เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 16 กุมภาพันธ์ 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ คือวันมาฆบูชา ตรงส่วนนี้ทางวัดท่าขนุนได้มีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการบุญการกุศลต่าง ๆ ตั้งแต่เช้าเป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญใส่บาตร แสดงพระธรรมเทศนา เจริญพระพุทธมนต์ รับถวายภัตตาหารสังฆทาน บวชพระ และที่เพิ่งจะผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ คือการตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชา ซึ่งถ้าหากบอกว่าเป็นประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง ปัจจุบันนี้ก็เกือบจะ ๒๐,๐๐๐ ดวงเข้าไปแล้ว

    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็เป็นการทำบุญ "แบบโลก ๆ" ก็คืออานิสงส์ผลบุญทั้งหมด ถ้าไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาต่อท้าย ก็จะไปได้แค่กามาวจรสวรรค์ หรือถ้าหากว่าทำจนชิน ก็ไปได้แค่พรหมโลก เป็นต้น

    ดังนั้น...ครูบาอาจารย์บางท่าน เมื่อมีลูกศิษย์ลูกหาไปกล่าวว่า "หลวงปู่สร้างพระพุทธรูป หลวงปู่สร้างโบสถ์ ได้อานิสงส์มากมายมหาศาล" หลวงปู่ท่านก็ตอบว่า "จะไปเอาอานิสงส์อะไรกันแค่นั้น" บางคนก็เข้าใจผิดไปเลยว่า หลวงปู่ท่านปฏิเสธในเรื่องของการสร้างบุญสร้างกุศล ความจริงแล้วท่านไม่ได้ปฏิเสธ เพียงแต่ท่านพูดไม่หมด

    เพราะว่าในสิ่งที่สร้างเป็นบุญเป็นกุศลทั้งหลายเหล่านั้น เป็นแค่ส่วนเสริมให้การดำเนินชีวิตของพวกเรามีความสุข มีความสะดวกสบาย เกิดชาติใหม่ ถ้าให้ทานเอาไว้ก็จะเป็นผู้ที่มีฐานะร่ำรวย มากไปด้วยโภคสมบัติ ถ้ารักษาศีลเอาไว้ ก็เกิดมารูปร่างหน้าตาสวยงาม เป็นที่เจริญตาเจริญใจแก่บุคคลอื่น เป็นผู้มีโรคน้อย ถ้าเจริญภาวนาเอาไว้ เกิดชาติใหม่ก็จะเป็นผู้มีปัญญามาก

    โดยเฉพาะถ้าหากว่าเป็นการเจริญในวิปัสสนาญาณต่าง ๆ เอาไว้ ถ้าชาตินี้ไม่สามารถเข้าถึงมรรคผลได้ ชาติต่อไปจะเป็นผู้มีปัญญาญาณแก่กล้า สามารถตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน ตามบุญตามบารมีที่เราได้สร้างมา
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    บางส่วนที่กระผม/อาตมภาพทำอยู่ อย่างเช่นว่า สร้างพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปนาก พระพุทธรูปเงิน มีบางท่านตำหนิว่าเป็นการทำให้ญาติโยมยึดติด ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ขี้เกียจชี้แจง เนื่องเพราะว่าคนเรามีปัญญาเท่าไร ก็คิดแค่นั้น พูดแค่นั้น ทำแค่นั้น

    แต่บุคคลที่มีปัญญามาก สามารถที่จะต่อยอดสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นให้เข้าสู่มรรคสู่ผลได้ หรือว่าอย่างเช่นการตามประทีป ๑๐,๐๐๐ ดวง ที่ทางวัดท่าขนุนจัดมา จนกระทั่งปัจจุบันนี้ ทางด้านการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้จัดอยู่ในส่วนของ Unseen Thailand

    แม้ว่าในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ตั้งแต่ปี ๒๕๖๓ และ ๒๕๖๔ เราได้งดกิจกรรมทั้งหลายเหล่านี้ไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ เป็นวงใหญ่ อย่างที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Cluster แต่ว่าก็ยังเป็นภาพจำให้คนนึกถึงความสวยงามในยามที่เราร่วมกันจุดประทีปนับ ๑๐,๐๐๐ ดวง โดยมีการแปรภาพ แปรอักษร

    บางคนก็บอกว่านี่ก็เป็นสิ่งล่อใจให้คนเข้าวัดเช่นกัน กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า ถ้ายาขมคนไม่กิน เราต้องเคลือบยานั้นด้วยน้ำตาล คนถึงจะยอมกิน สำคัญตรงที่เราต้องแม่นยำต่อเป้าหมาย อย่าปล่อยให้โดนชักจูง จนกระทั่งหลงออกนอกลู่นอกทางไป

    เรื่องพวกนี้ พระภิกษุสามเณรของเราเสียหายมามากต่อมากแล้ว ตอนแรก ๆ บวชเข้ามา ก็ตั้งใจจะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ตั้งใจที่จะเกื้อกูลพระพุทธศาสนา แต่พอเริ่มมีลาภยศสรรเสริญสุขเข้ามา เป้าหมายต่าง ๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป แทนที่จะกระทำเพื่อวัดวาอาราม แทนที่จะกระทำเพื่อพระพุทธศาสนา ก็กลายเป็นทำเพื่อบำรุงบำเรอความสุขของตัวเอง ต้องมีกุฏิดี ๆ ติดเครื่องปรับอากาศ ต้องมีรถยนต์ดี ๆ คันใหม่ ป้ายแดงอยู่ทุกปี ต้องใช้เครื่องมือสื่อสารรุ่นใหม่ล่าสุดเสมอ ต้องใช้สิ่งของแบรนด์เนม ราคาแพง ๆ เหล่านี้ เป็นต้น


    ส่วนญาติโยมทั้งหลาย เมื่อถึงเวลาปฏิบัติธรรมไป เริ่มมีบุคคลเห็นความดี เริ่มให้การยกย่อง มีชื่อเสียงปรากฏ เราก็จะหลงเตลิดออกนอกทางไปแบบไม่รู้ตัว ตัวกระผม/อาตมภาพเองเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เมื่อฝึกซ้อมมโนมยิทธิจนมีความคล่องตัว หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงบอกว่า "คล่องตัวขนาดนี้ไปเป็นครูสอนคนอื่นได้แล้ว" ปรากฎว่าพอถึงเวลาสอนธรรมะก็ดี หรือว่ามีบุคคลสอบถามปัญหาก็ตาม เมื่อพยากรณ์ไปตามกำลังใจที่ได้รับการฝึกฝนมา ได้รับคำชมเชยจากคนรอบด้านว่า "แม่นยำอะไรอย่างนี้" "ทำไมรู้เห็นได้ชัดเจนแบบนี้" "พูดเหมือนกับตาเห็นเลย" ก็เกิดความปีติยินดี หลงในคำสรรเสริญเยินยอเหล่านี้ กลายเป็นยอมตนให้คนอื่นใช้ ก็คือเขาให้ดูเรื่องโน้นก็ดูให้ เขาให้ทำเรื่องนี้ก็ทำให้

    จนกระทั่งวันหนึ่ง พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ เทศน์ที่บ้านสายลมว่า "บุคคลที่ทรงวิชชา ๒ อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ยังอยู่ห่างจากขอบนรกแค่นิ้วเดียว" เป็นนิ้วมือของเรานี่แหละ แล้วก็เป็นนิ้วมือด้านขวางด้วย ไม่ใช่ด้านตรง กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วเหงื่อแตกพลั่ก..!


    พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านกล่าวต่อไปว่า "บุคคลที่จะพ้นนรกได้อย่างแท้จริง ต้องปฏิบัติให้เข้าถึงความเป็นพระโสดาบัน ถ้าเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันเมื่อไร อบายภูมิทั้ง ๔ ได้แก่ สัตว์นรก เปรต อสุรกายและสัตว์เดรัจฉาน จะโดนอำนาจของความเป็นพระอริยเจ้าปิดไป ไม่มีสิทธิ์ที่จะลงอบายภูมิ"


    เมื่อได้สติ กระผม/อาตมภาพก็เลิกเป็นขี้ข้าชาวบ้าน ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบันของตน เพราะว่าทันทีที่รู้ตัว ก็เหมือนกับบุคคลที่ติดคุก จะโดนผู้คุมลากไปตีไปฆ่าเสียเมื่อไรก็ไม่รู้ เมื่อเห็นช่องทางที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเปิดให้จึงหนีสุดชีวิต ซึ่งตรงจุดนี้อยากให้ญาติโยมทั้งหลายที่เป็นนักปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่ง ระมัดระวังเอาไว้ว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้

    ส่วนเหตุการณ์อีกแบบหนึ่งก็คือ การสงเคราะห์กันในระหว่างเพศตรงข้าม ถ้าเราเป็นชายก็คือเพศหญิง ถ้าเราเป็นหญิงก็คือเพศชาย หรือในปัจจุบันนี้ยังมีพวกที่ข้ามเพศอีก


    ในระยะแรกที่กำลังใจของเรายังมั่นคงอยู่กับการปฏิบัติธรรมก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเผลอคิดเข้าข้างตัวเองเมื่อไรก็เตรียมพังได้ เพราะว่าคนเรานั้นมักจะมีปกติเข้าข้างตนเอง เห็นเขามาอยู่ใกล้ชิด ก็เหมาว่าเขาต้องรักต้องชอบเราแน่


    จากที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นก็โดนกิเลสชักจูง ตัวคนเดียวก็หนีไม่รอดอยู่แล้ว ยังอุตส่าห์มีคู่เพิ่มเข้ามาอีก บางคนก็ปลอบใจตัวเองว่าต่างคนต่างเป็นนักปฏิบัติธรรม จะได้ช่วยเหลือกันเกื้อกูลกันให้เข้าถึงธรรมได้เร็วยิ่งขึ้น

    กระผม/อาตมภาพยืนยันเหมือนกันว่า ถ้าหากว่าไปถูกทางนี่ เข้าถึงธรรมได้เร็วยิ่งขึ้น อย่างเช่นว่า ทะเลาะกันบ้านแตกสาแหรกขาดแล้วเห็นทุกข์ เป็นต้น แต่ถ้าไปผิดทาง มีแต่จะพาเราให้ออกทะเล หาฝั่งไม่เจอ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าตบมือข้างเดียวจะไม่ดัง แต่ว่าแรงกรรมที่ได้กระทำร่วมกันมาในอดีต มักจะบันดาลให้เราเผลอไปตบมือด้วย หรือไม่ก็ยื่นหน้าไปให้เขาตบ ก็ดังจนได้

    ตรงส่วนนี้ถ้าหากว่านักปฏิบัติไม่รู้จักระมัดระวัง ท้ายสุดก็จะโดนกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ดึงจ่อมจมอยู่กับวัฏสงสาร ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นไปไหนได้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังตัวเองเป็นอย่างสูง

    อย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเตือนเอาไว้ว่า อยู่คนเดียวเปลี่ยวกาย แสนสบาย แต่ไม่สนุก อยู่สองครองทุกข์ ถึงสนุก แต่ไม่สบาย หรือว่าท่านใดศึกษามาตามสายวิสุทธิมรรค ต้องนึกถึงพุทธพจน์ที่ปรากฏเป็นพระบาลีว่า เอกายโน อะยัง ภิกขเว มัคโค สัตตานัง วิสุทธิยา


    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หนทางแห่งตัวคนเดียวเป็นทางที่นำสัตว์ทั้งหลายเข้าสู่ความบริสุทธิ์สิ้นเชิง พระองค์ท่านไม่ได้บอกว่าเป็นทางของ ๒ คน ๓ คน หรือว่าทั้งครอบครัว

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า สิ่งต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ร้อยรัดให้เราติดอยู่ในวัฏสงสาร โอกาสที่จะหลุดพ้นนั้นเป็นไปยากอย่างยิ่ง พูดง่าย ๆ ว่าลำพังเพียงขันธ์ ๕ คือร่างกายของเรานี้ก็ละไม่ได้ ตัดไม่ขาดอยู่แล้ว เรายังไปหอบเอาขันธ์ ๑๐ ขันธ์ ๑๕ ขันธ์ ๒๐ ก็คือการมีภรรยา มีสามี มีลูก มีหลานเพิ่มเติมเข้ามา แล้วเท่านั้นยังไม่พอ

    เทคโนโลยีสมัยปัจจุบัน ก็ทำให้เรามีขันธ์เทียม ก็คือสิ่งที่สมมติว่าเป็นตัวตนของเราเพิ่มเติมเข้ามาอีก สมัยก่อนก็เบาหน่อยมีแค่อีเมล์ สมัยนี้มีเฟซบุ๊ก มีสไกป์ มีอินสตาแกรม มีไลน์ หนึ่งยูสเซอร์คือหนึ่งตัวตน กลายเป็นเพิ่มขันธ์เข้ามาโดยไม่รู้ตัว

    ถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? ก็ลองดูว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งสมมติแทนตัวเราแท้ ๆ แต่ถ้าหากว่าคนเข้ามากด like เราก็ปลื้มอกปลื้มใจ หรือถ้าเขา unlike มา เราก็โกรธ เหมือนกับตัวตนของเราชัด ๆ กลายเป็นเพิ่มกิเลสให้ตัวเองมากขึ้น ๆ บางคนก็มีอย่างละสองยูสเซอร์ สามยูสเซอร์ ไม่มีอะไรทำก็นั่งคุยกับตัวเอง ก็ยิ่งหนักเข้าไปอีก..!

    เรื่องที่เราควรที่จะระมัดระวังเพื่อที่จะ สลัด ตัด ละ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ให้มีน้อยที่สุดเท่าที่จะน้อยได้ พอมีโอกาสก็จะได้แหกคุก คือวัฏสงสารนี้ไปให้พ้น แต่เรากลับไปหอบหิ้ว แบกหามสิ่งทั้งหลายเหล่านี้จนมากขึ้น ๆ ทุกวัน
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,373
    เทคโนโลยีหรือความเจริญเป็นสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ เพราะว่าปกติของโลกเป็นเช่นนั้น แต่ต้องให้สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นสนับสนุนการปฏิบัติธรรมของเรา ช่วยให้การปฏิบัติธรรมของเราเจริญก้าวหน้าขึ้น ไม่ใช่ให้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา

    วัน ๆ ก็อยู่กับสังคมก้มหน้า นั่งเขี่ยจอไปเรื่อย
    กระผม/อาตมภาพไปนึกถึงว่า ถ้าหากว่าเป็นอยู่ในสภาพนี้ไปนาน ๆ ต่อไปมนุษย์เราก็คงจะต้องมีแต่หัวโต ๆ งอก่องอขิง แล้วก็มีมือที่มีนิ้วยาว ๆ นิ้วเดียวเอาไว้เขี่ยจอ ก็คงวิปริตผิดประหลาด คล้าย ๆ กับบรรดาท่านที่อยู่ในอบายภูมิเช่นกัน

    วันนี้เป็นวันมาฆบูชา เป็นวันพระใหญ่ เดี๋ยวอีกสักครู่พวกเราทำวัตรสวดมนต์กัน แล้วก็จะได้ไปเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา แล้วหลังจากนั้นใครจะไปชมผางประทีป มีเรี่ยวมีแรงก็เดินขึ้นยอดเขา ซึ่งจะเห็นได้ชัดที่สุด

    ญาติโยมจะเห็นว่าระยะนี้ฝนฟ้าตกเป็นปกติ แต่เวลาวัดท่าขนุนจัดงาน ฝนฟ้าจะเว้นช่วงให้ เพราะว่าเทวดาทั้งหลายก็อยากได้บุญเช่นกัน เพียงแต่ว่าสิ่งที่ท่านทั้งหลายทำนั้นต้องเป็นบุญที่บริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวข้องกับการละเมิดศีลละเมิดธรรม ถ้าเป็นอย่างนั้น เทวดาก็นิยม นางฟ้า พรหมก็สรรเสริญ ยินดีที่จะช่วยเหลือเราให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

    จึงขอโอกาสในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนานี้ อำนวยอวยพรให้แก่ญาติโยมทั้งหลาย ไม่ว่าท่านทั้งหลายจะอยู่ในประเทศ หรือว่าอยู่ต่างประเทศก็ตาม ขอให้อยู่รอดปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ ประสงค์สิ่งหนึ่งประการใดที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมวินัย ขอให้ความประสงค์ของท่านทั้งหลายเหล่านั้น จงสำเร็จสัมฤทธิ์ผลสม ดังความปรารถนาจงทุกประการการเทอญ ขอเจริญพร

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...