หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน ..สมเด็จเกษไชโย พระเครื่องอ่างทอง หลวงปู่เล็ก วัดทำนบ วัดเงินบางพรหม

มีพี่เขาจองไว้แล้วทั้งสององค์ครับ

 

ปิดรายการนี้ครับจารย์เบ็น (ถ้ายังอยู่)

 

รับแซ่บครับ

 

เนื้ออมเขียว ว่านผสมทรายเสก หนา นานๆเจอที 650 บาท

 

ขอจององค์นี้หน่อย

 

สวยครับเสียเบน..

 

ประวัติหลวงปู่คำ พระครูวิตถารสมณกิจ


วัดโพธิ์ปล้ำ จ.อ่างทอง เป็นวัดโบราณสร้างมาแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมชื่อ วัดพายทองสำหรับใครเป็นผู้สร้างนั้นไม่ปรากฏหลักฐานเป็นที่ยืนยันแน่นอน ด้วยอายุการสร้างที่ยาวนานผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายชั่วอายุ ทั้งเจริญรุ่งเรืองหรือเสือมโทรมเป็นบางขณะจากลำดับเจ้าอาวาสหลายต่อหลายองค์จากอดีตจวบจนปัจจุบันนั้น ดูเหมือนหลวงปู่คำ
ปญฺญาสาโร ดูจะเป็นที่รู้จักแพร่หลายในวงการพระเครื่อง เนื่องจากท่านเป็นอีกหนึ่งพระคณาจารย์ดังของ จ.อ่างทอง วัตถุมงคลที่สร้างและปลุกเสกเอาไว ้มีมากมายหลายชนิดทั้ง พระสมเด็จ เหรียญ พระเนื้อว่านผสมผงยา ผ้ายันต ์ตะกรุด รูปถ่าย ที่ได้รับความนิยมสูงพร้อมทั้งมากล้นประสบการณ์คือ เบี้ยแก้
หลวงปู่คำวัดโพธิ์ปล้ำนามเดิมคือ คำ นามสกุล ทรัพย์ประเสริฐ เป็นบุตรของพ่อเส็งแม่ไท เกิดเมื่อวันพฤหัสบด ีเดือน 10 ปีฉล ูปีพ.ศ.2432 ณ ปากคลองวัดโพธ ิ์ครั้นเมื่ออายุครบได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์โดยมีพระพระญาณไตรโลก (อาจ) วัดศาลาปูน เป็นพระอุปัชฒาย ์พระครูวินญานุโยก แห่งวัดกษัตราธิราชพร้อมทั้งพระอุปัชฌาย์จั่น วัดทำนบ เป็นพระกรรมวาจาจารย ์และอนุสาวนาจารย์ตามลำดับ ได้ศึกษาพระเวทย์วิทยาคมพร้อมทั้งสรรพวิชาต่างๆ จากสมุดข่อย ที่พบในโพรงต้นโพธิ์ภายในวัดจนเชี่ยวชาญชำนาญอย่างยิ่งยวดอีกทั้งยังแลกเปลี่ยน
วิชากับอีกหลายพระคณาจารย์ ไม่ว่าจะเป็น ล.พ.พริ้ง วัดบางปะกอก, ล.พ.จง วัดหน้าต่างนอก, ล.พ.พักวัดโบสถ์และท่านเจ้าคุณสุธรรมธีรคุณ วัดสระเกศ เนื่องจากมีอายุใกล้เคียงกันแม้ว่าบางองค์จะอาวุโสมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหลวงพ่อพักวัดโบสถ์จะไปมาหาสู่กันอยู่เสมอๆซึ่งจะเห็นว่าเบี้ยแก้ของท่านทั้งสองจะมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก โดยเฉพาะเบี้ยเปลือยจนบางครั้งยังมีการเล่นหาสะสมข้ามวัดข้ามสำนักกันอยู่เรื่อยเป็นประจำ หลวงพ่อคำวัดโพธิ์ปล้ำถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2503รวมสิริอายุ 72 ปี 52 พรรษา
ลักษณะเบี้ยแก้หลวงปู่คำวัดโพธิ์ปล้ำ การสร้างวัตถุมลประเภทเบี้ยแก้ของท่านนั้น เริ่มสร้าง
มาตั้งแต่ก่อนปีพ.ศ.2493 เท่าที่พบเห็นเล่นหาเป็นสากลเบี้ยของท่านจะเป็นเบี้ยเปลือยไม่มีการถักเชือกแต่อย่างใด ส่วนการเลี่ยมจับขอบไม่ว่าจะด้วยเนื้อทองคำ เงิน นาค นั้น แล้วแต่ลูกศิษย์ที่ได้รับจะนำไปเลี่ยมกันเองไม่เกียวกับท่านซึ่งร้านที่มักนิยมนำเบี้ยไปเลี่ยมนั้นเป็นร้านเดียวกับลูกศิษย์ของหลวงพ่อพักวัดโบสถ์นำ ไปเลี่ยมกันเป็นร้านทองในตลาดวิเศษชัยชาญ ฉะนั้นลักษณะการเลี่ยมหากเป็นเบี้ยเปลือยของทั้งสองสำนักนี้จึงมีลักษณะเดียวกัน เพราะเลี่ยมร้านเดียวกัน
กันนั่นเอง จึงเป็นเรื่องยุ่งยากพอสมควรในการจะแย่งแยกและพิจารณา แต่มักมีข้อเปรียบเทียบง่ายๆ อยู่ว่าเบี้ยแก้ของหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์มักจะตัวใหญ่กว่าของหลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นข้อเท็จจริงในการชี้ชัดจุดตายตัวได้
การปิดท้องเบี้ยภายหลังบรรจุปรอทเข้าไปในตัวเบี้ยแล้วจะปิดทับด้วยชันโรงและแผ่นหรือตะกรุดเนื้อทองแดง(ต่างจากหลวงพ่อพักที่ใช้ตะกรุดเนื้อชินเนื้อตะกั่ว) ในส่วนของการปิดทับด้วยชันโรงนั้นแบ่งเป็น 3 ยุค 3 ลักษณะด้วยกัน กล่าวคือเบี้ยแก้ยุคแรกจะปิดทับด้วยชันโรงที่ได้รับจากธรรมชาติอันแแท้จริง แต่เนื่องจากเป็นของทนสิทธิ์ที่ได้จากธรรมชาติจึงหาได้ยาก ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นชันยาเรือผสมว่านแทนและท้ายสุดอุดทับด้วยชันยาเรือผสมผงอิทธิเจซึ่งลักษณะประการหลังนี้พบเห็นได้น้อยมากในเบี้ยแก้หลวงปู่คำวัดโพธิ์ปล้ำ จ.อ่างทองนั้น เมื่อเขย่าดู
เสียงปรอทจะแตกต่างออกไปไม่เหมือนเบี้ยแก้สำนักอื่นๆที่เวลาเขย่าจะมีเสียงดังขลุกๆจะเสียงดังแซ๊กๆคล้ายกับเสียงของเม็ดท้ายวิ่งอยู่ภายในนับเป็นเอกลักษณะอีกอย่างหนึ่งของเบี้ยแก้สำนักนี้ที่สามารถใช้เป็นจุดสังเกตได้
พุทธคุณของเบี้ยแก้สำนักนี้ก็เหมือนกับเบี้ยแก้สำนักอื่นๆ คือป้องกันคุณไสยยาสั่งแก้เหตุร้ายให้กลับกลายเป็นดีพร้อมทั้งแคล้วคลาดปลอดภัยคงกระพันชาตรี เป็นต้น

พระอุปัชฌาย์ คำ หรือนามตามสมณศักดิ์ ..พระครูวิตถารสมณกิจ นามสมณศักดิ์ของท่านได้รับพระราชทานโดยล้นเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๖ .. พระครูวิตถารสมณกิจ (อ่านว่า - วิด-ตะ-ถา-ระ-สะ-มะ-นะ-กิด) มีความหมายว่า พระผู้ทำกิจในวิชชาโดยบริบูรณ์ ครั้งที่ท่านเจ้าคุณพระธรรมวรนายก (ทองหล่อ ปทุมานนท์ ปธ.๘) อดีตเจ้าคณะภาค ๑๕ อดีจเจ้าคณะเขตดุสิต และอดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพ ฯ ซึ่งเป็นศิษย์แต่ครั้งบรรพชาเป็นสามเณร ยังมีชีวิตอยู่ เคยไปเรียนถามประวัติจากท่าน ด้วยความไม่รู้ เรียกนามสมณศักดิ์ว่า พระครู-วิด-ตะ-ถาน-สะ-มะ-นะ-กิด ท่านเจ้าคุณแย้งว่า ไม่ใช่ ที่ถูกต้องอ่านว่า วิด-ตะ-ถา-ระ ฯ ซึ่งมีความหมายดังกล่าวแล้ว ในหลวงรัชกาลที ๖ ทรงพระราชทานนามเอง ด้วยทรงทราบในจริยวัตรอันงดงามของท่าน
พระครูวิตถารสมณกิจ หรือพระอุปัชฌาย์ คำ เป็นพระรัตตัญญู คือมีพรรษายุกาลมาก เป็นพระที่สมถะ ใจดี ไม่สะสมเงินทอง ท่านมรณะภาพที่โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพ ฯ ด้วยโรคลมปัจจบัน เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๓ ภายหลังจากท่านมรณะภาพแล้ว ได้มีการสำรวจทรัพย์สินในกุฏิของท่าน ปรากฏว่า ไม่พบปัจจัยและทรัพย์สินมีค่าใด ๆ เลย ท่านบริสุทธิ์โดยแท้...สุปฏิปันโน สาวกสังโฆ..ฯลฯ ผูสมควรแก่การกราบไหว้ ฯ

เบี้ยแก้ มหาอุตม์ เบี้ยชั้นครู

หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ


พระคณาจารย์ชั้นครูสายเบี้ยแก้ จังหวัดอ่างทองอันโด่งดังครับ พระคณาจารย์ยุคหลังที่โด่งดังในอ่างทองล้วนแต่ เป็นศิษย์ท่านเกือบทั้งนั้นครับหลงพ่อทรง วัดสาลาดิน การสร้างเบี้ยแก้ก็เดินตามตำราท่านครับ พุทธคุณเป็นเลิศด้าน มหาอุตม์ กันคุณไสย และสารพัดกัน เป็นคงกระพันด้วยครับ ที่บอกว่าเยี้ยท่านมีมหาอุตม์ด้วยก้เนื่องจากเหตุเกิดที่บ้านแถววัดหลวงไกล้ๆวัดโพธิ์ปล้ำนี่หละครับ มี่ผู้หญิงจะฆ่าตัวตาย ด้วยปืนลูกซอง แต่ปืนลูกซองน่ะมันยาว แกเลยเอาปากอมปากกระบอกและเอาเท้าเหนี่ยวไกปืน ปรากฏว่ายิงไม่ออก ในเอวแกมีเบี้ยหลวงพ่อคำเลี่ยมเงินเก่าอยู่ตัวเดียวครับ

ปรอทเต็มแน่นปึ๊กครับ

แท้ทั่วโลกกก..เก๊คืนเต็ม แถมพระให้อีกต่างหาก

........เบี้ยแก้แท้ๆตัวจริงๆแล้วไม่มีใครขายถูกน่ะครับ เพราะแท้ดูง่ายๆเดี๋ยวนี้หายาก เบี้ยแก้ถ้าไม่ชำนาญ....โดนนนนนน แน่......นอน ไม่รีบขายครับ 55 ยินดีเก็บยาวๆ เดี๋ยวนี้เจอเก๊ห้าสิบตัว อาจจะเจอแท้จริงๆแค่ตัวหรือสองตัวครับ

 

เพื่อความสะดวกในการติดต่อครับ มีไลน์ทั้งสองเบอร์ครับ 083-6139417 ,,,,083-3809064



.....บัญชีสามารถโอนเงินได้ 2 บัญชี.....

บัญชี ธนาคารกรุงเทพ - ออมทรัพย์
เลขบัญชี 368-042-432-6
ชื่อ นายกฤษ พันธุ์ไม้
สาขา วิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง

............................................................................


บัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขา อยุธยา
เลขที่ 101-0-56176-6
ชื่อบัญชี ประจักษ์ พันธุ์ไม้
บัญชี ออมทรัพย์


.............มาตรฐานทางร้าน.............

.......ทางร้านเน้นพระแท้เท่านั้น....และต้องแท้สากลนิยม ทั้งพระท้องถิ่น และพระหลักสากลทั่วไป...เน้นพระมีประสบการณ์จริง จากพื้นที่ จากคนพื้นที่สืบต่อกันมา และ บางองค์ ยังมีคนยืนยันถึงประสบการณ์ได้ เน้นพระเหรียญเก่าก่อนปี 2500 และเหรียญนิยมพื้นที่อ่างทอง อยุธยา .....พระในสายหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน เล่นเฉพาะที่มีข้อยุติจุดจบ ด้วยโค้ดมาตรฐาน ท ไม่มีหัว วศด และลายมือหลวงพ่อ และ ของโรงเรียนสร้างถวาย และหน่วยงานที่เล่นแล้วจุติ จบ ได้จริง ตามหลักฐานเหตุผลที่ยืนยันได้จริงว่าเล่นแล้วปลอดภัย ไร้ของเสริม พระทุกองค์ของทางร้านรับประกัน แท้ ตลอดชีวิต ทุกหลวงพ่อ ด้วยมาตรฐานที่ยอมรับตามสากลนิยม ลายมือหลวงพ่อทรงทุกองค์ รับประกันให้ด้วยตลอดชีพ.................................


การจองพระ


จองได้ไม่ต้องมัดจำ ถ้าไม่เกิน 2 วัน ถ้าจองเกิน ขอมัดจำ 10 เปอร์เซน(ราคาเกิน 2000 บาทขึ้นไป) และรบกวนขอแจ้งวันโอนให้ชัดเจนครับผม

 

......................................................ทองหนา........................

 

เหรียญรุ่น 2 ลงยา

หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน
โอนให้แล้วนะครับ รายละเอียดใน PM

 

รับทราบครับผม ขอบคุณครับ

 

โอนเงินไปให้แล้วนะครับ เข้าบัญชีกรุงไทยครับ
เวลา 12.05น. จำนวน 900.09บาทครับ ส่งที่เดิมครับ..

 

รับทราบครับผม(k)

 

พี่เบนครับ ยังมีเหรียญรุ่น2ของหลวงพ่อทรงให้บูชาอีกไหมครับ ถ้ามีอยู่ขอจอง1องค์ครับ

 

รับทราบครับ

 

ขอทราบราคาบูชาหน่อยครับ

ขอบคุณครับ

 

.......................................

 

เหรียญรุ่นแรก ปี 2506 มากประสบการณ์


หลวงพ่อกุ่ม วัดฝาง


พุทธคุณทางสะกด คงกระพัน งงงวย




สุดยอด อาคมขลัง แห่งแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ อีกหนึ่งท่าน หลวงพ่อกุ่ม วัดฝาง 2506 ที่เก็บไว้บางส่วนครับ...เน้นโชว์ และศึกษาครับ วิชา มหานิยม มหาเสน่ห์ คงกระพัน มหาอุต์เลื่องลือมากสมัยนั้นครับ เสกก้อนเนื้อเป็นต่อแตน บังฟัน ข้าวสารเสกมัดหุ่นพยนต์ ถ่ายรูปไม่ติด ปล่อยวิชาด้วยลูกไฟ ลงทอง 300 แผ่น เสกกะโหลกสุนัขเฝ้าบ้าน ตระกรุดมนุษย์ ยักษ์เลื่องลือ ลงสาริกาที่ฟันฟันไม่ผุ ลงแผ่นทองติดกะโหลก เสกควายธนูฝุ่นตลบ ฯลฯ แล้วตามอ่านนะครับ ประวัติจริง ไม่อิงนิยาย มีพยานยืนยัน ไม่นั่งเทียนเขียน ครับ.....คนรอกันเพียบ พระมากอภินิหารระดับท่าน รวบรวมได้ไกล้เต้มที อีกไม่กี่อึดใจเรียบร้อย ในพระคณาจารย์เมืองวิเศษฯชัยชาญ ผู้คนสอบถามมามากๆเกี่ยวกับประวัติจริงๆของหลวงพ่อกลุ่ม วัดฝาง เพราะหลายๆท่านคิดว่าท่านเป้นพระคณาจารย์ลึกลับ ที่โด่งดัง และที่แปลกหู คือ ตระกรุด มนุษย์ ยักษ์ ชื่อแปลกดี ไม่เคยได้ยินที่ไหน และ ลักษณะหลวงพ่อท่านมีลักษณะเด่น น่าเลื่อมใส พอผมบอกว่าจะเขียน เรื่องท่านก็มีคนถามมามากมายครับ เพราะยังไม่เคยมีใครเขียนแบบเจาะลึกเป็นเรื่องราวและลงเผยแพร่เลย ได้ยินแต่คำเล่าลือ ครั้งนี้ด้วยความศรัทธาของผม ที่พอยิ่งทำประวัติท่านก้ยิ่งทึ่ง และอยากทำต่อไปจนจบให้สมบูรณ์ที่สุดครับ ผมจึงดั้นด้นไปหลายที่ต่างจังหวัด ต่างอำเภอ ใช้เวลาและหาเวลาเท่าที่จะอำนวยรวบรวมไว้ เพื่อปฏิปทาของท่านได้ไม่เสื่อมสลาย สูญหายไปกับการเวลา ต่อไปถ้าไม่ทำไว้คนอาจจะทราบแค่ว่า ท่านมีวัตถุมงคลอะไรบ้าง ดีอย่างไร มีประสบการณ์มากมายขนาดไหน แต่ไม่ทราบต้นตอที่มาที่ไป ของหลวงพ่อซึ่งสร้างวัตถุมงคลฝากไว้ ให้ลูกหลานได้บูชากัน ..... จึงเป็นที่มาของ... ประวัติหลวงพ่อกลุ่ม พุทธิญาโณ วัดฝาง หลวงพ่อกลุ่ม พุทธิญาโณ พระคณาจารผู้วิเศษ แห่งแขวงเมืองวิเศษชัยชาญที่เหล่าศิษย์ยานุศิษย์ เคารพยำเกรงในตบะบารมีเป็นอย่างยิ่งครับ ท่านเป็นผู้เรืองด้วยเวทย์วิทยาคม ที่หาคนเสมอเหมือนไม่ง่ายนักในสมัยนั้น เปรียบได้ดังพญาราชสีในป่าลึก เรื่องสรรพวิชาไสยเวทแล้วเรียกได้ว่าเป็นผู้ขมังเวทย์ หรือเจนจบในเวทวิทยาคมอย่างยิ่ง ถ้าผู้คนทราบถึงกิตติศักดิ์ท่านแล้ว คำกล่าวที่ผมกล่าวมานั้นมิได้เกินจริงแต่อย่างใด ท่านจะทราบได้ถึงความเลื่อมใส ว่าชาวบ้านศรัทธาท่านมากมายขนาดไหน แต่น่าเสียดาย ที่หลวงพ่อค่อนข้างเก็บตัวครับ ไม่ค่อยยุ่งกับใครมากนัก แต่ท่านก็กระทำกิจของสงตามสมณสารูป ที่ควรกระทำ หลวงพ่อถึงจะมีอุปนิสัย เป็นคนจริงเป้นนักเกรงแบบเต้มตัว แต่ทว่าจริยาวัตรกิริยาท่านในเพศบรรพชิต เท่าที่สอบถามมาจากพระผู้ใหญ่หลายท่านที่ทันหลวงพ่อก้ทราบว่า หลวงพ่อท่านเป๋นพระเรียบร้อย พูดจาอ่อนหวานกับผู้คนทั่วไป ในช่วงหลังๆนี้ท่านคงละวางเรื่องทาง ตบะหรือบารมีแบบอำนาจลงไปครับ ตามความคิดเห็นของผมเอง ประสบการณ์ในพระเครื่องและสรรพวิชาของท่านนั้นมากมาย ลูกศิษย์ลูกหา เห็นกับตาจนขนหัวลุกมาก็เยอะ.. หลวงพ่อกุ่มท่านทำอะไรก้ขลัง เสกอะไรได้ดั่งใจนึก ผมเสาะแสวงหาสอบถามจากลุกศิษย์หลายท่านที่ทันหลวงพ่อ และได้ข้อมูลจากพี่โน้ต วิเศษฯ ที่สอบถามเรื่องราวต่างๆมาด้วย ส่วนเรื่องที่นำมาลงเผยแผ่เกียติรคุณขององค์หลวงพ่อนั้น ทุกเรื่องมาจากคำบอกเล่าจากศิษย์ไกล้ชิดหลวงพ่อที่มีตัวตนอยู่หลายท่านและเป้นเรื่องจริงที่แต่ละท่านประสบมาเองเสียส่วนมาก ได้กรุณาเล่าให้ฟัง และสละเวลาทำมาหากินของท่านเหล่านั้นอย่างมาก ผมต้องกราบขอบพระคุณท่านเหล่านั้นมา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ เรื่องราวต่างพอผมฟังแล้ว น่าขนลุกและเกิดความศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อมากมายเป็นทวีคูณทีเดียว ทั้งคงกระพัน มหาอุตม์ และเรื่องวิชาเสน่ห์ของท่านนั้น ช่วยคนไว้ไม่น้อยครับ ถึงขนาดว่าท่านลงวิชามหานิยมให้ สุดท้ายทนไม่ไหว ต้องไปถอนออกเลยทีเดียว เดี๋ยวจะเล่าต่อไปครับ........ หลวงพ่อกลุ่ม พุทธิญาโณ นามเดิมขณะที่ยังเป็นฆราวาสคือ กลุ่ม ตาดแจ่ม แต่ต่อมาได้เปลี่ยนนามสกุลเป็นเนตรทรงผล ชื่อบิดามารดาประวัติ เลือนลางสืบไม่แน่ชัด ชาตะเมื่อวันพุธที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2440 ตรงกับวันขึ้น3ค่ำเดือน7 ปีระกา เป็นคนพื้นเพอยู่ระแวกวัดฝาง อ. วิเศษชัยชาญ เหตุที่ได้ชื่อว่ากลุ่มนั้นมาจากนิ้วชี้,กลาง,นางข้างซ้ายและนิ้วนางข้างขวาได้ปุกคล้ายลูกกลุ่มมาตั้งแต่กำเนิด รูปพรรณสันทัด ผิวดำขลับอุปนิสัย เป็นคนใจกล้า ไม่ยอมคน หลวงพ่อกลุ่มเพียรศึกษาวิทยาคมตั้งแต่เป็นฆราวาสโดยเฉพาะทางไสยดำและขาว ทั้งตำราผูกและตำราแก้กับหลายคณาจารย์อาทิเช่น หลวงพ่อวัดประจำรัง ผู้ถ่ายทอดวิชาตะกรุดมนุษย์-ยักษ์ ที่เลื่องลือ พระเทพมุณี วัดบางเหี้ย,พระครูขำ วัดไร่แตงโม,ในโองการไหว้ครูประจำปี ของหลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ท่านนับร้อย รวมถึงหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และฆราวาสอีกหลายท่าน หลวงพ่อได้อุปสมบทที่วัดฝาง เนื่องด้วยเป็นผู้เรืองด้วยเวทย์วิทยาคม ท่านจึงมีศิษยานุศิษย์มากมาย จนทำให้วัดฝางสมัยนั้นเจริญรุ่งเรืองด้วยบารมีท่านตามไปด้วย (สมัยนั้นถนนไปวัดไม่มี หนทางไปวัดฝางได้โดยทางเรือกับเดินลัดเลาะคันนา) แต่หากพูดถึงวัดฝางสมัยนั้นก็เปรียบได้เสมือนที่บำบัดทุกข์ของประชาชนเลยทีเดียว ผู้คนที่เดือดร้อนไม่ว่าสารพัดโรค ทั้งโรคทางไสยศาสตร์ แพทย์แผนโบราณ ท่านสงเคราะห์โดยถ้วนทั่ว.. หลวงพ่อกลุ่มได้ล้มป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจ ทำให้ไอบ่อยมาก ตลอดจนเวลาในการจำวัดแทบไม่มี เพราะมีผู้คนเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก ทำให้สุขภาพหลวงพ่อแย่ลงจนผ่ายผอม ท่านได้ละสังขารในวันเสาร์ที่ 5 พ.ศ.2510 ปีมะเมีย คล้อยจากวันฉลองอายุครบ70ปีไม่กี่วัน ท่านมรณะในเรือหางยาวพุทธิญาโณ ของท่านด้วยอาการสงบท่ามกลางความโศกเศร้าของศิษยานุศิษย์ที่ตามปรนนิบัติไม่ห่าง ..........เดี๋ยวมาต่อ.............ครับ มีอีกเยอะ อิอิ.... ผมได้เคยกล่าวไปแล้วว่าหลวงพ่อท่านเป้นเสือเก่าเป้นนักเลงมาก่อนที่จะบวช....ท่านเรียนวิชามาตั้งแต่เป็นฆารวาส เรื่องนี้เป้นเรื่องที่ลุกศิษย์ไกล้ชิตหลวงพ่อได้ถ่ายทอดเรื่องราวไว้ครับ .....รอดจากคุกเพราะวิชา....(เรื่องราวนี้เกิดขึ้นสมัยวัยหนุ่ม ก่อนท่านบวช) เมื่อก่อนตอนสมัยหลวงพ่อกลุ่มท่านยังไม่ได้บวช ซึ่งอุปนิสัยของท่านเป็นคนจริง ไม่ยอมคน ใจกล้า เที่ยวปล้นคนรวยที่โกงชาวบ้าน เอาไปช่วยคนยากไร้ จนถูกล้อมจับหลายครั้ง แต่ทุกครั้งท่านก้รอดคมกระสุนมาได้ แต่พอปล้นไป นานเข้า เกิดล้อมจับบ่อยๆท่านเกิดความเบื่อหน่ายไปเอง ครั้งล่าสุดก่อนที่ท่านจะถูกจับ ท่านก้ถูกตำรวจล้อมอีก แต่ครั้งนี้ท่านไม่หนี ยอมให้จับแต่โดยดี เพราะไม่อยากหนีอีกแล้ว ถ้าหนีก้หนีกันไม่จบสิ้น หลวงพ่อท่านจึงยอมติดคุกที่จังหวัดนครปฐม แต่ท่านติดอยู่ได้ไม่นานครับ วันที่ท่านถุกปล่อยตัวก็มาถึง ในวันนั้นเมียของผู้คุมท่านหนึ่ง เกิดเจ็บท้องไกล้คลอดแต่เด้กไม่ยอมออก ผู้คุมเลยประกาศว่า ถ้าใครช่วยเมียของเขาได้ เขาจะหาทางปล่อยตัวให้ได้ หลวงพ่อกุ่มท่านจึงรับอาสา โดยทำน้ำมนต์แล้วเอามงคลคล้องคอใส่ลงไปในขันน้ำมนต์ และให้เมียผู้คุมดืมลงไป ไม่นานเด้กก้ออกมาอย่างง่ายดาย โดยมีมงคลคล้องคอเด็กออกมาด้วยหลวงพ่อกุ่มท่านจึงเป็นอิสระตั้งแต่นั้นมา.... ลองวิชา (เหตุการเกิดขึ้นก่อนท่านบวช) หลังจากหลวงพ่อกลุ่ม ได้รับการอภัยโทษออกมาแล้ว ด้วยวัยหนุ่มท่านจึงเกิดอยากลองของ และทบทวนวิชาที่ได้เล่าเรียนมา ท่านลองวิชาโดยการยืนพนมมือบริกรรมคาถาอยู่บนคันนา หันหน้าไปทางทิศตะวันออก พักหนึ่งก็มีหญิงสาวหน้าตาดี ตามท่านมา และมาอยู่ที่วิเศษชัยชาญกับท่านด้วย ต้องบอกก่อนว่าก่อนท่านเข้าสู่เพศบรรพชิตนั้น ท่านใช้ชิวิตส่วนมากช่วยคน และภรรยาท่านเยอะครับ ตามแบบฉบับคนโบราณในเพศฆารวาส(แต่อาจจะไม่ทุกคนน่ะครับ) เรื่องวิชาเสน่ห์นี้ เป็นวิชาที่มีมาแต่โบราณครับ สมัยเก่าก่อน ทั้งพระและฆารวาสล้วนเป้นวิชา พอตัว ถ้าเป็นฆารวาสก้หนักไปในทาง คงกระพัน มหาเสน่ห์ แล้วแต่ว่าไปเรียนกับใคร และจะได้อะไรมา ยิ่งเสือปล้น หรือ คนที่ต้องเสี่ยงภัย มักมีวิชาพอตัวทีเดียว ทั้งกำบังกาย จังงัง มหาอุตม์ และที่สำคัญคนสมัยก่อนนั้นเขาหนังดี และดีจริงๆน่ะครับ คือเหนียวจริง ไม่ใช่แบบสมัยนี้ ถ้าใครถือได้ ใจมั่นคง มีสัจจะ แบบคนโบราณรับรองว่าขลัง หลวงพ่อก้เช่นกัน ได้ร่ำเรียนมาด้วยอย่างแตกฉานทีเดียว เดี่ยวยังมีต่อ...จะเล่าไปเรื่อยๆครับ หลังจากหลวงพ่อกลุ่มท่านมาอยู่วิเศษฯ ท่านได้ประกอบอาชีพทำสวน ทำนา เหมือนๆชาวบ้านในละแวกนั้นทั่วไป และใช้วิทยาคมที่ร่ำเรียนมาช่วยชาวบ้านไปด้วย วันหนึ่งๆจะมีคนมาให้หลวงพ่อรักษา ช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก และอีกอย่างหนึ่งคือหลวงพ่อท่านเรียนวิชาแพทย์แผนปัจจุบันไว้ด้วย เพื่อคอยฉีดยารักษาชาวบ้าน โดยไม่คิดเงินทองครับ ..........ต่ออีกหน่อยครับ........ ขอ้มูที่ได้มานี้มาจากคำบอกเล่าของศิษย์ที่ทันและได้เคยรับใช้หลวงพ่อที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ในขณะนี้บางท่านที่ให้ข้อมูลก็เสียชีวิตไปแล้ว จึงขอบันทึกไว้ และอย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เขียน ผมว่าไปตามเนื้อผ้า เล่ามาอย่างไรใจความอย่างไรไปแบบนั้นไม่มีการใส่ สี ตีไข่ เขย่าข้อมูลให้เพีี้ยนไป มาแบบไหนไปแบบนั้นครับ......ต่อๆ................................ถอนคุณไสย.................. สำหรับหลวงพ่อกุ่ม เรื่องเหนือธรรมชาติ เกินวิสัยที่คนทั่วไปจะทำได้นั้นหลวงพ่อมีความชำนาญมาก เรียกได้ว่าขลังจริง สมัยก่อนมีทั้งพระและฆารวาสที่ขมังเวทย์จริงๆนั้นเยอะ เก่งจริงก็มาก ถ้าหลวงพ่อไม่แน่จริง จะแก้ของเขายาก ยกตัวอย่างเบี้ยแก้เป็นต้น คนที่ทำได้ต้องอาคมแก่กล้ามากทีเดียว ไม่อย่างนั้นแก้ และคัดของเขาไม่ได้น่ะครับ พระคณาจารย์สมัยก่อน ที่ทำเบี้ยออกมา ต้องเจ๋งจริง ดังนั้นพระเกจิสมัยก่อนที่ทำเบี้ยแก้จึงถูกลองของเป้นประจำ เอาเป้นว่าโดนบ่อย จนชิน เพราะถ้าทำเบี้ยได้แสดงว่าแน่ หลวงพ่อกลุ่มเองท่านก้มีเบี้ยแก้นะครับ เป็นเบี้ยอุดเทียน และดินเจ้ดป่าช้า เดี๋ยวจะไปต่อในเรื่อง วัตถุมงคลของท่าน มีพี่ๆในนี้ได้ไปนับคนได้.....เรื่อถอนคุรไสยของหลวงพ่อนี้มีหลายเรื่องวันนี้เช้าๆว่างพิมพ์ เอาไปหนึ่งเรื่องก่อนครับผมจะยุ่งมากช่วงนี้..... เรื่องนี้เหตุเกิดกับคนตลาดไหม่ ซึ่งเป้นลูกสิษย์หลวงพ่อ เขาพาลูกสาวซึ่งมีอาการท้องโตผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ ดิ้นทุรนทุราย มาให้หลวงพ่อช่วย หลวงพ่อเห็นดังนั้น จึงเรียกให้ลูกศิษย์ไปตักน้ำ มาทำน้ำมนต์แล้วช่วยกันขึงสายสิญจ์ จากนั้นก็ช่วยกันจับหญิงสาวรายนี้ไว้ให้เข้าไปนั่งในวงสายสิญจ์ แล้วหลวงพ่อเริ่มทำพิธี โดยเสกมงคลคล้องคอ แล้วอาบน้ำมนต์ให้ ปรากฏว่าท้องที่โตนั้น ยุบลงหายเป้นปลิดทิ้งทันตา หลวงพ่อ็ให้กลับบ้าน และสั่งไว้ว่า เมื่อไปถึงบ้านแล้วอย่าเพิ่งถอดมงคลที่คล้องคอ ออก เพราะคนทำมันยังไม่ลามือง่ายๆ และก้เป็นดังที่หลวงพ่อท่านกล่าว หลังจากกลับไปที่บ้านสองสามวัน หญิงสาวดันถอดมงคลคล้องคอออก ปรากฏว่าท้องดันป่องขึ้นมาอีก พวกญาติๆก็รีบพามาหาหลวงพ่อกุ่มอีก หลวงพ่อพอเห้นแบบนั้น ท่านก็พุดขึ้นมาว่า "สงสัยจะมีคนลองดีข้าเข้าแล้ว" ท่านเลยสั่งให้ลูกศิษย์ ไปเอาดินเหนียวมาให้ท่าน พอได้ดินมาเรียบร้อย หลวงพ่อก้นั่งปั้นเป็นรูปควายพร้อมบริกรรมคาถากำกับ แล้วหลวงพ่อก็เอามีดหมอจิ้มไปที่รูปปั้นควาย และบริกรรมคาถากำกับไปเรื่อยๆ จนรูปปั้นควายที่ท่านปั้นนั้น หดเล็กลงจนเท่าเม็ดถั่วเขียว พอหลวงพ่อท่านละมีดหมอออก ควายตนนั้นก็หายไปกับตา จากนั้นท้องของผู้หญิงคนนั้นก้แฟบลงดังเดิม และก้ไม่กลับมาป่องอีกเลย .........เรื่องนี้มีคนอยู่ในเหตุการหลายคนครับ ก้อย่าเพิ่งเชื่อผม ........อ่านโดยไตร่ตรองครับ.....แต่เหตุการนี้เกิดขึ้นจริงกับคนตลาดไหม่และอีกหลายคน ดังที่ผมบอกว่า ยิ่งสืบประวัติ ผมยิ่งนับถือท่านมากเป็นทวีคูณ เรือ่งวัวธนูกับหลวงพ่อกลุ่มนี้ หลวงพ่อเสียนวัดมะนาวหวานท่านเคยเล่าให้ผมฟังเอง ว่าหลวงพ่อกลุ่มท่านปั้นวัวธนู พอปล่อยมือนี่ฝุ่นตลบเลย คือท่านเสกเป้นตัวได้จริงดังใจนึก .........เฝ้าบ้านไม่ต้องกลัวของหาย ไปไหนมาไหนเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ได้เลย.........คนโบราณท่านขลังจริง.....

ตามสภาพ ครับ


ราคาสอบถามมมมมมมมมมมมมมมม