ร่วมทำบุญบูชา ตะกรุดพ่อสมหวังบรรจุธาตุพระปัจเจก(ขอทรัพย์พระปัจเจก) พ่ออาจารย์พล

ต่อหัว

ก็มาพูดคุยกันสบายๆตอนเย็นๆ

ก็กล่าวนำไว้ก่อนหลายวันแล้วว่าจะพูดถึงเรื่องประสบการณ์หลายๆอย่างของเหรียญหล่อสมเด็จโตที่พ่ออาจารย์เคยสร้างไว้และหมดลงอย่างรวดเร็วที่สุด ก็จะค่อยๆทยอยเล่าไปถือว่าถวายเป็นอาจาริยบูชาให้กับเจ้าพระคุณสมเด็จโตท่าน ให้รู้ว่าท่านยังคอยช่วยเหลือผู้เคารพศรัทธาอยู่จริงๆ

สำหรับพี่คนนี้เป็นทันตแพทย์ ซึ่งก็ได้บูชาของไปตอนนั้นเป็นเหรียญหล่อสมเด็จโตพิมพ์ซุ้มระฆัง เขานำไปเลี่ยมกรอบพลาสติกห้อยคอตนเองเนื่องจากเป็นคนเคารพสมเด็จโตมากอยู่แล้ว และเค้าเล่าให้ฟังว่าเกิดความรู้สึกลึกๆ เหมือนมีอะไรดลใจว่าเหรียญนี้ใช้แทนกันกับพระของหลวงปู่โตได้ พอเห็นปุ้ปจึงรู้สึกว่าใช่และอยากได้ทันที

สำหรับประสบการณ์นี้ พี่หมอเค้าเล่าว่าเกิดขึ้นกับน้องชายแท้ๆของเขาเอง หลังจากที่ได้บูชาเหรียญไปไม่นาน พี่เค้าเล่าว่าคุณพ่อของเขามาปรึกษาให้พาน้องไปวัดหาที่สะเดาะเคราะห์เสียห่อย เพราะเป็นห่วงเหลือเกิน ด้วยว่าเห็นลูกชายคนเล็กเดินอยู่ไม่มีศรีษะและไม่มีเงาหัว ก็เป็นความเป็นห่วงของคนเป็นพ่อเป็นแม่เพราะความเชื่อโบราณในกรณีนี้คือชะตาขาด จะถึงฆาต แล้วจะมีใครกันที่อยากให้คนผมหงอกมาส่งศพคนผมดำ

พี่เค้าว่าไม่รู้จะพาไปไหนดี ในใจนึกถึงแต่สมเด็จโต จึงนำเหรียญที่เลี่ยมใส่ไว้มาแช่น้ำทั้งอย่างนั้นเข้าห้องพระสวดพระคาถาชินบัญชร 9 จบ ขอเหรียญเป็นสื่อกลางถึงหลวงปู่โตให้ท่านช่วยทำน้ำมนต์ขับไล่เคราะห์กรรมของน้องชาย

ซึ่งเรื่องนี้ทางบ้านไม่ได้บอกน้องแต่อย่างใดว่าพ่อเห็นและมาปรึกษาพี่ ตัวพี่นั้นได้นำน้ำมนต์ที่ได้จากการแช่เหรียญหล่อและสวดคาถาชินบัญชรไปเติมใส่แก้วน้ำไว้ให้น้องชายกินพร้อมข้าวมื้อเย็น ซึ่งน้องก็ได้ดื่มน้ำนั้นไปโดยที่ตัวเองยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ผลปรากฏว่าน้องเขาฝันเห็นพระแก่ๆรูปหนึ่ง นำลูกประคำที่กำลังบริกรรมมาสวมคอให้แล้วบอกกับตัวเค้าว่า สิ้นเคราะห์นะจ๊ะ ฉันมาต่อหัวให้ พร้อมกับนำนิ้วไปจิ้มตลับอะไรบางอย่างแล้วนำมาปาดคอน้องเค้า

ซึ่งฝันนั้นน้องชายซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าต่อหัวอะไร ทำไมต้องต่อ ต่อทำไม พระรูปนี้คือใคร ก็เลยลงมาเล่าให้พ่อกับพี่ฟังว่าฝันแปลกๆวันนี้รู้สึกตัวโล่งๆหัวเบาๆดี พอน้องเค้าเล่าก็ยิ่งเกิดเหตุน่าประหลาดมากขึ้น เพราะตัวพี่หมอนั้นก็บอกว่าเค้ามองที่คอน้องเค้า เห็นเป็นรอยแดงๆเป็นขีดเหมือนคนเอาอะไรมาป้ายไว้จริงๆเป็นรอยแดงๆจางๆเป็นคราบเหมือนพวกน้ำหมากรึปูนกินหมากแบบนั้น ซึ่งตัวน้องเค้ายังไม่ทันได้สังเกตุคอตนเองเลย

พี่ท่านนี้จึงนึกศรัทธาและขอบคุณหลวงปู่โตอย่างถึงที่สุด เค้าว่าเชื่อแล้ว วางใจแล้วเพราะหลวงปู่เมตตาช่วยน้องของเค้า จึงเล่าเรื่องที่เอาเหรียญมาทำน้ำมนต์ให้คุณพ่อฟัง ประกอบกับความฝันของน้องเค้า คุณพ่อจึงหายเป็นกังวล หลังจากนั้นพี่เค้าก็อาราธนาเหรียญซุ้มระฆังรัศมีพรหมติดตัวเป็นประจำ เขาว่าขอได้ไหว้รับเวลามีทุกข์ใจหรือมีสิ่งใดที่ลำบากใจ ก็มักจะเล่าจะอธิษฐานบอกกล่าวกับเหรียญและเรื่องเหล่านั้นก็จะผ่านไปได้ด้วยดี

ก็จะทยอยนำมาเล่ากันนะครับ บารมีของสมเด็จท่านผมถือว่าเชื่อขนมกินได้ขอแค่พ่ออาจารย์ท่านทำกับมือคือแน่นอนที่สุด ช่วงนี้ก็มีคนถามเข้ามาเยอะว่ามีอะไรที่เป็นสายบารมีของสมเด็จโตให้บูชามั๊ย ก็ติดตามกันไป ถ้ามีวาสนารับรองว่ายังไงก็ได้ไว้แน่นอน

 

โอนแล้วครับค่าบูชาตะกรุด
มหาธาตุบันดาลทรัพย์ ตามpm

 

คืนนี้ก่อนนอนก็อย่าลืมสวดมนต์ ที่สำคัญคือทำสมาธิแผ่เมตตากันนะครับ

 

ตะกรุดกำลังพระสัพพัญญุตญาณ

เนื่องจากเห็นมีถามกันมาสองสามท่านว่าออกพระผงหนนี้ ไม่แถมอะไรนิดนึงหรอก็เลยสอบถามให้เรียบร้อย ก็ยกประโยชน์ให้กับคนที่จองพระธรรมะบดีมหาพุทธพิมพ์ไว้ด้วย บอกตรงนี้ว่ายินดีด้วยจริงๆ

เพราะพ่ออาจารย์ท่านให้นำตะกรุดกำลังพระสัพพัญญุตญาณหรือเรียกว่าตะกรุดปัญญาพระสัพพัญญูก็เรียก ท่านว่าเป็นเครื่องมงคลชั้นสูงจะได้ให้ไว้คู่กันกับพระธรรมะบดีมหาพุทธพิมพ์

อันว่าตะกรุดกำลังพระสัพพัญญุตญาณนี้ท่านว่าวิชานี้ตรงตามชื่อ พระสัพพัญญุตญาณคือญาณอันรู้ยิ่งในสิ่งทั้งปวงที่พึงปรารถนาจะรู้ เป็นพระญาณเฉพาะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สั่งสมบารมีมานานนับสี่อสงไขยกำไรแสนมหากัปป์ ไม่ปรากฏในพระสาวกทั้งมวล

เมื่อจะเสกท่านว่าตัวพระยันต์ท่านลงได้ แต่การเสกนั้นยากเพราะเป็นเรื่องของพระพุทธเจ้า เป็นเรื่องของพระพุทธคุณเท่านั้นต้องอาราธนาพระองค์ท่านเมตตามาทำให้

ดังนั้นพระญาณตัวนี้ก็เป็นดั่งแสงสว่างเป็นวิชชาที่มีคุณยิ่งในพระพุทธศาสนา ท่านว่ายิ่งกว่าพวกวิชาอ้อป้องหรือวิชาพระมโหสถทั้งหลาย นอกจากผู้บูชาจะมีสติปัญญาและความทรงจำที่ดีแล้ว ไม่จำกัดว่าต้องเด็กหรือผู้ใหญ่ ยังจะช่วยกระตุ้นความคิดชอบเห็นชอบในตัวผู้บูชาด้วย แม้นอาราธนาหมั่นปฏิบัติภาวนา ท่านว่าย่อมจะเจอเหตุอัศจรรย์ในจิตตนเอง อาจจะเห็นเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน อนาคต สิ่งต่างๆทั้งหลายอันจะเป็นเครื่องเตือนใจให้ขบคิดให้ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ด้วยพุทธานุภาพบันดาลให้เป็นไป

รายการนี้ไม่มีให้บูชาเนื่องจากมีจำนวนน้อย สำหรับผู้ที่ได้รับแจกไป ท่านว่าไม่ต้องใช้คาถาใดๆเลย หายใจเข้าพุทหายใจออกโธ ระลึกถึงพระพุทธคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพียงเท่านี้พอ ท่านว่าเกินกว่าคำว่าใช้ได้ถ้าจิตเรามีกำลังมากยิ่งเห็นผลไว

 

ร่วมเล่นเกมส์ แจกตะกรุดพระเจ้าตรึงไตรภพ

วันนี้ก็จะให้เล่นเกมส์กันเพื่อจะแจกตะกรุดพระเจ้าตรึงไตรภพนะครับ

สำหรับตะกรุดพระเจ้าตรึงไตรภพที่พ่ออาจารย์มอบให้มานี้ ท่านว่าวิชานี้เป็นวิชาแรกๆที่ท่านเรียนสำเร็จเลยทีเดียว ซึ่งวิชานี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาในตำราพิชัยสงครามว่าด้วยการกุมทัพ แต่งพล แต่งทัพ ด้วยว่าเป็นวิชาโบราณสืบมาแต่รุ่นก่อนยุคสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีการนำมาดัดแปลงมากมายเกิดเป็นคาถาและพระยันต์ต่างๆแตกแขนงออกไป แต่พ่ออาจารย์ท่านว่าที่ท่านจะทำให้นี้เป็นตำรับเดิมวิชาเดิมที่ไม่ได้ลดทอนหรือดัดแปลงแต่อย่างใด เมื่อท่านจะสร้างท่านได้พิถีพิถันทั้งฤกษ์และยามเพื่อลงพระยันต์พระเจ้าตรึงไตรภพในแผ่นตะกั่ว

พ่ออาจารย์ท่านว่าอันวิชาตะกรุดพระเจ้าตรึงไตรภพนั้นจัดเป็นยอดวิชา ซึ่งประเสริฐกว่าวิชาทั้งหลายอยู่มาก และยังเป็นตะกรุดศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีศักดิ์สูงด้วยว่าจะใช้สำหรับแม่ทัพนายกองยามรบทัพจับศึก คราวบ้านร้อนเมืองร้อนเท่านั้น มีคุณวิเศษนานัปการด้วยว่าให้คุณสารพัดแก่ผู้ศรัทธา

ท่านว่าคนสมัยนี้ต้องสู้กับชีวิตตนเอง สู้กับภัยเศรษฐกิจ สู้กับอุปสรรคต่างๆจะบอกว่าไม่ร้อนก็เหมือนร้อน ท่านจึงได้มอบตะกรุดพระเจ้าตรึงไตรภพจำนวนหนึ่งมาให้ ซึ่งก็จะเล่นเกมส์และดำเนินการแจกให้แล้วเสร็จในหนนี้

พระพุทธคุณของตะกรุดพระเจ้าตรึงไไตรภพนั้น ท่านว่าออกได้ทุกทางแล้วแต่จะตั้งจิตอธิษฐานคือใช้ได้ถ้วนทุกประการเมื่อยามมีภัยก็เป็นแคล้วคลาดคงกระพันปกป้องคุ้มครองตนเองรวมไปถึงคนรอบข้าง เมื่อปกครองลูกน้องบริวารก็เป็นมหาอำนาจมีตบะสะกดสัตว์ทั้งหลายให้เคารพเชื่อฟัง ป้องกันเสนียดจัญไรภูติผีปีศาจคุณไสยมนต์ดำ ทั้งยังเป็นนิรันตรายห่างไกลจากอุบัติเหตุและอาวุธทั้งปวง ศัตรูปัจจามิตรคิดร้ายแพ้ภัยตนเอง ซ้ำท่านยังเพิ่มยันต์สำคัญทางมหานิยมค้าง่ายขายคล่องและการทำมาหากินให้ต่อเนื่องไม่สะดุด สอดรับกับสภาพสังคมปัจจุบันด้วย

ท่านว่าเป็นตะกรุดที่ใช้ได้ทุกประการหากจะใช้ตามตำรับพิชัยสงครามนั้นก็มีอุปเท่ห์พิศดารมากมาย แต่ในที่นี้จะของดไว้ ท่านว่าไม่ใช่หน้าทัพหน้าศึกไม่มีความจำเป็นต้องกล่าวถึง

คาถาบูชา
อิติปาระมิตานุภาเวนะ มาระเสนาปะราชิโต ทิโสทิสังปะลายันติ สัพพศัตรูวินาศสันติ วิทังเสติอะเสสะโต

สำหรับตะกรุดพระเจ้าตรึงไตรภพนี้ก็จะให้ร่วมเล่นเกมส์กัน ซึ่งเกมส์ที่เล่นคราวนี้ก็เป็นเกมส์อย่างง่ายๆที่คิดไว้แล้ว

นั่นคือให้ร่วมกิจกรรมโพสต์วิธีปฎิบัติกรรมฐานหรือการนั่งสมาธิ ว่าแต่ละคนนั้นนั่งสมาธิกันแบบใดใช้การภาวนาอย่างไร เช่นอานาปานสติตามดูลมหายใจ หรือจะใช้คำภาวนาพุทโธ ภาวนาธาตุหรืออื่นๆไม่ว่าจะด้วยวิธีใดพิมพ์บอกกล่าวกันมาสั้นๆซักหนึ่งวิธีเพียงเท่านั้น เพื่อจะได้ระลึกถึงและก็น้อมนำไปปฎิบัติกันต่อ รวมถึงผู้อื่นจะได้ร่วมอนุโมทนาในการปฎิบัติภาวนาของทุกๆท่านด้วย

* สำหรับเกมส์นี้ก็ให้เริ่มได้เลย เนื่องจากตะกรุดมีจำนวนน้อยจึงต้องจำกัดเวลา หมดเวลาวันพรุ่งนี้วันที่18 ตอนหกโมงเย็นนะครับ

 

อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดสดใส ถ้าจิตใจว้าวุ่นก็นั่งส่องพระให้ใจสงบก่อน แล้วสวดมนต์ไหว้พระตามปกติ เมื่อเริ่มนั่งสมาธิก็สมาทานสมาธิก่อน แล้วไล่เจริญสติให้ทั่วพร้อมทั้งร่างกายก่อน จากนั้นก็พิจารณาลมหายใจเข้าออกจากหยาบไปจนละเอียดตามมหาสติปัฏฐานสูตร ภาวนาพุทธังสรณังคัชฉามิ ธัมมังสรณังคัชฉามิ สังฆังสรณังคัชฉามิ ไปเรื่อย ๆ
พอเริ่มนิ่งก็เพ่งพิจารณาแสงสีที่เกิดขึ้นจากการหลับตา ทำให้เพลิดเพลินดีและจิตนิ่งรวมดิ่งลงไป และคอยตามสังเกตุดูสภาวะจิตต่าง ๆ ที่เกิดขี้น
เมื่อถอนออกมาก็นั่งพักผ่อนอิริยาบถสักพัก หรือเดินจงกรมแก้เมื่อย แล้วรีบไปเข้านอนในขณะที่จิตยังติดสมาธิอยู่ จะช่วยให้หลับได้สนิทด้วยครับ

 

ร่วมเล่นเกมส์ครับ

ผมนั่งสมาธิโดยใช้คำภาวนาว่า พุทโธ
หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ

 

ร่วมเล่นเกมส์

ผมไหว้พระ สวดมนต์แล้ว จึงนั่งสมาธิโดยภาวนา พายใจเข้า " พุท " หายใจออก " โธ " เมื่อคำภาวนาหายไป ก็เฝ้าดูจิตไปเรื่อยๆ อบ่างสงบ บางวันก็ทำได้ บางวันก็ไม่ได้ แต่ก็พยายามทำทุกวันครับ

 

ร่วมเล่นเกมส์ครับ

ปกติจะนั่งสมาธิ นั่งท่าง่ายๆสบายๆ แล้วจับจิตที่ลมหายใจเข้าออก พร้อมท่องพุทโธ บ้าง หรือ สวดอิติปิโส บ้าง แล้วแต่กรณี

 

ร่วมเล่นเกมส์
ผมภาวนา ดูลมหายเข้าออก ดูการเคลื่อนไหวของลมเข้าออกจากจมูกถึงท้อง จากท้องมาถึงปลายจมูก

 

ผมใช้คำภาวนาบริกรรม พุทโธ ไปเรื่อยๆ หากจิตฟุ้งซ่านส่งออกนอก เมื่อมีสติระลึกได้ก็ดึงกลับมาที่คำภาวนา พุทโธ ตามฐานจิตที่ตั้งไว้ ทำไปเรื่อยๆ จนจิตสงบ หากไม่สงบก็แค่ตามรู้ว่าจิตไม่สงบ ปกติจะนั่งปฏิบัติประมาณ 30 นาที เสร็จแล้วก็จะแผ่เมตตา อุทิศกุศลคับ

 

ในการปฏิบัติวิปัสสนากัมมฏฐาน พิจารณาอาการที่ท้องพองออก หรือยุบเข้า เนื่องจากการหายใจเข้าหรือหายใจออก การกำหนดรู้อาการพองอาการยุบของท้องนี้เป็นการกำหนดรูปหยาบ ซึ่งรู้ได้ง่ายกว่าการกำหนดรูปนามอย่างอื่น ๆ

 

ฝึกสมาธิใช้อานาปานสติ ตามดูลมหายใจเข้า หายใจออกพร้อมกับภาวนาพุทโธ

 

ร่วมเล่นเกมส์ครับ

โดยปกติจะนั่งสมาธิภาวนา "นะมะ พะทะ" ควบลมหายใจครับ ทำไปเรื่อย ๆ ครับ ถ้าจิตฟุ้งซ่านก็จะพยายามดึงกลับมาครับ เมื่อภาวนาไปซักระยะหนึ่งก็จะพิจารณาโทษของร่างกายครับ ว่าเกิดมามีทุกข์อย่างไร จากนั้นก็จะภาวนาต่อจนจิตใจเริ่มสงบครับ

 

ปกติจะนั่งสมาธิแบบภาวนาพุทโธตามลมหายใจเข้าออกค่ะ ลมหายใจสั้นก็รู้ยาวก็รู้ค่ะ

 

ผมนั่งสมาธิ ยังอยู่ในขั้นเริ่มห้ด โดยใช้คำภาวนาว่า พุทโธ
หายใจเข้า พุท
หายใจออก โธ

 

ผมเริ่มจากการสวดมนต์ภาวนา โดยเริ่มทำสมาธิไปพร้อมกับการสวดมนต์ หลังสวดมนต์เสร็จเริ่มนั่งสมาธิ โดยใช้คำภาวนาพุทโธบ้าง สัมปจิตฉามิบ้าง โดยมากจิตจะตามดูภายในกายเป็นหลัก แต่จะดูได้แค่ว่าภายในกายสว่างหรือมืดเท่านั้นครับ

 

ร่วมเล่นเกมส์

ผมใช้วิธีสวดบทจักรพรรดิ์ พร้อมระลึกถึงหน้าหลวงปู่ดู่เป็นอารมภ์ครับ
สวดไปเรื่อยๆทุกอิริยาบท เดิน ยืน นั่ง นอน นึกได้เป็นสวด
ถ้านั่งสมาธิ ก้อนั่งกำพระหลวงปู่ ทำใจสบายๆ ปล่อยไปตามกระแสพระ ครับ

 

ร่วมเล่นเกมส์
ภาวนา พุทโธ กำหนดใจให้นึกถึงบริเวณฐานของจิต 1หน้าผาก 2ปลายจมูก 3 หัวใจ 4 คอ 5 สดือ จนจิตสงบ คือไม่ภาวนา ไม่คิดเรื่องอะไร ไม่หลับไม่มีนิวรณ์เข้าสู่ฌาน 1ถึง 4

 

ร่วมเล่นเกมส์ครับ

เวลาผมภาวนา ผมจะพยายามจับลมหายใจเข้า-ออก ควบกับคำภาวนา "พุท-โธ" บ้าง "ตะธะ-ธะโม" บ้าง โดยพยายามทำในเวลาทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ได้มีการนั่งภาวนาเป็นกิจลักษณะเท่าใดนัก ทำให้บางครั้งการภาวนาอาจจะไม่ค่อยราบรื่นเท่าใดนัก