เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 2 สิงหาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๔

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2021
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ถ้าท่านที่ติดตามในเฟซบุ๊กว่ากระผม/อาตมาภาพทำอะไรบ้าง ก็จะสงสัยว่าช่วงเช้าหายไปไหน ? ขออาศัยโอกาสนี้แจ้งให้ญาติโยมได้ทราบว่า อาตมภาพเล่นเฟซบุ๊กไม่เป็น แล้วก็ไม่มีเฟซบุ๊กของตัวเองด้วย แม้กระทั่งไลน์ก็ต้องยืมคนอื่นใช้ มีอีเมล์เก่า ๆ อยู่อันเดียว สำหรับลูกศิษย์ส่งการบ้าน ใครมีปัญหาอะไร ไปถามไว้ในเฟซบุ๊ก ก็จะมีคนไปตอบแทน

    เหตุที่หายไปทั้งเช้า ก็เพราะว่ามัวแต่ไปลงบัญชีอยู่ เนื่องจากว่าสิ้นเดือนแล้ว ต้องเร่งทำบัญชีรับจ่าย บัญชีกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร บัญชีการทำบุญออนไลน์ เป็นต้น แล้วปัญหาที่พบก็ยังเหมือนเดิม อย่างเช่นการทำบุญออนไลน์ทุกวัน ก็จะมีคนทำบุญที่มีเศษ .๙๙ มาตลอด ดูตัวเลขแล้วสวยดี แต่ถ้าเป็นความคิดของอาตมาคือ ทำไมอีก ๑ สตางค์ก็ไม่ให้ ? กลายเป็นคนไม่เต็มบาท..! ก็คือได้แค่ ๙๙ สตางค์

    ถ้าหากว่าบาลี ในพระไตรปิฎก คำว่า ปูรณะ แปลว่า เต็ม ส่วนใหญ่ก็คือเต็ม ๑๐ หรือว่าเต็ม ๑๐๐ แต่มักจะหมายถึงเต็ม ๑๐๐ แต่ญาติโยมเอาแค่ ๙๙ สตางค์ ไม่เต็ม ๑๐๐ ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่คิดคนละแบบกัน

    ส่วนท่านที่ทำบุญวันละบาท ก็ยังคงทำบุญวันละบาทอยู่เหมือนเดิม อาตมภาพก็ต้องก้มหน้าก้มตารับกรรมทำบัญชีไป เพราะว่าการทำบุญออนไลน์นั้น โยงอยู่กับกรมสรรพากร คือมีหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีด้วย ทุกบาททุกสตางค์ไม่สามารถที่จะคลาดเคลื่อนได้ จำเป็นที่จะต้องลงทั้งหมด ในเมื่อญาติโยมทำบุญวันละ ๑ บาท ทำบุญ ๙ บาท ๙๙ สตางค์ อาตมาเองก็ต้องก้มหน้าก้มตาลงบัญชีไป ไม่สามารถจะแก้ไขอะไรได้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ส่วนในเรื่องของกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร มีทั้งหมด ๑๒๐ กว่ากองทุน แต่ว่าปัจจุบันนี้ที่ยังคงเพิ่มทุนอยู่เป็นประจำ มีอยู่ประมาณแค่ ๒๐ กองทุนเท่านั้น นอกนั้นก็ต้องบอกว่าเป็นไปตามกำลังใจ ก็คือเป็นผู้ที่กำลังใจสูงสุด ทำแล้วปล่อยวาง ตั้งแต่ ๑๐ กว่าปีที่แล้วมาจนป่านนี้ ตั้งกองทุนเสร็จก็ลืมโลกไปเลย..!

    บางท่านก็นาน ๆ ทีจะนึกได้ ๓ ปี ๕ ปี เพิ่มทุนทีมาหนึ่ง บางท่านก็เพิ่มทุนทุกเดือนเมื่อเงินเดือนออก มีช้าบ้างเร็วบ้าง บางท่านก็สัจจบารมีดีมาก ทำบุญเท่าเดิมทุกเดือน ตรงกับวันเดิมทุกเดือน ถ้าอย่างนี้จะลงบัญชีได้ง่าย เพราะว่าถ้าท่านหายไปเมื่อไร ทางเราจะตรวจสอบได้ทันที

    ดังนั้น..ในเรื่องของการทำบุญก็เป็นการวัดกำลังใจอย่างหนึ่ง อาตมภาพเคยเล่าไปแล้วว่า บิณฑบาตแล้วเจอญาติโยมใส่บาตรด้วยมังคุด ก็ใส่รูปละหนึ่งลูก...หนึ่งลูก...หนึ่งลูก ไล่ไปจนกว่าจะถึงท้ายแถว การทำบุญนั้นจะบ่งบอกนิสัยของเราเอง อย่างของอาตมภาพ ถ้าทำก็คือลงทีเดียวหมดทั้งถุงนั่นแหละ..! ก็เลยมาคิดว่า ถ้าสมมติว่าซื้อหวย อยากจะถูกรางวัลที่ ๑ แต่เราไปแยกย่อยเอาแค่เลขท้าย ๒ ตัว..๒ ตัว..๒ ตัว ก็ขึ้นอยู่กับจริตนิสัยและการกระทำของเราเอง

    ตัวอาตมภาพเอง เวลาได้อะไรจะได้ทีละมาก ๆ เพราะว่ามีนิสัยทำทีเดียวหมด ทำทีเดียวจบ ทำทีเดียวเต็ม ส่วนท่านใดที่ค่อย ๆ ไปแยกย่อย ถวายพระรูปละชิ้น...รูปละชิ้น...รูปละชิ้น หรือว่าทำบุญทีละ ๙๙ สตางค์ ถึงเวลาเรารับ ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยที่เราทำมา เรื่องนี้ก็ต่อว่ากันไม่ได้ ใครทำอะไรย่อมได้รับผลเช่นนั้น กัลยาณัง วา ปาปะกัง วา
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    ช่วงบ่ายวันนี้ได้ออกไปตรวจความพร้อมของโรงพยาบาลสนาม ซึ่งต้องบอกว่า ขาดการซักซ้อมในการนำคนไข้เข้าออก เพื่อให้ปลอดภัยต่อผู้อื่นให้มากที่สุด คือตัวคนไข้เองเราไม่ต้องไประวัง เพราะว่าเป็นผู้ติดเชื้อไปแล้ว แต่ทำอย่างไรที่จะให้ผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อไม่ไปโดนเข้า

    ท่านนายอำเภอนภเดช เกลียวศิริกุล ขอทดสอบจริง ๑ รอบ แล้วถึงจะเปิดโรงพยาบาลอย่างเป็นทางการ ก็ได้คุยรายละเอียดกัน ทำให้ทราบว่ามีญาติโยมจำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วย ที่จะมีการเปิดโรงพยาบาลสนามในตำบลของตน จึงทำให้อำเภอทองผาภูมิที่ใหญ่โตมโหฬาร มีโรงพยาบาลสนามอยู่แห่งเดียว ก็คือที่วัดท่าขนุน..!

    คราวนี้การคุยกันหลาย ๆ คนก็ได้แนวคิดเพิ่มขึ้นมา ก็คือว่าสำหรับคนมีเงิน แล้วไม่อยากที่จะมาอยู่ร่วมกับคนอื่นในโรงพยาบาลสนาม ซึ่งบางคนใช้คำว่า "เหมือนคนอนาถา" เพราะว่าอยู่รวมกันที่เดียวเป็นร้อย ๆ ถึงไม่เป็นร้อยก็หลายสิบ ก็เลยมีการเสนอแนะถึงรีสอร์ท หรือโรงแรมบางแห่ง ที่ตอนนี้กิจการไปไม่ได้ ว่าถ้าหากว่ามีผู้ป่วยโควิด ๑๙ ประมาณว่าจัดอยู่ในกลุ่มสีเขียว มีเงิน ไม่อยากที่จะอยู่ปะปนกับคนอื่น เราควรที่จะหารีสอร์ทหรือโรงแรมที่เขาเต็มใจรับ และสามารถกันเขตไม่ให้คนอื่นเข้าไปยุ่งบริเวณนั้นได้

    ท่านนายอำเภอจะนำไปปรึกษาบรรดานายกเทศมนตรี หรือนายกองค์การบริหารส่วนตำบลอื่น ๆ ว่า มีที่ใดเต็มใจรับบ้าง ถ้าสามารถทำอย่างนั้นได้ ก็จะเป็นการแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลสนามไปได้จำนวนมหาศาล เพราะว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่อยากที่จะอยู่ปะปนกับคนอื่น ก็คือกลัวว่าจะไปรับเชื้อเพิ่มมาอีก
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    คราวนี้ในการที่จะทำทุกอย่างให้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เต็มย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะจะว่าไปแล้ว นี่ก็คือการเปิดโรงพยาบาลสนามครั้งแรกของทองผาภูมิ ก็คงจะมีปัญหาให้ทำไปแก้ไป แล้วลักษณะของการทำไปแก้ไป ก็ได้แต่หวังว่าคงจะไม่ไปทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน..ติดเชื้อไปด้วย..! เพราะว่าอย่างวันก่อนที่มีข่าวออกมาก็คือ นางพยาบาลติดเชื้อทั้งวอร์ด ทั้ง ๆ ที่ฉีดวัคซีนไปแล้ว ๓ เข็ม ไม่ใช่ ๒ เข็ม แต่ฉีดแล้ว ๓ เข็มด้วย...!

    เหตุที่เป็นเช่นนั้น อาตมภาพได้กล่าวมาหลายครั้งแล้ว ก็คือการฉีดวัคซีนนั้น เป็นการเพิ่มภูมิต้านทานในเลือด แต่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ลงไปที่ปอด ไม่ได้อยู่ในเลือด ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ต่อให้ฉีดวัคซีนเท่าไรก็สามารถติดเชื้อได้ ต้องระมัดระวังตัวเองอย่างสุดขีด เพียงแต่ว่าถ้าได้รับวัคซีนไป ร่างกายมีภูมิต้านทานสูงขึ้น อย่างที่คุณพยาบาลออกมาบอกว่าของตนเองนั้น ภูมิขึ้นมาหมื่นกว่าถึงสองหมื่น แต่ก็ยังติดเชื้อได้..!

    เพียงแต่ว่าติดเชื้อแล้ว อาการไม่รุนแรง จึงต้องไปกักตัว ๒๘ วัน ก็คือพอครบ ๑๔ วันแล้ว ก็ต้องตรวจซ้ำ พอตรวจซ้ำแล้วก็กักตัวอีกรอบหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยอย่างแท้จริง แต่ว่าเป็นที่น่าเสียดาย เพราะว่านักรบแนวหน้าของเราต้องถอยไปรักษาตัว ในขณะที่ข้าศึกกำลังบุกหนัก ประชาชนบาดเจ็บล้มตายมากขึ้นทุกวัน

    เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่ามีผู้สั่งการโดยไม่ได้เข้าไปดูพื้นที่จริง ท่านก็จะไม่รู้ปัญหาเลย อย่างเช่น ถ้าหากว่าท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งว่า ถ้าเป็นคนไข้ของอำเภอไหน คุณก็ไปอำเภอนั้น แบบนี้ใครก็สั่งได้ แต่พอมาแล้ว ใครจะรับไปจัดการ ? ต้องไปรายงานตัวกับใคร ? สถานที่ไหนรับได้ รับไม่ได้ ? ระหว่างที่เดินทาง ทำอย่างไรที่เราจะไม่ไปแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น ?
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    เรื่องพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาใหญ่ ที่บรรดาบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนกระทั่งเจ้าของพื้นที่จะต้องนำมาแก้ไข แล้วส่วนที่สร้างปัญหามากที่สุด คือประชาชนในพื้นที่ ซึ่งกลายเป็นว่ารังเกียจผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แม้ว่าบุคคลนั้นจะเป็นญาติพี่น้องของตนเอง ความรังเกียจนั้นบางทีเกิดจากการเสพข่าวมากเกินไป จนเกิดอาการที่เรียกตามภาษาชาวบ้านว่า "ประสาทแดก..!"

    เรื่องของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ จะว่าไปแล้ว ตากแดดมากหน่อย เชื้อก็ตายแล้ว ใส่หน้ากากเว้นระยะสัก ๒ เมตรก็หมดสิทธิ์แล้วเกือบ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ แต่นี่พอถึงเวลาจะจัดตั้งศูนย์พักคอย หรือว่าโรงพยาบาลสนามในพื้นที่ ท่านทั้งหลายก็ประท้วง ไม่ยอมให้จัดตั้ง ถามจริง ๆ ว่า ถ้าหากว่าเป็นญาติพี่น้องของท่านป่วย แล้วจะเอาที่ไหนรักษา ? ถ้าไม่ยอมให้จัดตั้ง

    การกลัวเป็นสิ่งที่ดี เราจะได้ไม่ประมาท รู้จักระมัดระวัง แต่การกลัวจนขาดสติ ไม่ได้ไตร่ตรองว่าความเป็นจริงเป็นอย่างไร ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสาร อย่างที่โบราณเขาบอกว่า "
    คนขลาดตายหลายครั้ง คนกล้าตายครั้งเดียว" ก็คือคนขี้ขลาดเจออะไรก็กลัวไปหมด กลัวในลักษณะที่ตายทั้งเป็น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็เลยทุกข์ทรมานด้วยการตายหลายครั้ง แต่คนกล้า..ถ้าไม่ประมาทก็คือตายครั้งเดียว

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าเราอยู่ในฐานะที่ไม่สามารถจะช่วยเหลือผู้อื่นที่เป็นคนไข้ได้ ก็ขอให้ความร่วมมือเพื่อที่ให้มีศูนย์พักคอย หรือโรงพยาบาลสนามขึ้นในแต่ละตำบล อย่างน้อย ๆ ก็จะได้รองรับพรรคพวกเพื่อนฝูง หรือญาติพี่น้องในบ้านเดียวกันกับเรา ไม่เช่นนั้นแล้วเขาทั้งหลายเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าจะไปรักษาตัวที่ไหน
     
  7. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,528
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,536
    ค่าพลัง:
    +26,372
    แม้แต่โรงพยาบาลสนามวัดท่าขนุน ก็มีทีท่าว่าเปิดวันแรกก็จะเต็มเลย เพราะว่าตอนนี้ทางจังหวัดก็ติดต่อมาหลายราย ทางโรงพยาบาลก็เตรียมพร้อมที่จะโหลดคนไข้เข้ามาหลายราย แล้วบรรดาที่ผู้ติดต่อผ่านสมาชิกสภาจังหวัด ติดต่อผ่านทางส่วนราชการต่าง ๆ แม้กระทั่งโทรศัพท์ตรงถึงอาตมาเองอีกมากมาย แค่ ๕๐ เตียงที่มีอยู่ อย่างไรก็มั่นใจว่าไม่พอแน่นอน..!

    ถ้าท่านยังเอาแต่ความกลัวเข้าว่า ต้องบอกว่าเกิดจากเห็นแก่ตัว เอาตัวรอดคนเดียว โดยที่ไม่ได้สนใจว่าญาติพี่น้องเพื่อนฝูงของตนเองจะเดือดร้อนอย่างไร ถึงเวลาก็ต่อต้าน ถึงเวลาก็ประท้วง ถ้าหากว่าผู้ติดเชื้อเป็นท่านเองเมื่อไร ท่านจะรู้ว่าการที่ต้องหาสถานที่และเตียงรักษาพยาบาลนั้น เป็นเรื่องที่ยากลำบากแค่ไหน โอกาสที่จะมีก็มีไม่ได้ เพราะว่าท่านไปประท้วงเสียเอง


    ดังนั้น...ในวันนี้อาตมภาพไม่ได้มาวิงวอนขอร้อง แต่มาบอกความจริงให้ท่านได้ทราบว่า บางอย่างที่เราทำไป ก็อาจจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตัวเราภายหลังได้ หรือว่าอาจจะทำให้ญาติพี่น้องของเราเดือดร้อน ถึงขนาดล้มหายตายจากไปได้ ขอให้ท่านทั้งหลายคิดดูให้ดีเสียก่อน


    เนื่องเพราะว่าแพทย์พยาบาล หรือว่าผู้นำชุมชน ก็ไม่มีใครอยากที่จะติดเชื้อไวรัสนี้ ต้องทำการป้องกันอย่างเต็มที่อยู่แล้ว เรื่องการติดเชื้อไวรัส ถ้าหากว่าป้องกันเต็มที่แล้ว ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเวรเป็นกรรมของเราเอง ไม่มีใครที่อยากให้คนอื่นติดเชื้อต่อไปจากตัวเอง เพราะว่าเหมือนกับไปสร้างเวรสร้างกรรมกับให้คนอื่นเขา


    ก็ขอฝากข้อคิดเอาไว้สำหรับทุกท่านไว้แต่เพียงเท่านี้..ขอเจริญพร

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...