เรื่องเด่น พระโพธิสัตว์ใหญ่ ละสังขารอีกองค์แล้ว

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 26 กันยายน 2023.

  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    ?temp_hash=e354deb31c5a8ece5737f099d1718aa7.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    ?temp_hash=66560aa7431961b895217830a6626b8e.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    ?temp_hash=66560aa7431961b895217830a6626b8e.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    PJT7PLEOfqim7DDDH4bD_VUs7B8aHrC70z&_nc_ohc=eVEznP2Mdf8AX_U_t_e&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-7.jpg
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    มหาเถเร ปะมาเทนะ ท๎วารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต
    มหาเถเร ปะมาเทนะ ท๎วารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต
    มหาเถเร ปะมาเทนะ ท๎วารัตตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต
    ขอกราบนอบน้อม ต่อองค์หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล
     
  6. Pattarakorn2010

    Pattarakorn2010 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2014
    โพสต์:
    491
    ค่าพลัง:
    +1,755
    กราบหลวงปู่ครับ ครั้งนึงเคยร่วมบุญสร้างพระกับท่าน ถือเป็นบุญใหญ่ของลูก
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    "หลวงพ่อไพบูลย์ สมัยเด็กนอนปิดไฟไม่ได้ เพราะจะเห็นแสงสว่างจ้าอยู่ตลอด" 1f338.png


    ชีวประวัติหลวงปู่ไพบูลย์ สุมังคโล
    หลวงปู่ไพบูลย์ ท่านมีนามเดิมว่า “ไพบูลย์ สิทธิ” เกิดเมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๔๗๗ เป็นบุตรของคหบดีชาวอำเภอเกาะคา โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายกองแก้ว และนางคำสิทธิ ท่านเป็นบุตรคนสุดท้อง และเป็นชาย ผู้มีฐานะสืบสกุล จึงออกจะเป็นที่สุดสวาทขาดใจของบิดามารดา
    จะกินจะนอนก็ได้รับการประคบประหงมฟูมฟักประหนึ่งไข่ในหิน ท่านเล่าว่าท่านนอนกับบิดามารดาสามคนพ่อแม่ลูกมาแต่เล็กจนโต กระทั่งถึงเวลาจะต้องแยกไปโรงเรียนประจำที่เชียงใหม่ ไปอยู่คนละเมืองห่างอกพ่อแม่ จึงแยกจากท่านทั้งสองได้ แต่เมื่อคราใดที่กลับจากโรงเรียนประจำมาเยี่ยมบ้านเวลาโรงเรียนปิดภาค ท่านก็กลับมานอนกับบิดามารดาใหม่
    ในฐานะหนึ่ง ท่านก็ดูเป็น "ลูกรัก" เป็นที่น่าอิจฉาของพี่ๆ แต่ในอีกฐานะท่านก็ดูเป็น "ลูกแหง่" เป็นที่ล้อเลียนของเพื่อนฝูงเหมือนกัน
    อันที่จริง สาเหตุที่ทำให้บิดามารดาต้องดูแลประคบประหงมท่านมาก มิใช่เป็นเพราะท่านเป็นลูกคนสุดท้อง และเป็นลูกชาย เป็นลูกรัก แต่ประการเดียว หากมีเหตุผลสำคัญอื่นอีก ...และเมื่อพิจารณากันจริงๆ น่าจะเชื่อว่า นิสัยบารมีทางศาสนาได้ส่อเค้า...แสดงแววให้เห็นมาแต่ท่านยังเป็นเด็กอยู่แล้ว
    เหตุผลอันสำคัญนั้นก็คือ ท่านไม่ทราบว่าตนเองเป็นอะไรมองเห็นทุกอย่างสว่างโร่ไปหมด แม้กลางคืนอากาศมืดสนิทแล้ว ดึกดื่นเที่ยงคืนอย่างไร ก็เห็นแสงสว่างจ้าอยู่อย่างนั้น สว่างจนท่านร้องไห้ด้วยความกลัวไม่ทราบจะแก้ไขกันอย่างไร กลางคืนก็เลยต้องเปิดไฟนอน...ไหนๆ จะปรากฏแสงสว่างจ้าอยู่แล้วก็ให้สว่างเพราะแสงไฟฟ้า..จะได้ไม่รู้สึกน่ากลัว ! พ่อแม่ก็เลยให้ลูกน้อยมานอนด้วย เพื่อให้เกิดความอบอุ่นใจ ตัวท่านทั้งสองยอมทนความรำคาญ นอนเปิดไฟมาโดยตลอด
    เมื่อเรียนถามว่า สภาวการณ์เช่นนี้เริ่มต้นมาเมื่อไรที่เห็นแสงสว่างตลอดนั้น ...ท่านบอกว่า เป็นมาตั้งแต่จำความได้ ...คงจะอายุ ๒-๓ ขวบ หรือน้อยกว่านั้น เริ่มที่จะรู้สึกเห็นแสงสว่างนั้น จะตั้งต้นจากการมองหน้าต่าง หรือรอยแตกของฝาไม้ เห็นแสงสว่างผ่านเข้ามา เป็นวง หรือเป็นลำแสงก็ตาม มองนิ่งต่อไปเพียงอึดใจเดียว จะเห็นสว่างวาบไปหมดทั้งห้อง
    ในภายหลังเมื่อท่านบวชแล้ว และเรื่องราวบารมีธรรมของท่านเป็นที่โจษขานกันทั่วไป ในเรื่องการรู้เห็นติดต่อกับสิ่งลึกลับที่มิใช่มนุษย์ หากอยู่ต่างภพต่างภูมิกับเรา ครูบาอาจารย์ผู้ใหญ่พิจารณาพระน้อยผู้นี้ และวิเคราะห์กันว่า
    "ท่านคงเป็นผู้หนึ่งซึ่งในอดีตคงจะบำเพ็ญบารมีทาง อาโลกกสิณ หรือกสิณทางแสงสว่างมามากเหลือคณานับ "สร้างสมอบรมบ่มนิสัยวาสนามานานหนักหนา
    แม้ในชาติปัจจุบัน เพียง อายุ ๒-๓ ขวบ ยังบังเกิดเค้าร่องรอยติดตามมาให้ปรากฏ อาโลกกสิณ นี้ ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ทราบกันดีกว่าเป็นเครื่องอำนวยผลในทาง ทิพยจักษุ โดยตรง
    อย่างไรก็ดี ในเวลานั้นไม่มีใครทราบเรื่อง ไม่มีผู้รู้ท่านใดจะอธิบายให้ครอบครัวพ่อหมอกองแก้วเข้าใจ ท่านทั้งสองจึงได้แต่ห่วงกังวลลูกชายน้อยให้นอนด้วยเพื่อจะได้ดูแลอย่างใกล้ชิด เวลาสะดุ้งผวาก็จะได้ปลอบโยนให้ความอุ่นใจ ท่านเกรงอยู่ลึกๆ ในใจว่าสติจะไม่ดี...อะไรกันอ้างว่าเห็นแต่แสงสว่าง...! กลางวันก็เป็น
    ถ้าปิดประตู ปิดหน้าต่างมีแสงสว่างปรากฏตามช่องลมหรือรอยแตก ก็จะร้องว่า อีกแล้ว...ห้องสว่างไปหมด ! กลางคืนยิ่งแล้วใหญ่...! พูดง่ายๆ กลายเป็นเด็กกลัวความมืดไป...! มิใช่กลัวความมืด ที่มันมืดสนิทไม่เห็นอะไร แต่กลัวเพราะความมืด...ไม่มี..! กลายเป็นความสว่างไปหมด !
    ท่านว่า สว่างยิ่งกว่าจุดตะเกียงเจ้าพายุหลายดวงพร้อมกัน
    หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล
    ขอบคุณCr.เจ้าของภาพด้วยครับ

    -----------------------------

     
  10. สักการะ

    สักการะ ชิวิตดั่งอาทิตย์อัศดง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,693
    ค่าพลัง:
    +5,781
    หากข้าพเจ้าได้เคยประมาท พลาดพลั้ง ล่วงเกิน หลวงพ่อ ไว้ จะใน ชาติ ใดๆก็ดี เจตนาหรือไม่ก็ดี หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี จะด้วย กาย วาจา ใจ ก็ดี ขอหลวงพ่อได้โปรดเมตตายกโทษให้แก่ ข้าพเจ้าด้วยเทอญ
    ขอบารมีแห่งองค์หลวงพ่อ ช่วย คุ้มครอง ประเทศไทย และ ลูกหลานช่าวไทย ด้วยเทอญ
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,363
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    สยบมังกรเขียวดอยบุษราคัม
    วัดอนาลโย ดอยบุษราคัม หรือดอยมังกรในอดีตชาวบ้านเรียกว่า "ดอยม่อนแก้ว" ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีวิญญาณผู้คุ้มครองที่แห่งนี้หวงแหน ตอนกลางคืนถ้าตรงกับวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา จะมีดวงแก้วส่องแสงสว่างลอยอยู่ในบริเวณดังกล่าว จนชาวบ้านไม่กล้าเขาไปบริเวณนั้น เนื่องจากร่ำลือกันว่ามีผีดุ
    หลังจากที่หลวงพ่อไพบูลย์ได้ตั้งสำนักสงฆ์ และได้เริ่มก่อสร้างวัด ได้มีซินแสจากเมืองจีนท่านหนึ่งได้มาเยือนเขาแห่งนี้และได้บอกกับหลวงพ่อว่า
    "ลักษณะของภูเขาลูกนี้ตามตำราจีนเรียกว่า เขามังกร แต่เขามังกรลูกนี้ค่อนข้างแปลก เพราะมังกรตัวนี้หันหัวลงไปทางกว๊านพะเยาซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ มังกรตัวนี้ปกติจะเล่นน้ำอยู่ในทะเลสาบใหญ่แห่งนี้ พอเล่นน้ำเสร็จเรียบร้อย พอใจแล้ว ก็จะชูคอขึ้นสูงยาวไปถึงกรุงเทพ ไปคาบเงินมาเป็นฟ่อนๆโยนมาบนเขาลูกนี้"

    ซึ่งในกาลต่อมาคำบอกเล่าของซินแสกลับกลายเป็นเรื่องจริงอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ตรงตามคำพยากรณ์ทุกประการ เพราะในขณะที่หลวงพ่อกำลังสร้างวัดอนาลโยฯ อย่นั้น ท่านได้มีนิมิตบอกเหตุว่าควรสร้างเจดีย์องค์ใหญ่ขึ้นบนพื้นที่ว่างบนบริ วณยอดเขา แต่ก็ติดขัดเรื่องของปัจจัยในการก่อสร้างที่หนักหนาสาหัสเอาการอยู่ แต่ในเวลาต่อมาก็ได้มีท่านผู้ใจบุญ ท่านหนึ่งร่วมถวายปัจจัยจำนวนหลายล้านบาทเป็นค่าก่อสร้างพระเจดีย์องค์นี้จน สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี...

    ตามตำนานของวัด โดยแต่ก่อนเป็นที่ที่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ ท้องไร่ท้องนาที่ห่างจากเขานี้ชาวบ้านยังไม่กล้าที่จะนอนพักยามบ่าย ต้องรีบกลับบ้าน ด้วยว่ามีเจ้าที่ที่แรงมาก ก็คือ เจ้ามังกรเขียว ผู้ซึ่งแผลงฤทธิ์แผลงเดชต่อหลวงพ่อไพบูลย์ในคราวแรกก่อนที่จัดสร้างสำนัก แต่แล้วเจ้ามังกรเขียวก็ต้องยอมให้หลวงพ่อไพบูลย์สร้างจนได้ โดยเจ้ามังกรเขียวได้ขอให้ตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ตามชื่อของหลวงปู่ขาว อนาลโย พระวิปัสนาผู้ที่เคยธุดงค์มา ณ สถานที่แห่งนี้

    tL5Gm8Sa0pEEvbUJnrhhrRWQVuarb5Cexp&_nc_ohc=kn1mLHLp2ukAX_IMuCN&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-3.jpg

    ++++++++++++++++++++++++++

     

แชร์หน้านี้

Loading...