ถ้าปรารถนาเป็นนางแก้ว แต่ว่ายังไม่มีคู่บารมี

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย ครุกแชง, 20 มีนาคม 2008.

  1. นายวีระศักดิ์ ท

    นายวีระศักดิ์ ท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +1,003
    ผมคัดลอกของคุณโอม มาให้อ่านครับ ขออนุญาตินะครับคุณโอม
    เรื่องราวของพระนางพิมพาที่อธิษฐานเป็นคู่บารมีของพระโพธิสัตว์มาตั้งแต่ ๔ อสงไขย กับเศษแสนมหากัป ความเสียสละของพระนางนั้นยิ่งใหญ่ไม่แพ้พระโพธิสัตว์ไม่ว่าจะเกิดมายากดีมีจน จะสุขหรือทุกข์ พระนางก็ไม่เคยทอดทิ้งพระโพธิสัตว์ไปไหน แม้พระโพธิสัตว์จะบริจาคทรัพย์สมบัติเป็นทานจนไม่มีส่วนเหลือ พระนางก็ยินดีในทานนั้น แม้บุตรและธิดารวมทั้งตัวพระนางเองจะถูกบริจาคเป็นทาน พระนางก็ไม่เคยโกรธ จิตใจของพระนางพิมพานั้นยิ่งใหญ่จริงๆ ครับ


    สุมิตตาพราหมณี
    เริ่มตั้งจิตอธิษฐาน

    ในอดีตกาลล่วงมาได้ ๔ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    พระนางพิมพาได้เกิดมาเป็นนางสุมิตตาพราหมณี อาศัยอยู่ในนครอันรุ่งเรืองนามว่า อมรวดีนคร
    ในครั้งนั้น เป็นพุทธกาลของพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระทีปังกร อันเป็นพระพุทธเจ้าลำดับที่ ๔ ในมหากัปนั้น เมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ก็ได้เผยแผ่พุทธศาสนาอยู่ที่รัมมกนคร
    ครั้งหนึ่ง ชาวนครอมรวดีก็ได้อัญเชิญเสด็จพระทีปังกรให้มารับมหาทานในนคร ในวันที่พระทีปังกรพุทธเจ้าเสด็จพุทธดำเนินมาพร้อมกับพระสาวกขีณาสพจำนวน ๔ แสนรูปนั้น มหาชนผู้มีศรัทธาจำนวนมากก็พากันมารอรับเสด็จ และได้ช่วยกันถากถางทาง และปรับพื้นที่ขรุขระมีน้ำขังให้ราบเรียบ เพื่อให้พระทีปังกรเสด็จดำเนินได้โดยง่าย
    นางสุมิตตาพราหมณีผู้มีศรัทธา ก็ได้มารอรับเสด็จพระทีปังกรด้วย โดยนางได้เก็บดอกบัวมา ๘ ดอก เพื่อนำมาถวายเป็นพุทธบูชา
    ระหว่างที่ชาวเมืองกำลังรอรับเสด็จ โดยมีส่วนเมืองอีกกลุ่มหนึ่งช่วยกันปรับทางกันอยู่นั้น พระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญบารมีมาแล้ว ๑๖ อสงไขย นามว่าสุเมธดาบส ได้เหาะผ่านมาแลเห็นมหาชนกำลังปรับถนนกันอยู่ก็ลงมาถาม เมื่อรู้ว่าพระทีปังกรพุทธเจ้ากำลังจะเสด็จดำเนินมาก็มีศรัทธา ขอร่วมในการปรับถนนด้วย ชาวเมืองเห็นว่าท่านสุเมธดาบสเป็นผู้มีฤทธิ์ จึงได้แบ่งงานบริเวณที่เป็นหลุมเป็นแอ่ง และมีน้ำท่วมขังมาก ให้ท่านดาบส
    สุเมธดาบสนั้นกำลังมีใจปิติที่จะได้เฝ้าพระพุทธเจ้า คิดว่าหากตนใช้ฤทธิ์ปรับถนน แม้จะเสร็จเร็ว แต่ก็ไม่ชื่นใจ ไม่สมกับที่ตนมีศรัทธา จึงได้อดทนขนดินทรายมาถมหลุมบ่อด้วยแรงกายเช่นสามัญชนทั่วไป
    การกระทำของสุเมธดาบสนี้สร้างความศรัทธาให้แก่นางสุมิตตาพราหมณีที่เฝ้ามองอยู่สุเมธดาบสยังปรับพื้นที่ไม่เสร็จดี พระทีปังกรพร้อมพระสาวกทั้ง ๔ แสนรูปก็เสด็จดำเนินมา สุเมธดาบสเห็นไม่ทันการณ์ เพราะยังมีบ่อที่น้ำท่วมขังอยู่ช่วงตัวหนึ่ง จึงตัดสินใจทอดตัวลงนอนปิดทับแอ่งน้ำนั้น ตั้งใจถวายชีวิตให้พระทีปังกรและพระสาวกเดินไปบนแผ่นหลังของตน
    พระทีปังกรพุทธเจ้า เสด็จมายืนอยู่ที่เบื้องศีรษะของสุเมธดาบส ทรงตรวจสอบดูด้วยพระสัพพัญญุตาญาน ก็รู้ว่าสุเมธดาบสผู้นี้เป็นหน่อเนื้อพระโพธิสัตว์ผู้มีบารมีเต็ม สมควรได้รับลัทธยาเทศน์ได้แล้ว พระองค์จึงได้ทรงตรัสพยากรณ์ว่า

    “ท่านทั้งหลายจงดูดาบสผู้มีตบะอันรุ่งเรืองนี้ ดาบสนี้กระทำความปรารถนายิ่งใหญ่เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า ความปรารถนาของเขาจักสำเร็จ ในที่สุดแห่งสี่อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัปนับแต่นี้ เขาจักได้เป็นพระพุทธเจ้านามว่าโคตม ในอัตภาพนั้นของเขา นครนามว่า กบิลพัสดุ์ จักเป็นที่อยู่อาศัย พระมารดาทรงพระนามว่ามายา พระบิดาทรงพระนามว่าสุทโธทนะ พระอุปติสสะเป็นอัครสาวก พระโกลิตะเป็นอัครสาวกที่สอง พระอานนท์เป็นพุทธอุปฐาก พระเขมาเถรีเป็นอัครสาวิกา พระอุบลวรรณาเถรีเป็นอัครสาวิกาที่สอง เขามีญาณแก่กล้าแล้วออกมหาภิเนษกรมณ์ ตั้งความเพียรอย่างใหญ่ รับข้าวปายาสที่โคนต้นไทร เสวยที่ฝั่งเเม่น้ำเนรัญชรา ขึ้นสู่โพธิมณฑล และจักตรัสรู้ที่โคนต้นอัสสัตถพฤกษ์”

    ชาวเมืองและเทพเทวดาทั้งหลายในที่นั้น เมื่อได้ฟังพุทธพยากรณ์แล้ว ต่างก็กล่าวสาธุการ สนั่นดังไปทั่วทั้งไตรภูมิ





    <TABLE class=ipbtable cellSpacing=1><TBODY><TR><TD class=post2 id=post-main-17333 vAlign=top width="100%">ขณะนั้นเอง นางสุมิตตา ผู้เห็นเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้น ก็เกิดปิติศรัทธาไปกับสุเมธดาบส นางจึงได้แบ่งดอกบัว ๕ กำ ให้สุเมธดาบสใช้บูชาพระพุทธเจ้า ส่วนดอกบัวอีก ๓ กำ นางนำไปถวายพระพุทธเจ้าแทบพระบาทของพุทธองค์ แล้วกล่าววาจาว่า

    "ข้าพระบาทได้แลเห็นท่านดาบสเหาะลงมาจากนภากาศ ข้าพระบาทมีความศรัทธาในท่านดาบส เห็นท่านดาบสสร้างทางและทอดกายเป็นสะพาน ข้าพระบาทมีปีติและศรัทธายิ่งขึ้น และเมื่อพระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ท่านดาบสว่า จักได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ข้าพระบาทศรัทธาปีติยินดียิ่งนัก มีใจรัก และปรารถนาจะเป็นคู่สุข คู่ทุกข์ คู่ยาก ช่วยท่านดาบสสร้างสมบารมีให้สมบูรณ์"

    พระทีปังกรพุทธเจ้าจึงทรงตรวจสอบนางสุมิตตาพราหมณีด้วยพระญาณ แล้วจึงตรัสวาจาพยากรณ์ว่า

    “ดูกรฤาษีผู้ใหญ่ อุบาสิกาผู้นี้ จักเป็นผู้มีจิตเสมอกัน มีกุศลกรรมเสมอกัน ทำกุศลร่วมกัน เป็นที่รักของบุญกรรม เพื่อประโยชน์แก่ท่าน น่าดู น่าชม น่ารักยิ่ง น่าชอบใจ มีวาจาอ่อนหวาน จักเป็นธรรมทายาทผู้มีฤทธิ์ของท่าน ความปรารถนาของอุบาสิกานี้จะสำเร็จตามปรารถนา ในอัตภาพอันเป็นที่สุดจะได้เป็นพระชายานามว่า พิมพา"

    เหล่ามนุษย์และเทพยดาต่างสาธุการดังก้อง แล้วพระพุทธองค์ก็ทรงนำดอกไม้ ๘ กำมือบูชาสุเมธดาบส ทรงกระทำประทักษินแล้วดำเนินหลีกไป เหล่าพระขีณาสพทั้งสี่แสนก็บูชาพระดาบสด้วยของหอมและพวงดอกไม้ แล้วดำเนินหลีกไป
    เมื่อพระภิกษุสงฆ์เดินไปหมดแล้ว สุเมธดาบสซึ่งบัดนี้ได้เป็นพระนิยตโพธิสัตว์ผู้เที่ยงแท้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธ
    เจ้าอย่างแน่นอนแล้ว ก็ลุกขึ้นนั่งบนกองดอกไม้ พิจารณาตนเองด้วยอภิญญา ทบทวนบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ ที่ได้บำเพ็ญเพียรมา เมื่อพิจารณาครบถ้วนสมบูรณ์แล้วก็บังเกิดแผ่นดินสั่นหวั่นไหว แล้วเหล่าเทพเทวดาทั่วหมื่นโลกธาตุก็ประชุมกันสักการะด้วยทิพย์สุคนธมาลัย แล้วกล่าวอำนวยพร
    แล้วสุเมธดาบสก็เหาะกลับไปป่าหิมพานต์ เจริญอภิญญาสมาบัติมิให้เสื่อม เมื่อสิ้นอายุขัยก็ไปอุบัติในพรหมโลก

    ในชาตินี้จึงเป็นชาติสำคัญของพระโพธิสัตว์ และพระนางพิมพาผู้ซึ่งเป็นคู่บารมี เนื่องจากเป็นชาติที่พระโพธิสัตว์ได้รับลัทยาเทศจากพระพุทธเจ้า และพระนางพิมพาก็ได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าด้วยเช่นกัน นับจากชาตินี้เป็นต้นไป ทั้งสองจึงได้เกิดมาสร้างสมบุญบารมีต่างๆ ร่วมกันตามที่ได้ตั้งความปรารถนาไว้ นับเป็นบุญบารมีอันยิ่งใหญ่ที่บุคคลทั่วไปทำได้อย่างยากยิ่งนัก

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. ชัยยมุณี

    ชัยยมุณี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +45
    ตามคำถาม 2 ข้อ นั้น ก็เพื่อให้นางแก้วนั้นลองถามตัวเองดูว่ามีความตั้งใจและตั้งมั่นขนาดไหนที่สุดก็อยู่ที่ตัวของนาง<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]แก้วเอง ว่า</st1:personName> จะไหวมั้ย <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ธรรมดา พระโพธิสัตว์และนางแก้วนั้นเมื่อยังบารมีอ่อนอยู่ก็อาจจะไม่แน่ใจตนเองว่าจะไหวมั้ย แต่อาศัยความอยากเป็นหรือความศรัทธาในการปรารถนานั้น จึงพยายามเดินต่อไปโดยไม่เลิกความตั้งใจนั้น เมื่อบำเพ็ญ บารมี ไปเรื่อยๆบารมีก็มากขึ้นกำลังใจและความตั้งใจพร้อมทั้งจิตใจก็เข้มแข็งมากขึ้น มีปัญญามากขึ้น มีจิตเมตตาอนุเคราะห์มากขึ้น จนบารมีมากจิตใจกล้าแข็งพอที่จะสระอวัยวะและชีวิตให้เป็นทานได้ เมื่อต่างคนตางมีปัญญามากอยู่แล้ว ต่างคนก็ต่างเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้งอยู่แล้ว ว่ากระทำไปเพราะอะไรและเพื่ออะไร เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ไม่ต้องกังวลไปหรอกเมื่อตั้งใจดีไม่เปลี่ยนแปลงก็จักสำเร็จได้โดยไม่เหลือวิสัย<o:p></o:p>
    ส่วนนางแก้วที่ปรารถนาแล้วยังไม่มีคู่นั้นท่านก็ปรารถนาไปอีกว่า *** ด้วยความตั้งใจจริงของข้าพเจ้านี้ที่จักช่วยพระโพธิสัตว์ให้บำเพ็ญบารมีเพื่อได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้นและความปรารถนาที่จะเป็นนางแก้วนั้นซึ่งเป็นความตั้งมั่นที่มาจากจิตของข้าพเจ้า ขอพระโพธิสัตว์องค์ใดองค์หนึ่งที่เห็นความตั้งใจจริงของข้าพเจ้าแล้วจงช่วยรับซึ่งความตั้งใจจริงของข้าพเจ้าด้วยเถิด ***<o:p></o:p>
    ธรรมดาพระโพธิสัตว์มีปัญญาอยู่แล้วและถ้าท่านยังไม่มีคู่บารมีหรือมีอยู่ แต่หญิงเหล่านั้นหาได้มีความตั้งใจจริงและมีจิตที่จะเสียสระต่อท่านไม่ ท่านก็ย่อมเลือกคนที่มีอุปนิสัยมีความตั้งใจและจริงใจเพื่อจะไม่ทำให้ท่านหนักใจในเวลาสร้างบารมี ต่างๆ เพราะพระโพธิสัตว์มีปัญญาท่านย่อมพิจารณาถึงเหตุและผมถึงความเป็นไปได้อยู่แล้ว เพราะคนที่จะมาเป็นคู่บารมีของท่านไม่ใช่จะรักท่านเพียงเท่านั้นต้องยอมสระแม้กระทั่งชีวิตเพื่อท่านได้ และท่านก็ไม่เอาเปรียบหรอกท่านก็สามารถสระชีวิตให้ได้เช่นกัน หุหุ สาธุสาธุสาธุ <o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2008
  3. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171


    หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราดีจัง....

    น้าโตคร๊าบบบ ให้ลุงตั้มจองไว้ได้ไหมครับ

    อยากได้...อยากได้....ถ้ามีลูกสาวน่ารักอย่างนี้รักตายเลย...


    (||) (||) (||)



    .
     
  4. ชัยยมุณี

    ชัยยมุณี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +45
    5555+กำ
     
  5. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    555555555แหมมมมโว้ยยยยย....แบบนี้มันเข้าอีหลบ"โคกลัดมันเขี้ยวญ่าอ่อน"หนิหว่า55555555(||) (||) (||) (||) (||)
     
  6. ชัยยมุณี

    ชัยยมุณี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +45
    ด้วยกุศลและบุญทั้งหมดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตชาติมาจนถึงชาตินี้ ขอยกให้แด่เหล่าเพื่อนร่วมทุกข์ทั้งหลาย ขอท่านทั้งหลายจงมีแต่ความสุขความเจริญสิ้นกาลนาน และ อานิสงส์นี้ขอให้ข้าพเจ้า ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้าในด้านวิริยาธิกะในอนาคตกาลข้างหน้า เทอญ
     
  7. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ลุงตั้มเค้าจองไว้เป็นลูกสะใภ้ครับ 555
     
  8. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    ลุงตั้มๆๆฮะในวันงาน"พระบรมธาตุเจดีย์ทันใจ-ปั้นหลวงพ่อพระเจ้าทันใจ ลุงตั้มต้องไปให้ได้นะเพราะว่า อธิฐานอะไรในวันนั้นจะสมหวัง"อย่างเร็วสมใจเราเลย" ท่านทั้งหลายที่ปราดถนาอยากจะได้อะไรจะได้สมหวังโดยพลัน สมเด็จพระสังฆราชท่านได้ประทานพระบรมธาตุมาเพื่อบันจุในองค์พระเจดีย์ด้วย และ ยังมีพระบรมธาตุที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานได้มอบให้เมื่อตอนท่านยังอยู่จะนำไปบันจุในพระเจดีย์ทั้งหมด ...วันที่30-31พ.ค นะคุณลุงตั้มและเพื่อนๆทุกคน ....คงสนุกเหมือนทุกๆครั้งที่ไปรวมตัวกัน สาธุๆๆ;)

    [​IMG] พระเจดีย์ธาตุทันใจ-พระเจ้าทันใจ"ภาคกลาง"(บ่อเงินบ่อทอง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 เมษายน 2008
  9. ครุกแชง

    ครุกแชง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +67
    อันนี้ต้องลองคิดดูก่อน เพราะไม่เคยถูกทิ้ง มีแต่ทิ้งเขาอิอิอิ
     
  10. rawiphan

    rawiphan บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    คู่รัก-คู่บารมี

    [​IMG]

    นางแก้วคู่บารมี
    เรียบเรียง โดย อังคาร ​
    พระนางพิมพาและพระโพธิสัตว์นั้น ทรงเกิดมาเป็นคู่รักและเป็นคู่ครองกันมานับอเนกอนันต์ชาติ ผ่านความสุขและทุกข์ภัยของสังสารวัฏฏ์มาด้วยกันมากมายนับชาติไม่ถ้วน มีพบมีพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดา แต่เมื่อใดที่ได้เกิดมาร่วมกัน ก็ส่งเสริมกันในการสร้างสมบุญบารมีโดยไม่ย่อท้อด้วยจิตที่เสมอกัน มีความผูกพัน ไม่โกรธไม่เคือง ไม่มีแม้เพียงสายตาที่ทอดดูกันด้วยความไม่พอใจ
    ทั้งสองได้เป็นคู่ครองกันมาจนถึงชาติอันเป็นที่สุด ซึ่งพระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และพระนางพิมพาได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์
    นับว่าทั้งสองพระองค์เป็น คู่บารมี กันอย่างแท้จริง
    เหตุชักนำให้หญิงชายมีใจรักกัน..
    ก่อนที่หญิงชายจะมีปณิธานอันยิ่งใหญ่ร่วมกัน เป็นคู่บุญบารมีกันได้นั้น ต้องผ่านความรู้สึกและความผูกพันด้วยความรักกันมาก่อน
    แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจว่าเหตุใดเล่า ..

    บางคนบางคู่ เห็นหน้ากันเพียงครั้งเดียวก็หลงรักกัน
    บางคนบางคู่ รู้จักศึกษานิสัยใจคอกันพอสมควร จึงเกิดความรัก
    บางคนบางคู่ ได้เกื้อหนุนจุนเจือกัน นานไปก็เกิดเป็นความรัก
    บางคนบางคู่ สนิทสนมกลมเกลียวเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็กแต่น้อย แล้วจึงค่อยแปรเปลี่ยน เป็นความรักเมื่อโตเป็นหนุ่มเป็นสาว
    บางคนบางคู่ ได้สมหวังในความรัก ขณะที่บางคู่กลับต้องเลิกรา
    บางคน ได้แต่หลงรักเขาข้างเดียว แต่เขาไม่เคยมีใจรักตอบ
    บางคน เขามาชอบ พยายามทอดสะพานให้เรา แต่กลับไม่สนใจ..
    ขณะที่บางคน ทั้งชีวิตกลับเงียบเหงา ไม่เคยมีลมรักพัดผ่านมาให้ชื่นใจเลย แม้แต่เพียงครั้งเดียว
    ดูแล้วความรักของหญิงชายนี้ช่างวุ่นวายนัก จนน่าสงสัยว่ามีเหตุอะไรที่ทำให้หญิงชายมารักกัน หรือมีเหตุอะไรที่ทำให้หญิงชายนั้นไม่รักกัน
    มีผู้กราบทูลถามพระพุทธเจ้าเรื่องความรักของหญิงชาย ปรากฎในสาเกตชาดกที่ ๗ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙ ว่า
    "ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหตุไรหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้ พอเห็นกันเข้าก็เฉยๆ หัวใจก็เฉย บางคนพอเห็นกันเข้า จิตก็เลื่อมใส"
    พระพุทธองค์จึงทรงแสดงเหตุที่ทำให้หญิงชายรู้สึกรักกันไว้ ดังนี้
    "ความรักนั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ด้วยการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑ ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑ เหมือนดอกอุบลและชลชาติ เมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ คือ น้ำและเปือกตม ฉะนั้น"
     
  11. rawiphan

    rawiphan บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    แด่สตรีทุกคนที่มีกำลังใจเสมอพระโพธิสัตว์

    [​IMG]

    การปรารถนาเป็นคู่บารมี
    <DD> หญิงชายที่ปรารถนาเป็นเนื้อคู่กันตลอดไปนั้น สามารถทำได้ไม่ยาก เพียงร่วมกันปฏิบัติตนให้มี ศีล ทาน และปัญญา ให้เสมอกัน และมีอธิษฐานร่วมกันเป็นหลักชัย
    แต่การเป็นคู่บารมีนั้นหมายถึงฝ่ายหนึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ มีความปรารถนาเอกอุในการบำเพ็ญพุทธการกธรรมเพื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาสร้างสมบารมียาวนานอย่างเร็วสุดถึง ๒๐ อสงไขยกับเศษแสนกัป และอย่างช้าต้องเนินนานถึง ๘๐ อสงไขยกับเศษแสนกัป ซึ่งเป็นกาลเวลาที่ยาวนานมาก
    แต่การสร้างสมบารมีของบุคคลใดบุคคลหนึ่งนั้น ใช้เวลาประมาณ ๑ แสนกัป ก็มีบุญบารมีมากพอที่จะบรรลุธรรม และหลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์นี้ไปได้ การผูกพันเป็นคู่บารมีจึงเป็นการผูกมัดตนเองไม่ให้มีโอกาสได้บรรลุธรรม แม้จะได้มีโอกาสได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าเป็นแสนเป็นล้านองค์
    นอกจากนี้ การเป็นคู่บารมียังต้องพบกับความทุกข์ยากนานับประการ ดังเช่นที่พระนางพิมพาได้ประสบตลอดเวลายาวนานถึง ๔ อสงไขยกับเศษแสนกัป
    ดังนั้นการจะอธิษฐานติดตามเป็นคู่บารมีพระโพธิสัตว์สักองค์หนึ่ง จึงควรไตร่ตรองให้ดีว่าไม่ใช่อธิษฐานด้วยเหตุเพราะความรักและตัณหา แต่ต้องประกอบไปด้วยความรักและความศรัทธาอย่างแรงกล้าต่อพระโพธิสัตว์องค์นั้น นอกจากนี้ยังต้องมีน้ำใจสงสารและอยากช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นกองทุกข์ และมีกำลังใจเข้มแข็งเท่าเทียมกับพระโพธิสัตว์องค์หนึ่งเช่นกัน
    </DD>
     
  12. ครุกแชง

    ครุกแชง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +67
    เรื่องนั้นข้าพเจ้าทราบดีเจ้าค่ะ ไม่กลัวความลำบากหรอกรอเพียงแค่โอกาสเท่านั้นไม่มีเรื่องตัณหามาเกี่ยวข้องแน่นอนเจ้าค่ะ
     
  13. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    การที่จะเป็นคู่บารมีนั้น จะต้องปฏิบัติให้เท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย ไม่ว่า ฝ่ายพุทธภูมิ หรือฝ่ายนางแก้ว เพราะถ้าบารมีไม่ใกล้เคียงหรือเทียบเท่ากันแล้ว ก็ยากที่จะเดินทางเดียวกันได้

    นางแก้วจะซื่อสัตย์ ทำหน้าที่เป็นบาทบริจาริกาให้ พุทธภูมิได้แค่ไหน มิใช่ขึ้นอยู่กับ นางแก้วเพียงฝ่ายเดียว แต่พุทธภูมิผู้เป็นคู่บารมี ต้องสร้างให้นางแก้วรู้สึก รัก ศรัทธา เทิดทูน และพร้อมจะยอมตายเพื่อพุทธภูมิเสมอ และพุทธภูมินั้นก็ต้องรู้จักให้ และดูแลนางแก้วเหมือนกัน

    คนใจร้ายใครเค้าจะอยากเดินตาม 5555

    นางแก้วบางท่านด้วยความที่บารมียังน้อยกว่าพุทธภูมิคู่บารมี จึงมีการลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อสร้างเสริมบารมีของตนเองให้ยิ่งขึ้นไป โดยพุทธภูมิคู่บารมีมิได้ลงมาเกิดด้วย เพียงแต่คอยดูแลสนับสนุนอยู่เบื้องบน หรือ บางทีก็อยู่เบื้องล่างไม่รับรู้อะไร ดังนั้น กรณีที่พุทธภูมิคู่บารมีอยู่เบื้องล่าง นางแก้วเองก็มีหน้าที่ฉุดดึงขึ้นมาสู่สุคติภูมิ เพื่อบำเพ็ญบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป

    นางแก้ว เป็นทั้งชีวิตของพุทธภูมิ การบำเพ็ญบารมีจะรวดเร็ว เต็มที่เพียงไร ก็มีนางแก้วเป็นกำลังหนุนหลัง ส่งเสริม ผลักดันให้อยู่ในทางที่ถูกที่ควร เยี่ยงนี้แล้ว นางแก้วที่คิดดี ทำดี ประพฤติดี จึงเป็นสิ่งที่พุทธภูมิทุกท่านแสวงหา และบางครั้งก็เกิดการแย่งชิงกัน

    นางแก้วเองก็สับสนไม่รู้จะเลือกใคร 555 ถ้าเจอพุทธภูมิที่ บารมีใกล้เคียงกับคู่บารมีของตน หรือ บางทีก็หลงเคลิ้มไปกับพุทธภูมิที่บารมีเหนือกว่าคู่ของตนเยอะแยะ

    พุทธภูมิ อยากมีนางแก้ว ก็ต้องปั้นเอาเองนะจ๊ะ
     
  14. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    งั้นสงสัยเรื่อง "นางแก้ว" คงต้องคิดไปอีกนานครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2008
  15. แก้วแกมกาญจน์

    แก้วแกมกาญจน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2008
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +441
    ขอเป็นกำลังใจให้ นางแก้วทุกๆพระองค์
    ขออนุโมทนาทุกบุญๆ กับพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์
    ขอให้ทุกๆพระองค์ มีความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ ยิ่งๆขึ้นไป
    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  16. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171


    หญ้าอ่อนมันคงเคี้ยวง่ายและหวานอร่อยดีเน๊าะ...ขุนโคทั้งหลายจึงช๊อบชอบ.....(||)




    ช่าย...ช่าย...อยากได้นางแก้วดีๆ ที่เป็นซุปเปอร์นางแก้ว ก็คงต้องปั้นต้องสร้างเอาเอง

    งั้นที่ขอจองหลานของน้าโตไว้ เอามาปั้นเป็นนางแก้วดีฝ่า...อิ..อิ...(||)



    พูดถึงเรื่องนางแก้วเด็กๆ ก็มีเรื่องดีๆ มาเล่าสู่กันฟัง น่ารักกุ๊กกิ๊กและซนตามประสาเด็กๆ
    เรื่องนี้เป็นเรื่องของเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง อายุอานามก็ประมาณ 4 - 9 ขวบ เท่านั้น
    เรื่องของเด็กๆ กลุ่มนี้เริ่มต้นเกิดขึ้นในโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา

    เด็กคนแรกที่อยากแนะนำให้รู้จัก ชื่อ น้องพลอย อายุประมาณ 5 ขวบเศษ
    เป็นลูกคนที่ 3 ของครอบครัวนักธุรกิจโรงแรมแห่งหนึ่ง แต่ก็เหมือนลูกคนเดียว เพราะพ่อแม่ส่งพี่ชายและพี่สาวไปเรียนที่กรุงเทพฯ น้องพลอยเป็นเด็กที่กล้าพูด กล้าแสดงออก ไม่เกรงกลัวใคร มีเหตุมีผลจนผู้ใหญ่บางคนที่ไม่มีเหตุผลมักจะจนมุมเสมอๆ น้องพลอยเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในสงขลา

    พื้นฐานของครอบครัวนี้ถนัดเรื่องค้าขาย มีอาม่าที่เปิดร้านขายของชำ น้องพลอยก็คงได้รับถ่ายทอดเรื่องค้าๆ ขายๆ มาตามสายเลือด เพราะเธอมักจะมองทุกสิ่งทุกอย่างเป็นโอกาสและช่องทางในการทำธุรกิจไปเสียหมด เริ่มจากวันที่น้องพลอยต้องเข้ามานอนพักรักษาตัว เนื่องจากเป็นไข้หวัดใหญ่
    พออาการของน้องพลอยเริ่มทุเลาและพอจะออกวิ่งเล่นได้ น้องพลอยก็เดินสำรวจตามห้องพักคนไข้ทั่ววอร์ดว่า ห้องไหนต้องการอ่านหนังสือพิมพ์อะไรบ้าง เธอก็จะให้คุณแม่ไปรับหนังสือพิมพ์มาจำหน่าย ห้องไหนต้องการรับประทานอาหารพิเศษอะไรบ้าง เธอก็จะรับออเดอร์แล้วไปให้คนครัวที่โรงแรมของคุณพ่อทำมาขายให้ ใครใช้บัตรเติมเงินโทรศัพท์อะไรบ้าง (น้องพลอยและเพื่อนออกสำรวจไปตามห้องต่างๆ แล้วจดรายการมาว่า ห้องไหนใช้บัตรเติมเงินยี่ห้ออะไร แล้วมาพิจารณาว่า ยี่ห้อไหนคนใช้มากก็จะสั่งเฉพาะยี่ห้อนั้นมาจำหน่าย) ฯลฯ น้องพลอยช่างมีพรสวรรค์ในการทำมาค้าขายจริงๆ น่าชื่นชมมากๆ





    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2008
  17. แก้วแกมกาญจน์

    แก้วแกมกาญจน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2008
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +441
    มารอฟังเรื่องนางแก้วเด็กๆค่ะ
     
  18. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    เด็กคนที่ 2 ชื่อน้องตาล อายุประมาณ 5 ขวบเศษ เป็นลูกสาวคนเดียวของคุณหมอในโรงพยาบาล เดิมทีน้องตาลเป็นคนพูดน้อย ไม่ช่างพูดเท่าไร เพราะไม่ค่อยมีเพื่อน แต่น้องตาลเป็นเด็กน่ารักและเรียบร้อย น้องตาลเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง น้องตาลต้องมาโรงพยาบาลเกือบทุกวัน เพราะต้องมารอคุณแม่ที่เข้าเวรรักษาพยาบาล ต่อมาน้องตาลได้มารู้จักกับน้องพลอย หลังจากสนิทสนมคุ้นเคยกันระยะหนึ่งและร่วมผจญภัยกับการลูกลักพาตัวมาด้วยกัน (ไว้จะเล่าให้อ่านในโอกาสต่อไป) กิริยาอาการของน้องตาลก็เริ่มเปลี่ยนไป (สงสัยได้รับเชื้อมาจากน้องพลอย...) น้องตาลเริ่มพูดเก่งมากขึ้น กล้าแสดงออกมากขึ้น และที่สำคัญเริ่มพูดโต้ตอบกับคนทั่วไปแบบไม่กลัวใครด้วย


    เด็กคนที่ 3 ชื่อน้องเทลล่า อายุประมาณ 4 ขวบ เป็นเด็กลูกครึ่ง (แต่ดูเป็นเด็กฝรั่งเต็มตัว) พ่อเป็นฝรั่ง แม่เป็นคนไทย แต่มาอาศัยอยู่กับน้าสาว (น้องของพ่อที่มาอยู่เมืองไทยเนื่องจากสามีทำงานในบริษัทสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทย) เนื่องจากพ่อมีเมียใหม่ และแม่ก็คงมีสามีใหม่ น้องสาวของพ่อจึงรับเอาน้องเทลล่ามาเลี้ยงดูแทน แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียให้เรียนหนังสือ น้องเทลล่าพูดไทยได้นิดหน่อย แต่พูดภาษาอังกฤษเป็นไฟ


    เด็กคนที่ 4 ชื่อน้องยาวี อายุประมาณ 3 ขวบกว่าๆ เป็นเด็กฝรั่งลูกครึ่ง แม่คือ น้องสาวของพ่อของเทลล่า เป็นฝรั่ง (ไม่ทราบสัญชาติ) พ่อเป็นแขกขาว เดิมทีน้องยาวีเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมาก (ตามประสาการเลี้ยงดูของฝรั่งที่นึกถึงตัวเองเป็นสำคัญ) น้องยาวีจะไม่ค่อยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปันสิ่งของให้แก่เพื่อนๆ แม้กระทั่งพี่สาวของตนเอง (เทลล่า) ชอบทุบตีเทลล่าเสมอๆ แต่เทลล่าก็ไม่โกรธตอบ เพราะรักน้องคนนี้มาก น้องยาวีเข้าเรียนหนังสือชั้นอนุบาล 1 ที่โรงเรียนอินเตอร์แห่งหนึ่งในสงขลา สามารถพูดและอ่านภาษาไทยได้บ้าง แต่สำเนียงก็ออกแบบฝรั่ง


    .
     
  19. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ความสนุกของเด็กๆ กลุ่มนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันหนึ่ง ขณะที่น้องพลอยและน้องตาลไปเต้นแอโรบิกที่สนามในบริเวณโรงพยาบาล ด้วยความที่เป็นเด็กการเต้นจึงไม่ค่อยเข้าจังหวะกับคนอื่นเขา ก็เด็กน่ะนะ จะให้เต้นได้เรื่องได้ราวเหมือนผู้ใหญ่ได้ไง ทีนี้ ดันมีผู้ใหญ่มาเต้นตามเด็กนี่สิ ผลเป็นยังไงน่ะเหรอ
    แถวแอโรบิกด้านหลังที่เต้นตามเด็กก็รวนไปหมด ทำเอาครูสอนเต้นที่ออกจะเป็นตุ๊ดหน่อยๆ ถึงกับหัวเสีย และไล่น้องพลอยกับน้องตาลออกไปจากแถว

    น้องพลอยกับน้องตาลก็ไม่ยอม บอกว่า ตนก็เสียตังค์ค่าเต้นเหมือนกันนะ (เก็บคนละ 5 บาท) ดังนั้น ก็มีสิทธิเต้นเหมือนกัน ฝ่ายครูสอนเต้นไม่รู้จะทำยังไงได้แต่เกาหัว แล้วก็บ่นตามประสาตุ๊ดปากไวว่า เด็กเวร (อะไรทำนองนี้แหละ) น้องพลอยกับน้องตาลก็โกรธที่โดนตุ๊ดว่าเอา เย็นวันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนก็มารอเต้นตามปกติ แต่คราวนี้ไม่เข้าไปอยู่ในแถว แต่มายืนเต้นข้างแถวแล้วก็เอากระโปรงที่ทำด้วยเชือกฟางมาสรวมเต้นแบบระบำชาวเกาะ มาเต้นยั่วครูสอน บรรดาป้าๆ น้าๆ อาๆ ทั้งหลายต่างกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ หัวเราะงอหายไปตามๆ กัน


    .
     
  20. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    มาถึงเรื่องของน้องเทลล่าและน้องยาวี เย็นวันหนึ่งแม่ของน้องยาวีได้พาน้องเทลล่ามาออกกำลังกายที่สนามบริเวณโรงพยาบาล (น้องยาวียังไม่ได้มาด้วย) เห็นว่า น้องเทลล่ามีอายุใกล้เคียงกับน้องพลอยและน้องตาล จีงนำน้องเทลล่าไปทำความรู้จักกับน้องพลอยและน้องตาล พร้อมกับฝากฝังให้เป็นเพื่อนเล่นกัน ทั้งคู่ แรกๆ ก็ไม่อยากรับเทลล่าไว้เป็นเพื่อน เพราะพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ต่อมาก็ยินดีรับไว้เป็นเพื่อน รวมถึงน้องยาวีด้วย


    เรื่องดีๆ จึงเริ่มเกิดขึ้น เรื่องแรกก็คือเรื่องการดัดนิสัยน้องยาวี อย่างที่เล่าไว้ข้างต้นว่า น้องยาวีจะมีอุปนิสัยเห็นแก่ตัวเองเป็นสำคัญ ไม่เผื่อแผ่และเอื้อเฟื้อแก่คนรอบข้าง และยังชอบเอาเปรียบและทุบตีเทลล่าบ่อยๆ พอน้องพลอยและน้องตาลเห็นดังนั้น จึงเริ่มดัดนิสัยน้องยาวีโดยเวลาเล่นอะไรก็จะจับกลุ่มเล่นกันเพียง 3 คน หรือเล่นเกมอะไรที่เล่นกันเป็นคู่ๆ พอถึงคราวเลือกคู่ต่างก็จะปฏิเสธที่จะคู่กับน้องยาวี ทำให้ไม่สามารถเล่นเกมแบบชนิดเป็นคู่ได้ ต้องเล่นอะไรที่ทุกคนเล่นรวมกันได้


    พอทำแบบนี้ไปได้ 2-3 ครั้ง น้องยาวีเริ่มรู้สึกตัวว่า ไม่มีใครอยากคบหาสมาคมด้วย ก็รู้สึกผิดและไปร้องไห้สารภาพผิดกับน้องพลอย น้องตาล และน้องเทลล่า ทีนี้ บทบาทของน้องตาลก็เริ่มเห็นเด่นชัดในการเป็นพี่ที่ดี โดยน้องตาลได้ปลอบใจน้องยาวี และสอนให้ปรับปรุงตัว ไม่ให้เป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่ให้รังแกพี่สาวคือเทลล่า ซึ่งน้องยาวีก็รับคำและเริ่มปรับปรุงตัวดีขึ้นนับแต่นั้นมาและกลายเป็นเด็กน่ารักในที่สุด (สิ่งที่น้องตาลพูดและสอนแก่น้องยาวีนั้น เหมือนผู้ใหญ่สอนเด็กมาก ทั้งวิธีการพูดและคำพูดที่ใช้ ซึ่งผมไม่สามารถบรรยายได้หมด)


    เด็กทั้งสี่คนเริ่มผูกพันกันมากขึ้น ทุกๆ วันตอนเย็นๆ ทั้งสี่คนจะมาเล่นด้วยกันที่สนามของโรงพยาบาลเป็นประจำ การเล่นก็เล่นแบบเด็กๆ ทั่วไปในวัยนี้ คือ วิ่งซนสนุกสนานไปตามประสาเด็ก บางครั้งก็สร้างความวุ่นวายส่งเสียงดังอึกทึกในโรงพยาบาลจนพยาบาลต้องมาคอยห้ามปราม บางครั้งในวันหยุดหรือวันเสาร์ - อาทิตย์ ผู้ปกครองของเด็กๆ จะพาไปเที่ยวสวนสัตว์บ้าง ชายทะเลบ้าง ก็จะหอบหิ้วกันไปทั้ง 4 คน บางวันก็ไปค้างที่บ้านของน้องพลอยบ้าง น้องตาลบ้าง ดูสนิทสนมรักใคร่กันเป็นอันมาก


    กล่าวถึงน้องเทลล่าที่ไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนในโรงเรียนเหมือนเด็กคนอื่นๆ เพราะไม่มีพ่อแม่คอยส่งเสีย เมื่อผมได้ทราบเรื่องนี้ก็รู้สึกสงสารน้องเทลล่าอยากให้มีโอกาสได้เล่าเรียนเหมือนคนอื่นและจะได้ช่วยตัวเองในยามที่โตและสามารถหางานทำได้ ผมกับน้องคนหนึ่งจึงคิดจะอุปถัมป์โดยขอรับน้องเทลล่ามาดูแลและส่งเสียให้เล่าเรียน จึงได้ให้น้องที่อยู่สงขลาช่วยไปเกริ่นๆ กับผู้ปกครองของน้องเทลล่าเอาไว้ ผลจากการไปเกริ่นดังกล่าวมีส่วนช่วยทำให้น้องยาวีเกิดความรู้สึกรักพี่สาวคนนี้มากขึ้น คือไม่อยากให้พี่สาวจากไป จึงหมั่นคอยทำดีและเลิกทุบตีพี่สาว จนขณะนี้กลายเป็นน้องสาวที่น่ารักสำหรับพี่เทลล่าไปแล้ว

    ระหว่างที่รอเปิดการศึกษาใหม่ ผมได้ขอให้น้องที่สงขลาสอนหนังสือให้น้องเทลล่าไปพลางๆ ก่อน โดยจัดหาหนังสือตำราเรียนชั้นอนุบาลมาสอนให้ คราวนี้ทั้งน้องพลอยและน้องตาลก็ได้เล่นบทเป็นครูสอนหนังสือไปด้วย ทุกวันตอนบ่ายน้องเทลล่าจะต้องมาเรียนหนังสือกับน้องที่ผมขอให้ช่วยสอน (สอนกันในโรงพยาบาลนั่นแหละ) พอตกเย็นคุณครูพลอยและคุณครูตาลก็จะขนหนังสือเก่าๆ เอามาสอนให้น้องเทลล่าและน้องยาวีอีก และเล่นครูกับนักเรียนกัน จัดเป็นตารางสอนว่าวันไหนเรียนอะไรบ้าง หากวันไหนน้องเทลล่าและน้องยาวีไม่ตั้งใจเรียนหรือไม่ได้ทำการบ้านมา คุณครูพลอยก็จะทำโทษโดยให้ยืนขาเดียวและปากคาบไม้บรรทัด ฯลฯ

    น้องเทลล่าตั้งใจเรียนดีมาก ขณะนี้พูดภาษาไทยและอ่านภาษาไทยได้ดีขึ้น สำเนียงที่เดิมเป็นคนต่างชาติเริ่มออกเสียงได้ถูกต้องเป็นภาษาไทยมากขึ้น รวมทั้งน้องยาวีที่มาร่วมเรียนด้วยก็เริ่มพูดภาษาไทยได้คล่องขึ้น จากที่พูดได้อยู่แล้วก็พูดชัดขึ้น


    ได้เห็นความรักความผูกพันของเด็ก 4 คน นี้แล้ว ก็รู้สึกเอ็นดูและชื่นชมน้องๆ ทั้ง 4 คนนี้มาก ตอนต่อไปจะเล่าถึงเรื่อง การฝึกสมาธิของเด็กๆ และเปิดตัวนางแก้วเด็ก (เด็กคนที่ 5) ให้อ่านกัน



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...