เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 14 มิถุนายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้ทำการจารและปลุกเสกแมลงภู่คำ ซึ่งผู้มีจิตศรัทธาได้ทำถวายมา ประกอบไปด้วย แมลงภู่คำตัวจ่าฝูง เหล็กไนทองคำ จำนวน ๒๙ ตัว แมลงภู่คำตัวครู เหล็กไนทองคำ จำนวน ๕ ตัว และแมลงภู่คำตัวครู เหล็กไนนาก จำนวน ๑ ตัว

    นอกจากทำการจารนะโมตาบอด หรือว่านะปฐมกัปป์แล้ว งานนี้พระท่านยังให้เพิ่มพระคาถาเงินล้านสูตรพิเศษลงไปด้วย ซึ่งพระคาถาเงินล้านสูตรพิเศษนี้ กระผม/อาตมภาพได้รับมาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลายปีแล้ว ได้ใช้มาเป็นการส่วนตัว และมีผลในความคล่องตัวที่สูงมาก แต่ว่าพระองค์ท่านยังไม่อนุญาตให้บอกเป็นการสาธารณะ ถ้าหากว่าอนุญาตเมื่อไร กระผม/อาตมภาพจะรีบเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวญาติโยมทันที


    เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ในระยะ ๒ ปีกว่าที่ผ่านมาก็ดี ภาวะสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งความจริงก็คือสงครามระหว่างรัสเซียกับอเมริกาและประเทศนาโต ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังสงครามรัสเซียกับยูเครนนั่นเอง ทำให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อไปเกือบจะทั่วโลก แม้กระทั่งประเทศข้างเคียงของเราอย่างประเทศลาว ก็เกิดภาวะน้ำมันขาดแคลนและเงินเฟ้อสาหัสมาก

    พระองค์ท่านจึงอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้ตั้งแต่การปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดประเสริฐสุทธาวาสเป็นต้นมา ก็คือวัตถุมงคลที่ประกอบไปด้วยพระสิบทัศน์ วัวธนู ตลอดจนกระทั่งวัตถุมงคลที่สร้างขึ้นมาในรูปพระ คือพระเจ้าสัวสุดประเสริฐ จนกระทั่งมาถึงแมลงภู่คำในชุดนี้ ซึ่งท่านได้เมตตาให้ใช้พระคาถาเงินล้านสูตรพิเศษ ก็เพื่อให้ผู้ที่นำไปใช้ นอกจากจะเป็นการป้องกันอันตราย ตัดเคราะห์ตัดกรรมแล้ว ก็ยังจะได้มีความคล่องตัวในเรื่องของหน้าที่การงานการเงินต่าง ๆ


    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าพระท่านไม่อนุญาต กระผม/อาตมภาพเองก็ไม่สามารถที่จะทำได้ เนื่องเพราะว่าในการพุทธาภิเษกวัตถุมงคล หรือว่าปลุกเสกวัตถุมงคลในแต่ละงานนั้น อันดับแรกเลยก็ต้องขึ้นไปกราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า องค์พระอรหันต์ ครูบาอาจารย์ทั้งหมด พระพรหมและเทวดาทั้งหมด ตลอดจนกระทั่งครูบาอาจารย์ที่ได้ศึกษาวิชาการตามสายนั้น ๆ มา ให้ท่านได้เมตตาอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้


    โดยที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านได้สั่งสอนเอาไว้ตั้งแต่ตอนที่มีชีวิตอยู่ และกำชับมาหลายครั้งหลายคราแล้วว่า การปลุกเสกวัตถุมงคลนั้น อย่าได้ใช้กำลังของตนเอง กำลังของตนเองนั้น ต่อให้มีความชำนาญในอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ เราใช้ไปก็ได้ไม่ถึง ๒ เปอร์เซ็นต์ของวัตถุมงคลที่พระท่านเมตตามาสงเคราะห์ให้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ตรงจุดนี้เป็นที่ชอบใจของกระผม/อาตมภาพเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าเป็นบุคคลที่มีความขี้เกียจเป็นปกติ ถ้าหากว่าต้องให้ไปตั้งธาตุ ปลุกธาตุ หนุนธาตุ ต้องให้ไปค่อย ๆ เข้าฌานสมาบัติระดับโน้น ระดับนี้ แล้วก็อธิษฐานขอให้เป็นไปตามความต้องการของเรานั้น กระผม/อาตมภาพเห็นว่าเป็นความยุ่งยากมากจนเกินไป

    ดังนั้น...ในเมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านเมตตาบอกกล่าววิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลที่มีผลมากมายมหาศาล แล้วตนเองไม่ต้องเหนื่อยด้วย จึงเป็นที่ชอบอกชอบใจและได้กระทำตามมาโดยตลอด

    โดยเฉพาะการที่พระท่านให้การสงเคราะห์นั้น ถ้าเคยให้การสงเคราะห์ในระดับใดมา ท่านก็จะเมตตาให้การสงเคราะห์ในระดับนั้น ยกเว้นว่ามีการเพิ่มพิเศษเมื่อใด ก็จะมีการบอกกล่าวให้ทราบเป็นการเฉพาะของวัตถุมงคลแต่ละรุ่น

    โดยเฉพาะสิ่งหนึ่งประการใดที่ท่านได้ห้ามเอาไว้ อย่างเช่นว่า ถ้าหากว่ามีการปลุกเสกวัตถุมงคล ก็ให้กระทำตามที่สายครูบาอาจารย์นั้น ๆ ได้กำหนดเอาไว้ก่อน ยกเว้นว่าท่านจะเมตตาบอกกล่าวอะไรเพิ่มเติมมา ก็จะมีการเพิ่มเติมไปในพิธีนั้น ๆ

    อย่างเช่นในเครื่องบวงสรวงต่าง ๆ ซึ่งได้ศึกษามาตามสายครูบาอาจารย์ โดยเฉพาะเครื่องบายศรีเทวฤทธิ์นั้น ท่านได้เมตตาสั่งว่า บายศรีต้นทั้งหมด ขอให้ติดสีแดงเอาไว้บ้าง คำว่าติดสีแดงในที่นี้ก็คือ อาจจะเป็นดอกไม้แดงสักดอกหนึ่ง พวงมาลัยที่มีดอกไม้สีแดงประกอบสักพวงหนึ่ง เป็นต้น ท่านบอกว่าเป็นสัญลักษณ์ที่ท้าวจาตุมหาราชได้ให้เอาไว้ว่า ถ้าหากว่าใครทำตามนี้ ก็จะมีการอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้เป็นพิเศษ

    แล้วยังต้องมีการบอกคาถา หรือแสดงอาการบอกฝ่ายเอาไว้ด้วย โดยเฉพาะกระผม/อาตมภาพนั้น ได้รับการบอกกล่าวว่า ในช่วงท้ายของคำบวงสรวง ก็คือ ธัมมัสสะวะนะกาโล อะยัมภะทันตานั้น ถ้าแปลเป็นภาษาไทย แปลความว่า กาลนี้เป็นเวลาแห่งการฟังธรรม แล้วท่านก็เมตตามอบหมายว่า ถึงเวลาแล้ว เราต้องทำอย่างนี้ ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับสิ่งที่เราได้อัญเชิญ และประกาศบอกกล่าวเป็นสาธารณะต่อบรรดาพรหมเทวดาทั้งหมด
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    ตรงจุดนี้ กระผม/อาตมภาพยังไม่ได้รับการอนุญาตให้บอกกล่าวเป็นสาธารณะ เพียงแต่ว่าบรรดาพรรคพวกเพื่อนฝูง สหธรรมิก หรือว่าพระพี่พระน้องด้วยกัน ท่านก็จะรู้ว่ากระผม/อาตมภาพทำบวงสรวงแล้วมีผลมากกว่าที่อื่น ๆ เขาทำกัน จึงได้ตั้งเครื่องบวงสรวงเอาไว้ แล้วมักจะให้กระผม/อาตมภาพเป็นผู้ที่ทำการบวงสรวง

    โดยเฉพาะการบวงสรวงนั้น ให้ใช้เสียงของตนเอง เพราะว่าโดนพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงดุเอาตั้งแต่ออกจากวัดไป แล้วทำบวงสรวงเป็นครั้งแรก ซึ่งโดยธรรมเนียมของทางวัดท่าซุงก็คือ เปิดเสียงบวงสรวงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านมาโดยตลอด แต่ท่านได้ดุว่า "พวกแกใช้ข้าจนตายแล้ว แล้วยังอุตส่าห์จะใช้ต่ออีกหรือ ?"

    ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระผม/อาตมภาพก็ได้ใช้เสียงตนเองในการบวงสรวงตลอดมา และได้รับการบอกกล่าวถึงความพิเศษบางอย่าง ที่ทำให้พิธีกรรมนั้นมีผลมากกว่าปกติ ซึ่งได้บันทึกและกำหนดจดจำเอาไว้ ถ้าหากว่าได้รับอนุญาตเมื่อไร ก็จะประกาศบอกเป็นการสาธารณะ เพื่อที่ทุกท่านจะได้รู้และกระทำตามเหมือน ๆ กัน มีผลเท่าเทียมกัน กระผม/อาตมภาพจะได้ไม่เหนื่อยอยู่คนเดียว

    เรื่องของการเหนื่อยอยู่คนเดียวนั้น กระผม/อาตมภาพไม่ได้นิยมเลย ตั้งแต่ออกจากวัดไป เมื่อมีงานบวงสรวงต่าง ๆ ก็ช่วยญาติโยมทำบายศรี โดยที่ใครมาร่วมงานก็จับขึ้นครูให้ทำบายศรีทั้งหมด จนกระทั่งการทำบายศรีต้น ถ้าหากว่าเต็มพิธีการไหว้ครูนั้น ก็คือบายศรีต้น ๙ ชั้น แล้วยังมีบายศรีปากชาม ๔ ทิศ ซึ่งเป็นต้นใหญ่ หรือว่าอย่างน้อยก็เป็นบายศรีพานอีกด้วย

    จากที่เคยทำกัน ๒ วันกว่า ๓ วัน ก็เร็วมากขึ้น ๆ จนกระทั่งสามารถที่จะกระทำเสร็จภายในวันเดียว เหตุเพราะว่าเราไม่หวงวิชา อะไรที่ศึกษาเรียนรู้มาก็บอกกล่าวให้เป็นสาธารณะ จนกระทั่งมีบางคนนำไปประกอบเป็นอาชีพเลยก็มี ก็คือรับอาชีพในการทำบายศรีให้กับวัดวาอารามแห่งอื่น ๆ จนกระทั่งสามารถที่จะเลี้ยงครอบครัวของตนเองได้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    การที่กระผม/อาตมภาพไม่หวงวิชานั้น ประการแรกก็คือ ถ้าทุกคนรู้เท่ากัน เราก็จะเหนื่อยน้อยลง ประการต่อไปก็คือ เมื่อทุกคนรู้เท่าเทียมกัน ก็เท่ากับเป็นการสืบสายวิชาของครูบาอาจารย์เอาไว้ด้วย

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าเราเป็นคนใจกว้าง ไม่หวงวิชา บุคคลที่มาศึกษาก็จะได้ความรู้ไปอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย นอกจากว่าท่านสามารถไปแตกกอต่อยอดเอาภายหลัง เหมือนอย่างที่กระผม/อาตมภาพได้รับการบอกเล่าจากครูบาอาจารย์มา ไม่ว่าจะเป็นความพิเศษในการบวงสรวงก็ดี สิ่งที่ต้องกระทำในระหว่างพิธีพุทธาภิเษก หรือพิธีปลุกเสกก็ดี ตลอดจนกระทั่งพระคาถาเงินล้านสูตรพิเศษก็ตาม

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อแตกกอต่อยอดมาแล้ว ก็ย่อมทำให้สายวิชาการของครูบาอาจารย์นั้นดำรงอยู่อย่างเข้มแข็งแกร่งกร้าว และสามารถจะที่ยกยอเกียรติศักดิ์ เกียรติคุณของครูบาอาจารย์ ให้เป็นที่รุ่งเรืองกึกก้องไปทั่วสากลโลก ทำให้เราสามารถที่จะเป็นลูกศิษย์ที่สรรเสริญ และทำให้เกียรติคุณของครูบาอาจารย์แผ่กระจายกว้างไกลไป เป็นการค้ำจุนพระพุทธศาสนาให้ครบ ๕,๐๐๐ ปี

    สำหรับวันนี้ก็ขอบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายและเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเราแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๑๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...