กำลังใจที่ถูกต้องของนักปฏิบัติ คือ ไม่กลัวตาย แต่ไม่ได้อยากตาย เพียงแต่พร้อมที่จะตายตลอดเวลา

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 28 มีนาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,494
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    97E00372-4ED2-43B1-8EF8-1BDC7B1EA39C.jpeg

    กระผม/อาตมภาพเคยพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า "บุคคลที่ปฏิบัติธรรมแล้วคิดว่าไม่กลัวตาย ถือว่าดีแล้ว" เป็นเรื่องที่ผิด บางคนอยากตายเสียด้วยซ้ำไป อันนั้นยิ่งผิดหนักเข้าไปใหญ่ เพราะว่ากำลังใจที่อยากตายเป็นกำลังใจที่เศร้าหมอง ถ้าตายตอนนั้น อาจจะลงอบายภูมิก็ได้

    กำลังใจที่ถูกต้องก็คือ ไม่กลัวตาย แต่ไม่ได้อยากตาย เพียงแต่พร้อมที่จะตายตลอดเวลา อยู่ในลักษณะของการระลึกถึงมรณานุสติเต็มระดับ รู้ตัวอยู่เสมอว่าชีวิตของเรามีแค่ชั่วลมหายใจเข้าออกเท่านั้น หายใจเข้า..ถ้าไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออก..ถ้าไม่หายใจเข้าก็ตาย เพียงแต่ว่าอยู่ในลักษณะของการพร้อมที่จะตายโดยไม่ประมาท

    ขณะที่ยังดำรงชีวิตอยู่ ก็ถือว่าเราได้สร้างบุญสร้างบารมี ถ้าหากว่าตายเมื่อไร เราก็พร้อมที่จะไปพระนิพพาน จึงอยู่ในลักษณะของการที่อยู่ก็ได้ ตายก็ดี ก็แปลว่าต้องอยู่ให้ดีที่สุด ถ้าหากว่าตาย ก็ตายอย่างพร้อมที่สุด พร้อมเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรให้เรายึดถือแล้ว ปล่อยวางจากภาระทั้งปวงแล้ว ถ้าชีวิตยังมีอยู่ ก็ดำเนินไปตามหน้าที่ของตน ถ้าชีวิตหมดสิ้นลง ก็ไปตามทางที่ตนได้เลือกไว้

    เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายต้องฟังไว้บ่อย ๆ จิตใจจะได้เคยชิน เมื่อถึงเวลาเคยชิน ก็จะไม่รู้สึกว่ายาก อย่างเช่นวันนี้คณะกรรมการทั้งหลาย โดยเฉพาะกองงานเลขานุการ ที่ไปทำหน้าที่ในการจัดสอบ เก็บข้อสอบ รับ ตรวจสอบและจัดเรียงกระดาษคำตอบ เตรียมพร้อมที่จะส่งเข้าจังหวัด ส่งเข้าภาค เมื่อถึงเวลาเสร็จงาน รู้สึกโล่งใจ เบาใจ สบายใจ ผ่านพ้นไปวันหนึ่ง

    พวกเราดำรงชีวิตอยู่ ต้องอยู่ในลักษณะอย่างนั้น ก็คืออยู่ไปงานหนึ่ง อยู่ไปวันหนึ่ง หรืออยู่ไปครึ่งวัน อยู่ไปชั่วโมงนี้ อยู่ไปนาทีนี้ อยู่ไปแค่วินาทีนี้ แล้วแต่กำลังใจสูงต่ำ ถ้าหากว่าเราวางกำลังใจของเราลักษณะอย่างนี้ได้ ก็เหมือนกับการที่ปลดวางทุกสิ่งทุกอย่างลงเป็นระยะ ๆ

    เมื่อสักครู่เราทำวัตรค่ำรอบแรกจบไปแล้ว ตอนนี้กำลังฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน อีกสักครู่ก็จะจบอีกแล้ว แล้วหลังจากนั้น เราก็ทำวัตรค่ำรอบที่ ๒ ให้จบลงไป งานของเราก็จะเสร็จสิ้นลงไปทีละงาน...ทีละงาน...ทีละงาน เหมือนกับเราปล่อยวางภาระลงทีละอย่าง...ทีละอย่าง ก็จะรู้สึกถึงความเบา ความสบาย ความไม่มีอะไรถ่วงเราอยู่ข้างหลัง เพราะว่าเราก้าวข้ามไปทีละก้าว

    เหมือนกับพี่น้องชาวทิเบตที่ถึงเวลาก็นับลูกประคำ หมุนกงล้อมนต์ ภาวนา โอม มณี ปัทเม หุม เดินจงกรมรอบเจดีย์ เดินก้าวหนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง นับลูกประคำเม็ดหนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง หมุนกงล้อมนต์รอบหนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง ภาวนาจบหนึ่งก็ใกล้พระนิพพานไปก้าวหนึ่ง

    ถ้ากำลังใจของเราอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ถึงจะเรียกว่าเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง สมควรแก่ธรรม ก็คืออยู่เฉพาะปัจจุบันตรงหน้านี้เท่านั้น ถ้าหากว่ากำลังใจสูงสุดก็คือ อยู่แค่ชั่วลมหายใจนี้เท่านั้น มากไปกว่านั้นไม่เสียเวลาคิด เรื่องมาถึงตรงหน้าก็ทำไปทีละอย่าง จบแล้วก็วางไปทีละงาน ละภาระหน้าที่ไปทีละอย่าง เราก็จะไม่มีอะไรที่รู้สึกว่าเป็นเครื่องถ่วง

    หมดวันเอนกายลงนอนก็เหมือนกับคนที่ตายแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้ลืมตาเห็นฟ้าใหม่หรือไม่ ถ้าหากว่าตาย เราก็ขอไปพระนิพพานแห่งเดียว เอากำลังใจสุดท้ายเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพานเอาไว้ นี่จึงเป็นการดำเนินชีวิตอย่างไม่ประมาทโดยแท้จริง

    จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งญาติโยมทั้งหลาย ทั้งที่อยู่ที่นี่ อยู่ที่บ้าน อยู่ในประเทศ อยู่ต่างประเทศทุกคน เรื่องพวกนี้ถ้าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ก็ไม่มีโอกาสที่จะมาบอกมากล่าวกันบ่อยนัก เพราะว่าเป็นของหนักสำหรับคนทั่วไป แต่เป็นทางสว่างสำหรับผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติอย่างแท้จริง ก็ขอยุติลงแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๑๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #พระครูวิลาศกาญจนธรรม #หลวงพ่อเล็ก
    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #พระพุทธศาสนา #watthakhanun
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...