เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 กรกฎาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,532
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔


     
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,532
    ค่าพลัง:
    +26,369
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ทางด้านอาศรมศรีชัยรัตนโคตรของหลวงพ่อนิล จะนิมนต์ให้ผมไปปลุกเสกพระปัจเจกพุทธเจ้าที่นั่น แต่ว่าผมไม่สามารถที่จะไปได้ เพราะว่าระยะนี้โดนล็อกตัว ห้ามออกเดินทางไกล..! ก็เลยทำให้ทางด้านโน้นต้องลำบาก ขนเอาพระปัจเจกพุทธเจ้ามาที่บ้านเติมบุญแทน ต้องบอกว่าเสี่ยงมาก เพราะว่าบ้านเติมบุญอยู่ในเขตพื้นที่คุมเข้มสูงสุด ก็ยังโชคดีที่ว่าส่วนใหญ่แล้ว พวกเราฉีดวัคซีนกันไปแล้ว ต่อให้ไม่สามารถที่จะกันไวรัสโควิด ๑๙ ได้ ก็ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เป็นอะไรก็ตายยากขึ้น ฟังดูแล้ว "น้ำตาจิไหล..!"

    ในเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะบรรดาเชื้อไวรัสต่าง ๆ มีการปรับตัวเป็นปกติ เพื่อที่จะหลบหนียาหรือวัคซีนที่จะเป็นอันตรายกับตนเอง ถือว่าเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง ตัวผมเองเป็นมาลาเรียมา ๔๐ ปีแล้ว รักษาไม่หาย ทุกครั้งที่ได้ยาตัวใหม่มา หลังจากที่ฉันเข้าไป มีปฏิกิริยาทันทีเหมือนกับว่ายาจะได้ผล แต่พอวันที่สองก็กลับไปเหมือนเดิม เพราะว่าเชื้อมาลาเรียในตัวนั้น ปรับตัวมา ๔๐ ปีแล้ว จึงสามารถที่จะหลบหลีกฤทธิ์ของยาได้เร็วมาก

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าได้ยาตัวใหม่มาจากการทดสอบ แล้วเอามาให้ผมฉันเข้าไป จะมีผลเฉพาะวันแรกวันเดียว รู้สึกเหมือนกับอาการดีขึ้น พอวันที่สองก็จะกลับไปเหมือนเดิม ต่อให้ฉันจนครบก็ไม่มีประโยชน์

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็ต้องอยู่กับเชื้อโรคนี้ไปอีกนานแสนนาน พวกเราจึงต้องมีหน้าที่แบบเดียวกับเชื้อโรค ก็คือต้องปรับตัว คำว่าปรับตัวในที่นี้ก็คือ ปรับตัวให้อยู่กับเชื้อโรคให้ได้ ก็คือต้องมีการระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความเคยชินในการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ เว้นระยะห่าง ไม่เข้าไปในที่แออัด เพราะถ้าหากว่าเราไม่ยอมปรับตัว ก็เหมือนกับเชื้อโรคที่ไม่ได้ปรับตัว ท้ายที่สุดก็จะโดนฤทธิ์ยาหรือวัคซีนฆ่าตายได้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,532
    ค่าพลัง:
    +26,369
    เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของธรรมชาติ บาลีเขาบอกว่า อาหาระนิททัง ภะยะเมถุนัญจะ สามัญญะเปตัปปะสุภีนะรานัง
    อาหาระ
    คือการกิน
    นิททัง คือการนอน
    ภะยะ คือความกลัวภัย
    เมถุนะ คือการเสพกาม

    สามัญญะเปตัปปะสุภีนะรานัง เป็นส่วนที่เหมือนกันของสัตว์และคนทั้งหลาย
    ปะสุ ก็คือสัตว์
    นะรานัง ก็คือคนทั้งหลาย
    ธัมโมหิ เตสัง อะธิโก วิเสโส ธรรมเท่านั้นถึงทำให้คนเราแตกต่างออกไป

    ธัมเมนะ วีณา ปะสุภิสสะมานา ดังนั้น..ธรรมจึงเครื่องจำแนกคนออกจากสัตว์ ก็แปลว่า ถ้าคนเราไม่ศีลไม่มีธรรม ก็เป็นได้แค่สัตว์ชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง..!
    ฉะนั้น...ในส่วนที่เราต่างจากสัตว์ได้ เพราะเรามีศีลมีธรรม โดยเฉพาะศีล ๕ ภาษาบาลีเรียกว่า มนุสสธรรม ธรรมที่ทำให้คนเป็นมนุษย์ มนุษย์มาจาก มนะ คือใจ + อุสสะ คือสูง เป็นผู้มีใจอันสูง ก็คือมีใจที่ยึดอยู่ในศีลในธรรม ต่างจากสัตว์ทั่วไป

    การที่เราละเมิดศีล ๕ ก็แปลว่าทำให้ความเป็นมนุษย์ของเราน้อยลง สมมติว่าศีล ๕ ข้อเป็นจำนวน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์
    ละเมิด ๑ ข้อ ความเป็นมนุษย์หายไป ๒๐ เปอร์เซ็นต์
    ละเมิด ๒ ข้อ ความเป็นมนุษย์หายไป ๔๐ เปอร์เซ็นต์
    ละเมิด ๓ ข้อ ความเป็นมนุษย์หายไป ๖๐ เปอร์เซ็นต์
    ละเมิด ๔ ข้อ ความเป็นมนุษย์หายไป ๘๐ เปอร์เซ็นต์
    ถ้าละเมิดครบทุกข้อ ความเป็นมนุษย์ไม่เหลือเลย..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,532
    ค่าพลัง:
    +26,369
    มีนักเทศน์บางท่านได้กล่าวว่า มนุษย์เราแยกออกเป็นหลายประเภท อย่างเช่นว่า

    มนุสสเนรยิโก กายเป็นมนุษย์ สภาพจิตเหมือนกับสัตว์นรก
    มนุสสเปโต กายเป็นมนุษย์ สภาพจิตเหมือนกับเปรต
    มนุสสติรัจฉาโน กายเป็นมนุษย์ สภาพจิตเหมือนอย่างกับสัตว์เดรัจฉาน
    มนุสสภูโต กายเป็นมนุษย์ สภาพจิตมีศีลมีธรรมเหมือนกับมนุษย์ที่สมบูรณ์
    มนุสสเทโว กายเป็นมนุษย์ สภาพจิตประกอบด้วยศีลด้วยธรรม ละอายชั่วกลัวบาป เหมือนเทวดานางฟ้า

    ในส่วนนี้ เมื่อพวกเราเปรียบเทียบกับตัวเองแล้ว สามารถที่จะให้คะแนนตัวเองได้ว่า ตัวเราจัดอยู่ในระดับไหน ? เราเป็นมนุษย์สัตว์นรก เป็นมนุษย์เปรต เป็นมนุษย์สัตว์เดรัจฉาน เป็นมนุษย์สมบูรณ์ หรือเป็นมนุษย์ที่เหมือนกับเทวดานางฟ้า เป็นต้น

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราเอาไว้เตือนใจสอนใจตนเองว่า ถ้าเราละเมิดศีลเมื่อไร ความเป็นสัตว์จะเข้ามา ถ้าความเป็นสัตว์มีมากกว่าคนเมื่อไร เราก็มีโอกาสลงอบายภูมิเมื่อนั้น


    ในส่วนนี้เราจะเห็นได้ชัดเจนว่า ศีล ที่บาลีท่านสรุปเอาไว้หลังจากที่บอกให้ญาติโยมสมาทานว่า สีเลนะ สุคะติง ยันติ ศีลเป็นปัจจัยให้เราไปสู่สุคติ ก็คือหลังจากตายแล้วไปสู่ที่ไปอันดี ต่ำสุดก็เป็นมนุษย์สมบูรณ์ เพราะว่าศีล ๕ ข้อ คือมนุสสธรรม

    ถ้าหากว่าเราสามารถรักษาศีลเป็นปกติ มีความละอายต่อความชั่ว ไม่กล้าละเมิดศีล มีความเกรงกลัวต่อบาป ว่าละเมิดศีลแล้วจะเกิดโทษต่อเรา ถ้าอย่างนั้นก็สามารถเกิดเป็นเทวดาเป็นนางฟ้าได้

    ถ้าหากว่าเรามีศีลเป็นปกติ ไม่ว่าขยับตัวไปทางไหน สติก็รู้รอบระมัดระวัง ไม่ให้ทุกสิกขาบทพร่อง ถ้าอย่างนี้เราตายแล้วสามารถไปเกิดเป็นพรหมได้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,532
    ค่าพลัง:
    +26,369
    แต่ถ้าหากว่าเราไม่นิยมการเกิด พิจารณาเห็นทุกข์เห็นโทษของร่างกายนี้ เห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิดมาในโลกนี้ว่า เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อน ถอนใจออกจากการยึดเกาะในร่างกาย ถอนใจออกจากการยึดเกาะวัตถุธาตุต่าง ๆ เราก็สามารถอาศัยศีลเป็นบันได ก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

    คราวนี้ในเรื่องของความเดือดร้อนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก วันนี้อยากจะบอกญาติโยมหลายท่าน โดยเฉพาะที่อยู่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรืออเมริกาก็ตาม ให้ระมัดระวังเอาไว้ให้มากด้วย ทางด้านโน้นส่วนใหญ่มีแต่เครื่องทำความร้อน ถ้าไม่มีเครื่องทำความเย็น ให้หาติดบ้านไว้บ้าง ถึงเวลาคลื่นความร้อนมาถึง ถ้าไม่มีเครื่องทำความเย็น อาจจะร้อนถึงตายได้..!


    และขณะเดียวกัน ให้สังเกตบริเวณตะวันออกกลาง โดยเฉพาะประเทศอิหร่าน ว่าจะมีปฏิกิริยาต่อโลกอย่างไร ถ้าหากว่าสังเกตไม่เป็น ให้ดูอุบัติเหตุ ตลอดจนกระทั่งสิ่งที่บ่งชัดว่าเป็นการก่อการร้ายที่เกิดขึ้น ถ้าหากว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไปมะรุมมะตุ้มอยู่ที่ฝรั่งเศสเมื่อไร ถ้าท่านกลับบ้านเราได้ก็ให้กลับ ถ้าหากว่ากลับบ้านเราไม่ได้ มีวัตถุมงคลอะไรซึ่งเป็นที่มั่นใจ ก็ให้พกติดตัวและสวดมนต์ภาวนาเข้าไว้..!

    อาตมภาพสามารถบอกได้แต่เพียงแค่นี้ เรื่องบางอย่างพูดมากไปเดี๋ยวจะโดนข้อหา โทษฐานสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ก็จะพาให้ตัวเองเดือดร้อนไปด้วย..!

    จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวแก่ญาติโยมทางบ้านแต่เพียงเท่านี้..ขอเจริญพร

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...