เรื่องนี้ เป็นเรื่องบุพการีของข้าพเจ้า ซึ่งในตอนนี้ ธาตุ 4กำลังแปรปรวนอย่างหนัก ซึ่งก่อนหน้านั้น ราวๆ 2 week ในนิมิตของข้าพเจ้า ได้ปรากฎ บุรุษทั้ง 4 ยืนทำท่าทางเหมือนจะทำอะไรสักอย่างคล้ายๆ จะรังวัดสร้างสิ่งก่อสร้าง ในระยะ 50-70 เมตร เยื้องๆ บุพการีของข้าพเจ้าทั้ง 2 แต่พอข้าพเจ้าได้ปรากฎกายขึ้น และเดินไปดู ว่าพวกเขาจะทำอะไรกัน ทำไมจึงเข้ามาในเขตที่ดินของครอบครัวของข้าพเจ้า พวกเขาดูเหมือนจะเกรงกลัวเกรงใจ อย่างไรอย่างนั้น พยายาม หันหลังหันข้างให้ข้าพเจ้า ไม่กล้าสบตาหรือพูดคุยกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงปล่อยให้พวกเขายืนเก้ๆกังๆแถวนั้น เพราะยังไม่เห็นการปฎิบัติอื่นๆอันใด เวลานี้กำลังจักได้ก้าวเข้ามาถึงแล้ว บุพการีของข้าท่านนี้ ศิริอายุรวม92ปีแล้ว ในตอนนี้กำลังรอข้ากลับไปดูใจ ข้าถึงได้เข้าใจ ว่า เทวทูตเหล่านั้น! แจ้งเตือนและมารอรับ บุพการีของข้า บุรุษผู้รักข้ามากและเป็นบุรุษผู้กล่าววาจาภาษิต กล่าวถ้อยคำน้อยที่สุด เท่าที่ข้าเคยพบ และคงมีแต่คนบ้าใบเพียงเท่านั้นที่จะพอเทียบเคียงในการพูดน้อย ของบุพการีของข้านั้นได้ ตอนนี้ ข้ากำลังเดินทาง แต่คืนวานก่อนที่ข้าจะได้ทราบข่าวการล้มป่วยเพราะสังขารร่วงโรย ข้าได้พักอยู่ในสถานที่1 ในจังหวัดพัทลุง ข้าได้ ทำการตัดศรีษะของผู้เป็นพาล 1 ใน 3 คนนั้น ที่เข้ามาก่อกวน นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ข้าได้ตัดศรีษะผู้อื่นในนิมิต ศรีษะแรก คือ พยานาคราชในเมืองบาดาล ถูกข้าตัดศรีษะด้วยพระขรรค์แก้ว ภายในดาบเดียว(ลูกตาสีเขียวขนาดเท่าผลตาล )นั่นคืออัตราส่วน 1/10 ของขนาดลำตัว เมื่อคืนวาน ศรีษะที่ 2 ก็พวกมารมาก่อกวน ข้าได้ตัดศรีษะขาดกระเด็นด้วยดาบเดียว ด้วยดาบเสมือนคาตานะที่ข้าพเจ้าใช้อยู่ในปัจจุบัน ขนาดความสูงก็ราวๆ 2 เมตร ตัวใหญ่สุด อีก 2 ตนที่เหลือเห็นดังนั้นจึงผละหนีไป ตอนนี้ข้าพเจ้ากำลังเดินทางกลับไปมอบพระปริตรแด่บุพการีของข้าพเจ้าผู้ที่กำลังถึงจุดขีดสูงสุดของลมหายใจ ตระกูลของข้าแม้ตายก็จะไม่ยอมให้บอกกล่าวในบุคคลข้างหลังนั้นได้เป็นทุกข์ แต่การที่จะไม่รู้อะไรเลย นั้นจะเป็นความน่าเสียใจยิ่งกว่า เทวทูตทั้ง 4 เอย พวกเจ้าจงรอให้เราไปถึงเพื่อทำกิจของบุตรให้สำเร็จก่อนเถิด "อภยปริตรทำนองทิพยวิเศษบริสุทธิธรรม"เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อคติที่ไปอันเป็นทิพย์อันยิ่งขึ้นไป จบเรื่องเทวทูตทั้ง 4 มารอรับ ขออนุโมทนาฯ
New เตี่ยเสียชีวิตแล้วครับ เมื่อเช้านี้ช่วงที่เราเปิดเพลงธรรมะ เอาธูปเทียนทิพย์หอมๆ มาฟุ้งทั้งบ้านเลย คงดีใจน่ะครับ เพราะได้เปลี่ยนภพเปลี่ยนชาติให้
"ความฝัน" ในทางพระพุทธศาสนา "ความฝัน" ในทางพระพุทธศาสนา มี 4 ประเภท คือ จิตนิวรณ์ เทพสังหรณ์ บุพนิมิต และธาตุพิการ แต่ละประเภทจะเป็นอย่างไร ? โดย Pansasiri 20 เม.ย. 2559 - 14.12 น. , แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 2559 - 00.21 น. "ความฝัน" ในทางพระพุทธศาสนา ความฝันมีหลากหลายรูปแบบ บางครั้งฝันร้าย บางคราฝันดี บางทีฝันแล้วหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุการณ์เหมือนกับในความฝันขึ้น พระพุทธศาสนาแบ่งความฝัน เป็น 4 ประเภท ดังนี้ 1. ประเภทจิตนิวรณ์ จิตนิวรณ์ คือ เมื่อเราตรึกตรอง เรื่องอะไรอยู่เป็นเวลานาน พอหลับก็เก็บเอาไปฝัน หรือตอนกลางวันหมกมุ่นอยู่กับเรื่องอะไร ตอนกลางคืนก็เก็บเอาไปฝัน ถ้าคิดเรื่องดี ๆ ฝันก็จะบรรเจิด แต่ถ้าเราวิตกกังวล เรื่องนั้นเรื่องนี้มากไป พอหลับก็จะฝันร้าย ความฝันในรูปแบบนี้ไม่ใช่สาระ คือไม่เป็นความจริง แต่เกิดจากใจของเราที่ยังผูกพันเกาะเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ อยู่จึงเก็บเอามาฝันนั่นเอง 2. ประเภทเทพสังหรณ์ คือ เทวดามาเข้าฝันดลใจ จริง ๆ แล้วเรามีเทวดารักษาคุ้มครอง โดยเฉพาะคนที่ทำความดีมาก ๆ สาเหตุหนึ่งเพราะเทวดาเขารู้ว่าตนเองเป็นเทวดาได้ด้วยบุญ ดังนั้น เขาจึงอยากได้บุญ แต่เทวดาเป็นกายละเอียด อยู่ในช่วงเสวยผล เข้าไปทำบุญเองไม่ถนัด ถ้ามนุษย์คนใดเป็นคนดี เขาก็จะมารักษาปกป้องให้ เขาจะได้มีส่วนแบ่งบุญด้วยในฐานะผู้สนับสนุน ถ้าสังเกตดู จะพบว่า บางคราวเราจะรอดชีวิตอย่างหวุดหวิด หลายครั้งก็เพราะเทวดาดลใจให้แคล้วคลาดปลอดภัย 3. ประเภทบุพนิมิต บุพนิมิตคือ ความฝันที่มักจะเกิดกับผู้มีบุญ จึงมีความเป็นไปได้ร้อยเปอร์เซ็นเต็ม ยกตัวอย่าง ฝันของพระนางมหาสิริมายา ในตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะจะเสด็จเข้าสู่พระครรภ์ พระนางฝันว่ามีช้างเผือกมาเวียนประทักษิณรอบปราสาท แล้วเข้าไปในครรภ์ของพระนาง นี่เองว่าเป็นบุพนิมิตว่าจะมีผู้มีบุญมหาศาลมาถือกำเนิด แล้วเป็นความฝันที่เกิดขึ้นจริงในเวลาต่อมา 4. ประเภทธาตุพิการ ธาตุพิการคือ อาการที่เราเผลอไปกินอะไรไม่ดีแล้วป่วยไข้ไม่สบาย ถึงคราวกลางคืนบ้างก็ฝันว่าตกเหว พอตื่นมาเหงื่อโซกไข้ขึ้น เป็นต้น ความฝันลักษณะนี้ไม่แม่น เพราะเป็นฝันที่เกิดจากสภาวะร่างกายที่ไม่ปกติ ความฝันทั้ง 4 รูปแบบ จิตนิวรณ์ เทพสังหรณ์ บุพนิมิต และธาตุพิการนั้นมีความแตกต่างกัน ความฝันประเภท "จิตนิวรณ์" และ "ธาตุพิการ" เชื่อถือไม่ได้ และความฝันประเภท "เทพสังหรณ์" เชื่อถือได้แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนความฝันประเภท "บุพนิมิต" นั้นมีความแม่นยำมาก อ้างอิงหนังสือ ขัดเกลาความคิด โดยพม.สมชาย ฐานวุฑฺโฒ M.D.,Ph.D. ขอบคุณภาพจาก www.google.com - https://www.winnews.tv/news/2401
นิมิตต่อมา ในคืนวันที่ 3 ธ.ค.ขณะที่ข้าได้หลับนอนระหว่างการเดินทาง ทางรถไฟ และทำสมาธิก่อนนอน ข้าได้สวดมนต์บทปรัชญาปารามิตาสูตร ธิเบต โปรดสัตว์ที่กำลังเน่าเปื่อยผุพังในความฝัน หลังจากนั้นเขาได้ฟื้นคืนชีพ ซึ่งเป็นวันที่ได้รับข่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงดับขันธปรินิพพาน นอกจากพระกวนอิมมาสอนเรื่องการแสดงธรรมโดยอนุปุพพิกถาแก่ผู้อื่น มาครานี้ข้าท่องมนต์บทนี้เอง เป็นครั้งแรกในชีวิต
ในนิมิต แบกโลงหิน ขึ้นชูสูงเหนือศรีษะ แห่งมารดาของข้า ใกล้เข้ามาแล้ว ผู้ทรงผ้าขาวถือบาตรดิน อนาคาริกไร้บ้านอย่างข้าเพื่อล้างมลทินและความชั่วในจิตใจ ใกล้หนทางเข้ามาเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าสู่ผ้ากาสาวพัสตร์ อีกไม่นาน! ข้าผู้ เสขะปฎิสัมภิทา จะปฎิบัติหน้าที่ ตามกรรมจัดสรร ที่ได้กล่าวไว้นับพันราตรี ถึงเวลาปรากฎตัว จาริกแสดงธรรมอันประกอบโลกุตระธรรมขั้นสูง ตามคุณสมบัติ ๕ ประการ อันเป็นผู้ถึงศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติและวิมุตติญานทัสสนะ ได้ด้วยตนเอง สัตว์เหล่าใด มีบุญวาสนา ย่อมได้พานพบจรดธรรม ในห้วงกึ่งพุทธกาลนี้
บันทึกไว้: 9/12/63 เมื่อจิตตั้งมั่นจะออกจาริกแสวงบุญก่อนแล้วจึงบวชเป็นภิกษุ ทิพยจักษุของเริ่มปรากฎขึ้นแล้ว เป็นตาทิพย์ขณะที่นอนตะแคงซ้ายพิจารณาธรรม สามารถสอดส่องเห็นภาพไปทั่วทุกสารทิศ และไปหยุดตรงที่ดวงอาทิตย์สีเงิน ก่อนวันพระ1วัน เมื่อวาน อีกไม่นานนัก!! เวลาทางโลกแค่ชั่วพริบตา
จากคนไข้ที่ธาตุ ๔ แตก ไม่รู้สึกตัว เมื่อได้รับการฟังบทสวด" อภยปริตร ที่อาราธนาโดยข้าพเจ้า สามารถฟื้นตัว มาเขียนตัวหนังสือ และสั่งเสียได้ " นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่สามารถทำให้ผู้เจ็บไข้ได้ป่วยสามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนที่ได้ แม้แต่เราสมัยบวชก็เคยสวดให้แม่พระที่ป่วยจากการผ่าตัดอวัยวะภายใน นอนติดเตียง ออกจากโรงพยาบาลมาถวายสังฆทานในวันรุ่งขึ้นแก่เราก็มีมาแล้วเมื่อปี ๕๔ บทสวดนี้มีผลสังเกตุได้สองแบบได้ผลแม้กับสัตว์เดรัจฉานก็ตาม ● ๑.ส่งตาย ไม่ทรมานรู้กาละ ● ๒.รักษาฟื้นฟู ●๓.อุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ ● ๔.อนุโมทบุญให้แก่ผู้ยังมีชีวิตอยู่ ●๕.อาราธนาเพื่อคุ้มครองตนเองและผู้อื่น ผู้ใดปรารถนาสิ่งใดตามนี้ จงพึงสวดตามทำนองนี้โดยตั้งจิตอธิษฐานให้มั่นคง