วิธีปล่อยสัญญา สังขาร

พี่ควายทุกสาขาและทุกคอกทั่วโลก... คุณไร้คมก็เขียนอยู่ว่าแค่แสดง คห.เล็กน้อย ....อะไรคือความเพ้อเจ้อ แล้วที่ไม่เพ้อเจ้อตรงตามหลัก อ.ย. ต้องเป็นเยี่ยงไร เหลาให้แหลมหน่อยดิ ลองมาแหกช่องทัวร์นรกกันมั้ยพรี่ควายย

อนาคา จิตแทบจะไม่หวั่นไหวเลย แต่ก็ยังไม่เต็ม 100 แค่ เกือบจบครอสสติปัฎฐาน เขาโพสแบบนั้นมันฆ่าตัวเองตรงไหน หรือพรี่ควายเองมากกว่าที่ฆ่าตัวเอง ...

 

แต่ไม่ได้พูดถึงชามที่เกิดจากตัวปัญญา กะชาม4 นะ ....มันคนละฐาน คนละความมั่นคง ...หรือพรี่ควายผู้ไม่เพ้อเจ้อ จะอธิบายให้โลกรู้ก็ได้นะ ...

 

ฌานคือ เพ่งอารมณ์ กับ เพ่งลักษณะ
มีวิตกวิจาร ปีติสุข อุเบกขา
แค่นี้ใช่ไหมครับ

 

ความต่างคือ

เพ่งหลายอารมณ์
กะเพ่งอารมณ์เดียว
กับ ผล คือ ลักษณะความเป้นของฌาน มี ถือไว้กะปล่อยวาง

หรือเรียกว่า มีอามิส กะไม่มีอามิส
หรือเรียกว่า สั่งได้กะสั่งไม่ได้


อารัมมนู คือ เพ่งอารมณ์ เดียวเล้กลงไปเรื่อยๆ

ลักขนู ก็คือ ลักษณะ ของไตรลักษณ์

ฌาน สองประเภท มีวิตกวิจาร
ปิติสุข เอกคตาเหมือนกัน

 

ขุดทิ้งไปเลยฮับ อรรถกถาจารย์
แต่งเติมเข้ามาภายหลัง

ออกแนวอ้างเลห์ เพทุบาย เพื่อเลี่ยง
การถูกตรวจสอบ "ญาณทัสนะ"

สมาธิ ของ พระศาสดา อธิบายด้วย
"องค์ฌาณ" ส่วนจะเห็น ความเกิดดับ
หรือไม่ มันมีสองลักษณะ คือ......

ซ่องเสพด้วย "นามกาย"

หรือ

แค่สัมผัสด้วย "นามกาย"

ถ้ามีการ ซ่องเสพด้วยนามกาย ก็จะ
เป็นเรื่อง สมาบัติ8

ถ้าแต่สัมผัส ก็จะเป็นแค่ วิโมกข์8

ดังนั้น

หาก ภาวนาเพื่อการ "ขัดเกลา" ยังไง
ก็ต้องปรากฏองค์ฌาณ ( ปฐมฌาณ
เกิดจากเหตุ ในส่วนพุทธศาสนาเกิด
จากการ "ละกามสัญญา" หรือ ละกามวิตก
ทำให้ จิตต้องมี วิบากเป็น ปฐมฌาณ
เหมือน มีไฟ ก็ต้อง มีควัน ห้ามไม่ให้
เกิด ไม่ได้)

ต่างจาก ฌาณฤาษี ที่เป็นเรื่อง เพ่ง
เพ่งนิดๆ เพ่งนานๆ อ้างเลห์ แท้จริง
แล้ว อรรถกถาจารย์ ออกแนวทำฌาณ
ไม่เป็น ไม่เคยสัมผัส แต่เก่ง ตรรกศาตร์
แล้ว "การจัดแบบเรียน" แบบกรีก

ลองพินาดูให้มากๆ ฮับ

ถ้า ช้า มีหวังโดน ฌาณฤาษี เอาไปกิน
แหงมๆ อาการมันฟ้อง ตอนที่ปรารภ
ว่า "เอาฌาณไปตัดกิเลส" นี่ออกแนว
ผลิกกลับไป มิจฉาทิฏฐิ เต็มประตู

แต่อย่าไปแปลกใจ

การภาวนานั้น พอจะถึงจุด ใกล้บรรลุ
ร้อยละร้อย นักปฏิบัติจะเกิด วิบากกรรม
เก่าตามทัน ซึ่งจะมี สองลักษณะ

คือ แบบพระศาสดา ..จะต้องปฏิบัติ
ผิดอย่างเลี่ยงไม่ได้(ใช้กรรม) ถึง6ปี
ในการ ลูบคลำศีลพรต (ฌาณฤาษี ก็เรียก)

กับ

กิเลสลากไปกิน คือ โลกธรรม8 ซัดกลับ
อย่างหนักหน่วง เป็นพระอาจถึง สึก เป็น
ฆราวาสอาจ ม้วยมรณา โชคดีก็แค่ เจ็บคอ
คุก คุก คุก อะไรงี้

สู้ ไหม สู้ !!!

ซู่

สู้ ไหม สู้ !!!

ซู่

สู้ ไหม สู้ !!!

สู้!!!

 

วิธีการ เสพ ให้เกิดวิบากผล เป็น สมาบัติ

หากไปเมา วิธีการ ฤาษี ก็จะเป็นเรื่อง วสี5
ซึ่งพอไปตรึกปั๊ป ร้อยละร้อย จะภาวนาแบบ
เพ่งอารมณ์ หมายจะเอา หรือไม่ก็ คาดเดาส่งเดช
ว่า เอ้ยตอนนี้ รูป ตอนนี้ อรูปและ

นะ

ถ้าเอา วิธีของ พระสมณะ โคดม หนึ่งไม่มีสอง

ให้สังเกตพระสูตร สอน พระโมคคัลลานะ เป็นหลัก

วิธีการมีแค่ " พิจารณาคุณ และ โทษ "( + ห้ามประมาท เด็ดขาด )

คุณของ จิตที่มีความสงบ สงัด อย่างนั้นๆ มีอย่างไร
ทำให้เกิดอย่างไร ผลเป็นอย่างไร ( สัจจญาณ
กิจญาณ กตญาณ ) ซึ่งจะมี รสอริยสัจจ4
( ถ้าพลาด จะไปภาวนาต่อ ตอนอุบัติเป็นพรหม
แล้ว จบใน ขณะจิตที่เกิดเลย ไม่ต้อง ค้างเติ่ง
รออายุหมด )

โทษของความสงบ สงัด เช่นนั้นมีอย่างไร

เน้นนะฮับ

โทษของความสงบ สงัด เช่นนั้นมีอย่างไร
( ซึ่ง จะไม่ขอบานลายายไว้ตรงนี้ ปล่อย
ให้เป็น หน้าที่ นักปฏบัติ จะ ใส่ใจน้อมนำ
คำ พุทธวจน เอาเอง ตึง.....ตึง..ตึง.ตึง ตึ )

กรณี ปฏิสัมภิทามรรค แค่ สัมผัส วิโมกข8ครบ
ก็ลองหาอ่าน มุขนัยของพระสารีบุตรดูฮับ
ว่า ใช้อะไรเป็น อคุหนิมิต ปฏิภาคนิมิต
( แอบเฉลย ไม่ใช่ เอา ฌาณไปตัดกิเลส
นะฮับ แต่ ใช้กิเลสเกิดดับ นั่นแหละเป็น
อุคหนิมิต ปฏิภาคนิมิต ปั่นสมาธิ ยักษ์ทุบ
หัวตอนล้างหน้า ไปปู้นนนนน !! )

 

ฌาน ที่เข้าไปแล้วความความสุข ไร้ตัวตน ไร้เพศ
นี่ก็ฌาน ฤษี
หรือเรียกสภาวะนี้ว่า นิพพานพรหม

 

การเพ่งมีสามแบบคับ
แบบที่หนึ่งการเพ่งจุดเดียวจนเกิดสมาธิขึ้นลงตามกำลังของสมาธิ,ฤทธิ์คับ
แบบที่สองเพ่งเพื่อพิจารณาเห็นตามความเป็นจริงของธรรมชาติทั้งหลายจนเกิดปัญญา,
แบบที่สามเพ่งจุดเดียวบ้างพิจารณาบ้างสลับกัน,มีทั้งฤทธิ์มีทั้งปัญญาคับ
เป็นเพียงการแชร์ความคิดเห็นเท่านั้นคับ

 

อันนี้น่าจะรูปแบบตามสายการฝึก..
เห็นปราบเคยเขียนอธิบาย
แยกออกเป็น 4 รูปแบบการฝึก

 

ดอกไม้ยังมีหลายสี
ชายชาตรีและนารีบางคน
มีใจเดียวยังแบ่งปันใจให้หลายคน
ความคิดเห็นมีสีดำบ้างสีขาวบ้าง
หรือแม้แต่มากมาหลากสี

หลับตาเปิดไฟยังเห็นแสง
แต่หากหลับใจแม้แต่แสงไฟก็เข้าไม่ถึงคับ

 

พระอานนท์ บอกไว้

ว่า 4 ทาง

 

ไร้คมก็ ชอบพูดเรื่อง แหวๆนะ ใครจะมีหลายใจก็ได้ทััังนั่นแหละครับชีวิตเป็นของของเขาทัังหลายมมีความสุขก็ดีแล้ว ชีวีมนุษย์มันสั้น555
ไม่เดือดร้อนใครก็พอแล้ว
เมื่อไรไปกินบัวกันดี

 

ศาสนาพุทธปฏิบัติสิ่งเดียวกันคับคุณปวี
แต่สิ่งที่ขาดหายไป
คือสิ่งที่เชื่อมโยงเข้าหากันคับ

 

ช่ายน้าเราไม่เคยฝากชีวิตไว้กะใคร
ฝากไว้กะคุณงามความดี
ที่รู้ตัวว่าเป็นคนดีเพราะมีแต่คนบอกวันๆ
ไม่ทำเกี้ยอะไร55
ปลืมปิติทันที

 

บัวตูมหรือบัวร่วงโรยคับ

 

ไร้คมเพคะ ใครมีหลายใจวานบอก
จะไปโชว์งานวัด หารายได้ ซื้อกระติกน้ำอุ่นถวายเป็นสิริมงคล
ตั้งแต่เรียนมา ยังไม่พบในสิ่งมีชีวิตเลย ตื่นเต้นๆๆ
คุณสุ ขายของดีไหม

 

ท่านสุรีอาจเขียนผิดก็ได้คับ
สี่ห้องแต่ใจเดียว
ห้องเดียวอาจอยู่ได้หลายคนคับ
หรือไม่ก็ไปอยู่ในใจใครหลายคน