เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๕

​

 

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ สารพัดงานก็ประดังเข้ามาตามปกติ สำคัญตรงที่ว่าเราต้องตั้งสติได้ แยกแยะความก่อนหลังเร็วช้าของงาน ถ้าสามารถแยกแยะความก่อนหลังเร็วช้าได้ งานไหนมาถึงตรงหน้าก็ทำงานนั้นก่อน เราก็จะมีงานอยู่ตรงหน้างานเดียว และไม่หนักเกินกำลังของเรา

แต่ว่ามีญาติโยมจำนวนหนึ่งซึ่งติดต่อมาทางโทรศัพท์บ้าง มาหาที่วัดบ้าง แล้วไม่เจอ ก็ต่อว่าต่อขานมา ประมาณว่า "พบยาก" บ้าง "ไม่เห็นความสำคัญของเขา" บ้าง เขา "ไม่ใช่คนรวย" "ไม่ใช่คนใหญ่คนโต" บ้าง ฯลฯซึ่งตรงนี้จะว่าไปแล้วก็อยากปล่อยให้แต่ละคนคิดกันไปตามกิเลสของตนเอง หรือถ้าหากพูดกันแบบไม่เกรงใจก็คือ "ปล่อยลงนรกกันไปเอง..!"

แต่ก็ยังมีความสงสารอยู่ในใจ จึงอยากจะบอกกับทุกท่านว่า ถ้าหากท่านมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ๓๐ กว่าตำแหน่งอย่างอาตมภาพ แล้วสามารถบริหารงานได้โดยมีเวลาเหลือมานั่งต้อนรับญาติโยม ก็ขอให้ท่านทำให้ดูที อาตมภาพจะได้เลียนแบบและทำตาม..!

ที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ กระผม/อาตมภาพได้แต่งตั้งให้พระผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเวรรับสังฆทานอยู่แล้ว ตั้งใจจะมาถวายสังฆทานก็มีพระรับอยู่ สังฆทานไม่ใช่ปาฏิปุคคลิกทาน จะได้เจาะจงถวายเฉพาะเจ้าอาวาส

ถ้าหากว่าตั้งใจจะมากราบไหว้พระพุทธรูปทองคำ นาก เงิน หรือว่าสังขารหลวงปู่สาย ทั้งพระพุทธรูปและหลวงปู่สายก็อยู่ ไม่ได้ไปไหน ยกเว้นอยู่อย่างเดียวก็คือ อาจจะไม่ได้พบตัวเจ้าอาวาสตัวเป็น ๆ เท่านั้น แต่ก็ยังทดแทนด้วยการที่มอบหมายหน้าที่ให้ญาติโยมที่งานล้นมืออยู่แล้ว มาเปิดตู้จำหน่ายวัตถุมงคลให้ อย่างน้อย ๆ ก็จะได้บรรเทาในสิ่งที่ญาติโยมจะรู้สึกไม่ดีกับทางวัดลงไปได้บ้าง แต่ขอให้ปรับกำลังใจเสียใหม่ อย่าสักแต่ว่าพูดพล่อย ๆ ไปตามอารมณ์ของตนเอง

 

เรื่องของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์นั้น มีคุณอนันต์ แต่ถ้าหากว่าล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ก็จะมีโทษมหันต์เช่นกัน และโทษส่วนใหญ่นั้นก็คืออเวจีมหานรก ซึ่งไม่ใช่สถานที่น่าไปแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าผู้ที่ถูกลงโทษที่นั่น ไม่สามารถจะขยับเขยื้อนเคลื่อนกายไปไหนได้ เนื่องจากว่าจะโดนตรึงอยู่กับที่ แล้วมีไฟเผาอยู่ตลอดเวลา คำว่าอเวจีคือไม่หวั่นไหว เหตุที่ไม่หวั่นไหวเพราะว่าขยับไม่ได้นั่นเอง มีสิทธิ์โดนไฟเผาอยู่อย่างเดียว

ดังนั้น...ขอให้ทุกคนอย่าได้เอาไฟมาเผาตนเอง ด้วยการที่ตำหนิ ว่ากล่าวพล่อย ๆ ไปตามอารมณ์ของตน ถ้าหากว่าคิดว่าสามารถที่จะบริหารงานโดยมีเวลาเหลือได้ ทั้ง ๆ ที่ตนเองมีหน้าที่อยู่ ๒๐ กว่า ๓๐ ตำแหน่งอย่างอาตมา ลองมาช่วยทำให้ดูหน่อย แล้วอาตมภาพจะได้เลียนแบบและทำตาม

สำหรับวันนี้ทางวัดของเราก็มีการทำความสะอาดใหญ่ ซึ่งนอกจากจะเป็นไปตามโครงการ ๕ ส. ก็คือในเรื่องของการสะสาง สะอาด เหล่านี้เป็นต้น แต่ว่าที่ทำก็เพราะว่าทางสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรียังไม่ท้อ คราวที่แล้วส่งวัดท่าขนุนเข้าชิงสุดยอดชุมชนคุณธรรมของประเทศไทย มาได้แค่ ๓๐ สุดยอดเท่านั้น ในรอบ ๑๐ สุดยอดช่วงสุดท้ายตกรอบ

เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าเป็นช่วงที่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่กระจาย ก็เลยทำให้ต้องมีการนำเสนอผ่านระบบซูม ซึ่งบรรดาคณะกรรมการชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุนนั้น ร้อยละ ๙๙.๙๙ เป็นคนแก่ นอกจากกระผม/อาตมภาพแล้ว ไม่มีใครเคยใช้ระบบซูมมีตติ้งมาก่อน ก็เลยทำให้ไม่สามารถจะนำเสนอได้ดั่งใจ เดินห่างหน่อยเสียงก็หายไปแล้ว เคลื่อนไหวเร็วหน่อยก็ดูภาพไม่รู้เรื่อง

ในเมื่อตกรอบมาเพราะเหตุนี้ ทางด้านกระทรวงฯ ซึ่งเมตตาต่อวัดท่าขนุนมาตลอดก็เลยเปลี่ยนใหม่ ให้นำเสนอโดยวิดีโอประกอบตัวหนังสือหรือว่าคำบรรยาย โดยกำหนดเวลาให้ ๕ นาที นำเสนอสิ่งสำคัญและแหล่งท่องเที่ยวภายในวัดท่าขนุนทั้งหมด ซึ่งปกติแล้วเรานำเสนอต่อนักท่องเที่ยว หลังจากนั้นค่อยเป็นการสัมภาษณ์ผ่านระบบซูมอีกครั้งหนึ่ง ถ้าลักษณะอย่างนี้ เรามีหวังว่าจะเข้าสู่รอบ ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรมแห่งประเทศไทยได้ ดังนั้น...ทางท่านวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรี จึงได้เสนอชื่อวัดท่าขนุนซ้ำไปอีกครั้ง เพราะว่าทางกระทรวงยืนยันว่าเสนอซ้ำได้ เนื่องจากว่ายังไม่เคยได้รับรางวัล ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรมของประเทศไทยมาก่อน

 

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พระภิกษุสามเณรของทางวัดจึงต้องเร่งทำความสะอาดใหญ่สถานที่ทุกแห่ง เพื่อเตรียมให้ทีมงานที่จะเดินทางมาถ่ายทำภาพเคลื่อนไหวในวันพรุ่งนี้ จะได้สะดวกในการถ่ายทำและประกอบคำบรรยายทีหลัง ซึ่งตอนนี้ก็กำลังวางแผนกันว่าเราจะนำเสนออย่างไร ให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกับว่าได้ไปสถานที่นั้นด้วยตนเอง

หลังจากบันทึกเสียงนี้แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องไปเป็นเจ้าภาพงานศพของท่านวิมละ ประธานสำนักสงฆ์ผาอ้น ซึ่งท่านได้มรณภาพลง และตามธรรมเนียมปฏิบัติของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ เจ้าภาพสวดศพคืนแรกก็คือเจ้าคณะอำเภอกับรองเจ้าคณะอำเภอร่วมกันเป็นเจ้าภาพ คืนต่อ ๆ ไปก็แต่ละตำบลนำคณะสงฆ์ในตำบลของตนมาเป็นเจ้าภาพ จนกระทั่งครบทั้ง ๑๑ คืนถ้าหากว่าตั้งศพถึง แล้วถึงจะให้ญาติโยมทั้งหลายเป็นเจ้าภาพต่อ

แต่ถ้าหากว่าตั้งศพไม่ถึง บรรดาเจ้าคณะตำบลต่าง ๆ ก็ต้องผนึกกำลังกันว่า จะเฉลี่ยในการร่วมกันเป็นเจ้าภาพคืนละกี่ตำบล ซึ่งตรงจุดนี้จะเห็นได้ว่า คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิของเรานั้นมีความรักใคร่สามัคคี และมีระบบการจัดการที่ดี ได้รับการยอมรับจากบรรดาเจ้าอาวาสและเจ้าสำนักสงฆ์ทั้งหมด ให้ยึดถือปฏิบัติเป็นธรรมเนียมสืบ ๆ กันมาจนถึงปัจจุบัน

ดังนั้น...ในส่วนนี้ญาติโยมจะเห็นว่า ไม่ว่าจะทางพระหรือทางฆราวาสก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เราต้องการก็คือความสามัคคีในหมู่คณะ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเป็นบาลีไว้อย่างชัดเจนว่า สุขา สังฆัสสะ สามัคคี ความสามัคคีย่อมก่อให้เกิดสุข

ในช่วงท้ายของการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ กระผม/อาตมภาพจึงขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธัมมรัตนะ และสังฆรัตนะเป็นประธาน มีบารมีของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา มีหลวงปู่สาย อคฺควํโส อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนนี้เป็นที่สุด ขอได้โปรดดลบันดาลให้คนไทยทั้งผอง จงมีความรักใคร่สามัคคีปรองดอง ช่วยกันนำพาประเทศชาติของเราฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ตลอดปีและตลอดไปด้วยเทอญ..ขอเจริญพร

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)