สติปัฏฐานสี่ตามแนววิชชาธรรมกาย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 21 สิงหาคม 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    เปิดดูไฟล์ 6084644



    #เมื่อทำวิชชาได้ละเอียดเข้าไป
    จนถึง “ปราสาททำวิชชาของหลวงพ่อ” ก็จะพบธาตุธรรมของ หลวงพ่อ และ “กลางธาตุ” ทั้งหลายของหลวงพ่อ กำลังทำวิชชาสะสางธาตุธรรม และพระนิพพาน เพื่อช่วยสัตว์โลกทั้งหลายอยู่มิได้หยุดเลย
    และเมื่อทำวิชชาละเอียดเข้าไป ก็จะทราบว่า หลวงพ่อ(สด) คือ “ต้นธาตุต้นธรรมภาคพระ” ซึ่งได้ถอยพืดกำเนิดธาตุธรรมเดิมมาสร้างบารมีเพื่อช่วยเหลือสัตว์โลก ช่วยรื้อสัตว์ ขนสัตว์ที่ยังหลงติดอยู่ในไตรวัฏฏ์ให้เข้านิพพานเป็นอีกต่อไปนั้นเอง
    ส่วนผู้ที่ช่วยเหลือทำวิชชาอยู่กับหลวงพ่อ ซึ่งจะเห็นอยู่โดยรอบ ๆ หลวงพ่อนั้น ชื่อว่า “กลางธาตุ” ของท่าน
    บางรายก็ยังเป็น “กลางธาตุกายมนุษย์” (คือยังมีชีวิตเป็นมนุษย์) สร้างบารมี และทำหน้าที่เป็นทนายแก้ต่างพระศาสนาอยู่ บางท่านก็ล่วงลับไปแล้ว และว่าโดยที่จริงแล้ว
    ผู้มีบารมีระดับกลางธาตุนั้นมีมาก แต่ปฏิบัติพระศาสนาไม่ตรงตามแนววิชชาธรรมกายของพระพุทธเจ้า
    ก็เพราะว่า ภาคมารเขาพยายามปัดบังวิชชานี้
    และภาคมารจะปัดเข้านิพพานถอดกาย (ถ้าเขาต้านทานบารมีไม่อยู่) เพื่อให้สิ้นฤทธิ์ ที่จะช่วยเหลือสัตว์โลก
    บรรดากลางธาตุทั้งหลายเหล่านั้น จึงไม่ปรากฏอยู่ในผังปราสาทที่ทำวิชชาของหลวงพ่อ
    อนึ่ง “กลางธาตุกายมนุษย์” บรรดาที่สร้างบารมี และทำหน้าที่อยู่ในปัจจุบันนี้ หากปฏิบัติตรง และเจริญวิชชาชั้นสูงนี้ ก็จะพบอยู่ในปราสาทที่ทำวิชชาของหลวงพ่อ ตามฐานะของอำนาจ สิทธิ และสิทธิเฉียบขาด ในการปกครองธาตุธรรมของแต่ละท่าน
    แต่ถ้าผู้ใดปฏิบัติไม่ตรง หลงกลทำประโยชน์ หรือเป็นฐานให้แก่ภาคมาร (เป็น “ฐานทัพ”ให้ฝ่ายมาร)
    “ต้นธาตุต้นธรรม” ก็จะเก็บวิชชา อำนาจสิทธิของผู้นั้นเสีย แล้วอำนาจสิทธินั้นก็จะเปลี่ยนไปเป็นของ “ผู้ที่ปฏิบัติตรง” และสร้างบารมีสูงขึ้นมาแทนที่ใหม่ต่อไป.

    #หลักสำคัญอยู่ว่าเมื่อรู้เห็นแล้วก็อย่าคะนองใจ
    ว่าตนเก่งกล้าแล้วพยากรณ์ให้แก่ผู้อื่นฟัง หรือโอ้อวดในคุณธรรมของตน อันจะเป็นทางเสื่อมอย่างยิ่ง

    เพราะจริง ๆ แล้ว ปฏิบัติเพื่อละวางอุปาทานนะ
    คำว่า“ หยุด” นี่ เขาให้ปฏิบัติเพื่อให้หยุดทำชั่ว
    ให้หยุดปรุงแต่ง ไม่ต้องติดอะไร
    เพื่อละวาง ละวางกิเลสในใจเรา ปล่อยความยึดติดอย่าให้มี

    เอา ๑๘ กายนี้ให้มันตลอดปลอดภัย ให้ถึงธรรมกาย แล้วก็ให้เป็นธรรมกายดับหยาบไปหาละเอียดให้บริสุทธิ์ใสสว่างอยู่เสมอ รับรองไม่มีโทษ

    เปิดดูไฟล์ 6084645 ดังเช่นที่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ
    ได้เคยกล่าวว่า.....

    “ ต่อแต่นี้ไป เราจะต้องเข้าให้ถึงที่สุด
    เข้าไปในกายที่สุดของเราให้ได้ เป็นกาย ๆ ออกไป
    เมื่อเป็นกาย ๆ เข้าไปแล้ว ถ้าทำเป็นแล้ว ไม่ใช่เดินท่านี้
    เดินในไส้ทั้งนั้น ในไส้เห็น ไส้จำ ไส้คิด ไส้รู้
    ในกำเนิดดวงธรรมที่ทำให้เป็นสุดหยาบสุดละเอียด
    (เถา – ชุด – ชั้น – ตอน – ภาค – พืด .....ฯลฯ)

    เดินในไส้ (หยุดในหยุด กลางของหยุดในหยุด)
    ไม่ใช่เดินทางอื่น เดินในกลางดวงปฐมมรรค มรรคจิต มรรคปัญญา
    เดินไปในกลางดวงศีล ดวงสมาธิ ปัญญา ดวงวิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ
    นั่นเป็นทางเดินของ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์

    เดินไปในไส้ ไม่ใช่เดินไปในไส้เพียงเท่านั้น
    ในกลางว่างของดวงธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน
    ของดวงศีล ดวงสมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ
    ว่างในว่างเข้าไป เหตุว่างในเหตุว่าง เหตุเปล่าในเหตุเปล่า
    เหตุดับในเหตุดับ เหตุลับในเหตุลับ เหตุหายในเหตุหาย
    เหตุสูญในเหตุสูญ เหตุสิ้นเชื้อในเหตุสิ้นเชื้อ
    เหตุไม่เหลือเศษในเหตุไม่เหลือเศษ ...ฯลฯ

    หนักเข้าไปไม่ถอยหลังกลับ
    นับอสงไขยไม่ถ้วน นับชาติอายุไม่ถ้วน
    ไม่มีถอยกลับกัน เดินเข้าไปอย่างนี้นะ

    พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ไม่ใช่เดินโลเลเหลวไหล
    ที่เรากราบ ที่เราไหว้ เรานับถือนะ ท่านวิเศษวิโสอย่างนี้
    นี่แหละเป็นผู้วิเศษแท้ ๆ นี่แหละเป็นที่พึ่งของสัตว์โลกแท้ ๆ
    ถ้าเป็นผู้รู้จริง เห็นจริง ได้จริง เราจึงเอาเป็นตำรับตำราได้...”

    การเดินตามรอยบาทของ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์
    เราจะต้องทำวิชชา...เข้าไปถึงขนาดนั้น
    ก็เพราะเหตุผลที่หลวงพ่อว่า ...

    “ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ ท่านก็ไปถึงที่สุดเหมือนกัน
    ถ้าใครยังไปไม่ถึงที่สุด ก็ยังไม่ฉลาดเต็มที่
    ต่อเมื่อเข้าไปถึงที่สุดกายของตัวต่อไปแล้วละก็ ฉลาดเต็มที่แน่

    ต้องไปให้ถึงที่สุดให้ได้
    เมื่อไปถึงที่สุดของตัวได้ละก็
    รักษาตัวได้เป็นอิสระ ไม่มีใครมาบังคับบัญชา

    ที่บังคับเรา ให้เกิด ให้แก่ ให้เจ็บ และให้ตายอยู่เดี๋ยวนี้แหละ
    พวกมาร บังคับให้เป็นไปตามนั้น
    ส่วนพวกพระ บังคับไม่ให้เกิด ไม่ให้แก่ ไม่ให้เจ็บ และไม่ให้ตาย
    นี่พวกพระ พวกมาร บังคับกันอย่างนี้

    เวลานี้พวกพระ บังคับไม่ให้รบกัน
    แต่พวกมาร บังคับให้รบกันหนักขึ้น ”


    ------------------------------------

     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    7L4AeAUK5Kq-D7uDyGEbPTDwDMVEvpFGZj&_nc_ohc=t72BB1RQ39UAX_Zx-Wv&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-3.jpg
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    - ธรรมชาติสองฝ่าย คือ บุญ-บาป ต่อสู้กันอยู่ในจิตสันดานของสัตว์โลกมายาวนาน โดยที่เราไม่รู้ตัว.
    1f52e.png อยากจะกล่าวถึงคุณของการศึกษาสัมมาปฏิบัติ ตามแนวสติปัฏฐาน 4 ถึงธรรมกาย ถึงพระนิพพานของพระพุทธเจ้า ตามที่แนะนำสั่งสอนมา ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ท่านปฏิบัติได้ผลดี คือตามแนวสติปัฏฐาน 4 ด้วยการมีสติพิจารณาเห็นธรรมในธรรมคือนิวรณ์ 5 แล้วก็เจริญสมถภาวนา อบรมจิตให้สงบ ให้ตั้งมั่น แล้วก็ผ่องใสจากกิเลสนิวรณ์เครื่องกั้นปัญญา
    นำให้เข้าถึงธรรมในธรรมต่อๆไป คือคุณธรรมของตนเองที่ได้ประพฤติสั่งสมอบรมมา ตั้งแต่ในระดับมนุษยธรรม ถึงเทวธรรม ถึงพรหมธรรม
    เมื่อใจหยุดนิ่ง ผ่องใสจากกิเลสนิวรณ์เครื่องกั้นปัญญา มีผลให้บุญกุศลที่เราประกอบบำเพ็ญมา มีทานกุศล ศีลกุศล ภาวนากุศล เป็นต้น ที่เจริญแก่กล้าขึ้นเป็นลำดับเป็นบารมี เป็นคุณความดีอย่างยิ่งยวด เป็นทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี ตามลำดับขึ้นมาของแต่ละคนที่ตั้งใจศึกษาสัมมาปฏิบัติอบรมสั่งสมมา เป็นคุณเครื่องชำระกิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทาน ที่เกิดขึ้นในจิตสันดานของเรามานับภพนับชาติไม่ถ้วน ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามสายปฏิจจสมุปบาทธรรม คือธรรม ธรรมชาติที่เป็นเหตุผลของกันและกันเกิดขึ้น แล้วก็เปลี่ยนแปลงไป แล้วก็ดับไปอยู่เสมอ
    ในฝ่ายบาปอกุศล ด้วยกิเลส ตัณหา อุปาทาน ดังกล่าว ดลจิตดลใจให้ปฏิบัติตามอำนาจของมันนั้น มีผลให้กาย เวทนา จิต ธรรม ทั้งฝ่ายรูปธรรม ฝ่ายนามธรรม จากสุดหยาบของกายมนุษย์-ไปสุดละเอียด สุดละเอียดในส่วนบาปอกุศล กายในกายก็เป็นทุคติ เวทนาในเวทนาก็เป็นทุกขเวทนา จิตในจิตก็เศร้าหมองขุ่นมัว ธรรมในธรรมก็เป็นอกุศลธรรม ทับทวีมาตั้ง ตราบใดที่เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในสังสารจักรทุกขณะจิต นั่นแหละ สะสมหมักหมมอยู่ในจิตสันดานเป็นอาสวะ ที่หุ้มซ้อนเอิบอาบซึมซาบปนเป็นอยู่ในธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้ เป็นกายทุคติ เป็นเวทนาที่เป็นทุกขเวทนา เป็นจิตที่เศร้าหมอง ธรรมในธรรมที่เป็นบาปอกุศล หรืออกุสลาธัมมา สะสมตกตะกอนนอนเนื่องอยู่ในจิตสันดานเพราะได้ปฏิบัติมามาก นั้นแหละ หุ้มเคลือบเอิบอาบซึมซาบปนเป็นอยู่ในธาตุธรรมเห็นจำคิดรู้อย่างหนาแน่น เป็นอาสวะ เป็นอนุสัย
    แต่เมื่อไหร่ ที่ใจเรานั้นยอมรับบุญกุศลคุณความดี นับตั้งแต่รู้จักรับฟัง รู้จักศึกษา รู้จักทำความเข้าใจ ในเรื่องบาปบุญคุณโทษ ตั้งแต่ระดับหยาบๆ กลางๆ ละเอียด แล้วก็ได้เรียนรู้ธรรมะฝ่ายดีฝ่ายบุญกุศล เป็นคุณเครื่องชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส กลายเป็นบุญกุศล คุณธรรมในฝ่ายบุญกุศลเรียกว่ากุสลาธัมมาเนี่ย ก็ดลจิตดลใจให้ปฏิบัติตามอำนาจของมัน ตัวเรานี่แหละ ประพฤติปฏิบัติมาทุกขณะจิตเท่าที่เราปลอดจากฝ่ายบาปอกุศล เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี ฝ่ายบาปอกุศลมีขึ้น ฝ่ายบุญกุศลก็ชิดซ้ายหายไป แต่พอฝ่ายบุญกุศลเกิดขึ้น เหมือนกับนั่งบนเก้าอี้ดนตรี ฝ่ายบาปอกุศลก็หนีหน้าไป
    ที่นี้ ฝ่ายบุญกุศลยิ่งมีกำลังแรงมาก ก็เป็นคุณเครื่องชำระฝ่ายบาปอกุศล นี่แหละ ธรรมชาติสองฝ่ายนี้ต่อสู้กันมาโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่เมื่อเราศึกษาสัมมาปฏิบัติแล้วเราก็มารู้ว่า ฝ่ายบาปอกุศลนี่เขาพยายามยึดพื้นที่ เหมือนกับเล่นเก้าอี้ดนตรีนั่นแหละ ฝ่ายบุญกุศลก็เป็นคุณความดี ก็พยายามยึดพื้นที่เหมือนกัน แต่ว่าจิตใจของสัตว์โลกมักจะเป็นไปตามอำนาจฝ่ายต่ำ
    นี่..เพราะอะไร ??
    เพราะกิเลสอวิชชา ความไม่มีวิชชาให้เห็นแจ้งรู้แจ้งสภาวะธรรมและอริยสัจธรรมตามความเป็นจริง หลงคิดผิด รู้ผิด เห็นผิด ประพฤติผิดๆ เข้าใจผิดๆ ไอ้เข้าใจผิดๆนี่แหละเรื่องใหญ่เลย นำไปสู่ความเห็นผิดโดยไม่รู้ตัว ก็ปฏิบัติไปตามอำนาจของฝ่ายบาปอกุศล
    แต่ถ้าฝ่ายบุญกุศลดลจิตดลใจให้ตั้งใจศึกษาทำความเข้าใจว่าอย่างนี้เป็นทุกข์ อย่างนี้เป็นเหตุแห่งทุกข์ รู้จักตัวกิเลสให้ชัดเจนขึ้น มากขึ้น ละเอียดขึ้น เพราะกิเลสหยาบมันก็เกิดจากกิเลสกลาง กิเลสกลางก็เกิดจากกิเลสละเอียด จนถึงประพฤติผิดศีลผิดธรรม นี่กิเลสหยาบ
    เมื่อสติปัญญามันเกิดขึ้น รู้บาปบุญคุณโทษพอสมควร ก็เลิกละ ไม่รับฝ่ายกิเลสหยาบ ประพฤติปฏิบัติอยู่ในศีล เบญจศีลเป็นอย่างน้อย ศีล 5 แล้วก็เบญจธรรม ความประพฤติปฏิบัติคุณธรรมของคนดี 5 อย่าง ตรงกันข้ามกัน เป็นต้นว่า เลิกละการเบียดเบียนถึงขนาดฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ประพฤติต่อกันด้วยจิตเมตตากรุณา นี่มาแล้วฝ่ายดี รู้เป็นบาปอกุศล เลิกละการลัก-ฉ้อ-กบฏ-คด-โกง ประกอบอาชีพทุจริต ไปจนถึงกิเลสหนาแน่นเห็นแก่ตัวจัด เห็นแก่ความคิดเห็นของตนเองจัด ไม่ฟังความเห็นของใครๆ ก็กลายเป็นความเห็นแก่ตัวจัดโดยไม่รู้ตัว นำไปสู่การประกอบอาชีพทุจริต การกบฏ-คด-โกง แต่เมื่อฝ่ายบุญกุศลเข้ามาทำหน้าที่แทน จิตใจบริสุทธิ์ผ่องใสจากความตระหนี่ถี่เหนียว จากความเห็นแก่ตัว จากความเห็นแก่ทิฏฐิความเห็นของตัว ทำใจให้กว้าง รู้จักแผ่เมตตากรุณาธรรมต่อกัน เห็นอกเห็นใจกัน ทำความเข้าใจกัน รู้จักให้อภัยให้แก่กัน นี่ฝ่ายเบญจศีล ก็เลิกละอทินนาทาน ฝ่ายเบญจธรรมก็เมตตากรุณา เห็นอกเห็นใจกัน เผื่อแผ่กัน ยกเว้นยกโทษให้แก่กัน ไม่ถือโทษโกรธกัน เป็นอภัยทาน แล้วก็ข้อที่ 3 เลิกละความประพฤติผิดในกาม หมกมุ่นในกาม สําส่อนในกาม มาคิดรู้ดีรู้ชั่ว เลิกละฝ่ายบาปอกุศล ประพฤติปฏิบัติสันโดษอยู่ในคู่ครองของตน มีความสำรวมในกาม นี่เลิกละกายทุจริต ปฏิบัติอยู่ในกายสุจริต มาแล้ว ตัวเองก็ปฏิบัติ แนะ-นำ-ชักนำ-คนอื่น สั่งสอนคนอื่น ให้ปฏิบัติ ยินดีที่ผู้อื่นปฏิบัติ และสรรเสริญผู้อื่นที่ปฏิบัติได้อย่างนี้ ไม่ใช่ว่าเห็นใครปฏิบัติดีก็ไม่รู้จักสักที ไม่ใช่ ต้องให้รู้คุณค่าของคนอื่นบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ใจเรา ดังนี้เป็นต้น
    ละวจีทุจริต ด้วยความเห็นโทษ ใจเขาก็ใจเรา วจีทุจริต กล่าวคำหยาบ ด่าทอ ให้ร้ายป้ายสี กล่าวคำโกหกมดเท็จ หลอกลวงผู้อื่น กล่าวคำยุแยกให้เขาแตกสามัคคีกัน กล่าวคำเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้สาระ เลิกละ มาปฏิบัติอยู่ในวจีสุจริต กล่าวแต่คำจริง มีความจริงใจต่อกัน กล่าววาจาสุภาพอ่อนโยน กล่าวคำประสานไมตรี พูดแต่คำพูดที่ดีๆมีคุณประโยชน์เป็นสุภาษิต เป็นข้อปฏิบัติที่ดี ไม่ว่าเป็นคำแนะนำเกี่ยวกับอาชีพที่สุจริต คำแนะนำในความประพฤติปฏิบัติที่ดีนำไปสู่ความเจริญสันติสุขและถึงความพ้นทุกข์ นี่ ปฏิบัติเองด้วย ชักนำให้ผู้อื่นปฏิบัติด้วย ยินดีที่ผู้อื่นปฏิบัติด้วย สรรเสริญที่ผู้อื่นปฏิบัติได้อย่างนี้ด้วย นี่กล่าวทางส่วนวจีสุจริต นี้ครอบคลุมไปถึงศีล 5 ศีล 5 น่ะเป็นส่วนย่อ กล่าวกายสุจริต วจีสุจริต เป็นส่วนขยายรายละเอียด แล้วเป็นไปด้วยอะไรล่ะ?
    เลิกละมโนทุจริต อะไรล่ะมโนทุจริต เจตนาความคิดอ่านที่เป็นไปด้วยกับกิเลส โลภจัด ตัณหาราคะจัด เห็นแก่ตัวจัด เลิกละซะ ให้มันเบาลงไป ให้มีใจเผื่อแผ่กว้างขวาง รู้จักเสียสละสิ่งของเพื่อความเจริญสันติสุขของผู้อื่น ด้วยการให้ มีอามิสทานเป็นทรัพย์สิ่งของ แบ่งปันกันกินแบ่งปันกันใช้ แล้วสูงขึ้นไปถึงแนะนำข้อปฏิบัติที่ดีที่มีศีลมีธรรม สูงขึ้นไปถึงอภัยให้แก่กัน ไม่ถือโทษโกรธกัน ไม่ยึดถือเอาแต่ว่าเป็นโทษเรื่อยไป รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น นี่ข้อหนึ่งล่ะ ข้อที่สอง เลิกละความโกรธ พยาบาท อาฆาต จองเวรต่างๆ ด้วยอภัยให้แก่ผู้อื่น ประการที่สาม เลิกละความหลงผิด ไม่รู้บาปบุญคุณโทษตามความเป็นจริง ส่วนมาก บางคนก็ไม่รู้นะ มากต่อมากที่มักจะแสดงความเห็นว่าตนเองนี่รู้แล้ว ก็ยอมรับว่ารู้อยู่ แต่ส่วนเดียว มันมีส่วนที่ละเอียดยิ่งกว่านั้นไปอีกมาก ถ้าว่าเมื่อไหร่หมดความหลงตัวเองเมื่อไหร่ เข้าข่าย สู่ความเป็นอริยบุคคล คือทำใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส รู้เห็นความดีความชั่วตามความเป็นจริง บาปบุญคุณโทษตามความเป็นจริง จากหยาบ กลาง ละเอียด ที่มีมาก เรียกว่ากิเลสร้อยห้า ความจริงไม่ใช่ร้อยห้าหรอก กิเลสหมื่นแสนห้า ตัณหาหมื่นแสนอย่าง มากมาย อย่าไปนึกว่าเรารู้หมดแล้ว ไม่จริง ถ้ารู้หมดแล้วก็เป็นพระอริยสงฆ์พระอริยเจ้า เป็นภิกษุเรียกว่าพระอริยสงฆ์ เป็นโยมก็เรียกว่าพระอริยเจ้าหรือพระอริยบุคคล เรียกว่าพระนะ เป็นโยมนี่แหละ เรียกว่าพระ ท่านที่เป็นพระอริยสงฆ์พระอริยเจ้าก็มีมากพอสมควรอยู่ในโลก มนุษย์โลก ในเทวโลก ในพรหมโลก ก็มี ดังนี้เป็นต้น.
    _______________
    เทศนาธรรมจาก
    พระเทพญาณมงคล
    หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล
    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก
    จ.ราชบุรี
    _______________
    จากเทศนาธรรมเรื่อง
    เพียรกำจัดกิเลส




    https://youtu.be/6-ImLe07xgM
    _______________
    เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า.
    -vwNP-U1Rd0Nn_2WECPLtxj4yUtB3xr6-&_nc_ohc=5oN8dFuYiX0AX8D8Khy&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    โลกจะได้รับความสุข
    ก็เพราะอาศัยความประพฤติทั้ง ๔ อย่าง คือ
    ให้ทาน กล่าววาจาไพเราะ
    ประพฤติให้เป็นประโยชน์ในกันและกัน
    ความประพฤดิตนให้สม่ำเสมอในธรรมนั้นๆ


    sjdtrBcXYo0AOGoob5q_qNtGPxRNTEeL4&_nc_ohc=tRHkv0WaqvUAX-zo6f_&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    เล่าเรื่อง… หลวงปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร)
    โดย พระราชญาณวิสิฐ (เสริมชัย ชยมงฺคโล)



    อาตมาภาพเคยได้ยินเรื่องราว และกิตติศัพท์เกี่ยวกับ “หลวงปู่ใหญ่” (หลวงปู่เทพโลกอุดร) มานานแล้ว
    และเคยได้รับอาราธนาไปประกอบพิธีเททองรูปหล่อ (รูปเหมือน) ของหลวงปู่ท่าน
    ที่วัดเขาตะเกียบ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๙
    โดยพระเดชพระคุณเจ้าประคุณ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์
    เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ องค์ปัจจุบัน เป็นประธาน
    และได้ไปร่วมประดิษฐานรูปเหมือนหลวงปู่ ที่วัดเขาตะเกียบอีกครั้งหนึ่ง เมื่อต้นปี พ.ศ.๒๕๔๐

    เมื่อเวลาเจริญสมถวิปัสสนากัมมัฏฐานก็ดี
    เวลาเจริญภาวนาอธิษฐานจิตบรรจุพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ
    และอิทธิมงคล…ลงในพระพุทธรูป หรือวัตถุมงคลทั้งหลายก็ดี
    นอกจากอธิษฐานขอ บารมีธรรม (บุญศักดิ์สิทธิ์ บารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจ สิทธิ เฉียบขาด)
    จาก พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
    ถึง…พระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรม
    หลวงพ่อวัดปากน้ำ (สด จนฺทสโร)
    และ พระอุปัชฌาย์อาจารย์ แล้ว
    ก็ได้อธิษฐานถึง…
    หลวงปู่ใหญ่ (หลวงปู่เทพโลกอุดร)
    หลวงปู่ทวด
    หลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)
    หลวงปู่ศุข
    หลวงปู่มั่น
    หลวงปู่ปาน
    ฯลฯ
    เป็นประจำเสมอมา
    ครั้นต่อมาในเทศกาลเข้าพรรษา พ.ศ.๒๕๔๐
    อาตมาภาพได้สร้าง “สมเด็จพระธรรมกาย” รุ่นต่างๆ ได้แก่
    – รุ่น เทพนิมิต (๑๙๙๙๙)
    – รุ่น ๒๐๗
    – รุ่น ๙๙
    – รุ่น ๙๙๙
    และ รุ่น ๔๐
    (หมายเลขของรุ่น แสดงจำนวนพระที่สร้างแต่ละรุ่นนั้นๆ เท่าที่มวลสารพิเศษจะมีให้สร้างได้)
    โดยได้นำพระภิกษุสามเณร วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม เจริญภาวนาวิชชาธรรมกายชั้นสูง
    บรรจุพลังพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ
    อธิษฐานจิตเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ผู้มีพระนี้ไว้ในครอบครอง…ตลอดพรรษา
    และยังกระทำต่อมาอีก ๑ เดือนเศษ
    ขณะเจิญภาวนาแต่ละครั้ง ก็ได้อธิษฐานรวมบารมีธรรมของบูรพาจารย์ (ดังที่กล่าวข้างต้น)
    มาช่วยเจริญภาวนาให้เกิดพลังเป็นมหิทธิผล…เป็นประจำ
    ก็ปรากฏนิมิตของบูรพาจารย์ทุกท่านดังที่กล่าวข้างต้น
    ได้หมุนเวียนกันมาปรากฏองค์ให้เห็นชัดๆแก่ผู้นำเจริญภาวนา ในขณะเจริญภาวนาอยู่ทุกรอบ
    ……นี้เป็นการแสดงถึง
    การอธิษฐานรวมญาณ และบารมีธรรมของบูรพาจารย์…ขณะเจริญภาวนาวิชชาธรรมกายชั้นสูงนั้น
    มีความสอดคล้องกัน เป็นสายธาตุธรรมเดียวกัน ตามธรรมปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกาย
    ถึงพระนิพพาน(นิพพานถอดกาย) และถึงพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรม…ในอายตนะนิพพานเป็น
    ครั้นปลายเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๔๑ ใกล้วันเทศกาลตรุษจีน
    ขณะเมื่ออาตมาภาพเดินตรวจงานเตรียมจัดนิทรรศการพระบรมสารีริกธาตุ
    เพื่อให้สาธุชนได้มานมัสการบูชาระหว่างเทศกาลตรุษจีน
    ครั้นเดินผ่านไปถึงด้านหน้าศาลาอเนกประสงค์
    โดยตั้งใจว่าจะเลยไปกราบนมัสการ หลวงพ่อวัดปากน้ำ…ที่วิหารหลวงพ่อสด ฯ
    ก็พลันเห็นนิมิต “หลวงปู่ใหญ่” (หลวงปู่เทพโลกอุดร)
    …นั่งอยู่บนอาสนสงฆ์ที่หน้าพระประธานในอุโบสถ
    ตรงที่อาตมาภาพกราบพระ และเคยนั่งสอนภาวนาอยู่เป็นประจำ
    เห็นท่านนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกตามพระประธาน
    ห้อยเท้าลง ชันเข่าเอียงไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเล็กน้อย เหมือนกับท่านนั่งรออาตมาภาพอยู่
    รูปร่างสูงใหญ่ขนาดฝรั่งตัวโต หน้าตาคล้ายๆกับที่เคยเห็นในรูป แต่แสดงสีหน้ายิ้มนิดๆ
    ทักทายอาตมาภาพด้วยความเมตตา เหมือนกับรับทราบว่าอาตมาภาพเห็นท่านแล้ว
    ท่านครองจีวรพาดสังฆาฏิบนไหล่ซ้าย สีย้อมฝาด ดูเก่าแต่เรียบร้อยมาก
    กิริยาที่นั่งก็เรียบร้อย ดูสง่าและทรงอำนาจ
    อาตมาภาพขณะเดินไปที่วิหารหลวงพ่อสดฯ ก็ได้อธิษฐานเรียนท่านว่า…
    “กระผมขอโอกาสไปกราบหลวงพ่อสดฯก่อนนะครับ แล้วจะรีบมากราบหลวงปู่”
    เห็นท่านยิ้มนิดๆ แสดงอาการรับทราบและเข้าใจความรู้สึกของอาตมาภาพ
    ที่มีความเคารพเทิดทูนต่อ หลวงพ่อสดฯ ผู้สอนวิชชาธรรมกายอย่างสูง
    และความรู้สึกของอาตมาภาพที่มีต่อ หลวงปู่ใหญ่ ด้วยเป็นอย่างดี
    ครั้นได้นมัสการบูชาหลวงพ่อที่วิหารหลวงพ่อสดฯ เรียบร้อยแล้ว
    ก็เดินกลับไปที่กุฏิพัก สั่งให้พระมหามณฑล อตฺตทนฺโต จัดดอกไม้ธุปเทียน
    และเปิดอุโบสถไว้รออาตมาภาพมานมัสการบูชาพระ
    เมื่อเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ไปถวายเครื่องสักการะนมัสการบูชา “หลวงปู่ใหญ่” …ในอุโบสถ
    แล้วขออาราธนาหลวงปู่ใหญ่…ขอให้ท่านอยู่เจริญวิชชา
    ช่วยให้การศึกษาอบรมและเผยแพร่ที่วัดหลวงพ่อสดฯ นี้ด้วยอีกแรงหนึ่ง
    พร้อมด้วย หลวงปู่ทวด และ หลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)
    เพราะที่นั่นเป็น “ปราสาททำวิชชา…ของพระพุทธเจ้าต้นธาตุต้นธรรม”
    โดยมี หลวงพ่อวัดปากน้ำ (สด จนฺทสโร) นั่งอยู่ตรงกลางเป็นประธานอยู่แล้ว
    เพราะเหตุนั้น ผู้ปฏิบัติภาวนาถึงธรรมกายแล้ว
    จึงเห็นท่านได้มีเมตตาอยู่เจริญภาวนาที่ในปราสาททำวิชชานี้ด้วยเสมอ……นับแต่นั้นเป็นต้นมา
    และยังมีข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง หากใครเคยได้ยินเขาเล่าว่า เวลาที่หลวงปู่ใหญ่มาจะได้กลิ่นหอม แต่อาตมภาพไม่เคยได้กลิ่นหอมอย่างนั้นเลย แม้เส้นเกศาที่ได้รับถวายมาก็ไม่มีกลิ่นอะไร นอกจากกลิ่นดอกไม้ที่ตั้งบูชาพระโดยทั่วๆ ไป
    บางท่านก็ว่า เคยเห็นท่านพาดผ้าสังฆาฏิไว้บนไหล่ขวา (กลับกันกับพระภิกษุทั่วไป) แต่ผู้ปฏิบัติถึงธรรมกายต่างได้เห็นในนิมิตว่า ท่านพาดสังฆาฏิบนไหล่ซ้ายเช่นเดียวกันกับพระภิกษุโดยทั่วไปทุกครั้ง
    จึงขอฝากไว้ให้ผู้ปฏิบัติภาวนาธรรมสังเกตดูเอาเอง ใครรู้เห็นเองอย่างไร (ขณะจิตใจบริสุทธิ์ผ่องใส) ก็เป็นตามรู้ตามเห็นเองนั้นแล


    *** คัดลอกบางตอนจาก หนังสือ เหตุมหัศจรรย์ที่วัดหลวงพ่อสดฯ
    และ นิตยสารธรรมกาย ฉบับที่ ๔๗ มกราคม – มีนาคม ๒๕๔๑

    lvddn1p78HjVF15qtYoaQO9CKFlCaQlSz&_nc_ohc=3PuE6sHbAS4AX-8o9mF&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-4.jpg
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ?temp_hash=8cbfbc5ceafe80f86200b6c63744548e.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    UjWenK0SV73OlXuH3STawiEagWp_faNNh&_nc_ohc=yMJOhSZtVd4AX-qovoE&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    “…เมื่อเรายังมีชีวิตเป็นอยู่ก็เป็นของเราอยู่
    แต่พอแตกกายทำลายขันธ์เท่านั้น
    สมบัติเหล่านั้นไม่ใช่ของเราเสียแล้ว
    กลายเป็นของคนอื่นเสียแล้ว
    ไม่ใช่ของเราจริงๆ

    ในมนุษย์โลกเราผ่านไปผ่านมาเท่านั้นเอง
    ไม่ใช่เป็นบ้านเป็นเมืองของเรา
    ไม่เป็นถิ่นทำเลที่เราอยู่
    เป็นทำเลที่สร้างบารมี
    มาบำเพ็ญทาน ศีล เนกขัมม์ ปัญญา วิริยะ อธิษฐาน ขันติ สัจจะ เมตตา อุเบกขา เท่านั้น”



    ธรรมเทศนา ;สุขที่สัตว์ปรารถนาจะพึงได้
    19 กันยายน 2497
    พระมงคลเทพมุนี(สด จนฺทสโร)
    หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

    wGXnKwkKJ9whMI9UoJ0kvPxHHVQWbb5e22&_nc_ohc=eUSA2PGF5F4AX8pLsmB&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-3.jpg
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    lYExD3cCD8Z6mkHwx42pmwgS7DnOy637e&_nc_ohc=WOSHoJWoclQAX9Q3QuB&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-4.jpg
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    64C0oM33GWdIYZuvuW8FaAo0ZaYvTrt7y&_nc_ohc=kzCu_96Fgb0AX-dDyay&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ...อายตนะนิพพานนี้มีอยู่ สูงขึ้นไปจากภพสามนี้ เลยออกไปจากขอบเนวสัญญานาสัญญายตนะภพ พ้นออกไปจากวิถีภพนี้ตรงขึ้นไปทีเดียว จะคำนวณระยะทางก็เห็นว่าหาประมาณมิได้ทีเดียว ไม่ได้มีอยู่ในดิน น้ำ ไฟ ลม และดิน น้ำ ไฟ ลม ก็ไม่มีอยู่ในนิพพาน ในอรูปภพทั้ง ๔ ก็มิใช่ แม้นิพพานก็มีได้มีลักษณะของอรูปภพทั้ง ๔ นี้เลย
    ในโลกนี้ โลกอื่นก็มิใช่ เพราะเหตุที่อายตนะนิพพานพ้นไปจากโลกจากภพ คือ กามภพ รูปภพ และอรูปภพเหล่านี้สิ้นแล้ว นิพพานก็มิใช่สิ่งเหล่านี้ #พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
    #หลวงพ่อวัดปากน้ำ

    kNEkav04rTqjLwfqMtyY44mJZpFX1vhrEc&_nc_ohc=wV4hjt3grBQAX_7KEhW&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-4.jpg
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    "...ถ้าไม่หยุดจะถึงธรรมกายไม่ได้ ถ้าทำใจให้หยุดได้ก็เข้าถึงธรรมกายได้ เราเป็นมนุษย์ ปฏิบัติในพระพุทธศาสนาเหมือนกัน จะทำให้เป็นรรมกายอย่างเขาไม่ได้เชียวหรือ เราต้องทำได้ ขอให้ทำจริง ๆ เถิด ทำได้ทุกคน ถ้าทำไม่จริงละก็ไม่ได้แน่ ๆ
    ที่ว่าทำจริงนั้นจริงแค่ไหน? แค่ชีวิตชี่ เนื้อเลือดจะแห้งเหือดหมดไป จะเหลือแต่กระดูกหนังช่างมัน ถ้าไม่ได้ ไม่ลุกจากที่ นี่จริงแค่นี้ละก็ทำได้ทุกคน


    #พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
    #หลวงพ่อวัดปากน้ำ
    a1dwqSXAs1M8NmX5ho5GB__HhInyn_6RO&_nc_ohc=J8nqtkLozIsAX-_vCip&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    ccAgUlF70btT8ZZ_HUpX_pibdX5YHOPmqT&_nc_ohc=aXp82j2GypEAX9n7HWA&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-4.jpg




    ธรรมขาวเป็นธรรมสำคัญ
    ธรรมดำเป็นธรรมฝ่ายของพญามารแท้ๆ
    ไม่ใช่ของพระ ของพระเป็นฝ่ายธรรมขาวแท้ๆ
    ไม่ใช่ธรรมดำ ตรงกันข้ามดังนี้

    แต่ว่าผู้ประพฤติปฏิบัติในพระธรรมวินัยของพระศาสดา
    ทั้งภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกา
    ไม่รู้จักชัดว่าปฏิบัติดังนี้เป็นธรรมดำ
    ปฏิบัติดังนี้เป็นธรรมขาว ไม่รู้ชัด
    จะรู้จักชัด ต้องขัดกาย วาจา ใจ ออกไปเป็นขั้นๆ

    ทุจริตกาย วาจา จิต นั่นเป็นธรรมดำ
    สุจริตด้วยกาย วาจา จิต นั่นเป็นธรรมขาว
    ทำใจให้ผ่องใสนั่นเป็นธรรมขาว
    ถ้าใจมืดมัวขุ่นหมองนั่นเป็นธรรมดำ
    นี่เป็นธรรมดำธรรมขาวมีลักษณะอย่างนี้
    ชั่วเป็นฝ่ายดำทั้งนั้น ดีเป็นฝ่ายขาว

    1f64f.png โอวาทธรรม 1f64f.png
    #พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
    #หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

    จาก พระธรรมเทศนากัณฑ์ที่ ๔๑
    เรื่อง ติลักขณาทิคาถา
    ๗ สิงหาคม ๒๔๙๗


    *************************


     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    XL288jcrvdRzjGmp_uP3Dxr6PyGq8Lesb&_nc_ohc=Mba_shmNeoQAX9_tAff&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-4.jpg
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    - ทำไมเวลาทำสมาธิแล้วง่วงนอน
    #ถาม :: มีพระมหาเปรียญท่านหนึ่งบอกว่า สมาธิทำให้ไม่ง่วงซึม ทำไมดิฉันทำสมาธิครั้งใดต้องง่วงนอนทุกครั้งไป ??
    #ตอบ :: อันนี้เป็นคำถามที่ดี
    #วิธีแก้โรคคนที่ใจฟุ้งซ่านนอนไม่หลับ ให้บริกรรมภาวนา เอาใจไว้ที่ศูนย์กลางกาย "สัมมาอะระหังๆๆ" ให้ใจรวมลงหยุดที่ศูนย์กลางกาย พอรวมแล้วเรากำหนดในใจว่าเราจะหลับ สติจะเผลอ แล้วก็จะหลับได้โดยง่าย
    เพราะฉะนั้น #คนทำสมาธิแล้วง่วง #เพราะตรงนี้เผลอสติ ถ้าไม่เผลอสติ ทำใจให้สว่างไว้ ให้รู้สึกตัวพร้อมอยู่ จิตดวงเดิมจะตกศูนย์ จะรู้สึกมีอาการเหมือนหวิวนิดหน่อย แล้วใจดวงใหม่จะปรากฏใสสว่างขึ้นมาเอง แล้วใจก็หยุดนิ่งกลางดวงใสสว่างนั่น ก็จะใสสว่างไปหมดเลย ไม่ง่วง ไม่ซึม เข้าใจนะ
    ถ้าใครนั่งง่วงหลับงุบงับๆแล้วก็ ให้พึงเข้าใจว่า ใจไม่เป็นสมาธิแล้วนะ กำลังเผลอสติ จะหลับแล้ว ต้องพยายามอย่าเผลอสติ ให้มีสติสัมปชัญญะรู้เท่าทันกิเลสนิวรณ์อยู่เสมอ
    แต่ถ้าประสงค์จะทำสมาธิเพื่อให้หลับสนิท ก็กำหนดในใจไปว่า เราจะหลับก็หลับ เมื่อทำบ่อยๆแล้วเราจะกำหนดได้ แม้แต่ว่าจะตื่นภายใน ๑ ชั่วโมง เราจะตื่นภายใน ๑๕ นาที เราจะตื่นภายในเวลาเท่าไร ก็จะเป็นไปตามนั้น.
    ________________
    เทศนาธรรมจาก
    พระเทพญาณมงคล
    หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล
    #วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก
    จ.ราชบุรี
    ________________
    ที่มาของธรรมะจาก
    "ตอบปัญหาธรรมปฏิบัติ"
    ________________
    เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า.
    KaPWOSYS69vjvcvGMcxISyKhcl6uQbrj2&_nc_ohc=QmPzS3Jzz9oAX8CzuCn&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    pwRsaCk_ZlJwTSNBEg4vQJ3sTipkikU-H&_nc_ohc=a2V6abMXFUYAX-LVr_z&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,432
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,124
    ค่าพลัง:
    +70,473
    Q-m8ITMgQl1BS7D0M3mKL476Jl7KdG4fV&_nc_ohc=TYuaIsH8TyYAX8EJ-bs&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...