กระแส"พญานาค"กับข้อเท็จจริงบางอย่าง(มีคลิป) คนที่ไม่เชื่อควรดูด้วยดุลพินิจ

555....
กำลังกินข้าวเย็นอร่อยๆ
เปิดทีวีดูรายการโปรดอยู่
จู่ๆมีเสียงไม่พึงประสงค์แทรกเข้ามา
...เสียงดังฟังชัดสองรูหู

...ส่วนตัวเคยเจอเคสนี้มาหลายครั้งแล้ว
555555555

 

หมูเจน....ตู้อะไรก็ได้มั่ง
ก่อนหยอดใส่ให้พนมมือตั้งจิตอธิษฐาน
ถึงสิ่งที่ตนพึงประสงค์
หรือตามที่เอกพูดถึง
หรือตู้พระสงฆ์อาพาธ

หรือองค์ชีวกโกมารภัจจ์
.....ดีนักแล

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า150 ลำดับที่ #2997
(จัดให้สำหรับใครคนหนึ่งที่คิดถึงอาจารย์นพ)
เป็นข้อสงสัยจากคุณBegin again
เรื่องเพื่อนต่างภพภูมิ

[QUOTE="nopphakan, post:]
จะเอาเรื่องผีหรือเรื่องการรักษาก่อนดี......

เอาเรื่องผีก่อน กรณีนี้
สมมุติ เหมารวมทุกภพภูมิ ว่าผีแล้วกัน
ถามว่าเวลาเจอผี ณ กลัวและเสียวไหม
ตอบว่า กลัวและเสียว ทั้งสองอย่างนั่นหละ..มันก็มีบ้าง
ที่ต้องตกกะใจเล็กน้อยถึงปานกลาง จะไม่รู้สึกเลย
มันก็จะเก่งเกิ๊น มันจะออกแนวโม้ของจริงแล้ว ๕๕๕

เพียงแต่ว่ามันตัดเรื่องนี้ได้เร็ว
เพราะเคยฝึกมาก่อนบ้างแล้ว ก่อน ที่จะมาโม้เป็นตุเป็นตะ ณ ปัจจุบันนี้
วิธีฝึก เรื่องแก้ความกลัวแบบทั่วไปคือ

๑. ฝืน ๓ ถึง ๔ ครั้งในกิริยานั้นๆ
แล้วจิตจะมีกำลังเพียงพอที่จะต้าน ส่วนนี้ ลพ.มีชื่อ ที่ ขก. สอนมา

๒.หัดสังเกตุ การปรุงแต่ง สมมุติว่า เจอความมืด เจอความเปลี่ยว
แล้วขนลุก แสดงว่า จิตปรุงแต่งแล้ว ส่วนนี้ ได้มาตอนไปเจอ
ดร. นาซ่า ท่านหนึ่งคนที่ตัวเล็กๆ ที่ ขอนแก่น คือ เค้าไปกันเป็นกลุ่มมาจาก กทม.
ส่วนตัวเองกะว่า ไปเดินเล่นตอนดึกๆซะหน่อย ไปเจอกลุ่ม ดร.นาซ่า พอดี
ท่านเห็นเดินอยู่แถวนั้น คงนึกว่า เป็นกลุ่มที่มาด้วยกัน
ก็เลยเรียกเข้าพาไปฝึกด้วย ไอ้เราก็เนียนๆไป เข้าใจตอนนั้นว่า ขำดี น่าสนุก
แล้วที่สำคัญกลุ่มนั้นมีแต่ ญ ซะด้วย ๕๕๕๕
ฝึกด้วยการ ให้เดินขึ้นเมรเผาศพ คนเดียวตอนดึกๆนะ
และเอามือแหย่เข้าไปในเตาเผาศพ ทีละคน
แล้วตัวท่าน ก็ไซโค อำคนไปเรื่อย ประมาณว่า สร้างสัญญา
ให้รู้สึกถึงความกลัว เป้าหมายก็เพื่อดูว่า ใจมันปรุงหรือเปล่านั่นหละ
ตรงนี้ ทำให้เห็นเรื่องการปรุงแต่ง จากการไปดึงภายนอกเข้ามาได้ชัดเจน
ยังนึกว่า ตอนนั้น ท่านนี้มีวิธีการสอนคนดีเหมือนกันเนาะ...
ความจริง ๒ วิธีข้างบนก็เพียงพอแล้วหละ แต่ยังไม่ซะใจเท่าไร เลยเป็น
ที่มาของ
วิธีที่ ๓.คือ ไปเดินเล่นตรงโซนป่าช้า คนเดียวเลย จะได้เห็นการ
ปรุงแต่งชัด เพื่อดูว่า จะดึงภายนอกมาปรุงไหม บริเวณที่ลำลือว่า เฮี้ยน แรง
ก็ไปเดินผ่าน แรกๆ ก็พก วัตถุมงคงไป ๕๕๕ หลังๆก็เอาวะ
ไปตัวเปล่าๆนี่หละ....ก็ไม่มีอะไร ก็ไปไม่บ่อยเท่าไร
แต่เวลาไป ชวนใครแล้ว ไม่มีใครไปด้วยซักคน คือ จะไปเดินประมาณ
หลังเที่ยงคืนขี้นไป ย้ำว่า ไปคนเดียว.....

ส่วนกรณี จะแยกผีกับคนออกได้อย่างไร เชื่อว่า ทั่วๆไป
น่าจะพอแยกกันได้ปกติ.....มีแค่ครั้งเดียวที่ไม่รู้จริงๆ
ว่าไม่ใช่คน..เพราะดูเหมือนคนปกติทุกอย่าง
แบบนี้ถ้าใครเจอก็ตัวใครตัวมันนะ.....

มีช่วงขับรถขึ้นเขาประมาณ ตีหนึ่งหรือตีสองนี่หละ ช่วงทางที่มีแต่เข้าทั้งสองข้าง
ก็เจอ คนใส่สูทเต็มยศยิวคล้ำๆ ยืนเก๊ทหันข้างให้อยู่ข้างทางอยู่
ถามว่า รู้ได้ไงว่าไม่ใช่คน ไม่ใช่เวลาที่เจอตอนตีหนึ่งตีสองนะ
เพราะผีเนี่ย เจอตอนบ่ายๆเป็นกลุ่มแบบตาเปล่าก็เจอมาแล้ว
ดังนั้น ทฤษฎีที่บอกว่า ผีจะออกแต่ตอนกลางคืน ใช้ไม่ได้หรอก ๕๕
ส่วนเวลาที่เจอนั้น เอามาวัดไม่ได้
เพราะอาจมีใครนึกเฮี้ยนมาทำแบบนั้นก็ได้ หรืออาจจะตกรถ ก็ว่าไป ๕๕
ให้สังเกตุที่กระจกมองข้างของเรา
คือ ถ้าเราขับรถผ่านเค้า เราเห็นเค้ายืนท่าไหน
เวลาเรามองในกระจกมองข้างเรา เราจะเห็นในท่านั้นๆนั่นหละ
นึกออกไป ปกติถ้าคนยืนกันหน้าให้เรา เรามองกระจกจะต้องเห็นหลังเค้า
แต่ถ้าเป็นแบบไม่ใช่คน เราเห็นอย่างไร เวลาใช้ตาปกติมอง
ในกระจกเราจะเห็นแบบนั้นหละ หลักเอาไว้สังเกตุนะ เผื่อใครเจอบ้าง ๕๕

.อ่อเรื่องกรณีที่แยกไม่ออกจริงๆ.เหตุเกิดในวัดนั้นหละ...ตอนนั้นบวชอยู่
และยังไม่เอะใจ แต่แปลกใจเล็กน้อยว่า ตื่นก่อนเวลาที่ตื่นประจำ
ประมาณ ๑๐ นาทีได้ เอาว่าเห็นท่านหนึ่งชุดขาว มานั่งคุกเข่าตรงแยก
แล้วลุกขึ้นเดิน ส่วนตัวก็เดินตามปกติ เดินตามท่านนี้ ห่างไม่เกิน ๒ เมตร
กำลังจะเข้าไปคุยด้วย อยู่ดีๆ ก็ค่อยๆ ลอยไป แบบนิ่งๆ และหายไปต่อหน้า
ต่อหน้า ๕๕๕๕ ถามว่ากลัวไหม ไม่กลัว แต่งงๆ....
เรื่องนี้รู้กันทั้งวัด ณ เวลานั้น รู้ว่าท่านเป็นใคร
เอาว่า อยู่ก่อนที่ ลพ.จะมาสร้างวัดแล้วกัน...
และเอาว่า ท่านจะมาสอนสมาธิพระแล้วกัน
คือ ช่วยในหลายๆเรื่อง ที่เหนือวิสัยเกินที่จะเล่าได้...

ส่วนที่ไปพักวัด ปกติก็เจออยู่ เพียงแต่ช่วงหลังๆจะเริ่ม
มีอะไรแปลกๆหน่อย เด่วไว้จะลองถามพระครูดูก่อน
เพราะบางเรื่องนั้น ก็เคยถูกท่านบอกว่า อย่าพึ่งไปสนใจ
อะไรประมาณนี้ เด่วค่อยว่ากันภายหลัง.....

ข้ามมาขึ้นเขา เขาลูกนี้ เคยมีช่วงขับรถยนต์ อยู่ดีๆก็มี ที่ไม่ใช่คนนั่งเบาะหลังมาด้วยก็มีนะ
ในใจตอนนั้นคิดว่า เอ่อดีเหมือนกัน มีเพื่อนนั่งรถไปด้วย จะได้ไม่เหงา ๕๕๕
แต่ว่า ขึ้นตอนไหน ลงตอนไหน ส่วนนี้ไม่ทันได้สังเกตุ ๕๕

เอาว่า เรื่อง แยกแยะ ไม่น่าจะยากอะไร
นอกจากว่า จะมาเหมือนคนจริงๆเท่านั้น
ที่เราจะดูไม่ออก เอาเด่วไปโม้เรื่องวิธีการรักษาใน Rep ต่อไปแล้วกัน
เรื่องผี เอาแค่พอเป็นนำจิ้มพอ
...แค่ที่พอเล่าได้เนาะ พอขำๆ

 

Tips & Tricks (วรรคทอง)
หน้า150 ลำดับที่ #2998
เป็นคำถามต่อเนื่องจากคุณBegin again
เรื่องการรักษาและการจัดกระดูก

[QUOTE="nopphakan, post:]
มาเรื่องการรักษาโรค เกี่ยวกับการจัดกระดูก บอกไว้ก่อนนะว่า
กรณีถ้า กระดูกผุ หรือว่า ดามเหล็กมาแล้วนี่จะยากหน่อย
เผลอๆจัดกระดูกไม่ได้เลย
กับอีกกรณีหนึ่งก็คือ กระดูกงอก นี่ก็รักษายากเหมือนกัน
แต่นานๆจะเจอซักที....ส่วนตัวเคยเจอแค่คนเดียว

ว่าด้วยการจัดกระดูก ทั่วไปก็ต้องเป็นบุคคลที่ผ่านการเรียน
หลักสูตรแพทย์แผนไทยมานั่นหละ ปัจจุบันเรียก แพทย์ทางเลือกใหม่
ใช้เวลาเรียนทั้งหมด
ประมาณ ๓ ปีได้ คือ มีหลายๆศาสตร์รวมๆกัน
ทั้งสมุนไพร จัดกระดูก ฝั่งเข็ม นวดแผนโบราณ ฯลฯ
มีการยกครูแบบจริงจัง ทางแพทย์แผนไทยจะเคารพ
ท่านปู่ฯที่ใครก็ทราบดี และยังมีหลายๆท่านอีกด้วย....
หนึ่งในนั้น ก็คือ อดีต กรมฯ มีชื่อท่านหนึ่ง
เป็นที่มา ของคำว่า ยาผีบอก ที่ปรากฏในตำรานั่นหละ...อิอิ

คือสมัยก่อน เสด็จท่าน ชอบออกไปช่วยเหลือชาวบ้าน
แต่มักจะปลอมตัวไป และไม่ต้องการให้เปิดเผย
คนไม่เลยจะพูดอย่างไร เมื่อมีการมาถาม
ก็เลยพูดไปว่า ผีบอก เป็นที่มายาผีบอกนั่นหละ

ส่วนกรณีที่ ผีมาเข้าฝันก็มี แต่ส่วนมากจะโดนผีหลอกมากกว่า ๕๕๕

แต่แบบที่เรียนมา ก็จะมีทฤษฏีมารองรับ ข้อควรระวังอะไรต่างๆมากมาย
แต่ในกรณี ที่เป็นหมอชาวบ้าน หรือ เรียกอีกอย่างว่า ปราชญชาวบ้าน
ก็จะมีการรักษาเกี่ยวกับกระดูกหลายหลายวิธี.....
เช่น บางท่านก็รักษากระดูกที่แตกได้
ด้วยการบริกรรมคาถา
เอาใบไม้บางอย่างมาปิดแล้วเป่า กลุ่มนี้จะกำลังสมาธิสูงหน่อย
บ้างก็ใช้นำมันสูตรพิเศษนวดแล้วบริกรรมคาถาเป่า..
ตลอดจนบางกรณี ใช้วิธีเฉพาะที่มีการบวงสรวงเช่นไหว้
มักจะเจอในกรณี ที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น

บางคนก็ใช้กำลังภายในก็มี ๕๕
บางท่านก็ใช้การจัดกระดูก บวกความสามารถ
เฉพาะตัวเหมือน อ.หมอเสน่ห์(ชื่อเสน่ห์)
จริงๆก็มีอีกหลายท่านนะ อย่างท่านที่ไว้ผมยาวๆผอมๆจำชื่อไม่ได้
และก็มีบางท่าน ที่ใช้วิธีจิ้มๆเอาก็มี อยู่ที่ โรงพยาบาลพุทธชินราช
กับอีกวิธีหนึ่ง คือ การจัดกระดูกด้วยการไม่ถูกตัวเลยก็มี...

แต่อย่าลืมว่า สิ่งที่อยู่ข้างๆกับกระดูกมันก็คือ เส้นเอนต่างๆ
ดังนั้น ท่านที่รักษาเกี่ยวกับกระดูกได้นั้น มักจะมีความรู้เกี่ยวกับเส้นต่างๆ
ในร่างกายเป็นอย่างดีร่วมด้วยนั่นเอง พวกช่องประตูลม เส้นโน้นนี่นั้น
โยงกับเส้นโน้นนั่นนี่ กลุ่มนี้จะทราบดี กลุ่มที่ที่นวดแผนไทยก็ทราบเช่นกัน....
เพราะว่า มันเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน....

อย่าง ญ ที่กลัวเป็น มาเล็งๆ แถวๆหน้าอก แล้วไม่ยิงซักทีเนี่ย
ไปจัดกระดูก ให้แนวกระดูกตรงช่วงหน้าอกตรง
ก็ไม่ต้องกลัวว่า จะมีใครมาเล็งๆยิงๆ แถวๆหน้าอกแล้ว...

กระดูกทับเส้น กระดูกเสียรูปต่างๆ ถ้าผ่าตัดมีไม่ต่ำกว่าแสน
แต่การไปหา อ.เสน่ห์ เสียค่าครู พันต้นๆ ถ้าหายก็ถือว่า คุ้มเลยนะ.....

แต่กรณี อ.เสน่ห์ จะเท่ห์หน่อย ตรงที่มีพื้นฐาน ทางด้านสมาธิดีอยู่แล้วเป็นทุน
บวกกับใช้วิชาพลังงานที่มาจากร่วมนอกร่วมด้วยนะ...
จริงๆก็ยังมี อ.กิตติ ที่โรงพยาบาลพุทธฯ กับ อ.ที่ผอมๆผมยาว
อ.เสน่ห์ เห็นอย่างนั้น ทุกวันหยุดคือ วันศุกร์ ถ้าไม่มีบุคคลที่ ถูกส่ง มาจาก กทม.
เผื่อบินมารับ เพื่อให้ท่าน เข้าไปรักษา บางท่านที่ไม่ควรกล่าวถึงเป็น ญ ที่อยู่ กทม. นั้น
ปกติ ท่านจะไป นั่งสมาธิเสริมกำลังตนเองประจำนะ..
เอาว่า นั่งตั้งแต่หัวค่ำยันเช้า เรียกว่า เหนื่อยก็พัก หายเหนื่อยนั่งต่อ
ยันสว่างเป็นอย่างนี้จริงๆ เพราะ เคยไปนั่ง มาแล้วในถ้ำกับท่าน
๒ ต่อสอง แต่ส่วนตัว เน้นนอน แถมนอนกร๊นด้วย ๕๕๕๕
ถ้าบอกว่า คนที่มาจาก เวบพลังจิต ที่ไปนอนกร๊นในถ้ำ
รับรองว่า ท่านจะอ้อเลย ๕๕๕๕

อย่างกรณีที่ อ.รู้ว่า กระดูกส่วนไหน เป็นอย่างไร นั่นหละเค้าเรียกว่า
การสแกน ซึ่งก็แล้วแต่ว่า ใครจะมีความชำนาญและละเอียดมากกว่ากัน..
บ้างก็ใช้ด้านพลังงานจับ บ้างก็ใช้ตาพิเศษจับ บางก็รู้เร็วป่านจรวด
อย่าง พระครูปลัดจิตไว นั่นหละ ถามปุ๊บตอบปั๊บ...

และการจะรักษาหายไม่หาย ก็ขึ้นอยู่กับ ต้นกำเนิดกำลังในการรักษา
นั่นก็คือ จิตของบุคคลนั้นๆ.....

ทั่วๆไป กรณีถ้าร่างกายเราเกิดป่วยขึ้นมา
ทางปฏิบัติ จะเรียกว่า ธาตุพร่อง
เวลาทำการรักษา ก็จะเข้าไปใช้วิธีใดๆก็ได้
แล้วแต่ความชำนาญ ในการปรับธาตุต่างๆบริเวณนั้น
ให้เกิดความสมดุลย์ขึ้นมานั้นเอง......

ซึ่งอาจจะใช้ได้ทั้งวิธีทางด้านพลังงาน
วิธีทานยาสมุนไพร ร่วมกับการรักษาสุขภาพจิต
การรับประทานอาหาร การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ เป็นต้น

และเมื่อทำการปรับแล้ว ต้นกำเนิดพลังงาน
ก็ต้องมีการตั้งค่าใหม่ การล้างทำความสะอาด
เพื่อป้องกัน การตกค้างของพลังงานต่างๆที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
ความสามารถในการปรับตั้งค่า และการล้างทำความสะอาดนั้น
ก็ขึ้นอยู่กับ ต้นกำเนิดพลังงานนั้นๆนั่นเอง

ส่วนครูบาร์อาจารย์ ที่ท่านต่างๆเหล่านั้น เคารพนับถือ
หรือภพภูมิที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังนั้น
ส่วนมากก็มักจะเป็นท่านๆเดียวกัน ที่รู้ๆกันดีนั่นหละ

ส่วนพิธีกรรมที่เกี่ยวข้อง ก็ขึ้นอยู่กับว่า บุคคลนั้น
จะรักษาอย่างเป็นทางการหรือไม่ทางการ
ถ้าเป็นทางการ ก็จำเป็น จะต้องมีกำลังหนุนต่างๆ
จากท่านๆต่างๆที่อยู่เบื้องหลัง มาสนับสนุน
เพื่อช่วยเคลียร์สิ่งตกค้างๆต่างๆ ของผู้ที่มารักษา
ให้เบาบางลงนั่นเอง....เพราะถ้าไม่ทำ หรือ ใช้กำลังตัวเอง
เพียวๆ ในการรักษา จะส่งผลต่อร่างกายตัวเองได้

เมื่อก่อน ไปเจอ อ.เสน่ห์ ครั้งแรก แบบไปชิวๆ โม้ไปฮาไป
อ. ลอง รักษาปรับธาตุภายในร่างกายให้ แบบไม่เป็นทางการ
ทำเสร็จ ท่านยกแขนแทบไม่ขึ้นนะ..น่าจะไม่ต่ำกว่า ครึ่งชั่วโมง
คือมารู้ภายหลัง เพราะท่านเจอแล้วบอกว่า กรณีจะปรับธาตุ
ให้คน แบบนี้(ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) ให้คนทั่วไป มารักษาให้ไม่ได้
ท่านว่านะ...

แต่สรุปแล้ว การรักษาในระดับปรับธาตุ(เฉพาะกรณีที่ร่างกายป่วยนะ
ไม่ใช่กระดูก) วิธีดีสุดก็คือ ให้เข้าเตาอบ ดมไอสมุนไพร แล้วปรับระบบหายใจใหม่
เพื่อเป็นการเปลี่ยนในระดับเซลกันเลยทีเดียว บางเคสทำร่วมกับ
ทานยาเป็นหม้อๆ ทานยกอ๊วก จนคะรี่รี่เป็นน้ำเลยทีเดียว
ก็หายได้นะ เคยเจอเคสหนึ่ง รถมูลนิธี ห้ามใส่เปล มาส่งที่วัด
เพราะที่โรงพยาบาล บอกให้ญาติมารับกลับบ้าน เตรียมทำพิธีได้
ผ่านไป สัปดาห์เดียวเดินได้ คุยได้ปกติเฉยเลย.....

และก็การรักษาตัวเอง แบบชิวๆ ด้วยการแลกเปลี่ยนพลังงาน
ด้วยการสร้าง ก้อนพลังงาน เพื่อให้หลักของแรงในการรวม
แรงต่างๆเข้าหากัน แล้วก็นำไปทิ้ง เหมือนจะเคยเขียนไว้
แล้วในนี้นี่หละ ที่บอกว่า ให้สร้างลูกบอลบนมือไว้ ก่อน
อะไรประมาณนี้นั่นหละ วิธีการนี้ใช้ได้ทั่วไป.....

เสียดาย ทั้ง ๒ วิธีล่าสุด ท่านผู้สอนวิธีนี้
ท่าน มรณภาพไปแล้ว.......
ฉายา ท่านผู้พลิกนามธรรมเป็นรูปธรรมได้นั่นหละ
เอาว่า เคยได้ยินทางตำรามาว่า สาวกสมัยพุทธกาล
มีฤทธิ์แบบไหน ท่านนี้ก็เป็นแบบนั่นหละครับ.....

เอาว่า ฟังเป็นนิทาน พอขำๆแล้วกันเนาะ...

 

กระทู้เงียบมากท่าน9

 

ช่วงนี้เจอมรสุมชีวิต
ทั้งอุบัติเหตุ
การงาน
การเงิน
ซ่อมแซมบ้าน
โอ้ว~~ ครบวงจรเลยจ้า
หมูเจนเกือบบ้าตาย

 

ท่านอจ.นพไม่อยู่ไงคร๊าบ
หลายๆคนคงยังไม่ทราบว่าจู่ๆท่านหายไปไหน

ผมขอแจ้งให้ทราบว่า...
*ท่านสบายดี*
ประมาณว่า "สบายดีหลวงพระบาง"
หรือสบายดีแบบเบิร์ดๆ

เมื่อถึงเวลาสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะสะกิดให้อจ.นพเข้ามาเอง

ข้างล่างนี้...ผมใช้วิชาคิดขุเดาสญาณ
คือคิดขุคิดก่อนแล้วเดา...ดังนี้
**บางครั้งก็เปลืองตัว**
**บางครั้งก็เหมือนเอากระดูกมาแขวนคอ**
**หลายๆครั้งทำดีไม่ได้ดี**
**แต่ถ้าพลาดพลั้งนิดเดียวๆ บางคนเห็นเป็นเรื่องใหญ่**

คนที่เก่งเกินไป มักถูกอิจฉาตาร้อน
เป็นเรื่องธรรมดาๆของมนุษย์ปุถุชน

แต่เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
ถ้าเห็นท่านกลับมาใหม่อีกครั้ง
นั่นแสดงถึงความ "ยิ่งใหญ่" ในตัวท่าน
เพราะท่านอโหสิกรรมให้ทุกฝ่ายแล้ว
...รวมทั้งเวปพลังจิด้วย

 

"ขอให้รวบรวมสติด้วยความอดทน"
>>>ชีวิตคือการต่อสู้ครับ<<<

ลองสร้างอาชีพเสริมที่ตนเองชอบ
หรือกึ่งมีพรสวรรค์เล็กๆ
อย่างวาดภาพขีดเขียนด้วยลายเส้นดินสอ
แม้ยังสู้มืออาชีพไม่ได้...แต่ก็ต้องลองดูสักตั้ง
ไม่ทราบว่ามีนำมาวางโชว์ขายที่หน้าร้านหรือยัง
...หรือยังไม่มีการเริ่มต้น
จึงไม่มีการ Startup...จึงขาดเชื้อไฟ

555...ภาพวาดพญานาคที่ว่าไว้
ว่างๆช่วยส่งให้ชมหน่อยจิ
จะนำไปขึ้นกรอบโชว์ที่บ้าน
ถือเป็นแรงใจในการ StartUp
จากบันไดขั้นแรก
...สู่บันไดขั้นที่ 99

 

มนุษย์ก็มีแค่นี้แหละท่าน9 อิจฉาริษยากันทำไม เด๋วก็ตายจากกันแล้ว คนพวกนี้เสียเวลากับอะไรก็ไม่รู้เนอะท่าน เวลาตายเอาไปได้ไหมเกียรติยศ ชื่อเสียง แทนที่จะมีความจริงใจให้แก่กัน รักกันแบบเพื่อนมนุษย์ ไม่เกิน 100 ปีก็ตายจากกันแหละ

ขอให้บุญรักษาอ.นพให้มีความสุข ความเจริญครับ
บุญรักษา เทวดาคุ้มครองครับ....

 

ช่วงนี้เรื่องโชคลาภชักจะห่างหายไปอีกล่ะจับตัวไหนก็ไม่เข้าไม่ถูก กำลังพยายามสวดคาถาเงินล้านเวลาว่างๆช่วงนี้จิตใจไม่ค่อยสงบ

 

ท่านแม๊กลองสวดเงินล้านดูครับ ผมเพิ่งถูกหวยลาวไป ผมภาวนา 200 จบบ้าง 40 จบบ้่าง

 

ทำได้ไง

 

หวยลาวเป็นอย่างไงคร๊าบ
เคยได้ยิน...แต่ไม่เคยรู้จัก

พูดถึงคาถาเงินล้าน
เท่าที่รู้มีหลายบท
มีแม้กระทั่งแยกเป็นวันๆ
ใครเกิดวันอะไรก็ท่องสวดบทนั่น

แต่ส่วนตัวสวดมา30ปี
เป็นของหลวงพ่อปาน วัดบางโคนม
...ดังนี้

ตั้งนโม 3 จบ
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
วิระทาสี วิระทาสา วิระอิทถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม

แต่ที่สวดควบคู่กันไปก็มี
คาถาแมลงปอเรียกทรัพย์
ของอาจารย์ทอง วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี

อะอามานิมามา อาคัดไฉยะ
อาคัดฉาหิ มานิมามา

บทนี้สวดมา 30 ปีเหมือนกัน
แต่เคยหยุดไปพักใหญ่ๆ
ได้มาจากวัดโดยตรง
กราบท่านอาจารย์นองครั้งแรก
ช่วงนั่นหน้าตาท่านดูแล้วเหมือนหลวงพ่อคล้าย

พูดถึงแมลงปอนี้
ตอนที่บูชาใหม่ๆเห็นแมลงปอบินเข้าบ้านหลายครั้ง

โชคลาภดีแน่นอนครับ

ว่างๆจะมาคุยต่อ(ถ้ามีคนสนใจ)
เพราะกำลังจะไปจันทบุรี 3-4วัน

 

บูชาเท่าไหร่หรอท่าน9 แมงปอ

 

เหมอืนเราภาวนาพุทโธตลอดวันครับ ลองสักวันละ 9 จบก่อนกะได้ท่านแม๊กลองดูเผื่อมีไรดีๆ

 

ผมลองสวดเพราะว่าการเงินแย่มากๆครับ
ไม่รู้จะทำไงเลยลอง ปรากฏว่าดีขึ้น

 

น่าจะประมาณ25-30ปีแล้วมั่ง
ก่อนหน้านั่นทราบมาว่าท่านอจ.ทองเป็นพระดัง
...ไปยะลา เลยแวะไปกราบท่านที่วัดสำเภาเชย
ส่วนแมลงปอเรียกทรัพย์ได้ยินจากคอหวย
และจะดีด้านโชคลาภ ค้าขาย

ตอนนั่นเช่ามา 2 องค์ๆละ100หรือ200บาท(จำไม่ได้แล้ว)
เอาไปฝากญาติที่ภูเก็ต 1
ได้ข่าวมานานปี จนถึงปัจจุบันนี้
ญาติคนนี้ถูกหวยใหญ่ๆติดต่อกัน(เป็นประจำ)
น่าจะเพราะเขาเคร่งในเรื่องสวดมนต์ไหว้พระด้วย
เจ๊ไปค้างคืนที่บ้านเขา(ที่กรุงเทพ)
ทุกเช้าตี 4 จะได้ยินเสียงดังมาจากห้องพระ
เจ๊บอกจากชั้น 4 เสียงสวดมนต์แว่วมาถึงชั้น 3
พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย

ส่วนเจ๊อยู่ที่บ้านก็ท่องคาถาเรียกทรัพย์นี้ประจำ
ตั้งแต่วันแรกที่นำขึ้นตู้บูชา
โชคลาภก็ไม่เบาเช่นกัน
เคยถูกติดต่อกัน 6-7 งวด
ถ้าถูกติดต่อกัน 3-4 งวดถือเป็นเรื่องเคยชิน
ใหม่ๆเคยมีแมลงปอบินวนอยู่ในบ้าน
ทั้งๆที่เมื่อเปิดประตูบ้าน
จะมีประตูมุ้งลวดอีกชั้น
(แต่หลายปีมานี่...ไม่เห็นแมลงปอแล้ว)

ส่วนตัวผมแรกๆก็สวดบ้าง ไม่สวดบ้าง
เพราะจะสวดคาถาลป.ทวดเป็นหัวใจหลัก
โชคลาภก็เป็นไปตามแรงศรัทธาเท่าที่มี
คือถูกมั่ง...ไม่ถูกมั่ง

(เอาภาพมาฝาก)

 

“อั้ม อธิชาติ” เผยคลิปคล้ายเสียง “พญานาค” ขณะขอพรที่ จ.นครพนม
หมวดข่าว:บันเทิง

วันที่ 15 พ.ค. 62 เวลา 17:49:51 น.

จำนวนผู้ชม : 2,125



ฮือฮา! “อั้ม อธิชาติ” เปิดคลิดเสียงขณะขอพรองค์ศรีสัตตนาคราช ตั้งคำถาม ใช่เสียงร้อง “พญานาค” หรือไม่? ชาวเน็ตร่วมแสดงความเห็น

ชมคลิป"อั้ม อธิชาติ"

สร้างความฮือฮาให้กับชาวเน็ตไม่น้อย เมื่อนักแสดงหนุ่ม “อั้ม อธิชาติ” ได้เดินทางไปสักการะและบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ที่จ.นครพนม และได้อัปคลิปวีดิโอเล่าบรรยากาศมาฝากแฟนๆ ในโลกออนไลน์ แต่บางช่วงบางตอนของคลิปดังกล่าวดันเกิดเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาในขณะที่ “อั้ม” กำลังพูด


โดย “อั้ม อธิชาติ” เผยคลิปวีดิโอนี้ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “เสียงร้องพญานาค ? เมื่อเดือนที่แล้ว ได้ไปที่ จ.นครพนม ไปตั้งโต๊ะ บวงสรวงองค์ศรีสัตตนาคราช เพื่อเป็นการสักการะที่เพื่อนๆ ขอพรได้สำเร็จ และได้ถือโอกาส ขอพรถึง องค์ศรีสุวรรณนาคราช ก่อนที่ละคร เพลิงนาคา จะออกอากาศ และได้ถ่ายคลิปงานไว้ พอมาเช็คดู ก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังเข้ามาในคลิป โดยที่ในขณะถ่ายคลิปไม่ได้ยินเสียงอะไร หรือมีใครอยู่ใกล้ๆ เลย (สังเกตุจากสายตาในคลิป)”



“และตอนนั้นเช้ามาก แทบไม่มีคนเดินผ่านนอกจากทีมงานของเราเอง ที่สำคัญเสียงดังมาจาก คล้ายๆ ทางฝั่งแม่น้ำโขง สอบถามอาจารย์ที่นับถือ ท่านบอกว่าในเรื่องเล่าโบราณ บอกว่าเสียงร้องของพญานาค จะมีเสียงคล้ายๆ ช้างร้อง (โปรดใช้วิจารณญาณ)” ทำเอาชาวเน็ตหลายคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นและพูดถึงเรื่องนี้เป็นอย่างมาก








ขอบคุณภาพจาก Instagram : atichart9

ขอบคุณที่มา...ข่าวบันเทิงช่อง 3

 

อยากได้สักตัวท่าน9

 

555....เช่ามาแค่ 2 องค์เท่านั่น
ให้ญาติที่ภูเก็ตตั้งแต่ตอนแรกๆแล้ว
(ตามที่เล่าว่าเขาถูกหวยใหญ่บ่อยๆ)
ก็อาจเพราะศรัทธาแมลงปอของอาจารย์ทอง
เหตุที่เรียก"องค์"
(เพราะคิดว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่)

ก็ยังแปลกใจที่ปกติไปวัดคือไปวัด
ทำบุญกราบไหว้องค์พระตามศาลาต่างๆ
เสร็จแล้วก็จะกลับเลย
แทบไม่เคยรอพบท่านเจ้าอาวาส
...เพราะไม่ใช่ขาประจำวัด

...แต่ครั้งนั่นกลับตั้งใจมากราบท่านอาจารย์ทอง
และอยากมีแมลงปอไว้บูชาสักองค์
ทั้งๆที่ตอนนั่นรู้กันแค่คนวงในที่คุยกัน
แต่ข่าวนี้เล็ดลอดเข้าหูผมอย่างใด...ก็ไม่รู้
...พูดง่ายๆคือช่วงนั่นยังไม่ดัง

พอไปถึงวัด...ก็ได้พบอจ.ทองสมใจนึก
เห็นท่านนั่งว่างอยู่คนเดียว
...เลยโชคดีมีเวลาอยู่กับท่านนานๆหน่อย