ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    โคโรนา : ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 1 ราย แพร่เชื้อต่อให้คนรอบข้างได้อีก 2-3 รายโดยเฉลี่ย

    _110650577_peopleinwuhanreuters.jpg
    Image copyrightREUTERS
    คำบรรยายภาพจำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองอู่ฮั่นอาจพุ่งสูงถึง 190,000 คน ภายในวันที่ 4 ก.พ. นี้
    ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์เอ็มอาร์ซีเพื่อการวิเคราะห์สถานการณ์โรคติดเชื้อทั่วโลก (MRC GIDA) และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์ของสหราชอาณาจักร เผยผลการศึกษาล่าสุดซึ่งชี้ถึงอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ว่า ผู้ติดเชื้อ 1 ราย สามารถจะแพร่เชื้อต่อให้คนรอบข้างได้อีก 2-3 รายโดยเฉลี่ย

    หากอัตราการแพร่ระบาดเป็นไปตามที่คำนวณไว้ดังกล่าว ทีมผู้วิจัยของมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองอู่ฮั่นของจีนซึ่งเป็นแหล่งต้นตอการระบาด อาจพุ่งสูงถึง 190,000 คน ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ หรือภายในอีก 10 วันข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ความพยายามยับยั้งการแพร่ระบาดเป็นไปได้ยากขึ้น

    ศาสตราจารย์นีล เฟอร์กูสัน หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ MRC GIDA ซึ่งเป็นสถาบันใต้สังกัดของอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน (ICL) ผู้ให้คำแนะนำด้านโรคติดเชื้อแก่รัฐบาลอังกฤษและองค์การอนามัยโลก (WHO) บอกว่า

    "เรายังไม่อาจแน่ใจได้ว่า จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดให้จำกัดวงอยู่แต่ในประเทศจีนได้หรือไม่ เพราะการคำนวณจากข้อมูลล่าสุดด้วยแบบจำลองคอมพิวเตอร์ชี้ว่า จะต้องหยุดยั้งการติดต่อของเชื้อให้ได้ถึง 60% ของกรณีที่พบทั้งหมด จึงจะสามารถพลิกสถานการณ์ให้กลับดีขึ้นได้"

    _110650579_coronavirusgettyimages.jpg
    Image copyrightGETTY IMAGES
    คำบรรยายภาพก่อนการค้นพบไวรัส 2019nCoV มีไวรัสโคโรนาที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในมนุษย์อยู่แล้ว 6 สายพันธุ์
    ล่าสุดสำนักข่าวซีซีทีวีของทางการจีน รายงานยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มเป็น 56 คน ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อในจีน (นับถึง 25 ม.ค.) อยู่ที่ 1,975 คน ทำให้ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้มีติดเชื้อแล้วกว่า 2,000 คน

    รายงานของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยแลงคาสเตอร์ยังระบุว่า "หากอัตราการแพร่ระบาดที่เราคาดการณ์ไว้ถูกต้อง จะเกิดการแพร่ระบาดระดับเดียวกับที่เมืองอู่ฮั่นในเมืองอื่น ๆ ของจีนเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งจะยิ่งทำให้กรณีที่โรคติดต่อไปยังต่างประเทศพบได้บ่อยครั้งขึ้น"

    ดร.ไรนา แม็กอินไทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงทางชีวภาพ (Biosecurity) จากมหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลียบอกว่า "ทุกวันนี้เรายังขาดข้อมูลความรู้ในเรื่องปัจจัยเสี่ยง, ลักษณะของการติดต่อ, ระยะเวลาในการฟักตัวของเชื้อ, รวมทั้งความรู้ทางระบาดวิทยาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ทำให้ไม่อาจจะตัดสินใจได้ว่า ควรใช้มาตรการยับยั้งการแพร่ระบาดแบบใด จึงจะเหมาะสมและได้ผลมากที่สุด"

    https://www.bbc.com/thai/international-51254117
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    #อ่วมหนัก #พายุฝนถล่ม #ราชภัฏร้อยเอ็ด
    เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 25 ม.ค.63 ได้เกิดพายุฝนและมีลมกระโชกแรงในพื้นที่ ม.ราชภัฏร้อยเอ็ด อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด มีต้นไม้ล้มระเนระนาด เสาไฟฟ้าหัก อาคารหลายหลังได้รับความเสียหาย
    #แฟนเพจแจ้งข่าวร้อยเอ็ด
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    กระทรวงสาธารณสุขแถลงด่วน! พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาในไทยแล้ว 8 ราย
    ไวรัสโคโรนา – วันที่ 26 ม.ค. กระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์ล่าสุดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในประเทศไทย พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจากต่างประเทศ 8 ราย (กลับบ้านแล้ว 5 ราย อีก 3 ราย นอนโรงพยาบาล) ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศไทย
    มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอวสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 84 ราย คัดกรองจากสนามบิน 24 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 60 ราย อนุญาตให้กลับบ้านไดเแล้ว 45 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไสรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรับไว้ในห้องแยกโรค 39 ราย
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    “โคโรนา”ทุบจีดีพีจีนวูบ 1% ส่งออกไทย Q1 สูญ 3 พันล้าน #ฐานเศรษฐกิจ
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ประเมิน 'ไวรัสโคโรนา' กระทบเศรษฐกิจไทย 80,000-120,000 ล้านบาท หากควบคุมการระบาดได้
    ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป ประเมินวิกฤต 'ไวรัสโคโรนา' กระทบเศรษฐกิจไทย 80,000-120,000 ล้านบาท หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในต้นเดือน มี.ค. 2563
    https://www.tcijthai.com/news/2020/1/current/9811
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Breaking news!
    กระเช้านองปิง (Ngong Ping 360 Cable Car) ฮ่องกง ประกาศเริ่มปิดตั้งแต่พรุ่งนี้ (27 มกราคม 2020) โดยไม่มีกำหนด

    Source : Ngong Ping 360
    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong #ไวรัสหวู่ฮั่น
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Breaking news!
    ดิสนีย์แลนด์ฮ่องกง โอเชี่ยนปาร์คฮ่องกงประกาศปิดไม่มีกำหนด
    Source: Hong Kong Disneyland, Ocean Park Hong Kong
    #ข่าวฮ่องกง #khaohongkong #ไวรัสโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ #ไวรัสหวู่ฮั่น
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    จีนยกเลิกทัวร์ต่างประเทศทั้งหมด หลังหลายชาติพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา
    .
    จีน 26 ม.ค.- ธุรกิจนำเที่ยวจีนยกเลิกทัวร์ต่างประเทศทั้งหมด ตามคำร้องขอของทางการจีน หลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
    .
    จากการแพร่ระบาดที่ส่อเค้ารุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในจีนเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาด และการพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในต่างประเทศ ทางการจีนจึงต้องร้องขอให้บริษัทนำเที่ยวจีนยุติการพาลูกทัวร์เดินทางไปต่างประเทศ โดยสื่อของทางการจีนระบุว่า กรุ๊ปทัวร์จีนของทุกบริษัทจถูกยกเลิกนับตั้งแต่วันจันทร์นี้เป็นต้นไป ยอดผู้เสียชีวิตทั้งประเทศตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 56 ราย ในจำนวนนี้ 2 ราย เสียชีวิตในมณฑลเหอเป่ย์และเฮย์หลงเจียง ส่วนผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1,975 ราย
    .
    ขณะที่เมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ประกาศไม่ให้รถทุกคันที่ไม่มีความจำเป็นวิ่งเข้าออกใจกลางเมือง โดยมีผลบังคับในวันนี้เป็นวันแรก ส่วนแท็กซี่ที่มีอยู่ในเมืองราว 6,000 คัน จะให้บริการฟรี
    .
    ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน นั่งโต๊ะเป็นประธานการประชุมฉุกเฉินพรรคคอมมิวนิสต์จีน วานนี้ พร้อมกับระบุว่า สถานการณ์ในประเทศตอนนี้อยู่ในขั้นเลวร้าย และสั่งการหน่วยงานรัฐทุกระดับให้ความสำคัญกับการป้องกันและควบคุมไวรัสสายพันธุ์ใหม่เป็นลำดับแรก
    .
    ที่ประชุมยังตัดสินใจจัดตั้งทีมงานเฉพาะกิจขึ้นมา ภายใต้การควบคุมดูแลโดยตรงจากผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน นอกจากนี้ ยังส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ไปยังมณฑลหูเป่ย์ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการระบาดด้วย
    .
    ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยังคงลุกลามไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก นับจนถึงขณะนี้พบผู้ติดเชื้อแล้ว 40 รายใน 13 ประเทศ ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากเมืองอู่ฮั่น หรือไม่ก็เป็นพลเมืองของประเทศหรือดินแดนนั้นๆ แต่มีการเดินทางไปเยือนเมืองอู่ฮั่น โดยไทย พบผู้ติดเชื้อ 5 ราย ฮ่องกง 5 ราย ฮ่องกง สิงค์โปร์ มาเลเซีย ประเทศละ 4 ราย ไต้หวัน ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ประเทศละ 3 ราย เกาหลีใต้ สหรัฐ เวียดนาม 2 ราย ส่วนเกาะมาเก๊า พบผู้ติดเชื้อ 2 รายเช่นกัน ขณะที่เนปาล พบผู้ติดเชื้อ 1 ราย
    .
    ล่าสุด แคนาดา เป็นประเทศที่ 14 ที่ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายแรกของประเทศ โดยผู้ติดเชื้อเป็นพลเมืองแคนาดาที่เดินทางกลับจากการเยือนเมืองอู่ฮั่นของจีน ขณะนี้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล จากอาการโรคทางเดินหายใจ
    .
    สำหรับผู้ติดเชื้อที่เวียดนาม มีรายงานว่า เป็นชาวจีนที่อาศัยอยู่ในเวียดนาม และพ่อ ที่เดินทางมาเยี่ยมเยือนจากเมืองอู่ฮั่น การติดเชื้อของคนทั้งสอง ทำให้องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิลยูเอชโอ ถึงกับระบุว่า กรณีการติดเชื่้อของพ่อลูกในเวียดนาม พิสูจน์ให้เห็นว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้มีการแพร่เชื้อจากคนสู่คน
    .
    ขณะเดียวกัน นักวิจัยในอังกฤษให้ความเห็นเช่นกันว่า ความเป็นไปได้ที่จีนจะควบคุมการระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ได้มีน้อยมาก
    .
    ด้านหนังสือพิมพ์พีเพิล เดลี ของทางการจีน รายงานว่า เมืองอู่ฮั่นจะสร้างโรงพยาบาลฉุกเฉินเพิ่มอีกเป็นแห่งที่ 2 ซึ่งจะสามารถรองรับผู้ป่วยติดเชื้อได้ 1,300 เตียง และคาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายใน 15 วัน ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางการอู่ฮั่นเริ่มก่อสร้างโรงพยาบาลฉุกเฉินขนาด 1,000 เตียง บนพื้นที่ 25,000 ตารางเมตร ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และคาดว่าแล้วเสร็จในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้
    .
    ส่วนหนังสือพิมพ์ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ของสหรัฐ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐกำลังจัดเตรียมเครื่องบินเหมาลำเพื่ออพยพชาวอเมริกันและนักการทูตราว 1,000 คน ออกจากเมืองอู่ฮั่น นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าสหรัฐมีแผนจะปิดสถานกงสุลในเมืองอู่ฮั่นเป็นการชั่วคราว
    .
    ดิสนีย์แลนด์ และโอเชียนปาร์ค สวนสนุกสองแห่งในฮ่องกงที่เป็นที่รู้จักและยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจะปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อช่วยป้องกันการระบาดของไวรัส โคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มระบาดจากเมืองอู่ฮั่นของฮ่องกง เมื่อปลายปีที่แล้ว
    .
    รายงานกล่าวว่า แม้ว่าดิสนีย์แลนด์ ฮ่องกงจะปิดให้บริการแต่โรงแรมหลายแห่งภายในสวนสนุกแห่งนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ เมื่อวานนี้ ฮ่องกงประกาศภาวะฉุกเฉินเรื่องไวรัส หลังจากพบผู้ติดเชื้อ 5 รายและยกเลิกงานฉลองเทศกาลตรุษจีนทั้งหมดและจำกัดการเดินทางไปยังจีนแผ่นดินใหญ่
    .
    ด้านดิสนีย์แลนด์ เซี่ยงไฮ้ ได้ประกาศปิดไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ทางด้านเมืองเทียนจิน ทางภาคเหนือของจีน ประกาศปิดให้บริการรถโดยสารระหว่างมณฑลทุกเส้นทางตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัส เจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดเผยว่าจะกลับมาให้บริการรถโดยสารระหว่างมณฑลอีกครั้งเมื่อใด
    .
    บุคลากรการแพทย์คนแรกเสียชีวิต หลังต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนาในหูเป่ย์ นับตั้งแต่ระบาดเมื่อเดือนก่อน เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ สื่อฮ่องกง รายงานว่า นายแพทย์เหลียง อู่ตง ศัลยแพทย์โรงพยาบาลซินหัว ในมณฑลหูเป่ย์ ซึ่งต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนา เสียชีวิตแล้ว นับเป็นการสูญเสียบุคลากรการแพทย์คนแรกตั้งแต่ไวรัสโคโรนาตัวใหม่เริ่มแพร่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว
    .
    The Paper ระบุว่า นายแพทย์เหลียง แผนกหูคอจมูก เสียชีวิตเมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 25 มกราคม ขณะอายุ 62 ปี คุณหมอท่านนี้ต้องสงสัยติดเชื้อเมื่อวันที่ 16 มกราคม จากนั้นถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล Jinyintan ในเมืองอู่ฮั่น วันที่ 18 มกราคม รายงานล่าสุดจากไชน่า เดลีย์ ระบุว่า คุณหมอท่านนี้เกษียณแล้ว และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วยติดไวรัส
    .
    คณะแพทย์ของจีนเผยล่าสุดว่า มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่โคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่อาจติดต่อทาง "ตา" หลังมีแพทย์ชื่อ "หวัง กวงฟา" บอกว่า เขาติดเชื้อเพราะไม่ได้สวมแว่นป้องกัน โดยในขณะที่มีการเตือนเรื่องไวรัสอาจติดต่อผ่านการไอและจาม แต่มันก็สามารถเข้าสู่ตาได้ ผ่านทางมือที่สัมผัสเชื้อและทำให้เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น โดยถ้าถูกคนอื่นจามใส่ เชื้อไวรัสจะฟุ้งเข้าสู่จมูกและดวงตา ด้วยเหตุนี้บุคลากรทางการแพทย์จึงจำเป็นต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันดวงตาด้วย
    .
    โดยศาสตราจารย์ พอล เคลลัม ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสจาก Imperial College London ระบุว่า หากผู้ติดเชื้อไอหรือจาม ไวรัสสามารถส่งผ่านจากท่อน้ำตาไปยังจมูก เพราะมีท่อเชื่อมต่อถึงกัน ไม่ใช่เพียงแค่ไวรัสโคโรนาเพียงอย่างเดียว อาการป่วยจากไข้หวัดใหญ่หรือไวรัสอื่นๆ ที่ระบาดผ่านทางเดินหายใจ ก็สามารถติดเชื้อผ่านทางดวงตาได้เช่นกัน หากสัมผัสกับสารคัดหลั่ง.
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    จากภาพของเพื่อนในเฟสบุ๊คบอกว่าcoronalvirus กำลังกลายพันธุ์เป็นรุ่นที่ 5 แล้ว บอกตรงๆ ดูไม่เป็นเหมือนกันว่า จากภาพ coronalvirus กลายพันธุ์เป็นรุ่นที่ 5 ยังไง แต่ก็รอพิสูจูน์ จากตำแหน่งดาวที่ตรงกับวิวรณ์ที่ 12 ที่เกิดขึ้น ในวันที่ 23 เดือนกันยายน 2017 ถ้าตำแหน่งดาวเป็นไปตามวิวรณ์ที่ 12 และข้อความในวิวรณ์ที่ 12 เป็นจริง coronalvirus ก็น่าจะพาโลกไปสู่วิกฤตได้ แต่ถึงจะรุนแรงแค่ไหน ก็แค่ส่วนเดียวเท่านั้น
    สิ่งใดจะเกิด สิ่งนั้นก็ย่อมเกิด มันเป็นธรรมชาติ ของการเกิด ดับในสังสารวัฏ

    FB_IMG_1580039312811.jpg

     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ภิกขุนีสูตร
    พระไตรปิฎก เล่ม๑๙
    images (1).jpeg
    กล่าวโดยย่อ เป็นการกล่าวถึงคุณอันวิเศษของจิตตั้งมั่นในสติปัฏฐาน ๔ สำหรับผู้ปฏิบัติในสติปัฏฐาน๔ หรือผู้ที่มีสติระลึกรู้เท่าทันกาย,เวทนาหรือจิตและธรรมในปฏิจจสมุปบาท เพราะเป็นผู้ที่มีสติหรือจิตที่ตั้งมั่นในกาย เวทนา จิต ธรรมแล้วเช่นเดียวกัน แม้แต่ในผู้ที่มีกำลังในการพิจารณาธรรมได้ตั้งมั่นหรือแนบแน่นด้วยความยินดีอยู่เสมอๆเพราะเท่ากับเป็นผู้มีสติในการเจริญธรรมานุปัสสนา ในสติปัฏฐาน๔ นั่นเอง เพราะจริงแล้วต่างล้วนเป็นธรรมเดียวกันนั่นเอง เพียงแต่จำแนกแจกแจงออกไปเป็นแนวทางต่างๆ เพื่อประโยชน์ให้นักปฏิบัติเล็งเห็นเข้าใจได้ง่ายตาม จริต สติ ปัญญาของนักปฏิบัติเอง, ดังนั้นสามารถใช้คุณอันวิเศษ อันเกิดขึ้นแต่จิตที่มีสติตั้งมั่นนั้นได้ เมื่อเกิดความทุกข์เผาลนกระวนกระวายด้วย ความเร่าร้อนอันเกิดแต่กายเป็นเหตุ, หรือความหดหู่อันเกิดแต่จิตเป็นเหตุ, หรือจิตฟุ้งซ่าน ไม่สามารถหยุดคิดนึกปรุงแต่งอันเป็นทุกข์ได้ แม้จะระลึกรู้เท่าทันในจิตสังขาร(คิด,โมหะ,โทสะ ฯลฯ.)เหล่านั้นเป็นอย่างดี อันเนื่องจากประกอบด้วยอุปาทานแล้ว หรือก็คืออุปาทานอันแรงกล้าได้ครอบงำเสียแล้ว(จิตกำลังดำเนินไปอยู่ในชราอันเร่าร้อนเผาลนในวงจรปฏิจจสมุปบาท)จึงหยุดไม่ได้ ดังนั้นเมื่อเกิดทุกข์ อันหนึ่งอันใดก็ดี อันเนื่องจาก กาย เวทนา จิต หรือธรรมตามสภาวะโลกๆตามที่กล่าว กล่าวคือ นักปฏิบัติย่อมเป็นปกติมีสติรู้เท่าทันในกาย เวทนา จิต หรือธรรมอยู่แล้วด้วยจิตตั้งมั่นอย่างสมํ่าเสมอ(ประกอบด้วยสัมมาสมาธิ)พอควร แล้วเกิดมีความทุกข์อันเร่าร้อน,หดหู่,ฟุ้งซ่าน เป็นทุกข์เกิดขึ้น หรือจรมากระทบ(ผัสสะ) แล้วเกาะติดแน่นสลัดไม่หลุด จิตซัดส่ายปรุงแต่งหรือฟุ้งซ่านไม่เลิกรา ก็ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
    แม้ในขณะนั้นกำลังเป็นทุกข์เร่าร้อน, จิตหดหู่, จิตฟุ้งซ่านอันใดอยู่ก็ตาม มีสติหรือพยายามตั้งจิตให้ตั้งมั่นขึ้น ทำการน้อมนึกนิมิตขึ้นในใจ ในสิ่งที่ตนเองเลื่อมใสนั้นๆ เมื่อน้อมนึกในนิมิตที่ตนเองเลื่อมใสได้เป็นอย่างดีแล้ว ย่อมเป็นไปตามหลักอิทัปปัจจยตา ย่อมยังให้มีความปราโมทย์ แล้วเป็นเหตุให้เกิดปีติความอิ่มเอิบใจ ดังนั้นทุกข์ที่เร่าร้อน,หดหู่,ฟุ้งซ่านเหล่าใดเหล่านั้นย่อมระงับไปเนื่องด้วยธรรมอันเป็นปฏิปักษ์กันโดยธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าธรรมคู่ปรับกัน ดังเช่น นํ้ากับไฟ หรือ นํ้ากับนํ้ามัน ย่อมอยู่ร่วมกันไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น, ดังนั้นเมื่อเกิดปีติความอิ่มเอิบใจขึ้น ทุกข์เหล่าใดเหล่านั้นจึงเป็นอันต้องระงับหรือดับไปเพราะเป็นธรรมคู่ปรับกัน ดังนั้นกายใจย่อมระงับ(ปัสสัทธิ) จึงย่อมเกิดความสุขสงบขึ้น เมื่อสุขสงบจึงเสวยสุข, เมื่อเสวยสุข จิตก็ย่อมตั้งมั่น(สัมมาสมาธิ)ขึ้นเป็นธรรมดา ดังกล่าวไว้ในพระสูตรนี้ (เมื่อมีความสุข จิตย่อมตั้งมั่น ขยายความตามพระสูตร) ก็เป็นอันสำเร็จผลขั้นหนึ่ง
    ดังนั้นการปฏิบัติข้างต้นที่กล่าวไป จึงเป็นการดับผลที่เกิดขึ้นนั้นเสียก่อนตรงๆเป็นลำดับแรก ปฏิบัติแค่ไหน? แค่พอทุกข์เหล่าใดเหล่านั้นระงับหรือดับไป และอย่าติดเพลินหรือติดใจอยากจนปล่อยให้แช่เลื่อนไหลไปกับความสุขความสงบความสบายที่เกิดขึ้นนั้น แล้วดำเนินการปฏิบัติในขั้นต่อไปอันสำคัญยิ่ง คือการดับที่เหตุ ด้วยอุเบกขาสัมโพชฌงค์
    กล่าวคือ ยังต้องไปทำการดับที่เหตุ อีกครั้ง เป็นลำดับต่อไป จึงจักถูกต้องดีงามอย่างบริบูรณ์ยิ่ง กล่าวคือ เมื่อทุกข์จางคลายหรือดับลงไปแล้ว ต้องคุมจิตหรือสติไว้ไม่คิดนึกปรุงแต่งในเรื่องทุกข์เหล่าใดเหล่านั้น กล่าวคือ พระองค์ท่านใช้คำว่า ไม่ตรึก ไม่ตรอง หมายถึงไม่ไปคิด ไม่ไปพิจารณาอันปรุงแต่งหาเรื่องก่อเหตุอีกในเรื่องนั้นๆ หรือก็คือไม่วิตก ไม่วิจารใดๆอีก กล่าวคือ กุมจิตอยู่กับสติ หรือมีสติกุมจิต อุเบกขาโดยไม่คิดปรุงแต่งในเรื่องนั้นๆ กล่าวคือ ไม่ฟุ้งซ่าน คือไม่ส่งจิตออกไปปรุงแต่งภายนอก ภายนอกใดเล่า? ภายนอก กาย๑ เวทนา๑ จิต๑ ธรรม๑ ไม่คิดปรุงแต่งไปทั้งในอดีตแลอนาคต, ให้จิตหรือมีสติในภายใน ภายในใดเล่า? ภายใน กาย๑ เวทนา๑ จิต๑ ธรรม๑ นั่นเอง, ดังนั้นทุกข์อันเร่าร้อน หดหู่ ฟุ้งซ่านเหล่าใดเหล่านั้นที่ดับไปแล้วนั้น เมื่อดับเหตุก่อก็ย่อมไม่เกิดขึ้นใหม่อีก จึงย่อมเป็นสุข ก็รู้ชัดตามที่มันเป็น กล่าวคือ ย่อมรู้ชัดด้วยว่า ด้วยเหตุด้วยผลอันใด เมื่อหยุดการปรุงแต่งหรือหยุดจิตฟุ้งซ่านไปภายนอกแล้วจึงสุขสงบ
    กระบวนธรรมที่เกิดขึ้นเหล่านี้ จึงล้วนดำเนินและเป็นไปภายใต้ธรรมอิทัปปัจจยตาของพระองค์ท่าน อันเที่ยงแท้และคงทนต่อทุกกาล ด้วยพระปัญญาธิคุณ จึงมิได้เป็นไปอย่างไร้เหตุผล หรือมิได้เป็นไปภายใต้อิทธิฤทธิ์ไสยศาสตร์แต่ประการใด แต่ล้วนเกิดขึ้นและเป็นไปอย่างเปี่ยมด้วยเหตุและผลอย่างเต็มเปี่ยมด้วยหลักอิทัปปัจจยตา หรือการกระทำ(กรรม) หรือธรรม(สิ่ง)ทั้งหลายล้วนเกิดแต่เหตุ จึงควรเข้าใจเพื่อไม่ให้เกิดทิฏฐุปาทาน หรือสีลัพพตปรามาสอันเป็นธรรมหรือสิ่งที่ร้อยรัดสรรพสัตว์ไว้ให้ติดอยู่ในกองทุกข์(สังโยชน์๑๐)
    ทุกคนย่อมเป็นไปตามการกระทำ(กรรม)
    ยถากมฺมํ คมิสฺสนฺติ
    (อัยยิกาสูตร ๑๕/๑๓๗)
    อันพอจะแสดงกระบวนธรรมของจิต ที่ดำเนินและเป็นไปตามการปฏิบัติ ได้ดังนี้
    ตั้งจิตให้มั่นในนิมิต เป็นเหตุปัจจัยจึงมี ปราโมทย์ เป็นเหตุปัจจัยจึงมี ปีติ เป็นเหตุปัจจัยจึงมี กายระงับ เป็นเหตุปัจจัยจึงมี สุขสงบ เป็นเหตุปัจจัยจึงมี จิตย่อมตั้งมั่น(สติอันกอบด้วยสมาธิ) เป็นเหตุปัจจัยให้มีกำลัง ทำการดับที่เหตุ โดยการไม่คิดนึกปรุงแต่ง กล่าวคือ ไม่ส่งจิตไปภายนอก ไม่ฟุ้งซ่านไปอดีตหรืออนาคต, อันเป็นการปฏิบัติเพื่อการดับที่เหตุ เพื่อไม่ให้เกิดผล อันคืออุปาทานทุกข์ขึ้นอีกจากการฟุ้งซ่านปรุงแต่งนั่นเอง
    ขอเน้น เพื่อกันข้อผิดพลาดในการปฏิบัติ ดังที่เคยเกิดขึ้นกับผู้เขียนมาแล้วด้วยอวิชชา กล่าวคือ สติหรือจิตอยู่ภายใน มีความหมายว่า การมีสติหรือจิต ระลึกรู้เท่าทันหรือพิจารณาในกาย, เวทนา, จิต, ธรรม ซึ่งไม่ใช่จิตส่งใน จิตมีสติเห็นใน กาย, เวทนา, จิต, ธรรมนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนจิตส่งในเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ผลออกมาแตกต่างกัน ขอให้พิจารณาให้เข้าใจอาการอย่างแจ่มแจ้ง ฝ่ายแรกนั้นเป็นการใช้อย่างมีสติเจริญวิปัสสนาทางสติ,ปัญญาให้พ้นทุกข์ ส่วนจิตส่งในเป็นการเจริญฌานสมาธิแต่ฝ่ายเดียวและอย่างผิดๆ อย่างขาดสติเลื่อนไหลแต่ไม่รู้เพราะอวิชชา จึงทำให้เลื่อนไหลติดเพลิน(นันทิหรือตัณหา)อยู่ในความสุข,สงบอันเป็นผล อันเกิดจากอำนาจของฌาน,สมาธิ อันเป็นเหตุปัจจัยยังให้เกิดทุกข์ขึ้นในภายหน้าอย่างรุนแรง กล่าวคือ อาการที่คอยจดจ้องคอยเสพผลที่เกิดขึ้นจากฌาน,สมาธิ อันมีความสุขความสงบความสบายต่างๆอันเกิดขึ้นแต่กายหรือจิตเป็นเครื่องล่อลวง ทั้งจะโดยรู้ตัวหรือโดยไม่รู้ตัวก็ตามที, ขอให้พึงระวัง ไม่เหมือนกัน ผลออกมาตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง ราวกับดั่งนรกกับสรรค์ ฉันใด ฉันนั้น นั่นแล
    ภิกขุนีสูตรนี้ แม้เป็นพระสูตรสั้นๆ แต่ถ้าโยนิโสมนสิการโดยแยบคายแล้ว จักยังให้เข้าใจในธรรมนานาประการ เช่น สติหรือจิตภายใน ภายในคืออะไร? ซึ่งย่อมไม่ใช่จิตส่งใน, สติหรือจิตภายนอก ภายนอกคืออย่างไร?, จิตฟุ้งช่าน ใช่จิตคิดปรุงแต่งหรือไม่? จิตกายเร่าร้อน, จิตหดหู่, จิตฟุ้งซ่านแก้ไขอย่างร? ใช้คุณวิเศษอย่างไรในการดับทุกข์ที่กำลังรุมเร้าเผาลน เห็นความเป็นเหตุปัจจัยในการดำเนินไปในการดับทุกข์ที่เร่าร้อนนั้น. (มีอธิบายต่อจากพระสูตร)
    ภิกขุนีสูตร
    ผู้มีจิตตั้งมั่นในสติปัฏฐาน ๔ ย่อมรู้คุณวิเศษ
    [๗๑๔] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น เวลาเช้า ท่านพระอานนท์นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร
    เข้าไปยังสำนักของนางภิกษุณีแห่งหนึ่ง แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาปูลาดไว้
    ครั้งนั้น ภิกษุณีมากรูปเข้าไปหาท่านพระอานนท์ ไหว้ท่านพระอานนท์แล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
    ครั้นแล้ว จึงพูดกะท่านพระอานนท์ว่า ข้าแต่พระอานนท์ผู้เจริญ ภิกษุณีมีมากรูปในธรรมวินัยนี้
    มีจิตตั้งมั่นดีแล้วในสติปัฏฐาน ๔ ย่อมรู้คุณวิเศษอันยิ่งอย่างอื่นจากคุณวิเศษในกาลก่อน
    ท่านพระอานนท์ ตอบว่า น้องหญิง ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ข้อนี้เป็นอย่างนี้ ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง
    มีจิตตั้งมั่นดีแล้วในสติปัฏฐาน ๔ ภิกษุหรือภิกษุณีรูปนั้นพึ่งหวังข้อนี้ได้ว่า จักรู้คุณวิเศษอันยิ่ง
    อย่างอื่นจากคุณวิเศษในกาลก่อน ลำดับนั้น ท่านพระอานนท์ยังภิกษุณีเหล่านั้นให้เห็นแจ้ง
    ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริงด้วยธรรมมีกถา แล้วลุกจากอาสนะหลีกไป.
    [๗๑๕] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เที่ยวไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถีแล้ว
    ในเวลาปัจฉาภัต กลับจากบิณฑบาต เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
    ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเช้านี้ ข้าพระองค์นุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปยังสำนักนางภิกษุณีแห่งหนึ่ง
    แล้วนั่งบนอาสนะที่เข้าปูลาดไว้ ครั้งนั้น ภิกษุณีมากรูปเข้ามาหาข้าพระองค์ ไหว้ข้าพระองค์แล้ว
    จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้พูดกะข้าพระองค์ว่า
    ข้าแต่ท่านพระอานนท์ผู้เจริญ ภิกษุณีมากรูปในธรรมวินัยนี้ มีจิตตั้งมั่นดีแล้วในสติปัฏฐาน ๔
    ย่อมรู้คุณวิเศษอันยิ่งอย่างอื่นจากคุณวิเศษในกาลก่อน เมื่อภิกษุณีทั้งหลายพูดอย่างนี้แล้ว
    ข้าพระองค์ตอบว่า น้องหญิง ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ข้อนี้เป็นอย่างนี้ ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง
    มีจิตตั้งมั่นดีแล้วในสติปัฏฐาน ๔ ภิกษุหรือภิกษุณีรูปนั้นพึงหวังข้อนี้ได้ว่า
    จักรู้คุณวิเศษอันยิ่งอย่างอื่นจากคุณวิเศษในกาลก่อน.

    [๗๑๖] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ข้อนี้เป็นอย่างนั้น ข้อนี้เป็นอย่างนี้
    ภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดรูปหนึ่ง มีจิตตั้งมั่นดีแล้วในสติปัฏฐาน ๔ ภิกษุหรือภิกษุณีรูปนั้นพึงหวัง
    ข้อนี้ได้ว่า จักรู้คุณวิเศษอันยิ่งอย่างอื่นจากคุณวิเศษในกาลก่อน สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน?

    [๗๑๗] ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่
    มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย
    เมื่อเธอพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ (แล้วเกิด)ความเร่าร้อนมีกายเป็นอารมณ์(กายเป็นเหตุ) เกิดขึ้นในกายก็ดี
    (หรือเกิด)ความหดหู่แห่งจิต เกิดขึ้นก็ดี (หรือเกิดจาก)จิตฟุ้งซ่านไปในภายนอก ก็ดี
    ภิกษุนั้น พึงตั้งจิตไว้ให้มั่นในนิมิต อันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสอย่างใดอย่างหนึ่ง
    เมื่อเธอตั้งจิตไว้มั่นในนิมิต อันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ ปราโมทย์ย่อมเกิด
    เมื่อเธอปราโมทย์ ปีติย่อมเกิด เมื่อเธอมีใจประกอบด้วยปีติ กายย่อมระงับ
    เธอมีกายระงับแล้ว ย่อมเสวยสุข เมื่อเธอมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น ขยายความตามพระสูตร
    เธอย่อมพิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า เราตั้งจิตไว้เพื่อประโยชน์ใด ประโยชน์นั้นสำเร็จแก่เราแล้ว
    บัดนี้เราจะคุมจิตไว้ เธอคุมจิตไว้ และไม่ตรึก ไม่ตรอง ย่อมรู้ชัดว่า เราไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
    มีสติในภายใน เป็นผู้มีความสุขดังนี้.
    [๗๑๘] ดูกรอานนท์ อีกประการหนึ่ง ภิกษุในธรรมวินัยนี้
    ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ .....(เหมือนข้างต้น เห็นกายในกาย)
    ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ .....(เหมือนข้างต้น)
    ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
    มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย เมื่อเธอพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่
    (เกิด)ความเร่าร้อนมีธรรมเป็นอารมณ์เกิดขึ้นในกายก็ดี (หรือเกิด)ความหดหู่แห่งจิตเกิดขึ้นก็ดี
    (หรือเกิดจาก)จิตฟุ้งซ่านไปในภายนอกก็ดี ภิกษุนั้นพึงตั้งจิตไว้ให้มั่นในนิมิต
    อันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเธอตั้งจิตไว้มั่นในนิมิต
    อันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ ปราโมทย์ย่อมเกิด
    เมื่อเธอปราโมทย์ ปีติย่อมเกิด เมื่อเธอมีใจประกอบด้วยปีติ กายย่อมระงับ เธอมีกายระงับแล้ว
    ย่อมเสวยสุข เมื่อเธอมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น เธอย่อมพิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า
    เราตั้งจิตไว้เพื่อประโยชน์ใด ประโยชน์นั้น สำเร็จแก่เราแล้ว
    บัดนี้เราจะคุมจิตไว้ เมื่อเธอคุมจิตไว้ และไม่ตรึก ไม่ตรอง
    (ดังนั้น)ย่อมรู้ชัดว่า เราไม่มีวิตก เราไม่มีวิจาร มีสติในภายใน เป็นผู้มีความสุข
    ดังนี้ ดูกรอานนท์ ภาวนา(การทำให้เจริญ)ย่อมมี เพราะตั้งจิตไว้ ด้วยประการฉะนี้แล.
    (สติในภายใน - มีสติอยู่ภายใน กาย เวทนา จิต ธรรม หรือรูป-นามนั่นเอง)

    [๗๑๙] ดูกรอานนท์ ก็ภาวนา(การทำให้เจริญ) ย่อมมีเพราะไม่ตั้งจิตไว้ในภายนอกอย่างไร?
    ดูกร อานนท์ ภิกษุมิได้ตั้งจิตไว้ในภายนอก ย่อมรู้ชัดว่า จิตอันเรามิตั้งไว้ในภายนอก
    ในลำดับนั้น เธอย่อมรู้ชัดว่า จิตของเราไม่ได้ฟุ้งซ่านไปข้างหลังและข้างหน้า พ้นแล้วมิได้ตั้งอยู่
    ก็แลในกาลนั้น เธอย่อมรู้ชัดว่า เราย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ
    เป็นผู้มีความสุข ดังนี้.
    (จิตไว้ในภายนอก = จิตส่งออกไปปรุงแต่งต่อสิ่งต่างๆภายนอกกาย เวทนา จิต ธรรม = ส่งจิตออกไปปรุงแต่งต่อสิ่งต่างๆหรืออายตนะภายนอก คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ ที่จรมาหรือจรไปกระทบผัสสะ = จิตปรุงแต่ง, คิดปรุงแต่ง, จิตฟุ้งซ่าน)
    [๗๒๐] ดูกรอานนท์ ภิกษุมิได้ตั้งจิตไว้ในภายนอก ย่อมรู้ชัดว่า จิตอันเรามิได้ตั้งไว้
    ในภายนอก ในลำดับนั้น เธอย่อมรู้ชัดว่า จิตของเราไม่ฟุ้งซ่านไป ข้างหลังและข้างหน้า พ้นแล้ว
    มิได้ตั้งอยู่ ก็แลในกาลนั้น เธอย่อมรู้ชัดว่า เราย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ มีความ
    เพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ เป็นผู้มีความสุข ดังนี้.
    [๗๒๑] ดูกรอานนท์ ภิกษุมิได้ตั้งจิตไว้ในภายนอก ย่อมรู้ชัดว่า จิตอันเรามิได้ตั้งไว้
    ในภายนอก ในลำดับนั้น เธอย่อมรู้ชัดว่า จิตของเราไม่ฟุ้งซ่านไป ข้างหลังและข้างหน้า พ้นแล้ว
    มิได้ตั้งอยู่ ก็แลในกาลนั้น เธอย่อมรู้ชัดว่า เราย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร
    มีสัมปชัญญะ มีสติ เป็นผู้มีความสุข ดังนี้.
    [๗๒๒] ดูกรอานนท์ ภิกษุมิได้ตั้งจิตไว้ในภายนอก ย่อมรู้ชัดว่า จิตของเรามิได้
    ฟุ้งซ่านไปข้างหลังและข้างหลัง พ้นแล้ว มิได้ตั้งอยู่ ก็แลในกาลนั้น เธอย่อมรู้ชัดว่า เราย่อม
    พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ เป็นผู้มีความสุข ดังนี้.

    [๗๒๓] ดูกรอานนท์ ภาวนา(การทำให้เจริญ)ย่อมมี เพราะไม่ได้ตั้งจิตไว้(ภายนอก)อย่างนี้แล ดูกรอานนท์
    ภาวนา(การทำให้เจริญ)ย่อมมีเพราะตั้งจิตไว้(ภายในกาย เวทนา จิต ธรรม) เราแสดงแล้ว
    ภาวนา(การทำให้เจริญ)ย่อมมีเพราะมิได้ตั้งจิตไว้(ภายนอก,ไปปรุงแต่ง) เราก็แสดงแล้ว
    ด้วยประการฉะนี้แล ดูกรอานนท์ กิจอันใดอันศาสดา ผู้แสวงหาประโยชน์ ผู้อนุเคราะห์ มุ่ง
    ความอนุเคราะห์จะพึงทำแก่สาวกทั้งหลาย กิจอันนั้น เรากระทำแล้วแก่เธอทั้งหลาย
    อานนท์ นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่าง เธอทั้งหลายจงเพ่งพินิจ อย่าประมาท
    อย่าได้มีความร้อนใจในภายหลัง นี้เป็นอนุศาสนีของเรา สำหรับเธอทั้งหลาย.
    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพุทธพจน์นี้แล้ว ท่านพระอานนท์ปลื้มใจชื่นชมภาษิตของพระผู้มีพระภาคแล้วแล.
    จบ สูตรที่ ๑๐
    จบ อัมพปาลิวรรค
    เนื้อความตามพระสูตร เพียงแต่ตัดต่อข้อความระหว่างบันทัด และวงเล็บขยายความเท่านั้น
    ถ้าโยนิโสมนสิการโดยแยบคาย จักพบพระพุทธประสงค์ในการปฏิบัติสติปัฏฐาน๔ อย่างแจ่มแจ้ง และถูกต้องแนวทาง ไม่ใช่ดังที่ปฏิบัติกันอยู่ในปัจจุบันเป็นจำนวนมากโข ที่คิดว่าเป็นการปฏิบัติแนวทาง สติปัฏฐาน๔ ทั้งๆที่ยังไม่รู้ไม่เข้าใจจึงมักดำเนินไปในฝ่ายสมถสมาธิหรือฌานสมาธิแต่ฝ่ายเดียวโดยไม่รู้ตัว เพียงแต่คิดว่าถูกต้องดีงามแล้วเท่านั้น เพราะเมื่อปฏิบัติเหตุผิดด้วยอวิชชา แม้ด้วยเจตนาที่ดีสักปานใดก็ตามที ก็ย่อมยังผลให้ออกมาผิดพลาดแนวทางไปเป็นธรรมดา
    เมื่อโยนิโสมนสิการจากพระสูตรนี้ จักทำให้เห็นพระพุทธประสงค์ได้อย่างแจ่มแจ้งขึ้น ในการปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ กล่าวคือ สติปัฏฐาน ๔ นั้นเป็นการปฏิบัติที่เน้นตามชื่ออยู่แล้ว คือ สติเป็นประธาน หรือสติเป็นฐาน เป็นบาทฐานหรือเครื่องมือในการปฏิบัติ แต่ก็เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดสมาธิร่วมขึ้นด้วยเพียงในระดับหนึ่งที่ยังกอบด้วยสติพร้อมบริบูรณ์ ไม่ใช่แน่วแน่เสียจนเป็นสมาธิในระดับสูงที่สติไม่บริบูรณ์พอเพราะภวังคจิต และตลอดจนใช้สติยังให้เกิดปัญญาขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องด้วยเพราะธรรมานุปัสสนานั้น เป็นการใช้สติเป็นแก่น ที่มีสมาธิเป็นองค์ประกอบร่วมด้วยนั้น ไปในการพิจารณาธรรมต่างๆ ดังที่ท่านหยิบยกมาเป็นแบบอย่างในบทธรรมานุปัสสนา มีผู้ถามว่าแล้วพิจารณาปฏิจจสมุปบาทได้ไหม ไม่เห็นกล่าวไว้ในบทธัมมานุปัสสนา ทำไมจะไม่ได้ในเมื่อเป็นธรรมและเป็นมงกุฎแห่งธรรมเสียด้วย ดังพุทธพจ์ที่ตรัสยืนยันไว้ว่า ผู้ใดเห็นปฏิจจสมุปบาท ผู้นั้นเห็นธรรม เมื่อเห็นธรรมจึงเห็นธรรมหรือธรรมชาติต่างๆได้หลากหลาย โดยเฉพาะเรื่องการเกิดขึ้นของทุกข์ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการดับไปแห่งทุกข์ คือนำไปดับที่เหตุได้อย่างถูกต้องดีงามนั่นเอง
    จึงพึงทราบจุดประสงค์ของการปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ อย่างถูกต้อง เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างถูกต้องแนวทางด้วยเช่นกัน จุดประสงค์ในปฏิบัติสติปัฏฐาน ๔ จึงมีโดยสังเขปดังนี้
    สติ ฝึกสติให้ระลึกรู้ เป็นลำดับขั้นแรก โดยอาศัยลมหายใจ อันเป็นกายสังขาร(การกระทำทางกาย)อย่างหนึ่ง อันเป็นสิ่งที่เหมาะแก่การเริ่มต้น คือ ยังไม่ใช้ปัญญาเต็มที่ อาศัยกายให้เกิดสติ สมาธิ ปัญญาเสียก่อน สติเกิดแต่ความตั้งใจ เมื่อตั้งใจมั่นก็ยังให้เกิดสมาธิเป็นผลร่วมด้วย ปัญญาก็เกิดในการพิจารณาต่างๆ ดังเช่น ในกายสังขารหรือลมหายใจ เช่น การเห็นความไม่เที่ยง ความแปรปรวนของลมเหล่าใดเหล่านั้น แล้วก็ดำเนินไปในการปฏิบัติแบบต่างๆตามสติและปัญญาที่พัฒนาขึ้น
    เป็นเครื่องอยู่ของจิต กล่าวคือ เมื่อมีสติตั้งมั่นอยู่ในกาย เวทนา จิต หรือการพิจารณาหรือโยนิโสมนสิการในธรรมแล้ว เรียกว่า "จิตมีที่อยู่และหน้าที่อันควรยิ่ง" จิตจึงย่อมไม่ส่งส่ายไปปรุงแต่งภายนอก ที่ในพระสูตรท่านใช้คำว่า"ไม่จิตฟุ้งซ่านไปภายนอก" หรือที่ท่านหลวงปู่ดูลย์ อตุโลใช้คำว่า "อย่าส่งจิตออกนอก" หรือกล่าวว่า "จิตส่งออกนอก เป็นสมุทัย" หรือผู้เขียนเองที่มักใช้ "ไม่จิตปรุงแต่งบ้าง ไม่คิดนึกปรุงแต่งบ้าง ไม่ส่งจิตออกไปปรุงแต่งบ้าง" ล้วนมีความหมายเป็นสำคัญเดียวกัน ดังนั้นเมื่อจิตไม่ฟุ้งซ่านไปภายนอก คือไม่คิดนึกปรุงแต่งไปภายนอกกาย เวทนา จิต หรือธรรม กล่าวคือ จิตไม่ฟุ้งซ่านออกไปปรุงแต่งใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ตลอดจนธรรมารมณ์จากภายนอก จึงย่อมไม่เกิดการกระทบผัสสะให้เกิดทุกข์, จิตหรือสติอยู่แต่ภายในกาย เวทนา จิต หรือธรรมที่พิจารณาหรือเกิดขึ้นแก่จิต อันยังให้เกิดปัญญาญาณเป็นสำคัญอีกด้วย, จิตหรือจิตภายในจึงย่อมเกิดความสงบระงับ จึงย่อมเป็นสุขระดับหนึ่ง สติปัญญาก็ย่อมแจ่มใส จิตก็ย่อมตั้งมั่นขึ้นเป็นสัมมาสมาธิได้ง่าย
    การเป็นเครื่องอยู่ของจิตที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นและเป็นไป ๒ ลักษณะ คือ จิตหรือสติอยู่กับกาย เวทนา จิตธรรม ดังกล่าวข้างต้น๑. ลักษณะที่๒ คือ การเห็น การเกิดขึ้นบ้าง การแปรปรวนบ้าง การดับไปบ้าง ฯลฯ. เหล่านั้นนอกจากยังให้เกิดปัญญาญาณหยั่งรู้เข้าใจในธรรมอย่างแจ่มแจ้งด้วยตนเองขึ้นแล้ว ก็เป็นลักษณะหนึ่งของการเป็นเครื่องอยู่ของจิต คือจิตหรือสติไปพิจารณาในธรรมที่เห็น จิตหรือสติจึงไม่ไปยึดมั่นหมายมั่นใดๆพัวพันในสิ่งที่เกิดขึ้นแก่จิตในขณะนั้น อันจะก่อให้เกิดทุกข์ขึ้นอีก ถ้าไปยึดเกาะเกี่ยวพัวพัน ไม่ปล่อยวาง อันเป็นการเบี่ยงเบนจิตอย่างหนึ่งเช่นกัน แต่กอบด้วยสติและปัญญา จึงเป็นการปฏิบัติที่ยังให้เกิดบุญกุศลสูงสุด
    สมาธิ ดังที่กล่าวข้างต้น ต้องการสติเป็นประธานก็จริงอยู่ แต่ก็เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดสมาธิขึ้นด้วย หรือเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง แต่เป็นสมาธิที่มีสติเป็นหลักหรือบาทฐาน จึงไม่ใช่ในลักษณาการของการปฏิบัติสมถสมาธิที่ต้องการให้เป็นไปในระดับสงบประณีตแต่ฝ่ายเดียว ที่สติจางคลายเคลิบเคลิ้มเพราะภวังค์ไม่สามารถมีสติพิจารณาในสิ่งใดได้อย่างเต็มกำลัง อันอาจพึงเกิดได้เป็นบางครั้งบางคราเป็นธรรมดา เพียงเมื่อต้องการพักหรือเมื่อสติขาดอันอาจเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา แต่ต้องไม่ใช่ด้วยการตั้งจุดประสงค์หรือปล่อยให้เลื่อนไหลอย่างขาดสติไม่รู้ตัวอยู่เสมอๆไปในสมถสมาธิระดับสูงเพื่อความสุขสงบสบายเป็นจุดประสงค์ อันมักไม่รู้ตัว
    ปัญญา สตินี้กลายเป็นเหตุปัจจัยร่วมให้เกิดปัญญาระดับสัมมาปัญญา(มรรคองค์ที่๙) กล่าวคือ เมื่อมีสติตั้งมั่นอยู่ในการพิจารณาธรรม(ธรรมานุปัสสนา) แม้กระทั่งสติที่พิจารณาในกาย เวทนา จิต ก็ตาม ต่างก็ล้วนก่อให้เกิดปัญญา ภูมิรู้ภูมิญาณเข้าใจกาย เข้าใจเวทนา เข้าใจจิต และเข้าใจเรื่องทุกข์ขึ้นไปเป็นลำดับ
    ขอกล่าวเรื่องนิมิตที่ตั้งจิตให้มั่นน้อมนึกในพระสูตรนี้ สักเล็กน้อย เพื่อเป็นเกร็ดความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติ นิมิตที่น้อมนึกนี้ ไม่ต้องกระทำในสภาพนั่งสมาธิในรูปแบบแผนแต่อย่างใด ลองลืมตาแลัวน้อมนึกภาพหน้าคุณพ่อ หน้าคุณแม่ หรือหน้าลูกในจิตโดยไม่ต้องหลับตา จะนึกสภาพหน้าตาของท่านเหล่านั้นในจิตขึ้นมา ไม่ต้องหลับตาแล้วพยายามให้เห็นรูปนิมิต(โดยตาในอย่างที่คิดๆกัน)แต่อย่างใด อย่างชนิดที่ให้เห็นเป็นภาพอย่างแจ่มชัดเหมือนตาเห็น เป็นการเห็นด้วยจิตเท่านั้น อันเกิดแต่สัญญาความจำนั่นเอง แล้วนึกตั้งมั่นในนิมิตที่ยังให้เกิดความปลาบปลื้มยินดีปราโมทย์ได้ง่ายๆเหล่าใดเหล่านั้น เช่น พระพุทธรูป ที่ถูกจริต ต้องใจ ฯลฯ. นอกจากรูปนิมิตดังกล่าวแล้ว อาจเป็นเสียง หรือธรรมหรือข้อคติธรรม(นามนิมิต)อันถูกจริต มีความเข้าใจ ต้องใจ ยังให้เกิดปราโมทย์ ของท่านเป็นสำคัญ ก็สามารถน้อมนึกขึ้นมาใช้ได้เช่นกัน, ส่วนผู้ที่สามารถทำอุคคหนิมิตหรือปฏิภาคนิมิตได้อยู่แล้ว ก็ควรน้อมนำด้วยจิตที่ผ่อนคลาย น้อมนำไปในทางให้เกิดปราโมทย์, ดังนั้นเมื่อน้อมนึกนิมิตดังกล่าวด้วยจิตตั้งมั่นพอสมควรแล้ว ย่อมยังให้จิตเกิดสมาธิขึ้นในระดับหนึ่ง ปีติจึงเกิดขึ้น จึงระงับนิวรณ์๕เหล่าใดเหล่านั้นลงไปในขั้นแรกก่อนเสียนั่นเอง แล้วจึงไปดับที่เหตุอย่างมีกำลัง ดังนั้นจึงสามารถนำคุณอันวิเศษนี้ไปใช้ได้จริงในการดำเนินชีวิต เมื่อมีทุกข์ดังกล่าวเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
    ข้อคิด
    กล่าวคือ การปฏิบัติดังกล่าวข้างต้นในการดับทุกข์ที่เผาลนเกิดขึ้นนั้น เป็นไปในแนวทางโพชฌงค์ ๗ เช่นกันนั่นเอง กล่าวคือ ดำเนินพัฒนาก้าวไปในโพชฌงค์ ๗ กล่าวคือ มีสติ๑. ธรรมวิจยะเปลี่ยนเป็นการปฏิบัติด้วยการพิจารณานิมิตที่เลื่อมใส๑. ด้วยความวิริยะ๑. ยังให้เกิดปีติ๑. ยังให้เกิดปัสสัทธิ๑. ยังให้จิตตั้งมั่นหรือสมาธิ๑. และดำเนินต่อไปในขั้นสุดท้ายด้วยอุเบกขาสัมโพชฌงค์๑. ด้วยการไม่วิตก ไม่วิจาร ในเรื่องนั้น
    กุณฑลิยะ : ข้าแต่ท่านพระโคดมผู้เจริญ ก็ธรรมเหล่าไหนที่บุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมยังวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์?
    พระพุทธเจ้า : ดูกรกุณฑลิยะ โพชฌงค์ ๗ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมยังวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์.
    กุณฑลิยะ : ข้าแต่ท่านพระโคดมผู้เจริญ ก็ธรรมเหล่าไหนที่บุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์?
    พระพุทธเจ้า : ดูกรกุณฑลิยะ สติปัฏฐาน ๔ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมยังโพชฌงค์ ๗ ให้บริบูรณ์.
    (กุณฑลิยสูตร)
    http://www.nkgen.com/345.htm
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    นิวรณสูตร
    พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ เล่มที่ ๑๙
    images (2).jpeg
    กล่าวถึง นิวรณ์ และ อาหารของนิวรณ์ ที่หมายถึงเครื่องหล่อเลี้ยงให้นิวรณ์ทั้ง ๕ เจริญงอกงามหรือดำรงอยู่ได้ดี ว่าต่างล้วนเกิดขึ้นจากการ อโยนิโสมนสิการ หรือการไม่ โยนิโมนมสิการ โดยแยบคายนั่นเอง
    นิวรณ์ ๕
    [๓๔๕] สาวัตถีนิทาน. ดูกรภิกษุทั้งหลาย นิวรณ์ ๕ อย่างนี้ ๕ อย่างเป็นไฉน? คือ กามฉันทนิวรณ์ ๑ พยาบาทนิวรณ์ ๑ ถีนมิทธนิวรณ์ ๑ อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ ๑ วิจิกิจฉานิวรณ์ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นิวรณ์ ๕ อย่างนี้แล. ( นิวรณ์ ๕)
    [๓๔๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ เพื่อรู้ยิ่ง เพื่อกำหนดรู้ เพื่อความสิ้นไป เพื่อละนิวรณ์ ๕ อย่างนี้แล ฯลฯ ภิกษุควรเจริญอริยมรรคอัน ประกอบด้วยองค์ ๘ นี้ ฯลฯ
    จบ สูตรที่ ๗
    กายสูตร
    พระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ เล่มที่ ๑๙
    อาหารของนิวรณ์ ๕
    [๓๕๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้
    แม้ฉันใด นิวรณ์ ๕ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร
    ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
    [๓๕๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหาร ให้กามฉันท์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น?
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ศุภนิมิตมีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการในศุภนิมิตนั้น
    นี้เป็นอาหารให้กามฉันท์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น.
    [๓๕๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้พยาบาทที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น?
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปฏิฆนิมิตมีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการในปฏิฆนิมิตนั้น
    นี้เป็นอาหารให้พยาบาทที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดขึ้นแล้ว ให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น.
    [๓๖๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้ถีนมิทธะที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นหรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น?
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความไม่ยินดี ความเกียจคร้าน ความบิดขี้เกียจ ความเมาอาหาร ความที่ใจหดหู่ มีอยู่
    การกระทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการในสิ่งเหล่านั้น
    นี้เป็นอาหารให้ถีนมิทธะที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น.
    [๓๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้อุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นหรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น?
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความไม่สงบใจมีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการในความไม่สงบใจนั้น
    นี้เป็นอาหารให้อุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นหรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น.
    [๓๖๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่าเป็นอาหารให้วิจิกิจฉาที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น?
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งวิจิกิจฉามีอยู่ การกระทำให้มากซึ่งอโยนิโสมนสิการในธรรมเหล่านั้น
    นี้เป็นอาหารให้วิจิกิจฉาที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือที่เกิดแล้วให้เจริญไพบูลย์ยิ่งขึ้น.
    [๓๖๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายนี้มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะอาศัยอาหาร
    ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ แม้ฉันใด นิวรณ์ ๕ เหล่านี้ ก็มีอาหารเป็นที่ตั้ง ดำรงอยู่ได้เพราะ
    อาศัยอาหาร ไม่มีอาหารดำรงอยู่ไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกัน.
    http://www.nkgen.com/762.htm
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    จีนเริ่มพัฒนาวัคซีนสู้ 'ไวรัสโคโรน่า'
    China CDC Developing Novel Coronavirus Vaccine
    • สำนักข่าว China Xinhua News รายงานว่า..ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติ CDC ของจีนได้เริ่มต้นพัฒนาวัคซีนต่อสู้กับเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ที่ถูกเรียกกันว่า Novel Coronavirus (2019-nCoV)
    • นายซู เหวินโป๋ (Xu Wenbo) หัวหน้าสถาบันควบคุมและป้องกันเชื้อไวรัส สังกัดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติ ของจีน เปิดเผยว่าตอนนี้ CDC ได้เริ่มแยกเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่แล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างการระบุต้นกำเนิดสายพันธุ์ Novel Coronavirus พร้อมทั้งยังกำลังคัดเลือกยาในการรักษาโรคปอดอักเสบ ที่มีสาเหตุมาจากไวรัสมรณะดังกล่าว
    • BEIJING, Jan. 26 (Xinhua) -- The Chinese Center for Disease Control and Prevention (CDC) has started developing vaccines against the novel coronavirus (2019-nCoV), an official with the center said Sunday.
    • The CDC has isolated the virus and is currently identifying seed strain, said Xu Wenbo, head of the National Institute for Viral Disease Control and Prevention under the CDC, adding that they are also screening drugs targeting pneumonia caused by the novel coronavirus.
    • บรรณานุกรม :
    Credit : http://www.xinhuanet.com/english/2020-01/26/c_138734908.htm
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ปักกิ่งยืนยัน "ไม่ปิดเมือง" หลังประชาชนวิตกอย่างหนักว่าทางปักกิ่งจะปิดเมือง-ปิดจราจร /อ่านรายละเอียดการสัญจรในปักกิ่งได้ที่นี่
    .
    อ้ายจงขอสรุปรายละเอียดสถานการณ์การสัญจรในปักกิ่ง ดังนี้นะครับ
    1. สนามบินยังเปิดปกติ ยังมีไฟล์ทบิน ยกเว้น ไฟล์ทที่บินไปอู่ฮั่นและพื้นที่มณฑลหูเป่ยที่ยกเลิกแบบไม่มีกำหนด
    2. รถบัสระยะทางไกล-ข้ามมณฑล เส้นทางที่ไปมณฑลหูเป่ย ปิดให้บริการ ส่วนเส้นทางไปยังเมืงและมณฑลอื่นๆ ทางปักกิ่งจะดูตามสถานการณ์ ณ ขณะนั้นแล้วค่อยๆเปิดให้บริการตามปกติทีละเส้นทาง
    3.ทางด่วน-ไฮเวย์และถนนหนทางทั่วไปในกรุงปักกิ่งยังอยู่ในภาวะปกติ ไมาได้ปิดเส้นทางใดๆ
    4.รถเมล์และรถไฟใต้ดิน ยังให้บริการปกติ แต่มีมาตรการเข้มงวดขึ้น เช่น ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายที่สถานีรถไฟใต้ดิน
    อ้ายจงสรุปจาก Weibo:北京日报 ,人民日报
    #อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ตอนนี้จีนห้ามไม่ให้มีการซื้อและขายสัตว์ป่าที่มีชีวิตและตาย...ห้ามขนส่งสัตว์เหล่านี้โดยเด็ดขาด ผู้คนได้รับการสนับสนุนให้รายงานการละเมิด
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    ผู้ป่วยในหวู่ฮั่น ติดเชื้อ รุ่นที่4 และผู้ป่วย นอกหวู่ฮั่น ติดเชื้อ รุ่นที่2 ซึ่งจากที่้เพื่อนในเฟสของผมบอกว่าเชื้อกำลังจะกลายเป็นรุ่นที่ 5 ก็คงอยู่ในหวู่ฮั่น แต่คงไม่ใช่้พราะที่นำเสนอข้อมูล ก็น่าจะเป็นวันที่ 22 มกราคม 2563 coronalvirus จะเปลี่ยนรุ่นจาก 4 เป็นรุ่นที่ 5 โดยใช้เวลาไม่กี่วันเองหรือ
    PSX_20200126_193724.jpg
    จากเอกสารการประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินซึ่งจัดทำโดยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกภายใต้กฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR) (2005) เกี่ยวกับการระบาดของโรค coronavirus novel 2562 ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ในวันที่ 22 มกราคม 2563

    ทางการจีนเสนอข้อมูลทางระบาดวิทยาใหม่ที่เปิดเผยจำนวนผู้ป่วยที่ต้องสงสัยเพิ่มขึ้นของจังหวัดที่ได้รับผลกระทบและสัดส่วนผู้เสียชีวิตในปัจจุบันที่รายงาน 4% (17 จาก 557) พวกเขารายงานผู้ป่วย รุ่นที่สี่ ในหวู่ฮั่น และผู้ป่วย รุ่นที่สองนอกหวู่ฮั่น เช่นเดียวกับกลุ่มบางคนที่อยู่นอกมณฑลหูเป่ย พวกเขาอธิบายว่ามาตรการกักกันที่แข็งแกร่ง (มีการปิดระบบขนส่งสาธารณะในเมืองหวู่ฮั่นและเมืองใกล้เคียงอื่น ๆ ) หลังจากการนำเสนอนี้ EC ได้รับแจ้งเกี่ยวกับวิวัฒนาการในญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และประเทศไทย และมีการระบุกรณีใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในสิงคโปร์

    Chinese authorities presented new epidemiological information that revealed an increase in the number of cases, of suspected cases, of affected provinces, and the proportion of deaths in currently reported cases of 4% (17 of 557). They reported fourth-generation cases in Wuhan and second-generation cases outside Wuhan, as well as some clusters outside Hubei province. They explained that strong containment measures (closure of public-transportation systems are in place in Wuhan City, as well as other nearby cities). After this presentation, the EC was informed about the evolution in Japan, Republic of Korea, and Thailand, and that one new possible case had been identified in Singapore.

    จาก "การประชุมคณะกรรมการฉุกเฉินซึ่งจัดทำโดยผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกภายใต้กฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR) (2005) เกี่ยวกับการระบาดของโรค coronavirus novel 2562 ในสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยปัจจุบันมีรายงานการส่งออกในสาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น ประเทศไทยและสิงคโป ร์เกิดขึ้นในวันพุธที่ 22 มกราคม 2020 จากเวลา 12:00 ถึง 16:30 น. ตามเวลาเจนีวา (CEST) และในวันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม 2020 เวลา 12:00 - 15:10 น. บทบาทของคณะกรรมการคือการให้คำแนะนำกับผู้อำนวยการใหญ่ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับการตัดสินใจเรื่องภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของนานาชาติที่เกี่ยวข้อง (PHEIC) คณะกรรมการยังให้คำแนะนำด้านสาธารณสุขหรือให้คำแนะนำชั่วคราวอย่างเป็นทางการตามความเหมาะสม"

    https://www.who.int/news-room/detai...the-outbreak-of-novel-coronavirus-(2019-ncov)
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    เขตชนบทในมณฑลหูเป่ย (อู่ฮั่นคือเมืองหลวง) เอาดินมาถมทางขวางไม่ให้คนออกจากเมือง ป้องกันการแพร่ #ไวรัสโคโรนา
    - ปล. ณ ตอนทวีตนี้มีคนจีนกว่า 40 ล้านคนโดนกักตัวในเมืองปิดตายชั่วคราว (Lockdown)

     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    รถพยาบาลแห่งใหม่ของจีนกำลังออกจากสายการผลิตเพื่อรองรับโรงพยาบาลแห่งใหม่ในหวู่ฮั่น
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    เจ้าหน้าที่การแพทย์...ประจำอยู่ที่โรงแรมเวียนนาติดกับโรงพยาบาลหวู่ฮั่น
    personal médico de ayuda extranjera ha sido estacionado en el Hotel de Viena al lado del Hospital Wuhan
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    ความสับสนและสิ้นหวังในซูเปอร์มาร์เก็ตในหวู่ฮั่น ประเทศจีน [พวกเขายังไม่รู้เลยน่ะว่า เจอเชื้อรุ่นที่ 4 อยู่]
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    221,814
    ค่าพลัง:
    +97,149
    Rodolfo Martin Brenes Salvatierra

    คนจีนตุนอาหาร ตอนปิดตลาด เพราะกลัวไวรัสในชานโถว มณฑลกวางตุ้ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...