@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    Cpq7WGIo5bhr9Jya1T1jn36QJ2jxAac5Gn6EM5Rc_RtOHC3sazfbGc-omWjeKheQCkL93fJ5&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ถาม : หากมีความจำเป็นที่จะตัดต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตามบ้านเรือน ตามสวนหรือท้องนา (มีการขออนุญาตทางราชการแล้ว) เพื่อนำไม้มาใช้ประโยชน์ เช่น การสร้างบ้าน เป็นต้น ก่อนตัดต้นไม้เหล่านั้น เราควรมีการขอขมา หรือทำพิธีอย่างไรบ้างเพื่อไม่ให้เกิดโทษเมื่อตัดต้นไม้แล้วครับ ?.

    ตอบ : ถ้าเป็นโบราณเขาก็ “พลี” ก็คือทำพิธีบอกกล่าวเสียก่อนว่าจะเอาไปทำอะไร แต่ถ้าตามคำแนะนำของหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านให้สร้างศาลเพียงตา แล้วก็ตัดกิ่งของต้นไม้ต้นนั้นที่ใหญ่หน่อย ยาวสักศอกก็ได้ เอาไปตั้งในศาลโดยหันทางปลายขึ้น เพื่อที่เทวดาท่านจะได้ไปอาศัยอยู่ในศาลแทน แล้วค่อยโค่นต้นไม้นั้น
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    dTuI1B6LAbCHToP5NaT_OwIwqoTdwV0Bxf7OSp2lHhDcSPBdOKXS6Z-7_6Sqv3xvRbmZ1gJy&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ถาม : ในมหาปรินิพพานสูตร เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูได้สร้างมหาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ว พระองค์ได้วางแท่งแก้วขนาดใหญ่ไว้หน้าประตูเจดีย์แล้วให้จารึกไว้ว่า "ในอนาคตกาล เจ้าแผ่นดินที่ยากจน จงถือเอาแก้วมณีแท่งนี้ กระทำสักการะพระบรมธาตุทั้งหลายเทอญ" หากว่ามีผู้กระทำตามคำจารึกของพระเจ้าอชาตศัตรูจะได้รับผลเป็นเช่นไรครับ ?

    ตอบ : ได้อานิสงส์การบูชาพระธาตุด้วยแก้วมณี ส่วนเจ้าของที่แท้จริงคือพระเจ้าอชาตศัตรู ก็จะได้อานิสงส์ไปอีกส่วนหนึ่ง เพราะว่าได้ช่วยให้งานบุญของคนอื่นสำเร็จ

    ถาม : หากผมจะนำดวงแก้วจุยเจียหรือโป่งข่ามที่ผ่านพิธีพุทธาภิเษกแล้วไปสักการะพระปฐมเจดีย์ จะได้รับผลเช่นเดียวกับคำจารึกของพระเจ้าอชาติศัตรูหรือไม่ หรือว่ามีวิธีการเฉพาะแบบไหนที่ผมควรจะปฏิบัติเพื่อให้ได้ผลครับ ?

    ตอบ : ควรจะหาแก้วมณีแบบพระเจ้าอชาตศัตรูถึงจะได้อานิสงส์เดียวกัน แก้วมณีในที่นี้คือโคตรเพชร ไม่ใช่แก้วโป่งข่าม

    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ
    กันยายน ๒๕๖๑
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    LLmhJ0UxzpPQHRodrvsOIbJ5Ky7WKITbwwCbPQPFtwX5X4MdCsZqmzyP6n2TKBYFuzDZC9Wl&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    +++ "พี่ไม่โง่ไปอมขี้ดินหรอกน้อง" +++

    "ขอผมนะครับ" เฮ้ย..ของตูซะที่ไหน ? "#เขาส่งให้ท่านก็เป็นของท่านนั่นแหละครับ" ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเลยพ่อคุณ..!

    จอมอสูรอ้าปากกว้างครอบฟ้าคลุมดิน ดูดพรวดเดียวบรรดา "#ของ" ที่ผู้มีจิตศรัทธาส่งมาถวาย เนื่องในโอกาสอันประเสริฐสุดในรอบหลายปี #คือเป็นวันเสาร์จันทรุปราคา #วันไสยศาสตร์เริงร่า ก็ถูกดูดเป็นสายหายวับเข้าปากพ่อเจ้าประคุณไปทันที..!

    ปีนี้เป็นปีเฮงสุดยอดของอาตมา นับวันเกิดทางจันทรคติเป็นวันจันทรุปราคา ถ้านับวันเกิดตามปฏิทินสากลเป็นวันสุริยุปราคา แต่โชคดีที่ตัวอุปราคา #เป็นเพื่อนรักเพื่อนเกลอกันมาหลายชาติ ผลกระทบทุกครั้งจึงส่งไปในด้านดีเสมอ...

    สงสารก็แต่บรรดาหมอไสยศาสตร์ อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอน #ทำพิธีที่คิดว่าได้ผลอย่างที่สุดแล้ว #ดันกลายเป็นอาหารว่างของพี่ท่านไปเสียนี่ ทำอย่างกับกินฮอร์โมนบำรุงร่างกาย ดูผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้นมาในทันใด แสดงว่ารับเอาพลังงานเข้าไปไม่น้อยเลยทีเดียว...

    "#ถ้ามีอีกเมื่อไรบอกพี่ได้นะน้อง #ของอร่อยแบบนี้พี่ชอบมาก..!" ปกติก็มีคืนวันอังคารกับวันเสาร์ บางทีก็เปิดรอบพิเศษช่วงดึกหรือเช้ามืดแบบวันนี้ #เอาเป็นว่าเชิญรับประทานได้ทันทีทุกครั้งก็แล้วกัน...

    ย่องออกไปถ่ายรูปราหูอมจันทร์ตอนตีสาม พ่อเจ้าประคุณมัวแต่ไปกินอาหารว่างอยู่ #จึงกลายเป็นพระจันทร์ทรงกลดสวยงามอร่ามฟ้า ทั้งที่นักดาราศาสตร์บอกว่าคราสกำลังจับอย่างเต็มที่ #ยังดีที่มีเวลาบันทึกอยู่ในรูปเป็นหลักฐาน ไม่อย่างนั้นต้องมีคนคิดว่าโดนอาตมาแหกตาเอาแน่ ๆ..!

    "แลกกันครับ" ประกายสีเงินสีทองวาววับ พุ่งเป็นสายออกจากปากขนาดมหึมา #กองเป็นภูเขาเลากาอยู่ตรงหน้า #เงินแท่งทองแท่งทั้งนั้น..! เฮ้ย..อย่าทิ้งภาระเฮงซวยแบบนี้ให้ตูซีโว้ย..!

    "#ถ้าใช้ไม่หมดก็เอาไปแบ่งให้ลูกให้หลานของท่านได้ครับ" พูดจบก็ถกตูดอ้วน ๆ เปิดแน่บไปเลย พระจงพระจันทร์ก็ไม่สนใจที่จะอมแล้ว "#พี่ไม่โง่ไปอมขี้ดินหรอกน้อง" เสียงกระหึ่มเหมือนฟ้าร้องแว่วมาไกล ๆ จากสุดขอบจักรวาล เออ..วันพระไม่ได้มีหนเดียว..!

    cr.บารมี หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี
    เก็บตกบ้านเติมบุญ เดือนมิถุนายน ๒๕๖๓
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471



    สวดประจำ ขณะสวดอย่ามีอารมณ์ความเร่าร้อนอยากได้ สวดประจำในชีวิตประจำวัน ไม่สนว่ากี่จบ การเงินการทองราบรื่น ไหลลื่นขึ้นมาก หมั่นทำบุญทำทานปัจจุบันสม่ำเสมอด้วยครับ
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    fkLxG6fV9hRalOMsNBjrHEQ5VT0TDARTKFVfC_BkMjvygLzs0aCpQBADpi2TjvcfxZhJS1o8&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    อดีตที่ผ่านพ้น
    ตอนที่ ๓๑ : #อานุภาพศีล
    ..........................................


    มีฤๅษีหมู่หนึ่งเดินทางมาจากป่าหิมพานต์ (แฮ่...อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้...!) เพื่อมาเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดอาการเหนื่อยล้าเต็มที เมื่อถึงทางแยกเมืองสาวัตถี จึงพากันหยุดพักที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ที่ขึ้นอยู่ตรงทางแยกนั่นเอง...

    เห็นต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มเป็นที่เย็นสบาย หัวหน้าฤๅษีก็คิดว่า ต้นไม้ใหญ่โตขนาดนี้ต้องมีรุกขเทวดาอาศัยอยู่ เรามาเหนื่อยแทบตาย ซ้ำกระหายน้ำอีกต่างหาก ถ้าเทวดาจะเมตตาบันดาลน้ำมาให้ดื่มกันสักหน่อยคงจะดี...(เล่นง่ายดีเนอะ...) คิดเพียงเท่านั้น พลันก็ปรากฏภาชนะบรรจุน้ำใสสะอาดเต็มเปี่ยม ขึ้นที่เบื้องหน้าฤๅษีทั้งหลายเป็นที่น่าอัศจรรย์ ทั้งนี้เกิดจากอานุภาพรุกขเทวดาที่อาศัยอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่นั้น พอทราบความคิดของหัวหน้าฤๅษี ก็บันดาลให้มีขึ้นทันใด

    ฟาดกันไม่ต้องฟังเสียงล่ะ พอสิ้นความกระหายก็คิดต่อไปว่า พวกเราเดินทางมาไกล ร่างกายสกปรกมอมแมม เมื่อรุกขเทวดาบันดาลน้ำให้ดื่มได้ ก็น่าจะบันดาลน้ำสำหรับอาบให้แก่พวกเราได้เช่นกัน (น่าน...เอาซะให้คุ้ม) ทันใดนั้นก็ปรากฏสระโบกขรณีขึ้น ให้เหล่าฤๅษีได้อาบอย่างสำราญใจ (น่าจะมีนวดแถมซะให้เข็ด...!) พอร่างกายสบาย ใจก็อยากต่อไม่สิ้นสุด เลยคิดต่อไปว่า น้ำดื่มน้ำอาบก็มีแล้ว อีนี่ฉานหิวนะนาย...มีอะไรให้ฤๅษีกินบ้างละนายจ๋า...!

    รุกขเทวดาก็พี่มีแต่ให้จริง ๆ ..บันดาลให้ต้นไม้เกิดผลสะพรั่งไปทั้งต้น (ไม่ยักเป็นโต๊ะจีนแฮะ...) เหล่าพวกฤๅษีกินอิ่มแล้วเกิดอยากเห็นเทวดา จึงตั้งความปรารถนาขอพบซักหน่อย รุกขเทวดาก็สุดเขินจึงบันดาลให้ปรากฏเฉพาะเสียงว่า... “ข้าแต่ท่านผู้ทรงศีล ข้าพเจ้าเป็นผู้ประกอบด้วยบุญญาธิการน้อยนิด มีความละอายเป็นที่ยิ่ง ไม่กล้าปรากฏขึ้นต่อหน้าท่านทั้งหลาย” แม้ว่าผู้น้อยมิบังอาจ เหล่าฤๅษีก็อ้อนวอนจนใจอ่อน แสดงกายทิพย์ขึ้นเฉพาะหน้า ประกอบด้วยรัศมีกายเป็นที่สว่างรุ่งเรืองยิ่งนัก...(แอ่น...แอ๊น....!)

    หัวหน้าฤๅษีจึงถามว่า “เทวะ...ดูก่อน เทวดา ท่านมีฤทธานุภาพเป็นที่น่าอัศจรรย์ ทั้งสว่างรุ่งเรืองไปด้วยรัศมี ขอถามว่าท่านนี้ทำบุญมาด้วยสิ่งใด จึงมีศักดานุภาพใหญ่เห็นปานนี้” รุกขเทวดาประคองอัญชลีตอบต่อฤๅษีทั้งหลายว่า... “ข้าแต่ท่านผู้ทรงศีล กล่าวไปแล้วเป็นที่ละอายยิ่ง บุญญานุภาพของข้าพเจ้านี้ เกิดด้วยผลการรักษาศีล ๘ เพียงครึ่งวัน...” แล้วรุกขเทวดาจึงเล่าบุรพกรรมให้ฤๅษีได้ทราบดังนี้

    ชาติก่อนข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจ ไปขอทำงานกับท่านสุทัตตเศรษฐี ผู้มีอีกนามหนึ่งว่าอนาถปิณฑิกเศรษฐี ขอเพียงมีอาหารวันละ ๒ มื้อ แลกกับแรงงานก็เป็นที่พอใจ ท่านเศรษฐีผู้มีใจกรุณา รับข้าพเจ้าไว้เป็นคนรับใช้ทั่วไป... วันนั้นเป็นวันอุโบสถ ข้าพเจ้าไปตัดฟืนในป่าตั้งแต่เช้า กลับมาก็เลยเที่ยงไปแล้ว จึงตรงไปขออาหารที่โรงครัว เห็นภายในโรงครัวเงียบสนิท ปราศจากคนพลุกพล่านเช่นวันก่อน จึงถามแม่ครัวว่า “นี่แน่ะแม่...วันนี้ไฉนจึงเงียบนัก อาหารส่วนของข้าพเจ้าอยู่ไหนเล่า...?” แม่ครัวตอบว่า “นี่แน่ะท่านผู้เจริญ.... วันนี้เป็นวันอุโบสถ ทุกคนในบ้านนี้แม้แต่ทารกเพิ่งอดนม จะบ้วนชำระปากให้สะอาด ตั้งใจรักษาอุโบสถศีล เว้นอาหารตั้งแต่หลังเที่ยงไปแล้ว ท่านเป็นผู้มาใหม่ยังไม่ทราบระเบียบข้อนี้ ข้าพเจ้าจักรีบประกอบอาหารเพื่อท่าน...” ข้าพเจ้ารับฟังเป็นที่อัศจรรย์ใจ คิดว่าอุโบสถศีลนี้เป็นไฉนหนอ ...? บุคคลในบ้านท่านเศรษฐีจึงพร้อมใจกันสมาทานรักษา แม้แต่ทารกเพิ่งอดนมยังประกอบด้วยศรัทธาเห็นปานนี้ จึงยับยั้งแก่แม่ครัวว่า “นี่แน่ะแม่...จงงดการประกอบอาหารไว้ก่อน ข้าพเจ้าจักรักษาศีลเช่นเดียวกับพวกท่านบ้าง...” ว่าดังนั้นแล้ว ข้าพเจ้าจึงไปหาท่านเศรษฐี ศึกษาในอุโบสถศีลแล้ว มีใจอันผ่องแผ้ว ตั้งใจสมาทานรักษา...

    ข้าแต่ท่านผู้ทรงศีล ข้าพเจ้าเป็นผู้ทำงานหนัก ไม่มีอาหารตกถึงท้องมาทั้งวัน ตกดึกลมกำเริบขึ้น ข้าพเจ้าทนไม่ไหว ได้ทำกาละคือตายไป มาเกิดเป็นรุกขเทวดา สิงสถิตย์ที่ต้นไม้ใหญ่นี้ อานุภาพทั้งหมดที่ท่านเห็น เป็นอานิสงส์ของอุโบสถศีลครึ่งวันดังกล่าวมาแล้ว...” นั่นเป็นเรื่องที่มีมาในพระไตรปิฏก อ่านแล้วแปลไทยเป็นไทยเอาเองก็แล้วกัน เขียนแบบธรรมดาเดี๋ยวเขาจะหาว่าไม่เก่ง เล่นสำนวนให้เวียนหัวซะอย่างนั้นแหละ ทีนี้จะกล่าวถึงอานุภาพศีล ๘ ที่อาตมาพบมาเองบ้าง (เข้าเรื่องซะที อู้มานานแล้ว....!)

    คืนหนึ่งที่บ้านสายลม หลังกรรมฐานแล้ว หลวงพ่อเมตตาเล่าว่า “พระท่านมาบอกว่า คนที่มาเจริญกรรมฐานในคืนนี้ทั้งหมด มีอยู่ ๗๐ คนที่รักษาศีล ๘ ได้...” เรื่องแบบนี้อาตมาไม่เคยล้าหลังใครอยู่แล้ว จึงทึกทักว่า “ข้าคือหนึ่งในจำนวนนั้น...!” เมื่อมั่นใจก็เอาเลย ตั้งใจรักษาศีล ๘ ตั้งแต่วินาทีนั้นเป็นต้นไป ขากลับบ้านอาศัยรถของน้าโชค คุณประสพโชค ปัจฉิมางกูร เพราะไปทางเดียวกัน น้าโชคชวนกินข้าวก่อน อาตมายอมเสียมารยาทปฏิเสธการเลี้ยง แล้วเดินกลับบ้านเอง (กลัวเสียไม่ได้นะซี้...!)

    กราบขอบารมีพระ... “ด้วยอานุภาพศีล ๘ ที่ลูกตั้งใจรักษา ขออย่าให้ร่างกายมีความกระวนกระวายใด ๆ เลย...สาธุ” พอหลังเที่ยงวันรุ่งขึ้นมันเหมือนกับคอหอยตัน กินอะไรไม่ได้นอกจากน้ำ ตั้งแต่นั้นมาก็เป็นแบบนี้ทุกวัน เลยรักษาศีล ๘ ได้อย่างสบาย ๆ ...

    ๔ มีนาคม ๒๕๓๒
    พระใบฎีกาเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ..........................................
    Cr. www.watthakhanun.com
    #สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    #เกาะความดี #เกาะพระรัตนตรัย #เกาะพระนิพพาน
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    YnJDJD-rv7FvmXJRfBA7sb7MgW218AQLwVBRAhqkkJI2t0DERenW3BDS_OWeJABmf_wNX6n9&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    G5HkllqhoFwKKO8AC25dEe8oVWsnW_rrviTB88stAjJRtkf5iqrjPlnaYGMwPpYrsrIcGzvN&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    *** วิธีแก้การทดสอบจากเทวดา ***

    การต้องถูกพิสูจน์นี่มีน้อยคน ไม่ใช่ทุกคน ท่านที่ถูกพิสูจน์อย่างหนักจริงๆ หนักมาก ก็ต้องเป็นพวกที่มาจากพระโพธิสัตว์ อดีตเคยปรารถนาพุทธภูมิมาก่อน อยากเป็นพระพุทธเจ้า การที่จะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ก็ต้องถือว่าจอมทัพ ท่านที่จะเป็นจอมทัพ ปราบข้าศึกคือ กิเลส ต้องมีความเข้มแข็งมาก

    ท่านพวกนี้จะถูกพิสูจน์ด้วยเทวดาชั้นจาตุมหาราช ซึ่งเป็นเทวดาผู้ทรงฌาน แต่เทวดาเขาจะพิสูจน์เรา ก็ต่อเมื่อเราไม่กลัว ถ้าเรายังกลัวอยู่เขาไม่มาหรอก เสียเวลา และท่านพวกนี้ต้องมาจากสายพุทธภูมิ สายสาวกภูมิเขาไม่ลองมากเดี๋ยวเป็นบ้าไปเลย ดีไม่ดีเดี๋ยวเลิก เพราะกำลังใจอ่อนการทดลองของเขาก็ไม่ซ้ำแบบ ถ้าเรากลัวเขาก็เลิก หรือเราไม่รู้จักกลัวเขาก็เลิก คนไม่กลัวจริงๆ นี่เลยบาท

    กำลังใจของคนทุกคน อาจสู้กันไปสู้กันมา สู้ให้พ้นความตายเหมือนสู้กับข้าศึก คนเลยบาทคิดสู้เอาชีวิตเป็นเดิมพันว่าร่างกายนี้นี่จะตายก็ช่างมัน แต่ความดีส่วนหนึ่งต้องเอาให้ได้ ถ้าความดีส่วนนี้เราไม่ได้เพียงใดเราจะไม่ยอมเลิกเด็ดขาด มันจะตายก็ยอม เรียกว่า รักธรรมะยิ่งกว่ารักชีวิต อย่างนี้เขาเรียก "คนเกินบาท" มีกำลังใจเข้มแข็งมาก

    บทพิสูจน์ของเทวดา ถ้าอารมณ์เข้าถึงขั้นใกล้จะเป็นพระอริยเจ้า โดยเฉพาะถ้าท่านพุทธบริษัทเคยปรารถนาพุทธภูมิมาก่อนจึงจะมี

    วิธีป้องกันตัว คือ ภาวนาหรือพิจารณาคิดว่า "มันจะตายเวลานี้ก็เชิญ ถ้าตายเวลานี้อย่างเลวเราไปสวรรค์ อย่างกลางไปพรหมโลก อย่างสูงสุดเราไปนิพพาน อะไรจะเกิดขึ้นอย่างไรก็ตาม เราไม่ยอมหวั่นไหวไม่ยอมแพ้"

    ------------------------------------------
    ธรรมโอวาท หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
    คัดลอกมาจาก : หนังสือ "พ่อสอนลูก" คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทราราม (ท่าซุง)อุทัยธานี โดยคุณปาริชาต แสงหิรัญ ชมรมวิชชุเวทย์ธรรมปฏิบัติ
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    พระคาถาเงินล้านนี่ทำให้กรรมคลายตัวด้วย
    เพราะถ้าวิบากกรรมไม่คลายตัว สภาพคล่องตัวจะไม่เกิดขึ้น
    ทีนี้ ในเมื่อเราภาวนาไปเนี่ยะ ๓๐ จบแล้วสัก ๑ เดือนยังไม่คล่องตัว
    ก็ลอง ๕๐ จบซิ...มันเป็นยังไง...เดือนนึงยังไม่คล่องตัว ก็ ๑๐๐ จบเป็นยังไง..ถ้ามันคล่องตัวขึ้นแสดงว่า เราหาจุดเราเจอแล้ว คือจุดที่ ๑๐๐ จบแล้วดี..สมมตินะ อันนี้สมมติ
    โยมบางคนบอกว่า ดิฉันจบเดียวค่ะ คล่องเลย...ท่องคล่องเฉย ๆ นะ ๕๕๕ (อันนี้แซวนะ)

    ถ้าใครทำพระคาถานี้อยู่นะ ไม่ตกที่ต่ำ ไม่จนเลย
    สิ่งที่โยมทำ บุญทุกอย่างจะรวมตัวโดยอัตโนมัติเลย เราทำบุญไว้เท่าไหร่ มันจะรวมตัวกันโดยอัตโนมัติให้เกิดความคล่องตัว
    จำไว้เลยว่า ถ้าเราทำได้แล้วถึงที่สุดถึงความคล่องตัวแล้ว...จะไม่ลง จะไม่ตกอีกนะ คือ ขึ้นแล้วขึ้นถ่ายเดียวไปเรื่อย ๆ ไปเรื่อย ๆ จะไม่ลงอีก
    ฉะนั้น ให้ทำถึงจุดที่มันขึ้นไปให้ได้ก่อน พอถึงจุดที่มันขึ้นไปแล้ว ทีนี้ไม่ลงแล้ว...ก็สบายใจได้ อย่างนี้เป็นต้น

    ▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎
    เคล็ดลับวิธีการภาวนาพระคาถาเงินล้าน ตอนที่ ๔
    youtube : วายุภัทร ศิษย์ลูกนอกวัง

    #พระอาจารย์เอกลักษณ์ ปญฺญาคโม
    #วัดพุทธพรหมยาน

    ขอบคุณภาพจาก :
    เรียกข้าว่าท่านอ๋อง

    7N5-d3pHDHxBkIR85cPQ2hI3gcnhjJCxfnd4kNWMaEkmtx7ZOdKLWDGk5NMhETDzpgvMwJbl&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    m-TEMxbC4euepjWYHazTpcfoHk68o0jgF7Y8HDAvnoS4rHdxn-2wKYlCfpj7rvSFIr-Y5PmA&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    จีราภา เศวตนันท์
    วิทยากรสถาบันพุทธภาวนาวิชชาธรรมกาย

    เรื่องที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงของข้าพเจ้า มิได้ต้องการให้เป็นการโอ้อวด แต่มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญยิ่ง 2 ประการ คือ

    ประการแรก เพื่อให้เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ที่ได้จากการปฏิบัติธรรมจริงๆ เพื่อให้ผู้อื่นที่ได้ปฏิบัติเข้าถึงและพบปัญหาแบบเดียวกันเข้าใจ สามารถแก้ไขตนเองได้ทัน

    เพราะบางทีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อไม่มีครูบาอาจารย์อยู่ด้วย ถ้าตนเองไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจ ก็อาจแก้ปัญหาไม่ถูกต้องตามแนวทาง ทำให้เกิดผลเสียหนักขึ้นได้ การทำวิชชาชั้นสูงที่ละเอียดมากๆ ต้องระวังอย่างยิ่ง ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจทำให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรง ที่ไม่อาจแก้คืนหรือแก้คืนได้ยาก เช่น อาจพลาดแล้วถูกภาคมาร (กิเลสมาร) ยึดสุดละเอียดไป ทำให้หลง ไม่เห็นกิเลสละเอียด ทำให้กาย วาจา ใจ เบี่ยงเบนไปจากธรรมฝ่ายสัมมาทิฏฐิไปทีละน้อย จนไม่รู้สึกตัว แล้วจะถูกทำลายธาตุธรรมไปในที่สุด

    ✏️ประการที่สอง เป็นการยืนยันว่าธรรมกายเป็นของจริง ขอให้ท่านผู้อ่านทั้งหลายที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงป๋า ทราบและมั่นใจได้เลยว่า วิชชาธรรมกายที่หลวงป๋าสอน ตามพระเดชพระคุณ หลวงพ่อวัดปากน้ำ (สด จนฺทสโร) นั้น เป็นธรรมะของจริงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเมื่อปฏิบัติถูกต้องแล้ว ย่อมได้ผลจริง

    ขอพวกเราจงภูมิใจเถิดว่า เรานั้นไม่เสียชาติเกิดเลย ที่ได้มาเป็นลูกหลานของหลวงป๋า เพราะการสอนของท่าน เปิดใจกว้างเสมอ ไม่เคยปิดบังวิชชา เรียกว่าเปิดกันจนหมดตัวหมดใจเลยทีเดียว แต่เฉพาะศิษย์กับครูเท่านั้นนะ ท่านถึงจะให้เห็น เพราะท่านถือว่าจำเป็นในการสอน เพื่อที่ศิษย์จะได้เข้าใจถูกต้อง ครบถ้วน ตามจริง ไม่ถือว่าเป็นการอวดอุตตริมนุสสธรรม ถือว่าเป็นการสอน

    ทุกครั้ง ในการสอนธรรมะ ข้าพเจ้าเห็นกายของท่านใสเป็นแก้ว ฉัพพรรณรังสีปกคลุมไปทั่วบริเวณลานธรรม บางครั้งเห็นมีอาสนะเป็นพญานาค 7 เศียร นั่นหมายถึงท่านเป็นธาตุธรรมที่แท้จริงขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รัศมีที่เปล่งออกมาหมายถึงความเมตตาต่อสัตว์โลกทั้งหลาย ไม่เคยแบ่งว่าใครเป็นพระหรือมาร และข้าพเจ้าเห็นด้วยตัวเองว่า เมื่อถึงตอนแผ่เมตตาด้วยความบริสุทธิ์ใจของท่าน แม้แต่ไฟนรกยังดับ ทั่วทั้งจักรวาลมีแต่เสียงสาธุ นี่คือการสอนธรรมะในแต่ละครั้งของท่าน เพราะฉะนั้นที่วัดหลวงพ่อสดฯ ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสทำวิชชาทุกวันตลอดเวลา (เรียกว่า วิชชาเป็น) ที่นั่นจึงเป็นศูนย์รวมแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เพราะทุกอณูของวัดหลวงพ่อสดฯ เป็นเหมือนเกล็ดเพชรระยิบระยับอยู่เต็มพื้นที่ แต่เมื่อดูด้วยตาธรรมกายแล้ว จะเห็นเป็นองค์พระมากกว่าเมล็ดทรายในท้องมหาสมุทรเสียอีก

    จากจุดเริ่มต้นในวิชชาชั้นสูง ที่หลวงป๋าเปิดใจให้กับศิษย์ซึ่งมีความรู้แค่หางอึ่ง ยังไม่ลึกซึ้งในวิชชาธรรมกายเท่าไรนัก จึงทำให้ข้าพเจ้าผู้ที่เป็นคนที่นับถือศาสนาอื่นมาก่อน เริ่มศรัทธาในศาสนาพุทธ และด้วยความเมตตาที่ท่านมีให้แก่ศิษย์ ท่านจะคอยประคับประคองในเรื่องวิชชา ไม่ให้เดินออกนอกลู่นอกทาง

    อยู่มาวันหนึ่งข้าพเจ้าเกิดสงสัยขึ้นมาว่า ทำไมทุกครั้งที่นั่งธรรมะเสร็จแล้ว แผ่เมตตา ไม่เคยเห็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องของเราที่เสียชีวิตไปแล้วมาอนุโมทนาบุญเลย จึงกราบเรียนให้ท่านทราบ ท่านก็ให้ความกระจ่างมาว่า

    ️เขาเป็นมิจฉาทิฏฐิ ไปอยู่สุดขอบจักรวาลโน่น วิธีช่วยน่ะมี แต่การช่วยคนนอกศาสนา ไม่เหมือนกับช่วยชาวพุทธที่อยู่ในนรกนะ เพราะต้องแลกด้วยบุญบารมี (หมายถึงบุญบารมีของท่านที่สร้างมา จะต้องถูกตัดทอนลดลงไป) ฉะนั้นให้เลือกมา 1 คน จะเอาใคร ข้าพเจ้าก็ขอเลือกแม่ ท่านเริ่มทำสมาธิ ให้ข้าพเจ้าทำสมาธิตามไปด้วย ในระหว่างที่เดินวิชชาอยู่นั้น จะเห็นท่านเดินนำหน้าไปคอยอยู่แล้ว เราก็เข้ากลางตามท่านไป

    ความรู้สึกเวลานั้นไม่เหมือนกับนั่งสมาธิแล้ว เหมือนกับว่าเข้าไปในมิติของแดนสนธยาเลย ยิ่งเดินก็ยิ่งมืด เห็นแต่หลวงป๋าองค์เดียว เพราะรัศมีกายท่านสว่างมาก แต่บริเวณนั้นมืดหมด ในที่สุดท่านก็บอกว่า ถึงแล้วนะ ให้เรียกชื่อแม่ 3 ครั้ง ท่านว่าแม่มาแล้ว ข้าพเจ้ามองไปที่เท้าของหลวงป๋า เห็นแม่นั่งยองๆ ผิวหนังขาดวิ่น ผมเป็นกระเซิง เห็นสภาพของแม่แล้วน้ำตาไหลด้วยความสงสาร

    เสียงหลวงป๋าดังขึ้นทันที เข้ากลางเอาไว้ เพราะจิตเริ่มส่าย ภาพของแม่เริ่มเลือนๆ ถ้าคุมสติไม่อยู่ คงต้องเริ่มต้นกันใหม่ เข้ากลางอยู่พักหนึ่ง เมื่อใจเริ่มเป็นปกติ ท่านก็ให้เรียกแม่อีก ครั้งแรกแม่ทำท่าตกใจเมื่อเห็นข้าพเจ้า เพราะเราเป็นองค์พระอยู่ หลวงป๋าให้เรียกแล้วให้บอกว่าเราเป็นลูกชื่ออะไร เมื่อแม่จำได้ก็ร้องไห้ ขออธิบายเรื่องความจำของแม่สักนิด คนที่ตายไปแล้ว ถ้าสมัยมีชีวิตอยู่ไม่เคยฝึกสมาธิ ตายไปก็จำอะไรไม่ได้ เหมือนกับที่เราเกิดมาจากไหน เป็นอะไรมาก่อน เราก็ไม่รู้ ต้องมาฝึกสมาธิถึงจะรู้อดีตได้ แต่ที่แม่จำได้ก็เพราะหลวงป๋าคุมอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดท่านก็ให้แม่รับไตรสรณาคมน์ โดยการให้ข้าพเจ้าเข้ากลาง แล้วถ่ายทอดเสียงของหลวงป๋าไปยังแม่ เมื่อแม่รับไตรสรณาคมน์แล้วก็กราบ 3 หน เป็นการยอมรับในบวรพระพุทธศาสนา แล้วหลวงป๋าก็ใช้ให้จักรแก้วเป็นพาหนะ ส่งแม่ไปยังสวรรค์ ก็ช่วยได้แค่ดาวดึงส์เท่านั้น เพราะบุญของแม่มีน้อย แถมยังทำบุญกับศาสนาของตัวเองโดยการฆ่าสัตว์ใหญ่ ตามความเชื่อของบรรพบุรุษว่า เมื่อตายไปจะได้ขี่วัวขี่แพะ ขึ้นสวรรค์ไม่ต้องเดินให้ลำบาก

    เพราะความเมตตาของหลวงป๋าในครั้งนั้น ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งในความกรุณาของท่านเป็นยิ่งนัก จะไม่มีวันลืมพระคุณของท่านได้เลยในชาตินี้ จึงขอมอบกายถวายชีวิตแด่บวรพระพุทธศาสนาตราบเท่าชีวิตจะหาไม่และทุกภพทุกชาติไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

    ... ท่านเคยบอกว่า จำไว้นะ เมื่อเป็นคนของหลวงพ่อแล้ว (หมายถึง หลวงพ่อสด) ท่านจะไม่ทิ้ง เพราะถ้าหลงไปตามสิ่งที่มารเขานำมาล่อ จะถูกภาคมารยึดสุดละเอียด หลังจากนั้นเขาจะให้ความสมบูรณ์ทุกอย่าง เป็นต้นว่า ทรัพย์สมบัติหรืออะไรต่อมิอะไรก็ได้ทั้งนั้น เพื่อทำให้เราหลง แต่พอหมดประโยชน์กับเขาแล้ว ทีนี้แหละ ความเดือดร้อนนานัปการจะทับทวีเป็น 10 เท่า 100 เท่าเลยทีเดียว ได้ยินเช่นนั้นแล้ว ความเชื่อมั่น ความศรัทธาต่อวิชชาธรรมกาย เปี่ยมล้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ชี้ให้เห็นถึงความเอาใจใส่ของหลวงป๋าที่มีต่อศิษย์ ถ้าเราตั้งใจทำวิชชา ทีนี้ทุกครั้งที่นั่งต่อหน้าท่าน ก็ต้องระวังตัว ไม่กล้ากระดิกใจออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด ท่านจะพูดกับข้าพเจ้าเสมอว่า จงร่วมกันสร้างบารมี

    ท่านผู้ท่านที่รักทั้งหลาย ความลับของหลวงป๋าในธาตุธรรมขององค์ต้นของหลวงพ่อสด ยังมีอีกมากมาย ท่านที่เป็นลูกศิษย์ทั้งหลายจงรีบตักตวงวิชชาให้มากที่สุดเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ อย่าให้ต้องเสียใจภายหลังเมื่อไม่มีท่านแล้ว ความเป็นธาตุธรรมที่แท้จริงนั้น เปรียบเสมือนความศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นใครก็ตามที่คิดไม่ดี ทั้งกาย วาจา ใจ ต่อท่าน ขอบอกได้เลยว่า ท่านผู้นั้นเมื่อตายไป มีที่อยู่แน่นอนคือนรกภูมิ จะเป็นขุมไหนก็เลือกได้ตามสบายเลย เผลอๆ ยังไม่ทันจะตาย กรรมก็ตามทันเสียแล้ว พิสูจน์กันเอาเองก็แล้วกัน ผู้ทำวิชชาจะรู้ดีว่า อาจารย์ของเขาเป็นอย่างไร

    พูดถึงเรื่องรู้จิตรู้ใจ มีเรื่องขำๆ หลายเรื่อง จะเล่าให้ท่านผู้อ่านทราบสัก 2 เรื่อง เรื่องแรกมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง ท่านเล่าถึงชีวิตฆราวาส สมัยหนุ่มๆ ท่านทำกับข้าวเก่ง ตำน้ำพริกก็เก่ง น้ำพริกใส่อะไรท่านตำอร่อยทั้งนั้น เราก็คิดในใจ เก่งจังเลย เราเป็นผู้หญิงแท้ๆ ตำเป็นแต่น้ำพริกกะปิ แต่เราก็ตำอร่อย เสียงท่านหัวเราะแล้วบอกว่า เออ น้ำพริกกะปิเอ็งอร่อย ข้าพเจ้าหยุดคิดทันที ทับทวีองค์พระอย่างเดียวเลย

    ♟️เรื่องที่สอง มีครั้งหนึ่งนั่งรถจากกรุงเทพฯ ไปวัดหลวงพ่อสดฯ กับท่าน พอรถเลี้ยวเข้าวัด พญานาคองค์ใหญ่ที่ดูแลวัดหลวงพ่อสดฯ อยู่ ก็ขึ้นมาล้อมโบสถ์ ข้าพเจ้าเห็นแล้วไม่กล้าพูด กลัวจะโดนดุ เพราะมีทั้งพระทั้งโยมเต็มรถ หลวงป๋าพูดขึ้นมาลอยๆ ว่า “ไอ้นิด พรรคพวกเขาขึ้นมาต้อนรับ” แล้วท่านก็ชี้มือไปทางโบสถ์ คนในรถเป็นงงที่อยู่ดีๆ หลวงป๋าพูดขึ้นมาลอยๆ ถามกันใหญ่ อะไรอยู่ไหน ท่านหัวเราะชอบใจ พญานาคที่ปรากฏนั้นเป็นกายละเอียด ผู้ที่ไม่มีตาในจึงไม่เห็น

    เรื่องต่างๆ ที่เล่ามา เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้าประสบมากับตัวเองในปีแรกเท่านั้น ปัจจุบัน 10 ปีแล้วที่อยู่ในสำนักนี้มา ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างไร ถึงความเชื่อมั่นและศรัทธาในวิชชาธรรมกายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ (สด จนฺทสโร) นำมาสอน แล้วหลวงป๋านำมามาถ่ายทอดต่อ ที่เป็นของจริง พิสูจน์ได้ แม้องค์พระธรรมกายก็สัมผัสได้...

    ถ้าไม่ได้หลวงป๋า ผู้เขียนก็อาจหลงทาง ถูกภาคมารยึดสุดละเอียดไปแล้วก็ได้ ในปัจจุบันไม่ได้ยินว่ามีใครสอนเนื้อหาวิชชาธรรมกายชั้นสูงได้ลึกซึ้ง เปิดวิชชาเต็มที่เช่นนี้ ท่านผู้อ่านที่สงสัยสามารถพิสูจน์ได้จากคำสอนของท่านทั้งสอง แม้แต่ชาวต่างประเทศที่มาอบรมพระกัมมัฏฐานที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ก็สามารถปฏิบัติจนได้วิชชาธรรมกายชั้นสูง สามารถเห็นนิพพาน ภพ 3 โลกันต์ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นจริงอย่างไรได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องหลับตาเดาผิดๆ ถูกๆ ดังนั้น เมื่อเรามีบุญวาสนาได้พบพระที่แท้ สะอาดบริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่เป็นธาตุธรรมที่แท้ของต้นธาตุต้นธรรม คือ หลวงพ่อภาวนาและหลวงป๋าของเราแล้ว จงอย่าปล่อยให้โอกาสอันงามที่จะได้ศึกษาวิชชาชั้นสูงที่ลึกซึ้งนี้หลุดไป

    ️สุดท้ายนี้ ขอให้ท่านผู้อ่านที่รักทั้งหลาย มีศรัทธาพร้อมด้วยปัญญา แยกแยะผิดถูกได้ถูกต้อง จงพิสูจน์ด้วยตนเอง อย่าให้น้อยหน้าชาวต่างประเทศที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมา จนได้วิชชาธรรมกายชั้นสูงไป ธรรมะเป็นของสูง เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด จงรักษาไว้ตราบเท่าที่ชีวิตจะหาไม่ ทุกภพทุกชาติไป ตราบเท่าเข้าสู่นิพพาน ขอความสันติสุขจงบังเกิดแก่ชาวโลกทั้งหลาย จงรักกันเสมือนกับเป็นสายเลือดเดียวกัน อย่างเช่นหลวงป๋ารักเราทุกคน
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    eWc5fkMm9sn3GExr-QwD5aFZ_uyaKVUkcy1IbCm8jEOnUABLJpKzLs205H7RYkLw7SRdsGiE&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg

    +++ ถ้าหากว่าเป็นลักษณะอย่างนั้น #ศรัทธาของเราจะเต็ม +++


    พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของวัตถุมงคลนั้นเหมือนกับเป็นเครื่องส่ง ถ้าเครื่องส่งนั้นส่งคลื่นเป็นปกติ #แต่เครื่องรับไม่ยอมเปิดรับก็ไร้ประโยชน์ โดยเฉพาะกำลังใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน ความศรัทธาไม่เท่ากัน #ในเมื่อความศรัทธาไม่เท่ากัน #อานุภาพที่เราได้รับก็ไม่เท่ากัน เพราะว่าการเปิดใจรับของเรามากน้อยต่างกันไป

    ฉะนั้น...#จะเห็นว่าคนโบราณนั้นความรู้น้อยแต่ศรัทธามาก ส่วนใหญ่รับวัตถุมงคลไปใช้ก็มักจะเป็นมหาอุตม์ อยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาด #คนรุ่นใหม่ใช้แล้วมีผลน้อย เหตุที่มีน้อย เพราะว่าศรัทธาของเราน้อยยังไม่พอ วิจิกิจฉาคือความลังเลสงสัยยังมีมากอีกด้วย

    มีวิธีเดียว ก็คือ #ภาวนาให้กำลังใจของเรามั่นคงจนกระทั่งเห็นว่า คุณพระรัตนตรัยว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกของเราจริง ๆ คุณพระรัตนตรัย กำจัดทุกข์ กำจัดภัยได้จริง คุณพระรัตนตรัย นำเราพ้นจากทางชั่ว ล่วงพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพานได้จริง ๆ

    #เมื่อถึงตอนนั้นศรัทธาจะเกิดแน่นแฟ้น ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ จะไม่ล่วงเกินต่อพระรัตนตรัยทั้งต่อหน้าและลับหลัง #ถ้าหากว่าเป็นลักษณะอย่างนั้น #ศรัทธาของเราจะเต็ม เท่ากับกำลังใจของเราเปิดรับเต็มที่ วัตถุมงคลที่เป็นเครื่องส่งก็ส่งเต็มที่ เครื่องรับก็รับเต็มที่ #อานุภาพต้องการระดับไหนก็เป็นไปได้ทั้งสิ้น"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    (หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน)
    งานบวงสรวงไหว้ครูประจำปีและเป่ายันต์เกราะเพชร วันเสาร์ที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๐

    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดพุทธบริษัท
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
    #แบ่งปันธรรมะ
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    PfN7_hOnbrvb45d0qvMLD3AEPTaeY3U7gvXfgmVsB3M8PZ0VoZyjxjrcsWYxWl1A3uccK68H&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    การสร้างบารมี ๓ ระดับ ๙ ขั้น

    ถาม :
    ถ้าเราอธิษฐานให้เกิดเป็นผู้ชายทุกชาติ ?

    ตอบ : โอกาสนั้นยาก การจะได้เกิดเป็นผู้ชาย ต้องสร้างบารมีจนถึงระดับอุปบารมีขั้นปลาย จำไว้ว่าผู้หญิงกับผู้ชายจะมีความต่างกันตรงจุดที่ว่า ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงที่ตั้งใจสร้างบารมีต่อกันมาจริง ๆ ถ้ายังไม่ถึงอุปบารมีขั้นปลายเมื่อไรจะยังไม่เกิดเป็นผู้ชาย จะเกิดเป็นผู้หญิงเรื่อยไป

    ยกเว้นผู้หญิงบางประเภท เช่น ผู้ที่ตั้งใจจะเป็นพุทธมารดาอย่างหนึ่ง
    ผู้ที่ตั้งใจจะเป็นเนื้อคู่ของพระโพธิสัตว์อย่างหนี่ง ท่านเหล่านี้สร้างบารมีถึงระดับปรมัตถบารมีแล้วก็ยังต้องเกิดเป็นผู้หญิง แต่ถ้าไม่ใช่ท่านทั้งหลายเหล่านี้แล้ว จะเกิดเป็นผู้ชายได้ต่อเมื่อเป็นอุปบารมีขั้นปลายไปแล้ว

    การสร้างบารมี มีอยู่ ๓ ระดับ ๙ ขั้น ก็คือ
    สามัญบารมี (ขั้นต้น) มีหยาบ กลาง ละเอียด
    อุปบารมี(ขั้นกลาง) มีหยาบ กลาง ละเอียด
    ปรมัตถบารมี (ขั้นสูงสุด) มีหยาบ กลาง ละเอียด

    ต้องสร้างบารมีถึงอุปบารมีขั้นกลาง
    ผู้หญิงจะเริ่มค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นผู้ชาย
    คราวนี้ตอนค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นผู้ชาย นิสัยห้าวเริ่มปรากฏ
    สมัยนี้เขาเลยเรียกกันว่า "ทอม"
    แล้วพอเริ่มเปลี่ยนเป็นผู้ชายใหม่ ๆ นิสัยผู้หญิงก็ยังอยู่
    ก็เลยกลายเป็น"ตุ๊ด"ไป
    จริง ๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
    เพียงแต่ว่าระยะนี้พวกนี้เขามาเกิดกันมากหน่อยเท่านั้นเอง

    ถ้าเรารู้ในเรื่องของกรรมด้วย "ยถากัมมุตาญาณ"
    ก็จะทราบว่า คนเราทำอะไรแล้วจะได้ผลอะไร
    การกระทำทุกอย่างจะส่งผลแบบไหน จะเห็นเป็นเรื่องปกติ
    คืออยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง

    ถ้าหากว่าทั่ว ๆ ไป อันดับแรกไม่ใช่ผู้หญิงที่ตั้งใจจะเกิดเป็นพุทธมารดา
    ไม่ใช่ผู้อธิษฐานจะเกิดเป็นเนื้อคู่พระโพธิสัตว์โดยตรงแล้ว
    ถ้าถึงอุปบารมีขั้นกลางก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นผู้ชาย
    ดังนั้น..ถ้าจะว่าไปแล้ว ผู้หญิงจะสร้างบารมีมาน้อยกว่า

    สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    พระอาจารย์ถามเจ้าหน้าที่ “มีประคำมาลงตู้ใช่ไหม ? อาตมาก็สงสัยว่าอุตส่าห์ปลุกเสกประคำไปตั้งนาน ไม่เห็นเอามาลงตู้สักที ประคำชุดนี้จะมีประคำไม้มะยมตายพรายมาด้วย

    เข้าพิธีพระอาทิตย์ทรงกลดกลางพายุฝน คือสถานการณ์ย่ำแย่จะขนาดไหนเราก็ต้องไปได้ เขาห้ามโฆษณาเกินจริง..ใช่ไหม ? แต่บอกได้ว่าเป็นพิธีที่ทำแล้วสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยทำมา อันนี้ถือว่าโฆษณาเกินจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? ถ้าจับสึกอาตมาก็สบาย แบบนั้นจะเลิกนั่งรถนั่งเรือแล้ว ไปไหนก็จะแวบไป ไม่มีข้อห้ามแล้วนี่ ก็เดินสิครับ ...(หัวเราะ)... เพียงแต่เดินเร็วคนมองไม่ทัน เขาก็นึกว่าหายตัวได้"

    "อีกส่วนหนึ่งเป็นไม้พะยูง ไม้พะยูงทางประเทศจีนขายแพงมาก เขาถือว่าเป็นไม้มงคล ก็เลยทำให้บ้านเราลักตัดไม้พะยูง ส่งข้ามโขงเข้าลาวไปเวียดนามแล้วส่งไปขายที่จีน ที่ไห่หนานวางขายกับพื้นเลย ชิ้นเล็กชิ้นใหญ่หยิบขึ้นมาเถอะ แต่ละชิ้นเป็นพันเป็นหมื่นหยวนทั้งนั้น

    อาตมายังคิดเลยว่า ประคำไม้พะยูงของเราทำกันทีเต็มกระเป๋า หิ้วไปขายตรงนั้นคงได้เงินกลับมาเยอะเลย คนจีนเรียกไม้พะยูงว่า ไม้จันทน์ม่วง เป็นไม้มงคลสูงสุดในพุทธศาสนาของเขา แต่ถ้าเป็นแก่นไม้ท้อต้องสำหรับลัทธิเต๋า เขาเอาไว้ปราบปิศาจ

    ปกติอาตมาจะชอบไม้จันทน์หอมหรือว่าไม้จันทน์ขาว ไม้จันทน์แดงมากกว่า แต่คนจีนเขาชอบไม้จันทน์ม่วง เขาเชื่อว่าเสริมอายุวัฒนะด้วย สมัยก่อนเวลาไปพม่าอาตมาก็จะซื้อพระแกะจากไม้จันทน์บ้าง ไม้สารคามบ้าง เวลาไปถวายมุทิตาสักการะพระผู้ใหญ่ก็นำไปถวายท่าน หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศท่านชอบมากเลย ส่งให้พระทั้งโบสถ์ผลัดกันดม บอกว่าหอมได้ขนาดนี้ เป็นไม้จันทน์หอมแท้นะ

    ส่วนใหญ่ที่พวกเราเจอจะเป็นไม้จันทน์ขาวซึ่งหอมฉุน ไม้จันทน์หอมจะมีกลิ่นหอมนวลมาก เขาถึงได้เอาไม้จันทน์หอมไปทำกุฏิถวายพระพุทธเจ้า เรียกว่าคันธกุฎี เพราะกลิ่นหอมนวลชื่นใจมาก น่าจะนอนหลับฝันดีเลย แต่ไม้จันทน์ขาวนี่มีกลิ่นหอมฉุนมาก"

    "รอบแรกให้บูชาแค่คนละเส้นก่อนก็แล้วกัน คือถ้าคิดถึงว่าพระท่านต้องไปกลึงไปปั่น ไม่คุ้มกับเงินแค่นี้หรอก แต่อาตมาต้องการให้ท่านได้สมาธิ ก็เลยยอมลงทุนให้ท่านไปนั่งปั่น เก็บเอาเศษไม้มาก็มาช่วยกันทำ พระท่านก็กลึงก็เจาะก็ปั่นไป

    ตอนนี้อีกส่วนหนึ่งที่จะให้ทำก็คือประคำกลึงจากไม้จันทน์ เป็นไม้จันทน์หอมที่ลูกศิษย์ส่งมาจากประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเผาศพพระอธิการอาณัติ ฐานยุตฺโต อดีตเจ้าอาวาสวัดวังปะโท่ แต่มีคนทักท้วงว่า การเผาศพด้วยไม้จันทน์หอม มีแต่เจ้าพระยามหากษัตริย์หรือเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงเท่านั้น อย่าไปทำอะไรที่เป็นการตีเสมอ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นพระก็ไม่ควรทำ เขาก็เลยเก็บไม้เอาไว้

    เมื่อลูกศิษย์ของอาตมาก็คือ ดร.พระครูปลัดปรีชาไปเป็นเจ้าอาวาส ถามอาตมาว่าจะเอาไปใช้งานอะไรหรือเปล่า ? เลยบอกว่าเอามาทำประคำก็แล้วกัน ท่านเลยส่งมาให้

    "ส่วนพวกไม้ที่ตายพราย เขาถือเคล็ดว่า “ตายแล้วยังไม่ยอมล้ม” ใครที่เอาไปใช้ท่านก็ต้องบอกว่า เป็นพวกที่ไม่ล้มอะไรกับเขาหรอก ไปส่องดูนะ มีโค้ดนะโมตาบอด ตอกไว้ให้ตรงลูกกลางทั้งสองข้าง

    ได้ประคำไปแล้วต้องขยันภาวนาด้วย เพราะว่าประคำขี้ฟ้อง ใครขยันภาวนาก็จะเงาสวย เพราะว่าเขารับพลังของเราไปด้วย แต่ไม่ขยันภาวนา ได้ไปก็ยังมืด ๆ ดำ ๆ เหมือนเดิม ของอาตมามีแต่คนเล็งจะปล้นต่อ เพราะว่าสวยมาก"

    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ กันยายน ๒๕๖๒
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    " ต้อง ระวัง "

    ฅนเรามันต้องมีเวลาที่จะฝึกฝนตนเอง ให้รู้จักทำในสิ่งที่ดี ๆ .." ต้อง ระวัง " ไม่ให้จิตใจของตนเกิด ความโลภ ความโกรธ ความหลง...

    ถ้าหากมันเกิดขึ้นต้องรีบแก้ไขและระงับให้เร็วที่สุด...เพราะ ความโลภ มันจะทำให้เรา " เสียเกียรติ "
    ความโกรธ มันก็จะทำให้เรา " เสียฅน "
    และ ความหลง นี่แหละ มันจะทำให้เรา " เสียทุกอย่าง "
    ไปเลย.ฯ

    โอวาทธรรม พระอาจารย์สำราญ วัดสง่างาม อยุธยา
    Cr.ศิษย์พระอาจารย์สำราญ

    vCNYr3inueTSao0pSA9SCXkWBdM5bjVn0b1P1z_QDQhN-RjsQg64iA2cFWgIbA7dSUDg1R8J&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    VyjuK8sap6zOJuXk3-5PIZCTkIh8BtUF3FMndvgwT3KboeZtiVyUUnCeHcNtIGlzvdN0rINy&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    พระอาจารย์กล่าวว่า จำเอาไว้ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรามีส่วนดีทั้งนั้น ถ้าหากว่าเราสามารถผ่านพ้นไปได้ เราได้กำไร ถ้าเราผ่านพ้นไม่ได้ก็เหมือนกับสอบตก เราได้บทเรียน สรุปว่าเราได้ทั้งขึ้นทั้งล่องไม่มีเสีย มีประโยชน์ทั้งนั้น เพียงแต่เราต้องหาประโยชน์จากเรื่องเหล่านี้ให้ได้ไม่ว่าพระหรือฆราวาสก็ตาม
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ถาม : ......................
    ตอบ :
    เหตุผลที่สำคัญสุดที่หลวงพ่อท่านลาพุทธภูมิเพราะว่า ตอนช่วงนั้นท่านเป็นพระครูปลัด ทำหน้าที่เหมือนกับเลขานุการส่วนตัวของสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดอนงคาราม

    ตอนนั้นเกิดเหตุว่า เจ้าคณะจังหวัดท่านหนึ่งเบียดเบียนพระในจังหวัด วัดไหนมีพระเก่าหรือวัตถุโบราณ ก็ใช้อำนาจไปยึดของเขามา ถ้าเขาไม่ให้ก็จับเจ้าอาวาสสึกบ้าง ถอดออกบ้าง พอหลวงพ่อทราบเรื่อง ท่านก็รายงานไปตามระดับชั้นของทางคณะสงฆ์ พอเรื่องขึ้นไปถึงข้างบนก็เงียบ รายนั้นแทนที่จะโดนถอดหรือว่าโดนลงโทษ กลายเป็นว่ารายงานไปครั้งใดเขากลับได้ตำแหน่งเพิ่มขึ้นทุกที ๆ

    หลวงพ่อสืบไปสืบมาจนในที่สุดก็เจอว่า ตัวเป้งเลยเป็นตัวหนุน ท่านก็เลยเกิดสลดใจขึ้นมา โดยวิสัยของพุทธภูมิถ้าเพื่อความสุขส่วนรวม แม้กระทั่งลงนรกก็ยอมทำ

    หลวงพ่อบอกว่า "ถ้าหากว่าไม่ลาพุทธภูมิเพื่อเป็นพระอริยเจ้า ด้วยกำลังใจแบบนั้น เดี๋ยวต้องไปฆ่าเขาแน่" นี่แหละ..สาเหตุใหญ่ที่สุด

    ถาม : ผมจำได้ว่า ถ้าใครฆ่ากันแล้วก็ต้องฆ่ากันทุก ๆ ชาติ ในเมื่อหลวงพ่อปรารถนาพุทธภูมิแล้ว คนที่ปรารถนาพุทธภูมินั้นนรกปิดประตูแล้ว ทำไม ..?
    ตอบ : ตำราไหนวะ ? พุทธภูมิปิดนรก โตไทยพราหมณ์เป็นนิยตโพธิสัตว์ ปัจจุบันนี้ยังอยู่ในอเวจีมหานรก..! พุทธภูมิต่อให้ปฏิบัติขนาดไหนก็ตาม อารมณ์จะไม่ตัดเป็นพระอริยเจ้า เป็นได้แค่เทียบเท่าเท่านั้น คือทำได้เหมือนกับพระอริยเจ้า แต่ยังไม่ใช่พระอริยเจ้า

    เนื่องจากหลวงพ่อท่านบำเพ็ญบารมีมา ด้วยการสละตัวเองเพื่อความสุขส่วนรวมอยู่เสมอ เพราะฉะนั้น..ถ้ามีอะไรบางอย่างที่จำเป็นต้องละเมิดศีลเพื่อความสุขส่วนรวม พุทธภูมิท่านก็ยอมทำ ไม่ใช่ว่าพุทธภูมิไม่ลงนรก พุทธภูมิท่านไม่กลัวนรก ถ้าเป็นสิ่งที่ทำเพื่อส่วนรวมท่านเต็มใจลงต่างหาก
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    เรื่องแรงอธิษฐาน

    หลวงพ่อเล็กกล่าวว่า "เรื่องแรงอธิษฐานนี่ร้ายแรงมาก เพราะฉะนั้นทำอะไรอย่าให้คนอื่นรู้ว่าเราอธิษฐานอะไร ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวเจอกรณีแบบเดียวกับขุนช้างที่อธิษฐานทับนางพิมพิลาไลย หรือกรณีแบบเดียวกับพระเจ้ากุสราช

    พระเจ้ากุสราชในชาตินั้น เป็นชาวบ้านอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้ พี่สะใภ้นั้นมีหน้าที่ทำอาหาร เวลาทำอาหารก็ทำไว้ ๓ ส่วน ของน้องชาย ๑ ของสามี ๑ ของตนเอง ๑

    วันหนึ่งพระปัจเจกพุทธเจ้าบิณฑบาตผ่านมา พี่สะใภ้เห็นก็ดีใจเลยเอาอาหารส่วนของตนเองถวาย แต่ก็ยังไม่พอใจ ตัวเองอยากถวายให้มากกว่านี้ คิดว่าเรากับสามีก็เหมือนคน ๆ เดียวกัน เดี๋ยวเราทำให้ใหม่ก็ได้ จึงเอาอาหารส่วนของสามีถวายอีก แต่ก็ยังไม่พอ เอาอาหารส่วนของน้องสามีถวายไปด้วย

    ปรากฏว่าน้องสามีกลับจากป่า ถามหาอาหารส่วนของตน พี่สะใภ้บอกว่าถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าไปแล้ว น้องสามีก็เลยด่าพี่สะใภ้ พี่สะใภ้จึงทำอาหารให้ใหม่ และทำส่วนของตนเองด้วย แล้วก็นำไปใส่บาตรพระปัจเจกพุทธเจ้า พร้อมกับอธิษฐานว่าเกิดชาติหน้าชาติไหนขออย่าให้ได้เจอน้องผัวแบบนี้ ทำบุญนอกจากจะไม่ยินดีแล้ว ยังด่าอีก

    น้องสามีหรือพระเจ้ากุสราชในชาตินั้น เมื่อได้ยินเข้าก็เกิดโทสะ ตัดสินใจว่าไม่กินอาหารส่วนของตนแล้ว ถวายพระดีกว่า จึงเอาอาหารไปถวายพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วอธิษฐานว่า ไม่ว่าเกิดชาติใดต้องได้ผู้หญิงคนนี้เป็นเมีย ก็เลยกลายเป็นว่าแม้จะอยู่บนปราสาทเจ็ดชั้น ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน แค่เห็นหน้าเท่านั้น ก็หนีตามกัน

    ดังนั้น เรื่องของอธิษฐานบารมีมันอันตรายตรงที่ว่า ถ้าคนที่อธิษฐานทีหลังบารมีเขาสูงพอนี่...เราเสร็จเลย อย่างของพระเจ้ากุสราชตอนหลังท่านก็มาเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ท่านบารมีพระโพธิสัตว์"

    พอหลวงพ่อเล่าเรื่องการอธิษฐานจบ มีคนถามต่อว่า พี่สะใภ้ในเรื่องควรจะอธิษฐานอย่างไร?

    ท่านก็บอกว่า "อธิษฐานว่าอะไรก็ตามที่ไม่เป็นที่ต้องใจของเรา ขออย่าได้เจอ "

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี
    เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๒
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    การปฏิบัติธรรมนั้นมิใช่การปฏิบัติเพื่อได้อะไร แต่มันเป็นไปเพื่อความออกจากทุกข์ใจต่างหาก เป็นเรื่องตนเห็นจิตตน ซึ่งภาษาธรรมเรียกว่า "ปัจจัตตัง"

    พวกเอ็งยังต้องปฏิบัติไปอีกเยอะนะรู้่ใหม หลวงตาสอนพวกเอ็งไปตลอดไม่ได้ พวกเอ็งต้องเรียนรู้เอง หรือถามหลวงปู่ดู่เอง ห้อยพระท่านไว้ตลอดนะอยากถามอะไรก็ถามท่าน จิตพวกเอ็งยังไม่สะอาด แต่พลังงานในองค์พระมีเต็มตลอด

    (พระเดชพระคุณหลวงตาม้า)

    Dharma practice is not a practice for obtaining anything. But it was only to get out of suffering. It is a matter of seeing one's own mind. The Dharma language is called "Pachat Tang". You still have to practice a lot. Cannot teach the royal family forever Do you have to learn by yourself or ask Luang Pu du? You always hang your monk. Your mind is not clean. But the energy in the Buddha is always full ...... (Luang Ta Ma)

    佛法練習不是獲得任何東西的練習。 但這僅僅是擺脫苦難。 這只是看自己的想法而已,佛法被稱為“唐僧”,您仍然需要練習很多。 不能永遠教皇室 您是否必須自己學習或詢問Luang Pu du?您總是絞死您的和尚。 你的頭腦不干淨。 但是佛陀的能量總是充滿的……(黃大媽)

    だるまの修行は何かを得るための修行ではありません。 しかし、それは苦しみから抜け出すためだけでした。 ダルマ語は「パチャ・タン」と呼ばれる自己認識についてで、まだたくさん練習しなければなりません。 王室を永遠に教えることはできません あなたは自分で学ぶ必要がありますか、それともルアンプドゥに尋ねる必要がありますか?あなたはいつも僧侶を掛けます。 あなたの心はきれいではありません。 しかし、仏陀のエネルギーはいつもいっぱいです……(ルアンタマ)

    Dharma-Praxis ist keine Praxis, um etwas zu erlangen. Aber es war nur, um aus dem Leiden herauszukommen. Es geht darum, den eigenen Geist zu sehen. Die Dharma-Sprache heißt "Pachat Tang". Man muss noch viel üben. Kann die königliche Familie nicht für immer unterrichten Müssen Sie selbst lernen oder Luang Pu du fragen? Sie hängen immer Ihren Mönch auf. Dein Geist ist nicht sauber. Aber die Energie im Buddha ist immer voll ...... (Luang Ta Ma)

    Практика Дхармы - это не практика для достижения чего-либо. Но это было только для того, чтобы избавиться от страданий. Это вопрос видения собственного разума. Язык Дхармы называется «Пачат Тан». Вам все еще приходится много практиковать. Невозможно научить королевскую семью вечно Они должны либо учиться самостоятельно, либо спрашивать Луанг Пу ду, всегда вешая своего монаха. Ваш разум не чист. Но энергия в Будде всегда полна ...... (Луанг Та Ма)

    eSZ_bC8WNMKwraqzQv1OynZLYu7xLHKmD7ddAjVeDHMzdnzXz6DJu_Vmrb-BXQFQ4y1EEkQl&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    JBC8aAa7OXi3FpRYVC0-IAYP8SbFMBJZLjcINRqKzAUi2h7AZ4v30_omCMrMjMFe-Fuq-VPe&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    #ภาณยักษ์ #ภาณพระ

    เราได้ยินว่า "ภาณยักษ์ ภาณพระ" ภาณตัวนี้แหละคือภาณี คำพูด คือพระพูดหรือยักษ์พูด ก็คือคาถา นะโม เม สัพพะพุทธานัง อุปปันนานัง มเหสินัง ข้าพเจ้าขอน้อมต่อบรรดาสมเด็จพระผู้มีพระภาค ผู้เป็นใหญ่ที่ได้อุบัติขึ้นแล้วในโลก

    ตัณหังกโร มหาวีโร เมธังกโร มหายโส พระพุทธตัณหังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีความกล้าอันยิ่งใหญ่ คือกล้าที่จะต่อสู้ฝ่าฟันกับกิเลส เมธังกโร มหายโส ฯ พระพุทธเจ้ามีนามว่า เมธังกร ผู้มียศอันยิ่งใหญ่ คือคนเขายกย่องให้เหนือผู้อื่น เพราะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว

    คาถานี้ผูกขึ้นโดยท้าวมหาราชทั้ง ๔ ท่านประชุมกันที่อาฏานาฏิยนครซึ่งเป็นเมืองหลวงของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ว่ายักษ์และผีที่ไม่เคารพนับถือพระพุทธเจ้า ตลอดจนพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานั้นมีจำนวนมาก ถ้าหากไม่ออกคำสั่งห้ามไว้ ถึงเวลาอาจจะมีการทำร้ายพระที่เป็นพุทธสาวกได้"

    "ท่านก็เลยประชุมรวมกันแต่งฉันท์สรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า บอกว่า ถ้าหากว่าผู้ใดสวดสาธยายคาถาบทนี้แล้ว ห้ามผีและยักษ์ทั้งหลายไปทำร้าย ถ้าหากว่าผีหรือยักษ์ตนใดไปทำร้ายผู้ที่สวดสาธยาย ถือว่าเป็นขบถต่อท้าวจตุมหาราช

    เมื่อประกาศให้ยักษ์ทั้งหลายทราบล่วงหน้าแล้ว ท่านก็นำไปกล่าวถวายพระพุทธเจ้า ตอนที่ท่านกล่าวถวายพระพุทธเจ้า เขาเรียกว่า ภาณยักษ์ คือยักษ์พูด เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย พระพุทธเจ้ารับมาแล้วก็มาแจ้งต่อพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย โดยตรัสทวนให้ฟังอีกรอบ จึงเรียกว่า ภาณพระ คือพระพุทธเจ้าพูด

    ใครจะเอาไปท่องก็ได้ ที่เขาขึ้นว่า วิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโน จนกระทั่งท้ายสุด สัพพะโรคะวินิมุตโต สัพพะสันตาปะวัชชิโตฯ ท่องไว้ทุกวัน อยู่ที่ไหนก็ปลอดภัยจากพวกผีพวกยักษ์ที่จะทำร้าย เทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิจะหลีกไป เทวดาที่เป็นสัมมาทิฐิจะช่วยรักษา"

    "แต่อย่าไปท่องอย่างท่านอาจารย์สำราญ วัดเขาวงพระจันทร์นะ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นหลวงปู่ปานไปช่วยสร้างวัดเขาวงพระจันทร์ อาจารย์สำราญท่องภาณยักษ์ทุกวัน ปกติคนเขาจะท่องด้วยความเคารพนอบน้อมในพระรัตนตรัย แต่อาจารย์สำราญท่องเพื่อไล่ผีไล่เทวดา ไม่ให้ไปกวนแก

    หลวงปู่ปานพอทราบเข้าก็ไปเตือนว่า “ท่านสำราญ...ทำอย่างนี้เดี๋ยวจะเดือดร้อน ไปไล่ผีไล่เทวดาเขาได้อย่างไร" ท่านสำราญไม่ฟัง ท่องทุกวัน อยู่ ๆ วันหนึ่งหลวงปู่ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ร้องโอดโอยอยู่บนกุฏิ พอวิ่งขึ้นไปดูเห็นคนนุ่งแดงตัวใหญ่หัวค้ำเพดาน ถือหวายท่อนเท่าแขนตีอาจารย์สำราญ หวดซ้ายป่ายขวาอุตลุด

    หลวงปู่ปานก็บอกว่า “พ่อขุนด่าน..พอเถอะ เดี๋ยวตายเปล่า ๆ ” คนนุ่งแดงใส่แดงหันมาบอกว่า ถ้าไม่ใช่ท่านขอไว้จะล่อให้ตายจริง ๆ แล้วคนนุ่งแดงก็ก้าวขึ้นขื่อหายวับไป นั่นเจ้าพ่อขุนด่าน ถ้าใครออกไปทางด้านลพบุรี ชัยภูมิ จะผ่านจุดหนึ่งที่มีศาลเจ้าพ่อขุนด่าน

    อาจารย์สำราญไปท่องไล่อยู่ทุกวัน พวกผีเล็กผีน้อยหนีหมด แต่เจ้าพ่อท่านเป็นระดับมหาอำมาตย์แล้ว ท่านไม่หนีแต่ทนไม่ไหวจึงตีเลย เพราะฉะนั้น..ถ้าใครท่องให้ท่องด้วยความเคารพในพระรัตนตรัยนะ ไม่ใช่ไปท่องไล่เขา ถ้าท่องไล่ผีให้ระวัง ถึงเวลาผีจะไล่เอาบ้าง"

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๔
    ที่มา : www.watthakhanun.com

    #ชุมชนคุณธรรม #วัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมฯวัดท่าขนุน
    #ชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงขับเคลื่อนด้วยพลังบวร
     
  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    ?temp_hash=6acad14edc04305792fa95128d86283b.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,405
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,471
    7gZzsQiKHGK9lltqqiKtKOjmIoBTtETLI1tVCPYgdukPb2WfZ1ZEYwImXfUTfBjSE77r-Fji&_nc_ht=scontent.fcnx3-1.jpg
    ถาม : วัตถุมงคลเงินแท้กับชุบทอง อย่างไหนมีอานุภาพมากกว่ากันครับ ?
    ตอบ : ถ้าชุบทองหนาระดับ ๓-๔ ไมครอนขึ้นไปก็น่าจะมีมากกว่า แต่ถ้าชุบบาง เงินแท้จะมีอานุภาพมากกว่า

    ถาม : วัตถุมงคลที่พระสงฆ์ใช้กำลังของท่านเองปลุกเสก หากท่านมีสมณธรรมเจริญขึ้น เช่น จากที่ทรงฌานโลกีย์ เลื่อนขึ้นไปเป็นพระอริยเจ้าระดับต่าง ๆ วัตถุมงคลของที่ท่านทำไว้ตอนสมณธรรมยังต่ำกว่าในปัจจุบัน จะมีอานุภาพเพิ่มขึ้นหรือไม่ครับ ?
    ตอบ : ของเดิมที่ทำมาแล้ว มีเท่าไรก็เท่านั้น แต่ถ้าของใหม่จะมีมากกว่าเดิม
    __________________
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๒
    ภาพและที่มา : เว็บวัดท่าขนุน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...