@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    KKH1xpG3aNfY7YV0C6JVNhooBqG5QUQrY1AYdA0xwIfjxDQ5ZQIWgba90jzb1-HnY164V5U7&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg


    ...”บูชากู ดอกบัวก็ดี หรือดอกไม้อะไรก็ได้ ๑ กำ ธูป ๙ ดอก
    ขออะไรก็ขอตรงๆ อย่าซับซ้อน
    ไม่ต้องคิดมาก อย่าหาคำลวดลายมาก
    ดัดจริตมากไม่เอา เอาที่ตรงๆ

    คิดถึงกูก็บอกกู อยากเจอ อยากเห็นกู
    ก็บอก ทุกข์ร้อนอะไรบอกกู
    ปรับทุกข์กับกู ออกเสียงให้เสียงมันชัดเจน จะร้องไห้ต่อหน้ารูปกูก็ได้
    กูรับรู้ได้

    มึงใครโดนรังแกมา ทนไม่ไหวก็บอกกู บอกว่าไอ้คนนั้น หรือนังคนนี้
    ทำกับผม รังแกผม ทำกับหนู
    รังแกหนูไว้มากเกินจะทน
    คิดร้ายกับเรา ขอให้แพ้ภัยตัวเอง
    บอกชื่อมันมา กูจะช่วยให้มันกลับมาเป็นมิตร

    ขออะไรกับกู ก็อย่าเรื่องมาก
    คิดอย่างไรก็บอกกับกูตรงไปตรงมา
    เน้นที่ใจจริงของมึง บอกกูต่อหน้ารูปกู
    หรือรูปปั้น คุยกับกูให้เหมือนคุยกับพ่อ

    อย่างเดียวที่กูไม่ช่วย
    คืออย่าแช่งใคร อย่าอธิษฐานขอกู
    ให้ใครชิบหาย ไม่ใช่ไม่ได้ผล
    ได้ผลมีแต่เข้าตัวมึง
    หากทุกข์ร้อนให้จุดธูป ๙ ดอกบอกกู
    ครูกูแรง”...

    หลวงพ่อกวย ชุติณฺธโร
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    สัจจวาจาอันศักดิ์สิทธิ์

    "ฉันอธิษฐานพระให้เพียงครั้งนี้หนเดียวเท่านั้น และพระฉันถึงจะแตกหักเสียอย่างไร เมื่อนำมาบด แล้วสร้างใหม่ ก็ยังคงความศักดิ์สิทธิ์เช่นเดิม เหมือนที่ฉันอธิษฐานให้ไว้..ทุกประการ"

    บุญเรือน โตงบุญเติม

    ภาพนี้ถ่ายที่วัดโพธิสมภร จังหวัดอุดรธานี

    ภาพสื่อให้เห็นถึงว่า คุณแม่ท่านนั้นวางตนง่ายๆ ท่านปูเสื่อแล้วก็วางของต่างๆที่ใช้ในการรักษาโรค และก็ของอธิษฐาน เพื่อเตรียมพร้อมอธิษฐานและจะรักษาทุกคนเลย ไม่ต้องพิธีรีตองอะไร ปูมันอย่างนี้เลย ( ปูที่สวนข้างทางเลย )

    จากนั้นท่านกล่าวอธิษฐานว่า

    "เพราะฉันรักษาหาย สิ่งที่ฉันรักษานั้นศักดิ์สิทธิ์ ขอให้มั่นเทอญฯ ไม่ต้องห่วง แม่จะรักษาพวกเจ้าให้หายเองแล้วพวกเธอจะรู้เอง"

    Cr.พุฒิ นิพพาน บันทึกธรรม

    ศักดิ์สิทธิ์ เรียบเรียง

    pk5CEcX2JwJSZozX-ChcgqhEhtqMsOS_8czZE9SFBO2dEFQzZ-dXDLED1tPJA8bjYROji0eU&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    ?temp_hash=7a657a3cb006cf98b25913b1548a3fea.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    jQmFKVlvGCK1QfuLSDNjxsbX_Jzl0aAPeywGI0XeR4Df&_nc_ohc=OxrmoJQtxckAX_JHb1X&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    รับขันครูแล้วเดือดร้อน


    ถาม : มีเพื่อนที่รู้จักเจ้าค่ะ เขาไปทำพิธีครอบองค์ รับองค์ค่ะ มีผู้ที่หวังดีใช้มีดหมอช่วยแก้ให้เขา คิดว่าจะให้ที่ครอบนั้นหลุด แต่ไม่หลุดเจ้าค่ะ แล้วทีนี้เราก็ต้องไปช่วย เหนื่อยมากเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าตรงจุดนี้เราจะช่วยแก้ไขอย่างไร ?
    ตอบ : อันดับแรกถ้าขันครูยังอยู่ บอกกับเขาว่าที่ครอบครูมาขออนุญาตคืน แล้วก็ลอยน้ำไปเลย ถ้าขันครูยังอยู่แก้ไม่ได้

    พวกไปครอบครู รับขัน รับอะไรมาให้ระวังนิดหนึ่ง เพราะว่าระยะหลัง ๆ มีพวกหากินทางนี้โดยเฉพาะ พอเราไปรับของเขามา เท่ากับว่าเรายอมรับการเป็นบริวารของเขา เขาจะใช้ผีหรือใช้ไสยศาสตร์ควบคุมเราได้ง่ายขึ้น มีพวกหากินทางด้านนี้มากขึ้นไปเรื่อย ๆ

    เพราะฉะนั้น..เวลาจะรับอะไร ต้องพิจารณาให้ดี ระวังตัวเอาไว้ด้วย เดี๋ยวจะเสียท่าเขาง่าย ๆ ถ้าไม่แน่ใจจริง ๆ ให้ถอยไว้ก่อน

    ส่วนคนที่รับมาแล้ว ถ้าหากว่าระแวงหรือว่ากลัวขึ้นมา ก็อย่างที่ว่านั่้นแหละ บอกเขาว่าที่รับมานั้น ตอนรับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่รู้ว่ารับมาได้อย่างไร ขออนุญาตส่งคืน

    ถาม : แล้วตอนขออนุญาตส่งคืนจะต้องทำอย่างไรบ้างเจ้าคะ ?
    ตอบ : เอาลอยน้ำไป

    ถาม : เอาอะไรลอยน้ำเจ้าคะ ?
    ตอบ : ขันครู

    ถาม : ที่เขาติดตัวอยู่หรือคะ ?
    ตอบ : ที่เขาให้มา ส่วนใหญ่พวกนี้เขาจะให้ขันครูมา อาจจะเป็นขันห้า หรือขันแปด เขาจะให้มา แล้วให้เราบูชาด้วยการจัดดอกไม้ธูปเทียนบูชาเป็นประจำ อาจจะทุกวันพระ ทุกวันศุกร์ ทุกวันพฤหัสบดี อะไรอย่างนี้ ให้เอาไปลอยน้ำทิ้งเสีย ถ้าโกรธเขามากก็ลอยน้ำครำไปเลย..! ...(หัวเราะ)...

    ถาม : แล้วเขาจะไปหรือเจ้าคะ ?
    ตอบ : ถ้าหากว่าทำอย่างนี้แล้ววิธีแก้จะง่ายขึ้น แต่ถ้าหากขันครูเขายังอยู่แก้ยาก เดี๋ยวก็ได้ฟัดกันทั้งวันจนกระทั่งเราเองหมดแรง แล้วเขายังไม่เป็นอะไรเลย

    พวกนี้อันตรายเหมือนกัน ถ้าหากเราไปสู้รบปรบมือกับเขา จากประสบการณ์ที่เจอมา ถึงกำลังของเราจะสูงกว่าก็จริง แต่เราต้องกินต้องนอน เจ้าพวกผีนั้นไม่ต้องกินไม่ต้องนอน เขาก็ตามเล่นเราอยู่ตลอดเวลาเลย เผลอเมื่อไรเป็นโดน..!

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ เดือนสิงหาคม ๒๕๔๔
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    2RlwhhRrwMIgXf_puyKEXFfPcKWw88D97PUb34mvpTSQ&_nc_ohc=-_hPezkGrnUAX8NfHOq&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    VV26X_w8bzzgcSwmRSmVvktyLDm97WES9rjB09pduHnB&_nc_ohc=U-pYKPmLaD0AX--YaIA&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    wJm_jV3mSPKMvGbzXUdhNhJyFIesAwHImgxtLHwA-eZL&_nc_ohc=B7vNaRQUDE4AX-hQAQo&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    +++นิยตโพธิสัตว์ก็ลาพุทธภูมิได้+++

    ถาม : พระพุทธเจ้าท่านเคยพยากรณ์ไว้หรือเปล่าครับว่าโตไทยพราหมณ์เป็นพระโพธิสัตว์ชั้นไหน
    ตอบ : นิยตโพธิสัตว์แน่นอนด้วยว่าจะตรัสรู้ในภัทรกัปนี้

    ถาม : ทำไมเรียกภัทรกัปล่ะครับ ?
    ตอบ : ภัทรกัปแปลว่ากัปที่มีความเจริญมาก

    ถาม : ไม่ใช่ ๕ องค์ ใช่ไหมครับ ?
    ตอบ : กัปที่มีพระพุทธเจ้าจะประกอบไปด้วยสารกัป มีพระพุทธเจ้า ๑ องค์ มัณฑกัป มีพระพุทธเจ้า ๒ องค์ วรกัป มีพระพุทธเจ้า ๓ องค์ สารมัณฑกัปมีพระพุทธเจ้า ๔ องค์ และภัทรกัป มีพระพุทธเจ้า ๕ องค์

    คราวนี้dHจะมีพวกสุญกัป อันตรายกัป ที่ว่างจากพระพุทธเจ้า มีแต่สิ่งชั่วร้ายอะไรต่าง ๆ เยอะแยะไปหมดนาน ๆ ถึงจะมีกัปที่มีพระพุทธเจ้าขึ้นมาทีหนึ่ง #แต่ปรากฏว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ฟลุคที่สุดเป็นภัทรกัป ๒ กัปติดกัน มีพระพุทธเจ้าต่อเนื่องถึง ๑๐ องค์ ใครเกิดช่วงนี้เฮงที่สุดแล้วก็ซวยที่สุด เฮงที่สุดก็คือทำความดีไม่ต้องมากหรอกขึ้นไปได้แค่สวรรค์ พระศรีอาริยเมตไตรย์ขึ้นไปเทศน์ โดยเฉพาะพวกเรายึดใน ทาน ศีล ภาวนา อยู่ รับรองว่าตอนนั้นสวรรค์ร้าง ท่านคงกวาดไปหมด แต่ถ้าพลาดลงนรกนี่เอาแค่ขุมตื้น ๆ เท่านั้นนะ ผ่านไป ๑๐ องค์นี่ยังไม่ทันได้โผล่หรอก เพราะฉะนั้นเฮงที่สุดแล้วก็ซวยที่สุดในเวลาเดียวกัน

    ถาม : อย่างนี้มาเกิดในพุทธศาสนานี่ก็วัดดวงที่สุดเลยสิครับ ?
    ตอบ : ก็โดยเฉพาะโตไทยพราหมณ์กับสุภมานพตรัสรู้ติดกันสุภมานพตรัสรู้ก่อน สุภมานพจะเป็นสมเด็จพระพุทธเทวเทพสัมมาสัมพุทธเจ้า โตไทยพราหมณ์จะเป็นสมเด็จพระพุทธนรสีหสัมมาสัมพุทธเจ้า พ่อไปทีหลังลูก ลูกได้ก่อน คำพยากรณ์เขาพยากรณ์แน่นอนอยู่แล้ว อาจจะป็นไปได้ด้วยว่าช่วงนี้ท่านลงกว่าจะขึ้นมาก็เลยไปทีหลังลูกก็ได้

    ถาม : อย่างนี้ก็ครบ ๑๐ องค์แล้วนี่ครับ พระศรีอาริยเมตไตรย์ หลวงปู่ปาน ?
    ตอบ : เกิน เขาบอกเอาไว้เกิน แสดงว่าจะต้องมีผู้ที่ลาพุทธภูมิในช่วงนี้อีก ที่รู้แน่ ๆ ก็คือ #พระยามาราธิราชลาแล้ว..ใช่ไหม ? ในอนาคตวงศ์เขาเริ่มพระศรีอาริยเมตไตรย์องค์ที่ ๑ ช้างปาลิไลยกะองค์ที่ ๑๐ แต่ว่าเราต้องการแค่ ๖ เพราะฉะนั้น #ต้องลาอย่างน้อย_๔_องค์ พระยามาราธิราชลาไปแล้วก็เหลืออีก ๓ องค์ ก็ดูว่าใครจะสละสิทธิ์

    Cr. หลวงพ่อเล็กวัดท่าขนุน
    คัดลอกจากหนังสือ กระโถนข้างธรรมมาสน์
    เล่ม2 หน้าที่ 5
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    vBBX_Yo4T9h6YqbfVM01LCJ9hAyxcibTjWFn9A3dAy_M&_nc_ohc=Hr-a4YJi5LMAX_NsoDo&_nc_ht=scontent.fcnx4-1.jpg
    พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกอะไร พวกเราก็มักจะหูทวนลมกัน ท่านบอกว่า #หลวงพ่อไหลมาเทมา เราก็ไปเอา "หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา" ตกลงว่าทองเทิงอะไรก็ไม่เอาแล้ว

    #ไหลมาเทมา ของท่านคือทุกเรื่องทุกอย่าง เรียกว่าในสิ่งที่ดี ๆ ทั้งหมด แต่คนเอาแค่หลวงพ่อเงินไหลมาเทมา จะเอาแค่เงินอย่างเดียวก็ตามใจ"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
    เก็บตกบ้่านเติมบุญ เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    นวโลหะ โลหะถอนอาถรรพ์ นวโลหะ ผสม ๙ อย่าง ของที่ทำยากและมีอานุภาพแปลกประหลาดกว่าเพื่อน

    พระอาจารย์กล่าวว่า "เป็นเรื่องแปลก...พระขุนแผนเกราะเพชรคนกลับไม่นิยมที่ฝังตะกรุดเนื้อนาก ทั้ง ๆ ที่ตะกรุดเนื้อนากนอกจากจะทำยากที่สุดแล้ว ยังเป็นโลหะถอนอาถรรพ์ได้ เพราะสมัยก่อนเทคนิคการผสมโลหะยังไม่ค่อยดี บรรดาพวกคนที่ทรงฌาน ทรงสมาบัติ ก็สร้างตัวคาถาขึ้นมาบ้าง วิชาบ้าง ที่สามารถป้องกันอาวุธได้ แต่คราวนี้อาวุธที่ป้องกันได้นั้นมักจะทำจากโลหะชนิดเดียว เขาก็เลยต้องมีการทำโลหะผสมขึ้นมา โลหะผสมที่ทำขึ้นมาก็เพื่อที่จะใช้แก้เรื่องการป้องกันพวกนี้แหละ ไม่อย่างนั้นแล้วก็ทำอะไรเขาไม่ได้

    ในเรื่องของนากก็เหมือนกัน ที่สมัยก่อนเขาเล่นแร่แปรธาตุกันขึ้นมาจนได้โลหะนาก ซึ่งมีส่วนผสมของเงิน ทองแดง ทองคำ ฯลฯ ถ้าใช้ถอนอาถรรพ์ต้องจัดอยู่ในส่วนของตรีโลหะ คือ ผสม ๓ อย่าง แล้วก็มีปัญจโลหะ ผสม ๕ อย่าง สัตตโลหะ ผสม ๗ อย่าง นวโลหะ ผสม ๙ อย่าง อย่างหอกที่ใช้แทงชาละวัน พญาจระเข้หนังเหนียว อาวุธอะไรก็ทำไม่ได้ ต้องเล่นถึงสัตตโลหะ อยากกันได้หลายอย่างดีนัก ก็ล่อเสีย ๗ อย่างไปเลย

    นวโลหะเป็นผลพลอยได้ของการเล่นแร่แปรธาตุ เขาอยากจะทำทองคำ แต่ปรากฏว่าทองคำจริง ๆ เป็นสัตตโลหะ ผสม ๗ อย่างก็ได้ทองคำ ส่วนนวโลหะ ผสม ๙ อย่างได้เป็นนาก อันนี้อุตส่าห์ผสมทำตะกรุดนาก ม้วนยากม้วนเย็น กลับจองกันมาหน่อยเดียว ดู ๆ แล้วก็ขำ ของที่ทำยากและมีอานุภาพแปลกประหลาดกว่าเพื่อน กลับไม่มีใครใส่ใจ แต่ไม่เป็นไรหรอก....อย่างไรเสียอาตมาก็ไปเชิญ "ขุนแผน" มาเรียบร้อยแล้ว"

    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5395
    R2mP9Vxb1ZfBu8h3keencSMrHD2qwPsZZDcLw9UlBxBm&_nc_ohc=OlnQwEK0g64AX-VQi5c&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    l6Ayhur6tPU5sUVxrunCQfWV0bHBzZ714XL4x49ZPYKi&_nc_ohc=iH9sKE8GYD4AX9o7kyD&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    ถาม : เดี๋ยวนี้มีการศึกษาถึงการตัดต่อ DNA เพื่อที่จะได้ไม่ป่วยไข้ สรุปแล้วเราจะป่วยแบบอื่นหรือไม่คะ ?

    ตอบ : เดี๋ยวอย่างอื่นก็จะมาแทน ไม่มีทางที่จะป้องกันได้ ไม่มาทางใดก็ต้องมาทางหนึ่ง ถ้าคุณไม่ยอมรับเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ ก็อาจจะโดนรถ ๑๘ ล้อบี้ตายทีเดียวเลย #เรื่องของกฎของกรรมก็คือใครทำใครได้ ในเมื่อตัวเราทำเอาไว้ พยายามหลีกเลี่ยงด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ ทางแพทย์ศาสตร์ ฯลฯ เดี๋ยวต้องมีทางโดนจนได้

    วิทยาศาสตร์ยิ่งก้าวหน้า สังคมก็จะยิ่งเห็นแก่ตัว อาตมาสรุปอย่างนี้เลย เห็นแก่ตัวเพราะอะไร ? อย่างเช่นวิทยาศาสตร์การแพทย์ ต้องการอายุยืน ต้องการความไม่มีโรคภัย ต้องการให้ร่างกายแข็งแรง ไม่ได้นึกถึงคนอื่นเลยนะ แต่นึกถึงตัวเอง เลยกลายเป็นเรื่องของการเห็นแก่ตัวมากขึ้น

    โดยเฉพาะบ้านเราในปัจจุบัน เรื่องของหมอ เรื่องของยา กลายเป็นธุรกิจไปหมดเลย สมัยอาตมาเด็ก ๆ นี่บรรดาลุงหมอ ปู่หมอต่าง ๆ พอถึงเวลารักษาคนไข้ที่ไม่มีเงิน รักษาหายแล้วก็แจกค่าเดินทางให้กลับบ้านอีก ไม่มีเงินบูชาครู ไม่มีของบูชาครู ท่านจัดพานครูให้เลย ขอให้คุณทำตามวิธีเท่านั้น โรคภัยไข้เจ็บบางโรคที่ไม่น่าจะรักษาได้ ท่านก็รักษาได้

    อย่างหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน ตอนที่ท่านยังเป็นข้าราชการกรมรถไฟหลวงสมัยนั้น ท่านป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ที่โบราณเรียกว่าฝีประคำร้อย หมอปัจจุบันหมดปัญญาจะรักษา ท่านได้ข่าวว่าหลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ รักษาได้ ท่านก็ไปขอให้ช่วยรักษา ก็ต้องไปยกพานครูตามสายวิชาการ ให้หลวงปู่เดิมรักษาให้ พอรักษาหายก็เลยลาออกจากราชการ เพราะถือว่าชีวิตนี้เก็บได้ เรื่องของชีวิตฆราวาสพอกันทีแค่นี้ ท่านก็ไปบวช ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติจนกระทั่งกลายเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีคนนับถือมากมาย

    เก็บตกบ้านเติมบุญ ธันวาคม ๒๕๖๑
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    beIL75MYfmQbiGFV-KD7zibxN6SHOX1KIPk2tGGOgTNi&_nc_ohc=xmy35iRIW8QAX8D9Ckv&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน


    #พระราชภาวนาโกศล
    (#อนันต์_พทฺธญาโณ)
    #พระสงฆ์เสียเพราะอะไร

    ที่เสียๆนี่เกี่ยวกับลาภ พระเสียเพราะลาภ ลาภมากอย่างหนึ่ง สองเสียเพราะสมาธิ สมมุติว่าเคยได้ฌาน แต่ไอ้ฌานโลกีย์นี่นะ มันได้แล้วมันก็หายได้ แล้วได้คนสรรเสริญนี่น่ะพาให้เราลอยขึ้นไป แล้วเราก็ไม่วิเคราะห์ตัวเราเอง ไม่โจทย์ความผิดตัวเราเอง เมื่อลอยขึ้นไปแล้วนี่ มันก็ลงไม่ได้ ไอ้ลอยขึ้นไปติดเพดาน เงิน เงินก็พาไปให้กิเลสเราฟูขึ้นไปอีก

    พระนี่ดูยาก พระนี่ก็มีหลายระดับเหมือนกัน เขาเรียกว่าบารมีไม่เท่ากัน อย่างหลวงพ่อเคยบอกพระที่วัด ไม่ต้องให้ใครเขาไปยอเรา เราถามตัวเราเอง เขามีแบบวัดอยู่ บางคนนี่มีความพอใจแค่ทำทานนี่ ก็พอใจ แต่ชวนไปรักษาศีลนี่ ไม่เอาหรอก...ยาก โอ้โฮ..ศีลตั้ง ๕ ข้อ กระดุกกระดิกไปไหนไม่ได้เลย

    บางคนทำทาน เอา ชวนรักษาศีล ทำ แต่ชวนนั่งสมาธิ ไม่ไหว ไม่ได้เดี๋ยวบ้า บางคนทำทาน ทำ รักษาศีล ทำ ภาวนา เอา แต่ชวนไปนิพพาน ไม่เอา ยังกลัวไม่มีก๋วยเตี๋ยวกินอีก

    หากปรมัตถบารมีนี่ ชวนทำทาน ทำ รักษาศีล พอใจ มีความสุข เจริญภาวนา โอ๊ย...ชอบมากเลย มีความสุขใจเหลือเกิน เห็นทางบรรลุมรรคผล ชวนไปนิพพานชาตินี้ ทนไม่ไหว ต้องไป นี่เขาเรียกปรมัตถบารมี สามารถจะบรรลุได้ มรรคได้ ผลได้ ทีนี้กำลังใจของคนมันไม่เท่ากัน การปฏิบัติก็หยาบละเอียดต่างกันไป

    คือเราจะไปวัดนี่มันต้องมีความรู้ อย่างหลวงพ่ออย่างนี้นะ ต้องมีเจโตฯ ต้องมีทิพจักขุญาณ มันถึงจะดูคนรู้ ถ้าเรามาเดาจริยากันภายนอกหรือการเห็นกันอย่างนี้ บางทีมันไม่ออก แต่กิริยานี่ มันทำฉาวโฉ่ออกไปนี่ มันก็น่ากลัวน่าเกลียด

    ทีนี้ พระที่สนทนาธรรม ก็สังเกตดู คุยกับพระ คุยไม่ได้ถึง ๔ อย่างนี่หรอก แค่ศีล บางที่ท่านก็ร่อแร่แล้ว คุยกันนี่ร่อแร่ จุดประสงค์ของการบวชมันไม่เหมือนกันนี่ ไม่เหมือนกัน บางคนบวชเป็นประเพณี บวชเพื่อเป็นนิสัยปัจจัย ตรงนี้มันก็สำคัญ

    บางคนบวชแล้วนี่ ไปอ่านที่เทวทัตท่านลงอเวจี ท่านมีสมาธิอยู่ก่อน ที่คนยกย่องท่าน พอยกท่านมันก็มีพวกมาก ทีนี้มันลอยตัว มันเหลิงเลย พอมีพวกมากเหลิงปุ๊บ ก็จะแยกนิกายขึ้นมา พระพุทธเจ้าปกครองนี่..ไม่ไหวเลย บางทีทำไม่รู้ไม่ชี้ พระพุทธเจ้านี่ ท่านรู้กฎของกรรม ท่านก็ไม่ติงใช่ไหม

    เทวทัตว่าอย่างนี้ไม่ถูก อย่างนั้นไม่ถูก ให้คนกินเนื้อสัตว์ เอ๊ะ...ห้ามฆ่าสัตว์ แต่พระพุทธเจ้าท่านไม่เห็นห้ามคนกินเนื้อสัตว์เลย เขาว่า ปากว่าตาขยิบ พระเทวทัตท่านบอกอย่างนั้น จริงๆ มันต้องไม่กินเนื้อสัตว์สิห้ามเขาแล้วนี่

    ทีนี้ไอ้คนที่เป็นสาวกก็ยกย่องสรรเสริญ มันก็ลอยล่ะสิ กูก็แน่เหมือนกันโว้ย ต้องปกครองสงฆ์แข่งพระพุทธเจ้า อีตรงนี้น่ะมันเข้าขั้นลอยขึ้นแล้วมันลงไม่ค่อยได้ บริวารมันค้ำอยู่นี่ เอาละวะ จิตก็เป็นมิจฉาทิฏฐิอีตอนนี้ฌานจะเสื่อม อกุศลกรรมจะให้ผล ใครติงไม่ได้ มันลอยเสียแล้วนี่ มันเป็นอย่างนั้น

    อ่านหนังสือที่หลวงพ่อเขียนไว้นี้ เราก็วิเคราะห์ เออ..มันก็จริงตามนั้น

    "เรื่องพระนี่มีคนเขาเสนอมา เขาบอกว่าได้โสดาบันแล้ว ให้มีเครื่องหมายอย่างนี้ สกิทาคาเครื่องหมายอย่างนี้ พอถามหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็บอกว่า ถ้าไอ้อย่างนี้มันก็โกงกันได้นะสิ"

    ท่านบอกว่า อย่าไปห่วงกังวลตัวนี้ ท่านพูดไว้นะ คนที่มันเกิดมานี่ มันจะมีมรรคมีผลนี่ มันมีกำลังใจมาแล้ว มันจะพอใจสิ่งที่ว่ามีมรรคมีผลเท่านั้น จิตของเราเองมันจะพอใจเฉพาะพระที่มีมรรคมีผล ถ้าไม่มีมรรคผล มันก็รู้ มันก็ไม่เข้าไปปักในใจ ถ้าเราจะได้มรรคได้ผลนี่มันจะพอใจ เอ้อ..องค์นี้สอนอย่างนี้ มันถูกใจ มันถูกจริต จะต้องคุย จะต้องปฏิบัติ เชื่อท่าน อะไรอย่างนี้

    ถ้าเราจะไม่มีมรรคผล มันก็เกาะไอ้พวกนี้ไป เกาะที่เปลือกไปอะไรไป ก็ว่าอย่างนี้ดีแล้ว มันจะเป็นอย่างนั้น

    อย่างท่านเองนี่เจอ #หลวงปู่ปาน ครูบาอาจารย์เป็นพระอรหันต์แนะนำ อย่างหลวงพ่อโหน่ง หลวงพ่อเนียมนี่ มันจะพอใจกัน พระในประเทศไทยตั้งเยอะแยะ ทำไมไม่พอใจ ไปพอใจเฉพาะองค์อย่างนี้ เขาบอกองค์ที่จะได้มรรคได้ผล มันจะพอใจแต่พระที่มีมรรคมีผล จะคบแต่ พระจำพวกนั้น คนเปลือกก็ชอบเปลือกคบพระเฉพาะเปลือก ก็จะพอใจกันอย่างนั้น

    ฟังท่านเล่าประวัติหลวงปู่ปานนะ ที่ไม่มีจำหน่ายนะ แต่ว่าเก่าๆ ท่านจะเล่าให้ฟังหมด จะดูยากแต่พระเองจะดูรู้ มันมีอุปกิเลสอยู่ในนั้นเยอะน่ะ จะไปอ่านในอุทุมพริกสูตร แสดงตัวเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ อุปกิเลสมันอยู่ในตัวละก็ มันไม่ถึงความดีหรอก มันไม่เข้าถึงความดีเลย

    อย่างอะไรล่ะ สมมุติห่มจีวร พูดถึงห่มจีวรกัน สมัยก่อนวัดเรานี่ไม่ใช่ว่าวัดเรามันจะดีกว่าคนอื่นนะ อย่าไปคิด ดีไม่ดีมันอยู่ที่การงดเว้น ไม่ใช่ว่าอยู่วัดท่าซุงจะดี ครูบาอาจารย์สอนเป็นพระอรหันต์แล้วจะดีไปหมด อย่าไปคิดอย่างนั้น อยู่ที่การงดเว้นของตัวและบุคคลที่ปฏิบัติ ไม่ใช่เข้าไปอยู่วัดท่าซุง โอ้โฮ... แจ๋วไปหมด อย่างนั้นไม่ใช่ ไม่รับรองว่าจะแจ๋วทุกองค์ หรือเจ้าอาวาสจะแจ๋ว ใครจะแจ๋วไม่รับรองใคร แต่ว่าอยู่ที่การปฏิบัติของตัวคนนั้นเอง

    คนเรานี่มันจะอยู่ที่อุปาทานรวมๆ ครูบาอาจารย์องค์นี้ดี ถ้าอย่างนี้ต้องดีหมดอะไรอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วแม้แต่ตัวพระ
    เองก็ต้องคิดว่า เรานี่มันงดเว้นอะไรได้บ้าง มันต้องเตือนอยู่เสมอ มันต้องว่าตัวเองอยู่เสมอ ไม่ใช่ว่าตีคลุมไปอย่างนั้น ส่วนมากคนจะตีคลุมไป อยู่สำนักนี้แล้วจะต้องแจ๋ว จะอยู่ที่ไหนก็ช่างเถอะ แต่มันก็ดีอยู่อย่าง คืออยู่ในสิ่งแวดล้อมดี สุขภาพจิตไม่ค่อยเสีย

    อย่างเราพอใจนิพพาน จะไปอยู่ไอ้ที่เขาพอใจทางโลกกันนี้ อารมณ์ก็หงุดหงิด แต่อยู่ในสังคมอย่างนี้มันก็คุยกันรู้เรื่อง่าย วัดเรานี่ ก็อยู่ในกลุ่มที่ว่า มันลงเรือลำเดียวกัน แต่มันยังไม่บรรลุมรรคผล แต่ว่าจุดมุ่งหมายไปทางเดียวกัน

    #พระราชภาวนาโกศล
    วัดจันทาราม(ท่าซุง)จ.อุทัยธานี
    : #พระราชภาวนาโกศลเถรานุสรณ์
    (#อนันต์_พทฺธญาโณ)หน้า ๕๐-๕๒
    ..Moddam Thammawong
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    FsLlF5xCM208WMksBIiM8TanDbAkGDE0wFxMTaN9jWd1&_nc_ohc=azqVc-8cpwYAX8Q6a3c&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    #ให้การสงเคราะห์ในเพศตรงข้ามต้องระวังเรื่องความสัมพันธ์ให้ดี

    ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายต้องระวังความสัมพันธ์ให้ดี การให้การสงเคราะห์ในเพศตรงกันข้าม ผู้ชายสงเคราะห์ผู้หญิงก็ดี ผู้หญิงสงเคราะห์ผู้ชายก็ดี แม้จะด้วยความเมตตาบริสุทธิ์ก็ตาม

    คนเราอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ เมื่อคิดเข้าข้างตัวเองก็อดคิดไม่ได้ว่า เขามาช่วยเราขนาดนี้ เขาต้องชอบเราแน่เลย ถ้าคิดแค่นี้ยังไม่มีปัญหา แต่ถ้าเขาทุ่มเทกำลังใจให้...แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ? ถ้าคุณมั่นคงอยู่ในศีลในธรรมก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าวันไหนคุณมีทีท่าเอนเอียงตามไปด้วย ตบมือข้างเดียวไม่ดัง แต่คุณยื่นหน้าไปให้เขาตบก็ดังแน่นอน อย่างนั้นก็เรียบร้อย..ไม่รอดสักราย

    ระวัง..ยิ่งเป็นอาจารย์คนอื่นเขาเดี๋ยวก็โดน เขาจะมาเอง แล้วจะมาอย่างคิดไม่ถึงด้วย พอเราสงเคราะห์เขาไปก็จะออกมาแนวนี้เลย เพราะฉะนั้น..ต้องขีดวงตัวเองให้ดีที่สุด

    อาตมาเองในสมัยฆราวาส ขีดวงล้อมประจำตัวแน่นปั้กเลย ทั้ง ๆ ที่ไปไหนสาว ๆ ตามเป็นขบวนเลย เพราะอาตมาบอกเขาชัด ๆ เลยว่า "ไปกับพวกเธอจะให้ฉันเป็นพ่อเป็นได้ เป็นพี่เป็นได้ เป็นลูกเป็นหลานก็เป็นได้ แต่เป็นผัวเธอ ฉันไม่เอา"บอกเขาให้ชัดไปเลย เขาจะได้ไม่ต้องมาตั้งความหวังไว้กับเรา ตัวเราเองถ้าหากมัวแต่สงสารเขา เดี๋ยวก็เสร็จ วัวพันหลัก พันไปพันมา เชือกก็สั้นเข้า ๆ แล้วจะหนีไปไหนพ้น เดี๋ยววัวก็ขี่อยู่บนหลักนั่นแหละ..! น่ากลัวไหม?

    ผู้หญิงกับผู้ชายอยู่ใกล้กัน โดยธรรมชาติก็เหมือนกับแม่เหล็กดูดเศษเหล็ก จะมีการชื่นชมกัน ระยะแรก ๆ จะมีการตื่นเต้นเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา แต่พอนานไป ๆ ก็เกิดความเคยชินเมื่อเคยชินเขาจะไม่สนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาต่อไป เขาจะสนใจแค่ว่าเรามีความดีอะไรที่เคยสงเคราะห์เขาเอาไว้ เกิดมาตื้นตันในพระคุณก็เรียบร้อยอีก เหมือนในหนังจีนกำลังภายใน เกิดตื้นตันขึ้นมาเมื่อไร เขาขอมอบกายถวายชีวิตเราก็บรรลัยเลย ยิ่งถ้าเราจะปฏิบัติธรรมด้วยก็ไปไหนไม่รอดแล้ว

    "เอกายโน อะยัง ภิกขเว"พระพุทธเจ้าตรัสบอกไว้ชัดแล้ว ทางของบุคคลเดียว ถ้าหากหนทางนี้เป็นของบุคคลสองบุคคลเมื่อไร ก็จะก้าวหน้ายากมากขึ้นไปเท่านั้น

    ———————————————————-
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ที่มา www.watthakhanun.com
    ———————————————————-
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดพุทธบริษัท #วัดพุทธบริษัท
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #แบ่งปันธรรมะ
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    8004e9xMdpVEuiFEjSm63zi0slWLeZnAhnZZ1wJFDMhf&_nc_ohc=HLocfcH7SZwAX-K_dFa&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า "สมัยที่ไปอยู่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ เขาก็ถวายอาหารที่ดีที่สุดกับพระ......ผัดเผ็ดคุณวรนัส (เหี้ย)..!

    ถ้าหากว่าหน้าฝนใหม่ ๆ พวกนี้จะออกหากินกันเยอะ เพราะว่าหน้าแล้งแล้วส่วนใหญ่อาหารไม่ค่อยมี พวกนี้ก็จะโดนล่าประจำ

    ตอนแรกอาตมาก็ตักมาดู ปลาอะไรวะ กระดูกเป็นสามเหลี่ยมสามแฉก พอนึกว่าอะไรวะ เล่นโผล่มาเลย ตัวเบ้อเร่อ ต่อหน้าต่อตา แถมทวงส่วนกุศลด้วยว่า 'กินผมต้องให้บุญผมด้วย'

    ตั้งแต่นั้นมาเลยติดนิสัย ติดนิสัยตรงที่ว่าเวลาจะฉันอาหารจะอุทิศส่วนกุศล ตั้งใจว่าเธอทั้งหลายที่สละเลือดเนื้อร่างกายเพื่อเป็นอาหารอยู่ในขณะนี้ บุญตั้งแต่ต้นที่เราทำมาจนถึงบัดนี้ มีประโยชน์ความสุขแก่เราเท่าไหร่ ขอให้เธอทั้งหลายโมทนาได้รับประโยชน์ความสุขนั้นด้วยเถิด

    ก็เลยชิน โดนทวง จึงให้เขาบ่อย"

    __________________

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    คัดลอกข้อความมาจาก
    https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php…
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    vdPi3rtO4CyNrliuzTJVgVbTxYEjAOJs084TkCdTkFiC&_nc_ohc=fkjWsJT6xUQAX_Ax2yk&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    z_-KwmEpxq6Fi5zVsDzXbKMdwlwPmbisQ0cqshh-neE7&_nc_ohc=rVAD2PbFaHIAX_8A46r&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี

    ถาม :
    ผมกำลังจะไปสอบ แต่ช่วงนี้จิตฟุ้งซ่าน สวดคาถาชินบัญชร ๑๐ จบทุกคืนเพื่อให้มีสมาธิ แต่พอไปสอบจริง ๆ ก็ยังฟุ้งซ่านอยู่ครับ ควรจะแก้อย่างไรดี ?
    ตอบ : อยู่กับลมหายใจเข้าออก คาถาไม่ใช่สักแต่ท่องให้จบ ขณะท่องให้รู้ลมไปด้วย เมื่อเป็นสมาธิแล้วรักษาสมาธิไว้ได้ ก็จะไม่ฟุ้งซ่าน ถ้าฟุ้งซ่านแปลว่าไม่มีสมาธิแล้ว

    ถาม : ถ้าท่องคาถาไปเรื่อย ๆ ?
    ตอบ : ได้ แต่ให้ใช้ลมหายใจเข้าออกควบไปด้วย

    ถาม : ในขณะภาวนา ?
    ตอบ : คาถาต่าง ๆ ถ้าไม่อยู่กับลมหายใจเข้าออก ได้ผลน้อย ยิ่งลมหายใจเข้าออกรู้ได้ชัดเจนเท่าไร ก็ได้ผลมากเท่านั้น

    ถาม : แล้วถ้าตอนสวดคิดว่าขึ้นไปสวดให้พระฟังข้างบนละครับ จะอยู่กับลมหายใจเข้าออกได้อย่างไร ?
    ตอบ : ถ้าหากว่ามีความคล่องตัวก็สามารถที่จะทำได้ ให้กำหนดความรู้สึกอยู่ข้างบนอย่างเดียว ไม่ต้องสนใจลมหายใจเข้าออก

    .......................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ผู้ก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    .......................................
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    u_pMVgtqmX6ro8ZXACNduSdLWq_C62XopmJu3Ws_Oh0C&_nc_ohc=0UK1KqBAIhsAX9H49Qp&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    +++ ครูบาอาจารย์ท่านมีความฉลาด +++

    พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเองโดนเพื่อนพระบางท่านที่อยู่ในกลุ่มไลน์สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดตำหนิมา #บอกว่าไปเที่ยวเสกวัตถุมงคล #ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน #ควรที่จะเอาธรรมะบริสุทธิ์ไปให้แก่ญาติโยม

    อาตมาก็บอกว่า คนเข้าร้านข้าวแกงมากกว่า หรือเข้าร้านขายเพชรมากกว่า ? #ก็ต้องคนเข้าร้านข้าวแกงมากกว่า #เพราะว่าเขาต้องกินอยู่ทุกวัน เนื่องจากเงินยังมีไม่เพียงพอ ไม่เหลือเฟือขนาดจะไปซื้อเพชร #สำคัญอยู่ที่เราว่าทำอย่างไรที่จะแนะนำคนขายข้าวแกงว่า #มีเพชรซึ่งมีคุณค่ามหาศาลอยู่ ถ้าหากว่าคุณรวบรวมเงินได้เพียงพอแล้วก็ควรที่จะซื้อติดตัวเอาไว้บ้าง

    แบบเดียวกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้าก็คือเพชร #แต่คนส่วนใหญ่กำลังใจไปไม่ถึง #ก็ไปได้แค่ขั้นต้น โบราณจารย์ท่านฉลาด ท่านให้เรายึดวัตถุมงคล โดยไม่ให้ห่างจากทาน ศีล ภาวนา #เราจะเห็นว่าวัตถุมงคลบางชิ้นเราต้องภาวนาคาถาเงินล้าน ต้องใส่บาตรประจำ วัตถุมงคลบางชิ้นเราต้องรักษาศีลอย่างน้อยสองข้อ ก็คือ ต้องไม่ลักขโมย ต้องไม่กินเหล้า เป็นต้น"

    "ถึงเวลาก็ต้องมีการอาราธนา ก็คือการภาวนา #ก็แปลว่าโบราณจารย์ #ครูบาอาจารย์ท่านมีความฉลาด กำลังใจของเรายังต่ำอยู่ ไม่สามารถที่จะกอบโกยเอาเพชรมาได้ #ท่านก็พยายามที่จะต่อ #ก็คือต่อบุญต่อกำลังใจของเรา #หาทางเสริมบุญของเราให้เพียงพอ #เหมือนอย่างกับสร้างต้นทุนให้เราพอที่จะซื้อเพชรนั้นได้ ไม่ใช่ไปยืนตำหนิชี้หน้าด่าคนอื่น ว่าดีแต่ชวนชาวบ้านเขากินข้าวแกง ไม่ใช่ชวนชาวบ้านซื้อเพชร เขาไม่มีสตางค์นี่คุณ จะได้พูดเต็มปากเต็มคำว่าเศรษฐกิจดี แล้วดีอยู่กี่คน เรื่องนี้เกี่ยวกันหรือเปล่า ? ไม่เกี่ยวนะ..บ่นแล้วก็พูดเลยไป

    เรื่องพวกนี้ที่ไหน ๆ ก็เหมือนกัน #พอตนเองทำไปถึงระดับหนึ่ง #จะเกิดมานะ #เกิดทิฐิ #เห็นว่าตนเองทำดีแล้ว #ถูกแล้ว ถ้าคนอื่นไม่ทำแบบนี้ก็คือใช้ไม่ได้ ถ้าลักษณะอย่างนี้ต้องบอกว่าโลกทัศน์คับแคบมาก ไม่มองบริบทและความเป็นจริงในสังคมของเรา ในสังคมที่คนยังไปถูท่อนไม้ ยังไปไหว้หมาหน้าเป็นลิง ยังไปไหว้ต้นกล้วยออกปลีกลางต้น ยังไปไหว้ต้นมะพร้าวออกจั่นเหมือนหงอนพระยานาค #แล้วคุณจะไปเอาธรรมะบริสุทธิ์ที่ไหนมาให้เขาได้ ?

    ใคร ๆ ก็รู้ว่าปริญญาเอกเป็นความรู้สูงสุดที่บ้านเรามี เด็กไม่ทันจะจบ ป.๔ แล้วบอกให้ไปเรียนปริญญาเอก #เขาจะเรียนไหวไหม ? ท่านไม่ค่อยจะนึกถึงตรงนี้กัน ในเมื่อเกิดทิฐิมานะขึ้นมาก็แบก แบกความรู้ แบกความดี #ในวาระสุดท้ายแม้แต่ดีชั่วก็แบกไม่ได้ #ต้องวางหมด เพราะถ้าไม่วางก็ไปไหนไม่ได้ แต่ทีนี้เรายังแบกดีอยู่ จะไปเอาดีได้อย่างไร ? เพราะว่าดีแท้ต้องเลิกแบก

    แต่บางทีอาตมาเองก็ดูแล้ว #ในเมื่อท่านกำลังใจเป็นแบบนี้ #ก็จัดอยู่ในประเภทน้ำชาล้นถ้วย เทลงไปก็ล้นทิ้งเสียเปล่า ๆ ดีไม่ดีก็ขัดคอกันอีกด้วย จึงต้องเงียบไว้ก่อน ปล่อยท่านแสดงทัศนะคติของท่านไป #โดยที่คิดว่า..เอาที่ท่านสบายใจก็แล้วกัน"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๖๒
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    ฤกษ์พรหมประสิทธิ์

    สมัยก่อนหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านต้องไปเทศน์หลายจังหวัด ถ้าทางน้ำก็แจวเรือไป ทางบกถ้ามีเกวียนก็นั่งเกวียน ถ้าไม่มีก็เดินไป หรือบางทีก็นั่งเรือไปครึ่งค่อนทาง แล้วก็ขึ้นบกเดินตัดทุ่งไป ปรากฏว่าเส้นทางที่ท่านไปเทศน์ที่อ่างทอง จะต้องผ่านเพิงขายกล้วยทอด (กล้วยแขก) ท่านบอกว่าปีแรกผ่านไปตรงนั้นก็ไปขอน้ำเขาฉัน "โยมขอน้ำหน่อย" โยมเขาก็เอาน้ำมาถวาย ปีรุ่งขึ้นก็คืออีกปีหนึ่งถัดไป เพิงกล้วยแขกกลายเป็นตึกสองคูหา..!

    หลวงพ่อไปถามเขาว่า "โยมทำอะไรถึงรวยขนาดนี้ ?" ถ้าสมัยนี้คงไม่แคล้วขายยาบ้า..! โยมบอกว่า "ได้ฤกษ์เศรษฐีมาจากหลวงพ่อที่วัดมาเปิดร้านเจ้าค่ะ" หลวงพ่อก็สอบถามจนมั่นใจ พอรู้ว่าหลวงพ่ออะไร อยู่วัดไหนก็ตามไป (อันนี้อาตมาไม่ได้ถามรายละเอียด) ตามไปเจอหลวงพ่อองค์นั้น หลวงพ่อฤๅษีฯ ก็ถามว่า "ท่านได้ฤกษ์นี้มาจากไหน ขอศึกษาตำรานี้ด้วยได้ไหม ?" หลวงพ่อองค์นั้นบอกว่า "ผมไม่หวงหรอก ผมก็ไม่รู้เหมือนกันฤกษ์นี้มีที่มาอย่างไร ?" ว่าแล้วก็ไปงัดตำรามาให้เป็นใบลานแผ่นเดียว มีอยู่แผ่นเดียว ข้างหน้าวันหนึ่ง ข้างหลังวันหนึ่ง แสดงว่าเขาเขียนหน้าละวัน แล้วหลวงพ่อท่านนั้นได้มาแค่นั้น หลวงพ่อฤๅษีท่านก็เลยขอจดทั้งหมด แล้วก็เลิกรับกิจนิมนต์จนกว่าจะหาฤกษ์นี้ที่เหลือเจอ

    หลวงพ่อท่านเข้ามาหอสมุดแห่งชาติ ค้นกันหูดับตับไหม้จนกระทั่งเจอ แล้วท่านก็เอามาบอกต่อพวกเรา ท่านบอกว่าฤกษ์นี้ถ้าเอาไปทำงานทำการอะไรก็ตาม จะมีความเจริญคล่องตัวมาก เรียกว่า ฤกษ์พรหมประสิทธิ์ ก็คือฤกษ์ที่พระพรหมท่านให้มา

    แต่คราวนี้ตอนที่หลวงพ่อบอกพวกเรานั้น ท่านบอกไม่ครบ นิสัยหลวงพ่อท่านเป็นคนช่างค้นคว้า หลวงพ่อท่านเรียนหนังสือนักธรรมตรี คนอื่นอ่านหนังสือแค่ ๔ เล่ม ได้แก่ เรียงความแก้กระทู้ธรรม ธรรมวิภาค พุทธประวัติ และพระวินัย แต่หลวงพ่ออ่านหนังสือครึ่งห้อง..!! ท่านบอกว่าตำราอ้างอิงถึงเล่มไหน ท่านไปค้นอ่านจนหมด..!

    ในเมื่อท่านชอบค้นคว้าขนาดนั้นท่านก็ค้นจนเจอ แต่ตอนบอกลูกศิษย์ท่านบอกไม่ครบ ท่านอยากรู้ว่ามีลูกศิษย์คนไหนชอบสงสัยค้นคว้าบ้าง แต่ปรากฏว่าทุกคนให้ความเคารพและไว้วางใจหลวงพ่อมาก ให้เท่าไรกูใช้แค่นั้น..!

    อาตมาเองแรก ๆ ก็สงสัยเหมือนกัน เพราะมีอยู่ฤกษ์หนึ่งหลวงพ่อท่านให้ฤกษ์ ๑๔ ค่ำวันศุกร์ อาตมาไปค้นดูแล้ว เป็นฤกษ์ที่เขาเรียกว่า วันสมตน แปลว่า เสมอตัว ทำแล้วไม่ดีไม่ชั่ว เจ๊ากันไป

    กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า ทำไมให้ฤกษ์นี้เขาไป หลวงพ่อบอกว่าบุญเขามีแค่นั้น ถามว่าแล้วให้ที่ดี ๆ ไปเลยไม่ได้หรือ ท่านบอกว่าถ้าเกินบุญเขาจะแย่ ก็สงสัยว่าของดีแย่อย่างไรครับ ? ท่านบอกว่าเหมือนกับเราแบกข้าวสารได้ถังหนึ่ง แล้วเขาโยนมาให้กระสอบหนึ่ง เรารับไหวไหม ? ก็คงโดนทับตายเท่านั้น..!

    หลวงพ่อสั่งไว้ด้วยว่าวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ ห้ามทำการมงคลใด ๆ ทั้งสิ้น ตายละหว่า...แล้วคนที่วันเสาร์ที่เป็นวันลาภวันชัย จะไปทำมาหากินอะไรได้ ในเมื่อหลวงพ่อค้นได้ อาตมาก็เอาอย่างบ้าง ไปค้นจนเจอเหมือนกัน ถึงได้ทราบว่าในแต่ละฤกษ์นั้น จะมีสิทธิโชค มหาสิทธิโชค อมฤตโชค ราชาโชค

    แล้วก็จะมีพวกฤกษ์สมตน กาลกิณี มรณะ เมื่อสรุปลงมาอย่างน้อยวันหนึ่งต้องมี ๓ ฤกษ์ ก็คือ สิทธิโชค มหาสิทธิโชค อมฤตโชค ฤกษ์เหล่านี้จะให้ผลในด้านดีเท่านั้น

    ส่วนวันห้ามต่าง ๆ ขอให้จำไว้ด้วยว่า
    - ถ้าขึ้นบ้านใหม่ให้เว้นวันอาทิตย์ โบราณถือว่าวันอาทิตย์เป็นวันร้อน

    - ขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่เขาใช้ฤกษ์วันศุกร์ เดือนคู่ คือ เดือนยี่ เดือน ๔ เดือน ๖ เดือน ๘ ข้างขึ้น เดือน ๑๒
    เดือน ๘ ข้างแรม กับเดือน ๑๐ เขาไม่นิยมใช้กัน เพราะถือว่าอยู่ในพรรษา

    - ถ้าหากว่าแต่งงานให้เว้นวันพฤหัสบดีกับวันเสาร์ ฤกษ์พวกนี้หลวงพ่อท่านไม่ได้เจาะจง แต่อาตมาเป็นคนช่างจดและก็ช่างจำ หลวงพ่อบอกอะไรจะจดไว้หมด ท่านบอกว่าแต่งงานวันพฤหัสบดี ไม่เกิน ๓ ปีเลิกกันแน่ ถ้าแต่งงานวันเสาร์ชีวิตจะมีรสชาติมาก เพราะว่าทะเลาะกันทุกวัน ให้เปลี่ยนไปแต่งวันอื่นแทน

    - ถ้าหากว่าจะออกรถออกเรือใหม่ ให้ใช้ฤกษ์ออกวันพฤหัสบดีแล้วเอาไปประเดิมวันอาทิตย์ หรือว่าออกวันอาทิตย์แล้วเอาไปประเดิมวันพฤหัสบดี อันใดอันหนึ่ง แต่อาตมานิยมให้ออกวันพฤหัสบดีแล้วประเดิมวันอาทิตย์ เพราะระยะเวลาไม่ห่างกัน ถ้าออกวันอาทิตย์กว่าจะถึงวันพฤหัสบดี รอตั้ง ๕-๖ วัน

    - วันเสาร์ ๕ ห้ามทำการมงคลใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นการพุทธาภิเษก

    - วันศุกร์ขึ้นหรือแรม ๙ ค่ำ กับวันเสาร์ขึ้นหรือแรม ๘ ค่ำ เป็นฤกษ์สร้างโบสถ์โดยเฉพาะ อย่าเอาไปสร้างบ้านหรือทำสิ่งอื่น

    ฤกษ์ทั้งหลายเหล่านี้ มีชุดหนึ่งที่เรียกว่า ดิถีพิฆาต ไม่ใช่ไม่ดี แต่ดีเกินไป ไม่ควรใช้

    หลวงพ่อบอกว่ามีหมอดูอยู่ท่านหนึ่ง อยู่บ้านโพธิ์นางดำ จังหวัดชัยนาท เอาฤกษ์สร้างบ้านวันศุกร์ขึ้น ๙ ค่ำ หลวงพ่อท่านเห็นก็เตือน บอกว่าฤกษ์นี้เขาใช้สร้างโบสถ์อย่าสร้างบ้านเลย รายนั้นก็รั้น มั่นใจตำราของเขา บอกว่าในเมื่อดีขนาดสร้างโบสถ์ได้ ทำไมจะสร้างบ้านไม่ได้ หลวงพ่อบอกว่า "ถ้าโยมไม่เชื่อก็รอดูผลแล้วกัน เพราะว่าหลวงพ่อของฉัน (หลวงปู่ปาน) ว่ามาอย่างนี้" หมอดูท่านนั้นก็รับคำท้า

    ปรากฏว่าบ้านหลังนั้นพอตั้งเสา ขึ้นเครื่องบน ยังไม่ทันจะมุงหลังคา ท่านบอกว่าพายุมากวาดบ้านหลังนั้นไปหลังเดียว ไม่แตะที่อื่นเลย หมอดูรายนั้นถึงได้ยอมเชื่อ

    อาตมาอยากจะบอกกว่า พวกฤกษ์นี้ก็เหมือนกับการข้ามถนน ถ้าเราข้ามตอนรถว่างก็ปลอดภัยแน่นอน แต่คนเก่ง ๆ ถึงรถมากก็ข้ามได้ เพียงแต่ว่าประมาทไปหน่อย เผลอเมื่อไรจะโดนชนเดี้ยง ดังนั้น..ถ้าไม่เกินวิสัยถือฤกษ์ไว้หน่อยก็ดี

    ฤกษ์ทั้งหลายเหล่านี้ที่หลวงพ่อท่านบอกท่านห้ามไว้ แปลว่าแต่ละอย่างท่านโดนมาจนเข็ดแล้ว ไม่อยากให้พวกเราต้องไปทดลองด้วยตัวเอง ถ้าใครไม่เชื่อว่าหลวงพ่อโดนจนเข็ดแล้วอนุญาตให้ลองได้ เพราะว่าหลวงพ่อท่านชอบทดสอบมากกว่าพวกเราเยอะ

    ฤกษ์ทั้งหลายเหล่านี้ พวกเราศึกษาไว้บ้างก็ดี เนื่องจากว่าถ้าอาตมาเป็นอะไรไป เราจะได้หาฤกษ์เป็น

    ฤกษ์พรหมประสิทธิ์ใช้ได้ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม
    อาตมาจะเรียงตาม อมฤตโชค มหาสิทธิโชค และสิทธิโชค

    วันอาทิตย์จะเป็นฤกษ์ ๘ ค่ำ ๑๔ ค่ำ ๑๑ ค่ำ
    วันจันทร์ ๓ ค่ำ ๑๒ ค่ำ ๕ ค่ำ
    วันอังคาร ๙ ค่ำ ๑๓ ค่ำ ๑๔ ค่ำ
    วันพุธ ๒ ค่ำ ๔ ค่ำ และ ๑๐ ค่ำ
    วันพฤหัสบดี ๔ ค่ำ ๗ ค่ำ ๙ ค่ำ
    วันศุกร์ ๑ ค่ำ ๑๐ ค่ำ ๑๑ ค่ำ
    วันเสาร์ ๕ ค่ำ ๑๕ ค่ำ และ ๔ ค่ำ


    ใช้ได้ทั้งข้างขึ้นข้างแรม ไปค้นคว้าหาเอาเอง เผื่อว่าอาตมาจำผิด

    อย่างปีนี้รีบ ๆ คิดปรากฏว่าพลาดไปครึ่งปี เลยต้องมาคิดวันใหม่ เนื่องจากว่าปีนี้เป็นปีประหลาด เขาเรียกอธิกวาร มีวันเพิ่ม ก็คือเพิ่มวันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ มา ถ้าหากว่าเป็นปีปกติจะไม่มีแรม ๑๕ ค่ำเดือน ๗

    เพราะว่าข้างแรมของเดือนที่เป็นเลขคี่ คือ เดือนอ้าย เดือน ๓ เดือน ๕ เดือน ๗ เดือน ๙ เดือน ๑๑ ปกติจะมีแค่แรม ๑๔ ค่ำ เท่านั้น แต่ปีนี้เดือน ๗ มีแรม ๑๕ ค่ำเพิ่มมาวันหนึ่ง

    ถ้าหากว่าจะคิดตำราทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าขยันก็เอาอย่างอาตมา ไล่ขึ้นแรมไปทีละวัน ถ้าไม่ขยันก็ไปเปิดปฏิทิน ๑๐๐ ปีหรือ ๑๕๐ ปี แต่ว่าเท่าที่อาตมาตรวจดูปฏิทินก็มีผิด เล่มที่น่าจะรอบคอบมากที่สุด คือปฏิทิน ๑๕๐ ปีของห้องโหรศรีมหาโพธิ์ ที่หน้าปกขาว ๆ และมีสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินอยู่ตรงกลาง

    ฤกษ์พรหมประสิทธิ์หรือว่าฤกษ์เศรษฐีของหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็มีความเป็นมาและความเป็นไปด้วยประการฉะนี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เทศน์ ณ บ้านอนุสาวรีย์
    เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๒
    ที่มา : www.watthakhanun.com
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,386
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,121
    ค่าพลัง:
    +70,468
    ตายแล้วไม่เน่า


    ที่วัดป่าเลไลย จังหวัดสุพรรณบุรี นมัสการศพของหลวงพ่อถิร ปรากฏว่าร่างกายไม่เน่าเปื่อย มีเล็บและเกศางอกออกมา เป็นที่อัศจรรย์ใจและเกิดความสงสัย เมื่อมีโอกาสได้กราบเรียนหลวงปู่ท่านอธิบายว่า
    “ผู้ที่ตายแล้วไม่เน่ามี ๓ ประเภท”

    ๑. ผู้ที่กินว่าน
    ๒. ผู้ที่มีคาถาอาคมเสกข้าวกินประจำ
    ๓. พระอรหันต์อธิษฐานทิ้งร่างไว้ให้คนสักการะกราบไหว้ ตัวอย่างเช่น หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน จังหวัดสุพรรณบุรี
    ผู้เขียนเกิดความไม่แน่ใจ เพราะเราไม่สามารถตัดสินได้ว่าองค์ไหนเป็นพระอรหันต์ หลวงปู่บอกว่า
    “เราต้องดูปฏิปทาหรือราศี พวกที่กินว่านหรือมีคาถานั้นจะไม่มีราศี ผิวพรรณไม่สดใส”

    ผู้เขียนจึงได้ปรารภกับหลวงปู่ โดยกล่าวอ้างถึงในสมัยก่อน หลวงปู่มีผิวพรรณที่ค่อนข้างดำ แต่ในปัจจุบันหลวงปู่มีราศีสดใสสวยงาม แม้แต่หลวงปู่บุดดา เมื่อก่อนเขาว่าท่านผิวดำเหมือนกัน หลวงปู่ตอบว่า
    “ไม่ต้องสงสัย กระดูกท่านยังฟอกเป็นพระธาตุได้ ผิวพรรณทำไมจะฟอกไม่ได้”

    เคยมีผู้มีบุญท่านหนึ่งมากราบนมัสการหลวงปู่ เมื่อท่านผู้นั้นกลับไปแล้ว
    หลวงปู่ได้ถามว่า“แกว่าข้ากับเขา ราศีใครดีกว่ากัน”
    ผู้เขียนรีบเรียนว่า “ว่ากันตามตรงหลวงปู่ราศีดีกว่าครับ”
    หลวงปู่ยิ้ม ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า“นั่นคือราศีทางโลก สู้ราศีทางธรรมไม่ได้”

    Eq2IFUq4tWzDJTSbk9fHKytOUtHNODvipijM7AXBK8u2u8ea1pT7qEmxKzt-eH8ixwcvMj40&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...