เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 15 มิถุนายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๕ มิถุนายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ เวลา ๐๒.๔๕ นาที กำลังรอขึ้นเครื่องเพื่อเดินทางไปยังประเทศอินเดีย แต่ว่าเครื่องดีเลย์ประมาณ ๒ ชั่วโมง จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องดี เพราะว่าถ้าไม่ดีเลย์ เราก็ต้องไปนั่งรอเครื่องภายในที่สนามบินโกลกาตา ประเทศอินเดีย

    การเดินทางไปในครั้งนี้ ไม่ได้เดินทางไปแสวงบุญในสังเวชนียสถาน ๔ แห่ง แต่เป็นการเดินทางไปยังรัฐเบงกอลทางตะวันตก ซึ่งก็ประกอบไปด้วยสิกขิม ดาร์จีลิงก์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย สิกขิมนั้นจะว่าไปแล้วก็เหมือนอย่างกับเป็นอีกประเทศหนึ่งต่างหาก แต่ว่าอยู่ใต้การปกป้องคุ้มครองของอินเดีย

    คณะที่เดินทางไปในครั้งนี้เป็นคณะเล็ก ใช้บริการของเอ็นซีทัวร์ของคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ตามปกติ แต่งวดนี้คุณนวลจันทร์ไม่ได้มาด้วย เพราะว่าต้องอยู่ดูแลสามี คือคุณโอฬาร เพียรธรรม ที่เพิ่งจะผ่าตัดต่อมลูกหมากไป แต่ว่าสภาพอาการก็ดูดีมาก คุณฉัตตริน เพียรธรรม หรือว่าคุณเอ จึงมาเป็นหัวหน้าคณะเพียงผู้เดียว

    การเดินทางไปในครั้งนี้ คณะของเราประกอบไปด้วยตัวกระผม/อาตมภาพเอง พระครูวิลาศกาญจนธรรรม, ดร. พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร.

    คุณยายเล็ก (ภัทริณ จันทรนิภาพงศ์) แล้วก็ลูกสาวฝาแฝดคือคุณศรินธร - คุณศริณยา จันทรนิภาพงศ์ และลูกเขยก็คือคุณบัญชา เซ็นภักดี

    ท่านอื่น ๆ ก็มีป้ามอย (มณีวรรณ สัมฤทธิ์) เถ้าแก่ชู (บุญชู ถาแก้ว) ลูกป๊ก (สุมาลี ตีรเลิศพานิช) ลูกน้ำ (ผศ.ดร.สพญ.ชลาลัย เรืองหิรัญ) ทิดแจ๊ค (กรชัย บันดาลศิริกุล) กับโอ (ปาริฉัตร อายุวัฒนะ) สองตายาย ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นการเดินทางไปในคณะที่ค่อนข้างจะกะทัดรัดและคล่องตัว แต่ถ้าหากว่าสำหรับท่านที่ไม่เคยชินแล้ว ก็อาจจะรู้สึกว่าเป็นคณะที่เล็กจนเกินไป

    จะว่าไปแล้ว คณะใหญ่คณะเล็กก็ตาม ถ้าหากว่ามีความคล่องตัว ก็จะทำให้สามารถบริหารทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามตารางเวลาที่กำหนดเอาไว้ได้ แต่ถ้าหากว่าเป็นคณะเล็ก แล้วต่างคนต่างต้องไปรออีกฝ่ายหนึ่ง ก็แสดงว่าต่อให้มีกำลังพลน้อยแค่ไหนก็ตาม ก็ยังจะมีการล่าช้าอยู่ดี

    ทางคณะคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม หรือบริษัทเอ็นซีทัวร์นั้น ติดใจในการทำทัวร์ให้กับคณะของวัดท่าขนุนเป็นอย่างมาก เพราะว่าพวกเราทุกคนจะพร้อมก่อนเวลาเสมอ ตรงนี้ต้องบอกว่า บุคคลใดก็ตาม ถ้าหากว่าตั้งใจปฏิบัติธรรมแล้ว ยังเป็นคนที่ไม่ตรงต่อเวลา ขอให้รู้ว่ากำลังใจของท่านยังใช้ไม่ได้ บุคคลที่ประกอบไปด้วยสัจจบารมีอย่างเข้มข้น ถึงจะเป็นบุคคลที่ตรงต่อเวลาในทุกครั้ง
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    กระผม/อาตมภาพเองนั้น เป็นคนที่ตรงต่อเวลาตั้งแต่เป็นฆราวาสมาจนเป็นพระ ในขณะที่เป็นฆราวาสนั้น ถ้าหากว่ามีการนัดหมาย จะไปถึงจุดนัดพบก่อนเวลาอย่างน้อย ๑๕ นาที ส่วนขณะที่เป็นพระภิกษุนั้น ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นไกล เอาแค่ในเขตอำเภอทองผาภูมิ ก็มีแต่คนเขาบอกว่า "หลวงพ่อวัดท่าขนุนเป็นคนตรงเวลาจนน่าเกลียด" คำว่า ตรงเวลาจนน่าเกลียด ก็คือ ถ้าหากว่าถึงเวลาแล้วก็จะให้เริ่มงานไปตามตารางที่ได้กำหนดเอาไว้ โดยที่ถ้าหากว่าประธานมาช้า ก็แปลว่าจะทำการเปิดงานไปเองเลย

    ท่านเจ้าคุณพระภาวนาวิสุทธิโสภณ วิ. หรือหลวงพ่อสุรศักดิ์ วัดประดู่ (พระอารามหลวง) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม จะเป็นคนที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ดีที่สุด เพราะว่ากระผม/อาตมภาพนิมนต์ท่านไปนั่งปรกในการหล่อพระพุทธรูปเวลาเที่ยงครึ่ง ท่านเองน่าจะติดภารกิจ หรือไม่ก็คิดไม่ถึงว่าทองผาภูมิจะไกลขนาดนั้น

    ท่านจึงไปถึงตอนบ่ายสองครึ่ง ปรากฏว่าไม่มีอะไรเหลือให้ดูเลย จนกระทั่งต้องให้คนขับรถไปถามพระเณรว่า "ที่วัดนี้จัดงานหล่อพระหรือเปล่า ?" ซึ่งพระภิกษุสามเณรก็ยืนยันว่า "หล่อเสร็จไปแล้ว ตอนประมาณเที่ยงครึ่ง เก็บกวาดสถานที่เรียบร้อยแล้ว เลยไม่มีอะไรเหลือให้หลวงพ่อได้เห็น" ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถ้าหากว่าเจอหน้ากันเมื่อไร ถ้านั่งคุยกันนาน ๆ ท่านก็จะยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นอุทาหรณ์ เป็นตัวอย่าง

    ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ถ้าหากว่าบุคคลที่มุ่งมั่นเพื่อพระนิพพานแล้ว ก็จะเป็นบุคคลที่มุ่งตรงต่อจุดหมายปลายทางเท่านั้น เรื่องที่ต้องทำให้ห่วงหน้าพะวงหลัง หรือว่าเรื่องพะรุงพะรังอะไรทั้งหลายจะไม่เอาเลย จึงเป็นบุคคลที่ทำอะไรได้รวดเร็ว และมักจะเร็วกว่าคนอื่น ๆ ที่ยังไม่ได้มุ่งตรงต่อพระนิพพาน

    กระผม/อาตมภาพให้คำจำกัดความว่า พวกเราเป็นคนที่ไม่มีเวลา เพราะว่าทุกเวลาทุกนาทีคือเวลาของการปฏิบัติขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของตนเอง เพื่อที่จะมุ่งไปสู่พระนิพพาน ท่านใดที่ไม่ตรงเวลานั้น แปลว่าเป็นบุคคลที่มีเวลามาก คำว่า มีเวลามากในที่นี้ก็คือต้องเกิดอีกมาก ก็เลยไม่รีบร้อนกับใคร ถ้าคนฟังแล้วเข้าใจก็น่าจะสะดุ้งกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วก็คือ ยังคงเอ้อระเหยลอยชายไปตามกำลังใจของตนเอง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าบางสิ่งบางอย่างนั้น เราสามารถที่จะทำให้จบสิ้นลงไปได้ในชีวิตนี้ แต่ว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นกลับรอ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่ารออะไร ? หรือว่าจะเป็นไปตามวาสนาบารมีที่ตนเองสั่งสมมาก็ไม่ทราบ

    ถ้าหากว่าเป็นการสั่งสมบารมีนั้น กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า เราสามารถที่จะเร่งรัดได้ ถ้าจะยกตัวเองขึ้นมาเป็นตัวอย่างก็คือ สมัยก่อนที่เริ่มปฏิบัติธรรมใหม่ ๆ นั้น ถึงแม้จะรู้ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านมารับสังฆทานที่บ้านสายลมเป็นประจำ แต่ก็
    เพียงฝากเงินให้พี่ชายไปทำบุญเท่านั้น

    แต่หลังจากนั้นแล้วก็มีความสงสัยว่า หลวงพ่อท่านมาแล้วทำอะไรบ้าง ? ก็เดินทางไปยังบ้านสายลม ร่วมถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ เมื่อเพลแล้วก็เดินทางกลับ เป็นอย่างนี้อยู่ระยะเวลาที่ยาวนานทีเดียว

    หลังจากนั้นก็มีความสงสัยขึ้นมาว่า หลังจากหลวงพ่อท่านฉันเพลแล้ว เขามีอะไรกันตอนช่วงบ่าย ? ก็ได้ทราบว่าช่วงหลังจากหลวงพ่อฉันเพลแล้ว จะมีการฝึกมโนมยิทธิ มีการทบทวนญาณ ๘ ช่วงบ่ายท่านก็ลงรับสังฆทานสงเคราะห์ญาติโยมต่อ ในเมื่อหมดเวลา ๔ โมงเย็นแล้ว กระผม/อาตมภาพก็กลับบ้าน เป็นอย่างนี้อยู่เป็นระยะเวลาที่ยาวนานเช่นกัน

    หลังจากนั้นก็สงสัยว่าแล้วตอนค่ำเขาทำอะไรกัน ? ก็มีการรออยู่ดู จนกระทั่งทราบว่าเวลาค่ำนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านลงสอนกรรมฐานในรอบพิเศษ ที่เรียกว่าสุกขวิปัสสโกก็ได้ เป็นรอบการเจริญกรรมฐานที่เหมาะสมกับทุกคน เมื่อกระผม/อาตมภาพเจริญกรรมฐานเรียบร้อยแล้วก็เดินทางกลับบ้าน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    หลังจากที่เป็นอย่างนี้ในระยะเวลายาว ๆ ก็มาอยู่ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งค่ำของวันอาทิตย์ แล้วก็เพิ่มเป็นว่ามาอยู่ตั้งแต่เช้าวันเสาร์ จนถึงค่ำวันอาทิตย์ หลังจากนั้นก็มาตั้งแต่เที่ยงวันศุกร์ จนกระทั่งกลับบ้านหลังจากที่เจริญกรรมฐานรอบค่ำของวันจันทร์แล้ว

    ถ้าทุกท่านสังเกตจะเห็นว่า มีความก้าวหน้ามากขึ้นไปตามระยะเวลา ก็คืออยู่ได้นานขึ้น มากขึ้น ฝึกฝนตนเองได้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าหากว่านับเป็นการเร่งรัดบารมีแล้ว ก็จะเห็นความเข้มข้นของกำลังใจ ที่ค่อย ๆ ขยับขึ้นไปตามลำดับ


    เมื่อท่านทั้งหลายมีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรมแล้วน้อมนำมาปฏิบัติแล้ว ก็แปลว่าท่านทั้งหลายมีโอกาสที่จะเข้าถึงมรรคถึงผล เข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ได้ แล้วท่านทั้งหลายยังจะเสียเวลาไปเกิดอีกทำไม ?


    เพราะถ้าพลาดท่าพลาดทางขึ้นมา เราอาจจะต้องลงสู่อบายภูมิก็ได้ แล้วจะทำให้เสียเวลาไปอีกนับชาติไม่ถ้วน เพราะว่าเราเคยสร้างกรรมเอาไว้มาก ถ้าลงสู่อบายภูมิเมื่อไร ก็โดนคิดทั้งต้นทั้งดอก กว่าที่จะได้เกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์ กว่าจะได้พบพระพุทธศาสนา ก็ไม่ทราบว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวไกลเท่าไร..!?

    ทุกชาติที่เกิด เราก็ต้องพบแต่ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรให้ยึดถือมั่นหมายได้เช่นกัน แล้วเหตุใดเราถึงไม่พยายามเร่งรัดตนเอง เพื่อที่จะไม่ให้จุดหมายปลายทางของเราสิ้นสุดลงในชาตินี้


    ต่อให้ไม่สามารถที่จะเข้าถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างที่ตั้งใจ ถ้าท่านทั้งหลายตั้งใจเร่งรัดในการปฏิบัติอย่างเต็มที่ อย่างน้อย ๆ หนทางในการที่เดินอยู่ในวัฏสงสารของเรา ก็จะหดสั้นลงมากที่สุดเท่าที่จะมากได้


    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๕ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...