ทำการผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิตได้ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ท่านเป็นเจ้าอาวาส

    ใน พ.ศ. ๒๕๑๒ สร้างโบสถ์ใน พ.ศ. ๒๕๑๖ ใช้เวลาเพียง ๒ ปี ก็สำเร็จ นี้มิใช่ของง่ายเลย ที่เจ้าอาวาสใหม่ๆจะทำได้เพราะเป็นงานที่จะต้องใช้ปัจจัยมาก ในระยะปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ท่านก็มีโครงการย้ายกุฏิสงฆ์เสียใหม่ เพื่อให้เข้ารูปเข้ารอย เป็นระเบียบสวยงามโดยทำการถมที่สวนหลังวัด ปรับปรุงที่ให้เรียบ แล้วเอากุฏิมาไว้ด้านหลัง ดังที่เห็นในปัจจุบันนี้ เป็นลักษณะตัวยู และมีหอฉันท์หอสวดมนต์ อยู่ตรงกลาง กุฏิทำเป็น ๒ ชั้น เรือนโบราณครึ่งตึก

    ในปี พ.ศ. ๒๕๒๒ ได้มีผู้มีจิตศรัทธาคือ พ.ต.หญิง สุชาดา อติวรรธนะ ได้สร้างเมรุเผาศพถวาย พร้อมทั้งศาลาสวดศพ อีก ๒ ศาลา และของนายสงกรานต์ ศรหิรัญ กับ นางแหวน แก้วคะนอง สร้างร่วมกันอีก ๑ ศาลา หอระฆังเก่าชำรุด และย้ายจากสถานที่เดิมโดยการชักลากไป อยู่ริมกำแพงโบสถ์เพื่ออนุรักษ์ของเก่าไว้ และได้สร้างหอระฆังหลังใหม่ขึ้น โดยผู้มีจิตศรัทธาคือ นางบู่ ทองเจริญ สร้างอุทิศให้กับตระกูล “แก้วคะนอง” โดยสรุปแล้ววัดคันลัดนี้ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เหมือนสร้างวัดขึ้นมาใหม่เลยก็ว่าได้ในสมัยของพระครูสมุทรพัฒนโสภณนี้ และยังมีโครงการสร้างและกำลังสร้างอยู่อีกหลายอย่าง

    อย่างในปีนี้ พ.ศ.๒๕๓๕ ก็มีผลงานการก่อสร้างที่สำเร็จลุล่วง อีก ๒ ชิ้น คือ กุฏิสงฆ์หลังใหญ่ที่กำลังจะเสร็จแล้วในปีนี้ ในบทต่อไปนี้ก็จะบรรยายถึงเกร็ดย่อยในประวัติของท่านบ้าง และประวัติของวัดบ้าง โดยจับเป็นลักษณะเป็นตอนๆ ดังต่อไปนี้

    *ด้านการศึกษาวิทยาคม*

    ในการด้านการศึกษาวิทยาคมของหลวงพ่อพระครูสมุทรพัฒนโสภณนั้น ท่านได้ศึกษากับอาจารย์ดัง ๆ หลายรูป ตลอดจนฆราวาสจอมขมังเวทต่าง ๆ อีกนับไม่ถ้วน เท่าที่ข้าพเจ้าผู้บันทึกพอจะจำได้ก็มี

    ๑. พระอุปัชฌาย์เชย อดีตเจ้าอาวาสวัดคันลัด ในตอนนั้นท่านพระครูสมุทรพัฒนโสภณ เป็นศิษย์วัดอยู่ ซึ่งพระอุปัชฌาย์เชย อดีตเจ้าอาวาสวัดคันลัดผู้นี้ มีชื่อเสียงมากในด้านการเทศน์ ภาษารามัญ ในขบวนพระรามัญด้วยกันแล้วยังไม่มีผู้ใดเทศน์ได้เพราะเช่นท่านอีกเลย เดี๋ยวนี้ยังมีศิษย์ที่เคยมาเรียนเทศน์กับท่านหลงเหลืออยู่เพียงองค์เดียว คือ ท่านพระครูสิทธิเดชะ แห่งวัดชนะสงคราม กทม. ซึ่งสมัยท่านเป็นสามเณรจากบ้านแพ้ว สมุทรสาคร มาเรียนเทศน์รามัญกับท่าน พระอุปัชฌาย์เชย แห่งวัดคันลัดนี้ ถ้าผู้ใดรู้จักท่าน พระครูสิทธิเดชะ กรุณาสอบถาม ท่านเองจะได้รายละเอียด ก็ว่าผู้บันทึกเพราะท่านเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดท่านพระอุปัชฌาย์เชย ท่านมีพระเวทย์อยู่บทหนึ่ง คือ คาถาเรียกลาภ ในสมัยท่านมีชีวิตอยู่ท่านถามลูกศิษย์ว่า “เอ็งอยากจะกินอะไร” พอลูกศิษย์บอกว่าอยากกินสิ่งนั้นๆ ท่านจะเอามือมาลูบศีรษะท่านแล้วภาวนาภาถา พอถึงเวลาเพล จะต้องมีคนเอาของสิ่งนั้นๆ มาถวาย ข้าพเจ้าผู้บันทึก เคยได้พระภาถาบทนี้จาก (ครูโปร่งจอกลอย) อดีตครูใหญ่ โรงเรียนวัดคันลัดในสมัยนั้น ปัจจุบันนี้ท่านคงมีอายุประมาณ ๗๐ ปีกว่าแล้ว ครูโปร่งท่านบอกว่า เป็นคาถา หลวงพ่อเชย เป็นคาถาเรียกลาภ หรือจะเรียกว่าลาภปากก็ได้ คือเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกิน

    คาถานี้ว่า “โอมฉิมพาลี จะมหาเถโร สุระโน โตระโห ปีณฑะปาโต นะชาลีติ” หลวงพ่อพระครูสมุทรพัฒนโสภณ ท่านก็เป็นศิษย์ก้นกุฏิ ท่านก็ต้องได้รับการถ่ายทอดสิ่งต่างๆของ พระอุปัชฌาย์เชยไว้มากมาย เมื่อวันไหว้ครูของท่าน เมื่อเร็วๆมานี้ ท่านก็ได้เอาตำราเก่าในการเคี่ยวน้ำมันมนต์หงษาของอุปัชฌาย์เชยมาทำ ตำรานี้ได้มาจากพระครูบรรจง อดีตเจ้าอาวาส รูปต่อมาจากอุปัชฌาย์เชย

    “ส่วนผสมน้ำมันมนต์หงษา”

    ๑.น้ำมันงา ๑ ลิตร

    ๒.กานพลู ๑๐๘ เม็ด

    ๓.ตะกั่ว ๑ ชั่ง

    ๔.เจ็ดตะมูลเพลิงพอประมาณ

    วิธีเคี่ยวน้ำมันนั้นผสมกลับไปกลับมา จนหว่าตะกั่วกับน้ำมันจะเข้ากันดีแล้ว ถึงใส่กานพลู-เจ็ดตะมูลเพลิง แช่น้ำมันใส่ไว้ในปี๊บ แล้วนำไปเศกด้วย “สัมพุทเธ” ๑๐๘ จบ สรรพคุณนั้นไม่ต้องบรรยาย ถ้า แขน-ขา หักหรือเดาะใช้ทาชะงัดดีนัก



    ๒. พระอธิการเผือก โสภิโต อดีตเจ้าอาวาสวัดจากแดง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ หลวงพ่อพระครูสมุทรพัฒนโสภณมีความสนิทสนมและใกล้ชิด เรียกท่านว่าหลวงตาเผือก ปลัดขิกของหลวงตาเผือกท่านดังมาก หลวงตาเผือกองค์นี้ท่านสำเร็จผงมหาราช ท่านเก่งในทางทำผงลบสูตงผงต่างๆ มี ปฐมัง-อิทธิเจ-มหาราช ท่านเป็นหมอยาด้วย และที่สำคัญคือ วิชาปราบผีเข้าเจ้าสิง ท่านเก่งมาก

    ๓. พระครุคำ ปุญญาโส อดีตเจ้าอาวาสวัดบางขมิ้น อ.พระประแดง จ. สมุทรปราการท่านได้ศึกษากับพระครูในทางด้านคงกระพัน คือพระครูคำนี้เก่งมากในทางด้านคงกระพันชาตรี นักมวยแถว อ.พระประแดง ในสมัยนั้นก่อนจะขึ้นชก นิยมมาหาท่านลงกระหม่อม พอลงเสร็จท่านจะบอกว่า รับรองไม่มีแตก แต่บวมหรือปูดไม่รับรอง พระครูคำองค์นี้ท่านชอบมวยมาก เวลาท่านมรณภาพไปแล้ว ตอน ฌาปกิจศพท่าน ยังต้องมีมวยชกถวายหน้าไฟด้วย คาถาประจำตัวของท่านคือ “อิ กะ วิ ติ” เหรียญรุ่น ๑ พ.ศ. ๒๕๑๔ และเหรียญรุ่น ๒ พ.ศ. ๒๕๑๗ เหรียญของท่านทั้ง ๒ รุ่นท่านท้าให้ทดลองได้เลย

    ๔. อาจารย์ซ๊อก แห่งเมืองลพบุรี ท่านนี้เป็นฆราวาสจอมขมังเวทย์ ท่านเก่งในด้านเมตตามหานิยมมาก ข้าพเจ้าเคยเห็นท่านลงนะหน้าทองได้อย่างหน้าอัศจรรย์ และยงอิทธิเจของท่านเยี่ยมยอดจริงๆ

    ๕.พระครุสมุห์เล็ก วัดหลักสี่ดอนเมืองหลวงพ่อพระครูสมุทรพัฒนโสภณ ได้รับการถ่ายทอดวิทยาคมจากพระครูสมุห์เล็กไว้แบบหมดไส้หมดพุงทีเดียว พระครูสมุห์เล็กนี้ท่านเก่งในด้านการถอนของขับไล่ภูตผีปีศาจ ขนาด ตี๑ ตี๒ ยังมีคนมาขอให้ท่านรดน้ำมนต์



    ๖. หลวงปู่พริ้งวัดคลอง ๑๕ จ.นครนายก หลวงปู่พริ้งองค์นี้มรณภาพไปแล้ว ท่านเก่งมากในเรื่องเครื่องราง คือ ตะกรุดไม้ไผ่ยอดด้วน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ท่านก็ได้ถ่ายทอดวิชาให้หลวงพ่อพระครู สมุทรพัฒนโสภณ ไว้หลายอย่างหลายประการ

    ๗. อาจารย์ชูศักดิ์ พุทธิริยา ฆราวาสผู้เชี่ยวชาญ ลัทธิพราหมณ์ ท่านผู้นี้คลุกคลีกับหลวงพ่อพระครูสมุทรพัฒนดสภณ อย่างมากและยาวนานจนถึงแก่กรรมไป หลวงพ่อได้รับการถ่ายทอดตำรับตำราของอาจารย์ชูศักดิ์ มาทุกอย่าง เกี่ยวกับเรื่องเทพ เรื่องพระเวทย์บูชาครู เรื่องการตั้งศาลพระภูมิ หรือพิธีกรรมต่าง ๆ อาจารย์ชูศักดิ์ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อครื้น วัดสังโฆ หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง นนทบุรี และเป็นเจ้าพิธีในการแห่เจ้าแม่กาลี ที่วัดศรีอุมาเทวีที่สีลมเป็นประจำทุกปี

    เท่าที่ได้เอ่ยนามของเกจิ อาจารย์ต่าง ๆ ที่หลวงพ่อได้รับความเมตตาจากท่านที่ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมมา มีที่ยังมีชีวิตอยู่ และล่วงลับดับันธ์ไปแล้วก็หลายองค์ ส่วนที่ยังอีกมากมาย ข้าพเจ้าผู้บันทึกไม่ทราบก็มีอยู่อีกมาก เมื่อท่านได้ทราบความจริงอย่างนี้แล้วคงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมหลวงพ่อวัค ันลัดจึงมีพลังจิต พลังวิชาอาคมเข้มขลังนัก



    ในด้านการปกครอง

    หลวงพ่อพระสมุทรพัฒโสภณ ท่านเป็นเจ้าคณะตำบลตลาด อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ วัดในเขตการปกครอง มีรวมทั้งหมด ๘ วัด คือ

    ๑. วัดทรงธรรมวรวิหาร

    ๒. วัดแค

    ๓. วัดจวนดำรงราชพลขันธ์

    ๔. วัดครุใน

    ๕. วัดครุนอก

    ๖. วัดชมนิมิต

    ๗. วัดชังเรือง

    ๘. วัดคันลัด

    รวม ทั้งหลวงพ่อเป็นพระอุปัชฌาย์ด้วย จึงมีทั้งลัทธิวิหาริก และอันเตวาสิก ปีละมากมาย วัดต่างๆที่นิมนต์หลวงพ่อไปนั่งอุปัชฌาย์ประจำก็มี วัดครุใน, วัดชังเรือง, วัดทุ่งครุ วัดกองแก้ว วัดราษฎร์รังสรรค์, วัดบางกระเจ้านอก , วัดบางกระสอบ , วัดป่าเกด ,วัดบางพึ่ง ปีหนึ่ง ๆ มีผู้ที่มาเป็นลัทธิวิหาริก ไม่น้อยกว่า ๒๐๐ คน แต่ที่น่าแปลกของหลวงพ่อ ไปกว่าพระอุปัชฌาย์องค์อื่น ๆ ก็คือ ตั้งแต่ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์มา เงินทุกบาททุกสตางค์ ในการนั่งอุปัชฌาย์ของท่าน ท่านเก็บเป็นกองทุนให้แก่วัดทั้งหมด ไม่เอาเป็นของส่วนตัวเลย ของถวาย ไม่ว่าจะเป็นต้นเทียน หรือไตรจีวร ท่านไปบวชที่วัดใด ก็ถวายแก่วัดนั้นไม่เคยเก็บมาวัดตัวเองเลย มีอยู่ครั้งเดียวที่ต้องเอามาคือถังใส่น้ำใบใหญ่ที่ กำนัน ปรุง ฟักแก้ว กำนันตำบลบางครุ ขอร้องแกมบังคับให้เอามาด้วยเท่านั้น ในงานอุปสมบทลูกชายของกำนันที่วัดครุใน

    ในการปกครองคนส่วนมากนั้น ต้องมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นวงการไหน ๆ รวมทั้งวงการคณะสงฆ์ ขึ้นชื่อว่าเรื่องของมนุษย์แล้ว ไม่ยุ่งไม่มี ถ้ามีคนมากว่า ๒ ขึ้นไปแล้วละก็หนีไม่พ้นปัญหาหรอก เพราะฉะนั้น จึงนับว่าเป็นงานที่หนักมากเอาการอยู่ เมื่อวัดต่าง ๆ มีปัญหา เช่นเรื่องพระทะเลากันก็ดี มีการฟ้องร้องกันก็ดี ถ้าเรื่องถึงเจ้าคณะจังหวัด คือ หลวงพ่อพระราวิริยาภรณ์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระครูสมุทรพัฒนโสภณด้วย หรือเรื่องถึงเจ้าคณะอำเภอพระประแดง หลวงพ่อพระครูธรรมวิธานปรีชา วัดแคแล้วละก็ ทั้ง ๒ท่าน จะต้องเรียก หลวงพ่อพระครูวัดคันลัด ไปสะสางปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ทุกครั้งไป และงานก็สำเร็จเรียบร้อยไปได้ด้วยดีทุกครั้ง จนเป็นที่ไว้ใจของพระเถระผู้ใหญ่ ให้ความเมตตารักใคร่ในตัวหลวงพ่อวัดคันลัด มักเรียกตัวหลวงพ่อไปใช้สอย ในงานคณะสงฆ์ระดับชาติ ไม่ว่าจะเป็นหารอบรมพระอุปัชฌาย์ที่วัดสามพระยา ของทุก ๆ ปี หลวงพ่อก็เป็นกรรมการให้คุณในโทษแก่ว่าที่พระอุปัชฌาย์ที่มาสอบได้ และยังเป็นคณะกรรมการตรวจธรรมสนามหลวงประจำภาคเหนือด้วย

    ในด้านการบำเพ็ญ คุณประโยชน์แก่วัดอื่น ๆ ที่จะจัดงานใหญ่ ๆ เช่น งานฝังลูกนิมิต เป็นต้น ท่านก็ช่วยอย่างเต็มความสามารถจนบรรลุล่วงไปได้ด้วยดี หลวงพ่อเชย อินทรโชโต มรณภาพลง หลวงพ่อวัดคันลัดก็ได้ไปช่วย พระอธิการจำรูญ นนทิโยในงานต่าง ๆ จนท่านในความเคารพรักใคร่ในตัวหลวงพ่อวัดคันลัด มีอะไรดี ดี ก็มอบให้ พระปิดตาวัดบางกระสอบของหลวงพ่อเชยพิมพ์ที่หายาก ก็อยู่กับหลวงพ่อวัดคันลัด

    ด้านส่งเสริมการศึกษา

    ในด้านการศึกษา พระปริยัติธรรมก็ดี หรือ บาลีก็ดี เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับพระภิกษุสามเณรในวัด ถ้าหากขาดการศึกษาทั้ง ๒ แผนกนี้แล้ว ศาสนาก็จะไม่เจริญก้าวหน้า ถ้าปริยัติไม่มี ปฎิบัติก็ผิดไปจากคำสั่งสอน ของพระพุทธเจ้า เมื่อปฎิบัติผิด ปฎิเวธ คือการรู้แจ้งเห็นจริงในโลก กุตตรธรรมก็ไม่บังเกิด

    หลวงพ่อวัดคันลัดท่าน ได้เล็งเห็นในสัจธรรมแห่งอันตรธาน ทั้ง ๓ นี้ จึงได้ให้การสนับสนุน ส่งเสริมในด้านการศึกษาเป็นอย่างมาก ทั้งสอนเอง อบรมเอง ในการสนับสนุนติดต่อครูบาอาจารย์ที่มีวิชาความรู้มาช่วยอบรมสั่งสอนบ้าง โดยใช้ทันส่วนตัวของท่านเองทั้งสิ้น ฉะนั้น ในเขตการปกครองตำบลตลาดมีทั้งหมด ๙ วัด เมื่อถึงเวลาสอบธรรมสนามหลวง จึงมีสถิตการสอบได้ดี มีพระภิกษุสามเณร เข้าทำการสอบมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือ อำเภอพระประแดงนี้ได้มีการเรียนการสอนธรรมศึกษากันมาก แต่ละโรงเรียนในเขตตำบลตลาด มีนักเรียนเข้ารับการศึกษากันมาก เช่น โรงเรียนวัดทรงธรรม โรงเรียนวัดสุทธิกษัตริย์ โรงเรียนอำนวยวิทย์ โรงเรียนเทศบาลวัดกลางนา โรงเรียนป้อมแผลงไฟ้ฟ้า เป็นต้น สถิติของแต่ละปีมีนักเรียนที่เข้าสอบทั้งหมด ๓ สนามสอบ คือ สนามสอบวัดทรงธรรมวรวิหาร , สนามสอบรงเรียนวัดครุใน สนามสอบโรงเรียนวัดวิสุทธิกษัตริย์ นักเรียนที่สอบธรรมศึกษา ตรี โท เอก ปีหนึ่งจึงมีจำนวนไม่น้อยกว่า ๓,๐๐๐ คน จึงนับได้ว่าเขตอำเภอพระประแดง มีการสนับสนุนการเรียนธรรมศึกษามากที่สุดของกระเทศก็ว่าได้ และมีมานานแล้วด้วย

    ส่วนเรื่องของการศึกษาบาลีนั้น หลวงพ่อพระครูสมุทรพัฒนโสภณ ท่านได้ตั้งเงินเดือนให้แก่พระภิกษุ สามเณรที่เรียนด้วย ตามวัดอื่น ๆ เขาจะให้เฉพาะพระที่สอบบาลีได้เท่านั้น แต่หลวงพ่อวัดคันลัด ท่านให้แม่กระทั่งผู้ที่เรียนด้วย

    ด้านกิจของสงฆ์ การลงอุโบสถ การทำสังฆกรรม หลวงพ่อท่านเล็งเห็นความสำคัญขององค์ผู้สวดพระปาฎิโมกข์มาก ทุก ๆ วันพระสิ้นเดือน กลางเดือน คือวันอุดบสถ หลวงพ่อจะถวายจตุปัจจัย บูชาพระปาฎิโมกข์ ปักข์ละ ๕๐๐ บาท และเครื่องไทยธรรม อีกมากมาย พร้อมด้วยไตรจีวรอีก ๑ ชุด

    หลวงพ่อวัดคันลัดท่านเป็นพระสมถะ เป็นพระที่ไม่สะสม เรื่องอุปนิสัยใจคอแล้วละก็ ผู้เขียนเห็นท่านมาตั้งแต่ท่านอุปสมบทวันแรก จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ยังไม่เคยพบใครที่ไหนจะมีอุปนิสัยใจดี อย่างนี้เลย ข้อนี้ลูกศิษย์ลูกหาของท่าทุกคนรู้ดี ไม่ว่าลูกศิษย์คนนั้นจะดีหรือเลว อย่างไรทานก็ให้ความรักความเอ็นดูเสมอเทียมกัน ลูกศิษย์บางคนเคยขโมยของ ๆ ท่าน ท่านพบเห็นก็ไม่เคยว่าอะไร แม้แต่ผู้เขียนเองยังเคยนึกในใจเป็นเชิงตำหนิท่านเลยว่า หลวงพ่อเรานี่ใจดีเกินไป ผู้เขียนเองมีความพอใจในคำพูดของท่านอยู่คำหนึ่งก็คือ ถ้ามีพระสงฆ์องค์ใดไปฟ้องท่านว่าของหาย คนโน้นขโมย คนนี้ขโมยละก็ ท่านก็จะบอกพระองค์นั้นไปว่า เรามันไม่ดีเองที่ไม่ระวัง เก็บไว้ไม่ดีของจึงหาย ถ้าเราเก็บดีแล้วของก็ไม่หาย

    สำหรับคำคำนี้ ถ้าผู้ที่มีปัญญาอันชาญฉลาดฟังแล้วจะรู้ซึ้งทันทีว่า คำพูดของท่านเป็นคำพูดที่อิงคติธรรมได้อย่างยอดเยี่ยม ท่านมิใช่สอนแต่พระองค์อื่นเท่านัน แม้แต่ตัวท่านเวลาของท่านหาย แทนที่หลวงพ่อท่านจะดุว่าผู้อื่น ท่านกลับพูดว่า “เรามันไม่ดีเอง วางไว้ไม่ดีของจึงหาย” สัจจะธรรมข้อนี้เข้าหลักที่ว่า “จงเตือนตนเองด้วยตนเอง” และ “ไม่ประมาท” เพราะธรรมชาติของคนเรา มักจะมองความผิดของผู้อื่นเสมอ ส่วนความผิดของตัวเองมักมองไม่เห็น เข้าทำนองภาษิตที่ว่า “โทษคนอื่นมองเห็นเช่นภูเขา โทษของเรามองเห็นเท่าเส้นขน ตดคนอื่นเหม็นเบื่อจนเหลือทน ตดของตนถึงจะเหม็นไม่เป็นไร”

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระปิดตาผงธูปกฤษณเทพหลวงพ่อทองหล่อวัดคันลัดให้บูชา
    200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20231221_061541.jpg IMG_20231221_061602.jpg IMG_20231221_061515.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2023
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    2015-04-04_130115.jpg
    สมเด็จผสมผงงาช้างโบราณ หลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัย ด้านหลังยันต์ "ยันต์สมปรารถนา" แล้วแต่จะอธิษฐานครับ เมตตา มหาบารมี โภคทรัพย์ แคล้วคลาด
    ที่มาของยันต์สมปรารถนาหลวงปู่คำพันธ์นั้น หลวงปู่ได้มาจากการศึกษาอักษรจารึกบนแผ่นศิลา ใต้ฐานองค์พระธาตุพนม ซึ่งค้นพบหลังจากพระธาตุพนมล้มลง เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๘ โดยหลวงปู่คำพันธ์กล่าวไว้ว่า "ภาษาจารึกเป็นภาษาสวรรค์" ทั้งนี้หลวงปู่ได้นำมาปรับแต่งและเขียนยันต์ขึ้นมาใหม่ เพราะท่านธรรมอีสาน อักษรขอม อักษรไทยน้อย อ่านเขียนได้คล่องแคล่วและมีความชำนาญ โดยใช้ชื่อว่า "ยันต์สมปรารถนา"
    เป็นอีกหนึ่งรุ่นในวัตถุมงคลหลวงปู่ที่ได้รับความนิยมในหมู่ลูกศิษย์ รับทรัพย์ สมปราถนา
    ให้บูชา 600 บาทครับค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231221_135755.jpg IMG_20231221_135822.jpg IMG_20231221_135723.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2023
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    383905.png
    ประวัติหลวงพ่อแผ่ว ปณฑิโต วัดโตนดหลวงอำเภอชะอำจังหวัดเพชรบุรีหลวงพ่อแผ่วหรือ(พระครูภาวนาวัชโรภาส)อดีตเจ้าอาวาสวัดโตนดหลวงตำบลบางเก่าอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม2474 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 3 ค่ำเดือน 8 ปีมะแม เวลา 07.00 น.มรณภาพ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2538รวมอายุได้ 64 ปีประวัติหลวงพ่อแผ่ว อุปสมบทที่วัดโตนดหลวงเมื่อปีพ.ศ.2494 โดยมีหลวงพ่อทองสุขเป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2495 ได้เรียนสมถกับมัฏฐาน และได้รับการถ่ายทอดวิธีการปรุงยาแผนโบราณจากหลวงพ่อทองสุข เพื่อรักษาคนไข้ พ.ศ.2497สอบได้นักธรรมตรี หลวงพ่อแผ่ว ได้ทำการทำนุบำรุงวัดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นกูฏิ ศาลาการเปรียญ พระอุโบสถหลังเก่า (มหาอุด) ท่านได้ริเริ่มสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ เนื่องจากพระอุโบสถหลังเก่าและคับแคบ ไม่สะดวกในหลวงพ่อแผ่ว ท่านเป็นลูกศิษย์กันกุฏิของหลวงพ่อทองศุข ท่านเป็นเจ้าอาวาส ปกครองวัดต่อจากหลวงพ่อทองศุขครับ ท่านได้วิชามาเต็มๆ เพราะอยู่กับหลวงพ่อทองศุขมาตลอด เรื่องความเก่งนั้น ท่านเก่งมาก มากกว่าบางท่านที่บอกว่ามาเรียนวิชาและเป็นศิษย์ซะอีกถามคนพื้นที่เขารู้ดี แต่ท่านดังเงียบๆ ในพื้นที่ ไม่มีโปรโมท สมัยหลวงพ่อทองศุขยังอยู่ ท่านไว้ใจให้ช่วยสร้างวัตถุมงคลตลอด กระทั่งยุคที่หลวงพ่อทองศุขสิ้นแล้ว หลวงพ่อแผ่วยังสร้างวัตถุ
    มงคลในรูปหลวงพ่อทองศข ต่อมาอีก
    หลายรุ่น ก็เป็นที่นิยมเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อแผ่วและเป็นเหรียญรุ่นเดียวที่สร้างเป็นรูปหน้าท่านสร้างเมื่อปี 2517 ไม่ทราบจำนวนการสร้าง แต่ท่านสร้างไม่มาก ประวัติเล่าว่าท่านสร้างปลุกเสกเสร็จแล้ว ได้นำเหรียญทั้งหมด ไปลอยหรือที่เรียกว่าพลีทะเล แล้วเรียกกลับมาแล้วขาดไป1เหรียญ คนในสมัยนั้นเล่าว่า ท่านจ้าวสมุทรขอเก็บไว้1 เหรียญพระครูภาวนาวัชโรภาส (หลวงพ่อแผ่ว)เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดโตนดหลวง ตำบลบางเก่า อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เกิดเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2474 ตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 3 ค่ำ เดือน 8 ปีมะแม เวลา 07.00 น. มรณภาพ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2538 รวมอายุได้ 64 ปี
    ประวัติ
    หลวงพ่อแผ่ว อุปสมบทที่วัดโตนดหลวง เมื่อปี พ.ศ.2494 โดยมีหลวงพ่อทองสุข เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2495 ได้เรียนสมถกับมัฏฐาน และได้รับการถ่ายทอดวิธีการปรุงยาแผนโบราณจากหลวงพ่อทองสุข เพื่อรักษาคนไข้ พ.ศ.2497 สอบได้นักธรรมตรี หลวงพ่อแผ่ว ได้ทำการทำนุบำรุงวัดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นกุฏิ ศาลาการเปรียญ อุโบสถหลังเก่า (มหาอุด) ท่านได้ริเริ่มสร้างอุโบสถหลังใหม่ เนื่องจากอุโบสถหลังเก่าคับแคบ ไม่สะดวกในการทำพิธีสังฆกรรม
    หลวงพ่อแผ่ว ท่านเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิ ของหลวงพ่อทองศุข ท่านเป็นเจ้าอาวาส ปกครองวัดต่อจากหลวงพ่อทองศุขครับ ท่านได้วิชามาเต็มๆ เพราะอยู่กับหลวงพ่อทองศุขมาตลอด เรื่องความเก่งนั้น ท่านเก่งมาก มากกว่าบางท่านที่บอกว่ามาเรียนวิชาและเป็นศิษย์ซะอีก ถามคนพื้นที่เขารู้ดี แต่ท่านดังเงียบๆ ในพื้นที่ ไม่มีโปรโมท สมัยหลวงพ่อทองศุขยังอยู่ ท่านไว้ใจให้ช่วยสร้างวัตถุมงคลตลอด กระทั่งยุคที่หลวงพ่อทองศุขสิ้นแล้ว หลวงพ่อแผ่วยังสร้างวัตถุมงคลในรูปหลวงพ่อทองศุข ต่อมาอีกหลายรุ่น ก็เป็นที่นิยม
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จหลวงพ่อทองสุข วัดโตนดหลวง รุ่นเสาร์ ปี2534หลวงพ่อแผ่ว วัดโตนดหลวงปลุกเสก พิธีปลุกเสกยิ่งใหญ่ มวลสารเยี่ยม เนื้อผงพุทธคุณผสมผงว่าน 108 และเนื้อผงเก่าวัดระฆัง
    ให้บูชา
    300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20231222_015051.jpg IMG_20231222_015131.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 ธันวาคม 2023
  17. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +227
    จองครับ
     
  18. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +227
    จองครับ
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1703180216386-jpg.jpg
    ประวัติย่อๆหลัง จากอุปสมบทอย่างต่อเนื่องเมื่ออายุครบ 20 ปี แล้วหลวงพ่อก็ได้เดินทางไปศึกษาบาลีธรรมบท ในกรุงเทพมหานคร โดยพักจำพรรษาที่วัดสระเกศ 3 พรรษาด้วยกัน และได้เปลี่ยนสำนักเรียนอีก 2-3 แห่งคือวัดสุทัศน์ และวัดมหาธาตุ แต่แล้วในปี พ.ศ. 2490 ได้เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้น ประเทศไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง เกิดวิกฤติ ข้าวยากหมากแพง จากกรุงเทพมหานคร หลวงพ่อก็ได้โยกย้ายกลับขึ้นไปทางภาคเหนือที่จังหวัดเชียงใหม่ หลบภัยอดอยากจากสงครามโดยจำพรรษาอยู่ที่วัดพระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 2 พรรษา“ก้าวแรกสู่แดนมะขามหวาน นครพ่อขุนผาเมือง”ปี พ.ศ. 2494 หลวงพ่อได้ออกธุดงค์จากจังหวัดเชียงใหม่ล่องใต้ตามไม้หมอนรถไฟ และข้ามน้ำข้ามห้วยปีนเขามาถึงอำเภอหล่มสักจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยจำพรรษาครั้งแรกที่วัดไพรสณฑ์วรารามและได้รับมอบหมายจากเจ้าอาวาสให้เป็น ครูสอนบาลีธรรมเพราะในขณะนั้น หลวงพ่อได้เปรียญธรรม 4 ประโยค และในปี พ.ศ.เดียวกันนี้ หลวงพ่อก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลลุ้งน้ำเต้า อ.หล่มสัก และจุดนี้คือจุดหักเหให้ชีวิตในสมณเพศของหลวงพ่อ เป็นไปในการเผยแผ่พระศาสนา อบรมปฏิบัติธรรม จริยธรรม แก่พระภิกษุสามเณรในเขตการปกครอง ตลอดจนการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยการเทศน์สั่งสอน อุบาสก อุบาสิกา และประชาชนทั่วไป จนทำให้ชื่อเสียงในการเป็นพระธรรมถึกของหลวงพ่อโด่งดังไปทั่วอำเภอและใกล้ เคียงในปีรุ่งขึ้น พ.ศ.2495 หลวงพ่อก็ได้รับความไว้วางใจ จากคณะสงฆ์จังหวัดเพชรบูรณ์แต่งตั้งให้เป็นพระธรรมฑูต ของจังหวัดเพชรบูรณ์ มีหน้าที่ออกเผยแผ่ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป ตลอดจนพระภิกษุและสามเณรในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์และใกล้เคียง และเพื่อสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ หลวงพ่อจึงต้องจำพรรษาในจังหวัดซึ่งเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่ ณ วัดมหาธาตุ พระอารามหลวงประจำจังหวัด ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่ออยู่จำพรรษามากที่สุด ก่อนที่จะไปดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอบึงสามพันช่วง ที่อยู่จำพรรษาที่วัดมหาธาตุ เพชรบูรณ์ หลวงพ่อได้ศึกษาวิชาทางโลกเพิ่มเติมจนได้รับสิทธิให้เข้าสอบวิชาครู และสอบได้ในประกาศนียบัตรจากกระทรวงศึกษาธิการ หลักสูตร “ครูมลพิเศษ” และนับเป็นรูปแรกของพระภิกษุในจังหวัดเพชรบูรณ์ และเพราะวิสัยชอบศึกษาความรู้ในทุก ๆ แขนง เท่าที่โอกาสจะอำนวยให้จนเป็นผู้คงแก่เรียน รู้จริง ปฏิบัติจริง ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อจึงได้รับโปรดประทานจากสมเด็จพระสังฆราชาฯ ให้ดำรงตำแหน่ง “พระวินัยทรในเขตภาคเหนือ” มีหน้าที่ดูแลความเป็นระเบียบของพระภิกษุสามเณรให้อยู่ในระเบียบวินัยและกฎ ของมหาเถรสมาคม เขตรับผิดชอบ 8 จังหวัดทางภาคเหนือตอนล่าง อาทิ พิจิตร, นครสวรรค์, กำแพงเพชร, สุโขทัย, อุตรดิตถ์, พิษณุโลก, ตากและเพชรบูรณ์ หลวง พ่อมหาอาคมอยู่ในตำแหน่ง “พระวินัยทร” ตั้งแต่เริ่มแรก จนถึงเมื่อยกเลิกระบบการปกครองของสงฆ์ในปี พ.ศ. 2507 นับเป็นพระวินัยทรรูปสุดท้ายของจังหวัดเพชรบูรณ์12 ปี แห่งการธุดงควัตรและวิชาคาถาอาคมนับ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2505-2517 หลวงพ่อตั้งปณิธานที่จะออกธุดงควัตร บำเพ็ญเพียรปฏิบัติธรรมและศึกษาด้านเวทมนต์คาถาจากพระเกจิอาจารย์ต่าง ๆ เพิ่มเติม โดยเริ่มต้นจากภาคเหนือ นับแต่ พิจิตร, พิษณุโลก, สุโขทัย ข้ามภูพระวอที่ตาก ไปแม่สอดและข้ามแม่น้ำเมยเข้าไปพม่า จากนั้นจึงวกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือทางจังหวัดเลย มุ่งอีสานข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งลาว แขวงจำปาศักดิ์ แล้วลงภาคใต้ที่ประจวบฯ ลุยขึ้นเขาสามร้อยยอดต่อไปอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ปักกลดแถบเขาโตนงาช้างของนครศรีธรรมราช, ยะลาและข้ามไปปาดังเบซาร์แดนมาลายูหลวง พ่อใช้เวลาการเดินทางธุดงค์ศึกษาศาสตร์ต่าง ๆพร้อมทั้งบำเพ็ญเพียรกรรมฐาน และสมาธิจิตกลางป่าดงดิบนานถึง 12 ปีเต็ม ๆ ได้วิชาความรู้ด้านเวทมนต์คาถา จากพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคมหลายรูป ทั้งฝากตัวเป็นศิษย์ และทั้งแลกเปลี่ยนวิชาอักขระยันต์ต่าง ๆ ตามแต่โอกาสจะอำนวยให้ เช่น ปี พ.ศ. 2508 ขณะธุดงค์ไปจังหวัดตาก ข้ามภูพระวอไปอำเภอแม่สอด ได้ไปขอศึกษาวิชาคงกระพันชาตรี เพิ่มเติมกับ “ครูบากัญชัย” หรือ พระครูศิริรัตนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดมาตานุสสรณ์ บ้านแม่กึ๊ดหลวง ฉายา เทพเจ้าลุ่มแม่น้ำเมยและ ในปีเดียวกันนี้ หลวงพ่อก็ได้ตัว “นะ” สำคัญยิ่งมาหนึ่งตัว นะตัวนี้หลวงพ่อเคยนำมาสักให้กับลูกศิษย์คนหนึ่งปรากฏว่าเมื่อเด็กคนนี้โต ขึ้นมา ถ่ายรูปทำบัตรประชาชนไม่ติด ต้องมาสักแก้จึงถ่ายรูปทำบัตรประชาชนได้ นะตัวดังกล่าวคือ “นะลือชา”หลวง ปู่แพง วัดสิงห์หารบ้านสะพือ อุบลราชธานี ศิษย์เอกเทพเจ้าภูเขาควายที่ลือลั่น “สมเด็จรุน” หลวงพ่อได้ร่ำเรียนวิชา ฝังตะกรุดทองคำใต้ท้องแขน และฝังแก้วมณี 4 ดวง (แก้วมณี โชติ-แก้วไพฑูรย์-แก้วปัทมราช-แก้ววิเชียร) คาถาเหล่านี้เป็นคาถาสารพัดนึก ใช้ได้ อยู่ยงคงกระพันมหาอุด แคล้วคลาด เมตตามหานิยม แก้คุณไสยทุกประเภทหลวง พ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ นครสวรรค์ สุดยอดพระเกจิในอดีต ได้มอบยันต์และคาถากำกับโดยผ่านศิษย์เอกของท่านรูปหนึ่ง ซึ่งปักกลด อยู่ตรงรอยต่อของอำเภอท่าตะโก นครสวรรค์และเพชรบูรณ์ และหลวงพ่อมหาอาคมได้ไปพบเข้าพอดี นะของหลวงพ่อเดิมที่หลวงพ่อได้รับมา คือ “นะ ซ้อนหัว” ซึ่งหลวงพ่อมหาอาคมได้นำลงในตะกรุดทุกดอกของท่านที่มีการจัดสร้างหลวง พ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี คือ พระเกจิอาจารย์อีกรูปหนึ่งที่หลวงพ่อได้ไปขอศึกษาวิชาอาคมโดยถวายตัวเป็น ศิษย์ ซึ่งหลวงพ่อพริ้ง ได้เมตตามอบคาถา “ประสานกระดูก” ให้หลวงพ่อทำน้ำมันวิเศษ 108 รักษาประชาชนได้สารพัดโรคหลวง พ่อใช้ จังหวัดอุตรดิตถ์ ศิษย์เอกหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ภูเก็ต ได้มอบตำราและคาถาการสร้างยันต์ตะกรุดโทน “คู่ชีวิต” ให้เมื่อครั้งหลวงพ่อธุดงค์ผ่านจังหวัดอุตรดิตถ์และ เมื่อต้นปี 2513 เมื่อหลวงพ่อข้ามเขารังไปยังอำเภอชนแดน เพื่อกราบนมัสการเยี่ยมหลวงพ่อทบ ที่วัดพระพุทธบาทชนแดน เพราะทราบข่าวว่ามีคนร้ายบุกขึ้นไปปล้นทรัพย์หลวงพ่อทบบนกุฏิและคนร้ายได้ ยิงหลวงพ่อทบถึง 4 นัด แต่ลูกปืนไม่ออก หลวงพ่อได้กราบเรียนหลวงพ่อทบว่า ขณะที่คนร้ายยิงหลวงพ่อทบได้ใช้คาถาอะไร ปืนคนร้ายจึงยิงไม่ออก หลวง พ่อทบท่านมีความเมตตา และชอบพอนิสัยหลวงพ่อมหาอาคมอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ท่องคาถาให้หลวงพ่อมหาอาคมฟัง 1 เที่ยว แล้วลองให้หลวงพ่อท่องให้ฟัง ปรากฏว่าหลวงพ่อมหาอาคมท่องได้ถูกหมดและแม่นยำ หลวงพ่อทบจึงได้บอกว่าเอาไปใช้ดูเป็นคาถาดับไฟดับปืนให้เป็นน้ำ ซึ่งก่อนหน้านี้หลวงพ่อมหาอาคมก็เคยได้คาถา “เมตตาค้าขายดี” ของหลวงพ่อทบมาก่อนแล้ว โดยผ่านโยมผู้หญิงกลางคนหนึ่งที่เป็นศิษย์หลวงพ่อทบ ซึ่งโยมผู้นั้นมีอาชีพค้าขาย ต้องการค้าขายดี ร่ำรวย จึงได้พาลูกและครอบครัวไปกราบขอพึ่งบารมีหลวงพ่อทบ ซึ่งท่านได้เมตตาเขียนเป็นตัวหนังสือขอมลงในกระดาษแทนผ้ายันต์ เพื่อให้ไปบูชา เมื่อได้คาถามาแล้วโยมผู้นั้นอ่านไม่ออก ก็นำคาถาบทนั้นมาให้หลวงพ่อมหาอาคมอ่านและแปลให้ฟัง หลวงพ่ออ่านและแปลจนเข้าใจและท่องจำได้ขึ้นใจ เมื่อมีโอกาสพบหลวงพ่อทบจึงท่องให้ฟัง ซึ่งหลวงพ่อทบบอกว่าใช่ ความจำมหาดีมาก ฉันยกให้ลองเอาไปใช้ดูนะ...หลวงพ่ออาคม...
    หลวง พ่อมหาอาคมถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชราในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ นับเป็นการสูญเสียพระเถระผู้ปฎิบัติดีปฎิบัติชอบไปอีกรูปหนึ่ง
    เหรียญหลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร รุ่นแรก จ.เพชรบูรณ์ ปี2520 ตะกั่ว
    .. สวยเดิมเนื้อตะกั่ว ผสมพระกรุเนื้อชินสุโขทัย อยุธยา จำนวนมาก หลวงพ่อหล่อเทเองครับ
    1703180356497-jpg.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ตะกรุดลายธงชาติของท่าน มีการนำไปลองยิง หลายครั้ง ไม่ออก หรือปืนแตก
    เหรียญหลวงพ่อมหาอาคม วัดดาวนิมิตร รุ่นแรก จ.เพชรบูรณ์ ปี2520 ตะกั่ว
    .. สวยเดิมเนื้อตะกั่ว ผสมพระกรุเนื้อชินสุโขทัย อยุธยา จำนวนมาก หลวงพ่อหล่อเทเองครับ
    ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    img_20231222_010240-jpg.jpg img_20231222_010325-jpg.jpg
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,778
    ค่าพลัง:
    +21,343
    get_auc3_img-15-jpeg.jpg
    ประวัติท่านเคยลงในหนังสือพระเกจิวัตถุมงคลจะเด่นทางคงกระพันชาตรี
    เหรียญรุ่นแรกกะไหล่ทองหลวงพ่อทองใบวัดบ้านเก่าชลบุรี ให้บูชา 450 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    img_20231222_012410-jpg.jpg img_20231222_012442-jpg.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...