ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    (4 ส.ค.) น้ำยากลั้วคอ (โพวิโดนไอโอดีน) เกลี้ยงแผง หลังผู้ว่าโอซาก้าแถลงช่วยลดปริมาณเชื้อโควิดได้

    ผู้ว่าโอซาก้ารายงานผลการทดสอบจากคนติดเชื้อ 41 ราย พบว่าการให้กลั้วคอด้วยน้ำยาที่มีส่วนผสมของโพวิโดนไอโอดีนวันละ 4 ครั้ง ได้ผลว่า ปริมาณเชื้อไวรัสในน้ำลายลดลง

    ในทวีตมีทั้งคนเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย มีบุคลากรทางการแพทย์ท่านหนึ่งเตือนว่า  จะบ้วนที่บ้านก็ได้ แต่อย่าบ้วนในห้องน้ำสาธารณะ มันจะกระจายเชื้อ

    ชาวเพจส่งภาพใกล้บ้านมาให้ชม เกลี้ยงเลยค่ะ...

    ในเว็บขายของอย่างเมลคาริ ราคาอัพไปไกลมาก ขายดิบขายดี....

    ขอบคุณภาพ: Miyane Ya / Mercari / ชาวเพจ / N star

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #โควิด19

     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #ข่าวด่วน (4 ส.ค. ) โตเกียววันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 309 ราย

    ช่วง 3 ส.ค. - 31 ส.ค. ผู้ว่าขอร้านขายแอลกอฮอล์และคาราโอเกะปิดเร็วขึ้น (ปิดช่วง 22:00 - 05:00 ส.)

    เนื่องจากโตเกียวตอนนี้แทบไม่มีเงินแล้ว จึงขอความร่วมมือให้เงินแค่ 200,000/ร้าน ซึ่งหลายแห่งก็บอกว่าไม่ไหวหรอก

    อันนี้สถิติช่วงเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา : โตเกียวการติดเชื้อเกิดจากคนในครอบครัว‍‍‍ > เที่ยวกลางคืนแล้ว

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
    #เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #COVID19 #โควิด19

    ภาพ/ข่าว/ข้อมูล: NHK / every / NTV

     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #ข่าวสั้น (3 ส.ค.) 3 จังหวัดที่ประกาศภาวะ/สถานการณ์/เตือนภัยฉุกเฉินเกี่ยวกับโควิด-19 แล้ว ได้แก่ โอกินาวะ กิฟุ และ มิเอะ

    จังหวัดต่าง ๆ เริ่มออกมาตรการของตนเอง โดยตอนนี้ รายละเอียดของกฎจะแยกย่อยไปตามแต่ละจังหวัด

    โอกินาวะ ผู้ว่าเผยว่า “จะทำทุกอย่างไม่ให้ระบบการแพทย์ล้มเหลว” โดยยอด occupancy ของเตียงอยู่ที่ 129.9% (เกิน 100% ไปเรียบร้อยแล้ว) ตอนนี้ทั้งขอความร่วมมือหลีกเลี่ยงการออกจากบ้านโดยไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ปิดร้านเร็วขึ้น เป็นต้น

    จ. ไอจิเอง ผู้ว่าฯ ก็พูดถึงการเตรียมประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นเดียวกัน

    รัฐบาลมองว่ายังไม่จำเป็นที่จะต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ

    ✒️แอดคิดว่ารัฐบาลมองภาพเศรษฐกิจในองค์รวม ว่าจะต้องหมุนไป ดังนั้นคงจะยกหน้าที่ป้องกันการระบาดของโรคให้เป็นของคนในท้องถิ่นต่อไป 

    #กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #โควิด19

     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    *** ข่าวด่วน ! ... รบกวนเตือนญาติ-เพื่อน ...สายพันธุ์ใหม่ในเวียตนามระบาดเร็วมากกระจายไป 3 ทอด ติด 220 กว่าคน ตายรวดเดียว 8 คน แถมดูรุนแรงมากกว่าเก่า เพราะแค่ไม่กี่วัน แพร่ไปหลายจังหวัด ...

    ไทยควรระวังต่างชาตินำเข้าเชื้อสายพันธุ์ใหม่แบบเวียตนามโดนกันจะจะเห็นเห็นต่อหน้าต่อตา !!!

    ---> ---> รัฐบาลเวียตนามเผยว่า เริ่มตามผู้ติดเชื้อรุ่นใหม่ไม่ทัน เพราะสายพันธุ์นี้กระจายไวมาก 1 คนกระจายไป 5-6 คน (คล้ายในสหรัฐ ยุโรป บราซิล อินเดีย)

    https://www.reuters.com/article/us-health-coronavirus-vietnam-idUSKBN24Y0CL

    *** คาดว่าติดจากชาวต่างชาติลอบเข้าประเทศ !!
    (ข่าวสรุปจากใน Wikipedia)

    https://en.wikipedia.org/wiki/COVID-19_pandemic_in_Vietnam

    ..........

    ---> ---> ชายแดนไทยมีผู้ลักลอบเข้ามาตลอดเวลา น่าจะจับได้มากมาย แต่ตรวจไม่เจอเชื้อเลย ?!?

    ที่จับไม่ได้หลุดเข้ามาทำงานแล้วอีกเยอะพอควร

    สายพันธุ์นำเข้านั้นโหดของแท้แน่นอน

    สายพันธุ์เก่าที่เวียตนามติดพร้อมไทยไม่ตายสักคนเดียว ...

    ศบค คนไทยประมาทไม่ได้เลย

    #เอเซียนCovid19

    #VietnamCovid19 ตอนที่ 2 - เวียตนามเจอ Covid19 สายพันธุ์ใหม่ เหมือนเอาไม่อยู่ !!!

    #ความลับCovid19 ตอนที่ 63 - สายพันธุ์ใหม่กระจายไวมากกว่าเดิม 3-6 เท่า

    ถ้ารีบตรวจ รีบกักคนในวงกว้าง รีบออกข่าว ประชาชนก็รีบระวังตัวได้ ก็อาจจะเอาอยู่แบบจีน

    ถ้าปิดข่าวแบบเดิมๆ + ปชช การ์ดตก ไม่ระวังตัว สงสัยกระจายได้หลายหมื่นหลายแสนคนแน่ !!

    .............

    เวียตนามตอนที่ 1 - วิจัยจากเวียตนามที่ทำให้รู้ว่า ถ้ารีบกัก รีบตรวจ ก็ติดเชื้อแค่ 270 คน แล้วหยุดมาได้ 100 วัน ตามอ่านได้ที่โพสต์นี้



    .............

    ย้อนไปดูของเก่านิดนึง พอดีมีผู้อ่านถามมาว่า ทำไมเวียตนามถึงไม่ติดอันดับต้นๆ แบบไทยที่ได้ที่ 1 ในการคุมไวรัส

    ก่อนจะเข้า "มหากาพย์ไวรัสมฤตยูตัวจริงบุกเวียตนาม"

    .........

    เห็นเวียตนามทำวิจัยมาอย่างดี คุมตัวเลขติดเชื้อได้ดีมากๆ ประเทศนึงของโลกเลย ช่วงที่เขาติดเชื้อ 300 เราติดไป 3000 คน ทั้งที่เขามีประชากรเกือบ 100 ล้านคน แต่ทำไมอันดับแพ้ไทยหลุดไปอันดับที่ 31 ก็น่าแปลกใจการจัดอันดับเหมือนกัน

    ส่วนลาวนั้น ติดเชื้อไป 20 คนรวม 1 คน ล่าสุด และไม่มีคนตายเลย อยู่อันดับ 33

    นี่ถ้าให้เครดิตว่าทุกรัฐบาลส่งตัวเลขจริงมาพอๆ กัน คือ 70-80%

    เวียตนามกับลาวอันดับค่อนข้างต่ำเทียบกับการที่เขาคุมตัวเลขติดเชื้อ และเสียชีวิตได้ค่อนข้างดี ก่อนหน้านี้

    พม่าติดเชื้อ 355
    (ได้จากไทยส่งผู้ติดเชื้อกลับไปให้ประมาณ 30 คน)

    กัมพูชา 240

    บรูไน 140 คน

    .........

    เอเซียนฝั่งที่ติดเชื้อเยอะ

    อินโดนีเซีย 115,056 (ตาย 5,388 คน)

    ฟิลิปปินส์ 112,593 (ตาย 2, 115 คน)

    สิงคโปร์ 53,346 (ตาย 27 คน)

    ...........

    *** ของสิงคโปร์ ที่น่าจะเป็นโมเดลที่อาจจะดีที่สุดอีกอัน คือตรวจจริงโดยละเอียด โดยไม่สนตัวเลข 0 เลย เขาพยายามตรวจหาไปเรื่อยๆ

    ติดเชื้อในกลุ่มแรงงานที่พักอยู่รวมกัน เจอวันละ 200-400 คน

    ติดเชื้อในประชากรเขา วันนึงตรวจเจอแค่ไม่กี่คน ... แต่พยายามตรวจหาให้เจอจริงๆ
    https://www.moh.gov.sg/news-highlights/details/295-new-cases-of-covid-19-infection

    ...............

    เวียตนามในวิจัย 270 คนแรก ไม่มีเสียชีวิตเลย

    เลยขอแอบสรุปว่า

    อันดับนั้น ผู้จัดทำคือมาเลเซียคงใช้แนวการคิด ข้อบ่งชี้ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อหลายประเทศรวมถึงไทย กับมาเลเซีย

    ..............................

    "มหากาพย์ไวรัสมฤตยูตัวจริงบุกเวียตนาม

    ..............................

    เวียตนามล่าสุด 652 คน

    หลังจากนั้น ก็เหมือนไทย ไม่มีติดเชื้อในประเทศ มีแต่นำเข้า แต่คุมได้ดีมาตลอด

    จนล่าสุด !!

    23 กค. ลุงอายุ 57 ปีเป็นเคสที่ 417 แต่เป็นเคสในประเทศ Case แรกในรอบ 100 วัน ที่มีแนวโน้มน่าจะติดจากคนจีน หรือต่างชาติที่แอบเข้ามาเวียดนาม (จาก Wikipedia) และน่าจะเป็นสายพันธุ์ใหม่

    เพราะกระจายไวมาก ช่วงแรก

    26 กค. มีผู้ติดเชื้อจาก รพ. ดานัง 2-3 เคสทั้งที่รีบปิด รพ. ตั้งแต่วันที่ 24 กค. ก็ยังไม่ทัน แสดงว่าติดจากลุงอายุ 57 ปีในวันที่ไปตรวจเลย

    27 กค. พบเพิ่ม 11 เคสรวด 4 คนเป็นบุคลากรใน รพ. ดานัง 7 คนเป็นคนไข้ตามแผนกต่างๆ

    28 กค. ดานังพบ 3 เคส เริ่มไปจังหวัด Quang Nam 3 เคส แสดงว่าปิดเมืองไม่ทัน

    29 กค. กระจายไป 4 จังหวัด 12 คน ดานัง 8 คน โฮจิมินห์ 2 คน ฮานอย และดักลักจังหวัดละ 1 คน

    30 กค. พบ 3 จังหวัด 5 คน

    31 กค. คราวนี้พบ 82 เคส 5 จังหวัด ดานัง 45 คน ฮานอย 20 คน 8 คนใน Quang Nam

    รวมติดเชื้ิอไป 533 คน (เพิ่มรวดเดียว 117 คนใน 1 สัปดาห์ กระจายไป 6 เมือง)

    วันที่ 1-3 สค. 3 วัน ติดเพิ่มอีก 106 คน รวม 10 วันติดไป 223 คน

    นับแต่วันที่ 1 สค. มารอบนี้ ตายรวดทีเดียวถึง 8 คน

    ตามไล่ดูในเวบกระทรวงสาสุขของเขา ผู้ตายอายุ 53-80 กว่าปี ส่วนใหญ่ 60กว่า - 70 กว่า ปี

    เหมือนสายพันธุ์ใหม่จะกระจายไว รุนแรงกว่าในอดีต อาจจะโจมตีปอด หรือหัวใจมากกว่าปกติหรือเปล่า ?!?

    ...............

    ไทยอย่ากระพริบตาเด็ดขาด !!!

    เวียตนามจับแก๊งลักลอบขนคนเข้าประเทศได้ และสงสัยจะเป็นคนจีน (หรือชาติอื่นที่ลักลอบเข้าเวียตนาม) ที่อาจจะแพร่เชื้อให้ลุงเคส 417

    ในกรณีทหารอียิปต์นั้น ได้ตามตรวจ "ทุกคน" ที่พักในโรงแรมเดียวกับทหารอียิปต์ แล้ว "กลับจังหวัดตัวเอง" หรือไม่ ?!? ... ได้ตรวจทุกคนที่ใกล้ชิดกับทหารอียิปต์ที่ออกจากระยอง กับพัทยาในวันนั้นที่กลับ ตจว หรือไม่ ?

    หรือ "ตรวจแต่คนในระยอง ?!?"

    มีข่าวลือเล็กๆ ว่า มีคนที่พักในโรงแรมเดียวกัน พอได้กลับจังหวัดตัวเอง เหมือนเริ่มมีอาการ แต่เหมือนจะไม่ได้ไปตรวจ มีหรือไม่ ?!?

    กลัวจะเหมือน Danang Effect ตูมเดียว 6 จังหวัดเลย

    .....

    รายละเอียดของเวียตนามอ่านในเวบกระทรวงสาธารณสุขของเวียตนาม

    https://ncov.moh.gov.vn/

    กับใน

    https://en.wikipedia.org/wiki/COVID-19_pandemic_in_Vietnam

    .

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    *** เปิดเผยที่แรก !! ... เวียตนามคุมเชื้อเป็น 0 ได้ 100 วัน แบบข้อมูลเปิดเผยต่อชาวโลกได้ ว่าทำกันอย่างไร ไม่ใช่บังเอิญ ... อ่านล้วงลึกๆ แล้วเข้าใจว่า ทำได้เพราะอะไร !?!

    #เอเซียนCovid19

    #VietnamCovid19 ตอนที่ 1 - เวียตนามเอาชนะ Covid19 ในช่วงแรกเพราะรีบทำทุกอย่าง ตามที่จีนเตือนมา

    #ความลับCovid19 ตอนที่ 64 - เอาชนะ Covid19 จริงๆ ทำไม่ยาก ... ปิดเมือง "ติดตามผู้ใกล้ชิดทั้งมากทั้งน้อยให้มากที่สุดไวที่สุดแล้วรีบให้กักตัวเดี่ยวจริงจัง และตรวจเชื้อ"

    แต่ถ้าคิดมากจนช้าไปหมดทุกอย่าง เชื้อก็กระจายไปพร้อมคนที่เดินทางไปทั่วประเทศ

    ..............

    ไทยก็ว่าเก่งได้ที่ 1 ที่ 2 ที่จัดโดยสถาบันจัดลำดับของมาเลเซีย ... พอย้อนไปอ่านข้อมูลเวียตนามว่าทำอย่างไรถึงคุมติดเชื้อในวงแคบมาก 270 คน แถมนิ่งมากอยู่ 3 เดือนกว่า ถึงรู้ว่า เวียตนามทำดีกว่าเราอีก ...

    เราปล่อยเชื้อกระจายในวงกว้าง จึงลามจาก 200 กลายเป็น 3000 กว่า เสียชีวิตเกือบ 60 คน มีเคสติดเชื้อหลุดไปไม่ได้ตรวจมากพอควร

    แม้ท้ายที่สุดก็โป๊ะแตกเมื่อไม่กี่วันมานี้ แถมเป็นคนเวีตนามเองที่ไม่รู้ติดเชื้อจากที่ไหนด้วย

    แต่ต้องบอกว่า อ่านแนวทางเขาแล้ว กล้าคิดกล้าทำแบบที่จีนทำตอนสู้ที่สมรภูมิ WUHAN จริงๆ

    เขาใช้อำนาจสูงสุดเมื่อชาติต้องการ พอดีเวลาที่จำเป็น แถมใช้เป็น ผลเลยออกมาดีมาก

    *** ของไทยก็ว่าทำดี เขาทำได้ดีกว่าเรา 10 เท่าเลย

    *** ของเขาเริ่มระบาดใกล้เคียงกับเรา แต่คุมได้อยู่หมัดใน 2 จังหวะเลย

    *** เชื้อสายพันธุ์ที่ระบาดในเวียตนามน่าจะสายพันธุ์เดียวกับเรา สั่งตรงมาจาก WUHAN เป็นหลัก กระจายได้ไม่ไวมาก

    *** การรีบทำทุกอย่างเขา ทำให้อัตรากระจายเชื้อ เป็นแค่ 1 นิดหน่อย และน้อยกว่าในบางจังหวะที่มาตรการเข้มมาก

    ..............

    มีข้อสรุปที่น่าสนใจประมาณนี้ครับ

    1. เนื่องจากรีบกักตัวผู้ที่บินเข้ามา และผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ที่บินเข้ามา แล้วกักตัวที่สนามบินไม่ทัน

    อัตราส่วนผู้ติดเชื้อของ "ผู้ที่นำเชื้อเข้ามา" จะมากถึง 60% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด (163 คนจาก 270 คน)

    ผู้ติดเชื้อแทบจะไม่มีโอกาสเอาเชื้อไปแพร่ในสังคมเลย

    2. แถมเรียกผู้ที่อาจใกล้ชิดผู้ติดเชื้อมากักตัวแบบเอาจริงเอาจังได้ถึง 200000 กว่าคน

    3. เขาร่วมมืออย่างดีในระดับองค์กรแพทย์ หน่วยงานรัฐต่างๆ ในการเก็บข้อมูล ทำวิจัย ดูจากรายชื่อที่เขาลงมาในรูป 7

    4. ผลที่ตามมา ของการรีบกักตัวทำให้ไม่มีติดเชื้อในผู้สูงอายุค่อนข้างน้อย คนที่ติดเชื้อที่มาจากต่างประเทศอายุเฉลี่ยแต่ 27 ปี คนที่ติดเชื้อในประเทศมีอายุเฉลี่ย 41 ปี

    อายุเฉลี่ยทั้งหมดประมาณ 30 ปีนิดๆ

    ทำให้อัตราเสียชีวิตเป็น 0% (แต่จริงๆ อาจจะมี แต่ตรวจไม่เจอ หรือเจอแต่ไม่รายงานก็อาจจะมีบ้าง ก็เป็นได้

    5. เคสไม่มีอาการ (Asymptomatic Carriers) พบ 43% ถือว่าเยอะแบบเจอจริงๆ ไม่ใช่ Pre Asymptomatic เพราะตามจนจบก็ไม่มีอาการเลย

    เจาะลึกไปดูตารางด้วยตัวเองพบว่า อายุประมาณ 20-40 มีโอกาสเป็นกลุ่มไร้อาการมากที่สุด

    กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ไทยหาเจอไม่ครบ ส่วนนึงเราใช้ความสมัครใจในการชวนผู้ที่อาจใกล้ชิดผู้ติดเชื้อมารับการตรวจหาเชื้อ แต่เวียตนามรวมหมด และให่กักตัวหมด ไทยจึงอาจจะขาดกลุ่มนี้ไปพอควร เพราะเขาไม่มีอาการ เลยไม่มาตรวจกัน

    6. ในกลุ่มผู้ติดเชื้อที่เข้ามาจาก ตปท มี 110 คน ตรวจเจอที่สนามบิน อีก 53 คนไปตรวจเจอในสังคม เพราะยังไม่ได้เริ่มการปิดสถานที่ หรือล็อกดาว่น์

    7. เฉพาะในกลุ่มที่มีอาการทั้งหมด 25% มีอาการก่อนเข้ามา Quarantine (ได้ตรวจเชื้อทุกคน)

    75% มามีอาการหลังเข้ามา Quarantine

    นี่เป็น 1 ในหลักฐานของการ Early Isolation and Detection

    8. จากการจับคู่ผู้กระจายเชื้อ-ผู้รับเชื้อ 33 คู่ พบว่าค่าเฉลี่ยในการกระจาย-รับเชื้อประมาณ 3 วันหลังผู้แพร่เชื้อมีอาการส่วนใหญ่ไม่เกิน 5 วัน

    28% ของการแพร่เชื้อ เกิดในตอนผู้กระจายเชื้อจะมีอาการ

    9. อัตราการกระจายเชื้อ คือประมาณ 1.15 จะลดลงชัดเจนตามมาตรการหลักของรัฐ

    10. การเรียกคนมากักตัว Quarantine นั้น เวียตนามเรียกมากักทั้งผู้ใกล้ชิดมาก (Primary Contact) xและผู้ใกล้ชิดอีกขั้นนึง (Secondary Contact) ซึ่งเวียตนามบอกว่า ไม่มีใครทำยกเว้นเขาทำเจ้าเดียว

    11. อัตราการตรวจเจอผู้ติดเชื้อในช่วงนั้น คือตรวจ 1000 เทสต์เจอติดเชื้อ 1 คน (หรือ ตรวจ 200 คนเจอติดเชื้อ 1 คน ? ... ประโยคหลังนี้แปลมา แต่ยังไม่เข้าใจนะครับ)

    12. เขาเน้นการใช้ประวัติเสี่ยงเรียกคนมากักตัว มาตรวจเทสต์ มากกว่าดูที่อาการ ซึ่งอันนี้ตรงข้ามกับที่ไทยใช้ คือ เราเอาอาการนำด้วย เลยทำให้มีเคสหลุดการกักตัว หรือหลุดการตรวจเทสต์ไปหลายคนในหลายช่วงเวลา

    13. ถ้าไม่ทำตามนโยบายทุกอย่างแบบจริงจัง แข็งขัน 100% (ไม่มีข้อยกเว้นแบบ VIP หรือมีหน่วยงาน บุคคลที่รับผลประโยชน์แบบที่ไทยมีมาก) ก็จะมีเคสหลุดไปกระจายเชื้อแบบเงียบๆ ได้

    เขาใช้คำว่า Silently Transmission เหมือนที่เพจพยายามเตือนมานับครั้งไม่ถ้วน

    .......

    The first 100 days of SARS-CoV-2 control in Vietnam

    Clinical Infectious Diseases

    Published: 01 August 2020

    https://academic.oup.com/cid/article/doi/10.1093/cid/ciaa1130/5879764?searchresult=1

    ......

    *** ข้อสังเกตส่วนตัว - ดูเหมือนในการปกครองแบบไม่ ปชต เหมือนจะสู้กับโรคติดต่อแบบไวรัสกระจายไวได้ดีกว่าประเทศ ปชต (ไม่ว่าจะเต็มใบ ครึ่งใบ) หรือเปล่า ?!? ... เพราะสั่งงานซ้ายหันขวาหันได้จริงๆ ใครไม่ทำ ใครชักช้า รับสินบน เจอลงโทษสถานหนักได้

    ใช้กฎหมายบังคับให้หมด ทั้งใส่มาส์ก เรียกคนมากักตัว ตรวจเทสต์ ... ได้ผลดีในภาวะภาวะฉุกเฉินเร่งด่วนแบบโรคระบาดเกิดใหม่ที่กระจายง่าย

    อำนาจบริหารสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะช่วงภาวะฉุกเฉิน อาจจะไม่ได้สำคัญที่สุดว่าได้มาอย่างไร แต่อยู่ที่ตอนได้มาแล้ว ใช้เป็น ใช้ถูกต้อง เหมาะสมแค่ไหน อย่างไร

    ได้แต่เห็นประเทศ ปชต โดนไวรัสถล่มหนักๆ เรียงตัวไปทีละประเทศ

    สิทธิเสรีภาพนั้นมีข้อดีมากมาย แต่ตอนไวรัสระบาด ปชต สิทธิเสรีภาพที่ใช่ผิดจังหวะ ก็ส่งผลเสียได้เหมือนกัน จนอาจจะทำร้ายผู้คนได้

    ที่เขียนมา ก็ไม่ได้บอกว่าระบบปกครองแบบอื่นดีงาม เพียงแต่จังหวะไวรัสระบาด มันบังคับใช้ กม. มาช่วบสู้ไวรัสง่ายกว่าแค่นั้น

    .

     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    BrandThinkQuote:
    .
    “เมื่อคุณมองข้ามกำแพงสูง 1 นิ้วที่ชื่อว่า 'ซับไตเติ้ล' คุณจะได้ค้นพบกับหนังดีๆ อีกมากมาย”
    .
    อีก speech อันจับใจจาก บอง จุน โฮ ผู้กำกับภาพยนตร์ Parasite บนเวทีงานประกาศรางวัล Golden Globes 2020 หรือลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 77
    .
    อย่างที่หลายคนรู้กันว่า บอง จุน โฮ สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ในระดับดีทีเดียวเลย และการรับรางวัลบนเวทีระดับนี้มักจะต้องมีการเตรียมพร้อมอยู่แล้ว แต่ บอง จุน โฮ กลับเลือกที่จะพูด speech นี้เป็นภาษาเกาหลี โดยการให้ล่ามแปลเป็นภาษาอังกฤษแทน คาดว่าเป็นการแสดงพลัง และความหลากหลายในภาษาของวงการภาพยนตร์รวมถึงโลกใบนี้

    อ้างอิง: https://bit.ly/3gnhMsV

    #parasite #ชนชั้นปรสิต #BrandThinkQuote #BrandThink
    #พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
    #CreateaBetterTomorrow
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme
    YouTube: youtube/BrandThinkMe

     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    NEWS: รู้ไหม ตอนนี้ทุก 4-5 วัน จะมีคนติดโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 1 ล้านคน
    .
    ในเมืองไทย เรียกได้ว่าตอนนี้ถ้าไม่ใช่บุคลากรด้านสาธารณสุขหรือรัฐบาล แทบไม่มีใครจะใส่ใจกับ COVID-19 จริงๆ จังๆ แล้ว เพราะในบ้านเราสถานการณ์ COVID-19 อยู่ในระดับ “ควบคุมได้” ในระดับสูงมากๆ ซึ่งระดับความสำเร็จนั้นขนาดองค์การอนามัยโลกจะมาทำสารคดีด้วยซ้ำ
    .
    อย่างไรก็ดี เราอยากให้ทุกคน “พักสายตา” จากบ้านเราสักหน่อย และมอง COVID-19 ในระดับโลก
    .
    นี่จะทำให้เราเห็นว่า แม้ว่าในบ้านเรา COVID-19 ดูจะแทบไม่ดำรงอยู่ แต่มันก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ในระดับโลก โดย ณ ขณะนี้ในตอนกลางเดือน กรกฎาคม 2020 ทุกๆ วันจะมีผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 200,000 คน และบางวันผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเกิน 250,000 คนด้วยซ้ำ (ไปดูสถิติผู้ติดเชื้อรายวันทั่วโลกได้ที่: https://bit.ly/2PiGL4P)
    .
    หรือพูดง่ายๆ ทุกๆ 4-5 วัน จะมีคนติด COVID-19 เพิ่มขึ้น 1 ล้านคน ซึ่งถ้าการระบาดมันคงอัตรานี้ ทุกๆ เดือนเราจะมีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นประมาณ 6-7 ล้านคน
    .
    ก็คงไม่ต้องบอกว่าตัวเลขมันไม่น้อยเลย ตัวเลขมันน่ากลัวสุดๆ และมันไม่เคยหนักขนาดนี้มาก่อนเลยในช่วงก่อนหน้านี้
    .
    แค่ตอนนี้ คนบ้านเราไม่ค่อยสนใจแล้วเท่านั้น
    .
    แล้วยอดผู้ติดเชื้อมาจากไหนกันมากมาย?
    .
    คำตอบก็คือ ก็มาจากพื้นที่การติดเชื้อยังไม่ค่อยหนักก่อนหน้านี้แหละครับเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเป็นเพื่อนบ้านเรานี่เราจะเห็นเลยว่าในขณะที่กรกฎาคม 2020 บ้านเรา “ปลอดโควิด” แล้ว (คือไม่เจอการระบาดในประเทศแล้ว แต่จะเจอผู้ติดเชื้อที่เข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งก็อยู่ในพื้นที่กักกันโรคของรัฐตามกระบวนการ) แต่ประเทศอย่างฟิลิปปินและอินโดนีเชียนี่ เรียกได้ว่าระบาดเดือนนี้หนักสุดอย่างที่ไม่มีมาก่อนเลย
    .
    หรือประเทศอย่างแอฟริกาใต้ ก็เรียกได้ว่าเป็น “ดาวรุ่ง” ของเดือนนี้เลยเพราะยอดผู้ติดเชื้อมันราวๆ 400,000 คนแล้ว และนับเป็นอันดับ 5 ของโลกแล้ว
    .
    ซึ่งนี่ก็ต้องเน้นว่าแอฟริกาใต้นี่ “มาแรง” จริงๆ นะครับ เพราะประชากรเขาพอๆ กับอิตาลี (สองประเทศนี้เกือบ 60 ล้าน ซึ่งจริงๆ ก็ไซส์ใกล้ๆ บ้านเราที่ประชากร 70 ล้าน) แต่ยอดผู้ป่วยนี่นำอิตาลีไปจะเท่าตัวแล้ว ดังนั้นมันโหดจริงๆ COVID-19 ระบาดที่แอฟริกาใต้ตอนนี้หนักกว่าอิตาลีในช่วงก่อนหน้านี้เยอะ เพียงแต่ตอนนี้เราไม่ค่อยสนใจเหมือนตอนที่อิตาลีระบาด
    .
    โดยเอาจริงๆ ณ ตอนนี้ ประเทศอย่างอิตาลีและสเปน (ไม่ต้องไปพูดถึงจีน) ที่เรารู้สึกว่ามันระบาดหนักๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ ตัวเลขผู้ป่วยสะสมมันไม่ได้ติด Top 10 ของโลกแล้วทั้งนั้น และประเทศพวกนี้มีผู้ป่วยเพิ่มต่อวันในอัตราที่น้อยมาก เรียกได้ว่าคุมสถานการณ์อยู่แล้ว
    .
    ดังนั้นไอ้ตัวเลขที่โหดๆ ช่วงนี้มันมาจากพื้นที่ที่ยังไม่มีการระบาดในช่วงก่อนหน้านี้
    .
    หรือให้ตรงกว่านั้น เอาจริงๆ มันมาจาก “ประเทศ” ที่ใหญ่โตมากๆ ในแบบที่ COVID-19 เพิ่งเริ่ม “ระบาดไปทั่วประเทศ” ซึ่งเราจะเห็นอะไรแบบนี้ได้จากทั้ง อเมริกา บราซิล อินเดีย รัสเซีย และแอฟริกาใต้
    .
    ประเทศพวกนี้ คล้ายๆ กันหมด คือระบาดมาตั้งแต่ช่วงที่แล้ว แต่จุดศูนย์ระบาดมันจะเป็นแค่ที่โซนในประเทศ (เช่นในอเมริกาก็นิวยอร์ค รัสเซียก็มอสโคว์) ซึ่งพอมาช่วงนี้ การระบาดมันทะลุโซนที่ว่าแล้ว และลุกลามไปทั่วประเทศ โดยเฉพาะเมืองใหญ่ๆ
    .
    ดังนั้นสิ่งที่เราจะเห็นคล้ายๆ กันในประเทศเหล่านี้ก็คือ ในขณะที่เมืองใหญ่ๆ ที่ “ระบาดไปแล้ว” เริ่มคุมสถานการณ์ได้ แต่เมืองใหญ่ๆ อื่นๆ ที่เพิ่งระบาด จำนวนตัวเลขก็เพิ่มขึ้นอย่างสนุกสนานระดับบ้าคลั่งสุดๆ ไปเลย เรียกได้ว่า ถ้าอเมริกาช่วงที่แล้วที่เราเห็นดัวเลขเยอะๆ มันมาจากการระบาดในนิวยอร์คไปเสียครึ่ง มาตอนนี้ การระบาดมันเกิดทั่วรัฐตอนใต้สุดยาวตั้งแต่ชายฝั่งตะวันออกไปยังตะวันตก หรือระบาดยาวตั้งแต่ฟลอริดาไปจนถึงแคลิฟอร์เนีย
    .
    ซึ่งเอาจริงๆ ในตอนนี้ ถ้าจะบอกว่าตัวเลขการระบาดเฉลี่ยต่อวันมันราวๆ 200,000 กว่าคน ในยอดนี้ เราก็น่าจะพอบอกได้ว่าประมาณ 25% มาจากอเมริกา อีก 25% มาจากบราซิล อีก 20% มาจากอินเดีย อีก 5% มาจากแอฟริกาใต้ ซึ่งตอนนี้มีแค่ 4 ประเทศนี้ที่พบผู้ติดเชื้อเกิน 10,000 คนต่อวัน โดยยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกรายวันอีก 1 ใน 4 คือตัวเลขผู้ป่วยที่พบในประเทศอื่นๆ ทั้งโลกรวมกัน
    .
    ดังนั้น ณ ตอนนี้ บอกเลยว่าสถานการณ์ในระดับโลกของ COVID-19 มันหนักสุดๆ ครับ หนักกว่าที่เคยมีมาทั้งหมด ซึ่งก็คงจะต้องย้ำเตือนกันนิดนึง เพราะบ้านเราเรียกว่า “ห่างหาย” จากการระบาดจนแทบจะลืมกันไปแล้วว่ามันยังระบาดอยู่หนักๆ แค่มันไกลบ้านเรา

    #Covid19 #BrandThink
    #พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
    #CreateaBetterTomorrow
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme
    YouTube: youtube/BrandThinkMe

     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    SOCIETY: เมื่อโลกและไทยทำเป็นมองไม่เห็น “สงครามลับในลาว”
    .
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง โลกก้าวเข้าสู่ยุคสงครามเย็นที่ชูการต่อสู้ทางความคิดทางการเมืองของโลกเสรีกับคอมมิวนิสต์ พร้อมการสนับสนุนอำนาจทางทหารจากประเทศมหาอำนาจใหญ่ๆ ในทศวรรษ 1960 การรบในภูมิภาคอินโดจีนดุเดือดรุนแรงดุเดือดโดยเฉพาะในเวียดนามที่ทุกคนรู้จักดี
    .
    แต่ในขณะที่การรบในเวียดนามเสียงดังก้องโลก ข้างเคียงกันมีการต่อสู้อย่างเงียบๆ ของ “สงครามลับในลาว” (Secret war in Laos) เกิดขึ้น
    .
    แน่นอนว่า สิ่งที่เงียบไม่ใช่เสียงระหว่างการสู้รบของรัฐบาลราชอาณาจักรลาวถูกฝั่งเสรีสนับสนุน กับฝั่งคอมมิวนิสต์ (ขบวนการประเทศลาว และกองทัพประชาชนเวียดนาม) ซึ่งสืบเนื่องมาจากคอมมิวนิสต์จากเวียดนามเหนือ ลาวเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกทิ้งระเบิดมากที่สุด มีการทิ้งระเบิดโดยกองกำลังสหรัฐในประเทศลาวถึง 2 ล้านตัน มากกว่าการทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองซะอีก
    .
    ทำไมเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ถึงถูกเรียกว่าเป็นสงครามลับ?
    .
    ต้องเล่าก่อนว่า หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่สอง และลาวหลุดการเป็นประเทศใต้อาณานิคมจากฝรั่งเศส
    .
    ต่อมาในปี 1954 ได้มีการลงชื่อในสนธิสัญญาเจนีวา ซึ่งประเทศกลุ่มสมาชิก ซึ่งมีสหรัฐ และเวียดนามเหนืออยู่ในนั้น รับรองให้ลาวประกาศตัวเป็นกลาง ว่าจะไม่เข้าร่วมทางการทหารกับประเทศใดๆ ไม่เข้าข้างใคร และไม่เป็นศัตรูกับใคร
    .
    แต่โลกแห่งความจริงไม่เป็นไปตามสนธิสัญญา สหรัฐอเมริกาหนุนฝั่งเสรีในลาว โดยการส่งเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง (CIA) เข้าไปในฐานะ “พลเรือน” และตั้งศูนย์กลางข่าวกรองในประเทศไทย พร้อมทั้งว่าจ้างกองกำลังทหาร-ตำรวจไทยนอกราชการ ไปรบในฐานะ นักรบนิรนาม 333 รวมถึงกลุ่มนักรบชาวเขาในชายแดนลาวกว่า 30,000 คน ร่วมประเทศพันธมิตรบางส่วน ไปรบกับฝ่ายคอมมิวนิสต์จากเวียดนามเหนือ ที่ส่งคนเข้ามาสนับสนุนฝ่ายซ้ายในลาวเช่นเดียวกัน
    .
    การต่อสู้เริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อเวียดนามเหนือเข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในลาวเหนือ ภายใต้ชื่อ สายการบินพาณิชย์ Air America เริ่มมีการส่งอาวุธและเสบียง รวมถึงมีเครื่องบินรบเข้ามาในพื้นที่ มีการทิ้งระเบิดจำนวนมากในประเทศลาว
    .
    ตอนนั้นลาวเป็นพื้นที่การสู้รบระหว่างคนลาว อเมริกัน ไทย ชาวเขา เวียดนามใต้ และเวียดนามเหนือที่สนับสนุนด้วยโซเวียตอีกที
    .
    สรุปก็คือเป็นปฏิบัติการ “ลับๆ ” ที่แทบทุกฝ่าย “รู้กัน” แต่ทำเป็นไม่รู้เท่านั้นเอง
    .
    หลังจากการต่อสู้หลายปี สงครามลับก็จบลงด้วยชัยชนะของฝั่งคอมมิวนิสต์
    .
    ปี 1973 สหรัฐลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับเวียดนามเหนือและถอนทหารออกจากอินโดจีน ทำให้ภารกิจในลาวต้องสิ้นสุดไปด้วย
    .
    ส่วนประเทศไทยที่ “ให้” กองกำลังทหารไปร่วมรบ (แต่ต้องลาออกจากราชการก่อน) จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยยอมรับว่ามีปฏิบัติการลับในลาวเกิดขึ้น
    .
    ทว่าในวันทหารผ่านศึก สมาคมนักรบนิรนาม 333 ยังคงออกมาเรียกร้องให้ทางภาครัฐนำอัฐิของทหารไทยที่เรียกกันในชื่อ “เสือพราน” ที่เสียชีวิตหลายคนในสงครามครั้งนั้นกลับประเทศ
    .
    แม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้จะดูเอิกเกริกชนิดที่ไม่น่าจะเรียกว่า “ลับ” ได้ แต่สำหรับประชาชนทั่วไปในสมัยนั้นที่รับข้อมูลข่าวสารได้อย่างจำกัด สงครามครั้งนี้จึงกลายเป็นเรื่อง “ลับ” และไม่มีใครรับรู้นอกจากสงครามเวียดนามที่เป็นข่าวใหญ่ระดับโลก
    .
    สมัยนี้คนมีอำนาจเข้าถึงข้อมูลมากกว่าเดิมหลายเท่าก็จริง แต่คุณคิดว่าการปกปิดเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้ ยังคงดำเนินอยู่รึเปล่า?

    อ้างอิง: Economist. America’s secret war in Laos. https://econ.st/3d88JdS
    History. Why Laos Has Been Bombed More Than Any Other Country. https://bit.ly/2X3PEUo
    Laos “Secret Warriors”. https://bit.ly/2Tzfq0T
    Thaisubdocumentary. สงครามลับในลาว. https://bit.ly/2TE7FXv
    กรุงเทพธุรกิจ. คุกลับกับ "ค่ายรามสูร". https://bit.ly/2M4YdYN

    #SecretWar #Laos #BrandThink
    #พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
    #CreateaBetterTomorrow
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme
    YouTube: youtube/BrandThinkMe

     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    HEALTH: ‘สารก่อมะเร็ง’ คืออะไร? แล้วเขาจัดกันยังไงว่าอะไรก่อมะเร็ง?
    .
    ‘มะเร็ง’ คือโรคอันดับต้นๆ ที่ฆ่ามนุษย์ในปัจจุบันมากที่สุด เพราะเป็น ‘โรค’ ที่ร้ายแรงและน่ากลัว ที่เกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ในอวัยวะต่างๆ จนกลายเป็น “เนื้อร้าย” และขยายตัวจนอวัยวะนั้น และอวัยวะอื่นๆ ทำงานผิดปกติ
    .
    แท้จริงแล้ว มะเร็งคือชื่อเรียกรวมๆ ของ “สารพัดโรค” ที่ผิดปกตินั่นเอง
    .
    และเนื่องจากมะเร็งเกิดจากการกลายพันธุ์ของเซลล์ใน ‘แต่ละอวัยวะ’ ซึ่งในแต่ละอวัยวะ เซลล์ไม่เหมือนกัน ส่งผลให้มะเร็งของแต่ละอวัยวะเป็น ‘คนละโรค’ ที่มีสาเหตุไปจนถึงวิธีการรักษาคนละเรื่อง
    .
    นี่คือพื้นฐานที่เราต้องเข้าใจตรงกันก่อน

    1.
    ต่อมา อะไรคือสิ่งที่ทำให้เกิดมะเร็ง?
    .
    เนื่องจากมะเร็งคือ ‘การกลายพันธุ์’ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ปัจจุบันมนุษย์เราควบคุมและเข้าใจการกลายพันธุ์ได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น
    .
    ดังนั้นเวลาเราพูดถึง ‘สารก่อมะเร็ง’ เราเลยพูดถึงสารที่ร่างกายมนุษย์รับเข้าไป “จะเพิ่มแนวโน้มของการกลายพันธุ์” หรือไปเร่งกระบวนการที่อาจทำให้เกิดมะเร็งขึ้นได้เท่านั้น
    .
    แต่ไม่ได้ ‘รับประกัน’ ว่าจะกลายพันธุ์
    .
    เรื่องนี้สำคัญ เพราะ ‘สารก่อมะเร็ง’ (Carcinogen) ต่างจาก ‘สารพิษ’ (Toxin)
    .
    เนื่องจาก ‘สารพิษ’ คือสารที่ร่างกายรับเข้าไปในปริมาณเกินระดับหนึ่ง แล้วเป็นพิษเลย ในมุมชีวเคมีอธิบายว่า เมื่อร่างกายรับสารเข้าไปแล้วจะเกิดปฏิกิริยาในเซลล์อะไรบ้างอย่างชัดเจน เช่น เซลล์ตาย เสียหาย หรือหยุดทำงาน เป็นต้น

    2.
    แล้ว ‘สารก่อมะเร็ง’ คืออะไร?
    .
    โดยทั่วไปการระบุว่า อะไรคือสารก่อมะเร็ง มักเริ่มจากการวิจัยจำนวนมาก ทั้งการทดลองในห้องทดลอง ทั้งการเก็บข้อมูลในมนุษย์ เพื่อระบุว่าสารชนิดนั้นๆ หรือกลุ่มนั้นๆ ก่อมะเร็งหรือไม่
    .
    ต้องเน้นว่า เวลาบอกว่าสารใด ‘ก่อมะเร็ง’ ไม่ได้หมายถึงก่อมะเร็งแบบรวมๆ แต่เป็นสารก่อมะเร็งเป็นชนิดๆ ไป
    .
    โดยทั่วไป สารดังกล่าวจะแบ่งเป็นขั้นๆ ซึ่งการจัดประเภทที่นิยมใช้ที่สุดคือการจัดโดย International Agency for Research on Cancer (IARC) ที่เป็นหน่วยงานด้านวิจัยมะเร็งขององค์การอนามัยโลก
    .
    IARC จะแบ่งขั้นของ ‘ความก่อมะเร็ง’ เป็น 4 ขั้น แต่ละขั้นแทนด้วยตัวเลข 1, 2A, 2B และ 3
    .
    1 คือก่อมะเร็งสูงสุด และน้อยลงใน 2A ไปจนถึง 3 ตามลำดับ
    .
    หลักๆ คือ ‘ความก่อมะเร็ง’ ในขั้นสูงสุดคือ มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นสารที่ร่างกายมนุษย์รับเข้าไปแล้วสามารถ ‘ก่อมะเร็ง’ อย่างน้อยๆ 1 ชนิดได้แน่ๆ
    .
    ส่วนในขั้นที่ลดหลั่นลงมา ก็จะเป็นสารที่ไม่มีหลักฐานว่าก่อมะเร็งในมนุษย์ แต่ก่อมะเร็งในสัตว์ทดลองได้ หรือเป็นสารที่ยังไม่มีหลักฐานว่าก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ แต่มีหลักฐานระบุว่า สามารถกระตุ้นกลไกทางเคมีที่อาจก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ หรือมันเป็นสารในกลุ่มเดียวกับสารตัวอื่นที่ก่อมะเร็ง
    .
    นี่คือหลักง่ายๆ ของการแบ่งขั้นสารก่อมะเร็ง ไม่ต้องไปจำรายละเอียดมากมาย แค่จำง่ายๆ ว่า
    .
    หมวด 1 คือมีหลักฐานว่าไปเร่งกระบวนการก่อมะเร็งได้แน่ๆ ชัวร์ๆ ในมนุษย์
    .
    หมวดอื่นๆ คือไม่มีหลักฐานที่ว่า แต่มีหลักฐานเทียบเคียงให้สงสัยได้ว่าอาจก่อมะเร็ง

    3.
    ทีนี้รู้แล้วไงต่อ? สารที่ถูกจัดประเภทพวกนี้มันจะ ‘ผิดกฎหมาย’ หรือไม่
    .
    คำตอบคือ “ไม่”
    .
    ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น ในควันบุหรี่มี ‘สารก่อมะเร็ง’ ในหมวด 1 แน่นอน หลายตัวเลย แต่เราก็คงเห็นใช่ไหมว่า บุหรี่ก็ยังมีขายทั่วไป

    4.
    ประเด็นคือสารพวกนี้เป็น ‘สารก่อมะเร็ง’ ไม่ใช่สารพิษ คือไป ‘เพิ่มความเสี่ยง’ แต่ไม่ได้รับประกันว่าจะทำให้เกิดมะเร็งแบบชัวร์ๆ
    .
    (คำเตือนนบนซองบุหรี่ว่า ‘ควันบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็งปอด’ จริงๆ ไม่ถูกต้อง ถ้าจะว่ากันในทางวิทยาศาสตร์แบบเคร่งครัด)
    .
    ดังนั้น สาร 120 ตัวที่จัดอยู่ในสารก่อมะเร็งหมวด 1 ของ IARC ที่เรารู้ว่าสามารถก่อมะเร็งได้แน่ๆ มีหลักฐานชัดๆ ก็ยังพบได้ในชีวิตประจำวัน
    .
    เพราะสุดท้าย ไม่มีใครบอกได้ว่าคนรับไปเท่าไหร่ถึงจะก่อมะเร็ง
    .
    คนทั่วไปอาจรู้สึกว่า ไม่สมเหตุสมผลที่จะไม่แบนสารพวกนี้ แต่ลองคิดเรื่องอาหารการกินกับโรคหัวใจและหลอดเลือด ที่เรามีหลักฐานชัดเจนแล้วว่าไขมันในสัตว์ ‘เพิ่มความเสี่ยง’ โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งทุกวันนี้โรคหัวใจและหลอดเลือดฆ่าคนตายมากกว่ามะเร็งเสียอีก
    .
    คำถามคือ ถ้าความรู้วิทยาศาสตร์ยืนยันแบบนี้ เราต้องแบน ‘หมูสามชั้น’ ไหมครับ?
    .
    คำตอบคือ “ถ้าทำจริงๆ คนด่าแน่ๆ” เพราะคนกินกันเยอะ และคนก็จะเถียงว่าหมูสามชั้น “ก็มีประโยชน์” และถ้าคนกินแต่พอดี ก็จะไม่เป็นไร ดังนั้น จึงไม่สมเหตุสมผลที่จะแบน
    .
    ฉันใดก็ฉันนั้น ‘สารก่อมะเร็ง’ ทั้งหลายที่ใกล้ตัวมนุษย์ มีประโยชน์บางอย่างแน่ๆ ไม่งั้นมนุษย์ก็คงไม่เอามาใช้ ดังนั้น ประเด็นคือแม้แต่สารก่อมะเร็ง ถ้าเรา ‘รับแต่พอเหมาะ’ ก็จะมีแนวโน้มว่าร่างกายเราก็จะไม่เป็นไรเช่นกัน เหมือนเรากินหมูสามชั้นแต่พอดี เราก็จะได้โปรตีน ไขมัน และวิตามินจำนวนมากที่ร่างกายต้องการ โดยไม่ต้องกลัวโรคหัวใจ

    5.
    เวลาพูดถึง ‘สารก่อมะเร็ง’ จริงๆ คือการ “แปลผิด” เพราะเวลาพูดถึง Carcinogen ในภาษาอังกฤษนี่ไม่ใช่ ‘สาร’ แต่มันรวมถึงพวกคลื่นและรังสีอะไรด้วย
    .
    พอถึงตรงนี้ ถ้าสงสัยว่าพวกคลื่นวิทยุ คลื่นไวไฟ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่างๆ นี่ถูกจัดอยู่ใน ‘สารก่อมะเร็ง’ หรือไม่
    .
    คำตอบคือ “ถูกจัด” แต่อยู่ในหมวด 2B คือไม่มีหลักฐานว่าก่อมะเร็งในมนุษย์ได้ แต่มีหลักฐานระบุว่าก่อมะเร็งในสัตว์ได้ หรือมีคำอธิบายเชิงกระบวนการว่ามีความสามารถทำให้ก่อมะเร็งได้
    .
    เพราะฉะนั้นสิ่งที่วิ่งผ่านตัวเราไปมาทุกวันอย่าง ‘คลื่นมือถือ’ ก็ไม่ได้เคลียร์จากการก่อมะเร็งซะทีเดียว แต่ยังถือว่า ‘มีความเป็นไปได้’ แม้ในทางวิทยาศาสตร์ หลักฐานแค่นี้ถือว่าไม่พอจะปฏิบัติราวกับเป็นสารก่อมะเร็ง
    .
    ดังนั้น การพยายามแบนสิ่งเหล่านี้ไม่สมเหตุสมผล (เหมือนกับควันบุหรี่และหมูสามชั้น มีหลักฐานชัดเจนว่าสิ่งเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงโรคที่อันตรายมาก แต่ของพวกนี้ก็ยังขายปกติได้ ดังนั้น จึงไม่สมเหตุสมผลที่จะแบนคลื่น WiFi คลื่น 5G ฯลฯ)

    6.
    สุดท้าย การจัด ‘สารก่อมะเร็ง’ นั้นจัดตามงานวิจัยที่มีมา ดังนั้นขีดจำกัดก็เลยขึ้นอยู่กับงานวิจัย คือวิจัยมาเท่าไร ก็จัดประเภทได้เท่านั้น
    .
    ทาง IARC จัดสารก่อมะเร็งได้ราวๆ 1,000 ตัวเท่านั้น ส่วนใหญ่เน้นสารที่มนุษย์จะต้องพบในชีวิตประจำวันเป็นหลัก
    .
    แต่ถามว่า ‘สาร’ ในโลกนี้มีเท่าไร?
    .
    คำตอบคือ “ราวๆ 50 ล้านตัว”
    .
    ฟังดูเกินจริง แต่สารในโลกก็มีเท่านั้นจริงๆ นักเคมีประเมินว่า แม้แต่ในปัจจุบัน ก็มีสารที่สังเคราะห์หรือสกัดออกมาได้ใหม่ๆ ทุกๆ 3 วินาทีด้วยซ้ำ
    .
    ดังนั้น ในโลกนี้มีสารหลายสิบล้านตัวที่ ‘เราไม่รู้ว่าก่อมะเร็งหรือไม่’ นี่คือข้อเท็จจริง

    7.
    ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ อยากให้รู้ว่าแม้ทุกวันนี้วิทยาการจะก้าวไกลแค่ไหน มนุษย์ก็ยังไม่รู้ว่าสารต่างๆ จำนวนมาก ส่งผลอะไรกับเราได้บ้าง โดยเฉพาะการรับสารเหล่านั้นในจำนวนน้อยๆ เป็นเวลานานๆ
    .
    นี่คือ ‘ความเสี่ยง’ ที่มนุษย์ต้องเผชิญ แบบหนีไปไหนไม่ได้ด้วย
    .
    เพราะเราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย ‘สารเคมี’ สารพัดตลอดเวลา
    .
    และเราก็รับมันเข้าไปตลอดเวลาจากการ ‘ปนเปื้อน’ สารพัด โดยเราไม่ต้องทำอะไรก็รับเข้าไปในร่างกายอยู่แล้ว
    .
    เพราะสารพวกนี้อยู่ใน ‘อากาศ’ ที่เราหายใจ ไปจนถึงอยู่ใน ‘น้ำ’ ที่เรากิน

    อ้างอิง: Wikipedia. Carcinogen. https://bit.ly/2EKTXNV
    IARC. Agents Classified by the IARC Monographs, Volumes 1–127. https://bit.ly/2DeqLOL
    Cancer Council Australia. IARC classifications. https://bit.ly/33jyB4p
    Wired. Humans Have Made, Found or Used Over 50 Million Unique Chemicals. https://bit.ly/316I3p6

    #Cancer #BrandThink
    #พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
    #CreateaBetterTomorrow
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme
    YouTube: youtube/BrandThinkMe

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    NEWS: แก้ความเข้าใจผิดเกือบ 350 ปี เซลล์อสุจิไม่ได้ว่ายน้ำเหมือนลูกอ๊อด แต่น้องหมุนติ้วแบบกระสุนปืน
    .
    ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ช่วยให้มนุษย์เข้าใจโลกได้ชัดเจนขึ้น และล่าสุดเป็นเรื่องการว่ายน้ำของอสุจิ
    .
    ตอนเด็กๆ เวลาร่ำเรียน ในสื่อความรู้ต่างๆ จะเล่าว่าตัวอสุจิ (ของมนุษย์และสัตว์ต่างๆ) มีหน้าตาคล้ายลูกอ๊อด และเวลาว่ายน้ำไปหาไข่ จะว่ายด้วยหางที่ดูดุ๊กดิ๊กแบบลูกอ๊อด
    .
    ความเข้าใจข้างต้น เกิดขึ้นในปี 1677 หรือราว 350 ปีก่อน เมื่อนักวิทยาศาสตร์ชาวดัตช์นามว่า Anton van Leeuwenhoek ลองใช้กล้องจุลทรรศน์แบบโบราณที่ประกอบขึ้นเองมาส่องน้ำอสุจิของเขา
    .
    นั่นคือครั้งแรกที่มนุษยชาติค้นพบว่า ในน้ำอสุจิสีขาวขุ่น มีเซลล์อสุจิตัวเล็กๆ หน้าตาคล้ายๆ ลูกอ๊อด แถมยังขยับตัวไปมาดุ๊กดิ๊กเหมือนลูกอ็อด เป็นส่วนประกอบมหาศาล
    .
    ความเข้าใจแบบนี้ดำรงอยู่มานานถึง 300 กว่าปี ซึ่งเราก็รับรู้มาแบบนี้ และมันก็สมเหตุสมผลดีที่เซลล์อสุจินี่หน้าตาเหมือนลูกอ๊อด มันก็ว่ายน้ำเหมือนลูกอ๊อด
    .
    อย่างไรก็ดี โลกไม่เคยสิ้นคนขี้สงสัย และตั้งคำถามว่า ถ้าเซลล์อสุจิไม่ได้ว่ายน้ำแบบที่มนุษยชาติเข้าใจกันล่ะ?
    .
    ทีมวิจัยจากเม็กซิโกศึกษาหาคำตอบเรื่องนี้ และสังเกตพบว่า ที่ผ่านมาเรามองการเคลื่อนไหวของอสุจิแบบ 2 มิติเท่านั้น
    .
    เพราะกล้องจุลทรรศน์โบราณมองเห็นได้แค่เป็น 2 มิติ เหนือกว่านั้นก็ต้องใช้จินตนาการมาเสริมเติมว่า อสุจิขยับตัวอย่างไร
    .
    คำถามคืออสุจิว่ายน้ำแบบนั้นจริงเหรอ?
    .
    สิ่งเดียวที่จะตอบได้ก็คือ ใช้กล้องจุลทรรศค์ยุคใหม่ ถ่ายภาพ 3 มิติออกมาหลายๆ ภาพ แล้วใช้โมเดลทางคณิตศาสตร์ประมวลผล
    .
    เทคโนโลยีที่ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ ใช้กันมานานแล้ว แค่ไม่มีใครใช้มาตอบ 'คำถามพื้นๆ ' แบบที่มนุษย์คิดว่ารู้กันอยู่แล้ว
    .
    แต่แล้ว...การถ่ายภาพอสุจิด้วยเทคนิคถ่ายภาพ 3 มิติก็ได้นำไปสู่ความเข้าใจใหม่ ว่าจริงๆ เซลล์อสุจิไม่ได้ว่ายน้ำแบบหางกระดิกขึ้นลงแบบลูกอ็อด แต่ว่ายแบบหัวพุ่งนำ แล้วหางหมุนติ้วเป็นเกลียวแบบกระสุนปืน
    .
    แม้จะดูเป็นการค้นพบที่ตลก แต่ก็เขย่าองค์ความรู้ด้านการสืบพันธุ์อย่างมหาศาล และไปๆ มาๆ ก็อาจส่งผลต่อการออกแบบหุ่นยนต์ด้วย เพราะหุ่นยนต์ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ประหลาดไม่น้อย โดยเซลล์ที่ไม่มีสมองด้วยซ้ำ
    .
    แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต เอาเป็นว่าวันนี้ เรามาเปลี่ยนความเข้าใจใหม่เรื่องการเคลื่อนไหวของเซลล์อสุจิกันก่อนก็แล้วกัน

    อ้างอิง: IEEE. Spermato-WHOA-a! Human Sperm Don’ t Swim Like We Thought. https://bit.ly/3k8aQlH
    Smithsonian Mag. Researchers Discover How Human Sperm Really Swim. https://bit.ly/3i5xAkK

    #Sperm #BrandThink
    #พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
    #CreateaBetterTomorrow
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme
    YouTube: youtube/BrandThinkMe

     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    The Attention: แม้แต่นาซายังส่งรูป 'รถติด' ในกรุงเทพฯ ให้เอเลี่ยนดู
    .
    (Short Cut)

    นาซาเลือกภาพ 'รถติด' ในกรุงเทพฯ บันทึกใส่แผ่นจานทองคำส่งออกนอกโลกพร้อมยาน Voyager ตั้งแต่ปี 1977 เพื่อส่งให้สิ่งมีชีวิตต่างดาว หรือมนุษย์ในอนาคต ตอนนี้ 43 ปีผ่านไป กรุงเทพฯ ก็ยังรถติดอยู่เหมือนเดิม แถมติดมากขึ้นอีกต่างหาก... ทำไม?

    ----------------------------------------

    รถติด...
    .
    ติดไม่ยอมเลิกรา 1 ชั่วโมงขยับ 1 กิโลเมตร คนกรุงเทพฯ เคยเจอเรื่องนี้กันมาอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต
    .
    ปัญหารถติดในบ้านเราขึ้นชื่อเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติหรือ นาซา (NASA) ยังเลือกภาพ “รถติด” ในกรุงเทพฯ ส่งไปให้เอเลี่ยนดู
    .
    เรื่องนี้อาจฟังดูเวอร์ไปหน่อย แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ใน 'แผ่นจานทองคำ' (Golden record) ที่ติดอยู่บนยานสำรวจอวกาศ Voyager 1 และ 2 ได้บันทึกสรรพสิ่งบนโลก ตั้งแต่ภาพ เสียงดนตรี การทักทาย และวัฒนธรรมต่างๆ เก็บไว้ในแผ่นจานทองคำ เผื่อว่าวันหนึ่งสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว หรือมนุษย์ในอนาคตจะค้นพบแผ่นจานนี้และเข้าใจโลกของเรามากขึ้น
    .
    (ถ้าใครเคยดูแอนิเมชั่นเรื่อง Wall-E จะมีฉากที่หุ่นยนต์เรียนรู้โลกผ่านวิธีการเดียวกัน)
    .
    หลายคนอาจไม่ทราบว่า ยาน Voyager เดินทางออกสู่อวกาศ ตั้งแต่ปี 1977 พร้อมแผ่นจานทองคำ โดยแผ่นได้บันทึกภาพจากประเทศไทยจำนวน 2 ภาพ
    .
    1. ภาพช่างฝีมือ (Thailand craftsman โดย Dean conger)
    2. ภาพ “รถติด” (Rush hour traffic โดย UN/DPI) บริเวณสะพานพุทธยอดฟ้า
    .
    คาดว่าภาพใบนี้น่าจะถ่ายก่อนปี 1977 ที่ยานจะปล่อยตัว หมายความว่า 40 กว่าปีผ่านไป แม้ยาน Voyager จะเดินทางพ้นขอบระบบสุริยจักรวาลไปแล้ว กรุงเทพฯ ก็ยังรถติดเหมือนเดิมเด๊ะ!
    .
    ปี 2019, จากการเก็บข้อมูลเมืองที่รถติดที่สุดในโลกใน 57 ประเทศ 416 เมืองทั่วโลก กรุงเทพฯ ติดอันดับที่ 8 เท่ากับเมื่อปี 2018 แต่ขยับลงมาจากปี 2017 ที่เราติดอันดับ 3
    .
    ทำไมผ่านไปหลายสิบปี กรุงเทพฯ ยังเป็นเมืองรถติดไม่ยอมเลิกรา?
    .
    บริษัท Xerox เคยทำการวิจัยเกี่ยวกับการจราจรติดขัดในแต่ละประเทศ เผยแพร่ในหนังสือ Make your city flow (2015) ระบุว่าสาเหตุของรถติดมีอยู่ 7 ข้อด้วยกัน ได้แก่
    .
    1. รถเยอะ ถนนน้อย
    2. ไม่มีทางเลือก นอกจากรถยนต์
    3. ด่านเก็บเงินล่าช้า
    4. รูปแบบการขับรถของคนในพื้นที่
    5. รัฐไม่ให้ความสำคัญกับขนส่งสาธารณะ
    6. สัญญาณจราจรไม่มีประสิทธิภาพ
    7. การจอดรถข้างทาง
    .
    กรุงเทพฯ มีเงื่อนไขทั้งหมดที่กล่าวมา สภาพการจราจรจึงเป็นอย่างที่เห็น ขนส่งสาธารณะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการแก้ปัญหา แม้กรุงเทพฯ จะพยายามต่อขยายส่วนการขนส่งสาธารณะที่ไม่ได้ร่วมถนนอย่าง BTS และ MRT แต่ก็ยังราคาสูง คนจำนวนมากจึงยังเลือกใช้ขนส่งร่วมถนนอย่างรถเมล์ หรือใช้รถส่วนตัวเหมือนเดิม
    .
    ปัญหารถติดที่เรื้อรังมายาวนาน จนดูเหมือนทุกคนจะเริ่ม 'ชิน' และรถติดกลายเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ ที่คนทั่วโลกรู้จัก (และเอเลี่ยนอาจจะรับรู้ด้วยในอนาคต)
    .
    แน่นอนว่า การแก้ไขปัญหาระดับนี้คงทำไม่ได้ในระยะสั้น แต่จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน คงไม่มีใครทราบ
    .
    และไม่รู้ว่า เมื่อถึงวันที่เอเลี่ยนเจอแผ่นจานทองคำบนยาน Voyager
    .
    ตอนนั้นกรุงเทพฯ จะหายรถติดหรือยัง?

    อ้างอิง: NASA. Images on the Golden Record. https://go.nasa.gov/32LYv0m
    TOMTOM TRAFFIC INDEX. The world,according to traffic. https://bit.ly/30HvQHo
    Xerox. Make your city flow. https://xerox.bz/3hnxl43

    #Nasa #Bangkok #BrandThink
    #พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
    #CreateaBetterTomorrow
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme
    YouTube: youtube/BrandThinkMe

     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    MOODY: Perfectly Hidden Depression
    ยิ่งแกร่งยิ่งปวดร้าว
    จนเราเศร้าจากภายใน
    .
    รู้ไหม คนที่ดูสมบูรณ์แบบก็ 'จิตตก' ได้
    .
    วันนี้เราจะชวนทุกท่านมาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับอาการซึมเศร้าแฝงที่มักเกิดขึ้นในกลุ่มคนที่เสพติดความสมบูรณ์แบบหรือ Perfectly Hidden Depression หรือเรียกสั้นๆ ว่า PHD นั่นเอง
    .
    เราอาจจะไม่คุ้นศัพท์ Perfectly Hidden Depression กันมากนัก เพราะเป็นคำที่จิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งนิยามขึ้นมา อย่างไรก็ตาม มันเป็นอาการที่ดูจะสอดคล้องกับคนในยุคใหม่ในหลากหลายประเด็น และที่สำคัญคนที่นิยามคำนี้ขึ้นมาก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้โดยตรง
    .
    ต้องขอเล่าก่อนว่า คำนี้นิยามโดยคุณ Margaret R Rutherford Ph.D. เธอเป็นจิตแพทย์ที่มีความสนใจ ความถนัด และประสบการณ์ในเรื่องของกลุ่มอาการ ‘ซึมเศร้าและวิตกกังวล’ ยาวนานถึง 25 ปี และบัญญัติศัพท์นี้ไว้ตั้งแต่ปี 2014 แล้ว
    .
    โดยหนึ่งในประเด็นโรคซึมเศร้าที่เธอสนใจก็คือ อาการซึมเศร้าที่มาจากการเสพติดความสมบูรณ์แบบ (หรือ PHD ที่เราจะมาพูดคุยกันในวันนี้) ซึ่งเธอเองก็เป็นผู้เขียนหนังสือ Perfectly Hidden Depression: How to Break Free from the Perfectionism that Masks Your Depression พร้อมกับผลิตงานพอดแคสต์อย่าง The SelfWork with Dr. Margaret Rutherford ที่เกิดจากความตั้งใจมาสนับสนุนผู้คนในสังคมโดยตรง
    .
    Margaret ระบุว่า ‘Perfectionist’ หรือคนที่เสพติดความสมบูรณ์แบบ เป็นหนึ่งในอาการสำคัญที่อาจพัฒนาไปสู่ปัญหาอย่าง PHD ได้ เธอเชื่อว่าการพยายามพร่ำบอกว่าตัวเองแข็งแกร่ง สมบูรณ์แบบ แล้วไม่ปล่อยให้น้ำตาไหล ไม่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอ ไม่ปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลาย ไม่ปล่อยให้ตัวเองล้มลงบ้าง
    .
    คุณอาจจะคิดว่าตัวเอง "ไม่เป็นอะไร" แต่ภายในคุณอาจกำลังซ่อนโรคซึมเศร้าเอาไว้แบบไม่รู้ตัว เพราะในวันที่คนในสังคมพยายามก้าวตาม ‘ค่ามาตรฐาน’ ที่ใครบางคนเป็นคนกำหนดไว้ ในวันที่ผู้คนในสังคมต่างแข่งกันสมบูรณ์แบบ ‘ต้องได้ท่องเที่ยว ต้องได้ทำตามความฝัน ต้องมีสไตล์ และต้องได้มีชีวิตที่ดี’ อาจเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ใครบางคนรู้สึกปวดร้าวภายในใจ
    .
    เพราะเอาเข้าจริง อาการซึมเศร้าอาจจะไม่ได้ปรากฏในรูปแบบที่ดูหดหู่ ดูไม่เอาการเอางาน ดูติดบ้านเสมอไป ใครบางคนที่ชีวิตดี ดูสมบูรณ์แบบ ก็อาจจะเก็บความปวดร้าวไว้ภายใน และพัฒนาเป็นโรคซึมเศร้าได้อยู่เหมือนกัน
    .
    ลองเอาเช็กลิสต์ที่เธอระบุไว้ไปตรวจสอบตัวเองดูก็ได้ครับ ว่าใกล้เคียงมากน้อยแค่ไหน? ว่าคุณเหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?
    .
    1. เสพติดความสมบูรณ์แบบจนมักจะตำหนิตัวเองในใจ
    2. แบกรับทุกความรับผิดชอบไว้อยู่ตลอด
    3. ไม่ค่อยยอมรับความเศร้าของตัวเอง
    4. ขี้กังวลและหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่คุมไม่ได้
    5. ใช้ความสำเร็จเป็นตัววัดคุณค่าของคน
    6. ห่วงคนอื่นแต่ไม่ให้คนอื่นห่วงตัวเอง
    7. มีความสามารถในการฝังกลบความเจ็บปวด
    8. มีปัญหาเรื่องการควบคุมหรือหลีกเลี่ยงความกังวล
    9. เสพติดการมองโลกในแง่ดี
    10. สำเร็จในงาน แต่ไม่สวยงามในความสัมพันธ์
    .
    ถ้าหากรู้สึกว่า ความรู้สึกแบบนี้ เริ่มส่งผลกระทบต่อจิตใจ ส่งผลกระทบต่อการทำงาน ขอแนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดนะครับ
    .
    เอาเป็นว่าถ้าใครรู้สึกเป็นแบบนี้ หรือความรู้สึกตรงข้อไหน ก็มาร่วมแชร์กันได้เลย

    อ้างอิง: Psychology Today. The 10 Core Traits of Perfectly Hidden Depression. https://bit.ly/31aubMf

    #Moody #BrandThink
    #พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
    #CreateaBetterTomorrow
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme
    YouTube: youtube/BrandThinkMe

     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    BrandThink x LEO
    .
    ในวันที่นักดนตรีต้องเจอวิกฤตครั้งใหญ่ เพื่อนที่รู้ใจอย่าง 'ลีโอ' ก็ไม่ได้ทอดทิ้ง พวกเขามาในแคมเปญของ ‘เราไม่ทิ้งกัน มันส์กว่า’ แคมเปญที่ร่วมพานักดนตรีมาร่วมสร้างความสุขให้ผู้คิดอีกครั้ง ส่วนแนวคิดเบื้องหลังแคมเปญนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามบทสัมภาษณ์กับคุณ ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล’ Chief Marketing Officer – Brand บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ครั้งนี้ได้เลย!

    #LEO #BrandThink
    #พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า
    #CreateaBetterTomorrow
    อัปเดตและติดตามข่าวสารได้ที่
    Line: @brandthink (มี @ ด้วยนะครับ)
    Instagram: instagram.com/brandthink.me
    Website: www.brandthink.me
    Twitter: twitter.com/BrandThinkme
    YouTube: youtube/BrandThinkMe

     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นอนหลับฝันดีครับ
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ไปป่วนการหาเสียงของทรัมป์ -> "เป้าหมายที่แท้จริง" ของรัฐบาลทรัมป์ ไม่ใช่ "การบังคับ" ให้ไบต์แดนซ์ต้องขายกิจการของติ๊กต๊อกในสหรัฐ แต่คือการ "กำจัด" แอปพลิเคชั่นนี้ออกจากตลาด.

    จีนกล่าวหาสหรัฐ "ข่มขู่" ติ๊กต๊อก

    รัฐบาลปักกิ่งกล่าวหารัฐบาลวอชิงตัน "เป็นอันธพาล" กับการให้บริการของติ๊กต๊อก ด้วยการ "ขีดเส้นตาย" ให้บริษัทแม่ในจีนต้องขายกิจการ เพื่อแลกกับการไม่ถูกแบนในอเมริกา ด้านซีอีโอไบต์แดนซ์ชี้สหรัฐต้องการ "ฆ่า" ติ๊กต๊อกออกจากตลาด

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ว่านายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในช่วงหนึ่งระหว่างการแถลงประจำวันอังคาร ว่าข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลสหรัฐของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับบริษัทไบต์แดนซ์ของจีน ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชั่นติ๊กต๊อก ว่า "เลยเถิด" ไปไกลกว่าพื้นฐานของระบบเศรษฐกิจตลาด และบรรทัดฐานขององค์การการค้าโลก ( ดับเบิลยูทีโอ ) ทั้งในด้านการเปิดกว้าง ความโปร่งใส และการไม่เลือกปฏิบัติ "ถือเป็นพฤติกรรมอันธพาลอย่างโจ่งแจ้งที่สุด"

    นายหวังกล่าวต่อไปว่า การที่รัฐบาลวอชิงตันหยิบยกประเด็นความมั่นคงขึ้นมา "ตั้งแง่" เป็นเรื่องที่ "ไม่มีน้ำหนักอย่างสิ้นเชิง" และจนถึงตอนนี้อีกฝ่ายยังไม่แสดง "หลักฐานเชิงประจักษ์" ว่าติ๊กต๊อกเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคง "อย่างไร"

    อนึ่ง ทรัมป์กล่าวถึงติ๊กต๊อกว่าเป็นแอปพลิเคชั่นที่ประสบความสำเร็จมหาศาล อย่างไรก็ตาม "ในเมื่อติ๊กต๊อกต้องการปักหลักที่สหรัฐ คนที่นี่ต้องเป็นเจ้าของ" และกล่าวต่อไปว่ารัฐบาลวอชิงตัน "ต้องการตัดปัญหาเรื่องความมั่นคง" พร้อมทั้งยืนกรานว่า หากไมโครซอฟต์ไม่ประสบความสำเร็จในการเจรจากับไบต์แดนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของติ๊กต๊อก ภายในวันที่ 15 ก.ย.นี้ แอปพลิเคชั่นยอดนิยมจากจีน "จะถูกแบนอย่างถาวรในสหรัฐ"

    ในเวลาเดียวกัน สำนักงานใหญ่ของไบต์แดนซ์ในกรุงปักกิ่ง เผยแพร่บันทึกข้อความฉบับที่ 2 ของนายจาง อี้หมิง ผู้ก่อตั้งและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร ( ซีอีโอ ) มีสาระสำคัญว่าหลายฝ่ายกำลังตีความสถานการณ์ตอนนี้คลาดเคลื่อน เนื่องจาก "เป้าหมายที่แท้จริง" ของรัฐบาลทรัมป์ ไม่ใช่ "การบังคับ" ให้ไบต์แดนซ์ต้องขายกิจการของติ๊กต๊อกในสหรัฐ แต่คือการ "กำจัด" แอปพลิเคชั่นนี้ออกจากตลาด.


    Source: เดลินิวส์ออนไลน์

    เพิ่มเติม
    - Chinese state media slams U.S. as a ‘rogue country’ for its planned ‘smash and grab’ of TikTok : https://www.cnbc.com/2020/08/04/tiktok-microsoft-deal-state-media-says-china-could-retaliate.html

     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Aug 5, 2020 อย่าขวางทองคำจะรีบไป ทำสถิติโลกทะลุ 2,021 ดอลล์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ พุ่ง 32% ตั้งแต่ต้นปีนี้

    ตลาดทองคำนิวยอร์ก สหรัฐ รายงานว่า ราคาทองคำส่งมอบล่วงหน้ามีราคาพุ่งทะยานขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ 2,027.30 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ทำสถิติราคาทองคำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ของโลก ก่อนที่จะปิดที่ระดับ 2,021 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ พุ่งแรงถึง 36.90 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หรือ +1.7%

    สอดรับกับราคาทองคำส่งมอบทันที มีราคาพุ่งขึ้นแตะสูงสุดระหว่างวันที่ 2,009.13 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก่อนที่จะลงมาปิดที่ระดับ 2,004.35 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ +1.6% ทำสถิติราคาทองคำสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ของโลก หลังจากที่เมื่อวันอังคารในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ราคาทองคำทะยานขึ้นทำสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 1,980.57 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์

    สาเหตุจากปัจจัยสำคัญ ได้แก่ การเจรจาระหว่างทำเนียบขาว และผู้นำพรรคเดโมแครตเกี่ยวกับร่างกฎหมายเยียวยาฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มีทิศทางในทางบวกชัดเจน ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสที่ 2 ที่ดำดิ่งหนักสุดในรอบ 73 ปี ธนาคารกลางสหรัฐตรึงดอกเบี้ยระยะสั้นต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง พร้อมยืนยันกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการขยายเวลาเข้าซื้อตราสารหนี้และอัดฉีดสินเชื่อในระบบธุรกิจสหรัฐถึงสิ้นปีนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่กลับมาอ่อนค่าลงอย่างมากในรอบ 2 ปี และสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่พุ่งสูงต่อเนื่อง

    ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคม ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งก้าวกระโดดถึง 11% ทำสถิติราคาทองคำรายเดือนที่พุ่งสูงมากที่สุดในรอบ 4 ปี 5 เดือน หรือตั้งแต่กุมภาพันธ์ ปี 2016 เป็นต้นมา และเป็นราคาทองคำที่ปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน นอกจากนี้ ราคาทองคำโลกทะยานขึ้น 32% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ถึงคืนที่ผ่านมา

    #ทองคำ #เยาวราช #btimes

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Aug 5, 2020 ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุกว่า 18.6 ล้านคน ยอดตายโควิด-19 ทั่วโลกทะลุกว่า 700,000 คน สหรัฐตายทะลุ 160,000 The Covid-19 infected globally toll surpassed 18.6 million

    เวลา 6.25 น. รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 18,677,171 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา 4,915,778 ราย บราซิล 2,801,921 ราย อินเดีย 1,906,613 ราย รัสเซีย 861,423 ราย แอฟริกาใต้ 521,318 ราย เม็กซิโก 443,813 ราย เปรู 433,100 ราย ชิลี 362,962 ราย สเปน 349,894 และโคลอมเบีย 334,979 ราย

    สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็น 702,669 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 160,215 ราย บราซิล 95,819 ราย เม็กซิโก 48,012 ราย สหราชอาณาจักร 46,299 ราย อินเดีย 39,820 ราย อิตาลี 35,171 ราย ฝรั่งเศส 30,296 ราย สเปน 28,498 ราย เปรู 19,811 ราย และอิหร่าน 17,617 ราย

    ในส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในอาเซียน และเสียชีวิต(ตัวเลขในวงเล็บ) พบว่า อินโดนีเซีย 115,056 ราย(5,388) ฟิลิปปินส์ 112,593 ราย(2,115) สิงคโปร์ 53,346 ราย(27) มาเลเซีย 9,002 ราย(125) ไทย 3,321 ราย(58) เวียดนาม 670 ราย(8) เมียนมา 355 ราย(6) กัมพูชา 240 ราย บรูไน 141 ราย(3) และลาว 20 ราย

    #ไวรัสโคโรนา #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #โควิด19 #covid19 #Misterban #btimes

     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Aug 5, 2020 ระเบิดสารเคมีใจกลางเมืองหลวงกรุงเบรุต ตายกว่า 50 บาดเจ็บพุ่งเกือบ 2,800

    ล่าสุด รัฐบาลประเทศเลบานอน เปิดเผยว่า ประชาชนชาวเลบานอนในกรุงเบรุตเสียชีวิตไม่น้อยกว่า 50 ราย ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บมีมากกว่า 2,750 ราย หลังเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดครั้งใหญ่ในเมืองหลวงของประเทศเลบานอน จากการระเบิดรุนแรง 2 ครั้งของสารเคมีแอมโมเนียไนเตรท ซึ่งถูกเก็บที่คลังเก็บสินค้าภายในบริเวณท่าเรือแห่งหนึ่ง สารเคมีดังกล่าวเก็บไว้ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา

    ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ 4 สิงหาคม เวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศเลบานอน หรือราว 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย เกิดเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ครั้งรุนแรงที่เกิดขึ้นถึง 2 วันก่อนที่ศาลยุติธรรมที่ตั้งขึ้นโดยสหประชาชาติ จะมีคำตัดสินคดีของ 4 ผู้ต้องสงสัยในเหตุลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีฮาริรี โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 คน เป็นสมาชิกกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ ซึ่งอิหร่านให้การสนับสนุน และทั้ง 4 คนต่างปฏิเสธเรื่องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของอดีตผู้นำเลบานอนมาโดยตลอด

    #ระเบิด #เลบานอน #misterban

     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Aug 5, 2020 มีอีก จัดให้สุด! ยักษ์ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินให้โบอิ้ง ปลดเพียบ 1,100 คน

    สปิริต แอโรซิสเต็ม โฮลดิ้งส์ ยักษ์ซัพพลายเออร์ผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินให้กับบริษัท โบอิ้ง อินคอร์ปอเรชั่น ในสหรัฐอเมริกา ประกาศปลดพนักงาน 1,100 คน ในจำนวนดังกล่าวนั้น มี 450 คน ที่ต้องถูกปลดรัฐแคนซัส สหรัฐ

    สาเหตุจากคำสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง รุ่น 737 Max ตกต่ำอย่างรุนแรง ทำให้ต้องลดจำนวนการผลิตลงจาก 125 ยูนิต เหลือเพียง 72 ยูนิต นั่นหมายถึงลดลง 80% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2019 รวมถึงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ทั่วโลก ที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจสายการบินทั่วโลกอย่างหนัก

    ในด้านรายได้รายไตรมาสของ สปิริต แอโรซิสเต็ม โฮลดิ้งส์ พบว่า มีรายได้อยู่ที่ 644,600,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 20,628 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 863,200,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 27,623 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาสที่ 2 มีผลการดำเนินงานขาดทุนสูงถึง 256 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 8,192 ล้านบาท หรือ สอดรับกับยอดขายที่ทรุดต่ำหนัก -70% ซึ่งสวยทางกับไตรมาสที่ 2 ปีที่แล้ว ที่มีกำไร 168 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 5,376 ล้านบาท

    ทั้งนี้ โบอิ้ง ต้องเผชิญกับวิกฤตการผลิตรุ่น 737 Max หลังเกิดเหตุโศกนาฏกรรมกับเครื่องบินรุ่นดังกล่าว 2 ลำ จาก 2 สายการบิน ส่งผลมีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 346 ราย โบอิ้งจำเป็นต้องประกาศให้ทุกสายการบินที่มีเครื่องรุ่น 737 Max ต้องปลดการใช้งานด้วยการห้ามนำเครื่องรุ่นดังกล่างขึ้นบินให้บริการเมื่อมีนาคม ปี 2019 เป็นต้นมา

    #ปลดพนักงาน #ตกงาน #โบอิ้ง #misterban

     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,977
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Aug 4, 2020 หมดรมย์เที่ยวเลย! ยักษ์จองทัวร์-โรงแรมออนไลน์ขาใหญ่ระดับโลก ปลดตูม 17,000 คน

    บุ๊คกิ้ง โฮลดิ้งส์ อินคอร์ปอเรชั่น บริษัทแม่สัญชาติอเมริกันซึ่งเป็นเจ้าของเว็บไซต์และแอปจองทัวร์ออนไลน์ บุ๊คกิ้งดอทคอม ชื่อดังระดับโลก ประกาศปลดพนักงานมากถึง 17,000 คน หรือราว 25% ของพนักงานทั้งหมด 68,000 คนทั่วโลก

    ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายเกล็น โฟเกล เปิดเลยว่า เป็นโชคที่ไม่ดี จากผลของวิกฤตครั้งนี้ บุ๊คกิ้งดอทคอม ซึ่งก็เหมือนกับบริษัททัวร์อื่นๆ จำเป็นต้องใช้มาตรการที่ยากลำบากมากๆ ที่จะต้องลดจำนวนพนักงานทั่วโลก โดยมีจำนวนมากถึง 25% ของพนักงานทั้งหมด

    สาเหตุในการปลดพนักงานมากถึง 25% ในครั้งนี้ เกิดจากรายได้การของทัวร์ออนไลน์ของบุ๊คกิ้งดอทคอมทรุดต่ำอย่างรุนแรง -51% ในช่วงไตรมาสที่ 1 ในขณะที่ผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่ 2 จะประกาศในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ หากนับตั้งแต่ต้นปีนี้ พบว่า ราคาหุ้นของบริษัทดังกล่าวร่วงระนาว -19.65%

    ทั้งนี้ บุ๊คกิ้ง โฮลดิ้งส์ อินคอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นาสแดค นิวยอร์ก โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงอัมสเตอรดัม ประเทศเนเธอแลนด์ ซึ่งมีการจ้างงานมากถึง 5,500 คน

    #จองทัวร์ #ทัวร์ #เที่ยว #ปลดพนักงาน #ตกงาน #misterban

     

แชร์หน้านี้

Loading...