เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 15 มกราคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปยังวัดถ้ำสิงห์โตทอง หมู่ที่ ๑๑ ตำบลปากช่อง อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี ตามคำนิมนต์ของพระครูภาวนาโชติคุณ (กุ้ยไฮ้ ชุตินฺธโร), ดร. ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเรียนปริญญาเอกมาด้วยกัน แต่ชาวบ้านเขาเรียกท่านว่า หลวงพ่อดำ

    วัดถ้ำสิงห์โตทองนั้นเป็นวัดที่พระเดชพระคุณหลวงปู่พระราชสังวราภิมณฑ์ หรือว่าหลวงปู่โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ วัดประดู่ฉิมพลี ท่านได้ธุดงค์ไปวิเวกที่นั่น จนกระทั่งกลายเป็นสถานที่ซึ่งมีความผูกพันกันอยู่ เมื่อสร้างเป็นวัดถ้ำสิงห์โตทองขึ้นมา หลวงพ่อกุ้ยไฮ้ท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาสสืบมา

    การสร้างรูปหลวงปู่โต๊ะในครั้งนี้ ก็คือการหล่อรูปหลวงปู่โต๊ะองค์ใหญ่ ถ้าถามว่าใหญ่ขนาดไหน ? ก็แค่ช่วงฝ่ามือ ๒ ข้างรวมกัน น้ำหนัก ๓ ตัน..! กระผม/อาตมภาพเอง เมื่อได้รับนิมนต์จากเพื่อนฝูง ก็เกิดความรู้สึกอยากจะร่วมหล่อรูปหลวงปู่ในครั้งนี้มาก จึงไปค้นเอาทองคำและเม็ดเงินที่มีญาติโยมทยอยถวายกันมา แม้จะหลังจากการหล่อพระพุทธรูปทองคำไปเรียบร้อยแล้ว ได้ทองต่าง ๆ มารวมแล้วประมาณ ๓ บาท และเม็ดเงินอีก ๓๕ บาท จึงได้นำไปร่วมหล่อในครั้งนี้ ถึงได้ทราบว่าเป็นการหล่อในช่วงเศียรของหลวงปู่โต๊ะ ซึ่งถ้าหากว่าหล่อเสร็จแล้ว แต่ละชิ้นส่วนก็จะนำมาประกอบกันเป็นองค์

    คราวนี้หลวงพ่อดำของชาวบ้านนั้น ท่านเป็นพระที่ค่อนข้างจะสมถะ แล้วยังเป็นคนที่จริงจังกับงานเป็นอย่างมาก ในความสู้งานของท่านนั้นไม่ต้องพูดถึง แค่การที่มีผู้คนบุกรุกพื้นที่ของวัดถ้ำสิงห์โตทอง จนกระทั่งท่านต้องไปต่อสู้เพื่อให้ได้ที่ดินของวัดคืนมา มีคดีความกันอยู่กัน ๙ ราย ต้องขึ้นศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา จนชนะทั้ง ๙ ราย ท่านบอกว่ารวมแล้วขึ้นไป ๒๗ ศาลแล้ว ซึ่งยังมีรายอื่นที่ฟ้องร้องกันอยู่อีก ก็ต้องรอดูกันต่อไป

    แต่ว่าในส่วนของบุคคลที่สูญเสียประโยชน์ก็พยายามข่มขู่ ตลอดจนกระทั่งทำร้ายด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา เพียงแต่หลวงพ่อดำ ท่านก็มีดีในฐานะลูกศิษย์ของหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่กระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะคุ้นเคยมาก ด้วยสาเหตุที่ว่าบ้านของคุณยายนั้นอยู่หลังไปรษณีย์บางกอกน้อย (สามแยกไฟฉาย) และคุณยายก็ทำบุญอยู่ ๒ วัด ก็คือวัดประดู่ฉิมพลีและวัดปากน้ำภาษีเจริญ เมื่อถึงเวลาก็นำหลาน ๆ ให้ทำบุญที่วัดทั้ง ๒ แห่งนี้ด้วย
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    สมัยนั้นบรรดาพี่ ๆ ซึ่งทำงานแล้วต่างก็บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่โต๊ะเอาไว้ติดตัว เนื่องเพราะว่าวัตถุมงคลของหลวงปู่โต๊ะนั้น ดีในเรื่องของเมตตามหานิยมและลาภผลเป็นอย่างยิ่ง แต่เป็นที่อัศจรรย์ว่าหลวงปู่โต๊ะนั้น ท่านรู้ลึก รู้จริง และเก่งจริงในทุกเรื่อง ดังนั้น..พระปิดตามหาลาภของท่านจึงสามารถที่จะช่วยให้ลูกศิษย์รอดจากอาวุธ ทั้งมีดทั้งปืนมามากต่อมากแล้ว ไม่ใช่ในลักษณะแคล้วคลาดอีกด้วย หากแต่ว่าโดนยิงอย่างชนิดหมดโม่ แต่ว่ากระสุนไม่ระคายผิวแม้แต่นัดเดียว มีแต่เสื้อผ้าที่กลายเป็นรูเท่านั้น..!

    ในช่วงนั้นทางบ้านของกระผม/อาตมภาพ ทุกคนที่ทำงานแล้วจึงต้องมีพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะติดตัวกันอยู่ด้วย ซึ่งสมัยนั้นก็มีพระปิดตาพิมพ์จัมโบ้ ตลอดจนกระทั่งพระปิดตาลอยองค์ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า เมื่อทางตลาดมีความต้องการมากขึ้น ก็มีผู้มากว้านซื้อไปจนหมด..!

    กระผม/อาตมภาพเอง ซึ่งมีอยู่หลายองค์ ได้ทยอยนำลงในเว็บไซต์ให้ญาติโยมได้ร่วมบุญกัน จนกระทั่งตนเองเหลือแค่พระปิดตาพิมพ์จัมโบ้ของวัดศาลาครืนซึ่งหลวงปู่โต๊ะเป็นผู้เสกให้อยู่แค่องค์เดียว แม้แต่พระผงรุ่นแรก ตลอดจนกระทั่งตะกรุดของหลวงปู่ ก็ได้ปล่อยออกไปจนหมดแล้ว..!

    ในวันนี้หลังจากที่ได้ทำการหล่อรูปของหลวงปู่เรียบร้อยแล้ว คำว่าเรียบร้อยในที่นี้ ก็คือเสร็จในส่วนของศีรษะตามที่กำหนดเอาไว้ กระผม/อาตมภาพก็ต้องเข้าโบสถ์ไปปลุกเสกเหรียญหลวงปู่โต๊ะ รุ่นซื้อที่ดินวัด ซึ่งหลวงพ่อดำท่านมีดำริที่จะขยายที่วัด แต่ว่าก็เป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะว่าทุกคนที่ขายที่ให้วัด ไม่ว่าจะวัดไหนในประเทศไทยก็ตาม มักจะคิดราคาแพงกว่าการประเมินของทางราชการไปหลาย ๆ เท่า ประมาณว่า "เห็นว่าพระรวย" ว่าอย่างนั้นเถอะ..!

    เมื่อเข้าไปก็เจอพระเกจิอาจารย์หลายต่อหลายรูปที่รู้จักคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว กราบทักทายกันเสร็จ
    กระผม/อาตมภาพก็เข้าสู่ที่นั่ง ทำพิธีปลุกเสกกันต่อไป ระหว่างที่พระมหานาคเจริญบทพุทธาภิเษกนั้น กระผม/อาตมภาพก็ยังแปลกใจ เพราะว่าปกติแล้วถ้าเข้าสมาธิก็จะไม่ได้ยินอะไร แต่ว่างานนี้ได้ยินเสียงพระมหานาคสวด แม้ว่าเสียงจะเบา แต่ว่าไพเราะมาก

    กระผม/อาตมภาพจึงตั้งใจส่งใจตามคำสวดไปด้วย กำหนดใจขอบารมีองค์สมเด็จสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย โดยมีหลวงปู่โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นที่สุดไปด้วย ได้โปรดเมตตาอนุเคราะห์สงเคราะห์ในวัตถุมงคลรุ่นนี้ เมื่อพระท่านอนุญาตแล้ว หลวงปู่โต๊ะท่านก็มาทำพิธีให้ด้วยตนเอง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    กระผม/อาตมภาพซึ่งระยะนี้ สงสัยอยู่ในเรื่องที่วัตถุมงคลเสด็จกลับ คำว่า "เสด็จกลับ" ในทีนี้ก็คือวัตถุมงคลหลายต่อหลายชิ้น ที่ให้ไอ้ตัวเล็กเอาไปออกในกระทู้ต่าง ๆ เพื่อร่วมในกองบุญการกุศลของวัด ปรากฏว่าวัตถุมงคลที่รับไปแล้ว มีการหนีกลับมา จึงทำให้กระผม/อาตมภาพสงสัยว่ามาได้ในลักษณะอย่างไร ?

    หลวงปู่ท่านอธิบายเป็นวิทยาศาสตร์มาก ท่านบอกว่าก็แค่วัตถุมงคลแปรสภาพจากวัตถุกลายเป็นพลังงาน แล้วก็ไปยังสถานที่ที่ตนเองต้องการ ไปในลักษณะของคลื่น ก็คืออาศัยแรงกระเพื่อมส่งไป เมื่อไปถึงสถานที่ซึ่งต้องการแล้ว ก็กลับกลายเป็นวัตถุตามเดิมไปเท่านั้นเอง แล้วท่านก็อธิบายต่อว่า แบบเดียวกับวิชานะปัดตลอด ที่เราจะต้องตบแผ่นทองให้ทะลุวัตถุได้ ก็แค่ตบทองให้เปลี่ยนจากวัตถุเป็นพลังงาน เมื่อทะลุวัตถุอื่นลงไปแล้ว ค่อยกลับคืนเป็นวัตถุ คือเป็นแผ่นทองตามเดิม

    เมื่อฟังลักษณะนี้แล้ว
    กระผม/อาตมภาพก็เข้าใจ จึงกราบเรียนถามต่อไปว่า "แล้วในลักษณะของไสยศาสตร์ที่เขาเสกของใหญ่ ๆ อย่างเช่นว่าหนังควายทั้งผืนให้ไปเข้าท้องชาวบ้านละครับ ?"

    ท่านบอกว่า "นั่นก็อยู่ในลักษณะเดียวกัน แต่เนื่องจากว่าผู้ที่ฝึกวิชาไสยศาสตร์นั้น ส่วนใหญ่แล้วนำไปใช้ในทางที่ผิด สภาพจิตไม่ได้ประกอบด้วยอุเบกขาอย่างแท้จริง จึงไม่สามารถที่จะทำถึงที่สุดได้ แค่เปลี่ยนวัตถุใหญ่ ๆ ให้เล็กเป็นฝุ่น แล้วก็อาศัยแรงอากาศเคลื่อนที่ หรือที่เรียกภาษาชาวบ้านว่าลมเพลมพัดส่งไป"

    ถ้าหากว่ากำลังจิตจดจ่อให้มุ่งไปหาคนใด ก็จะมุ่งไปหาคนนั้น ถ้าไม่ได้จดจ่อมุ่งไปหาคนใด เป็นการปล่อยออกแค่ที่จะระบายความร้อนวิชาของตน วัตถุนั้นจะพุ่งไปปะทะบุคคลที่ดวงตก หรือพูดง่าย ๆ ว่า ช่วงวาระกรรมส่งผล ก็จะเกิดอาการ "ต้องลมเพลมพัด" หรือว่าบางทีหาบุคคลที่วาระกรรมส่งผลไม่ได้ ก็จะกระทบโน่นกระทบนี่ไปเรื่อย

    จนกระทั่งมีผู้ที่เคราะห์ไม่ดี ส่งเสียงทักขึ้นมา จึงจะเข้าสู่บุคคลนั้น เมื่อเข้าไปแล้วก็ขยายตัว จากขนาดเล็กเป็นฝุ่นผง กลับคืนสู่สภาพตามเดิม อย่างเช่นว่า กลับคืนมาเป็นตะปูบ้าง กลับคืนมาเป็นหนังควายบ้าง เป็นต้น
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,394
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,530
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เราจะเห็นได้ว่า ในส่วนของพลังงานบริสุทธิ์ ก็คือพลังจิตที่พระเถระครูบาอาจารย์ท่านบรรจุลงในวัตถุแท้ ๆ สามารถที่จะเปลี่ยนวัตถุทั้งชิ้นให้กลายเป็นพลังงานไปด้วยกัน เพราะว่าสสารทุกอย่างนั้น แกนกลางก็คือพลังงาน เป็นการจับตัวกันของอะตอมระหว่างโปรตอน อิเล็กตรอนกับนิวเคลียส จนกระทั่งหลาย ๆ อะตอมรวมกัน หนาขึ้นมาเป็นวัตถุ เมื่อกลับคืนเป็นพลังงานตามเดิมแล้ว ก็สามารถที่จะเคลื่อนไปที่ได้โดยอาศัยการกระเพื่อม ในเมื่อกระเพื่อมในลักษณะเป็นคลื่นส่งตัวเองออกไปถึงสถานที่แล้ว ค่อยกลับคืนเป็นวัตถุตามเดิม

    ส่วนของไสยศาสตร์นั้นไม่สามารถที่จะเปลี่ยนวัตถุเป็นคลื่นได้ทั้งหมด เพราะว่ากำลังใจของผู้ทำไม่บริสุทธิ์พอ จึงสามารถทำได้แค่การย่อวัตถุใหญ่ให้เล็กลงเหมือนกับฝุ่นผง แล้วก็ปล่อยให้ลอยไปตามลมตามอากาศ เคลื่อนที่ไป ผู้ใดเคราะห์ร้าย มีเวรมีกรรมเนื่องกันมา หรือว่าวาระกรรมส่งผลพอดี ผู้นั้นก็จะรับไป

    เมื่อคลายสงสัยแล้ว
    กระผม/อาตมภาพก็ดูหลวงปู่ท่านทำการเสกวัตถุมงคล ซึ่งก็คือการใช้พลังงานสอดแทรกเข้าไปในใจกลางของวัตถุ จนกระทั่งพลังงานทุกอย่างประสานกลมกลืนกันหมดแล้ว ถ้าดูด้วยทิพจักขุญาณ ก็จะเห็นความสว่างไสวเสมอกันหมด หลวงปู่ท่านก็บอกว่า "เสร็จเรียบร้อยแล้ว" กระผม/อาตมภาพจึงทำน้ำมนต์ พรมรอบบริเวณพิธีแล้วโปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา

    ในส่วนที่ลืมไม่ได้ก็คือเทียนน้ำมนต์หรือเทียนชัยนั้น
    แต่ละงานกระผม/อาตมภาพจะปั้นเป็นลูกอมเทียนชัย ๑ ลูก ความตั้งใจของตนก็คือว่า จะทำเป็นประคำลูกอมเทียนชัย ถ้าหากว่าครบ ๑๐๘ ลูก ก็แปลว่าตนเองได้เข้าพิธีพุทธาภิเษกหรือว่าปลุกเสกวัตถุมงคลมา ๑๐๘ ครั้งแล้ว แต่ว่าไม่สามารถที่จะเก็บได้ครบสักครา เพราะว่าได้แค่ไม่กี่ลูกก็จะโดนเจ้าตัวเล็กล้วงย่ามเอาไปลงกระทู้เสียก่อนเสมอ

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...