เรื่องเด่น การพิจารณาในอารมณ์นิพพิทาญาณ

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 9 มีนาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,532
    ค่าพลัง:
    +26,369
    FD95EC75-A921-4728-8FFD-5B9D7213CD62.jpeg

    ถาม : ผมเบื่อ ๆ เมื่อไรจะไปสักที พิจารณามาตั้งแต่ตอนบวช ตอนนี้ไม่เห็นเข้าใจเหมือนเดิมเลย ?
    ตอบ : แสดงว่ารักษาเอาไว้ไม่ได้ ความเบื่อเป็นของดี แต่ต้องรักษาให้เป็น ก้าวพ้นไปได้ก็สบาย ถอยหลังลงมาก็เป็นหมาเหมือนเดิม นิพพิทาญาณไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่าย เกิดขึ้นแล้วส่วนใหญ่คนจะเบื่อสุด ๆ แล้วก็ผลักไสไปเรื่อย ความจริงแล้วต้องรักษาเอาไว้

    รักษาอารมณ์ให้คงตัวเอาไว้ ถ้ามีโอกาสสัก ๓ วัน ๗ วัน พิจารณาไปเรื่อยว่า “ถึงเบื่ออย่างไรเราก็ยังมีชีวิตอยู่ ในเมื่อชีวิตนี้ถ้าตายลงไปแล้วเราไปพระนิพพาน ก็เป็นการตัดชาติตัดภพทั้งหมด ถ้านับการเวียนว่ายตายเกิดที่นับกัปไม่ถ้วน กับการดำรงชีวิตอยู่ไม่ถึงร้อยปีแล้วตาย ก็แค่ชั่วแวบเดียวเท่านั้น ทำไมเราจะอยู่ไม่ได้” สภาพจิตจะก้าวข้ามไป กลายเป็นสังขารุเปกขาญาณ จะเห็นว่าธรรมดา ช่างมัน ธรรมดาเป็นอย่างนั้น เห็นเด็กซนก็ธรรมดาเพราะเด็กต้องซน เห็นผู้ใหญ่ทะเลาะเบาะแว้งกันก็ธรรมดา คนไม่มีปัญญา ไม่รู้โทษก็เป็นอย่างนั้นแหละ พอปล่อยได้ เห็นอะไรเป็นธรรมดาหมดก็อยู่ได้อย่างสบาย กลายเป็นมีความสุข แต่ตอนแรกเบื่อจนอยากจะมุดดินหนี

    นิพพิทาของอาตมาดันไปขึ้นกลางห้างพอดี ...(หัวเราะ)... กำลังเดินหอบของตามสาวอยู่ พาสาวไปช็อบปิ้ง เขามีหน้าที่ซื้อของ อาตมามีหน้าที่หอบของ ถุงหนึ่งก็แล้ว สองถุง สามถุง สี่ถุง แทบจะต้องเอาปากคาบยังไม่หยุดซื้ออีก อยู่ ๆ เกิดคำถามกับตัวเองว่า “นี่เอ็งกำลังทำอะไรอยู่ ? ทำไมเหลวไหลไร้สาระอย่างนี้” ความเบื่อพุ่งขึ้นสุดขีดเลยตอนนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็คือดำดินหนีไปเลย คราวนี้ผู้หญิงเขาความรู้สึกไว หันขวับมาถามว่าเป็นอะไร ? “เป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เบื่อหน้าเธอฉิบหา..เลย” เขาก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็กลับ

    กลับไปอาตมาก็ “โหย..ทำไมเบื่ออย่างนี้” อยากจะหนีเข้าป่าไปเดี๋ยวนั้นเลย พยายามพิจารณาว่าจริง ๆ แล้ว อารมณ์อย่างนี้เป็นอารมณ์ที่เราต้องการ แล้วเราจะไปผลักไสไล่ส่งได้อย่างไร ก็พยายามประคับประคองไว้ไปเรื่อย ท้ายสุดก็มาสรุปลงตรงที่ว่า “ถ้าเอ็งยังเกิดอยู่ชีวิตก็น่าเบื่อหน่ายอย่างนี้แหละ แต่ถ้าเราตายไปพระนิพพานได้ ชาตินี้ดำรงชีวิตอยู่อย่างไรก็ไม่เกิน ๑๒๐ ปี เปรียบกับการเวียนว่ายตายเกิดนับกัปไม่ถ้วน ก็แค่แวบเดียวเท่านั้นเอง เหมือนอย่างกับหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้น ทำไมเราจะอยู่ให้ดีไม่ได้” พอคิดมาถึงตรงนี้สภาพจิตก็ปลดออกหมด เห็นอะไรเป็นธรรมดาหมด

    ปกติจะเป็นคนเบื่ออะไรที่ได้มามาก ๆ เบื่อชนิดประกาศเลยว่า ถ้าเกิดใหม่นี่จะไม่ทำบุญอีกแล้ว ...(หัวเราะ)... เพราะทำแล้วได้เยอะ ในเมื่อเห็นธรรมดาก็ทน ๆ นั่งไป เป็นเนื้อนาบุญให้เขาหน่อย แปลงจากโลกียทรัพย์เป็นโลกุตรทรัพย์ เป็นอริยทรัพย์ให้กับเขาไป อาตมาเองเดี๋ยวก็หาทางไปให้คนอื่นเขาต่อ วัดอื่นมีที่เขาต้องการอีกตั้งเยอะตั้งแยะ
    .....................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...