เสียงธรรม รู้เช่นเห็นชาติ รู้แจ้งเห็นจริง ในเรื่อง “กรรม”

ในห้อง 'วัฏสงสารและกฎแห่งกรรม' ตั้งกระทู้โดย Sippa_Pawat, 2 สิงหาคม 2010.

  1. Sippa_Pawat

    Sippa_Pawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    113
    ค่าพลัง:
    +228
    รู้เช่นเห็นชาติ รู้แจ้งเห็นจริง ในเรื่อง “กรรมของกฎแห่งกรรม”<O:p</O:p
    สแกนอดีต..แก้กรรม..ทำได้บ่? สมัยที่กรรมเอาไปทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะสแกน แก้ หรือ ตัดให้หายทิ้งไปเคยถามตัวเองหรือไม่ ว่าเราก็กำลังอยู่กับอะไร เชื่อในสิ่งไหน ใช่หรือลวง<O:p</O:p
    ในชีวิตนี้คุณคิดว่าเรามีเวลาอยู่กันคนละกี่ปี ไม่ถึงร้อยครึ่งหนึ่งทะเลาะกับเพื่อนบ้าน ครึ่งหนึ่งติดละครน้ำเน่า ครึ่งหนึ่งอิจฉาริษยาครึ่งหนึ่งก็ไปเล่นการเมือง และอีกครึ่งหนึ่งก็คุ้มดีคุ้มร้าย เล่นคุณไสยฯแล้วคุณจะเหลือช่วงชีวิตดีๆ สักกี่ปีคุณคิดตัวเองว่ามีเวลาบ้าได้นานขนาดนั้นเชียวหรือ” <O:p</O:p
    มาทำอะไรที่เป็น ประโยชน์สูง และประหยัดสุดให้คุ้มค่ากับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ดีกว่า<O:p</O:p
    อย่ามัวแต่ไปตีอก ชกตัว กอดรัด อยู่กับสิ่งที่มันจบไปแล้วเลย”<O:p</O:p
    เหล่านี้คือคำท้าทาย คำถาม และคำชี้ชวน จากท่านพระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล เจ้าอาวาสวัดนาป่าพง ,พระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี) ผู้ก่อตั้งสถาบันวิมุตยาลัย, และแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ผู้ก่อตั้งสาวิกา สิกขาลัย และ เสถียรธรรมสถานจากวงสนทนาธรรมเรื่อง รู้เช่นเห็นชาติ รู้แจ้งเห็นจริงซึ่งจัดขึ้นที่เสถียรธรรมสถานเพื่อไขข้อข้องใจเรื่องเกี่ยวกับ กรรมเก่า กรรมใหม่ให้ทุกคนรู้เรื่องกรรมให้ถูกต้องแล้วจะได้กลับมามีชีวิตในปัจจุบันที่เป็นอิสระไม่ถูกพันธนาการจากความทุกข์ในอดีตอีกต่อไป<O:p</O:p
    ๑. รู้เช่นเห็นชาติ<O:p</O:p
    แม่ชีศันสนีย์ อธิบายว่า รู้เช่นก็คือรู้ ว่าทุกสิ่งมันเป็นเช่นนั้นเองทุกอย่างไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้ "เห็นชาติ"ก็คือเห็นชาติของความทุกข์จากการยึดมั่นในอัตตาของเรา ส่วนรู้แจ้งหมายถึงการเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์ คือ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา (เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป) และ "เห็นจริง" คือ เห็นการเกิด-ดับ อารมณ์ต่างๆอันเป็นเหตุแห่งทุกข์นั่นเอง<O:p</O:p
    พระอาจารย์คึกฤทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องคำสอนจากพระโอษฐ์ ของพระพุทธเจ้าตอบคำถามของ ช่อผกา วิริยานนท์ผู้ดำเนินรายการ เป็นท่านแรกว่า "พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับกรรม คือต้องเข้าใจว่ากรรมคือการกระทำของจิตและ เรากล่าวซึ่งเจตนาว่าเป็นกรรม” <O:p</O:p
    และเพื่อให้เข้าใจมากขึ้น ช่อผกาได้ขอให้ ท่าน ว.วชิรเมธีอธิบายเพิ่มเติมแบบที่ทำให้ดูมีสีสันน่าตื่นเต้นและร่วมสมัยมากขึ้นว่าเป็นอย่างไรท่านก็อธิบาย ว่ากรรมแบ่งเป็น ๒ ระดับคือ<O:p</O:p
    ๑) ระดับศีลธรรม เป็นการสอนเรื่องกรรม เพื่อให้เราหันมาทำความดีและหนีความชั่ว "ระดับนี้สนุกมากเหมือนหนังแฟนตาซี" ท่านบอก "มันจะมีคนทำกรรมแล้วก็มีคนรับผลแห่งกรรมนั้นเช่น มีคนหนึ่งทำอะไรไม่ดีไว้ก็จะมีคนมาลุ้นว่าเดี๋ยวเถอะทำกรรมไม่ดีไว้... เดี๋ยวจะโดน"<O:p</O:p
    ๒) ระดับปรมัตถ์ อันนี้เป็นความเข้าใจในระดับที่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้นท่านสอนให้เราถอดถอนอัตตาหรือความสำคัญว่าเป็นตัวเรา ตัวเขา ตัวฉัน ทิ้งไป<O:p</O:p
    ทั้งสองส่วนนี้ ถือเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องเข้าใจก่อนว่าจะพูดกันถึงเรื่องกรรมระดับไหน เพราะถ้าเอามาปนกัน จะทำให้คนสับสน และคนเราถ้าเข้าใจเรื่องกรรมผิดเพี้ยนไป ก็อาจมีผลให้ชีวิตของเราเพี้ยนไปด้วย”<O:p</O:p
    ท่านบอกว่า "ที่เทศน์ สอนกันทั่วไปอยู่ในปัจจุบันนี้ก็เป็นกรรมระดับศีลธรรม"ว่าแล้วท่านก็อธิบายต่อไปว่าอีกอย่างเราต้องรู้จักแยกแยะเป็นว่ากรรมแบบไหนเป็นแบบพุทธกรรมแบบไหนไม่ใช่พุทธเสียก่อนด้วย<O:p</O:p
    พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่ามีอยู่ ๓ ลัทธิที่สวนทางกับพระพุทธศาสนาอย่างสิ้นเชิงคือ<O:p</O:p
    ๑) ลัทธิกรรมเก่า ที่เชื่อว่า ความสุขก็ดี ความทุกข์ก็ดีการเป็นไปในวิถีชีวิตคนเราแต่ละคนทั้งหลายนั้นเป็นผลพวงของกรรมเก่าที่เราทำเอาไว้ผลก็คือทำให้เรายอมจำนนต่อปัญหาชีวิตโดยสิ้นเชิง<O:p</O:p
    ๒) ลัทธิเทพเจ้าบันดาลลัทธินี้เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นและผ่านพ้นไปเพราะอำนาจการดลบันดาลของเหล่าเทพเจ้าต่างๆกลุ่มนี้ก็จะงอมืองอเท้าและยอมจำนนต่อสถานการณ์ เหมือนแบบแรกประเทศไทยเข้าสู่กลียุคในทุกวันนี้ คำถามของอาตมาก็คือเทพมากมายแต่ทำไมไทยไม่เคยพ้นวิกฤติเห็นไหมตรรกง่าย ๆ แค่นี้ประเทศอินเดียซึ่งเป็นแหล่งที่ชุมนุมของเทพเจ้าต่างๆมากที่สุดในโลกก็มีแค่บางเมืองเท่านั้นที่เจริญ<O:p</O:p
    ๓) ลัทธิว่าด้วยความบังเอิญ ลัทธินี้จะเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกเกิดขึ้นเพราะความบังเอิญ ไม่มีเหตุไม่มีปัจจัย อย่างมีคนพูดว่าประเทศไทยเข้าสู่วิกฤติ มาดูแล้วดวงนายกฯ กับดวงกรุงเทพฯ มันทับกัน ลัคนาไม่ตรงกันอธิบายได้แบบมั่ว ๆ อันนี้ก็น่าตกใจแล้วนะแต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือมีคนเชื่อด้วย”<O:p</O:p
    ทีนี้รู้ตัวหรือยัง ว่าเราเชื่อแบบไหนท่าน ว. วชิรเมธีกล่าวเพื่อให้เราแยกเอาเรื่องที่ไม่เป็นพุทธออกมาเพื่อจะได้เห็นทัศนะที่เป็นพุทธชัดเจนขึ้น <O:p</O:p
    ๒. รู้แจ้ง ให้เห็นจริง<O:p</O:p
    แม่ชีศันสนีย์อธิบายเพิ่มเติมว่า ความเชื่อเรื่องความบังเอิญนั้นไม่ใช่พระพุทธศาสนาเลยพระพุทธองค์ท่านสอนแต่ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเหตุมีเหตุปัจจัยแต่ใครที่มีปัจจุบันขณะที่รู้ทันการกระทบอย่างไม่เผลอ ไม่เพลินก็จะรู้ว่าอิสรภาพในกฎแห่งกรรมมีอยู่แต่ท่านบอกว่าต้องระวังอีกอย่างคือ "ความดีกับของดีมันก็คนละเรื่องนะรู้ว่าทำดีก็ดีแล้วไม่ใช่ทำดีแล้วต้องได้ของดีด้วย ใครที่คิดอย่างนั้น...งมงายนะท่านแม่ชีฯ บอก<O:p</O:p
    ท่าน ว.วชิรเมธี เพิ่มเติมว่า "ถ้าเราจะสอนต้องสอนเพื่อกระตุ้นจริยธรรมในหัวใจคน ให้หันมาทำความดีหลีกหนีความชั่วแต่ทุกวันนี้ต้องบอกว่า "เป็นกรรม" ของกฎแห่งกรรมเพราะมันถูกใช้เพื่อต่อยอดสู่กรรมพาณิชย์ทำกำไรจากคนที่ถูกข่มขู่ว่ามีกรรมหนักทั้งหลาย<O:p</O:p
    "พวกที่มีกรรมหนักทั้งหลาย ชาติที่แล้วฆ่าเขามาชาตินี้ลำบากอายุไม่ถึง ๗๐ นะแก้กรรมซะค่าแก้กรรมก็สัก ๓,๐๐๐มีไหม"ท่านเล่าให้ฟังแบบขำๆ "ทุกวันนี้ไม่ใช่กรรมของพระพุทธเจ้าแล้วมันเป็นกรรมพาณิชย์เราจะต้องถอดถอนเรื่องนี้ออกไป"<O:p</O:p
    ถึงกระนั้น "คนกลัวกรรม" ทั้งหลายก็ยังอยากรู้อยู่ดีว่า แล้วเราจะมีวิธีดับกรรมได้จริงๆ ไหม ท่านคึกฤทธิ์ จึงบอกว่าเคยมีคนถามพระพุทธเจ้าเหมือนกันท่านก็ทรงตอบว่า มีแต่ท่านบอกว่า ความดับของกรรมต้องดับที่ผัสสะ คือรู้ตัวว่าคิด ก็ละความคิดนั้นก่อน มโนกรรม (ความคิด) นั้นก็ ดับไปก่อนไม่เป็นวจีกรรม (คำพูด) หรือ กายกรรม (การกระทำ)เป็นต้น<O:p</O:p
    ทั้งนี้ กรรมมี ๓ ระดับ คือ กรรมที่ให้ผลในปัจจุบันภพ (ในภพนี้)กรรมที่ให้ผลในภพหน้า และ กรรมให้ผลในภพต่อๆ ไป แต่เวลาแค่ไหน ไม่รู้ว่า๑๐ ปี ๒๐ ปี หรือชาติหน้าหรือนานเท่าไหร่ ก็แล้วแต่เหตุปัจจัยท่านคึกฤทธิ์อธิบายต่อ "เรื่องนี้สอดคล้องกันกับมุมมองที่ว่าคนเราเกิดดับกันมาคนละไม่รู้กี่ครั้งกี่หนกันแล้ว<O:p</O:p
    "เราไม่มีทางตามรู้ได้หมดหรอกว่า แต่ละภพแต่ละชาติ หรือหนึ่งการเกิดไปจนถึงตายในแต่ละครั้ง เราทำ(กรรม)อะไร กับใครไว้บ้าง แล้วจะไปตามแก้กรรมทั้งหลายหมดได้อย่างไรกันเพราะแก้อันนี้อันโน้นก็โผล่มาใหม่แก้อันนั้นก็จะต้องโผล่ออกมาอยู่ดีแล้วเมื่อไรจะแก้กันได้หมดสิ้น"ดังนั้นจึงไม่ควรไปเสียเวลากับเรื่องเหล่านี้<O:p</O:p
    ๓. ตัดกรรมได้ด้วยมรรคมีองค์ ๘<O:p</O:p
    ขณะที่ ท่าน ว.วชิรเมธี บอกว่ากรรม ตามแนวพุทธไม่ใช่เฉพาะแค่กรรมเก่าและไม่ใช่กรรมใหม่ล้วนๆแต่ให้ความสำคัญทั้งกรรมเก่ากรรมปัจจุบัน และกรรมที่จะเกิดในอนาคต และชีวิตของเรานั้นก็อยู่ในกาลทั้ง ๓นี้ตลอดเวลานั่นแหละ"<O:p</O:p
    แม่ชีศันสนีย์ ก็บอกอีกว่าอดีตเป็นสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้แต่เราตั้งรับอดีตได้ที่ปัจจุบัน”<O:p</O:p
    ท่านหมายความว่า เราต้องกลับมาอยู่กับการกระทำในปัจจุบันของเราให้ดีเพื่อเป็นผลให้อนาคตของเราดี ส่วนอดีตเป็นเรื่องผ่านมาแล้วกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แต่ให้ผลในปัจจุบันและอนาคตได้ดังนั้นหากปัจจุบันเราไม่ดี ก็ยากจะมีอนาคตที่ดีและตรงนี้ก็จะกลายเป็นอดีตที่ไม่ดี ให้ผลที่ไม่ดีต่อเนื่องกันไป<O:p</O:p
    "ทำปัจจุบันกรรมให้ดี เพื่ออนาคตเราไม่ต้องแก้ตัวอีก ไม่ต้องโทษนั่น โทษนี่ตรงนี้สำคัญ ไม่ว่าอดีตคุณจะทำกรรมอะไรมาแต่กรรมปัจจุบันนี่แหละจะพาให้คุณรอด"ท่านบอก ซึ่งน่าจะหมายถึง รอดจากการตกนรก<O:p</O:p
    พระอาจารย์คึกฤทธิ์บอกต่อไปว่า วิธีแก้กรรมที่เด็ดขาด ถาวร แบบฉบับพระพุทธองค์ก็คือให้เจริญอริยมรรคมีองค์ ๘ย่อลงก็เหลือ ศีล สมาธิ ปัญญาและถ้าย่อลงไปอีกเหลือ ๒ พระองค์ก็ตรัสว่า สมถะ และวิปัสสนาท่าน ว.วชิรเมธีย้ำว่าปฏิบัติตามหนทางแห่งอริยมรรค ซึ่งมีองค์ ๘แล้วไม่ต้องถามเลยแค่เรื่องลดกรรม มันตัดกรรมได้หมดแน่นอนแม้แต่เจ้ากรรมนายเวรก็ไม่ต้องมาขอให้เหลือน้อยๆตัดไปได้หมดเลย”<O:p</O:p
    แม่ชีศันสนีย์ เสริมว่า กฎแห่งกรรมก็คือกฎของความจริง ถ้าเราเข้าใจความจริงก็จะเผชิญกับทุกสิ่งได้ด้วยปัญญา"<O:p</O:p
    แล้วก็มาถึง อีกคำถามยอดฮิต "ผีมีจริงไหม"<O:p</O:p
    พระอาจารย์คึกฤทธิ์ อธิบายว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าภพเรานั้นก็ไม่ได้อยู่อย่างเดี่ยวๆยังมีอีกหลายภพภูมิเหมือนโลกของเรายังมีหมู หมา กา ไก่ ที่ก็ไม่เหมือนเราแต่เราไม่เห็นกลัวเลย ไม่เห็นเอาธูปไปจุดหน้าไก่ สาธุ! อย่าหลอกลูกเลย...<O:p</O:p
    แล้วเราก็ไม่แปลกใจเวลาเจอคลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน์ธรรมชาติ ซึ่งก็มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ส่วนผีจะว่าไปก็ตายเหมือนกัน ฉะนั้น "มันก็ผี เราก็ผี จะไปกลัวอะไร"ท่านบอก...พร้อมกับเสียงถอนหายใจบ้าง เสียงฮือฮาบ้างจากรอบศาลา <O:p</O:p
    นั่นหมายความว่า ถ้าเชื่อท่านต่อไปอีกกี่สิบผีก็ไม่ต้องกลัวแล้วเพราะความกลัวเป็นแค่ความคิด ไม่คิดก็หายกลัวแล้ว<O:p</O:p
    "ทีนี้ เรื่องเจ็บป่วยหาสาเหตุไม่ได้ เป็นเพราะกรรมเก่าหรือเปล่าคะ"ผู้ดำเนินรายการ ยิงคำถามต่อ<O:p</O:p
    "ถ้าบอกว่าหาสาเหตุไม่ได้มันก็เหลือทางเดียวคือต้องกรรม ฉะนั้นกรรมก็เป็นจำเลยเรียกว่า โรคที่เกิดแต่กรรมจริงๆ แล้ว สาเหตุของโรคนั้น ถ้าจะหากันจริงๆไม่พบวันนี้ อาจจะพบวันพรุ่ง หรือพบอีก ๑๐๐ปีข้างหน้าก็ได้ เหมือนเขาหานิวตรอนนิวเคลียส หลายร้อยปีถึงจะค้นพบ<O:p</O:p
    แต่เป็นเพราะเรามีความเชื่ออยู่ชุดหนึ่งว่า โรคบางโรคเกิดแต่กรรมก็ได้ฉะนั้นถ้าพูดอย่างเป็นธรรมนะถ้าหาแล้วเธอรอได้ เธออาจจะค้นพบคำอธิบายก็เป็นได้แต่ถ้าเราขี้เกียจรอ โรคเกิดแต่กรรมเป็นได้ไหมถ้าตอบในระดับศีลธรรมก็เป็นไปได้เหมือนกัน" ท่าน ว.วชิรเมธี ให้คำตอบ<O:p</O:p
    ๔. ใช้ลมหายใจเป็นเครื่องมือ<O:p</O:p
    พระอาจารย์คึกฤทธิ์ กล่าวถึงวิธีการปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ ที่ย่อเหลือสอง คือสมถะกับวิปัสสนา เพื่อแก้กรรมว่า ให้เริ่มจากการนั่งรู้ลมหายใจเข้า-ออก สบายๆ อยู่บ้านไม่ต้องไปเซ่นไหว้ ไม่ต้องไปหามีดหมอที่ไหน ไม่ต้องไปเสียค่ายกครูไม่ต้องไปทำอะไรใดๆ ทั้งสิ้น<O:p</O:p
    "แค่กลับมาอยู่กับปัจจุบันขณะ ตระหนักรู้ ทุกครั้งที่คิด ทุกกิจที่ทำทุกคำที่พูด และทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ทำแค่นี้เราก็จะเป็นคนใหม่อยู่ทุกขณะจิตแก้กรรมได้แล้ว เรียกว่าประโยชน์สูง ประหยัดสุด" ท่านสรุปสั้นๆซึ่งก็เหมาะกับยุคสมัยที่เศรษฐกิจฝืดเคือง<O:p</O:p
    นอกจากนี้ ท่าน ว.วชิรเมธี ย้ำว่าให้หมั่นฝึกทำอานาปานัสสติให้ดีฝึกให้รู้ลมหายใจเข้า-ลมหายใจออกให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้หลุดไปก็กลับมารู้ใหม่เผลอไปก็กลับมารู้ใหม่<O:p</O:p
    "ฝึกตามดูรู้เท่าทันกาย คือลมหายใจ เวทนาคือความรู้สึก จิตคือความคิดและธรรมก็คือสภาวธรรมที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป... <O:p</O:p




    ใครมาฝึกแล้วรู้ของพวกนี้ อาตมากล้าการันตีได้ว่า ไม่เกิน ๗วันคุณจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ การที่คุณเปลี่ยนเป็นคนใหม่ กลายเป็นคนที่มีสติมากขึ้นเป็นอันว่าคุณตัดกรรมได้แล้ว ไม่ต้องใช้เงินใช้ทองอะไรใช้ต้นทุนต่ำที่สุดเลยใช้กายกับใจของเราเท่านั้นเป็นเครื่องมือ" ท่านประกาศอย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้มเมตตา<O:p</O:p
    • มรรคมีองค์ ๘ ประกอบด้วย<O:p</O:p
    ๑. สัมมาทิฏฐิ คือ ความเข้าใจถูกต้อง
    ๒. สัมมาสังกัปปะ คือความใฝ่ใจถูกต้อง
    ๓. สัมมาวาจา คือ การพูดจาถูกต้อง
    ๔. สัมมากัมมันตะ คือการกระทำถูกต้อง
    ๕. สัมมาอาชีวะ คือ การดำรงชีพถูกต้อง
    ๖. สัมมาวายามะ คือความพากเพียรถูกต้อง
    ๗. สัมมาสติ คือ การระลึกประจำใจถูกต้อง
    ๘. สัมมาสมาธิ คือ การตั้งใจมั่นถูกต้อง<O:p</O:p
    ฉะนั้น การปฏิบัติธรรมทุกขั้นตอน รวมลงในมรรคอันประกอบด้วยองค์แปดนี้เมื่อรวมกันแล้วเหลือเพียง ๓ คือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา และย่อเหลือ ๒ คือ สมถะและวิปัสสนา สรุป คือ การปฏิบัติธรรมก็คือ การเดินตามหนทางแห่งมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง
    เอ-วัง<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2010
  2. thien99

    thien99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    212
    ค่าพลัง:
    +410
    อนุโมทนาบุญด้วยครับ
     
  3. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    [​IMG]
     
  4. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,353
    ขออนุโมทนาบุญจากการให้ธรรมเป็นทานครั้งนี้ด้วยครับ

    เป็นประโยชน์อย่างยิงครับ


    *ผู้ปฏิบัติพึงรู้ผลแห่งการปฏิบัติของตน*
     
  5. Vatairat

    Vatairat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,294
    อนุโมทนาสาธุเจ้าค่ะ.....
     
  6. apple_lin

    apple_lin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    584
    ค่าพลัง:
    +704
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  7. ทิพย์ปทุโม

    ทิพย์ปทุโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    555
    ค่าพลัง:
    +2,471
    อยากมีเวลามากกว่านี้ ไล่เก็บความรู้ไม่หมด สักที อนุโมทนา ผู้นำมาเผยแพร่จริง ๆ
     
  8. วัสสานะ

    วัสสานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +565
  9. คนวิเชียร

    คนวิเชียร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    231
    ค่าพลัง:
    +1,298
    อนุโมทนา สาธุ ครับ:D
     
  10. ภาชนะธรรม

    ภาชนะธรรม Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2009
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +58
    อนุโมทนาครับ
     
  11. ffslide

    ffslide เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    328
    ค่าพลัง:
    +225
    เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ขออนุโมทนาบุญ สาธุครับ
     
  12. chathornthan

    chathornthan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +55
    ขอบพระคุณมากครับ
     
  13. ธรรมานุสติ

    ธรรมานุสติ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +26
    ขอ..................อนุโมทนา สาธุ ครับ
     
  14. beckham288

    beckham288 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    เป็นประโยชน์อย่างมากครับ ขออนุโมทนาสาธุด้วย ครับ
     
  15. หางอื่ง

    หางอื่ง สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +5
    “ ไม่มั่นหมายซึ่งสิ่งทั้งปวง
    ไม่มั่นหมายในสิ่งทั้งปวง
    ไม่มั่นหมายโดยความเป็นสิ่งทั้งปวง
    ไม่มั่นหมายสิ่งทั้งปวง ว่าของเรา ”
    ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
     
  16. เทพสำราญ

    เทพสำราญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    308
    ค่าพลัง:
    +888
    โมทนากุศลธรรมนำชีวา
     
  17. papasthanan

    papasthanan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ<!-- google_ad_section_end -->
     
  18. Chaiwat_Khamhom

    Chaiwat_Khamhom Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2010
    โพสต์:
    710
    ค่าพลัง:
    +91
    ขออนุโมทนา สาธุ สาธุ
     
  19. ชั

    ชั Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2011
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +48
    ผมขออนุโมทนา..และขอขอบคุณครับ
     
  20. nunmk

    nunmk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +108
    ขออนุโมทนาในธรรมทานนี้ด้วยครับ สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...