ติดตามสถานะการณ์

ถ้าท่านได้กลิ่นเต่า แสดงว่าเราอยู่ใกล้กันเกินไปแล้ว

ที่ประเทศเยอรมนี การรณรงค์สวมหน้ากากอนามัยในรถโดยสารสาธารณะ แม้มีการรณรงค์ใช้มาตรการสวมหน้ากากกับระบบขนส่งสาธารณะในประเทศเยอรมนี แต่ดูเหมือนว่าทุกคนไม่เข้าใจและปฏิบัติ

ตอนนี้ผู้ประกอบการขนส่งของกรุงเบอร์ลิน ไม่มีทางเลือกอื่น จึงมุ่งเป้าหมายใหม่ ที่เชื่อว่าจะทำให้ทุกคนยอมสวมใส่หน้ากากแต่โดยดี (คุณปล่อยให้เราไม่มีทางเลือก) คือ การรณรงค์ไม่ต้องทาโรลออนระงับกลิ่นกาย

ในอีกด้านก็เพื่อใช้กลิ่นเป็นตัวตรวจจับระยะฯ เตือนผู้คนให้รู้ตัวว่า "ถ้าท่านได้กลิ่นเต่า แสดงว่าเราอยู่ใกล้กันเกินไปแล้ว"

...................

ภาพ/ข่าว DW - https://www.dw.com/en/coronavirus-dont-wear-deodorant-says-berlins-transport-company/a-54036674

 

Jul 9 , 2020 การบินไทยตั้ง Suvival Team จัดทำแผนธุรกิจระยะเร่งด่วน เพื่อฟื้นฟูกิจการ พร้อมเสนอต่อศาลล้มละลายกลาง
.
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการและ รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกคำสั่งเลขที่ 078/2563 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงาน Suvival Team เพื่อจัดทำแผนธุรกิจตามที่บริษัทฯ เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการโดยศาลล้มละลายกลาง และจะต้องจัดทำแผนธุรกิจ (Business Plan) ในระยะเร่งด่วน และระยะสั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูกิจการ ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทฯ จึงแต่งตั้งที่ปรึกษาและคณะทำงาน Sunival Team เพื่อจัดทำแผนธุรกิจ ดังนี้
.
ตำแหน่งที่ปรึกษาประกอบด้วย
.
-รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์
-รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาอย่างยั่งยืน
-รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ
-รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายช่าง
.
คณะทำงาน Sunvival Team เพื่อจัดทำแผนธุรกิจระยะเร่งด่วน และระยะสั้น (9 กค. -31 ต.ค . 63) ประกอบด้วย
.
นายชาย เอี่ยมศิริ หัวหน้าคณะทำงาน
นายสุวรรธนะ สีบุญเรื่อง รองหัวหน้าคณะทำงาน คนที่ 1
กัปตันชวาล รัตนวราหะ รองหัวหน้าคณะทำงาน คนที่ 2
นางเฉิดโฉม เทอดสถีรศักดิ์ คณะทำงาน
กัปตันเจตน์ เมืองครุฑ คณะทำงาน
นายสมัชชา ศรีทองสุข คณะทำงาน
นายทวิโรจน์ ทรงกำพล คณะทำงาน
นายเจริญ ใช้คล่องกิจ คณะทำงาน
นางศิราภรณ์ รัตนเศรษฐ คณะทำงาน
นายตรัส พรหโมบล คณะทำงาน
นางจันทริกา โชติกเสถียร คณะทำงาน
นายพรพจน์ วงศ์สวัสดิ์ คณะทำงาน
นายณัฐกร ชุณหชา คณะทำงาน
นางวันทนีย์ แก้วมีแสง คณะทำงาน
นายอนุภาส ศิริเวช คณะทำงาน
นางเมรยา อุดหนุน คณะทำงาน
นายกนต์ธีร์ ภัทราปริญสวัสดิ์ คณะทำงาน
นางกนิษฐา ศรีวรานันท์ เลขานุการคณะทำงาน
นายรัฐ รักสำหรวจ ผู้ช่วยเลขานุการคณะทำงาน
นางสาวพลอยไพลิน ภมรมนตรี โฆษก / ผู้นำเสนอ
นายนนทชัย ชีวินเฉลิมโชติ โฆษก/ผู้นำเสนอ
โดยให้คณะทำงานดังกล่าว ปฏิบัติหน้าที่ ดังนี้
.
จัดทำแผนธุรกิจระยะเร่งด่วนและระยะสั้น รวมทั้งส่งเสริม สนับสนุน และปฏิบัติให้เกิดผล และรายงานต่อกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
.
สามารถเรียกบุคคลต่างๆ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา
แต่งตั้ง หรือ จัดหา คณะทำงานชุดย่อยได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม เพื่อให้สามารถลงมือทำตามแผนที่กำหนด (สำคัญ และ Quick Win)ปฏิบัติงานอื่นๆ ตามที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่มอบหมายทั้งนี้ มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
.
#การบินไทย #SuvivalTeam #ฟื้นฟูกิจการ #Misterban

 

เด็กจบใหม่ปีนี้ เสี่ยงตกงานถาวร 5 แสนคน พิษโควิดทำธุรกิจงดรับคนเพิ่ม
.
วานนี้ (8 ก.ค.) นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยว่า มีความกังวลถึงนักศึกษาจบใหม่ปี 2563 จำนวน 500,000 คน ที่อาจกลายเป็นผู้ว่างงานถาวร เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้นายจ้างไม่มีนโยบายรับคนเพิ่ม แม้ว่ารัฐจะผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟส 5 ให้ธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินกิจการตามปกติ แต่ภาพรวมธุรกิจก็ไม่ได้กลับมาเหมือนก่อนโควิด-19 ส่งผลให้แรงงานไม่รวมเด็กจบใหม่ที่เหลือของปีนี้ยังคงมีอัตราว่างงานประมาณ 3.5-3.6 ล้านคน
.
นายธนิต กล่าวอีกว่า ทางอีคอนไทยเป็นห่วงเด็กจบใหม่ปีนี้ 500,000 คน หากปล่อยว่างงาน 1-2 ปีจะเข้าสู่วงจรตกงานถาวร โดยมองว่าหากโชคดีที่สุด เด็กที่จบมาในสาขาที่ตลาดต้องการอาจถูกดึงตัวไปทำงานราว 20% ส่วนที่เหลืออีกราว 400,000 คน จะตกงานถาวร ส่วนหนึ่งเพราะจบในสาขาที่ไม่ตรงกับความต้องการของนายจ้าง และผลจากโควิด-19 ทำให้มีนายจ้างที่จะรับพนักงานเพิ่ม
.
นายจ้างส่วนมากจะลดขนาดธุรกิจลงให้สอดคล้องกับกำลังซื้อ และเศรษฐกิจไทยและโลกที่ซบเซา ถดถอยเนื่องจากยังไม่รู้ว่าโควิด-19 จะจบเมื่อใด และเมื่อปี 2564 มีเด็กจบใหม่เพิ่มเข้ามาอีก นายจ้างก็จะไปเลือกรับเด็บที่จบล่าสุดมากกว่า จึงเห็นว่าภาครัฐควรมีนโยบายรองรับ เช่น จ้างเด็กทำงานสำรวจและวิจัย จ้างฝึกงานโดยรัฐาจอุดหนุดทั้งหมด หรือให้เอกชนอุกหนุนครึ่งหนึ่ง

Cr.Amarin. News.

 

เกิดเหตุรถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำ
น้ำมันรั่วไหลออกมาเป็นจำนวนมาก

ขณะชาวบ้านย่านนั้นพากันรุมขโมยน้ำมัน
จู่ๆรถน้ำมันก็ระเบิดไฟลุกท่วม
ทำให้มีผู้เสียชีวิตทันที 8 ราย
บาดเจ็บเพราะถูกไฟลวกไม่น้อยกว่า 50 ราย

เหตุการณ์นี้
เกิดขึ้นที่ประเทศ...โคลัมเบีย
เมื่อวานนี้ (6/07/2020)

CR: Contraportada_r

 

อาร์เจนตินา : เมืองเอล คาลาฟาเต้ อากาศที่ลดล่ำลง -10-20 องศา ทำให้น้ำตก น้ำในลำธาร ชายหาด กลายเป็นน้ำแข็ง

 

❖ วันที่ 9 กรกฎาคม 2563 กรุงโตเกียวพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 224 คน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดเท่าที่เคยตรวจพบใน 1 วัน (ที่ผ่านมาสูงสุดอยู่ที่ 206 คนเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 จากจำนวนตรวจ PCR อยู่ที่ 919 คน) ทั้งนี้ นาง KOIKE Yuriko ผู้ว่าราชการกรุงโตเกียวกล่าวว่า จำนวนที่มากขึ้นเป็นผลมาจากการเพิ่มจำนวนการตรวจ PCR โดยในวันนี้มีจำนวนการตรวจอยู่ที่ 3,400 คน มากกว่าเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2563 ถึง 3.4 เท่า และผู้ติดเชื้อรายใหม่ร้อยละ 82 เป็นผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี (ร้อยละ 75 เป็นผู้มีอายุระหว่าง 21-39 ปี) ความรุนแรงด้านอาการยังไม่มากนัก โดยกรุงโตเกียวจะปรับแนวทางการเฝ้าระวัง (monitoring) ใหม่ โดยยึดหลักเกณฑ์ 2 ข้อ คือ สถานการณ์การแพร่ระบาด และระบบการให้บริการทางการแพทย์ และจะจัดทำร่างงบประมาณเสริมครั้งที่ 6 มูลค่ารวมกว่า 3.132 แสนล้านเยน สำหรับมาตรการด้าน COVID-19 ต่อไป

❖ สถานะวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 ผู้ติดเชื้อสะสมในญี่ปุ่น 20,413 คน (เพิ่มขึ้น 207 คนจากวันก่อนหน้า) / เสียชีวิต 982 คน (เพิ่มขึ้น 2 คนจากวันก่อนหน้า) รายละเอียดเอกสารแนบ โดยจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ (1) กรุงโตเกียว 7,048 คน (2) จังหวัดโอซากา 1,915 คน (3) จังหวัดคานากาวะ 1,626 คน (4) จังหวัดไซตามะ 1,327 คน (5) จังหวัดฮอกไกโด 1,282 คน

❖ ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในญี่ปุ่น 207 คนที่ตรวจพบเมื่อเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2563 มีรายละเอียดสำคัญ ดังนี้

* กรุงโตเกียว 75 คน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 วันที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่ำกว่า 100 คน เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อยืนยัน 41 คน ไม่ทราบที่มาของการติดเชื้อ 34 คน ส่วนมากยังเป็นการติดเชื้อในกลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง (ย่านชินจุกุ ย่านอิเคะบุคุโระ) 24 คน กรุงโตเกียวยังคงดำเนินการตรวจ PCR กลุ่มผู้ทำงานเกี่ยวข้องกับ Host Club เชิงรุกต่อไป ซึ่งเขตชิโยดะ จะตรวจ PCR พนักงานร้าน Maid Café ย่านอาคิฮาบาระที่พบการติดเชื้อแบบ cluster กว่า 400 คนด้วย นอกจากนี้ พบการติดเชื้อภายในครอบครัว และการติดเชื้อจากการดื่มสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานมากขึ้น และยังขยายพื้นที่พบการติดเชื้อมากขึ้นอีกด้วย จากเดิมที่พบมากในย่านชินจุกุ

* จังหวัดไซตามะ 48 คน นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน 2563 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 40 คน ใน 1 วัน โดยเป็นพนักงานใน Host Club ในเขตโอมิยะ 10 คน ทางจังหวัดจะเร่งติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดต่อไป และเตือนให้ประชาชนระวังการติดเชื้อให้มากขึ้น เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ไม่ทราบที่มาของการติดเชื้อเพิ่มขึ้น

* จังหวัดคานากาวะ 23 คน ไม่ทราบที่มาของการติดเชื้อ 8 คน

* จังหวัดฟูกูโอกะ 13 คน นับเป็นครั้งแรกในรอบ 37 วัน ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 10 คน

* จังหวัดโอซากา 10 คน เป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อยืนยัน 6 คน และไม่ทราบที่มาของการติดเชื้อ 4 คน

* จังหวัดชิบะ 9 คน ไม่ทราบที่มาของการติดเชื้อ 7 คน

❖ กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นรายงานว่า ตรวจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศระหว่างวันที่ 1-6 กรกฎาคม 2563 จำนวน 28 คน เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากปากีสถาน 13 คน ฟิลิปปินส์ 7 คน อินโดนีเซีย 1 คน เม็กซิโก 1 คน แคนาดา 1 คน สหรัฐฯ 1 คน และไม่เปิดเผยข้อมูล 4 คน

ข้อมูลจากเว็บไซต์ NHK
https://www3.nhk.or.jp/news/special/coronavirus/
https://www3.nhk.or.jp/news/special/coronavirus/
ติดตามข้อมูลย้อนหลังได้ที่ http://site.thaiembassy.jp/th/info/embassy-message/list.php

 

ตามที่สถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ ได้รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์ฝนตกหนักในภูมิภาคคิวชูและจูโกะกุ ระหว่างวันที่ 4 - 8 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา นั้น

สถานกงสุลใหญ่ ฯ ขอสรุปพัฒนาการเพิ่มเติมของสถานการณ์ ณ วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม 2563 ดังนี้

1. เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 กรกฎาคม 2563 กรมอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นแถลงว่า มีกลุ่มเมฆฝนเริ่มเข้ามาปกคลุมประเทศญี่ปุ่นเป็นบริเวณกว้าง ทั้งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก ส่งผลให้มีโอกาสที่ฝนจะตกหนักอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม ไปจนถึงวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม และ ต่อเนื่องถึงวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม คาดว่าปริมาณฝนตกโดยเฉลี่ยมีประมาณ 50 มิลลิเมตร ต่อ ชั่วโมง โดยเฉพาะในภูมิภาคคิวชูตอนบน ซึ่งหลายเมืองยังคงต้องเฝ้าระวังดินถล่ม น้ำล้นตลิ่ง ฟ้าผ่า ลมแรง พายุหมุน โดยกรมอุตุนิยมวิทยาได้ปรับระดับเตือนภัยจังหวัดต่าง ๆ ในภูมิภาคคิวชู และ จูโกะกุ ใหม่ ดังนี้

• ระดับ 4 (สีม่วง) ได้แก่ จังหวัดฟูกูโอกะ นางาซากิ ซากะ คูมาโมโตะ
• ระดับ 3 (สีแดง) ได้แก่ จังหวัดคาโกชิมะ โออิตะ ฮิโรชิมะ
• ระดับ 2 (สีเหลือง) ได้แก่ จังหวัดมิยาซากิ โอกินาวะยามากูจิ ทตโตริ ชิมาเนะโอกายามะ

2. คาดว่าปริมาณน้ำฝนสะสม ในรอบ 24 ชั่วโมง จนถึงเช้าวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม ของภูมิภาคคิวชูเหนือ มีประมาณ 250 มิลลิเมตร ภูมิภาคคิวชูใต้ อยู่ที่ 200 มิลลิเมตร และภูมิภาคจูโกะกุ ประมาณ 100 มิลลิเมตร ส่วนพยากรณ์ปริมาณน้ำฝนสะสมในช่วง 48 ชั่วโมง จนถึงวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม ของภูมิภาคคิวชูเหนือ อยู่ที่ 300-400 มิลลิเมตร ภูมิภาคคิวชูใต้ อยู่ที่ 250–350 มิลลิเมตร และ ภูมิภาคจูโกะกุ อยู่ที่ 100-150 มิลลิเมตร

3. จังหวัดต่าง ๆ ได้ประมวลความเสียหายในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ล่าสุดจากข้อมูลสถานีโทรทัศน์ NHK วันที่ 9 กรกฎาคม เวลา 15.54 น. รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ฝนตกหนักในครั้งนี้ รวม 62 ราย จากจังหวัดคูมาโมโตะ 58 ราย ฟูกูโอกะ 2 ราย โออิตะ 1 ราย ชิสุโอกะ 1 ราย ผู้สูญหาย รวม 17 ราย จากจังหวัดคูมาโมโตะ 10 ราย โออิตะ 6 ราย คาโกชิมะ 1 ราย และมีอาการสาหัส 2 ราย จากจังหวัดคูมาโมโตะ

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเมืองต่าง ๆ ได้ระดมกำลังค้นหาผู้ประสบภัย 4 ราย ซึ่งยังคงติดอยู่ในรถยนต์ที่ถูกน้ำพัดตกลงไปในแม่น้ำฮานะอาวะเซโนะ ในเมืองยูฟูอิน จังหวัดโออิตะ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และได้ขยายพื้นที่ค้นหาให้กว้างขึ้น เพื่อสำรวจความเสียหายด้านต่าง ๆ อย่างครอบคลุมให้มากที่สุด

4. พื้นที่ของจังหวัดต่าง ๆ ในภูมิภาคคิวชูและจูโกะกุ ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากฝนตกหนัก และ น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง โดยทางการท้องถิ่นยังคงเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และฟื้นฟูอาคารบ้านเรือน และสถานที่ต่าง ๆ ได้แก่

4.1 จังหวัดฟุกูโอกะ : เมืองโอมุตะ เมืองคุรุเมะ และพื้นที่โดยรอบแม่น้ำ Chikugo
4.2 จังหวัดโออิตะ : เมืองฮิตะ เมืองยูฟุ และพื้นที่โดยรอบแม่น้ำ Oita
4.3 จังหวัดคูมาโมโตะ : เมืองยามากะ เมืองยาสึชิโระ เมืองอาชิคิตะ เมืองสึนากิ เมืองฮิโตโยชิ หมู่บ้านคูมะ และพื้นที่โดยรอบแม่น้ำ Kuma
4.4 จังหวัดคาโกชิมะ : เมืองมินามิ-ซาสึมะ

5. กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่น สรุปความเสียหายของโรงพยาบาลและบ้านพักคนชราในภูมิภาคคิวชู พบว่า โรงพยาบาลอย่างน้อย 14 แห่ง และบ้านพักคนชรา อีก 76 แห่ง ไฟฟ้าดับและน้ำประปาไม่ไหล เนื่องจากน้ำท่วม โดยเร่งส่งรถขนน้ำเข้าไปให้ความช่วยเหลือ และทยอยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและคนชราไปยังโรงพยาบาลและบ้านพักคนชราในพื้นที่อื่นเพื่อให้การดูแลแทน รวมทั้งส่งคณะแพทย์กู้ภัย รวม 96 คณะ เข้าไปในพื้นที่เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเฉพาะที่ จังหวัดคูมาโมโตะ ซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด

6. ถนนสายหลักในจังหวัดต่าง ๆ ยังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมจากน้ำท่วมขัง และโคลนถล่มหลายจุด ทางด่วนคิวชู เส้นทางระหว่างเมือง Kusu กับ เมือง Yufuin ในจังหวัดโออิตะ ยังปิดให้บริการ โดยบริษัท West Nippon Expressway Service ที่บริหารทางด่วนเปิดเผยว่า ยังไม่สามารถยืนยันช่วงเวลาของการซ่อมแซมว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด อย่างไรก็ตาม รถโดยสารประจำทางข้ามจังหวัดต่าง ๆ ได้ทยอยเปิดให้บริการแล้ว โดยในบางเส้นทาง อาจใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติ เนื่องจากต้องใช้เส้นทางอ้อมพื้นที่ที่ถนน หรือ ทางด่วนยังปิดซ่อมแซม

7. รถไฟด่วนพิเศษชินคันเซนในภูมิภาคคิวชู ทยอยเปิดให้บริการตามปกติ โดยลดจำนวนเที่ยววิ่งในบางเส้นทาง เช่น เส้นทางระหว่างจังหวัดคูมาโมโตะ กับ จังหวัดคาโกชิมะ สำหรับรถไฟของบริษัท JR ปิดให้บริการบางช่วงในหลายเส้นทาง เนื่องจากดินถล่มบริเวณรางรถไฟ และรางรถไฟบนสะพานข้ามแม่น้ำเสียหายหลายจุด เช่น สาย Kagoshima Main Line ระหว่างสถานี Hainuzuka (จังหวัดฟูกูโฮกะ) กับ สถานี Ueki (จังหวัดคูมาโมโตะ) / สถานี Sendai (จังหวัดคาโกชิมะ) กับ สถานี Kagoshima-chuo / และ สถานี Mukainoharu (จังหวัดโออิตะ) กับ สถานี Hita (จังหวัดโออิตะ)

8. เที่ยวบินภายในประเทศของสายการบินพาณิชย์ส่วนใหญ่ยังเปิดให้บริการ โดยประกาศข้อมูลบนเว็บไซต์ว่า กำหนดการบินอาจล่าช้า หรือ มีการปรับกำหนดการ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ผู้โดยสารจึงควรตรวจสอบกับสายการบินเป็นระยะ ๆ ก่อนการเดินทาง

9. สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประสานข้อมูลกับผู้แทนชุมชนไทยในพื้นที่ต่าง ๆ มาโดยตลอด เพื่อให้รับทราบข่าวสารและใช้ความระมัดระวังให้มากที่สุด เช่น นักเรียนไทยในโรงเรียนมัธยมปลายเมืองยานากาวะ จังหวัดฟูกูโอกะ ผู้แทนสมาคมนักเรียนไทยในประเทศญี่ปุ่น ในพระบรมราชูปถัมภ์ (สนทญ.) ผู้แทนนักศึกษาไทยในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในเกาะคิวชูและภูมิภาคจูโกะกุ ตลอดจนกลุ่มคนไทยที่เป็นคู่สมรสชาวญี่ปุ่น หรือ ทำงานในเขตอาณา ซึ่งช่วยเป็นเครือข่ายสำคัญ ในการกระจายข้อมูลข่าวสารของสถานกงสุลใหญ่ฯ ให้คนไทยในพื้นที่ต่าง ๆ ได้รับทราบอย่างทั่วถึง ในชั้นนี้ ยังไม่มีรายงานความสูญเสียของคนไทยในเขตอาณา

ทั้งนี้ หากมีกรณีฉุกเฉิน และ มีอุปสรรคใด ๆ สามารถติดต่อแจ้งเหตุ ไปยังสถานกงสุลใหญ่ฯ ที่โทรศัพท์ “สายด่วนกงสุล (hotline)” หมายเลข 090-2585-3027 และ 090-9572-1515
จึงขอประชาสัมพันธ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

 

“เซี่ยงไฮ้ เดลี่” เว็บไซต์ข่าวชื่อดังของจีน นำเสนอรายงานข่าว ปกป้องประเทศไทย กรณีถูกองค์กรพิทักษ์สัตว์ พีต้า กล่าวหาว่า มีการบังคับใช้แรงงานลิง ในอุตสาหกรรมมะพร้าวของไทย โดยสื่อจีนระบุว่า ไทยกำลัง “ถูกกลั่นแกล้งและกีดกันทางการค้า”
.
รายงานข่าวของสื่อจีน ระบุว่า ในความเป็นจริงแล้ว การใช้ลิงเก็บมะพร้าวในประเทศไทยส่วนใหญ่ เป็นเพียงแค่การแสดงโชว์ต่อนักท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเท่านั้น และลิงที่มาทำการแสดงโชว์เก็บมะพร้าวก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ขณะที่ในการเก็บมะพร้าวเชิงอุตสาหกรรมในไทยนั้น แทบไม่มีการใช้แรงงานลิง ตามที่ถูกองค์กรพีต้า กล่าวหาแต่อย่างใด
.
สื่อจีนระบุว่า ข้อกล่าวหาของพีต้า กำลังส่งผลเสียต่ออุตสาหกรรมส่งออกกะทิ ของไทยที่มีมูลค่าสูงถึงปีละ 12,300 ล้านบาทต่อปีเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการส่งออกกะทิไปยังอังกฤษ และสหภาพยุโรปมากกว่า 2,200 ล้านบาท
.
สื่อจีนระบุว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของพีต้าแล้ว พร้อมยืนยันว่าไทยมีวิธีการเก็บมะพร้าวในเชิงอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้แรงงานลิง
เพราะการใช้แรงงานลิงเป็นวิธีที่มี “ต้นทุนสูง” และ “ไม่คุ้มค่า” ต่อการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม
.
อย่างไรก็ดี ทางองค์กรพีต้า ยังคงยืนยันว่า ทีมงานของตน ตรวจสอบพบการบังคับใช้แรงงานลิงในฟาร์มของไทย จำนวนอย่างน้อย 8 แห่ง ซึ่งมีการบังคับให้ลิงเก็บลูกมะพร้าวมากกว่า 1,000 ลูกต่อวัน และรายงานของพีต้าทำให้ห้างค้าปลีกชื่อดังของอังกฤษหลายแห่ง รวมถึง เทสโก้ ประกาศเก็บสินค้าประเภทกะทิ ทั้งหมดจากไทย ออกจากชั้นวางไปแล้ว
.
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ทางการไทยเตรียมเชิญคณะทูตจากต่างประเทศ ให้เข้ามาตรวจสอบกระบวนการผลิตมะพร้าวในเชิงอุตสาหกรรมของไทยในเร็ว ๆ นี้ เพื่อยืนยันว่า ไม่มีการใช้แรงงานลิงตามที่ องค์กรพีต้ากล่าวหา
-------------------------------
แหล่งข่าว
- https://www.amarintv.com/news/detail/37927
-------------------------------
ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCDeS2riffyohV9FW2QEWjHQ

 

Air Asia หนี้สิน 430 ล้านดอลลาร์ ขาดทุนล่าสุด 188 ล้านเหรียญ เข้าขั้นวิกฤติการเงิน
.
ธุรกิจการบิน เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติแพร่ระบาด COVID-19 เพราะไม่สามารถให้บริการได้ตามปกติ ทำให้หลายสายการบินต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่ บางแห่งถึงขั้นต้องปิดกิจการ และถึงแม้หลายแห่งยังคงดำเนินกิจการได้ แต่ต้องเรียกว่า ‘สถานการณ์ไม่แน่นอน’ แม้แต่ AirAsia (แอร์เอเชีย) สายการบินราคาประหยัดรายใหญ่ของโลก ก็กำลังเผชิญกับความไม่มั่นคง ที่อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ในวิกฤตินี้ ตามการวิเคราะห์ของ Ernst & Young บริษัทตรวจสอบบัญชีระดับโลก
.
Ernt & Young แถลงต่อตลาดหุ้นมาเลเซียถึง สถานการณ์ก่อน COVID-19 ของ AirAsia น่าหนักใจตั้งแต่ช่วงก่อนวิกฤติแล้ว โดยหนี้สินหมุนเวียนอยู่ที่ 1,840 ล้านริงกิต (ราว 430 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อปลายปี 2019 ที่ผ่านมา ส่งผลโดยตรงต่อกระแสเงินสดและประสิทธิภาพทางการเงิน รวมถึงความไม่แน่นอนของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งบริษัทตรวจสอบบัญชีแห่งนี้ ตั้งข้อสงสัยถึงการประกอบธุรกิจของสายการบินท่ามกลางปัญหาทางการเงินที่กำลังเผชิญอยู่
.
ผลการแถลงของ Ernt & Young ส่งผลให้หุ้น AirAsia ในตลาดหุ้นมาเลเชีย ตกเกือบ 17% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (8 ก.ค. 63)

เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ก.ค. 63 AirAsia รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ผลปรากฏว่า ขาดทุน 803.8 ล้านริงกิต (ราว 188 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็นผลมาจากต้องหยุดบินตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม

Tony Fernandes ผู้ก่อตั้งและCEO ของ AirAsia ยอมรับว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นสิ่งท้าทายที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นสายการบินในปี 2001 แต่ยังยืนยันสามารถผ่านไปได้ โดยระบุ ทุกวิกฤติย่อมมีอุปสรรคให้แก้ไขและก้าวข้ามไป

ทั้งนี้ AirAsia กำลังอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนและความร่วมมือกับนักลงทุน รวมถึงกู้เงินธนาคาร เพื่อกู้สถานการณ์ทางการเงินกลับมา
.
อ้างอิงจาก:

https://www.bbc.com/news/business-53331387

ภาพจาก:

https://www.bloomberg.com/news/arti...future-in-significant-doubt-ernst-young-warns

#OnUFO #AirAsia #ErntYoung #COVID19

 

#ปริศนานายกเทศมนตรีกรุงโซลที่หายตัวไป
#เช้าไปทำงานเย็นหายกลายเป็นศพ!!

ข่าวอันน่าตกใจจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ มีการประกาศตามหา นาย ปาร์ค วอน -ซุน ท่านนายกเทศมนตรีกรุงโซล ที่อยู่ดีๆก็หายตัวไปอย่างลึกลับ และปิดโทรศัพท์มือถือ ติดต่อไม่ได้

สำนักข่าวเกาหลีใต้รายงานว่า ช่วงราวๆ 10 โมงเช้า ท่านนายกเทศมนตรี ปาร์ค ออกจากบ้านพักที่ใจกลางกรุงโซล ย่านจองโน โดยสวมหมวกดำ สะพายเป้สีดำออกจากบ้าน

บุตรสาวของนายปาร์ค ให้การว่า พ่อของเธอพูดจาแปลกๆ เหมือนสั่งลาก่อนออกจากบ้าน แล้วก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย

ซึ่งนายปาร์ค วอน-ซุน ก็ไม่ได้ไปทำงานด้วย เขาแจ้งแคนเซิลทุกงานในวันนี้ รวมถึงงานประชุมกับเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นงานสำคัญด้วย

จนถึงช่วงเย็นก็ไม่มีใครติดต่อนายกเทศมนตรี ปาร์ค ได้ บุตรสาวจึงตัดสินใจแจ้งตำรวจให้ช่วยตามหา

หลังจากตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ของนายปาร์ค ครั้งสุดท้ายได้แถววัดกิลซัง ในเขตซองบุค ชานกรุงโซล

ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจตัดสินใจลงพื้นที่ปูพรมค้นหา ใช้ทั้งโดรน และสุนัขตำรวจ ตรวจสอบทั่วบริเวณกันจนถึงเกือบเที่ยงคืน

และข่าวล่าสุดพบแล้ว แต่เหลือเพียงร่างไร้วิญญาณ ทางตำรวจสันนิษฐานเบื้องต้นว่า เป็นการฆ่าตัวตาย

นายปาร์ค วอน-ซุน เป็นทั้งนักกฏหมายด้านสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่งของเกาหลีใต้ ชนะเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีกรุงโซลได้ถึง 3 สมัย ซึ่งสมัยนี้จะเป็นสมัยสุดท้ายในตำแหน่งแล้ว

นอกจากนี้ นายปาร์ค วอน-ซุน ยังได้ชื่อว่าเป็นนักพัฒนาเมืองหัวสมัยใหม่ ที่ต้องการพัฒนากรุงโซลให้เป็นเมือง Smart city ให้ได้ในสมัยของเขา

ด้วยผลงานที่โดดเด่นหลายอย่างของนาย ปาร์ค วอน-ซุน ทำให้เขาถูกจับตาว่าอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกของพรรค ที่จะลงเลือกตั้ง ชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า

แต่ปาร์ค วอน-ซุน ถูกอดีตเลขาสาว กล่าวหาว่า โดนนายปาร์ค ลวนลาม ในช่วงที่ร่วมงานกันในปี 2017 ที่ยังเป็นคดีความกันอยู่

แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นเหตุผล ที่ทำให้นายปาร์ค ตัดสินใจฆ่าตัวตายในครั้งนี้หรือไม่ ทางตำรวจเกาหลีใต้ยังต้องติดตามสืบหาสาเหตุเพิ่มเติมต่อไป

ก็นับเป็นข่าวเศร้า และจะกลายเป็นคดีสะเทือนแวดวงการเมืองเกาหลีใต้อีกครั้ง หากการฆ่าตัวตายของนายปาร์ค เกี่ยวพันกับข้อกล่าวหาลวนลามอดีตเลขาสาวจริง

เพราะจากกระแส #Metoo ทำให้หญิงสาวชาวเกาหลีใต้หลายคน เริ่มกล้าที่จะออกมาพูด เรียกร้องความยุติธรรมเรื่องการเหยียดเพศในสังคมเกาหลี ที่ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง ดาราชาย คนดังหลายคน ต้องเสียอนาคต เสียงาน ไปจนถึงฆ่าตัวตาย เพราะคดีที่เกี่ยวข้องกับการลวนลาม ทำอนาจาร หรือกดขี่ เพศหญิง ในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมา

แหล่งข้อมูล

https://www.theguardian.com/world/2...f-seoul-goes-missing-after-assault-allegation
http://m.koreatimes.co.kr/pages/article.asp?newsIdx=292588
https://m-en.yna.co.kr/view/AEN20200710000500325?section=national/national
https://m-en.yna.co.kr/view/AEN20200709009553315?section=national/diplomacy

 

อิหร่านลั่น ศัตรูโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อบ่อนทำลาย ‘ข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์’ ระหว่างจีน-อิหร่าน

อิหร่านออกตัวป้อง ‘ข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ 25 ปี’ ที่อยู่ระหว่างการเจรจากับประเทศจีน ระบุศัตรูไม่มีวันไปถึงเป้าหมายในการล้วงความลับ เกี่ยวกับรายละเอียดแผนกลยุทธ์ของข้อตกลงด้วยการแพร่ข่าวลือที่เป็นเท็จแบบที่ทำอยู่ในขณะนี้

Seyed Abbas Mousavi โฆษกกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน ปฏิเสธข่าวลืออันเป็นเท็จล่าสุดเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือที่ครอบคลุมหลายด้านระหว่างจีนและอิหร่าน โดย Mousavi อธิบายว่า ข้อตกลงดังกล่าวเป็นแผนกลยุทธ์ที่โปร่งใส และมีศีลธรรม ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองรัฐที่สำคัญในอนาคต

เขากล่าวต่อว่า “จีนคาดหวังที่จะก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจผู้นำทางเศรษฐกิจโลกในอนาคตอันใกล้ ในขณะที่อิหร่านจะกลายเป็นชาติมหาอำนาจในภาคพื้นเอเชียตะวันตก ดังนั้นภาคีทั้งสองจึงสามารถปกป้องผลประโยชน์ร่วมและรับมือกับการกลั่นแกล้ง ผ่านความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นและเป็นอิสระจากมหาอำนาจตะวันตก”

ข้อตกลงดังกล่าวประกอบไปด้วย 20 มาตรา ครอบคลุมในเรื่องการเมือง การบริหาร ตุลาการ กลาโหมและความมั่นคง รวมถึงทรัพยากรมนุษย์และวัฒนธรรม

โดยก่อนหน้านี้สื่อที่ต่อต้านอิหร่านได้โหมประโคมข่าวโฆษณาชวนเชื่อเพื่อบ่อนทำลายความร่วมมือระหว่างชาติทั้งสองด้วยข้อกล่าวหาต่างๆ รวมถึงกล่าวหาว่าข้อตกลงดังกล่าวจะเอื้อให้จีนปล้นทรัพยากรธรรมชาติของอิหร่าน และยอมรับการเข้ามาของทหารต่างชาติ ต่อประเด็นดังกล่าว Mousavi กล่าวว่า “เป็นข้อกล่าวหาที่โกหกทั้งสิ้น ไม่ได้มีการส่งมอบเกาะใดๆของอิหร่านต่อจีน ไม่มีการปรากฏตัวของทหารต่างชาติ หรือเรื่องไร้สาระอื่นๆตามที่ถูกใส่ร้าย”

เขาเสริมว่า “ลูกไม้เก่าๆในการปล่อยข่าวลือและข้อมูลที่เป็นเท็จ เพื่อให้ได้มาซึ่งรายละเอียดและข้อมูลที่ถูกต้อง ที่เหล่าศัตรูของทั้งสองชาติกำลังทำอยู่นั้นจะไม่มีวันได้ผลอย่างแน่นอน”

ข่าวโลกที่ 3
https://www.presstv.com/Detail/2020/07/08/629166/Iran-China-deal-Abbas-Mousavi

 

"ยูไนเต็ด แอร์ไลน์" เตือนพนง. 36,000 คนอาจถูกเลิกจ้างต.ค.นี้

สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ออกโรงเตือนพนักงาน 36,000 คน หรือเกือบครึ่งของพนักงานทั้งหมดในสหรัฐ อาจถูกเลิกจ้างในเดือนต.ค.นี้

อย่างไรก็ดี ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ระบุในแถลงการณ์ที่แจ้งต่อพนักงานว่า พนักงานที่ได้รับจดหมายแจ้งเตือนการเลิกจ้างอาจไม่ต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งทุกคน หากมีพนักงานยอมสมัครใจลาออกหรือเกษียณอายุก่อนกำหนดเป็นจำนวนมากพอภายในกำหนดเส้นตายสัปดาห์หน้า

สำหรับพนักงานที่อาจถูกเลิกจ้างจะประกอบด้วย ลูกเรือจำนวน 15,000 คน พนักงานบริการลูกค้าและพนักงานเช็คอินผู้โดยสาร 11,000 คน พนักงานซ่อมบำรุง 5,500 คน และนักบิน 2,250 คน

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมสายการบินได้รับผลกระทบอย่างหนักจากมาตรการจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยิ่งไปกว่านั้น ความหวังที่อุตสาหกรรมจะฟื้นตัวยังริบหรี่ลง เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อในสหรัฐได้กลับมาพุ่งสูงขึ้น ทำให้หลายรัฐจำเป็นต้องใช้มาตรการกักตัวผู้เดินทาง

บรรดาสายการบินระบุว่าจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลงให้สอดคล้องกับการเดินทางที่หดตัวลง โดยนอกจากยูไนเต็ด แอร์ไลน์แล้ว สายการบินคู่แข่งอย่างอเมริกัน แอร์ไลน์ เผยว่า ทางสายการบินอาจจำเป็นต้องลดการจ้างงานลงมากกว่า 20,000 ตำแหน่ง

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย พัทธนันท์ เอกนิพิตรพงศ์/ปนัยดา

เพิ่มเติม
- United warns 36,000 employees of potential job cuts as pandemic roils travel demand
https://www.cnbc.com/2020/07/08/cor...job-cuts-as-pandemic-roils-travel-demand.html

 

ประธานาธิบดี Trump ได้ออกมาประณามแนวทางการเปิดโรงเรียนของ Centers for Disease Control and Prevention (CDC) พร้อมกับขู่ว่าจะตัดงบให้ช่วยเหลือโรงเรียน จน CDC ต้องมาปรับแนวทางใหม่

ประธานาธิบดี Trump ได้ออกมาทวีตข้อความประณามแนวทางการเปิดโรงเรียนของ CDC ว่าเป็นมาตรการป้องกันที่มีต้นทุนสูงและเห็นว่าเด็กนักเรียนควรกลับเข้าไปเรียนตามปกติได้แล้ว และยังเห็นว่าการที่โรงเรียนยังไม่เปิดการเรียนการสอนตามปกติเป็นประเด็นด้านการเมือง

นอกจากนี้ ได้ขู่ว่ารัฐบาลกลางจะตัดงบประมาณช่วยเหลือโรงเรียนที่ไม่เปิดการเรียนการสอนปกติในช่วงปลายปีนี้

ทั้งนี้ รัฐบาลกลางไม่มีอำนาจในการคุมงบประมาณท้องถิ่นที่สนับสนุนโรงเรียนซึ่งมีแหล่งเงินมาจากภาษีในท้องถิ่น รวมทั้งยังมีอำนาจไม่มากที่จะคุมงบประมาณกลางที่ได้รับอนุมัติจากสภาคองเกรสแล้ว

อย่างไรก็ตาม สภาคองเกรสได้ให้อำนาจแก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในการจัดสรรงบประมาณในการช่วยเหลือโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งที่ผ่านมายังมีการเบิกจ่ายเงินส่วนนี้ไปไม่มากนัก แต่มีแนวโน้มว่าโรงเรียนหลายแห่งจำเป็นต้องขอเงินสนับสนุนฉุกเฉินจากรัฐบาลกลางเพื่อรักษาการจ้างงาน รวมทั้งวางมาตรการด้านสาธารณสุขให้สอดคล้องกับแนวทางของ CDC ทางรองประธานาธิบดี Mike Pence ได้กล่าวว่าทาง CDC จะทบทวนและประกาศแนวทางการเปิดโรงเรียนใหม่ในสัปดาห์หน้า ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะผ่อนคลายมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ดร. Robert Redfield ผุ้อำนวยการ CDC กล่าวว่าไม่ควรนำแนวทางของ CDC ไปเป็นเหตุผลในการปิดโรงเรียน แต่ CDC ต้องการให้แนวทางหลากหลายแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ เพื่อทว่าโรงเรียนจะกลับมาเปิดการเรียนการสอนได้อย่างปลอดภัย ทางด้านนักวิทยาศาสตร์ยังมีข้อกังวลว่าว่าเชื้อไวรัสอาจแพร่กระจายได้ในสถานที่ปิด และโรงเรียนรัฐส่วนมากยังมีระบบถ่ายเทอากาศที่ไม่ค่อยดี และไม่มีงบประมาณในการปรับปรุงระบบกรองอากาศมากพอ แม้ว่าเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีจะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสค่อนข้างต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงว่าจะเป็นกลุ่มที่แพร่กระจายเชื้อให้กับคนอื่นได้ เช่น ครู หรือผู้ปกครอง ทางด้านนครนิวยอร์กนั้นอยู่ระหว่างพิจารณาแผนเปิดโรงเรียนในลักษณะผสม กล่าวคือ เรียนออนไลน์ผสมกับในห้องเรียน โดยให้นักเรียนมาเข้าเรียนในห้องเรียนสัปดาห์ละไม่เกิน 3 วัน

Source: BoTSS

- Trump trashes CDC school-reopening guidelines -- then CDC updates them
https://www.cnn.com/2020/07/08/politics/trump-cdc-school-guidelines-funding/index.html

 

สวนสนุกญี่ปุ่นห้ามนักท่องเที่ยวกรีดร้องขณะนั่งรถไฟเหาะ หวั่นกระจายเชื้อโควิด

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า สมาคมสวนสนุกญี่ปุ่นออกคำแนะนำแก่นักท่องเที่ยวว่า ผู้ที่ขึ้นไปนั่งบนรถไฟเหาะจะต้องไม่กรีดร้องระหว่างที่อยู่บนรถไฟ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังได้รับคำแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัย ขณะที่อยู่ในสวนสนุก

สมาคมฯระบุว่า มาตรการดังกล่าวเป็นไปตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข ซึ่งเตือนว่าการกรีดร้อง การไอ และการร้องเพลง จะทำให้มีการแพร่กระจายของละอองฝอยจากระบบทางเดินหายใจ ซึ่งจะเป็นช่องทางแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19

วอลล์สตรีท เจอร์นัล ยังรายงานว่า มีการแพร่คลิปวิดีโอซึ่งแสดงภาพผู้บริหาร 2 รายของสวนสนุกฟูจิ-คิว ไฮแลนด์ขึ้นนั่งรถไฟเหาะด้วยความสงบเงียบ พร้อมกับมีข้อความในตอนท้ายว่า "กรุณากรีดร้องอยู่ภายในหัวใจของคุณ"

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

-Don't scream and be serious' Japan theme park tells rollercoaster riders : https://www.bbc.com/news/world-asia-53344447#

 

สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.314 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.39 ล้านราย

นอกจากนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในวันนี้ ต่ำกว่าที่มีการรายงานในสัปดาห์ที่แล้วถึง 99,000 ราย โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในวันนี้แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์สู่ระดับ 6.9 ล้านรายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 มี.ค.

อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงมีจำนวนมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 15 แม้ว่ารัฐต่างๆได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และได้เปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่

ขณะเดียวกัน จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 698,000 ราย สู่ระดับ 18.06 ล้านราย ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.90 ล้านราย

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

-Jobless claims at better-than-expected 1.3 million, total getting benefits falls to 18 million : https://www.cnbc.com/2020/07/09/weekly-jobless-claims.html

 

July 10, 2020 โควิด-19 ติดทั่วโลกทะลุกว่า 12.3 ล้านคน ยอดเสียชีวิตโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งกว่า 556,000 คนทั่วโลก The Covid-19 infected globally toll surpassed 12.3 million

เวลา 6.25 น. รายงานสถานการณ์จำนวนผู้ติดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา 2019 ทั่วโลก เพิ่มเป็น 12,370,698 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรกของโลก คือ สหรัฐอเมริกา 3,216,336 ราย บราซิล 1,755,779 ราย อินเดีย 794,855 ราย รัสเซีย 707,301 ราย เปรู 316,448 ราย ชิลี 306,216 ราย สเปน 300,106 สหราชอาณาจักร 287,621 ราย เม็กซิโก 275,003 ราย และอิหร่าน 250,458 ราย

สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มเป็น 556,373 ราย ซึ่ง 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา 135,691 ราย บราซิล 69,184 ราย สหราชอาณาจักร 44,602 ราย อิตาลี 34,926 ราย เม็กซิโก 32,796 ราย ฝรั่งเศส 29,979 ราย สเปน 28,401 ราย อินเดีย 21,623 ราย อิหร่าน 12,305 ราย และเปรู 11,314 ราย

ในส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อในอาเซียน และเสียชีวิต(ตัวเลขในวงเล็บ) พบว่า อินโดนีเซีย 70,736 ราย(3,417) ฟิลิปปินส์ 51,754 ราย(1,314) สิงคโปร์ 45,423 ราย(26) มาเลเซีย 8,683 ราย(121) ไทย 3,202 ราย(58) เวียดนาม 369 ราย เมียนมา 319 ราย(6) บรูไน 141 ราย(3) กัมพูชา 141 ราย และลาว 19 ราย

#ไวรัสโคโรนา #ไวรัสอู่ฮั่น #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #โรคปอดอักเสบ #ไวรัสโควิด19 #covid19 #Misterban #coronavirus #pneumonia #btimes #money360

 

July 10, 2020 ตลาดทุนสหรัฐขยาดภาวะโรคโควิด-19 ระบาดหนัก ทุบดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 300 จุด ราคาน้ำมันดิบปิดทรุดกว่า 3% ส่งราคาไนเม็กซ์หลุด 40 ดอลลาร์ ราคาทองคำร่วงกว่า 16 ดอลลาร์

เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม (ตามเวลาในสหรัฐ) ตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ปิดที่ระดับ 25,706 จุด -361 จุด หรือ -1.39% ดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 3,152 จุด -17 จุด หรือ -0.56% และดัชนีหุ้นนาสแดค ปิดที่ระดับ 10,547 จุด +55 จุด หรือ +0.53% สาเหตุจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในสหรัฐเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ท่ามกลางราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่คึกคัก จากการปรับมุมมองและราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจากเดิม

ราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ นิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 39.62 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -1.28 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล หรือ -3.13% ราคาน้ำมันดิบเบร็นท์ อังกฤษ ทะเลเหนือ ปิดที่ 42.39 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล -0.90 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ -2% สาเหตุจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐ และทั่วโลกที่สร้างความกังวลต่อการฟื้นตัวมากขึ้น รวมถึงกลุ่มโอเปกจะจัดการประชุมในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้

ราคาทองคำล่วงหน้านิวยอร์ก สหรัฐ ปิดที่ 1,803.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ -16.80 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สาเหตุจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกกลับทะยานแข็งค่ามากขึ้น

#ลงทุน #สตาร์ทอัพ #การเงิน #หุ้น #ทองคำ #น้ำมัน #ตลาดหุ้น #เล่นทอง #ราคาทอง #ดิจิทัล #markets #business #stock #gold #oil #investment #misterban #เศรษฐกิจ #เล่นหุ้น #btimes

 

July 10, 2020 รถมอเตอร์ไซด์หรูคลาสสิคชื่อดังระดับโลก ฮาร์ลีย์-เดวิดสันปลดพนักงาน 700 คนทั่วโลก

ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน อินคอร์ปอเรชั่น รถจักรยานยนต์หรูหรา และคลาสสิคชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ประกาศปลดพนักงาน 500 คนภายในปีนี้ สาเหตุจากยอดขายในตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของฮาร์ลีย์-เดวิดสันตกต่ำมาถึง 5 ปีต่อเนื่อง นอกจากนี้ สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้าอย่างรุนแรง ทำให้ยอดจัดส่งรถจักรยานยนต์ในไตรมาสที่ 1 ทรุดหนัก -16%

ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานั้น ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ประกาศปลดพนักงาน 140 คนที่โรงงานผลิตฮาร์ลีย์-เดวิดสันในรัฐเพนซิลวาเนีย และวิสคอนซิน ซึ่งการปลดพนักงานจำนวน 140 คนก่อนหน้านี้ ไม่รับรวมกับการประกาศตัวเลขปลดพนักงาน 500 คน

ทั้งนี้ นโยบายการลดต้นทุนในภาพรวมของฮาร์ลีย์-เดวิดสัน นั้น บริษัทดังกล่าวตั้งเป้าหมายปลดพนักงานทั่วโลกมากถึง 700 คน หรือราว 12% ของพนักงานทั้งหมดทั่วโลก ซึ่งจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายมากถึง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1,600 ล้านบาทในปี 2563

#ฮาร์ลีย์เดวิดสัน #ปลดพนักงาน #ตกงาน #สหรัฐ #misterban #jobcuts

 

July 9, 2020 ธนาคารทั่วโลกเจ๊งอ่วมกว่า 67 ล้านล้านบาท รับมหาวิกฤตโรคระบาด

เอสแอนด์พี โกลบอล เรตติ้งส์ ยักษ์ธุรกิจจัดอันดับความน่าเชื่อถือการลงทุนชื่อดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา เปอดเผยว่า ในปี 2563 ธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกจะได้รับความเสียหายรวมกันมากถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 41.6 ล้านล้านบาท ซึ่งพุ่งสูงขึ้น 2 เท่า เมื่อเทียบกับทั้งปี 2562 นอกจากนี้ มูลค่าความเสียหายดังกล่าวจะทะยานขึ้นภายในสิ้นปี 2564 ที่ 2.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 67 ล้านล้านบาท

บริษัทดังกล่าว เปิดเผยต่อไปว่า 60% ของธนาคารพาณิชย์ที่เสียหายนั้น จะอยู่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก นอกจากนี้ ยังได้รับการคาดการณ์ว่า ในปี 2564 มูลค่าความเสียหายของธนาคารพาณิชย์ในเอเชีย-แปซิฟิก จะมีสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 38.4 ล้านล้านบาท โดยมีสัดส่วน 3 ใน 4 หรือประมาณ 75% อยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่

สาเหตุจากภาวะโรคระบาดโควิด-19 ทั่วโลก ที่มีแนวโน้มระบาดเพิ่มสูงมากขึ้น กระทบอย่างรุนแรงต่อผลประกอบการของลูกค้าในแต่ละธนาคารทั่วโลก มีผลให้เกิดภาวะหนี้เสียในระบบการเงินของแต่ละประเทศทั่วโลกอย่างชัดเจน

#หนี้เสีย #ธนาคาร #misterban

 

July 9, 2020 ร้านขายยาชื่อดังระดับโลก บู้ทส์ยังต้องปลดกว่า 4,000 คน ปิด 48 สาขาถาวร

บู้ทส์ ธุรกิจเครือข่ายค้าปลีกเวชภัณฑ์ และสินค้าความงามชื่อดังระดับโลก ประกาศปลดพนักงานมากกว่า 4,000 คน หรือราว 7% ของพนักงานทั้งหมด โดยตำแหน่งงานที่จะได้รับการปลดออกในครั้งนี้ ได้แก่ รองผู้จัดการ ผู้ช่วยผู้จัดการ พนักงานแนะนะความงาม หรือ BA และที่ปรึกษาลูกค้า พร้อมปิดสาขา 48 แห่งในอังกฤษ

สาเหตุจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ในสหราชอาณาจักร ส่งผลให้ธุรกิจของบู้ทส์ไม่สามารถเปิดบริการเป็นเวลากว่า 2 เดือนจากมาตรการปิดเมือง รวมถึงกำลังซื้อของลูกค้าตกต่ำต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายใน 3 เดือนผ่านมา ร่วงหนักเกือบ -50%

#บู้ทส์ #ขายยา #ปลดพนักงาน #ปิดสาขา #misterban