ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    Dec 6, 2023 ค่าไฟช๊อต! เอกชนยันรับไม่ได้ค่าไฟฟ้าขึ้น 17% ชี้สินค้าจ่อขึ้นราคา 5-10% แน่ เผยค่าไฟฟ้าเวียดนาม-อินโดนีเซียถูกกว่าไทย แถมยืนราคาได้นานเป็นปี เผยค่าไฟฟ้าเหมาะสมต้องไม่เกิน 3.30 บาท/หน่วย

    นายเกรียงไกร เทียนนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนกังวลค่าไฟฟ้า งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 4.68 บาท/หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 17% จากงวดปัจจุบันเดือน ก.ย.-ธ.ค.66 ที่เรียกเก็บอยู่ที่ 3.99 บาท/หน่วย

    เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังมีความเปราะบางสูง การขึ้นค่าไฟฟ้า จึงเป็นการซ้ำเติมประชาชน เพราะอาจนำไปสู่การปรับขึ้นราคาสินค้าปลายทาง ในบางรายการในอัตรา 5-10% ดังนั้น กกร.จึงต้องการให้รัฐตรึงค่าไฟไว้ที่ 3.99 บาท/หน่วย ไปก่อนจนกว่าจะมีการปรับโครงสร้างค่าไฟใหม่ และเร่งจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ด้านพลังงาน เพื่อรวมหาแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว

    การจัดตั้ง กรอ.พลังงาน จะได้ช่วยแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุปรับโครงสร้างราคาพลังงาน จะได้ไม่ต้องมานั่งสอบถามกันบ่อยๆ และนอกจากนักลงทุนไทย ต่างชาติที่ตั้งฐานผลิตในไทยได้สอบถามเข้ามาบ่อย ๆว่า จะเป็นแบบนี้ทุกๆ 4 เดือนหรือ ส่วนนักลงทุน FDI หรือรายใหม่ๆ ที่กำลังติดสินใจจะเข้ามาลงทุน หลายรายก็รอเรื่องค่าไฟ เพราะเป็นต้นทุนสำคัญ เราไม่อยากเสียโอกาสตรงนี้ไป กกร.จึงเรียกร้องให้แก้ปัญหาระยะยาว ส่วนระยะสั้นก็อยากจะให้ยืนค่าไฟงวด มกราคม-เมษายน 2567 ที่ 3.99 บาท/หน่วย ไปก่อน และในช่วงต้นปีให้รีบจัดตั้ง กรอ.พลังงาน ซึ่งตนเชื่อว่าในช่วงเวลา 3-4 เดือน จะสามารถหาแนวทางที่เหมาะสมกับทุกฝ่ายได้ ซึ่งหากสามารถแก้ไขปัญหาระยะยาวได้ ก็เชื่อว่าจะเป็นจุดแข็งของประเทศไทย

    ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ประเทศเวียดนามเรียกเก็บค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 2.70 บาทต่อหน่วย ก็สามารถยืนอยู่ที่ราคานี้ได้เป็นปี ๆ แม้จะมีบางช่วงที่ระบบไฟฟ้าไม่เสถียร แต่ก็เป็นช่วงสั้น เพราะตอนนี้มีการแก้ไขให้นิ่งแล้วแล้ว ส่วนประเทศอินโดนีเซีย ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 3.30 บาท/หน่วย เป้าที่เราต้องการไม่ได้ต้องการให้ถูกที่สุด อยู่ระหว่าง 2.70 -3.30 บาทต่อหน่วย

    เมื่อพิจารณาค่าไฟฟ้าเวียดนามที่ระดับ 2.70 บาท/หน่วย พบว่ามีราคาถูกกว่าค่าไฟฟ้าประเทศไทยถึง 47.77% สอดรับกับค่าไฟฟ้าประเทศอินโดนีเซียที่อยู่ 3.30 บาท/หน่วย พบว่ามีราคาถูกกว่าค่าไฟฟ้าประเทศไทยถึง 20.90%

    หากท้ายที่สุด ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 4.20 บาท/หน่วย ภาคเอกชนก็คงไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากจำใจแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 5-6% ซึ่งก็อาจจะมีการสะท้อนต้นทุนในราคาขายปลายทางในบางรายการ

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    Twitter: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/

    #สอท #สภาอุตสาหกรรม #ค่าไฟฟ้า #ค่าเอฟที #เวียดนาม #อินโดนีเซีย #กกร #กกพ #ราคาสินค้า #เศรษฐกิจ #เอกชน #BTimes

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=904060647751046&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    Dec 6, 2023 เซอร์ไพรส์แรง! จับตา กกร. ถกเรื่องขึ้นค่าไฟเซอร์ไพรส์ก่อนปีใหม่ คาดเรียกร้องรัฐบาลทบทวน ให้คงอัตราเดิม 3.99 บาท ช่วยต้นทุน
    .
    นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า กรณีที่ประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เห็นชอบประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือน ม.ค. – เม.ย. 2567 ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟทุกประเภท เฉลี่ยอยู่ที่ 4.68 บาท/หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 17% จากงวดปัจจุบันเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2566 อยู่ที่ 3.99% นับเป็นเรื่องที่ช็อกความรู้สึกของภาคเอกชนรับปีใหม่ และส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน
    .
    ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย วันนี้ (6 ธ.ค.) จะมีวาระหารือเร่งด่วนในประเด็นเกี่ยวกับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟ งวดเดือน ม.ค. – เม.ย. 2567 ที่สร้างความวิตกกังวลให้ภาคเอกชน เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่สวนทางกับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการลดค่าครองชีพประชาชน
    .
    ทั้งนี้มองว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีความเปราะบางสูง การขึ้นค่าไฟฟ้ายิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชน เพราะอาจนำไปสู่การปรับขึ้นราคาสินค้าปลายทาง ดังนั้น รัฐควรพิจารณาทบทวนค่าไฟงวดเดือน ม.ค. – เม.ย. 2567 ให้รอบคอบอีกครั้ง โดยเห็นว่าควรตรึงค่าไฟไว้อยู่ที่ 3.99 บาท/หน่วยไปก่อน จนกว่าจะมีการปรับโครงสร้างค่าไฟใหม่ ซึ่งหากเร่งดำเนินทบทวนโครงสร้าง ก็น่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดในไม่ช้า และควรมีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ด้านพลังงาน เพื่อการมีส่วนร่วมดูแลโครงสร้างค่าไฟด้วย
    .
    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มมีนักลงทุนต่างชาติสอบถามเข้ามาว่า ทำไมประเทศไทยจึงมีค่าไฟที่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศใกล้เคียง ซึ่งทำให้มีผลต่อการตัดสินใจเข้ามาลงทุน เป็นปัจจัยบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/4a90Lze
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #กกร #ค่าไฟฟ้า #กกพ #ขึ้นค่าไฟ #BTimes

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=903959737761137&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    Dec 6, 2023 มึนปีหน้า! เอกชน 3 สถาบันยักษ์ใหญ่ชี้เศรษฐกิจไทยปีหน้า 67 ยังลูกผีลูกคนเสี่ยงโตเตี้ยต่ำ 3%
    .
    นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2566 เติบโตได้น้อยกว่าที่คาด โดย 9 เดือนแรกเติบโตได้เพียง 1.9% การส่งออกยังชะลอตัวตามทิศทางประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะจีน การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่หดตัวอย่างต่อเนื่องและชะลอการผลิตเพิ่มเติมสินค้าคงคลัง นอกจากนี้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 28 ล้านคน ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีราว 30 ล้านคน การใช้จ่ายต่อหัวก็ลดลงเหลือเพียง 4.30 หมื่นบาท จากที่เคยประมาณการ 4.55 หมื่นบาท
    .
    ส่วนเศรษฐกิจโลกปี 2567 มีแนวโน้มชะลอตัว สหรัฐฯ และยุโรป ชะลอตัวจากภาวะการเงินที่ยังตึงตัวต่อเนื่อง เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตไม่ถึง 5% เนื่องจากปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจของเอเชียไม่รวมจีน ได้แก่ อาเซียน เกาหลีใต้ และไต้หวัน มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีขึ้นเฉลี่ยที่อัตรา 3.7% นอกจากนี้ตะวันออกกลางและอินเดีย มีแนวโน้มเติบโตได้ในระดับสูงที่ประมาณ 3.4% และ 6.3% ตามลำดับ จึงสามารถเป็นปัจจัยสนับสนุนการส่งออกของไทยในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ และอาหาร
    .
    เศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 2.8-3.3% แต่มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยจะโตได้น้อยกว่า 3% ซึ่งเป็นระดับศักยภาพเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน โดยยังต้องเผชิญทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัจจัยความเปราะบางในประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือน หนี้ของภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs รวมถึงผลกระทบต่อการเข้าถึงสินเชื่อในระบบจากการเริ่มใช้มาตรการการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบของธปท. ที่เน้นเรื่องวินัยการไม่สร้างหนี้เกินกำลัง รวมถึงการกลับมาจัดชั้นคุณภาพหนี้ตามปกติหลังยุค COVID-19
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความท้าทายจากศักยภาพการเติบโตของประเทศที่ลดลง การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ทั้งด้านเทคโนโลยี เพิ่มผลิตภาพของแรงงานเพื่อเผชิญกับการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย และการก้าวสู่ low carbon society ปัจจัยบวกสำหรับปี 2567 ได้แก่ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยว 33 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นอีก 5 ล้านคนจากปี 2566 ทั้งนี้ หากนโยบาย digital wallet ดำเนินการได้เต็มวงเงิน 5 แสนล้านบาท ประเมินว่าจะช่วยเพิ่มการเติบโตของ GDP ได้อีกอย่างน้อย 1-1.5% ดังนั้นกรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2566-2567 ของ กกร. จึงมีดังนี้
    .
    ปี 2566 คาดการณ์จีดีพีโตระหว่าง 2.5-3.0 ส่วนส่งออกดีขึ้นเล็กน้อย ตัวเลขคาดการณ์ระหว่าง -2.0 ถึง -1.0 ส่วนเงินเฟ้อ 1.3-1.7 ขณะที่คาดการณ์ปี 2567 จีดีพี จะโตระหว่าง 2.8-3.3 ส่งออก 2.0-3.0 และเงินเฟ้อ 1.7-2.2 ปี 2567 มีหลายปัจจัยแปรผันที่กระทบต่อเศรษฐกิจ ประเทศไทยจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันเน้นไปที่การเร่งเจรจา FTA ดึงดูดการลงทุนในยุค Decoupling การดูแลต้นทุนราคาพลังงานควบคู่ไปกับการสร้างเสถียรภาพให้เกิดความสมดุล และการเตรียมความพร้อมด้านกำลังคน รวมถึงดึงดูดแรงงานต่างด้าวที่มีทักษะสูง นอกจากนี้ ต้องเร่งแก้ปัญหาความเปราะบางในประเทศ โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนที่พบว่าหนี้เสีย (NPL) ในระบบธนาคารพาณิชย์ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก 2.68% ณ Q1/2566 เป็น 2.79% ณ Q3/2566 จากทุก product และสินเชื่อรถยนต์ที่อยู่ใน stage 2 สูงราว 15%
    .
    นอกจากนี้ หนี้นอกระบบเป็นปัญหาต่อเนื่องมาจากการมี informal economy ขนาดใหญ่ ซึ่งจากข้อมูลการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ณ วันที่ 5 ธันวาคม 2566 มีประชาชนมาลงทะเบียนจำนวน 62,030 ราย รวมมูลหนี้ 2,793.29 ล้านบาท เป็นการเริ่มต้นที่ดีเพราะจะได้เห็นข้อมูลพื้นฐานของหนี้นอกระบบ สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนในการบังคับใช้กฎหมายโดยภาครัฐ และให้การดูแลประชาชนกลุ่มเปราะบาง โดยที่ประชุม กกร.เห็นว่ากลไกถัดไปในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบต้องผลักดันให้ลูกหนี้เข้าถึงสินเชื่อในระบบมากขึ้น รวมถึงการปรับโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้ด้วยการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3Rujo9m
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #กกร #เอกชน #เศรษฐกิจไทย #ส่งออก #หนี้ #ลงทุน #BTimes

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=904055024418275&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    Dec 6, 2023 ค่าไฟช๊อต! เอกชนยันรับไม่ได้ค่าไฟฟ้าขึ้น 17% ชี้สินค้าจ่อขึ้นราคา 5-10% แน่ เผยค่าไฟฟ้าเวียดนาม-อินโดนีเซียถูกกว่าไทย แถมยืนราคาได้นานเป็นปี เผยค่าไฟฟ้าเหมาะสมต้องไม่เกิน 3.30 บาท/หน่วย

    นายเกรียงไกร เทียนนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนกังวลค่าไฟฟ้า งวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2567 ที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 4.68 บาท/หน่วย หรือเพิ่มขึ้น 17% จากงวดปัจจุบันเดือน ก.ย.-ธ.ค.66 ที่เรียกเก็บอยู่ที่ 3.99 บาท/หน่วย

    เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังมีความเปราะบางสูง การขึ้นค่าไฟฟ้า จึงเป็นการซ้ำเติมประชาชน เพราะอาจนำไปสู่การปรับขึ้นราคาสินค้าปลายทาง ในบางรายการในอัตรา 5-10% ดังนั้น กกร.จึงต้องการให้รัฐตรึงค่าไฟไว้ที่ 3.99 บาท/หน่วย ไปก่อนจนกว่าจะมีการปรับโครงสร้างค่าไฟใหม่ และเร่งจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ด้านพลังงาน เพื่อรวมหาแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว

    การจัดตั้ง กรอ.พลังงาน จะได้ช่วยแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุปรับโครงสร้างราคาพลังงาน จะได้ไม่ต้องมานั่งสอบถามกันบ่อยๆ และนอกจากนักลงทุนไทย ต่างชาติที่ตั้งฐานผลิตในไทยได้สอบถามเข้ามาบ่อย ๆว่า จะเป็นแบบนี้ทุกๆ 4 เดือนหรือ ส่วนนักลงทุน FDI หรือรายใหม่ๆ ที่กำลังติดสินใจจะเข้ามาลงทุน หลายรายก็รอเรื่องค่าไฟ เพราะเป็นต้นทุนสำคัญ เราไม่อยากเสียโอกาสตรงนี้ไป กกร.จึงเรียกร้องให้แก้ปัญหาระยะยาว ส่วนระยะสั้นก็อยากจะให้ยืนค่าไฟงวด มกราคม-เมษายน 2567 ที่ 3.99 บาท/หน่วย ไปก่อน และในช่วงต้นปีให้รีบจัดตั้ง กรอ.พลังงาน ซึ่งตนเชื่อว่าในช่วงเวลา 3-4 เดือน จะสามารถหาแนวทางที่เหมาะสมกับทุกฝ่ายได้ ซึ่งหากสามารถแก้ไขปัญหาระยะยาวได้ ก็เชื่อว่าจะเป็นจุดแข็งของประเทศไทย

    ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ประเทศเวียดนามเรียกเก็บค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 2.70 บาทต่อหน่วย ก็สามารถยืนอยู่ที่ราคานี้ได้เป็นปี ๆ แม้จะมีบางช่วงที่ระบบไฟฟ้าไม่เสถียร แต่ก็เป็นช่วงสั้น เพราะตอนนี้มีการแก้ไขให้นิ่งแล้วแล้ว ส่วนประเทศอินโดนีเซีย ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 3.30 บาท/หน่วย เป้าที่เราต้องการไม่ได้ต้องการให้ถูกที่สุด อยู่ระหว่าง 2.70 -3.30 บาทต่อหน่วย

    เมื่อพิจารณาค่าไฟฟ้าเวียดนามที่ระดับ 2.70 บาท/หน่วย พบว่ามีราคาถูกกว่าค่าไฟฟ้าประเทศไทยถึง 47.77% สอดรับกับค่าไฟฟ้าประเทศอินโดนีเซียที่อยู่ 3.30 บาท/หน่วย พบว่ามีราคาถูกกว่าค่าไฟฟ้าประเทศไทยถึง 20.90%

    หากท้ายที่สุด ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 4.20 บาท/หน่วย ภาคเอกชนก็คงไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากจำใจแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น 5-6% ซึ่งก็อาจจะมีการสะท้อนต้นทุนในราคาขายปลายทางในบางรายการ

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    Twitter: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/

    #สอท #สภาอุตสาหกรรม #ค่าไฟฟ้า #ค่าเอฟที #เวียดนาม #อินโดนีเซีย #กกร #กกพ #ราคาสินค้า #เศรษฐกิจ #เอกชน #BTimes

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=904060647751046&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติเผย ฟอสซิลที่มีอายุเก่าแก่ประมาณ 130 ล้านปี บ่งชี้ว่า #ยุงตัวผู้ อาจเคยดูดเลือดกินเป็นอาหารในสมัยโบราณ
    .
    ปัจจุบัน มีเพียงยุงตัวเมียเท่านั้นที่กินเลือดเป็นอาหาร โดยใช้ส่วนปากที่มีลักษณะแบบเจาะดูดกินเลือดของมนุษย์และสัตว์อื่นๆ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การกินเลือดของแมลง (insect hematophagy) วิวัฒนาการมาจากส่วนปากแบบเจาะดูดซึ่งใช้สกัดของเหลวจากพืช แต่พบปัญหาในการศึกษาวิวัฒนาการนี้ เนื่องจากขาดบันทึกฟอสซิลของแมลง
    .
    ล่าสุด คณะนักวิทยาศาสตร์จากจีน เลบานอน ฝรั่งเศส และสหรัฐ พบว่า ส่วนปากแบบเจาะดูดของยุงตัวผู้สองตัวที่มีร่างอยู่ในสภาพดี ในอำพันเลบานอนยุคครีเทเชียสตอนต้นจากเลบานอนนั้น มีกรามสามเหลี่ยมแหลมเป็นพิเศษและโครงสร้างยื่นยาว พร้อมด้วยเกล็ดที่มีลักษณะคล้ายฟันซี่เล็ก (denticles) ซึ่งบ่งชี้ว่า "พวกมันดูดกินเลือด"
    .
    การค้นพบใหม่ข้างต้นซึ่งเผยแพร่ออนไลน์ในวารสารเคอร์เรนต์ ไบโอโลจี (Current Biology) ในสัปดาห์นี้ อาจกลายเป็นหลักฐานชิ้นใหม่สำหรับการศึกษาวิวัฒนาการของยุง
    .
    ดานี อาซาร์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันธรณีวิทยาและบรรพชีวินวิทยาหนานจิง สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน และมหาวิทยาลัยเลบานอน กล่าวว่า อำพันเลบานอน เป็นอำพันเก่าแก่ที่สุดซึ่งมีการปะปนทางชีวภาพอย่างเข้มข้น และเป็นวัสดุที่สำคัญมากเนื่องจากการก่อตัวของมันเกิดขึ้นในสมัยเดียวกับจุดเริ่มต้นของการแผ่รังสีของพืชดอก ซึ่งตามมาด้วยวิวัฒนาการร่วมระหว่างแมลงผสมเกสรและพืชดอก
    .
    การค้นพบครั้งใหม่นี้ขยายขอบเขตการปรากฎขึ้นของตระกูลยุงไปจนถึงช่วงยุคครีเทเชียสตอนต้น ส่วนยุงตัวผู้ที่ดูดเลือด ชี้ให้เห็นว่า วิวัฒนาการของสัตว์กินเลือดมีความซับซ้อนมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
    .
    ด้าน อันเดร เนล ผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งชาติในกรุงปารีส ระบุว่า นักวิทยาศาสตร์กำลังจะศึกษา “ประโยชน์” ของลักษณะการกินเลือดในยุงตัวผู้โบราณ และสาเหตุที่มันหยุดดูดกินเลือดในเวลาต่อมา
    .
    อ้างอิง: https://www.reuters.com/science/oldest-mosquito-fossil-comes-with-bloodsucking-surprise-2023-12-05/
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจUpdate

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=746956547469934&id=100064667864722&mibextid=Nif5oz

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    นับเนื่องมาตั้งปลายเดือน ต.ค.2566 จนถึงปัจจุบันสถานการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ และกองกำลังพิทักษ์ประชาชนเกิดขึ้นในหลายภูมิภาค ทั้งรัฐฉานตอนเหนือ รัฐกะยา รัฐชิน รัฐยะไข่ และภูมิภาคสะกาย
    .
    ภาพรวมของสงครามเมียนมา อาจกล่าวได้ว่ากองทัพเมียนมาเพลี่ยงพล้ำ แต่ไม่ถึงขั้นแตกพ่าย และยังห่างไกลกับคำว่า กองกำลังฝ่ายต่อต้านเผด็จการทหารรุกใหญ่ปิดล้อมเมืองเนปิดอว์
    .
    นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มองสถานการณ์เมียนมาว่า กองทัพทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2564 เรื้อรังมาเกือบสามปียังไม่แล้วเสร็จ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ขณะที่ฝ่ายต่อต้านประสานงานกันได้มากยิ่งขึ้น สามารถรวมพลังเป็นจุดๆ ตีกลับกองทัพเมียนมาที่ต้องรบรอบด้านทั่วประเทศ
    .
    “ถึงจุดนี้เมื่อจะไม่ชนะ ปราบไม่ได้ ก็เริ่มมีข่าวว่าฝ่ายกองทัพอยากเจรจา ล่าสุดอินโดนีเซียที่ยังเป็นประธานอาเซียนเดือนสุดท้ายก็อยากจัดพูดคุยกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย หมายความว่าอาจมีสัญญาณมาแล้วว่าอินโดนีเซียอาจเชิญทั้งฝ่ายกองทัพและฝ่ายประชาธิปไตยมาสู่โต๊ะเจรจา” อดีต รมต.ต่างประเทศไทยกล่าวถึงบริบทของอาเซียน ส่วนในกรณีของจีนนั้น การที่กองทัพเมียนมาควบคุมชายแดนไม่ได้ย่อมส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของจีน
    .
    "จีนสนับสนุนฝ่ายทหารมาโดยตลอด แต่การที่รัฐบาลทหารไม่สามารถควบคุมสถานการณ์และตอนนี้ควบคุมชายแดนไม่ได้ ก็อาจทำให้เกิดอาชญากรรมข้ามชาติทุกประเภท เมื่อรัฐบาลเมียนมาไม่สามารถทำอะไรกับจีนเทาได้ รัฐบาลจีนก็จำเป็นต้องพูดคุยกับชนกลุ่มน้อย ก็คงมีการยื่นหมูยื่นแมวกัน ความต้องการของจีนคือต้องมีเสถียรภาพ ต้องขจัดโจรจีนทุกประเภท"
    .
    สำหรับบทบาทของสหรัฐต่อสถานการณ์ในเมียนมา กษิตเชื่อว่าที่ปรึกษาประธานาธิบดีโจ ไบเดน คงให้คำแนะนำว่า สถานการณ์ยังพอควบคุมได้ปล่อยให้อาเซียนแสดงบทบาทนำ เรื่องเมียนมายังไม่ด่วนเท่ากับการที่สหรัฐสนับสนุนเวียดนามหรือฟิลิปปินส์ให้ต่อกรกับจีน
    .
    ด้านการเตรียมการรับมือของภาคธุรกิจไทย อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่า รัฐบาลในอดีตล้มเหลวในการปกป้องคุ้มครองและแนะนำภาคธุรกิจไทยรวมทั้ง ปตท.
    .
    "เพราะโลกเขาอยากให้แซงชั่น เงินที่จะจ่ายเป็นค่าก๊าซแทนที่จะส่งเข้าบัญชีทหารก็ควรส่งเข้า escrow account (บัญชีที่ได้รับการปกป้อง) เมื่อเมียนมากลับสู่ประชาธิปไตยค่อยปล่อยเงินออกมา" กษิตกล่าวและว่า ในเมื่อธุรกิจไทยทราบสถานการณ์การเมืองเมียนมาดีอยู่แล้วก็ควรถอนตัวออกมา
    .
    "ผมอดคิดไม่ได้ว่าธุรกิจที่มีอยู่ทำมาค้าขายกับทหารเมียนมาสีเทาหรือเปล่า ธุรกิจบริสุทธิ์ในสภาวะสงครามกลางเมืองทำยาก"
    .
    อย่างไรก็ตาม แม้ฝ่ายต่อต้านได้ชัยชนะก็ไม่คิดว่ากองทัพเมียนมาจะล่มสลายในเร็ววัน แม้ทหารเมียนมาแปรพักตร์มากขึ้น แต่ยังไม่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโดยเร็ว เพราะกำลังอาวุธยังต่างกันมาก ฝ่ายต่อต้านมีกำลังทหารราบ กองทัพส่งกองกำลังทางอากาศไปโจมตี แต่ยังยึดฐานที่มั่นคืนไม่ได้ นำไปสู่การคาดการณ์ว่า เมียนมาอาจมีรัฐประหารซ้อนแล้วหาคนมาเป็นผู้นำแทนมินอ่องหล่าย เหมือนสมัยเนวิน แต่บางคนคิดว่าอาจไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะองค์ประกอบของฝ่ายต่อต้านเปลี่ยนไป กล่าวคือผลักดันแนวคิดสหพันธรัฐมากขึ้น ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วการเป็นสหพันธรัฐยังทำได้ยาก
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/world/1102328?anm=
    .
    #เมียนมา #กลุ่มชาติพันธุ์ #รัฐประหาร
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจPolitics #KTGeopolitics

    tps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=746989440799978&id=100064667864722&mibextid=Nif5oz

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    #เงินเฟ้อ พ.ย.บวก 0.44% ต่ำสุดในรอบ 33 เดือน ส่งสัญญาณลดลงต่อเนื่อง
    .
    นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย เดือนพฤศจิกายน 2566 เท่ากับ 107.45 เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2565 ซึ่งเท่ากับ 107.92
    .
    ทั้งนี้ ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.44% (YoY) ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และต่ำสุดในรอบ 33 เดือน สาเหตุสำคัญยังคงเป็นมาตรการภาครัฐด้านพลังงาน ที่ทำให้สินค้าในกลุ่มพลังงานปรับลดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันในกลุ่มดีเซล และแก๊สโซฮอล์ 91 นอกจากนี้ เนื้อสุกร ไก่สด และน้ำมันพืช ราคาต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
    .
    สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ยังคงเคลื่อนไหวในทิศทางปกติ ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้น 0.58% (YoY)
    .
    ส่วนอัตราเงินเฟ้อของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนตุลาคม 2566 พบว่า อัตราเงินเฟ้อของไทยลดลง 0.31% ซึ่งอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 8 จาก 135 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และยังคงต่ำที่สุดในอาเซียนจาก 7 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (สปป.ลาว ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย)
    .
    อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนนี้ที่ลดลงร้อยละ 0.44 (YoY) มีการเคลื่อนไหวของราคาสินค้าและบริการ ดังนี้
    .
    หมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 0.87 (YoY) สาเหตุหลักยังคงเป็นสินค้าในกลุ่มพลังงานที่ราคาลดลงต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เนื่องจากมาตรการภาครัฐ ทั้งค่ากระแสไฟฟ้า น้ำมันดีเซล และแก๊สโซฮอล์ 91 รวมถึงค่าโดยสารรถไฟฟ้า
    .
    หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 0.20% (YoY) ตามราคาสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น อาทิ ข้าวสาร แป้งและผลิตภัณฑ์จากแป้ง (แป้งข้าวเจ้า ขนมอบ) ไข่ (ไข่ไก่ ไข่เป็ด ไข่เค็ม)
    .
    สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคเฉลี่ย 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) ปี 2566 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 สูงขึ้น 1.41% (AoA) ซึ่งอยู่ในกรอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2566 (1.0–3.0%)
    .
    นอกจากนี้ แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือน ธ.ค.2566 มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ตามราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร กลุ่มพลังงาน รวมถึงสินค้าอุปโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพอีกหลายรายการ และต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลง จากมาตรการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ประกอบกับฐานราคาในช่วงเดียวกันของปี 2565 อยู่ระดับสูงมีส่วนทำให้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง
    .
    ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2566 อยู่ระหว่าง 1.0–1.7% (ค่ากลาง 1.35%) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน
    .
    สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 คาดว่าจะชะลอตัวต่อเนื่องจากปี 2566 โดยมีปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลง อาทิ มาตรการลดค่าครองชีพของภาครัฐที่คาดว่าจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มการปรับขึ้นราคาสินค้าสำคัญค่อนข้างจำกัด เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัว ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน และญี่ปุ่น และหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง อาจเป็นปัจจัยกดดันการบริโภค
    .
    ด้วยเหตุผลตามข้างต้น กระทรวงพาณิชย์ จึงคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ปี 2567 จะอยู่ระหว่างลบ 0.3% ถึง 1.7% (ค่ากลางอยู่ที่ 0.7%) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทย และหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจะมีการทบทวนอีกครั้ง
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=747261017439487&id=100064667864722&mibextid=Nif5oz

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    “ซีอีโอรามาโก” เผย เหมืองถ่านหินไวโอมิง ค้นพบ 2 แร่หายากที่จีนห้ามส่งออก มูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ และสำคัญมากในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ท่ามกลางสงครามผลิตชิป
    .
    รามาโก รีซอร์สเซส อิงค์ บริษัทดำเนินการและพัฒนาเพื่อการขุดเหมืองถ่านหิน ได้พบแร่หายาก 2 ชนิดในเหมืองถ่านหินที่ไวโอมิง ซึ่งจัดได้ว่า เป็นการค้นพบ “แหล่งแร่ธาตุหายากที่ใหญ่ที่สุด” ในสหรัฐ
    .
    “แรนดัลล์ แอตกินส์” ซีอีโอรามาโก รีซอร์สเซส ได้ให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กเมื่อวันพุธ (6 ธ.ค.) ว่า ขณะที่รามาโกกำลังทำการสำรวจแร่ธาตุต่างๆ อยู่ภายในเหมืองถ่านหินไวโอมิง ประเทศสหรัฐได้พบกับ “แกลเลียม และเจอร์เมเนียม” เป็นแร่ 2 ชนิด ซึ่งจีนเพิ่งสั่งควบคุมส่งออกแร่หายากดังกล่าว
    .
    แร่ธาตุหายาก ชิงคืนได้เปรียบสงครามชิป
    .
    แร่ธาตุหายากที่ค้นพบในเหมืองถ่านหินไวโอมิง อาจมีมูลค่าสูงถึง 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์ เพราะมีความสำคัญมากต่ออุตสาหกรรมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์
    .
    “เหมืองถ่านหินที่ไวโอมิง พบแร่โลหะจำนวนมาก ซึ่งภายในแหล่งดังกล่าว ได้ขุดเจอแกลเลียมและเจอร์เมเนียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุรอง (secondary elements) ที่ค่อนข้างสมบูรณ์” แอตกินส์กล่าว
    .
    จีนแบนส่งออกแร่ ชิงได้เปรียบอุตฯชิป
    .
    ทางการจีนประกาศห้ามส่งออกแกลเลียม และเจอร์เมเนียมเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นแร่ธาตุทั้งสองชนิดเป็นแร่หายากที่สุดในโลก ซึ่งจีนอ้างว่า สามารถขุดพบเจอในประเทศนี้เท่านั้น
    .
    จีนห้ามส่งออกแร่ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของสงครามการค้าด้านเทคโนโลยี แบบตาต่อตากับสหรัฐ และยุโรป
    .
    เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นอ้าง Critical Raw Materials Alliance ระบุว่า จีนได้ผลิตแกลเลียมประมาณ 80% และเจอร์เมเนียมประมาณ 60% ของโลก แล้วตอนนี้ได้หยุดส่งออกแร่สองชนิดไปต่างประเทศแล้วนับตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
    .
    มาตรการดังกล่าวบ่งชี้ว่า จีนกำลังตอบโต้สหรัฐที่ได้ควบคุมการส่งออกชิปและไม่ให้จีนเข้าถึงเทคโนโลยี ท่ามกลางสงครามเอไปคุกรุ่น
    .
    จีนเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก และมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงในเวลาอันรวดเร็ว หวังก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้แข่งขันทางเทคโนโลยีกับสหรัฐ
    .
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/world/1102449?anm=
    .
    #แร่หายาก #แกลเลียม #เจอร์เมเนียม
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจPolitics #KTGeopolitics

    ttps://www.facebook.com/photo.php?fbid=747338177431771&set=a.605386548293602&type=3&mibextid=Nif5oz

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ‘เศรษฐา’ แย้มค่าไฟงวดใหม่ ม.ค.-เม.ย.67 4.10 บาท/หน่วย อยู่ระหว่างหารือหน่วยงาน ลดจากเป้าเดิม 4.20 บาท ส่วนที่ กกพ.ประกาศค่าไฟ 4.68 บาทต่อหน่วยนั้นย้ำรับไม่ได้
    .
    วันนี้ (7 ธ.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวระหว่างการปาฐกถา หัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจไทย” จัดโดยหลักสูตรวิทยาการการจัดการสำหรับผู้บริหารระดับสูง (วบส.) สถาบันฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ตอนหนึ่งว่ารัฐบาลปัจจุบันพยายามที่จะลดค่าครองชีพของประชาชน โดยส่วนหนึ่งก็คือการลดค่าครองชีพในส่วนของค่าใช้จ่ายในเรื่องของพลังงานทั้งค่าน้ำมัน และค่าไฟฟ้า ซึ่งในงวดค่าไฟฟ้าล่าสุดที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศค่าไฟฟ้างวด ม.ค. -เม.ย. 2567 เป็น 4.68 บาทต่อหน่วยนั้นตนได้บอกไปแล้วว่าค่าไฟตัวเลขนั้นรับไม่ได้
    .
    ตอนนี้ตัวเลขค่าไฟที่ 4.20 บาทต่อหน่วยเป็นตัวเลขที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด แต่ตอนนี้ตัวเลขที่อยากได้แล้วจะกดลงมาคือตัวเลขา 4.10 บาทต่อหน่วย ซึ่งก็อยู่ระหว่างที่คุยกันอยู่
    .
    “การทำให้ค่าไฟเหลือต่ำกว่า 4 บาท โดยเหลือ 3.99 บาทต่อหน่วยนั้นคงทำไม่ได้ แต่ตัวเลข 4.10 บาทต่อหน่วย ตอนนี้กำลังคุยกันอยู่จะพยายามบีบลงมาให้ได้ ซึ่งแม้ว่าจะลดลงมาเหลือได้ไม่เท่าเดิมแต่ค่าไฟที่ลดลงมานั้นผมลดลงมาจาก 4.50 บาทแล้วนะครับ”
    .
    #ค่าไฟ #เศรษฐา #ค่าไฟงวดใหม่ #ลดค่าครองชีพ
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

    tps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=747325114099744&id=100064667864722&mibextid=Nif5oz

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ทีมวิจัยใน Ireland ค้นพบว่า โรคสมองเสื่อม Alzheimer's อาจถูกควบคุมจากกลุ่มจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้ของผู้ป่วย (Gut microbiome) ในงานวิจัยที่เพิ่งตีพิมพ์ในวารสาร Brain ทีมวิจัยได้ทำการทดลองนำแบคทีเรียที่แยกมาจากอุจจาระผู้ป่วย Alzheimer's เทียบกับแบคทีเรียจากคนปกติที่ไม่ได้ป่วย นำไปให้เจริญเติบโตในลำไส้ของหนูที่ถูกทำลายแบคทีเรียเดิมที่อยู่ในลำไส้ของหนูก่อนหน้านี้ออกไป เพื่อดูบทบาทของแบคทีเรียชุดใหม่ต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้นกับหนูเหล่านั้น ทีมวิจัยรายงานว่า หนูกลุ่มที่ได้รับแบคทีเรียจากผู้ป่วยไปเจริญเติบโตในลำไส้มีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากหนูกลุ่มควบคุมอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พฤติกรรมการเรียนรู้ ความจำของหนูลดลง และ ส่วนของสมองที่ชื่อว่า hippocampus ก็มีขนาดเล็กกว่าหนูปกติ ซึ่งสมองส่วนนี้มีหน้าที่โดยตรงต่อความทรงจำ และ การเรียนรู้ต่างๆ

    งานวิจัยชิ้นนี้เป็นชิ้นสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้มีบทบาทสำคัญต่อการเกิดความผิดปกติในอวัยวะอื่นที่แบคทีเรียดังกล่าวไม่ได้อาศัยอยู่อย่างในสมอง การป้องกันการเกิด Alzheimer's อาจจำเป็นต้องเน้นไปที่จุลินทรีย์ในลำไส้ให้มาก เพราะต้นเหตุของโรคอาจมาจากตรงนั้น

    tps://www.facebook.com/100000897943637/posts/7409876169052241/?mibextid=Nif5oz



    FB_IMG_1701941794348.jpg PSX_20231207_163753.jpg
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    บทความชิ้นหนึ่งตีพิมพ์ออกมาเมื่อไม่นานนี้ในวารสาร Trends in Endocrinology & Metabolism อธิบายเกี่ยวกับบทบาทของน้ำนมแม่ต่อสุขภาพของลูกในอนาคต และ ช่วง 2 ปีแรกที่ให้นมบุตรอาจมีส่วนสำคัญต่อสุขภาพของลูกหลังจากที่หย่านมแล้ว ประเด็นสำคัญที่พูดถึงในบทความนี้คือ องค์ประกอบในน้ำนมของแม่ที่ให้กับลูกสามารถป้องกันสิ่งผิดปกติที่จะเกิดขึ้นกับลูกในอนาคตได้ กล่าวคือ ลูกที่ได้รับนมจากแม่ที่มีรูปร่างอ้วน ไม่ได้ออกกำลังกายในช่วงให้นมบุตร มักมีปัญหาเรื่องของน้ำหนักตัว และ เสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคเกี่ยวกับระบบเผาผลาญ เช่น เบาหวาน หรือ หัวใจเมื่อโตขึ้นมา แต่ในทางกลับกัน ลูกที่ได้รับน้ำนมจากแม่ที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีการใช้ชีวิตที่ active มักจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักตัวเมื่อโตขึ้นมา

    งานวิจัยหลายชิ้นสนับสนุนว่า องค์ประกอบของน้ำนมในแม่ที่อยู่ในสภาวะของร่างกายที่ active จะมีการสร้างสารหลายประเภทขึ้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Human milk oligosaccharides (HMOs) ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยปรับระบบจุลชีพในระบบทางเดินอาหารของลูก (Gut microbiome) ให้เหมาะสมป้องกันการเกิดโรคอ้วนได้ในอนาคต

    หลายๆงานวิจัยที่อ้างอิงในบทความนี้เเหมือนป็นการยืนยันว่า การออกกำลังกายของคุณแม่นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณแม่เองแล้ว ยังสามารถส่งต่อสุขภาพดีๆให้ลูกน้อยในอนาคตด้วยนะครับ

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=7402191909820667&id=100000897943637&mibextid=Nif5oz



    FB_IMG_1701942064622.jpg FB_IMG_1701942066911.jpg PSX_20231207_164209.jpg
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    Dec 9, 2023 ด่วน! บริษัทไทยมารูจูน ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในนิคมสหรัตนคร อยุธยา ปิดกิจการถาวร ปลดพนักงานจำนวนมากหลายร้อยคน

    วันนี้ 9 ธันวาคม 2023 เฟสบุ๊กข่าวสารชลบุรี-ระยอง โพสต์ข้อความและภาพเกี่ยวกับโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ประกาศปิดกิจการที่สาขาในนิคมสหรัตนคร นครหลวง อยุทธยา อย่างถาวร และปลดพนักงาน มีดังนี้

    ถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกันแล้ว เหลือเพียงไว้เป็นตำนาน

    บริษัท ไทย มารูจูน จำกัด ประกาศหยุดกิจการ ที่สาขา นิคมสหรัตนคร นครหลวง อยุทธยา แบบถาวร ส่งผลให้พนักงานตกงานทันที จ่ายค่าชดเชยตามกฏหมาย โดยบริษัทไทยมารูจูน จำกัด เป็นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ มีสถานที่ตั้ง สำนักงานใหญ่ นิคมอุตสาหกรรม หนองแค เลขที่ 62 หมู่ 6 บ้านหนองสมัคร ต.โคกแย้ อ.หนองแค จังหวัดสระบุรี

    สำหรับบริษัทไทย มารูจูน จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2537 หรือมีอายุมาถึง 29 ปี 5 เดือน ด้วยทุนจดทะเบียน 846,400,000 บาท ดำเนินกิจการผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์หลายประเภท เช่น ถังน้ำมัน ฝาปิด/เปิดน้ำมัน รางโครงหลังคา คานด้านล่าง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกจำนวนมาก ข้อมูลล่าสุดมีจำนวนพนักงาน 510 คน �
    ทั้งนี้ บริษัท มารูจูน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น มีทุนจดทะเบียนราว 1,950,860,000 เยน ประธานบริษัทมีชื่อว่า นายฮิโรชิ ไซโต้ บริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นดำเนินกิจการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เช่น stamping, welding, assemblyและ finishing ผลิตเครื่องมือในการออกแบบแม่พิมพ์ เครื่องมือยึดจับ และเครื่องมือตรวจสอบคุณภาพ

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    Twitter: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/

    #โรงงาน #อุตสาหกรรม #ปิดกิจการ #ปิดโรงงาน #ตกงาน #ปลดพนักงาน #ชลบุรี #ระยอง #ชิ้นส่วนรถยนต์ #เศรษฐกิจ #BTimes #ไทยมารูจูน�
    tps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=905542497602861&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    Dec 9, 2023 ชักไม่แน่! โอกาสลดดอกเบี้ยสหรัฐเร็วกว่าคาดเริ่มไม่แน่นอนสูง ยอดจ้างงานสูงเดินคาด-ยอดว่างงานพลิกลดลงในสหรัฐ

    นักวิเคราะห์ นายหน้าซื้อขายหุ้น ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เริ่มทบทวนโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นเร็วที่สุดในเดือนมีนาคม 2024 หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐอเมริกา สะท้อนภาวะการชะลอตัวอย่างนุ่มนวลมากกว่าจะเกิดภาวะถดถอย

    สาเหตุจากในคืนผ่านมา กระทรวงแรงงาน สหรัฐอเมริกา ประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในสหรัฐอเมริกาเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้นถึง 199,000 คน ซึ่งสูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 180,000-190,000 คน ที่สำคัญ อัตราการว่างงานกลับลดต่ำลงมาอยู่ที่ระดับ 3.7% ซึ่งลดลงจากในเดือนตุลาคมที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.9% ซึ่งเป็นสถิติว่างงานที่สูงในเกือบรอบ 2 ปี สะท้อนถึงความต้องการบริโภคน้ำมันดิบในสหรัฐมีต่อเนื่อง

    ด้านตัวชี้วัดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่เรียกว่า เฟดวอช์ท พบว่า โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในการประชุมเดือนธันวาคมอยู่ที่ 100% จากเดิมที่โอกาสไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ที่ 91% อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่ามีโอกาสอยู่ที่ 50% จากเดิมที่ 60% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยดังกล่าวครั้งแรกในต้นเดือนมีนาคมปี 2024

    นักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ยังคงยืนยันในมุมมองเดิมที่ว่า เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2024 เป็นต้นไป โดยประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวในปัจจุบันที่ระหว่าง 5.25-5.50% ที่ทรงตังสูงในรอบ 22 ปี จะลดลงเหลือที่ระหว่าง 4.00-4.25% ในสิ้นปีหน้า 2024

    ผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันการเงิน สถาบันวิจัยอิสระ และอื่นๆ รวมจำนวน 102 คนในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส พบว่า มีราว 52% ที่มองว่าเฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นครั้งแรกอย่างน้อยในเดือนกรกฎาคม 2024 เป็นต้นไป ขณะที่มีเกือบ 75% มองว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยรวมถึง 1% หรือน้อยกว่านั้นภายในปี 2024

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    Twitter: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/

    #ลงทุน #การเงิน #หุ้น #ตลาดหุ้น #เศรษฐกิจ ##btimes #สหรัฐ #ดาวโจนส์ #นาสแดค #เอสแอนด์พี500 #ดอกเบี้ย #เงินเฟ้อ

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=905464690943975&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    Dec 9, 2023 หยุดตกแล้ว! หยุดราคาน้ำมันดิบโลกร่วง 6 วันติด ปิดขึ้นเหนือ 75 ดอลลาร์ แต่ทำสถิติราคาน้ำมันดิบรายสัปดาห์ร่วง 7 สัปดาห์ติดกัน ยาวนานในรอบ 5 ปี

    ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2023 ที่ผ่านไป พบว่า ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 71.23 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.89 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.7% นับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 วันผ่านมาที่ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ย้อนกลับปิดเหนือ 70 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดีผ่านมา ราคาน้ำมันดิบทำสถิติปิดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน ผ่านมา นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 3-8 ธันวาคมผ่านมา ยังส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 6 วันติดกันรวม -8.52 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -11.39% ทำสถิติราคาน้ำมันดิบร่วงติดต่อกันยาวนานในรอบ 7 เดือน หรือตั้งแต่พฤษภาคม 2023 ในสัปดาห์นี้ราคาปิดลดลง -3.8%

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2565 มีราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ สหรัฐอเมริกา พุ่งขึ้นสูงสุดที่ 130.50 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำสถิติราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่สูงสุดนับตั้งแต่กันยายน 2008 หรือในรอบ 13 ปี 5 เดือน

    ด้านราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 75.84 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล +1.79 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ +2.4% ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดีผ่านมา ทำสถิติราคาปิดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน หรือตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายนผ่านมา นอกจากนึ้ ส่งผลราคาน้ำมันดิบปิดลดลง 6 วันติดกันตั้งแต่ระหว่างวันที่ 3-8 ธันวาคมผ่านมา รวม -6.99 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -9.23% ในสัปดาห์นี้ราคาปิดลดลง -3.8%

    ในปี 2022 ผ่านไปราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ มีราคาสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2008 หรือในรอบ 13 ปี 7 เดือน โดยเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม 2565 มีขึ้นมาสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 139.13 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) สาเหตุจากนักลงทุนได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในสหรัฐอเมริกาเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้นถึง 199,000 คน ซึ่งสูงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 180,000-190,000 คน ที่สำคัญ อัตราการว่างงานกลับลดต่ำลงมาอยู่ที่ระดับ 3.7% ซึ่งลดลงจากในเดือนตุลาคมที่เพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.9% ซึ่งเป็นสถิติว่างงานที่สูงในเกือบรอบ 2 ปี สะท้อนถึงความต้องการบริโภคน้ำมันดิบในสหรัฐมีต่อเนื่อง

    เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2023 กลุ่มโอเปกพลัสมีมติเห็นตรงกันให้ขยายเวลามาตราลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของทั้งกลุ่มต่อไป รวมถึงให้ลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงอีก ส่งผลปริมาณการผลิตน้ำมันดิบลดลงวันละ 2.2 ล้านบาร์เรล มีผลตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ใน 2024 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม ปริมาณดังกล่าวน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะลดการผลิตลงวันละมากกว่า 2-3 ล้านบาร์เรล

    สำหรับการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบลงอีกนั้น ประกอบด้วย ซาอุดิอาระเบียยังคงลดกำลังการผลิตลงวันละ 1 ล้านบาร์เรลเช่นเดิม แต่รัสเซียลดการผลิตลงจากปัจจุบันอีกวันละ 200,000 บาร์เรล รวมเป็นลดผลิตวันละ 500,000 บาร์เรล นอกจากนี้ มีอีก 6 ประเทศที่ลดกำลังการผลิต เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตลดผลิตวันละ 163,000 บาร์เรล อิรักลดผลิตน้ำมันดิบลงอีกวันละ 220,000 บาร์เรล

    อย่างไรก็ตาม สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ หรือไออีเอ เปิดเผยว่า ได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกทั้งในปี 2023 นี้ และในปี 2024 ด้วย กลุ่มโอเปกพลัสประเมินความต้องการใช้น้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2024 เพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและจีนจะขยายตัวขึ้น ทำให้ปัจจัยพื้นฐานของราคาน้ำมันดิบยังคงแข็งแกร่ง แต่การที่ราคาน้ำมันดิบร่วงตกต่ำเนื่องจากเกิดภาวะเทขายราคาน้ำมันดิบมากเกินราคาแท้จริง

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    Twitter: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/

    #น้ำมันดิบ #ราคาน้ำมันดิบ #ราคาน้ำมัน #ราคาน้ำมันวันนี้ #เศรษฐกิจ #โอเปกพลัส #ดอลลาร์สหรัฐ #ดอลลาร์ #BTimes

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=905440514279726&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    Dec 9, 2023 ล้มนิวไฮ! ธุรกิจเอกชนอเมริกันล้มละลายพุ่งสูงเกือบ 600 บริษัท ตั้งแต่เกิดวิกฤตโรคโควิด-19 สถิติใหม่ในรอบ 3 ปี

    เอสแอนด์พี โกลบอล มาร์เก็ท อินเทลลิเจนซ์ เปิดเผยว่า ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านไป มีบริษัทสัญชาติสหรัฐยื่นขอล้มละลายรวมจำนวน 34 บริษัท ส่งผลให้นับตั้งแต่ต้นปีนี้มาถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2023 มีบริษัทล้มละลายรวมทั้งสิ้น 591 บริษัท ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2020 หรือในรอบ 3 ปีผ่านมา อย่างไรก็ตาม จำนวนบริษัทที่ยื่นล้มละลายในเดือนพฤศจิกายนผ่านมา เป็นเดือนที่มีจำนวนบริษัทล้มละลายน้อยที่สุดในปีนี้ ลดลงจากเดือนตุลาคมที่มีบริษัทล้มละลาย 49 แห่ง

    สาเหตุจากภาวะอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในระดับสูงในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ภาวะเงินเฟ้อระดับสูงที่ทรงตัวและลดลงไม่รวดเร็วอย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ท่ามกลางกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวอเมริกันที่ชะลอตัวพร้อมด้วยภาวะหนี้สินที่สูงขึ้น

    สำหรับบริษัทล่าสุดที่ประกาศล้มละลายในเดือนพฤศจิกายนผ่านมาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2023 วีเวิร์ค (WeWork) ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยุคใหม่ที่มาจากสตาร์ทอัพชื่อดังในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าได้ยื่นต่อศาลในเมืองนิวเจอร์ซี รัฐนิวยอร์ก เพื่อเข้าสู่สถานะล้มละลายแล้ว และร้องขออำนาจศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์สินตามกฎหมายมาตรา 11 ภายในต้นสัปดาห์หน้า ส่งผลให้บริษัทวีเวิร์คที่เคยมีมูลค่ามากมายถึง 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.74 ล้านล้านบาทเมื่อปี 2019 หรือก่อนเกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 ต้องกลายเป็นศูนย์หรือล่มสลายในที่สุด

    ด้านภาระหนี้สินที่ต้องรับผิดชอบต่อผู้ถือหุ้น นักลงทุน และเจ้าหนี้ทุกระดับชั้น มีมูลค่าระหว่าง 10,000-50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือระหว่าง 370,000 ล้านบาท ถึง 1.85 ล้านล้านบาท

    ก่อนหน้านี้ มหาเศรษฐีและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทซอฟท์ แบงก์ จากญี่ปุ่น เคยลงทุนในบริษัทวีเวิร์ค อย่างไรก็ตาม วีเวิร์คประสบความล้มเหลวในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วง 5 ปีผ่านมา

    สาเหตุจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ประเภทพื้นที่ร่วมทำงาน หรือ Co-working space และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเผชิญภาวะซบเซาท่ามกลางสถานการณ์ต้นทุนการเงินที่อยู่สูง นอกจากนี้ในช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 กลายเป็นปัจจัยลบอย่างรุนแรงกับวีเวิร์ค เนื่องจากลูกค้าที่เป็นบริษัทชั้นนำต่างๆล้วนยกเลิกสัญญาการเช่าพื้นที่สำนักงาน เพื่อตัดลดค่าใช้จ่าย ที่สำคัญ ซอฟท์ แบงก์ ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทชั้นนำด้านโทรคมนาคม และกลุ่มบริษัทร่วมทุนชื่อดังระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่นของมหาเศรษฐีมาซาโยชิ ซอน ที่สนับสนุนการลงทุนวีเวิร์คในปัจจุบัน เผชิญกับภาวะหนี้สะสมสูง และมีผลประกอบการขาดทุนมากมาย

    ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปีนี้ บริษัทในสหรัฐอเมริกาประกาศล้มละลายที่มีมูลค่าหนี้สินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือมากกว่า 35,000 ล้านบาท มีจำนวนไม่น้อยกว่า 19 บริษัท รวมมูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 680,000 ล้านบาทขึ้นไป เช่น กลุ่มธนาคารเอสวีบี ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ล้มละลายเมื่อวันที่ 17 มีนาคม บริษัทเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ล้มละลายเมื่อวันที่ 23 เมษายน เป็นต้น

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    Twitter: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/

    #ล้มละลาย #สหรัฐ #ปิดกิจการ #เศรษฐกิจ #ดอกเบี้ย #BTimes

    tps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=905454047611706&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    Dec 9, 2023 ไม่บอกกัน! จุฬา-สายเดินเรือ-ส่งออก ประสานเสียงโครงการ 1 ล้านล้านแลนด์บริดจ์ ไม่คุ้มค่าทั้งเศรษฐกิจและการลงทุน เอกชนชี้ทำต้นทุนพุ่งสูง แข่งขันยากอีก

    ร.ศ.ดร.สมพงษ์ ศิริโสภณศิลป์ อาจารย์พิเศษ หลักสูตรการจัดการโลจิสติกส์ และโซ่อุปทาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำผลการศึกษาโครงการศึกษาความเป็นไปได้การเชื่อมโยงเส้นทางขนส่งทางทะเลฝั่งอ่าวไทย และอันดามันของประเทศไทย ซึ่งศึกษาโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มาเปิดเผยว่า การพัฒนามี 4 รูปแบบทางเลือก ได้แก่ 1. การพัฒนาพื้นที่การผลิตและการค้าตามแนวชายฝั่งอ่าวไทย และอันดามันภายใต้แผนปฏิบัติการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (SEC) โดยไม่มีการก่อสร้างเส้นทางเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างสองฝั่งทะเล

    2. การพัฒนาสะพานเศรษฐกิจทางบกเส้นทางใหม่ (Landbridge) 3.การพัฒนาขุดคลองลัดหรือคลองไทย และ 4.การพัฒนาสะพานเศรษฐกิจทางบกตามแนวเส้นทาง GMS Southern Economic Corridor ซึ่งหมายถึงเส้นทางถนนเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างกาญจนบุรี และเขตตะนาวศรีของเมียนมา กับทะเลฝั่งอันดามันผ่านท่าเรือทวาย

    ข้อสรุปจากการศึกษาในครั้งนี้ พบว่า ทางเลือก 2 หรือ การลงทุนสร้างโครงการ Landbridge ได้คะแนนเป็นอันดับที่ 3 หรือคิดเป็น 19.3% สาเหตุจากความต้องการขนส่งสินค้าจากการเดินเรือผ่านช่องแคบมะละกานั้น ปรากฏว่า กลุ่มที่อาจมาใช้โครงการแลนด์บริดจ์นี้ จะมีเฉพาะเรือบรรทุกสินค้าตู้ เนื่องจากมีการเดินเรือในลักษณะการถ่ายลำระหว่างเรือในเส้นทางเดินเรือหลักกับเรือในเส้นทางเดินเรือรอง

    สำหรับข้อเสนอแนะ พบว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน มารองรับสินค้าต่างประเทศที่จะมาถ่ายลำผ่านโครงการแลนด์บริดจ์ไม่คุ้มค่าในการลงทุนทั้งทางเศรษฐกิจและการเงิน” ถัดมาควรปรับปรุงรูปแบบธุรกิจ หรือ Business Model โดยลดวัตถุประสงค์โครงการแลนด์บริดจ์ลงเหลือเพียงบทบาท สนับสนุนการผลิตและการค้าของไทย ภายใต้การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) ซึ่งจะส่งผลให้สามารถลดขนาดโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนไปได้อย่างมาก ลดความเสี่ยงจากผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และลดผลกระทบต่อชุมชนและการเวนคืน

    ด้านมุมมองของเจ้าของธุรกิจเดินเรือ นายพิเศษ ฤทธาภิรมย์ ประธานสมาคมเจ้าของและตัวแทนเรือกรุงเทพ กล่าวว่า เรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ที่ใช้ในเส้นทางเป้าหมายของโครงการโดยส่วนใหญ่มีขนาดระหว่าง 7,500-25,000 ทีอียู มีความยาวระหว่าง 300 ถึง 400 เมตร ที่สำคัญ มีเพียงเส้นทางการขนส่งระหว่างเอเชียกับปลายทางคือ อินเดีย-ตะวันออกกลาง-ยุโรป เท่านั้นที่อาจมาใช้บริการโครงการแลนด์บริดจ์ อย่างไรก็ตาม การใช้งานแลนด์บริดจ์ของเรือขนาดใหญ่จะมีต้นทุนค่าใช้จ่าย เวลา และต้องใช้จำนวนเรือมากขึ้น นั่นหมายถึงส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการขนส่งสินค้า (มีต่อหน้า 2/2)

    (หน้า 2/2) ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เปิดเผยว่า โครงการแลนด์บริดจ์ หรือ "Land Bridge" มีมูลค่าราว 1 ล้านล้านบาทนั้น มีความสำคัญหลายอย่าง ได้แก่เมกะโปรเจกต์นี้ มีมูลค่าการลงทุน 1 ล้านล้านบาท ประกอบไปด้วย การก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก แบ่งเป็น ท่าเรือฝั่งชุมพร 3 แสนล้านบาท, ท่าเรือฝั่งระนอง 3.3 แสนล้านบาท, การพัฒนาพื้นที่ เปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้า 1.4 แสนล้านบาท และการสร้างระบบการขนส่ง 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วย ทางหลวงระหว่างเมือง 6 ช่อง, ทางรถไฟเชื่อมต่อโครงข่ายหลัก และทางรถไฟเชื่อม 2 ท่าเรือ

    สำหรับรูปแบบการพัฒนาโครงการ ลักษณะเอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ทำการเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ประเทศไทย ตั้งอยู่ใจกลางคาบสมุทรอินโดจีน ซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านการขนส่งและการค้าของเอเชีย นอกจากนี้ โครงการแลนด์บริดจ์ช่วยลดระยะทางการขนส่ง ซึ่งเป็นการร่นระยะเวลาและประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งแล้ว

    โครงการแลนด์บริดจ์นี้ ก่อให้เกิดการพัฒนาพื้นที่หลังท่าด้วยอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง และกิจกรรมเชิงพาณิชย์อื่นๆ ด้านการจ้างงานในพื้นที่ พบว่า จะมีจำนวน 280,000 ตำแหน่ง โดยแบ่งเป็น จังหวัดระนองจำนวน 130,000 ตำแหน่ง จังหวัดชุมพร 150,000 ตำแหน่ง

    โครงการแลนด์บริดจ์เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ที่จะเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชุมพร จังหวัดระนอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดนครศรีธรรมราช และยังยกระดับอุตสาหกรรมชีวภาพและการแปรรูปเกษตรมูลค่าสสูงรวมถึงยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการท่องเที่ยวสู่นานาชาติ

    โครงการแลนด์บริดจ์เป็นศูนย์กลางของภาคใต้ในการเชื่อมโยงการค้าและการลงทุนระหว่างพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศไทยและภูมิภาคฝั่งทะเลอันดามัน ช่วยเชื่อมต่อเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจอื่นๆ ระดับภูมิภาค นอกจากนี้ เป็นเส้นทางรองรับสินค้าเส้นทางจากประเทศจีน ลาว อินเดีย ไปยังยุโรป หรือสินค้าจากยุโรปมายังภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    เฟซบุ๊ก: https://m.facebook.com/btimesch3/
    ยูทูป: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    ทวิตเตอร์: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    เว็บไซต์: https://btimes.biz
    พ็อดคาสท์: https://btimes.podbean.com/

    #แลนด์บริดจ์ #เมกะโปรเจ็คท์ #การลงทุน #ส่งออก #เศรษฐกิจ #BTimes

    tps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=905535510936893&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    คนเราเวลามันหมด นี่มันหมดจริงๆ
    ฮ่องกง ...
    ตอนนี้ หุ้นก็หด หนังก็เหี่ยว
    30-40 ปีก่อน ฮ่องกงพุ่งเฉิดฉายสุดๆ --- ย้ำว่า "สุดๆ"
    วงการหนัง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง --- เอาง่ายๆ บ้านเรา โรงหนัง 70-80% ฉายแต่หนังฮ่องกง ที่เหลือคือฝรั่ง ปนๆ ไทยแทรกบ้าง
    หนังดังๆ ท่องชื่อมาสิ ยาวเป็นหางว่าว : เดชคัมภีร์เทวดา / หวงเฟยหง / คนตัดคน เป็นต้น (นี่ยังไม่นับหนังเฉินหลงที่ทำรายได้ถล่มทลาย ทุกๆ ตรุษจีน)

    มาวันนี้ ถามหน่อย หนังฮ่องกงมีเรื่องอะไรฉายบ้าง ... เอ่อ ใครจะตอบได้!

    บุคลากรย้ายไปจีนเกือบเกลี้ยง ... ดารา ผู้กำกับ คนเขียนบท ฯลฯ แทบจะไม่หากินบนเกาะฮ่องกงแล้ว
    (เท่าที่เหลือ คือ "หลิวเต๋อหัว" ที่ยังขยันทำหนังในฮ่องกงบ้าง --- เข้าใจว่าเพราะ "สำนึกรักแผ่นดินเกิด" ประมาณนั้น)

    เวลาไป มันก็ไปหมดนะครับท่าน ไม่รู้เป็นโชคชะตาราศี ดวงเมืองอะไรเทือกนั้นหรือเปล่า ...
    ศูนย์กลางทางการเงินแห่งเอเชีย ... แหม เดี๋ยวนี้ก็เกรงจะไม่ค่อยใช่แล้ว --- เรียกไม่ได้เต็มปากเต็มคำ
    ยิ่งหลายปีก่อน ที่เกิด "จลาจล" ใหญ่โต ส่งผลกระทบมหาศาลต่อความเชื่อมั่น --- เรื่องเงินๆ ทองๆ ก็รู้ๆ อยู่ ของแบบนี้ต้อง 100% ห้ามมีอันใด "ติดขัด" เป็นอันขาด แม้เพียงเสี้ยวก็เสี่ยงไม่ได้
    (ทุกวันนี้ เท่าที่อยู่ได้ เพราะส่วนหนึ่ง มัน "ลิงก์" กับตลาดหุ้นจีน แต่ ... หลายปีหลังมานี้ ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ (ซั่งไห่) และ เซินเจิ้น กำลังโตวันโตคืน และรัฐบาลจีนเองก็เริ่มปล่อยหลวมๆ ดังนั้น อีกไม่นานนัก ฮ่องกงอาจไม่จำเป็นเหมือนอดีต)

    เอาปัจจุบันก่อนเถอะ ช่วงนี้หุ้นจีนตกวูบน่าใจหาย ทีนี้พอมัน "ลิงก์" มาตลาดฮ่องกง ก็พลอยทำให้หงอยๆ ไปด้วย
    ยิ่งบรรยากาศของฮ่องกงก็ซึมๆ เซาๆ อยู่แล้ว เลยยิ่งพานไปกันใหญ่

    ดัชนี "เหิงเซิง" (คนฮ่องกงเรียก "หั่งซั้ง" ส่วนภาษาไทยเรียก "ฮั่งเส็ง") ร่วงติดกัน 4 ปีซ้อน สถิติต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์

    หุ้นที่ IPO โดดเข้าสู่ตลาดหุ้นฮ่องกงในปีนี้ ตกต่ำที่สุดในรอบ 22 ปี มูลค่าแค่ 5.1 พันล้านดอลลาร์ หดลง 10 เท่าจาก 3 ปีก่อน!!!

    ปีที่แล้ว โบรกเกอร์ในฮ่องกง "ปิดกิจการ" ไปซะ 49 ราย สถิติเยอะสุดในประวัติศาสตร์
    ปีนี้ นับถึงตอนนี้ ล่อไปแล้ว 30 ราย

    มูลค่าตลาดหุ้นฮ่องกง ก็เพิ่งโพสต์ไปไม่กี่วันก่อน ว่าอีกนิดก็จะถูกอินเดียแซงแล้ว (วันนี้ ฮ่องกงยังอันดับ 4 และอินเดีย อันดับ 5 แต่หายใจรดต้นคออสุดๆ แล้ว)

    มองไม่เห็นว่าจะพลิกฟื้นเช่นใด
    อดีต ช่างเรืองรองนัก
    ทอดสายตามาดูปัจจุบัน ชวนถอนใจเหลือเกิน

    https://www.bloomberg.com/news/arti...-wave-of-brokerage-closures?srnd=premium-asia

    tps://www.facebook.com/100059471564207/posts/737596301566082/?mibextid=Nif5oz

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    Dec 9, 2023 รับไม่ไหว! นายกฯไม่พอใจสุดๆ มติขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ถามจะยอมให้ไทยเป็นพลเมืองชั้น 2 ชั้น 3 ในโลกหรือ ชี้ขึ้นแค่ 2 บาทใน 3 จังหวัดภาคใต้ ซื้อไข่ใบเดียวยังไม่ได้เลย เตือนเจ้าของธุรกิจอย่ากดดัน จ้องเอาเปรียบ พร้อมทบทวนถึงจะส่งมติมาให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา

    ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรณีคณะกรรมการไตรภาคีมีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศ 2-16 บาท ว่า ค่าแรงขั้นต่ำของเราไม่ได้ขึ้นมานานมาก และขึ้นมาน้อยมาก ขณะที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทุกวัน รัฐบาลพยายามทำหลายวิธี ที่จะให้ลดค่าใช้จ่าย ค้างค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน พักหนี้เกษตรกร และอีกหลายอย่าง เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความทุกข์ของประชาชน รวมไปถึงการแก้ไขหนี้นอกระบบ และหนี้ในระบบ

    รัฐบาลพยายามทำอยู่ เพื่อลดค่าใช้จ่าย ขณะที่เรื่องของการเพิ่มรายได้ก็สำคัญ โดยประชาชนหลายสิบล้านคนต้องพึ่งค่าแรงขั้นต่ำจำนวนมาก บางจังหวัดขึ้นแค่ 7-12 บาทเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินไป ทั้งที่รัฐบาลพยายามที่จะยกระดับให้ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมไฮเทค ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น ตนเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อที่จะดึงบริษัทใหญ่มาลงทุนในไทย ไปเปิดตลาดค้าขายใหม่ในต่างประเทศ ที่ไทยยังไม่มีสนธิสัญญาทางการค้า สิ่งเหล่านี้รัฐบาลพยายามทำอย่างเต็มที่

    แต่ผู้ประกอบการหรือนายจ้างต้องขอวิงวอนและขออ้อนวอนว่า พี่น้องแรงงานคือผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เมื่อมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น อีกทางหนึ่งรัฐบาลพยายามทำทุกทาง แต่การขึ้นรายได้ ผู้ประกอบการต้องพยายามทำ ไม่ใช่มากดค่าจ้าง แล้วนายจ้างไม่ได้พัฒนากิจการของตัวเองเลย ผู้ประกอบการต้องพัฒนาตัวเอง เพราะปัจจุบันนายจ้างก็ได้ประโยชน์จากการลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน และอีกหลายอย่างตามมาตรการของรัฐบาล

    วันนี้จะยอมให้แรงงานประชาชนคนไทยต่ำติดดินแบบนี้ ประเทศที่ใกล้เคียงกับไทย เช่น สิงคโปร์ หรือเกาหลี สิงคโปร์ค่าแรงขั้นต่ำต่อวัน 1,000 บาท เราจะยอมให้พี่น้องประชาชนของเราเป็นพลเมืองชั้น 2 ชั้น 3 ของโลกหรือ ในเมื่อค่าแรงขั้นต่ำติดดินขนาดนี้ เมื่อรัฐบาลพยายามยกระดับภาคอุตสาหกรรม และผู้ประกอบการก็ควรที่จะทำไปพร้อมๆ กัน ถ้าทำเพียงฝ่ายเดียวเป็นไปไม่ได้ (มีต่อหน้า 2/3)

    (หน้า 2/3) นายเศรษฐา กล่าวว่า ในเรื่องค่าแรงจะมีโอกาสทบทวนใหม่หรือไม่อย่างไรนั้น ต้องขอทบทวนใหม่ เดี๋ยวจะต้องไปพิจารณาดูถึงแนวทางความเหมาะสม เพราะเพิ่งทราบข่าวเรื่องนี้ แต่คงไม่ใช่การสั่งการ แต่เป็นการพูดคุยร่วมกัน เราต้องพูดถึงองค์รวมของเศรษฐกิจ และการทำธุรกิจ ไม่ใช่แค่ขึ้นค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการหรือนายจ้างอย่างเดียว แต่ยังมีการเพิ่มรายได้เปิดตลาดที่มากขึ้น

    ที่ผ่านมาผู้ประกอบการหรือนายจ้างก็ได้ประโยชน์ไปแล้ว ถึงเวลาต้องคืนให้กับคนที่เป็นกำลังสำคัญในภาคผลิตด้วยหรือเปล่า พอพ้นจากวันหยุดก็จะมีการเรียกคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าเรื่องนี้ทุกคนมีความกังวลหมด ขอให้คิดถึงใจเขาใจเรา

    นายเศรษฐา กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ไม่ได้รับการปรับขึ้นมานาน แต่มีมติปรับขึ้นเพียงแค่ 2 บาท จะต้องทบทวนหรือไม่นั้น ตนก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้คุยกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้พูดคุยกันเรื่องนิคมอุตสาหกรรม การพัฒนาท่องเที่ยว การเปิดด่านสะเดา มีการลงทุนสร้างสะพานไปยังมาเลเซีย สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงขึ้นแค่ 2-3 บาท ยอมรับว่าตนไม่สบายใจ จึงอยากใช้เวทีนี้สื่อสารไปถึง และขอความเป็นธรรมให้กับพี่น้องแรงงาน ไม่อย่างนั้นจะติดกับรายได้ต่ำ ต้องคุยทั้งกับไตรภาคี และใน ครม. เพราะเรื่องค่าแรงขั้นต่ำเป็นนโยบายหลักของรัฐบาล

    นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า การปรับขึ้นค่าแรงที่เป็นธรรมควรจะอยู่ที่ตัวเลขเท่าไหร่นั้น ต้องขึ้นไปสูงกว่านี้ โดยจะต้องฟังเหตุผลของเขาเหมือนกัน อย่างที่บอก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ขึ้น 2-3 บาท ซื้อไข่ลูกหนึ่งยังไม่ได้ แม้ว่าผู้ประกอบการจะอ้างเรื่องผลประกอบการไม่ดี สภาพเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา ก็ไม่ดี รัฐบาลก็พยายามช่วยอยู่ โดยเฉพาะการลดค่าไฟที่ภาคอุตสาหกรรมได้ประโยชน์จากที่ 4.50 บาท/หน่วย ลดมาเหลือ 3.99 บาท/หน่วย ดังนั้น ขอให้คืนกับประชาชนบ้าง ขอย้ำว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจเป็นหลักอยู่แล้ว (มีต่อหน้า 3/3)

    (หน้า 3/3) ในกรณีหากมีการปรับเพิ่มขึ้นค่าแรงขั้นต่ำรายวันจำนวนมาก อาจจะมีปัญหาการย้ายฐานผลิตออกจากประเทศไทย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่มีหรอกครับ อันนี้เป็นวาทกรรม ไม่มีใครย้ายเพราะค่าแรงขึ้นจาก 300 เป็น 400 บาท ไม่มีหรอก รัฐบาลยังมีมาตรการส่งเสริมด้านภาษี มีระบบสาธารณสุขที่ดี สถานศึกษาก็ดี โครงสร้างพื้นฐานและสนามบินก็ดี ท่าเรือน้ำลึกก็มี ที่ตนเดินทางไปต่างประเทศก็ได้เซ็น MOU กับหลายบริษัทใหญ่ๆ ทั้งโรงงานรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV ถ้าผู้ประกอบการไม่ช่วยกันก็ไปลำบาก

    รัฐบาลจะพยายามทำให้ได้ถึง 400 บาทตามนโยบายที่รัฐบาลได้ประกาศไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าต้องดูตามความเหมาะสม ในจังหวัดใหญ่อาจจะได้ถึง 400 แต่จังหวัดเล็กอาจจะไม่ถึง ต้องดูความเหมาะสม ขอย้ำว่าสิ่งต่างๆที่รัฐบาลพยายามทำเพื่อให้ นายจ้างสามารถส่งสินค้าออกไปได้และยังอำนวยความสะดวก เพื่อลดค่าใช้จ่าย ให้ผู้ประกอบการ รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้และประกาศชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย ขอให้ผู้ใช้แรงงานดูการกระทำว่าตนมีความจริงใจขนาดไหนอย่างไร เราให้ความสำคัญสูงสุด การที่ตนไปพูดที่หอการค้าไทย ขอให้ฟังดูว่าเขาดีใจหรือไม่ที่รัฐบาลขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับสภาอุตสาหกรรม รัฐบาลพยายามสร้างความมั่นใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน และเข้ามาอยู่ในประเทศไทยง่ายและปลอดภัยขึ้น ทั้งหมดเพื่อสร้างความมั่นใจ

    นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ต้องดูว่ามีความจำเป็นว่าจะเสนอมติขึ้นค่าแรงรายวันนึ้เข้ามาหรือไม่ ถ้าเสนอเข้ามา ตนไม่ยินยอม ไม่เห็นด้วยแน่นอน ตนเชื่อว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำเราดูที่ความเหมาะสม เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลนี้ หลายประเทศ ค่าแรงขั้นต่ำเขามากกว่านี้ วันนี้เราชนะสิงคโปร์ในแง่ดึงดูดนักลงทุน บริษัทใหญ่เข้ามาสร้าง Data Center เป็นนิมิตรใหม่อันดีว่าประเทศเรามีศักยภาพสูง แต่ทำไมจึงไปกดผู้ใช้แรงงานที่จะมาช่วยพัฒนาประเทศ

    ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวติดตามนายกรัฐมนตรีได้ถามว่า นายกรัฐมนตรีรู้สึกเหมือนมีความฉุนเฉียวที่พูดถึงเรื่องนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าไม่เกี่ยวกับฉุน เพราะการที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องดูแลประชาชน 60 ล้านคน ไม่ใช่ดูแลแค่มาเอาคะแนนเสียงกับผู้ใช้แรงงานอย่างเดียว แต่นายจ้างและผู้ประกอบการ ก็ไปรับฟังความเห็นตลอด และพร้อมจะช่วยเหลือ สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างเป็นรูปธรรมอยู่แล้ว

    ติดตาม BTimes ได้ทุกช่องทาง ดังนี้
    Facebook: https://m.facebook.com/btimesch3/
    YouTube: https://m.youtube.com/c/MisterBan
    Twitter: https://mobile.twitter.com/btimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/

    #ค่าจ้างแรงงาน #แรงงาน #ค่าจ้างขั้นต่ำ #รัฐบาล #นายกรัฐมนตรี #เอกชน #นายจ้าง #ลูกจ้าง #เศรษฐกิจ #BTimes
    tps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=905571160933328&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    หนี้นอกระบบ ดอกลอย จ่ายรายวันบานเบอะทะลุเงินต้น สูงลิ่วยิ่งกว่าดอกเบี้ยในระบบมากกว่าเท่าตัว ปัญหาใหญ่ในบ่วงกับดักหนี้คนไทยต้นตอฉุดเศรฐกิจไทยดิ่ง
    .
    ปัจจุบัน “หนี้สิน” กลายเป็นปัญหาที่อยู่ในสังคมมานาน แถมทุกวันนี้ยังกลายเป็นปัญหาในระบบที่ลงรากลึก มีผลต่อการใช้จ่าย กำลังซื้อ ส่งต่อไปถึงภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะปัญหา “หนี้นอกระบบ” ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของหน่วยงานและสถาบันการเงิน
    .
    หลายคนคงจะเคยเห็นโฆษณาใบปลิวหรือนามบัตรที่ติดอยู่ตามเสาไฟฟ้า ป้ายรถเมล์ ห้องน้ำ หรือแม้กระทั่งในโลกออนไลน์ ในทำนองว่า “ได้เงินทันใช้ อนุมัติไว กู้สะดวก ไม่ตรวจบูโร” ที่ดึงดูดให้คนร้อนเงินสนใจแน่นอน
    .
    ยิ่งทุกวันนี้ค่าครองชีพสูง ข้าวของแต่ละอย่างแพงขึ้น หลายคนอาจะชักหน้าไม่ถึงหลัง ความจำเป็นต้องใช้เงิน ไม่ว่าจะเพราะหมุนเงินไปจ่ายหนี้เดิม ต้องเอาไปลงทุน จ่ายค่าเทอมลูก และสาเหตุอีกอย่างก็คือกู้เงินในระบบไม่ได้ เพราะมีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่ธนาคารกำหนด หรืออาจจะมีหนี้ในระบบมากมายจนกู้เพิ่มไม่ได้แล้ว ทำให้หลายคนตัดสินใจพึ่งพาหนี้นอกระบบ
    .
    แต่หนี้นอกระบบกลับกลายเป็นหนี้พอก ดอกเบี้ยท่วม ประเภทดอกลอยยิ่งทวีคูณความโหดขึ้นไปอีก นอกจากเจ้าหนี้โหดเหมือนในละคร ดอกเบี้ยยังโหดอีก เพราะเป็นเงินกู้ที่ลูกหนี้จ่ายแต่ดอกเบี้ยทุกวันไปเรื่อยๆ ไม่เคยตัดเงินต้น จนกว่าจะมีเงินก้อนมาจ่ายเงินต้นทั้งหมดจึงหมดหนี้ จากเงินกู้ไม่กี่พันบาทอาจกลายเป็นต้องจ่ายเงินเพื่อใช้หนี้ไปเป็นหลักหมื่นหรือหลักแสน ซึ่งอาจจะทำให้หลุดออกจากวงจรหนี้นอกระบบไม่ได้สักที
    .
    สิ่งที่น่าตกใจมากที่สุดนั่นก็คือ “ดอกเบี้ยหนี้นอกระบบ” ซึ่งข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ รายงานมานั้น เรียกได้ว่า ถ้าคนไม่เคยกู้อาจมีช็อก!! โดยบรรดาเจ้าหนี้ที่บอกว่าคิดดอกเป็นแบบรายวัน ดูเหมือนไม่มาก แต่ถ้าคิดออกมาเป็นรายปีแล้ว “สูง” จนน่าตกใจ บางรายกู้เงิน 10,000 บาท จ่ายคืนวันละ 150 บาท ระยะเวลากู้ 3 เดือน ถ้าคำนวณเทียบดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายรายวัน จะอยู่ที่ประมาณ 140% เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยรายปีของธนาคารก็เท่ากับว่าแค่ 3 เดือน แต่กลับต้องจ่ายดอกเบี้ยพอๆ กับจ่าย 1 ปีของสินเชื่อธนาคารที่ 140% เลยทีเดียว
    .
    รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย บอกว่า “หนี้นอกระบบ” นั้น ปัจจุบันครัวเรือนเป็นหนี้นอกระบบสูงกว่า 20% คิดเป็น 3.48 ล้านล้านบาท หรือเฉลี่ย 1 ใน 5 ยังกู้เงินนอกระบบเพราะไม่อาจเข้าถึงแหล่งเงินของประเทศได้ เพราะการดำเนินมาตรการนโยบายการกำหนดเพดานดอกเบี้ยในระบบ ดูเหมือนจะเป็นความพยายามแก้ปัญหาความเดือดร้อนจากภาวะดอกเบี้ยลอยตัว แต่ความจริง “สร้างปัญหาให้ประชาชนเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ” เพราะสถาบันการเงินในระบบไม่ยอมปล่อยกู้ให้ผู้กู้ที่มีความเสี่ยงสูง “ด้วยดอกเบี้ยเพดานตามทางการกำหนด” ดังนั้นการแก้ปัญหาคิดดอกเบี้ยสูงของสถาบันการเงินในระบบต้องเปิดเสรีแข่งขัน “ไม่ใช่กำหนดเพดาน” เพื่อให้ดอกเบี้ยไม่สะท้อนความเสี่ยงของผู้กู้
    .
    ฉะนั้นการกำหนดเพดานดอกเบี้ยในระบบ “ชาวบ้านไม่มีทรัพย์สิน หรือไม่มีรายได้” มักเข้าขอใช้บริการทางการเงินไม่ได้ กลายเป็นผลักหนี้นอกระบบเพิ่มโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่ทุกวันนี้
    .
    ล่าสุด รัฐบาลโดยการนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ได้ประกาศให้หนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ โดยได้มอบนโยบายและแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้กับหน่วยงานฝ่ายความมั่นคงนายอำเภอ และผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทั่วประเทศ ในการร่วมกันช่วยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินที่สูงอย่างไม่เป็นธรรม รวมถึงการทวงถามหนี้ที่มีลักษณะคุกคาม ขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายได้มีที่พึ่ง และใช้อำนาจที่มีของเจ้าหน้าที่รัฐในการช่วยเหลือประชาชน ให้หลุดพ้นจากหนี้นอกระบบ
    .
    ที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. รัฐบาลได้เปิดให้ลูกหนี้นอกระบบลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือผ่านจากทางออฟไลน์และออนไลน์ ล่าสุดนายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่าประชาชนได้ลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นวันที่ 7 ครบ 1 สัปดาห์ ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 7 ธ.ค. 2566 พบว่ามีประชาชนลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ รวมทั้งสิ้น 75,199 ราย จำนวนเจ้าหนี้ 47,174 ราย มีมูลหนี้รวม 3,820.36 ล้านบาท
    .
    นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าหลังลงทะเบียนลูกหนี้ ส่วนกลางจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ และส่งต่อให้ท้องถิ่นดำเนินการไกล่เกลี่ย เพื่อกำหนดข้อตกลงที่เป็นธรรม และหลังไกล่เกลี่ย รัฐบาลพร้อมช่วยเหลือ เข้าถึงแหล่งเงินที่ถูกกฎหมาย หากเกิดการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง เข้าองค์ประกอบความผิดครบ จับทันที ไม่มีละเว้น และมีระบบให้ผู้ลงทะเบียนติดตามผลได้ทุกระยะ
    .
    ทั้งนี้ ท่านนายกเศรษฐายังได้ย้ำด้วยว่าขั้นตอนการไกล่เกลี่ยเป็นทั้งศาสตร์ที่มีเรื่องคำนวนอัตราดอกเบี้ยเข้ามาเกี่ยว และต้องใช้ศิลปะในการเจรจา หากทั้งสองฝ่ายไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการเจรจา ต้องใช้ทั้งไม้อ่อน ด้วยการไปเชื้อเชิญให้เกิดความสมัครใจ และบางครั้งอาจต้องใช้ไม้แข็ง ซึ่งเป็นบังคับใช้อำนาจตามกฎหมาย ไม่ปล่อยผ่าน
    .
    ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มองว่า เป็นโครงการที่ดี ถ้าหากดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา และได้เสนอให้มีการแยกประเภทเจ้าหนี้ เพราะหนี้นอกระบบนั้นมีทั้งแบบคนใกล้ชิดกู้กันเอง และเจ้าหนี้ที่เป็นผู้มีอิทธิพล ขออย่าเหมารวมว่าผู้ที่ปล่อยกู้จะเป็นผู้มีอิทธิพล แต่หากพบว่าเป็นผู้มีอิทธิพลที่มีพฤติกรรมทำร้ายประชาชน ยิ่งต้องเร่งปราบปราม
    .
    แบงก์ชาติได้เสนอวิธี ถ้ากรณีเป็นหนี้ จะหาทางออกอย่างไร โดยมีด้วยกัน 3 วิธีดังต่อไปนี้
    .
    1. หาเงินมาปิดหนี้
    เริ่มต้นด้วยการลดรายจ่ายไม่จำเป็นลง เช่น ค่าชอปปิง ค่าอาหารมื้อพิเศษ ค่ากาแฟ ค่าเหล้า ค่าบุหรี่ ค่าหวย หารายได้เพิ่มเติมจากความถนัดหรืองานอดิเรกของตัวเอง และลองรวบรวมข้อมูลทรัพย์สินที่มีอยู่ว่ามีอะไรที่น่าจะมีคนสนใจซื้อและขายออกไปได้บ้าง เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ ซึ่งการตัดใจขายทรัพย์สิน
    .
    2. หาแหล่งเงินกู้ในระบบ
    สอบถามธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งอาจมีโครงการสินเชื่อเพื่อช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบออกมาเป็นระยะ หรือขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินต่างๆ เช่น สินเชื่อส่วนบุคคลซึ่งมีทั้งแบบที่ไม่มีหลักประกันและมีหลักประกัน (เช่น บ้านหรือทะเบียนรถ) เป็นต้น
    .
    3. หาคนกลางมาช่วยไกล่เกลี่ยประนอมหนี้
    โดยให้ติดต่อสำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน (สคช.) สำนักงานอัยการสูงสุด สายด่วน 1157 โดยคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบประจำจังหวัดจะช่วยเป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้นอกระบบให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้ง 2 ฝ่าย
    .
    นอกจากนี้ ลูกหนี้นอกระบบสามารถขอคำปรึกษาและร้องเรียนปัญหาหนี้นอกระบบได้ที่หน่วยงานราชการต่างๆ ได้แก่ ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด และศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ กระทรวงมหาดไทย และศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม
    .
    ปัญหาหนี้นับเป็นปัญหาใหญ่ และมีผลกระทบต่อการก้าวเดินไปข้างหน้าของจีดีพีไทย อย่างที่หลายหน่วยงานเรียกขานว่าคนไทยติดกับดักหนี้ แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากเป็นหนี้ หากจำเป็น หลวมตัว หรือจำใจจนต้องเป็นหนี้นอกระบบแล้ว ต้องยึดคติสำคัญในใจเลยคือ “เป็นหนี้ ต้องใช้” ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ หรือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ต่างก็แนะนำไปในแนวทางเดียวกัน นั่นก็คือปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย นำเงินไปสะสางหนี้ให้หมดไป และเริ่มต้นเปลี่ยนพฤติกรรมทางการเงินใหม่ เงินใหม่ที่หามาได้เก็บออมทันทีก่อนใช้ ถ้ายังไม่มีเงินออมเผื่อฉุกเฉิน ให้รีบตั้งเป้าหมายและลงมือออมเงิน เพื่อเป้าหมายนี้เป็นอย่างแรก ใช้น้อยกว่าที่หาได้ และไม่ก่อหนี้เกินตัว จะได้ไม่ต้องกลับไปสู่วังวนของหนี้นอกระบบอีกครั้งหรือครั้งแล้วครั้งเล่าอีกต่อไป…
    .
    อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3GzZjrX
    .
    Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
    YouTube: https://www.youtube.com/c/MisterBan
    X: https://twitter.com/BTimes_ch3
    Threads: https://www.threads.net/@btimes.ch3
    Website: https://btimes.biz
    Podcast : https://btimes.podbean.com/
    TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
    .
    #หนี้นอกระบบ #รัฐบาลเศรษฐา #เศรษฐกิจ #หนี้ #หนี้ครัวเรือน #หนี้แบงก์ #กู้ยืม #กู้เงิน #รายรับ #รายจ่าย #BTimes

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=905321454291632&id=100044413569959&mibextid=Nif5oz

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,943
    ค่าพลัง:
    +97,153
    ที่ประชุมโลกร้อน COP28 ปีนี้เสียงแตกหนัก หลายประเทศส่งสัญญาณไม่เห็นด้วยกับการออกปฏิญญาสิ้นสุดยุคพลังงานฟอสซิล กลุ่มประเทศส่งออกน้ำมันวอนอย่าหลงทาง ขอให้มุ่งโฟกัสลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเหมือนเดิม
    .
    รอยเตอร์สรายงานว่า การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28 หรือ COP28 ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (ยูเออี) ในปีนี้เผชิญภาวะ "เสียงแตก" อย่างหนัก เนื่องจากหลายประเทศที่นำโดยกลุ่มประเทศส่งออกน้ำมัน ไม่เห็นด้วยที่จะมีการออก "ปฏิญญาสิ้นสุดการใช้พลังงานฟอสซิล" เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีนับตั้งแต่มีการจัดการประชุมนี้ขึ้นมา
    .
    ทั้งนี้ที่ประชุม COP28 มีแผนที่จะประกาศปฏิญญาว่าด้วยการสิ้นสุดการใช้พลังงานฟอสซิล โดยจะเป็นการประกาศเป้าหมายเลิกใช้พลังงานฟอสซิล เช่น น้ำมันและถ่านหิน แบบค่อยเป็นค่อยไป (phase-out) ซึ่งจะถือเป็นเป้าหมายที่ทะเยอทะยานมากที่สุดในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ นับตั้งแต่มีการประชุม COP เกิดขึ้นเมื่อ 30 ปีก่อน
    .
    กลุ่มที่สนับสนุนแนวทางนี้มีประเทศอย่างน้อย 80 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ อาทิ สหรัฐ สหภาพยุโรป (อียู) และอีกหลายชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมากที่สุด ซึ่งต้องการให้ที่ประชุม COP28 กำหนดเป้าหมายชัดเจนไปสู่การเลิกใช้พลังงานฟอสซิล
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/world/1102926?anm=
    .
    .
    #ประชุมโลกร้อนCOP28 #พลังงานฟอสซิล #ปล่อยก๊าซเรือนกระจก
    #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจGreen #กรุงเทพธุรกิจUpdate

    ttps://m.facebook.com/story.php?story_fbid=749161467249442&id=100064667864722&mibextid=Nif5oz

     

แชร์หน้านี้

Loading...