ทำบุญ เพื่ออะไร? ก่อนอื่นต้องย้อนมาดูถึงเหตุผลของการทำบุญกันก่อน เราทำบุญเพื่อให้เรารู้จักการเสียสละ แบ่งปันสิ่งที่มี เพื่อมอบความสุขให้แก่คนอื่น แต่สำหรับที่ต้องการกำลังใจในการทำบุญ พระพุทธเจ้าจึงตรัสถึงอานิสงส์ของการทำบุญ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนหันมาร่วมกันทำบุญมากขึ้น ทำบุญ หวังผล ให้ตนเองรวย ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน การเรียน สุขภาพแข็งแรง หรือหวังจะได้คู่ครองที่ดี ถือว่าผิดไหม? ไม่ผิดอะไร หากจุดประสงค์ของเรา เป็นการทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตัวเอง ทำบุญด้วยความศรัทธาว่าสิ่งดีๆ ที่ทำไป จะเป็นประโยชน์ใครอีกหลายๆ คน โดยหวังว่าผลบุญนั้นส่งผลให้ชีวิตเรามีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นด้วย แต่หากเป็นการทำบุญโดยมีจุดประสงค์แห่งความละโมบโลภมาก อยากได้อยากมีในสิ่งที่ไม่ใช่ของๆ คน หรือต้องทำความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น ไม่คำนึงถึงคนอื่น และยังไม่มีจิตศรัทธาในการทำบุญ เช่น ทำบุญเพื่อหวังผลทางธุรกิจ ขอให้ได้แย่งงานจากบริษัทคู่แข่งได้ หรือทำบุญเพื่อหวังคู่ครอง โดยขอให้อีกฝ่ายเลิกกับสามีภรรยาเพื่อมาหาตน อย่างนี้ถือว่าทำบุญด้วยจิตใจที่ไม่บริสุทธิ์ ถือว่าเป็นการบั่นทอนบุญ และหน่วงเหนี่ยวไม่ให้เกิดผลบุญนั้นๆ อีกด้วย ทำบุญ ห้ามหวังผลอะไรเลย? ถ้าคิดว่า ทำบุญ ห้ามหวังผลอะไรเลยแม้แต่น้อย ความคิดนี้ก็ดูจะสุดโต่งเกินไป คือทำบุญแต่กาย แต่ใจนั้นว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย ไม่มีแม้แต่ความคิดที่อยากจะให้ผลบุญที่เราทำเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น แบบนี้ก็เกินไป ทำบุญแบบไหน ที่ได้ผลบุญมากที่สุด? ทำบุญด้วยจิตใจบริสุทธิ์ เปี่ยมด้วยศรัทธา แต่ไม่หลงงมงายจนมากเกินไป คิดถึงแต่สิ่งดีๆ ไม่ทำให้ตนเองผู้อื่นเดือดร้อน โดยขออนุญาตยกประโยคจากคุณดังตฤณมาว่า “เมื่อไหร่ที่คุณให้ จนเกิดความรู้สึกราวกับซื้อของให้ตัวเอง นั่นแหละคุณทำทานอย่างแท้จริง” การทำบุญที่ถูกวิธี และได้ผลบุญที่สุด นั่นคือ ก่อนทำบุญ ไม่ได้คิดเรื่องผลตอบแทนใดๆ ขณะทำบุญ เป็นสุขกับการให้ อันเป็นประโยชน์แก่บุคคลอื่นๆ หลังทำบุญ อิ่มเอมใจกับสิ่งดีๆ ที่ได้ทำให้ผู้อื่นเป็นสุข เท่านี้ ใครๆ ก็ทำบุญ...แล้วได้บุญกันถ้วนหน้าแล้วล่ะค่ะ เรียบเรียงจากหลากหลายบทความของคุณดังตฤณ (เฟซบุ๊ค)