เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 29 มกราคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ท่านทั้งหลายก็จะเห็นแล้วว่าทางหลวงพ่อซูวอนของเกาหลีใต้ ท่านมาเพื่อศึกษารูปแบบการบริหารงานและการปฏิบัติธรรมของวัดท่าขนุ หลวงพ่อซูวอนเป็นพระมหายาน ท่านมีวัดสาขาอยู่ในยุโรป ๓ แห่ง ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าชื่อเสียงของทางวัดท่าขนุนไปเข้าหูท่านแบบไหนถึงได้มา แต่ว่าท่านตื่นเต้นกับทุกอย่างของที่นี่ ถ้าหากว่าตามที่ท่านพูดก็คือ "มีน้อยแต่มาก" ประมาณนั้น

    แม้แต่ท่านทั้งหลายก็อาจจะสงสัยเหมือนกันว่า วัดวาอารามของเราดูเหมือนกับไม่มีอะไร คำว่าไม่มีอะไรในที่นี้ ก็คือไม่มีความหรูหราอลังการให้กับผู้อื่น แม้แต่พวกเราเองก็อยู่กันอย่างง่าย ๆ แต่ว่าสำหรับเรือนรับรองอาคันตุกะ เรากลับติดเครื่องปรับอากาศให้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพระเถระอาคันตุกะส่วนใหญ่ ท่านจะเคยชินกับการอยู่สบายมา ดังนั้น..ถ้าไม่มี
    เครื่องปรับอากาศให้ท่านก็คงจะลำบากมาก

    แต่ว่าท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมคำโบราณที่ว่า "ลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ" ท่านที่เข้าไปในกุฏิของกระผม/อาตมภาพจะเห็นว่าแม้แต่พัดลมก็ไม่มี ก็คือถ้าหากว่าเราไม่ใช้เครื่องปรับอากาศ ไม่ใช้พัดลม ความเคยชินก็จะทำให้เราอยู่ได้ แต่ว่าพวกท่านเองถ้าวันไหนไฟดับ ก็นั่งกันหน้าสลอนอยู่หน้ากุฏิ เพราะว่าอยู่ข้างในไม่ได้ อากาศร้อน พัดลมไม่ทำงาน..!

    ดังที่กระผม/อาตมภาพเคยบอกท่านทั้งหลายมาหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม เราต้องพยายามลดสิ่งรุงรังในชีวิตให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องถ่วงให้เราติดอยู่กับวัฏสงสาร ยิ่งลดลงไปได้มากเท่าไร เราก็จะยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น เพราะว่าเป็นผู้เบากาย เบาใจ ไม่ต้องมีภาระมาก

    ถ้าหากว่าตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติเอาไว้ก็คือ พระภิกษุของเรามีแต่บริขาร ๘ ก็เพียงพอแล้ว ก็คือจีวร สังฆาฏิ สบง ประคดเอว มีดโกน หม้อกรองน้ำ เข็มและด้าย สิ่งสำคัญก็คือบาตร ส่วนอื่นถือว่าเป็นส่วนเกิน อาหารจะไม่มีการกักตุน เราจะบิณฑบาตกันวันต่อวัน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    การทำในลักษณะนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายดูความประพฤติของบรรดาสัตว์ต่าง ๆ เราจะเห็นว่าสัตว์น้อยรายที่จะสะสมอาหาร ก็คือกินมื้อนี้แล้ว มื้อหน้าจะมีหรือไม่ สัตว์ไม่มีกังวล ยกเว้นพวกสัตว์ในเขตหนาวที่ถึงฤดูหนาวแล้วต้องมีการกักตุนอาหารไว้ เพื่อกินในระหว่างฤดูหนาวที่ยาวนานหลายเดือน

    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า พระภิกษุของเราต้องทำตัวอยู่ในลักษณะเหมือนกับนก เมื่อบินจากไป ก็ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ที่คอน ก็คือแม้แต่รอยเท้าที่เกาะอยู่ก็ไม่มี เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายจะต้องฝึกฝน พยายามที่จะลด ละ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ลงให้ได้

    กระผม/อาตมภาพเองออกจากวัดท่าซุงมา ญาติโยมหลายรายร้องไห้ร้องห่ม ทำอย่างกับว่า
    กระผม/อาตมภาพจะไปตาย..! แต่ความจริงก็แค่ไกลไปแล้วเขาเหล่านั้นมีโอกาสพึ่งพิงได้น้อยลง สรุปว่าที่ร้องไห้ไม่น่าจะห่วงหาอาลัยอะไรกระผม/อาตมภาพหรอก ห่วงว่าตัวเองจะไม่มีที่พึ่งมากกว่า..!

    แม้แต่การสร้างวัดวาอารามไป ๗ - ๘ แห่ง ถึงเวลา
    กระผม/อาตมภาพก็ทิ้ง ไปที่อื่นต่อ จนโยมบางท่านบ่นว่า "สร้างแล้วไม่อยู่ จะสร้างไปทำไม ?" ก็แค่ทำตามหน้าที่ คืออยู่ให้วัดได้อาศัย ไม่ใช่สักแต่ว่าอยู่อาศัยวัด ทำแล้วไม่ได้รับปากว่าจะอยู่ หากแต่ว่าทำตามหน้าที่เท่านั้น

    ในส่วนที่ท่านทั้งหลายถ้าเจอเข้า ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะรอดหรือไม่ ? ก็คือการไปสร้างวัดหนองบัวที่เมืองจะอีน ประเทศพม่า เมื่อฉลองวัดเสร็จ กระผม/อาตมภาพจะเดินทางกลับไทย ญาติโยมทั้งบ้านหนองบัว บ้านสองแคว บ้านสามพระยา บ้านป่าหวาย บ้านใหม่ จำนวนเป็นพันแห่กันมาถวายดอกไม้ ตลอดจนกระทั่งเครื่องบูชาต่าง ๆ โยมผู้หญิงก็แกะมวยผมทอดลงกับพื้นให้เป็นทางเดิน แม้กระทั่งท่านอาจารย์ใหญ่ยานิกะที่ถือว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในบริเวณนั้น ก็ยังอุตส่าห์เป็นไปกับเขาด้วย มาลายังไม่พอ โบกมือให้จนกระทั่งเรือลับสายตาไปอีกต่างหาก..!

    เรื่องพวกนี้จะเป็นสิ่งที่ผูกพันเราทันที ถ้ากำลังใจของเราแกะไม่ได้ เพราะว่าญาติโยมทั้งหมดแสดงออกซึ่งความรักความเคารพจากใจจริง ที่ไปช่วยเขาสร้างวัดวาอาราม จากที่ผุพังหาดีไม่ได้ จนกระทั่งกลายเป็นที่เลื่องลือไปว่า "แค่ศาลาหลังเดียวก็หมดไป ๒๐๐ กว่าแสน..!" คือสำหรับพม่าแล้วก็คล้าย ๆ กับจีน ของจีนตัวเลขเกินหมื่น ก็เป็นสิบหมื่น ร้อยหมื่น พันหมื่น ของพม่าถ้าเกินแสนก็สิบแสน ร้อยแสน จริง ๆ แล้วเขามีหลักล้านนะ แต่ไม่ค่อยจะได้ใช้
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    การแสดงออกของญาติโยมทั้งหลายเหล่านี้ โดยเฉพาะน้ำตา ถ้าท่านทั้งหลายไม่ระวังก็เสร็จ..! เพราะว่าความผูกพันเกิดขึ้น ถ้าหากว่าเราไปแค่คิด เกิดอารมณ์ร่วมตามมาเมื่อไร ก็แปลว่าติดอยู่แค่นั้นแหละ ไม่ต้องไปไหนหรอก จึงเป็นเรื่องที่พวกเราเองต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง

    ท่านจะเห็นว่าภายในวัดท่าขนุนนี้ แม้กระทั่งรูปของกระผม/อาตมภาพก็ยังไม่มีให้เห็นเลย อยากได้ก็ไปเปิดดูในเว็บไซต์ หรือในเฟซบุ๊กเอา เว็บไซต์
    กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้เปิดเอง เฟซบุ๊กก็ไม่ได้บริหารดูแลเอง นาน ๆ ค่อยย่องเข้าไปดูสักครั้งหนึ่ง แม้กระทั่งวัตถุมงคลรูปตัวเองก็ไม่อนุญาตให้ใครสร้าง ก็คือพยายามตัดในสิ่งที่อาจจะก่อให้เกิดเครื่องผูก ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าผูกเมื่อไรเราก็ไปไม่รอด..!

    การจะพ้นจากวัฏสงสารได้ ต้องทำกายทำใจให้เบาที่สุด เพื่อที่จะดึงตัวเองให้หลุดพ้นจากแรงดึงดูดมหาศาลของ รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าเราไม่พยายามขัด ไม่พยายามเกลา แถมยังไปกอบโกยเพิ่มขึ้นมา ก็จะหนักมากขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งโอกาสที่จะหลุดพ้นก็ไม่มี..! แล้วก็จะเกิดสถานการณ์ ๒ รูปแบบ

    รูปแบบแรกก็คือ ตั้งใจหวังความหลุดพ้น แต่ไม่สามารถที่จะพ้นได้ รูปแบบที่สองก็คือ เปลี่ยนแนวคิด จากที่บวชมาตั้งใจที่จะละจะวาง คราวนี้ก็กลายเป็นกอบโกยเพื่อตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อพระศาสนา ไม่ได้ทำเพื่อมรรคเพื่อผล แต่ทำเพื่อความสุขของตน ซึ่งมีมากต่อมากด้วยกัน

    จากที่บวชใหม่ ๆ อย่างไรก็ได้ แต่พอแนวความคิดเปลี่ยนไป เพราะว่ากิเลสมีอำนาจมากกว่า ก็เริ่มหาความสุขสำหรับตนเอง รถยนต์ก็ต้องยี่ห้อหรู โทรศัพท์ก็ต้องรุ่นใหม่ล่าสุด กุฏิก็จะต้องติดเครื่องปรับอากาศ บางท่านนี่สร้างกุฏิมา กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วสยองแทน ติดม่านอย่างหรูแทบจะทุกที่เลย นั่นมีแต่รายจ่ายนะครับ เพราะว่าม่านพวกนี้เราซักเองไม่ได้ พอถึงเวลาก็ต้องให้ทางร้านเขามาจัดการให้

    แบบเดียวกับวัดเรา ในศาลานี้แห่งเดียว ค่าซักรีดม่านคราวที่แล้วโดนไป ๘๐,๐๐๐ บาท..! แค่ที่เห็นนะครับ กระผม/อาตมภาพจึงพยายามที่จะดึงเอาไว้ให้นานที่สุด ถ้าไม่ใช่ดูท่าว่าจะราขึ้นจริง ๆ ก็ยังไม่ส่งซัก ของเราที่จำเป็นต้องติดม่านก็เพราะว่าติดกระจกรอบด้าน แล้วทางด้านบน ถึงเวลาแดดเข้ามาเต็ม ๆ ทำให้เกิดความร้อนภายในศาลาของเรา แต่ถ้าติดม่าน ข้างในศาลาของเราจะเย็น ต่อให้ไม่มีพัดลมก็จะอยู่ได้ ไม่ทราบว่าคนอื่นอยู่ได้หรือเปล่า ?
    กระผม/อาตมภาพสบายมากอยู่แล้ว
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,506
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องที่เราต้องตระหนัก เราดูหลวงพ่อซูวอนท่านเป็นตัวอย่าง ท่านอยู่ถึงเกาหลี มาดูงานที่วัดเรา คาดว่าคงไปปรับเปลี่ยนวัดตัวเองอีกมาก เพราะว่าสิ่งหนึ่งประการใดที่มีแล้วก่อให้เกิดค่าใช้จ่าย ปัจจุบันนี้ขนาดวัดเราไม่ใช้เครื่องปรับอากาศ ค่าไฟยังเดือนหนึ่งสามหมื่นกว่าสี่หมื่นบาท แล้วลองคิดดูว่าถ้ามีเครื่องปรับอากาศ จะเจอค่าไฟไปสักเท่าไร ?

    เท่ากับว่าเป็นการหาภาระหาความเหนื่อยยากให้กับตัวเอง ซึ่งกระผม/อาตมภาพไม่ได้นิยมตรงนี้เลย หลายต่อหลายวัดเข้าไป มีเครื่องชงกาแฟสดตั้งอยู่ หัวชง ๓ หัวบ้าง ๕ หัวบ้าง วัดเราอยากได้บ้างไหม ? เอา "ทรีอินวัน" ไปก่อนก็แล้วกัน มีให้ฉันก็บุญโขแล้ว..!

    ถ้าท่านทั้งหลายสังเกต จะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพไม่เอาเรื่องพวกนี้เลย เพราะว่าเป็นภาระล้วน ๆ พอไปที่อื่นแล้วไม่มี เราก็จะตายเอา ไม่ต้องพูดถึงใครหรอก ระดับครูบาอาจารย์ของกระผม/อาตมภาพที่วัดท่าซุงนั่นแหละ ถึงขนาดออกปากว่า "ไปธุดงค์อย่างท่าน ผมก็อยากไปหรอก แต่ในป่าไม่มีเนสฯ ว่ะ..!" ไอ้เนสฯ ของท่านก็คือเนสกาแฟ เพราะว่าท่านติดกาแฟ ไปในป่าไม่มีกาแฟฉัน ท่านอยู่ไม่ได้ ..!

    เราจะเห็นว่า ถ้าในลักษณะอย่างนั้นก็รอดยาก ลองคิดดูว่าบุคคลที่ตั้งใจจะไปพระนิพพาน แต่ดันไปโดนกาแฟล่ามเอาไว้ไปไหนไม่ได้ จะสงสารหรือจะทุเรศดีก็ไม่รู้ ?!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...