เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 22 พฤษภาคม 2021.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๔


     
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔ ทางด้านบริษัทวันเพ็ญสตูดิโอกับบริษัท SEUMWORKS มาดูสถานที่จริงเพื่อตีราคาการสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน

    พิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนนั้น ต้องบอกว่าเกิดจากแนวคิดที่ผมเห็นพิพิธภัณฑ์อื่น ๆ สักแต่ว่าวางของทิ้งไว้ อย่างดีก็มีคนคอยแนะนำว่าของแต่ละชิ้นเป็นอะไร ไปหลายต่อหลายที่ก็เหมือนกันหมด ก็เลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า ถ้าหากว่าเราสร้างพิพิธภัณฑ์ที่เป็นประเภทแสงสีเสียงขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องมีคนนำ ไม่จำเป็นต้องมีคนบอก เราก็สามารถให้ข้อมูลที่ครบถ้วนได้

    ผมก็เลยให้แนวคิดกับทางบริษัทวันเพ็ญสตูดิโอไปออกแบบมาให้ ตอนแรกที่เขาตีราคาค่าแบบมา ๓ ล้านกว่าบาท ผมก็ยังสงสัยว่าแพงอะไรขนาดนั้น ? แต่เมื่อเขาใช้เวลาถึง ๒ ปีกว่าในการออกแบบ ก็ต้องยอมรับว่าสมกับราคา เพราะว่าแต่ละห้องแต่ละส่วน เขาต้องนำมาเสนอจนกว่าผมจะพอใจ แล้วถึงจะสรุปเป็นแบบขึ้นมา

    แต่คราวนี้การที่จะให้บริษัทหลาย ๆ บริษัทมารับช่วงในการสร้างพิพิธภัณฑ์ให้สำเร็จ นอกจากควบคุมได้ยากแล้ว ก็อาจจะไม่มีความชำนาญในด้านนี้โดยตรง ก็พอดีได้พบกับทาง SEUMWORKS ที่ทำพิพิธภัณฑ์ไปหลายแห่งแล้ว บางแห่งมีแนวคิดใกล้เคียงกับที่ทางเราออกแบบไว้ ก็เลยให้เขามาดูสถานที่จริง แล้วให้ไปถอดราคาประเมินออกมา

    แต่แรกเริ่มของพิพิธภัณฑ์ที่ประมาณเอาไว้ที่ ๔๐ ล้านบาท มาถึงตอนนี้ผมว่าคูณ ๓ น่าจะน้อยไป..! เพราะว่าผู้ออกแบบเดินทางไปดูพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ต้องบอกว่าเกือบทั่วโลก เทคนิคอะไรที่เราสามารถนำมาใช้งานได้ โดยที่ราคาไม่สูงเกินงบประมาณไปมาก ผมให้เอามาทั้งหมด..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    พิพิธภัณฑ์นี้เริ่มขึ้นมาจากเรื่องของเครื่องรางของขลัง คือส่วนใหญ่แล้วผมเจอแต่พิพิธภัณฑ์พระเครื่อง พิพิธภัณฑ์พระบูชา ถ้าเราทำอีกก็ซ้ำกับของเขา และไม่มีทางดีเท่าเขาได้ อย่างพิพิธภัณฑ์ของบริษัทวิริยะประกันภัยที่ทำเอาไว้ ก็คือพิพิธภัณฑ์ช้างสามเศียร ขึ้นไปดูพระพุทธรูปแต่ละองค์ของเขา ต้องบอกว่าเป็นสุดยอดในสุดยอด คือคนมีเงินแล้วรู้จักของจะได้เปรียบ เพราะว่าบางทีต้องซื้อมาเป็นร้อย ๆ ชิ้นถึงจะได้ของที่ถูกใจสักชิ้นหนึ่ง

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็ต้องฉีกแนวไม่ให้เหมือนเขา ก็ว่าจะทำพิพิธภัณฑ์เครื่องรางของขลัง แต่ปรากฏว่าความคิดหนึ่งก็คือว่า ถ้าหากว่าคนมาวัดแล้ว ควรจะมีความเข้าใจในพระพุทธศาสนา อยากปฏิบัติตามหลัก ศีล สมาธิ ปัญญา ผมก็เลยให้เขาเอา ๓๑ ภพภูมิกับพระนิพพานใส่เข้าไปด้วย ถ้าหากว่าคุณละเมิดศีลละเมิดธรรมแล้ว มีอะไรเป็นที่ไปบ้าง แล้วถ้าตั้งใจให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาแล้ว มีอะไรเป็นที่ไปบ้าง ถ้าสามารละกิเลสได้หมดสิ้น มีอะไรเป็นที่ไปบ้าง

    อีกส่วนหนึ่ง ตั้งใจให้เป็นหอประวัติส่วนตัวของหลวงปู่สาย อดีตเจ้าอาวาส เพื่อเป็นการเทิดเกียรติคุณของท่านที่ทำประโยชน์เอาไว้กับชาวทองผาภูมิมากเป็นอย่างยิ่ง อีกส่วนหนึ่งก็เป็นพระราชประวัติและผลงานของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ก่อประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างเอนกอนันต์ สรุปว่าจากที่ตั้งใจว่าจะทำพิพิธภัณฑ์เครื่องรางของขลัง ถ้าจาก ๑๐ ส่วน ก็น่าจะเหลือประมาณแค่ส่วนเดียว ก็คือเหลือแค่มุมเดียวเท่านั้น

    ในส่วนนี้ ทางบริษัท SEUMWORKS ขอเวลาอีก ๒ เดือนในการประเมินราคา เพราะว่ายิ่งในระยะนี้ค่าวัสดุก่อสร้างแพงเป็นพิเศษ ผมไปเข้าใจผิดว่า ในเมื่อคนอื่นก่อสร้างไม่ได้ ค่าวัสดุก่อสร้างน่าจะถูกลง

    จะเห็นว่าที่ผมทำทางเดินสำหรับนักท่องเที่ยวรอบทางรถไฟสายมรณะ ต้องใช้โครงเหล็กจำนวนมาก ตอนนี้เหล็กขึ้นราคารายวันเลย วันนี้ซื้อราคานี้ พรุ่งนี้จะแพงกว่านี้ มะรืนก็จะแพงขึ้นไปอีก สอบถามดูแล้วถึงได้รู้ว่าโรงงานผลิตไม่ได้ เพราะว่าเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ อาละวาด สายส่งไม่สามารถที่จะส่งให้ถึงมือผู้ค้ารายย่อยได้ คราวนี้ก็อยู่ที่ว่าผู้ค้ารายย่อยแต่ละราย ใครจะมีเหล็กอยู่ในมือเท่าไร ก็สามารถที่จะขึ้นราคาได้ตามใจชอบของตนเอง สรุปว่าผมเป็นคนดวงดีครับ ทำอะไรก็แพงกว่าคนอื่นเขา..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    ในส่วนของพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน แม้ว่าจะเริ่มขึ้นมาจากเครื่องรางของขลัง แต่นั่นเป็นส่วนน้อย ส่วนที่ตั้งใจจริง ๆ ก็คือ ถ้าคุณไปทางโลก จะมีแนวทางทำมาหากินที่ดีที่สุด ซึ่งองค์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงสรุปมาให้แล้ว ก็คือเกษตรทฤษฎีใหม่ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง

    แต่ถ้าคุณจะไปทางธรรม เราก็มีให้ ไล่ตั้งแต่ต่ำสุดไปจนสูงสุด คือเข้าถึงพระนิพพาน โดยที่จะมีหลวงปู่สายเป็นบุคคลตัวอย่าง พูดง่าย ๆ ว่าใครมาพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน ต้องการทำมาหากินทางโลก จะได้แนวคิดกลับไปทำ ต้องการปฏิบัติธรรม จะได้กำลังใจในการปฏิบัติ คือต้องการอะไรก็จะได้อย่างนั้นกลับไป ไม่ใช่มามือเปล่า แล้วก็กลับมือเปล่า

    ฉะนั้น..ในส่วนนี้ถ้าหากว่าทางบริษัทเขาเสนอราคามาอยู่ในระดับที่ผมรับได้ ก็จะลงมือทำเลย เชื่อว่าถ้าทำเสร็จแล้ว ก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจไม่แพ้ที่อื่น คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าจะคำนวณค่าใช้จ่ายอย่างไรในการที่จะเป็นค่าเข้าชม ซึ่งถ้าแพงไป คนไทยเราก็ไม่ให้ความสนใจ

    แบบเดียวกับที่ผมไปปราสาทสัจธรรมประมาณ ๒๐ กว่าปีที่แล้ว ตอนนั้นก็ยังทำได้ไม่ถึงครึ่ง ขอซื้อตั๋ว ๕ ใบ เจ้าหน้าที่ถามว่า "ขออภัยเจ้าค่ะ พระอาจารย์รู้ไหมว่าราคาค่าเข้าชมเท่าไร ?" ก็เลยส่งแบงค์ห้าร้อยให้เขา ๕ ใบ บอกว่าศึกษามาแล้ว สมัยนั้นคนไทยเข้าดูคนละ ๕๐๐ บาท..!

    พอไปพิพิธภัณฑ์ร้อยเผ่าพันธุ์มังกร ค่าตั๋ว ๒๙๙ บาทต่อคน เท่ากับ ๓๐๐ บาท มีคนเข้าน้อยมาก แต่ผมเข้าไป เพราะว่าสิ่งที่เขาตั้งใจทำให้เราดู ไม่ใช่สิ่งที่จะเห็นได้ทั่วไป
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,373
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,527
    ค่าพลัง:
    +26,366
    ในต่างประเทศเขาสอนให้เด็กเข้าพิพิธภัณฑ์ เพื่อที่จะได้รู้จักรากเหง้าของตัวเอง สอนให้เด็กเข้าห้องสมุด ทั้ง ๆ ที่ค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตได้ เพื่อไม่ให้เด็กมักง่าย ดังนั้น...ต่างประเทศเวลาจะเข้าห้องสมุด จะเห็นเด็ก ๆ ต่อคิวยาวเป็นกิโลเมตร เพื่อที่จะได้ใช้บริการ ไปพิพิธภัณฑ์ก็จะเห็นว่าต้องซื้อตั๋วตามรอบ ถ้าคุณไม่ซื้อตั๋วตามรอบ ก็ต้องไปเสี่ยงดวงว่าจะได้เข้าพร้อมกับใคร ซึ่งน่าจะไม่รู้จักกันเลย

    แต่บ้านเราไม่มีจุดนี้ ก็เลยทำให้เด็กรุ่นหลัง ๆ เป็นคนหลักลอย ไม่มีความภูมิใจในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่มีความภูมิใจในบรรพบุรุษของเราที่เอาเลือดเนื้อและชีวิตทับถม เพื่อให้ได้มาซึ่งแผ่นดินที่อาศัยอยู่ ไม่มีความภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมที่ต่างประเทศเขาชื่นชมเรา


    เรื่องพวกนี้จะว่าไปแล้ว อาจจะเกี่ยวข้องกับพวกเราน้อย แต่ก็ไม่ใช่..เพราะถ้าหากว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเขาให้ความสนใจขึ้นมาเมื่อไร เราสามารถที่จะดึงเขาเข้าหาทางธรรมได้ง่ายมาก คุณเห็นความดีของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว เห็นแล้วว่าทำชั่วไปไหน ทำดีไปไหน คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตนเอง

    แต่มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ถ้าวิสัยเดิมมีอยู่ เมื่อมาพบสิ่งทั้งหลายเหล่านี้แล้ว จะจุดประกายเหมือนอย่างกับเพาะเมล็ดพันธุ์ความดีเอาไว้ในใจของเขา ซึ่งจะต้องเกิดดอกออกผล ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ผมอาจจะไม่ได้อยู่ดู แต่มั่นใจว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเกิดดอกออกผลเมื่อไร จะทำให้ประเทศชาติของเราเจริญมั่นคง เพราะว่าเด็ก ๆ มีพื้นฐานทั้งความรู้ทางโลก และการปฏิบัติทางใจที่สำคัญยิ่งกว่าความรู้ทางโลกอีก ถ้าได้เห็นก็คงเป็นความปลื้มใจส่วนตัว ถ้าไม่ทันเห็น..ก็จะไปรอเชียร์ในวันที่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เกิดดอกออกผลต่อไป


    ขอเรียนถวายทุกท่านไว้แต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๔
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...