เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

​

 

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ระยะนี้อากาศทางทองผาภูมิผกผันเปลี่ยนแปลงแรงมาก เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ตั้งแต่ระดับ ๑๒ องศาเซลเซียสถึง ๒๒ องศาเซลเซียส ภายใน ๑ อาทิตย์ อุณหภูมิสามารถขึ้นลงได้ ๓ - ๔ ครั้ง จึงทำให้คนแก่อย่างกระผม/อาตมภาพและน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) แข่งกันเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นปกติ..!

ลักษณะอากาศแบบนี้จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะว่าคนเรานั้นทำให้อากาศเป็นไปเช่นนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นการทำลายธรรมชาติก็ดี การก่อสงครามที่ต้องใช้อาวุธประเภทระเบิดอย่างรุนแรง จนทำให้อากาศเปลี่ยนแปลงก็ตาม และในส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือ กำลังในการสร้างความดีลดน้อยถอยลง แต่กำลังในการสร้างบาปกรรมมีแต่มากขึ้นทุกวัน

ดังนั้น..สิ่งที่เรากระทำไป ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม รวมกันแล้วจะเป็นขุมพลังงานที่น่ากลัวมาก โดยเฉพาะพลังงานฝ่ายชั่วนั้น รุนแรงถึงขนาดทำให้ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างที่เห็นอยู่ ก็ได้แต่หวังว่า ท่านทั้งหลายที่เชื่อถือในเรื่องที่มองไม่เห็นนี้ จะช่วยกันประพฤติปฏิบัติ กาย วาจา ใจ ของตน ให้อยู่ในกรอบของศีล ของสมาธิ ของปัญญา เพื่อที่ท่านทั้งหลายจะได้ช่วยกันพยุงสภาพอากาศไม่ให้เลวร้ายไปยิ่งกว่านี้..!

ไม่เช่นนั้นแล้วความเปลี่ยนแปลงที่หนักมากขึ้นไปเรื่อย ไม่ว่าพันธุ์พืชหรือว่าพันธุ์สัตว์ก็มีแต่จะสูญพันธุ์ แล้วขณะเดียวกัน เมื่อพืชสัตว์อยู่ไม่ได้ มนุษย์เราก็จะอยู่ไม่ได้ไปด้วย ไม่ใช่ว่าเรามีเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะเอาตัวรอดจากสภาพอากาศเหล่านี้ได้ ถ้าหากว่าการเปลี่ยนแปลงถึงระดับสุดขั้วเมื่อไร ต่อให้เทคโนโลยีดีขนาดไหน ก็ไม่อาจที่จะแก้ไขชะตากรรมของมนุษยชาติได้

เรื่องพวกนี้ ท่านทั้งหลายส่วนหนึ่งมองเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว อย่างที่ภาษาเป็นทางการเขาเรียกกันว่า ภาวะโลกร้อน หรือที่ภาษาอังกฤษว่า Greenhouse Effect ก็เพราะว่าเรานั้นใช้ทรัพยากรโลกอย่างสิ้นเปลืองยังไม่พอ ยังกระทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดมลพิษอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกินกว่าที่ธรรมชาติจะรับได้

 

ถ้ากระผม/อาตมภาพจะบอกกล่าวว่าโลกของเรานี้มีชีวิต ท่านทั้งหลายที่ไม่เข้าใจก็จะหาว่ากระผม/อาตมภาพเพี้ยนอีกแล้ว ในเมื่อโลกของเรามีชีวิต สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงรุนแรงก็คือความเจ็บไข้ได้ป่วยที่เกิดขึ้นกับโลกใบนี้ ในเมื่อร่างกายของเราเจ็บไข้ได้ป่วย ระบบภูมิต้านทานก็จะออกมาต่อสู้เพื่อทำลายเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ๆ

ภูมิต้านทานของโลกที่แสดงออก ก็คือการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของสภาพอากาศ ซึ่งก่อให้เกิดภัยพิบัติต่าง ๆ โดยเฉพาะภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อากาศร้อนสุดขั้ว หนาวสุดขั้ว ตลอดจนกระทั่งอากาศแล้งจัดและน้ำท่วมฉับพลัน

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นระบบการเยียวยาตนเองของโลกใบนี้ ตราบใดที่พวกเรายังไม่ช่วยเหลือกันในการประคับประคองรักษาโลกของเรา ด้วยการลดการทำลายธรรมชาติ และตั้งหน้าตั้งตาสร้างเสริมคุณงามความดี ทางกาย ทางวาจา ทางใจ ของตน โลกเราก็จะอยู่ในสภาพนี้และจะมีแต่อาการจะหนักขึ้น จนกระทั่งท้ายที่สุด ถ้าภูมิคุ้มกันของโลกชนะ การสูญพันธุ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็จะเกิดขึ้น..!

แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ยืดระยะเวลาไปอีกยาวนานก็ตาม แต่ว่าบุคคลที่ขาดสติ มองเห็นแต่ประโยชน์เฉพาะตน พยายามก่อให้เกิดสงครามต่าง ๆ ขึ้นทุกมุมโลก โดยไม่ได้ใส่ใจว่าจะเป็นการทำลายโลกและทำลายประชากรไปสักเท่าใด ก็อาจจะทำให้การสูญพันธุ์ของมนุษยชาติเกิดขึ้นเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ

ดังที่เคยกล่าวเตือนพวกเราเอาไว้แล้วว่า สงครามใหญ่ที่ปรากฏขึ้นในปัจจุบันนั้นไม่ใช่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน แต่ว่าเป็นสงครามเลือกข้าง รัสเซียก็มีพวกของตนเองที่คอยสนับสนุน ส่วนยูเครนนั้นไม่ต้องพูดถึง บรรดา EU ก็คือสหภาพยุโรปนั้น โดดเข้าใส่เต็มตัวตั้งแต่แรกแล้ว โดยเฉพาะ "บ่างช่างยุ" อย่างสหรัฐอเมริกา ที่ก่อให้เกิดสงครามเพื่อที่จะหาผลประโยชน์ ไม่ว่าจะจากทรัพยากรธรรมชาติ หรือว่าการขายอาวุธก็ตาม ถ้าหากว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขาดความอดทนอดกลั้น มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์เมื่อไร ก็แปลว่าโลกของเราใกล้ถึงกาลอวสานแล้ว..!

 

เรื่องนี้ท่านทั้งหลายที่เป็นพระภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา เราก็มีหน้าที่แค่สวดมนต์ เจริญจิตภาวนา ได้แต่ขอบารมีพระ พรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ ให้เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้อย่าได้เกิดขึ้น หรือถ้าเกิดขึ้น ก็อย่าได้ลุกลามใหญ่โตไปขนาดครึ่งค่อนโลกอย่างที่น่าจะเป็นเลย

อีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า ระยะนี้กระผม/อาตมภาพนำเอาวัตถุมงคลชิ้นสำคัญ ที่ตนเองได้เก็บมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี ออกมาให้ท่านทั้งหลายได้บูชาเพื่อหาปัจจัยในการสร้างเสริมสิ่งต่าง ๆ ตามแต่ความจำเป็นที่จะต้องใช้งาน โดยเฉพาะในส่วนของพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ซึ่งโดยปกติแล้วก็คือจะมีการเบิกเงินประจำงวดราว ๆ เดือนละ ๑ งวด แต่ในระยะนี้เป็นระยะของการซื้อสิ่งของต่าง ๆ โดยเฉพาะระบบแสง สี เสียง ที่เรียกว่ามัลติมีเดีย อาจจะการเบิกเดือนละ ๒ - ๓ งวดก็ได้ ซึ่งแต่ละงวดก็คือยอดเต็ม ๘ ล้านบาท..!

กระผม/อาตมภาพจึงจำเป็นที่จะต้องสละของรักของตนเองออกมา ซึ่งหลายต่อหลายชิ้นนั้น บางทีก็มีแค่ชิ้นเดียวในโลกเท่านั้น อย่างเช่นว่าวัวธนูเนื้อเงิน (ตัวใหญ่) ของหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง เป็นของเจ้าของโรงสีข้าวท่านหนึ่งในอำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม บ้านเกิดของกระผม/อาตมภาพเอง ท่านเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศสเปนในสมัยนั้น เห็นแล้วชอบใจก็ได้ซื้อหามา แล้วไปกราบขอให้หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ช่วยปลุกเสกเป็นวัวธนูให้

แต่เมื่อมาถึงรุ่นลูก ความเคารพนับถือก็ลดลง เพราะว่าไม่เคยเห็นอานุภาพวัตถุมงคลของหลวงพ่อน้อยอย่างชัดเจน เมื่อมาถึงรุ่นหลานก็ยิ่งไม่เห็นค่าเข้าไปใหญ่ จึงนำออกมาจำหน่าย ทำให้กระผม/อาตมภาพต้องรีบตะครุบไว้ และติดย่ามตนเองมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว เป็นต้น

หรือว่าอย่างดาบคู่ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล ซึ่งกว่าที่จะหาเข้าคู่กันได้พอเหมาะพอดีในลักษณะอย่างนั้น ก็ใช้เวลาเกิน ๓๐ ปี..! บางทีสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ท่านที่มีบุญมีบารมีมากกว่า ก็แค่เข้ามาบูชาไปง่าย ๆ อาจจะไม่เห็นคุณค่าว่าเป็นสิ่งของที่หายากขนาดไหนด้วยซ้ำไป

หรือว่าอย่างตะกรุดไม้ครูของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก กระผม/อาตมภาพเองซึ่งเป็นคนนครปฐมแท้ ๆ ได้ตะกรุดไม้ครูของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ผ่านมือมาเกิน ๒๐ ดอก แต่ที่จะสวยสมบูรณ์ระดับแชมป์โลกอย่างดอกที่เอาลงกระทู้นี้ ก็ยังไม่เคยพบไม่เคยเห็น จึงเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายซึ่งปรารถนาชิ้นใดก็ตาม สามารถที่จะเลือกบูชาได้ตามใจของตนเอง เพราะว่าเป็นสิ่งที่กระผม/อาตมภาพได้คัดเลือกเอาไว้ประจำตนอยู่แล้ว

 

อีกเรื่องหนึ่งก็คืองานบวงสรวงไหว้ครูและเป่ายันต์เกราะเพชร ซึ่งจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ นั้น กระผม/อาตมภาพได้ให้คณะทำงานของวัดท่าขนุน เปิดไลน์โอเพนแช็ต เพื่อที่ให้หลายท่านซึ่งมีคำถามได้เข้ามาเป็นสมาชิก แล้วจะได้ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับการเป่ายันต์เกราะเพชร การรับยันต์เกราะเพชรล่วงหน้า ถึงเวลาจะได้วางกำลังใจได้ถูกต้อง

แต่ว่าหลายท่านเข้ามาแล้วก็ "ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือ" ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เขามีรวบรวมเอาไว้แล้วในโน้ตของกลุ่มไลน์โอเพนแช็ตนั้นแล้ว ถึงเวลาก็มาโพสต์ถามสารพันปัญหา หลายต่อหลายคนก็ถามปัญหาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการเป่ายันต์หรือว่ารับยันต์เลย จนกระทั่งกลายเป็นการก่อกวนคนอื่น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องบล็อกทิ้งไปก็มี..!

โดยเฉพาะท่านที่อ้างว่า ในปัจจุบันนี้การละเมิดลิขสิทธิ์ต่าง ๆ เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะว่าแทบจะไม่มีใครใช้สิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย กระผม/อาตมภาพถือว่าเป็นข้ออ้างที่แย่มาก เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเองก็ใช้บรรดาแอพพลิเคชั่น ตลอดจนกระทั่งระบบต่าง ๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการต่อลิขสิทธิ์อยู่ทุกปี ท่านซึ่งเป็นฆราวาสน่าจะดำเนินการได้ง่ายกว่ากระผม/อาตมภาพหลายเท่า

เพียงแต่ว่าท่านอาจจะเห็นว่า เรื่องอะไรต้องไปเสียเงินแพง ๆ ในเมื่อระบบหรือแอพพลิเคชั่นเถื่อนต่าง ๆ มีให้อยู่แล้ว จึงมาอ้างว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องละเมิดศีล ถ้าอย่างนั้นท่านทั้งหลายก็ทำตัวให้ห่างไกลจากยันต์เกราะเพชรไปเลยจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นเมื่อท่านรับยันต์ไปแล้ว มาละเมิดข้อห้าม อาจจะเกิดโทษปรามาสพระรัตนตรัยเพิ่มขึ้นด้วย

 

สำหรับท่านที่ไม่มั่นใจว่าไปแล้วจะได้เข้าพิธีอย่างแน่นอนหรือไม่ ? ก็มีรายการทัวร์ ไม่ว่าจะเป็นเว็บเพจกิฟท์จังพลังเวทย์ก็ดี รายการโมทนาบุญสัญจรก็ตาม ได้มีการจัดรถไปวัดตามปกติ ซึ่งกระผม/อาตมภาพจะยินดีมาก ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายจองทัวร์ไป เนื่องเพราะว่าวัดท่าขนุนนั้นไม่สามารถที่จะขยายพื้นที่ได้ สถานที่จอดรถไม่เคยเพียงพอสำหรับงาน

ท่านทั้งหลายถ้าหากว่าจองทัวร์ไปแล้ว ทางวัดของเรามีระบบรถตู้ขนส่ง หมุนเวียนระหว่างที่จอดรถกับหน้างานของทางวัดให้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องไปกลัวว่าถึงเวลาแล้วจะไม่สามารถเข้างานได้ ดังนั้น..ถ้าหากว่าท่านจะช่วยลดความแออัดของการจราจร ก็สามารถที่จะจองทัวร์ได้ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

ส่วนในเรื่องของที่พักนั้น รีสอร์ตหลายแห่งก็เริ่มเต็มแล้ว ถ้าหากว่าท่านจะไปพักค้างคืน สามารถที่จะจองจากเว็บเพจกิฟท์จังพลังเวทย์ได้ เพราะว่าทางด้านนั้นมีการจองเผื่อเอาไว้ สำหรับท่านที่ไปกับคณะทัวร์ ที่ดูเหมือนอย่างกับว่าราคาแพง แต่ความจริงแล้วมีการท่องเที่ยว ตลอดจนกระทั่งเล่นเกมไปตลอดทาง กว่าที่จะไปเข้าหน้างานตามเวลา ท่านทั้งหลายอาจจะเที่ยวเล่นจนหมดแรงไปแล้วก็ได้..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๓ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)