เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 5 มกราคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๖

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 มกราคม 2023
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงเช้าถ้าหากว่าเกี่ยวกับงานอย่างเป็นทางการแล้ว กระผม/อาตมภาพก็นับว่าเป็นเวลาว่าง เพราะว่าจะต้องรอการประชุมคณะกรรมการโครงการอบรมบาลีก่อนสอบของปี ๒๕๖๖ ในช่วงบ่าย ดังนั้น...จึงเป็นเวลาที่กระผม/อาตมภาพรีบทำสรุปยอดเกี่ยวกับกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุน

    การทำสรุปยอดนั้น ในช่วงหลังนี้ก็ง่ายขึ้นมาก เพราะว่าน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ได้ทำ Excel ซึ่งเป็นระบบของ Word ในการลงตัวเลขแล้วสามารถที่จะบวกเองเสร็จสรรพ แค่ไปนำเอาตัวเลขบรรทัดสุดท้ายมาลงให้เรียบร้อย ก็เป็นอันว่าแต่ละกองทุนจะมียอดที่เริ่มมาตั้งแต่การตั้งทุน และเพิ่มทุนมาจนถึงปัจจุบัน เป็นยอดรวมเท่าไรก็จะปรากฏชัดแก่ทุกท่าน

    แต่ว่าก็มีเจ้าของทุนจำนวนมาก ที่ทำการตั้งทุนแล้วก็หายไปจากโลกนี้เลย ไม่ทราบเหมือนกันว่าลืมไปแล้วว่าตนเองได้ตั้งกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนเอาไว้ หรือว่าผู้ตั้งกองทุนล้มหายตายจากไปแล้วก็ไม่แน่ เพราะว่าระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีการติดต่อมาอีกเลย ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร เพราะว่าชื่อทุนของท่านก็ยังคงอยู่ เงินที่ตั้งทุนก็ยังคงอยู่ และขณะเดียวกันก็ได้รักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนไปเป็นจำนวนมาก

    โดยเฉพาะพระภิกษุบางท่าน ในปีที่ผ่านมา รูปเดียวรักษาไปเกือบหนึ่งแสนบาท..! เหตุเพราะว่าเป็นเรื่องฉุกเฉินเนื่องจากว่ามีปัญหาทางสมอง จึงต้องเข้าโรงพยาบาลเอกชนโดยด่วน ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงมาก ถ้าไม่มีกองทุนตรงนี้ช่วยค้ำเอาไว้ คาดว่าแม้แต่กระผม/อาตมภาพเองก็คงจะลำบากใจที่จะต้องมาช่วยจ่ายเงินในส่วนนี้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    จึงขออนุโมทนาต่อท่านเจ้าของกองทุนทุกกอง และท่านที่ร่วมบุญในกองทุนรักษาพยาบาลมาเป็นระยะเวลายาวนานจนในปัจจุบัน ท่านทั้งหลายได้อำนวยความสะดวก ช่วยรักษาต่อสงฆ์อาพาธ ซึ่งการดูแลรักษาสงฆ์อาพาธนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า มีอานิสงส์เหมือนกับการดูแลอุปัฏฐากพระองค์ท่านเอง จึงขอให้ท่านทั้งหลายที่เป็นเจ้าของกองทุนก็ดี ที่ร่วมทุนรักษาพยาบาลมาก็ตาม จงเป็นผู้ประสบแต่ความสุขความเจริญ มีความปรารถนาที่สมหวังโดยถ้วนหน้าทุกท่านทุกคนเถิด

    อีกส่วนหนึ่งก็คือว่า ในขณะที่ได้ทำการสรุปยอดกองทุนอยู่นั้น
    กระผม/อาตมภาพเกิดอาการไข้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เหตุเพราะว่าอากาศเปลี่ยน กระผม/อาตมภาพซึ่งมีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ โดยเฉพาะเชื้อมาลาเรียนั้น ไวต่อการเปลี่ยนของอากาศมาก จึงทำให้ไม่สามารถที่จะทำงานต่อได้

    จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำงานก็อก ๆ แก็ก ๆ ที่ไม่ต้องใช้สมองแทน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้าหากว่ามีข้อผิดพลาดในงานขึ้นมา นอกจากจะเกิดความเสียหายแล้ว ยังต้องเสียเวลาไปแก้ไขทีหลัง ในส่วนนี้
    กระผม/อาตมภาพจึงได้เก็บข้าวของเตรียมเดินทางกลับวัด หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการโครงการอบรมบาลีก่อนสอบแล้ว

    อีกส่วนหนึ่งก็คือเตรียมหาวัตถุมงคลที่จะมาลงกระทู้ให้ท่านทั้งหลายได้ทำบุญร่วมกันต่อไป แล้วก็ได้เห็นว่า แหวนจักรพรรดิของหลวงพ่อวัดท่าซุง ซึ่งตัวเรือนเป็นทองคำ ที่กระผม/อาตมภาพได้รับความเมตตาจากน้านิล (คุณน้านิลประไพ บุญ-หลง) น้องสาวของพระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพัน - พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง น้านิลได้บูชาแล้วถวายไว้ให้ติดตัว แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดออกมาดู แหวนจักรพรรดิกลายเป็นแหวนกระดำกระด่าง ดูไม่ออกว่าทำจากวัสดุใดกันแน่..!

    ถ้าหากว่าเป็นท่านทั้งหลายก็คงคิดว่า ทางวัดท่าซุงโดนร้านค้าหลอกเอาแล้ว ด้วยการเอาวัสดุที่ไม่ใช่ทองคำมาทำเป็นตัวเรือน แต่กระผม/อาตมภาพเข้าใจดีว่า ที่แหวนกลายเป็นสิ่งกระดำกระด่างนั้น เพราะว่าตนเองได้พกปรอทอยู่ ทั้งในส่วนของปรอทน้ำและปรอทสำเร็จ ปรอทสำเร็จก็มีทั้งปรอทเงินและปรอททอง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นปรอทน้ำก็ดี ปรอทสำเร็จก็ตาม ล้วนแล้วแต่กินทองเป็นอาหารทั้งสิ้น..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ในเมื่อมีปรอทไปประเดประดังอยู่รอบ ๆ แหวน ก็เป็นอันว่าเรือนแหวนกลายเป็นอาหารอันโอชะของปรอทไปโดยปริยาย และโดนกินหนักนอกจากถึงขนาดเปลี่ยนสีเป็นกระดำกระด่าง ดูไม่ออกว่าเคยเป็นทองแล้ว ยังเกิดอาการผุกรอบ ถึงขนาดวงแหวนหักออกเป็น ๒ ส่วน ถึงแม้ว่าจะยังอยู่ในลักษณะของเรือนแหวนอยู่ แต่ตัวท้องแหวนนั้นก็กลายเป็นรอยหักไปเสียแล้ว..!

    ทำให้เห็นว่าทำไมบรรดาเจ้าของร้านทองต่าง ๆ จึงกลัวนักกลัวหนาว่าใครจะพกปรอทเข้ามาในร้าน เนื่องเพราะว่าแร่ธาตุกายสิทธิ์ชนิดนี้ กินทองเป็นอาหารอย่างชนิดที่เรียกว่าน่ากลัวมาก กินถึงขนาดที่ทองคำเปลี่ยนกลายเป็นโลหะธาตุอื่นไปเลย ซึ่ง
    กระผม/อาตมภาพได้ยินเขาบอกกล่าวมานานแล้ว แต่ว่าไม่มีโอกาสที่จะทดสอบทดลองให้เห็นเป็นประจักษ์แก่สายตา ก็ได้มาเห็นประจักษ์ชัดเจนในคราวนี้เอง

    สำหรับท่านทั้งหลายที่ร่วมกองบุญการกุศลกับทางวัดท่าขนุนมาตั้งแต่ต้นนั้น เงินทุกบาททุกสตางค์ กระผม/อาตมภาพนอกจากดำเนินตามเจตนารมณ์ของท่านทั้งหลายที่ร่วมบุญมาแล้ว ก็ยังมีวัตถุมงคลต่าง ๆ ที่ถือว่าเป็นของ "ดีนอก" ก็คือช่วยเสริมความ "ดีใน" ให้กับพวกเราทั้งหลายด้วย

    แต่ว่าในส่วนที่จะ "ดีจริง" นั้น ต้องเป็นส่วนของ "ดีใน" คำว่า ดี ในในที่นี้ก็คือ การที่เราต้องเพียรพยายามในการรักษาศีลและเจริญภาวนา เพื่อสร้างคุณความดีให้เกิดในจิตในใจของเราเอง คุณความดีภายในของเรายิ่งสูงมากเพียงไร ก็จะเสริมความดีนอกให้สูงมากขึ้นไปเท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้ว ท่านทั้งหลายมีแต่เพียงดีนอก ขาดดีใน ก็ทำให้ดีนอกนั้นแสดงอานุภาพได้ไม่เต็มที่เต็มกำลังของตน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ขณะเดียวกัน ถ้าเรามีแต่ดีใน แต่ถ้าขาดสติเมื่อไร อาจจะเกิดผลวิบากของกรรมเก่าที่ทำมา ส่งผลจนเราต้องรับเคราะห์รับกรรมในบางอย่างไป จึงควรที่จะมีทั้งดีนอกและดีใจผสานกันเอาไว้ เพื่อเป็นการไม่ประมาทตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สั่งสอนมา

    หลังจากที่ฉันภัตตาหารเพลและเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้เดินทางไปยังวัดไร่ขิง (พระอารมหลวง) เพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการโครงการบาลีก่อนสอบ แล้วก็ได้รับภาระมา ก็คือเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเช้าและภัตตาหารเพล ๑ วัน

    การอบรมบาลีก่อนสอบนั้นจะเปิดอบรมในวันที่ ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ แล้วไปสิ้นสุดในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖

    จากนั้นประโยคต้นก็คือประโยค ๑ - ๒ และ ประโยค ๓ นั้น ก็จะสอบภายในวันที่ ๑๕, ๑๖ และ ๑๗ กุมภาพันธ์ หลังจากนั้น ถ้าหากว่าใครสอบติดวิชาใดวิชาหนึ่ง ก็จะไปสอบซ่อมในวันที่ ๑๕, ๑๖ และ ๑๗ เมษายน ซึ่งปีนี้ไปตรงกับช่วงวันหยุดยาวของสงกรานต์ ซึ่งทางวัดท่าขนุนมีกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

    แต่ว่าปีนี้ทางด้านนักเรียนบาลีของวัดท่าขนุนนั้น
    กระผม/อาตมภาพไม่ได้ส่งเข้าอบรมก่อนสอบที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) โดยที่กระผม/อาตมภาพให้ไปอบรมกันเอง โดยเน้นเฉพาะวิชาไวยากรณ์ เหตุเพราะว่ามีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ตลอดจนกระทั่งกิจกรรมต่าง ๆ ที่ประเดประดังเข้ามา ทำให้นักเรียนบาลีทั้งหลายมีเวลาเรียนน้อย ไม่สามารถที่จะทำให้คะแนนดีได้ในทุกวิชาที่สอบ จึงต้องเน้นเฉพาะวิชาไวยากรณ์ โดยหวังติดการสอบรอบ ๒ หรือที่เรียกว่า "สอบซ่อม"
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,511
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,535
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เนื่องเพราะว่าจากเดือนกุมภาพันธ์นั้น กว่าที่จะไปสอบก็ไปเดือนเมษายน เท่ากับว่าเรามีเวลาศึกษาวิชาอื่น ๆ เป็นเวลาเกือบ ๒ เดือนเต็ม ในช่วงระยะนั้นก็จะสามารถทำให้สอบผ่านได้โดยการซ่อมวิชาที่เหลือ ในเมื่อตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างนี้แล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการเปิดสำนักของตนเองในการอบรมบาลีก่อนสอบ แต่ว่ากระผม/อาตมภาพเองก็ต้องมาทำหน้าที่ฝ่ายสนับสนุนโครงการของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ด้วย

    ถ้าพูดกันตลก ๆ แบบที่ตนเองเคยพูดไว้ก็คือ ปีนี้ช่วยโดยการจ่ายเงินไปมาก แต่ไม่มีนักเรียนมากินคืน ทำให้มีแต่ขาดทุนฝ่ายเดียว ถ้าอย่างน้อยส่งนักเรียนบาลีทั้ง ๑๒ รูปมาอบรมที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ก็จะมีผู้มาช่วยกินให้ได้กำไรคืนมาบ้าง ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่พูดเล่นกันในวงข้าวเท่านั้น ในส่วนอื่นก็ต้องบอกว่าเราต้องทำตามหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด

    เนื่องเพราะว่าเรื่องของการเรียนบาลีนั้น เป็นการเรียนเพื่อรักษาพระพุทธวจนะ โดยเฉพาะคำว่าบาลีมาจาก "ปาลธาตุ" ในความรักษา ในที่นี้ก็คือรักษาพระพุทธวจนะเอาไว้ ไม่ให้คลาดเคลื่อนไปไหน ท่านที่เรียนก็สามารถที่จะแปลได้ตรงกับที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนมา

    เพียงแต่ว่าท่านที่จะแปลได้ตรงจริง ๆ นั้นจะต้องเป็นนักปฏิบัติด้วย ไม่เช่นนั้นท่านก็แปลได้ตามพยัญชนะ คือตัวอักษรเท่านั้น ไม่สามารถที่จะเข้าถึงความลึกซึ้งอย่างแท้จริงในหลักธรรม ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมตตาประทานเอาไว้

    แต่ว่าพวกเราทั้งหลายก็ช่วยกันรักษาในส่วนของปริยัติธรรมเอาไว้ เพื่อให้ฝ่ายที่สนใจในการปฏิบัติ จะได้มีเนื้อหาหลักธรรมที่สมบูรณ์บริบูรณ์เอาไว้ศึกษาปฏิบัติ จะได้เกิดปฏิเวธ คือผลดีทั้งแก่ตนเองและพระพุทธศาสนาของเรา ช่วยทำให้พระพุทธศาสนาเจริญมั่นคงตราบเท่า ๕,๐๐๐ ปีต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...